A 6
ในที่สุดผมก็ได้พบกับวายุและพ่อของเขาทั้งสองคน ทั้งสามคนเดินถือของตรงเข้ามาหาเราที่หน้าหอพักโดยมีพ่อ “คนหนึ่ง” ในสองคนนั้นที่หน้าตาดีมากๆเดินพยุงเขามาแบบหลวมๆ และพ่อ “อีกคน” เดินตามหลังมาอยู่ห่างๆพร้อมกับสัมภาระจำนวนหนึ่ง
“หวัดดีครับป๊า” นัทยกมือไหว้ผู้ชายข้างๆวายุ จากนั้นก็ไหว้เลยไปยังคนข้างหลังด้วยเช่นกัน “หวัดดีครับพ่อ”
ผมจึงยกมือขึ้นไหว้ทั้งสองคนตามนัทไปด้วย และเมื่อผมหันมาสบตากับวายุ เขาก็ส่งยิ้มให้ผมอย่างเป็นกันเอง
“หวัดดีครับ เป็นไงมั่งเรา สบายดีมั๊ย” คนที่นัทเรียกว่าป๊าปล่อยวายุออกจากวงแขนแล้วตบบ่านัทเบาๆ จากนั้นเขาก็หันมาหาผม “แล้วนี่น่ะเหรอเพื่อนใหม่ที่ยุเล่าให้ฟังในรถ”
“ครับ ชื่อนนท์ ไอ้ยุ นี่ไงนนท์ นนท์ ส่วนนี่ก็ป๊ากับพ่อของไอ้ยุ ชื่ออาเมฆกับพ่อกอล์ฟ”
“หวัดดีนนท์ โทษทีนะที่เราต้องมาอาศัยนอนเบียดดอยู่ด้วยแบบนี้” เขายิ้มให้ผมอีกแล้ว แต่จะว่าไปตั้งแต่ผมเห็นเขาเดินมานี่ผมก็ยังไม่เห็นเขาหยุดยิ้มเลยสักนาทีเดียวด้วยซ้ำ
“ไม่เป็นไร เราต่างหากที่เพิ่งมาอยู่ใหม่และมารบกวนนัทกับนายสองคนน่ะ”
“ไร้สาระน่า” ทั้งนัทและวายุพูดขึ้นพร้อมๆกัน จากนั้นทั้งคู่ก็หันไปมองหน้ากันแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ
“เออ จะว่าไปแล้วพ่อเล็กล่ะครับ ไม่ได้มาด้วยเหรอ” นัทหันไปถามป๊าของวายุ
“อาซันน่ะเหรอ สงสัยจะยังอยู่บ้านอยู่เลยมั๊ง คงกำลังเคลียร์งานให้เสร็จก่อนที่อาสองคนต้องบินกลับไปอังกฤษน่ะนะ” อาเมฆตอบคำถามของนัทก่อนจะหันไปหาพ่อของวายุ “เฮ้ย ไอ้กอล์ฟ มึงมาพาลูกมึงไปทำเรื่องนอนหอก่อนดีกว่าว่ะ เดี๋ยวกูกับนัทแล้วก็นนท์เอาของขึ้นไปเก็บข้างบนให้เอง”
“ไอ้เหี้ย ทีงี้ล่ะมาสั่งกู แล้วใครวะเสือกทำมันขาแพลงน่ะ เอ้า ยุมากับพ่อก่อนมา ต้องทำไงมั่งวะ ลืมไปหมดแล้วด้วย”
“พ่อประสาห่าอะไรวะ ไม่รู้ว่ากระทั่งว่าทำเรื่องให้ลูกนอนหอต้องทำยังไง”
“ก็ประสาเดียวกับมึงนั่นแหละ ไอ้เมฆ”
“โอ๊ยย แล้วนี่พวกพ่อจะทะเลาะกันอีกนานมั๊ยครับ พอเลยๆ อายเค้ามั่งมั๊ยเนี่ย” วายุโวยขึ้น “คุณพ่ออ่ะมานี่เลย เดี๋ยวไปที่เคาน์เตอร์กับยุ ส่วนป๊าก็เอาของของยุขึ้นไปเก็บกับพวกไอ้นัทก่อนก็แล้วกัน แล้วเดี๋ยวค่อยลงมาหายุอีกที เข้าใจ๊”
