มูมู่น้อย มันคงเป็นความรู้สึกชั่ววูบเดียว แต่ถ้าย้อนเวลาได้มันอาจไม่เกิดขึ้น คิดถึงคนที่เขารักเรานะ เขาจะรู้สึกอย่างไรถ้าเราทำอย่างนั้น
RrMz`,, ถ้าเราไม่ยอมแพ้ สักวันต้องมีมือของใครบางคนจูงเราไปพบกับความอบอุ่นนะครับ
น้องแม้ว ถ้าไม่เช่นนั้นโลกเราจะวุ่นวายขนาดนี้หรือ
***********************************************************************
ตอนที่ 40
เป็นครั้งแรกที่เห็นตั้มร้องไห้ ทำมัยมันถึงต้องร้องไห้ด้วย ในเมื่อมันไม่ได้คิดว่าเราสำคัญที่สุดของมันนี่นา คนที่สำคัญกับมันที่สุดน่าจะเป็นคนนั้นมากกว่า แต่ทำมัยพอเห็นน้ำตามันแล้ว มันเห็นแล้วใจมันโหวงๆยังงัยก้อไม่รู้ ตอนนั้นเผลอเอามือไปเช็ดน้ำตาให้มัน เห็นน้ำตามันแล้วจะร้องไห้ตาม
“ตั้ม อย่าร้องไห้ดิ กานต์ทนไม่ได้อย่าร้องไห้นะ กานต์ขอร้อง”
“สัญญากับตั้ม อย่าทำอย่างนี้อีก ถ้ากานต์ไม่อยากเห็นตั้มร้องไห้”
“ได้กานต์สัญญา กานต์จะไม่ทำอย่างนี้อีก”
จนแล้วจนรอด ตั้มก้อไม่ยอมปริปากถึงสาเหตุที่ทำให้ต้องคบกับแนน แต่ในที่สุดผมจึงได้รู้จากไอ้นนท์ เพราะไอ้นนท์เป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดของตั้ม มันจึงรู้เรื่องทุกอย่างตลอดมา มันบอกว่าพยายามที่จะพูดให้ผมฝังแล้ว แต่ผมไม่เคยฟังมันเลย
เนื่องจากครอบครัวตั้ม เป็นครอบครัวที่ค่อนข้างเคร่งศาสนามาก ดังนั้นตั้มจึงถูกสอนมาแต่เด็กว่าผู้ชายต้องคู่กับผู้หญิง การมีเพศสัมพันธ์ก่อนที่จะมีการรับศีลกล่าว คือการแต่งงานอย่างถูกต้องนั้นถือว่าเป็นบาป ดังนั้นทุกครั้งที่มันมีอะรัยกับผม มันจะรู้สึกผิด และมักจะไปแก้บาปกับพ่ออธิการเป็นประจำ โดยที่คุณพ่อเองมักจะสอนมันเป็นประจำหลังจากที่มันแก้บาปแล้ว ว่าความรักไม่ใช่แค่การมีเพศสัมพันธ์ ความรักคือการผูกพันของใจสองใจมากกว่า
เวลานั้นตั้มรู้สึกสับสน ทุกครั้งที่แก้บาปตั้มมักจะแอบร้องไห้ ที่ตั้มไปคบแนนนั้น เพราะว่าตั้มบอกว่ายังไม่แน่ใจว่าความรู้สึกที่มีให้ผมนั้นคืออะรัยกันแน่ โดยตั้มเองได้เล่าเรื่องผมให้แนนฟังด้วย จริงๆแล้ว ตั้มกับแนนเป็นเพื่อนกันมาตั้งนานแล้ว ตอนที่แนนรู้ ว่าผมรู้เรื่องและเริ่มทำอะรัยประชดตั้มนั้น
แนนขอเลิกกับตั้ม แต่ตั้มบอกว่าถ้าแนนเลิกกับตั้ม ตั้มคงต้องคบกับผู้หญิงอื่นอยู่ดี ถ้าตั้มยังคบกับแนนต่อไป ตั้มยังสามารถที่จะคุยกับผมได้ ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่น เขาคงจะไม่ยอม