อาเมฆหัวเราะแล้วขยี้หัวของวายุเบาๆ ส่วนพ่อกอล์ฟของยุก็เดินเข้ามาวางกระเป๋าอีกใบไว้บนพื้นแล้วพาวายุเดินเข้าไปในตึกตรงเคาน์เตอร์เดียวกับที่ผมกับแม่เพิ่งมาทำเรื่องกันเมื่อเช้า
นี่โชคดีนะที่นัทได้เล่าเรื่องของครอบครัวนี้ให้ผมฟังไปบ้างแล้ว ไม่อย่างนั้นผมคงงงจนจับต้นชนปลายอะไรไม่ถูกเลยแน่ๆ แต่อย่างหนึ่งที่ผมสามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจนอย่างที่นัทบอกผมจริงๆนั่นก็คือ ความรักที่พวกเขาแสดงออกมาให้แก่กันและกันอย่างมากมายนั่นเอง ถึงแม้เมื่อครู่พ่อของวายุทั้งสองคนจะพูดจาหยอกล้อกันแรงๆ แต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกถึงความบาดหมางหรือการถือสาในคำพูดของเพื่อนของตัวเองอย่างจริงจังเลยแม้แต่นิดเดียว โดยเฉพาะวายุเองที่ดูท่าทางผ่อนคลายและไม่รู้สึกอายกับการที่จะเรียกคนทั้งสองคนว่า “พ่อ” ต่อหน้าคนแปลกหน้าอย่างผมเลยแม้แต่น้อยด้วยเช่นกัน
แต่นึกๆดูมันก็คงจะน่าอิจฉาเหมือนกันนะที่เขามีพ่อถึงสามคน ในขณะที่ผมนั้นกลับไม่มีเลยแม้แต่คนเดียว........
หลังจากที่วายุทำเรื่องเข้าหอเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราสามคนก็เดินไปส่งพ่อของวายุทั้งสองคนที่รถ ผมอดที่จะมองเขากับพ่อแท้ๆและป๊าของเขาสลับกันไม่ได้ เพราะถ้าจะให้เปรียบเทียบและไม่มีคนบอกผมก่อนล่ะก็ ผมคงจะคิดว่า “ป๊า” ของวายุนี่แหละที่เป็นพ่อแท้ๆของเขามากกว่าด้วยซ้ำ เพราะว่าไม่ใช่แค่เค้าโครงหน้าตาดีที่วายุดูเหมือนจะได้รับมาแล้ว เค้าสองคนยังมีรอยยิ้มที่คล้ายกันมากอีกด้วย แต่ว่าพอลองมองดูดีๆ ผมก็เห็นแววตาและโครงหน้าของพ่อแท้ๆของเขาในตัวของวายุด้วยเหมือนกัน แต่ต่างกันที่ว่าเป็นเค้าโครงที่เหมือนกันในแบบฉบับของคนผอมกับคน..... เอ่ออ คนท้วมๆหน่อยเท่านั้นเอง
“พรุ่งนี้เดินทางดีๆนะครับ พ่อกอล์ฟ อาเมฆ” นัทหันไปพูดกับผู้ใหญ่ทั้งสองคน
“อืมม พวกพ่อฝากดูแลไอ้ยุมันหน่อยก็แล้วกันนะ แล้วเดี๋ยวอีกสามสี่วันแม่มันก็คงกลับมาแล้วล่ะ”
“แล้วนัทกับเพื่อนอยากได้ของฝากอะไรมั๊ย เดี๋ยวพวกอาซื้อมาฝากจากอังกฤษ”
“โห ไม่ล่ะครับอาเมฆ ขอบคุณมากครับ”
“คุณพ่อ ป่ะป๊า” ยุเดินก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่งแล้วยื่นมือทั้งสองข้างออกมา
อาเมฆกับพ่อกลอ์ฟหันไปมองหน้ากันแล้วยิ้ม ก่อนจะเดินตรงเข้ามาสวมกอดยุกันทีละคน โดยพ่อกอล์ฟเป็นคนเข้ามากอดวายุก่อนแล้วก็ตามด้วยอาเมฆ
“เดินทางดีๆนะครับ รู้ป่าว แล้วก็ดูแลตัวเองด้วย”
“ขี้อ้อนไม่เปลี่ยนเลยนะ” อาเมฆพูดหลังจากคลายยุออกจากวงแขนแล้ว
“ไม่รู้ล่ะ คืนนี้บอกให้พ่อเล็กโทรมาหายุด้วย เข้าใจป่าว”
“ครับๆ คุณลูก”
“คุณพ่อก็เหมือนกัน ไปสัมมนาอ่ะ ห้ามนอกใจแม่ รู้มั๊ย ไม่งั้นจะหาว่าไม่เตือน”
“เออน่า” พ่อกลอ์ฟหัวเราะเบาๆพร้อมกับเอากำปั้นขยี้ลงบนหัวของยุแรงๆ
“ไม่ต้องห่วงหรอกยุ พ่อแกมันไม่กล้าหรอก มีเมียดุอย่างแม่แกนะ ต่อให้เป็นป๊าหรือพ่อเล็กเองก็ยังไม่กล้าเลย”
ทั้งสามคนหัวเราะขึ้นพร้อมๆกัน จากนั้นพวกเขาก็บอกลากันอีกครั้งเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่ผู้ใหญ่ทั้งสองคนจะเข้าไปในรถแล้วสต๊าร์ทรถขึ้น จากนั้นรถก็ค่อยๆเคลื่อนตัวออกไปอย่างช้าๆ
“กูรู้สึกแปลกๆว่ะ นัท”
“ทำไมวะ ไอ้ยุ”
วายุยืนมองรถของพ่อวิ่งจากไปจนกระทั่งลับสายตา “ไม่รู้ดิ่ นับตั้งแต่ปู่เล็กเสียไปเมื่อครึ่งปีก่อน กูก็กลัวมาตลอดเลยว่ะ กูกลัวว่ากูจะเสียใครไปอีกอ่ะ แล้วนี่กลายเป็นพ่อแม่กูไม่มีใครอยู่บ้านเลยสักคน จู่ๆก็ต้องเดินทางไปนั่นไปนี่กันหมดทั้งบ้านเลย”
“ไอ้เหี้ย มึงอย่าคิดอย่างนั้นสิวะ” นัทเดินตรงเข้าไปโอบไหล่ของวายุแล้วเขย่าแรงๆด้วยความที่ลืมว่าเพื่อนเขากำลังเจ็บเท้าอยู่ ผมจึงรีบวิ่งเข้าไปประคองวายุที่เสียหลักจนกำลังจะล้มลงไปอีกข้างอย่างรวดเร็วแล้วก็รับเขาเอาไว้ในวงแขนได้ทัน
“เฮ้ย ไอ้ยุ! กูขอโทษ กูลืมไป” นัทรีบขอโทษ
“ไม่เป็นไร ไอ้เหี้ยนัท สาดดด” วายุประคองตัวขึ้นมายืนบนขาของตัวเองอีกครั้ง จากนั้นเขาก็หันมายิ้มให้กับผม “ขอบใจมากนนท์”
“ไม่เป็นไร ว่าแต่ไหวรึเปล่าน่ะ นัท นนท์ว่าเราพายุขึ้นห้องกันก่อนเหอะ ยุงเริ่มมาแล้วด้วยเนี่ย”
“ก็ดีเหมือนกัน แต่ว่าก่อนอื่น......” นัทหันไปดีดนิ้วลงบนหน้าผากของวายุเบาๆ “มึงอ่ะ เลิกคิดอะไรเหี้ยๆได้แล้วนะเว้ย ป่ะ ไปเหอะ ขึ้นห้องกัน”
เราสามคนเดินกลับเข้าไปในหอ ระหว่างทางสั้นๆนั้นทั้งนัทและวายุต่างก็เจอเพื่อนของตัวเองหลายคน ทำให้ผมต้องถูกแนะนำตัวอีกถึงสองครั้ง จนกระทั่งเมื่อเราขึ้นมาถึงบนห้องแล้ว วายุก็เป็นฝ่ายเปิดประเด็นขึ้น