พอได้ยินเรื่องทั้งหมดจากนนท์ ผมรู้สึกว่า นี่ผมทำอะรัยลงไปเนี่ย ที่ผมทำลงไปเพื่ออะรัย ทำเพื่อให้คนที่ผมรักต้องเจ็บ ทั้งที่เขาเจ็บขนาดไหน แต่เขาไม่เคยปริปาก เพราะไม่อยากให้ผมต้องมาทุกข์เพราะเขา แต่ผมเองกลับแปรเจตนาของเขาผิดไป
ความรู้สึกตอนนั้นคือ เราเองใช่มั้ยที่ทำให้เรื่องมันเลวร้ายลงไปขนาดนี้ เราเองใช่มั้ยที่ผลักไสเขาให้ห่างออกไป เป็นเราเองที่ทำลายความรักของเราสองคน ถึงอยากจะกลับไปเหมือนเดิม ก้อคงทำไม่ได้ เพราะเราเลวมากเกินไป เราทำร้ายคนที่เรารักทั้งที่เขาพยายามทุกอย่าง เพื่อเรื่องของเรา ถ้าหันกลับไป เขาคงยินดี แต่ตัวเราเองไม่มีค่าพอที่จะได้รับความรู้สึกนั้นอีกแล้ว เขาดีมากเกินไปสำหรับเรา คงทำได้แค่ มองเวลาที่เขามีความสุข
เมื่อเราก้าวพลาดไปแล้ว คงไม่กล้าที่จะหันกลับไป คงได้แต่ยินดีที่เขาจะได้พบคนที่ดีกว่าเรา
*****************************************
ตอนสุดท้ายแล้วนะครับ
*****************************************
ตอนที่ 41 (อวสาน)
หลังจากที่ผมเข้าใจเรื่องทั้งหมดแล้ว ผมคุยกับตั้ม แต่ไม่เหมือนเดิมแล้ว เพราะตอนนี้ผมไม่ดีพอสำหรับมันแล้ว สิ่งต่างๆที่ผมทำลงไป ถึงมันจะไม่พูดถึง ผมเองรู้สึกไม่ดีเลย จนกระทั่งเมื่อใกล้ที่จะเรียนจบปวช.3
“กานต์ เดี๋ยวกานต์ไปสอบที่พระนครเหนือด้วยกันมั้ย” ตั้มถามผมขึ้นมาในวันหนึ่ง
“คงไม่ล่ะ”
“อ้าว แล้วกานต์จะไปเรียนต่อที่ไหนล่ะ”
“ไม่รู้ดิ แต่คงจะไม่เรียนช่างแล้วล่ะนะ”
“ทำมัยถึงไม่เรียนล่ะ”
“คือไม่อยากเรียนตั้งแต่แรกแล้วละ ตอนนี้เลยว่าจะเปลี่ยนสายเรียน”
“นึกว่าจะได้ไปเรียนด้วยกันซะอีก”
จะให้บอกได้ยังงัยครับ ว่าที่ผมไม่อยากเรียนช่างต่อเพราะว่าผมไม่อยากเจอมันอีกต่อไปอีก ถ้ายังต้องเจอมันอีก ผมคงตัดใจจากมันไม่ได้ เมื่อเราไม่ดีพอสำหรับเขาแล้ว ผมอยากห่างออกมาเพื่อที่จะไม่ต้องทรมานมากไปกว่านี้
เมื่อเรียนจบปวช. ต่างคนต่างก้อมีทางเดินของตัวเอง ผมเองติดต่อกับตั้มบ้าง แต่ไม่ค่อยบ่อยมาก จนกระทั่งต่างคนต่างเรียนจบ วันหนึ่งที่ผมกลับมาที่บ้านม้าเอาการ์ดมาให้ผมเป็นการ์ดงานแต่ง พอเห็นชื่อที่อยู่หน้าการ์ด ทั้งที่ทำใจมาตั้งนานแล้ว แต่มันก้อยังรับไม่ค่อยได้ รู้สึกเสียใจอยู่เหมือนกัน
“กานต์ มึงจะไปเป็นนักขับให้ตั้มมันป่าว”