“คืนนี้มึงสองคนนอนด้วยกันนะ กูขอนอนคนเดียว กูเจ็บตีน” เมื่อพูดจบเขาก็กระโดดขึ้นไปนอนคว่ำแผ่อยู่บนเตียงของนัททันที “อันนี้เตียงมึงใช่มะ ไอ้นัท กูจำลายผ้าปูที่นอนได้”
นัทหันมามองหน้าผมก่อนจะยักไหล่ให้ “แบบนั้นได้มั๊ยล่ะ นนท์ว่าไง”
“นนท์ไงก็ได้อยู่แล้ว แถมจริงๆแบบนั้นก็ดีแล้วล่ะ วายุจะได้นอนสบายๆด้วย”
“แต่ก่อนอื่นเลยเนี่ย มึงช่วยไปอาบน้ำก่อนได้ป่าววะ ไอ้ยุ มาถึงก็กระโดดขึ้นเตียงกูเลยเชียวนะมึง”
“ก็ได้วะ สาดด งั้นมึงมาช่วยกู ไอ้นัท กูอาบคนเดียวลำบากอ่ะ แถมกลัวลื่นด้วย” วายุค่อยๆดันตัวขึ้นจากเตียง
“งั้นมึงไปแก้ผ้าในห้องน้ำรอเลยไป เดี๋ยวกูตามเข้าไป”
ผมมองทั้งสองคนด้วยสายตาที่ทำให้วายุต้องหัวเราะออกมาเมื่อเขาหันมาสบตาเข้ากับผม
“อะไร นนท์ หรือนนท์จะเข้าไปอาบกับพวกเราด้วยกันเลยทีเดียว”
“เอ่ออ ไม่ดีกว่ามั๊ง เกรงใจว่ะครับ”
ยุยิ้มกว้างแล้วหัวเราะเบาๆ “เฮ้ย ไอ้นัท กูชอบนนท์ว่ะ ขี้อายดีด้วย น่ารักดี”
“กูก็บอกมึงแล้วไง” นัทหัวเราะเบาๆ
บทสนทนาของทั้งสองคนยิ่งทำให้ผมหน้าแดงมากขึ้นไปอีก
“พอเหอะว่ะ ยุ แค่นี้ความหน้าด้านของพวกเราก็ทำนนท์เค้าอายจะตายห่าอยู่แล้ว เดี๋ยวเค้าก็เข้าใจมึงผิดหรอก ยิ่งไอ้เจย์นี่ยิ่งแล้วใหญ่เลยวันนี้”
“อ้าว นี่ไปเจอไอ้เจย์มาแล้วด้วยเหรอ”
“อ้าว กูยังไม่ได้บอกมึงเหรอว่าวันนี้นนท์เค้าเจอทุกคนมาหมดแล้ว เหลือแค่มึงกับคริสเท่านั้นเอง”
“งี้กูว่าสงสัยนนท์คงต้องเข้ากับคริสได้ดีแหงๆเลยว่ะ ยิ่งขี้อายประมาณเดียวกันเลยด้วยเนี่ย” วายุถอดเสื้อของตัวเองออกเผยให้เห็นร่างกายที่ขาวเนียนและสมส่วนของตัวเอง “มาเร็ว นัท มึงมาช่วยกูเข้าห้องน้ำหน่อย ถ้ากูถอดตรงนี้เลยเดี๋ยวนนท์ใจแตกก่อนแน่นอน และมึงต้องมาเล่าให้กูฟังด้วยว่าวันนี้พวกมึงคุยอะไรกันมั่ง”
ทั้งสองคนเดินเข้าห้องน้ำไปพร้อมกับเสียงหัวเราะและเสียงพูดคุย จนกระทั่งเมื่อประตูถูกปิดลงผมก็แทบไม่ได้ยินเรื่องที่ทั้งสองคนคุยกันอีกเลย เหลือเพียงแค่ให้ผมจินตนาการว่าทั้งสองคนจะกำลังทำอะไรกันอยู่บ้างเท่านั้นเอง
“เฮ้ยย มึงเบาๆหน่อยสิวะ ไอ้เชี่ยนัท!” เสียงของวายุดังขึ้น ตามด้วยเสียงน้ำจากฝักบัวที่ไหลกระทบกับพื้นและผนังห้องน้ำ
ผมสะบัดภาพเปลือยของวายุที่มีนัทกำลังช่วยอาบน้ำให้ออกจากหัว แล้วจึงหยิบโทรศัพท์เดินออกไปยืนที่นอกระเบียงเพื่อโทรหาแม่