“กูก้อต้องไปดิ เพื่อนจะแต่งงานทั้งที กูจะไม่ไปได้งัย”
“แล้วมึงจะไหวหรอ”
“เป็นรัยจะไม่ไหว กูไม่ได้เป็นอะรัยนี่นา”
วันที่ตั้มจะรับศีลกล่าวกับแนน ก้อคือการทำพิธีแต่งงานตามแบบศาสนาคริสต์ ผมต้องไปเป็นนักขับ คือนักร้องที่ร้องเพลงในโบสถ์ระหว่างพิธี ผมเตรียมใจมาแล้ว พยายามที่จะทำใจ เพลงเริ่มพิธีที่ผมร้องเนื้อเพลงคือ
“เรามาประชุมด้วยความยินดี
ร่วมในพิธีที่พระเจ้านั้นโปรดประทาน
เจ้าบ่าวเจ้าสาว เป็นกายเดียวกัน
ร่วมจิตร่วมใจให้ถาวรสุขนิรันดร์
เราจึงพากันร้องเพลงสรรเสริญ
ขอให้ทั้งบ่าวสาวมีความสุขเจริญ
ขอพระเป็นเจ้าให้เขาทั้งสอง
ได้อยู่คู่ครองตามโอวาทพระคริสต์เจ้า”
ผมร้องไปด้วยความยากลำบาก ถึงจะทรมานใจยังงัย ก้อจะทนเพื่อเพื่อนที่เรารักมากที่สุด ในเมื่อวันนี้เป็นวันสำคัญของเขา สิ่งนี้คงเป็นสิ่งเดียวที่เราจะทำเพื่อเขาได้ พอร้องจบตอนนั้นไม่ไหวแล้ว ต้องขอตัวเข้าไปที่หลังพระแท่น บอกกับเพื่อนว่าไม่ค่อยสบายเหมือนจะอ้วก
พอเข้าไปข้างหลังพระแท่น ผมร้องไห้ออกมา ระหว่างที่ผมร้องไห้ ไอ้นนท์เดินเข้ามาหาผม
“ไหวป่ะกานต์ถ้าไม่ไหวไม่ต้องออกไปก้อได้นะ”
“ไหวดิ วันนี้วันสำคัญของเพื่อนนะ จะทำให้เพื่อนไม่สบายใจได้งัย”ผมฝืนยิ้มตอบให้นนท์
ในที่สุดมันก้อมาถึงตอนที่ผมไม่อยากให้มาถึงมากที่สุด คือตอนที่ทั้งคู่ปฏิญาณว่าจะรักกัน คำสัญญาที่กล่าว แหวนที่สวมลงไปบนมือของทั้งคู่ ทำมัยคนนั้นถึงไม่เป็นเรา คิดได้แค่เท่านั้นเอง ไม่สามารถคิดอย่างอื่นได้อีกแล้ว
ทนเท่านั้นก้อแย่แล้วตกกลางคืนยังต้องไปงานเลี้ยงอีก ระหว่างที่นั่งกินเลี้ยงญาติไอ้ตั้มเดินมาหาผม ขอให้ขึ้นไปร้องเพลงบนเวที นี่มันวันอะรัย จะตายอยู่แล้ว จะต้องลากสังขารขึ้นไปร้องเพลงอีก
เพลงที่ผมเลือกในวันนั้นเป็นเพลงที่ตรงกับใจผมมากที่สุด พูดง่ายๆว่าพออินโทรขึ้นทั้งเจ้าบ่าว เจ้าสาว และเพื่อนผมทุกคนมันหันมามองกันเป็นตาเดียวทั้งหมด
วันที่เวียนเปลี่ยน วันที่เลยผ่าน รัก คงมั่น
เราไม่เคยห่าง เคียงคู่ชิดใกล้ ทุก เวลา
ยอมทิ้งความฝัน ยอมทุกทุกอย่าง ให้กันและกัน
เพียงได้เคียงข้าง เพียงได้ร่วมทาง โอ้ รักนิรันดร์
ก่อนเคย คิดว่ารักต้องอยู่ ด้วยกันตลอด
เติบโต จึงได้รู้ความจริง
หากเคียงชิดใกล้ (แต่เธอต้องทิ้งทุกอย่างเพื่อฉัน)
ประโยชน์ที่ใด (หากรักทำร้ายเธอเอง)
หากเดินแนบกาย (มีพลั้งต้องล้มลงเจ็บด้วยกัน)