“เป๋นจะใดพ่องลูก เปื้อนเฮาเขาดีกับเฮาก่อ” แม่ผมถามขึ้นทันทีที่รับสาย
“ดีจั๊ดนักเลยครับแม่ นอกจากสามคนตี้แม่ปะเมื่อตอน ต๋อนนี้นนนท์ก่อเริ่มฮู้จักเปื้อนเพิ่มขึ้นแหมหลายคนแล้วตวย”
“ดีแล้วล่ะ แม่จะได้สบายใจ๋ ว่าแต่กิ๋นข้าวรึยังนิเฮา”
“เรียบร้อยแล้วครับ แล้วแม่ล่ะ กิ๋นอะหยังรึยัง”
“นี่แหละๆ นี่ๆ ต๋อนนี้หนูพลอยกับป้อแม่เปิ้นจะมากิ๋นข้าวกับแม่ตวยหนา นนท์คุยกับเปิ้นหน้อยละกั๋นนะ.......” จากนั้นผมก็ได้ยินเสียงของแม่หันไปเรียกพลอยให้มารับสายตามมาด้วยเสียงโทรศัพท์ถูกเปลี่ยนมือเล็กน้อย
“หวัดดี นนท์ เป็นไงมั่ง”
“ก็ดีอ่ะ ขอบใจมากนะพลอยที่อุตส่าห์มาอยู่เป็นเพื่อนแม่นนท์”
“ไม่เป็นไรหรอก ก็พลอยรับปากแล้วนี่นา แถมตอนนี้พ่อกับแม่พลอยก็อยู่ที่นี่ด้วยนะ แล้วว่าแต่เพื่อนใหม่เป็นไงมั่งล่ะ มีหล่อๆมั่งมั๊ย พลอยจำได้ว่าเพื่อนพลอยเคยบอกว่าที่นั่นเด็กหน้าตาดีหลายคนเลยนี่นา” พลอยหัวเราะคิกคักเบาๆ
“จะบ้าเหรอ นนท์ไม่ได้สนใจเรื่องนั้นเลยนะ”
“แต่เห็นคุณแม่นนท์บอกว่ารูมเมทนนท์ก็หน้าตาดีนี่นา ระวังตัวไว้ก็แล้วกัน นนท์ยิ่งน่ารักๆอยู่ด้วย”
โอ้โห เธอคนนี้ก็ช่างกล้าพูดจริงๆเลยแฮะ ไม่ว่าจะพูดเล่นหรือพูดจริงก็ตามเถอะนะ
“เอ้อ จริงสิ พลอย นนท์ขอพูดกับแม่อีกแป๊บนึงหน่อยนะ” ผมรีบเปลี่ยนเรื่อง
“ได้ๆ แป๊บนึงนะ”
“ว่าจะใด นนท์”
“นนท์ว่าจะบอกแม่อยู่น่ะครับว่าคืนนี้มีเปื้อนแหมคน ของนัทเปิ้นจะมานอนตวยล่ะ แล้วก่อคงนอนตวยแหมสักพักเลยล่ะ เพราะว่าเปิ้นข้อเท้าแพลง แล้วก่อปอดีป้อแม่เปิ้นไปต่างจังหวัดต่างประเทศกั๋นหมดเลย ก่อเลยบ่มีใผมาฮับมาส่งเปิ้นได้อ่ะครับ”
“อ๋ออ ก็บ่เห็นเป๋นอะหยังนิ กะว่านนท์อึดอัดรึเปล่าล่ะ ไขอยากปิ๊กบ้านเฮาก่อ”
“บ่ เป๋นหยังครับแม่ สบายมาก เพราะกู่คนก่อนิสัยดีๆ กั๋นตังนั้นเลย แหมอย่าง จะใดนนท์ก่อต้องปะหมู่เขาในห้องเฮียนอยู่แล้ว จะอี้ก่ออาจจะดีกว่าก่อได้”
แม่ผมหัวเราะเบาๆ “แล้วทีต๋อนแรกอู้ตรงข้ามจากนี้คนละเรื่องเลยเน้อ สงสัยจะติ๋ดใจ๋เปื้อนใหม่เหียละก๊า”
“โห แม่ก่อ” ผมรู้สึกเขินเล็กน้อยที่แม่พูดจี้ใจดำขึ้นมา
“เอาล่ะๆ ก่อดีแล้วล่ะ คืนนี้ก่อขะใจ๋นอนแล้วกั๋นเน้อ จะไปมัวก๊านอนคุยกับเปื้อนใหม่เพลินเน้อ วันพูกจะได้ตื่นไปโรงเรียนไหว เดียวจะปรับตั๋วบ่ตันเอา”
“ครับแม่” ผมคุยกับแม่อีกสักพักหนึ่งจากนั้นก็เปลี่ยนมาเป็นพลอย ผมคุยกับเธอออีกราวๆสิบนาที แล้วสุดท้ายผมก็บอกราตรีสวัสดิ์กับทั้งคู่ก่อนจะวางสายลง จากนั้นก็เดินกลับเข้าไปในห้องซึ่งนัทกับยุที่แต่งตัวใหม่เป็นชุดนอนกำลังนั่งคุยกันอยู่บนเตียงอยู่แล้ว
“อ้าว เสร็จแล้วเหรอ” ผมถาม
ทั้งสองคนมองหน้ากันแล้วก็หันมายิ้มให้ผม
“นนท์นั่นแหละ คุยกับแฟนเสร็จแล้วเหรอ” วายุเป็นคนถามผมกลับ
“เฮ้ย คุยกับแม่ แฟนบ้าอะไรเล่า” ผมเดินไปนั่งลงบนปลายเตียงเดียวกับที่ทั้งสองคนนั่งอยู่
“แต่เมื่อกี๊เราสองคนได้ยินอะไรแว่วๆว่า พลอยๆ อะไรนะ ใช่มะ ไอ้นัท”
“นั่นนะสิ” นัทพยักหน้าแล้วหันมายิ้มให้ผม “แล้วตอนแรกบอกไม่มีแฟนๆ”
“เฮ้ย นั่นก็เพื่อนข้างบ้าน เค้ามาอยู่เป็นเพื่อนแม่เฉยๆน่ะ แต่เดี๋ยวก่อน...... นี่ได้ยินที่เราออกไปคุยเมื่อกี๊ด้วยเหรอ”
“ได้ดิ่ ก็ไอ้ยุมันกะเผลกไปแอบฟังนนท์มาแป๊บนึง”
“เฮ้ย ไอ้สัตว์นัท!” ยุหยิบหมอนข้างตัวมาปาใส่นัท
“เอ๊า ก็เรื่องจริงนี่หว่า”
“พอเลยๆ พอทั้งคู่เลย ว่าแต่.......” ผมมองไปที่นัทกับยุสลับกัน “แล้วนี่เมื่อกี๊อาบน้ำแต่งตัวกันยังไงเนี่ย”
“อาบน้ำก็แก้ผ้าอาบดิ่ ถามได้” วายุหัวเราะอย่างรู้ทันความคิดผม “เราก็แค่ให้ไอ้นัทมันช่วยประคองช่วยระวังให้แค่นั้นเอง ไม่ได้ให้มันถึงขนาดต้องมาถูหลังฟอกสบู่ให้อะไรแบบนั้นหรอก ไม่ต้องคิดไปไกล”
“เฮ้ย ไอ้ยุ กูต้องไปเดินตรวจแล้วว่ะ ได้เวลาไปรายงานตัวแล้ว” นัทคว้านาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูก่อนจะยืนขึ้น “นนท์คุยกับไอ้ยุไปก่อนก็แล้วกันนะ เดี๋ยวนัทกลับมา”
หลังจากนัทเดินออกจากห้องไป ผมกับวายุก็เริ่มทำความรู้จักกันจริงๆจังๆอีกครั้ง เขาเป็นคนที่อารมณ์ดีและยิ้มเก่งมาก เขามีบางสิ่งที่คล้ายกับนัทอยู่หลายอย่าง อย่างเช่นบรรยากาศของความเป็นมิตรและความที่ดูเป็นคนสบายๆ ที่ทำให้ผมรู้สึกสบายใจที่ได้อยู่ด้วยอย่างรวดเร็ว นอกจากนั้นผมยังรู้จากเขาอีกด้วยว่าเขาเองก็ชอบบาสเก็ตบอลเหมือนกัน แถมยังชอบทีมบาสทีมเดียวกับผมอีกด้วย ยิ่งเราได้พูดคุยกันมากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งดูเหมือนกับว่าเรามีอะไรหลายๆอย่างคล้ายกันมากขึ้นเท่านั้น