ห่างเพียงนิดเดียว (ให้รักเป็นสายลมผ่าน ระหว่างเรา)
แบ่งที่ว่าง ตรงกลางไว้คอย
เพื่อให้เธอ ได้ตามหาฝัน ของเธอ
เรียนรู้รักอย่าง รู้คุณค่า ฝัน ไม่ไกล
บินไปตามทาง หาดวงตะวัน ที่ เธอต้องการ
ไม่มีฉุดรั้ง ไม่มีดึงดัน เรา เข้าใจ
รักยังแสนหวาน รักยังไม่เปลี่ยน เคียง คู่กัน
ก่อนเคย คิดว่ารักต้องอยู่ ด้วยกันตลอด
เติบโต จึงได้รู้ความจริง
หากเคียงชิดใกล้ (แต่เธอต้องทิ้งทุกอย่างเพื่อฉัน)
ประโยชน์ที่ใด (หากรักทำร้ายเธอเอง)
หากเดินแนบกาย (มีพลั้งต้องล้มลงเจ็บด้วยกัน)
ห่างเพียงนิดเดียว (ให้รักเป็นสายลมผ่าน ระหว่างเรา)
แบ่งที่ว่าง ตรงกลางไว้คอย เพื่อให้เรา ได้ตามหาฝัน
วันเวลาที่เรา ห่างไกล
ความเข้าใจ จะทำให้เราใกล้กัน
กลับกลาย เปลี่ยนเป็นพลัง
โว้วูโหว่หวูโว้
หากเคียงชิดใกล้ (แต่เธอต้องทิ้งทุกอย่างเพื่อฉัน)
ประโยชน์ที่ใด (หากรักทำร้ายเธอเอง)
หากเดินแนบกาย (มีพลั้งต้องล้มลงเจ็บด้วยกัน)
ห่างเพียงนิดเดียว (ให้รักเป็นสายลมผ่าน ระหว่างเรา)
หากเคียงชิดใกล้ (แต่เธอต้องทิ้งทุกอย่างเพื่อฉัน)
ประโยชน์ที่ใด (หากรักทำร้ายเธอเอง)
หากเดินแนบกาย (มีพลั้งต้องล้มลงเจ็บด้วยกัน)
ห่างเพียงนิดเดียว (ให้รักเป็นสายลมผ่าน ระหว่างเรา)
แบ่งที่ว่าง ตรงกลางไว้คอย
เพื่อให้เรา ได้ถึงดั่งฝัน ร่วมกัน
ความรักไม่ต้องการการครอบครอง ขอเพียงรู้ว่าใจเราอยู่กับใคร และรู้ว่าใจใครอยู่กับเรา ถึงแม้ความเป็นจริงมันอาจจะไม่เป็นไปตามที่เราเคยฝันไว้ ขอแค่เราได้รัก และขอแค่เขารักเรา เท่านั้นเองที่ต้องการ
*****************************************
จบลงไปแล้วนะครับ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามมาตลอดนะครับ สำหรับชื่อเรื่องนะครับ ใครมีไอเดียอะรัยลองเสนอกันมานะครับ เพราะตอนนี้ยังไม่มีชื่อเลย และเดี๋ยวผมจะโพสเรื่องใหม่ต่อนะครับ เรื่องใหม่นี้จะเป็นเรื่องแต่งนะครับรบกวนช่วยติดตามต่อไปด้วยนะครับ รักทุกคนครับ
ไปเยี่ยมไดผมกันมั่งนะครับ
ไดอารี่ของจิรัฎฐิติกานต์
http://my.dek-d.com/sabishiikant/index.phpโดย จิรัฎฐิติกานต์
***********************************************
ขอขอบคุณสำหรับเรื่องที่ยอดเยี่ยมนี้ที่ให้เพื่อนๆได้เรียนรู้การใช้ชีวิตผ่านเรื่องราว
คอยเตือนสติ ไม่เดินทางผิด ดีกว่าต้องเจ็บปวดด้วยตัวเองนะครับ
ขอบคุณเพื่อนๆที่คอยให้กำลังใจผมมาตลอดการโพสด้วยนะครับ