แต่เพียงสิ่งหนึ่งที่ดูว่าผมกับเขาออกจะแตกต่างกันมากที่สุดก็คือเรื่องของความขี้อายและความเก็บตัวนี่แหละ เพราะดูๆแล้วดูเหมือนว่าวายุจะแทบไม่มีนิสัยแบบนั้นอยู่ในตัวเลยแม้แต่น้อย หรืออย่างน้อยก็อาจจะพูดได้ว่าผมเองนั่นแหละที่ไม่ได้มีนิสัยอย่างเขาเลยจริงๆ เพราะอย่างในตอนนี้ผมเองก็ยังไม่กล้าและไม่แม้แต่คิดที่จะเล่าเรื่องของครอบครัวของผมให้ใครฟังได้อย่างที่เขาทำเลย
เราสองคนนั่งคุยกันไปเรื่อยๆจนกระทั่งโทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้น ผมจับใจความได้ว่านั่นก็คงเป็นคนหนึ่งในครอบครัวของเขานั่นเอง ผมจึงลุกขึ้นแล้วเดินออกไปยืนรอที่หน้าระเบียงจนกว่าเขาจะคุยเสร็จ จนกระทั่งเขาวางสายแล้ว เขาก็เดินออกมาตามผมให้กลับเข้าไปในห้องอีกครั้ง
“ขอโทษทีนะนนท์ เราเป็นคนคุยโทรศัพท์แต่กลับต้องให้นายออกมายืนรอนอกห้องซะงั้นอ่ะ” วายุพูดขณะที่กำลังเดินนำผมกลับเข้ามาในห้อง และเมื่อเดินมาถึงเตียงเค้าก็ล้มตังลงนอนทันที
“เฮ้ย ไม่เป็นไร ก็นายขาเจ็บนี่หว่า” ผมพูด จากนั้นก็นั่งลงบนเตียงอีกครั้ง “ว่าแต่แล้วอีกนานมั๊ยล่ะ ที่กว่านัทจะกลับมาน่ะ”
“ก็คงอีกราวๆไม่ถึงครึ่งชั่วโมงหรอกมั๊ง ไม่รู้สิ นี่มันไปมากี่นาทีแล้วล่ะ........” วายุหยิบมือถือตัวเองขึ้นมาดูเวลา “อืมมม อีกราวๆสิบนาทีก็คงจะกลับมาได้แล้วล่ะมั๊ง”
“อืมมๆ” ผมพยักหน้า
วายุมองหน้าผมแล้วยิ้ม “แล้วเป็นไงมั่งล่ะ”
“เรื่องอะไรอ่ะ”
“ก็เรื่องเพื่อนๆเราไง เมื่อกี๊ตอนอาบน้ำไอ้นัทมันเล่าให้ฟังแล้วล่ะว่านายไปเจอกับทุกคนมาหมดแล้วนี่ แล้วทุกคนดูท่าจะชอบนายกันหมดด้วย ว่าแต่นนท์เองนั่นแหละ คิดว่าพวกมันเป็นไงกันมั่ง”
“ก็ดีนะ นิสัยดีกันทุกคนเลย อย่างป๊อปนี่ก็ออกจะบ้าๆบอๆหน่อย ส่วนเจย์ก็.........”
“เป็นเกย์” วายุพูดต่อ
ผมหัวเราะ “เราตั้งใจจะพูดว่า ‘เปิดเผยดี’ มากกว่านะ แต่ไอ้ที่ว่าไปก็ถูก นอกนั้นทั้งตี๋เล็กกับเคนก็นิสัยดีอ่ะ คุยเก่งแล้วก็อารมณ์ดีเป็นกันเองโคตรๆทุกคนเลย”
วายุยิ้มให้ผมพร้อมด้วยแววตาที่เป็นประกาย “แล้วไอ้นัทล่ะ”
“อึ๊..... หมายความว่าไง”
“เปล่า ก็เราเห็นที่นายกับไอ้นัทเรียกชื่อแทนตัวเองกันว่านัทอย่างนั้นนนท์อย่างนี้แล้วก็เลยต้องถามขึ้นมาน่ะสิ ไอ้นัทอ่ะ มันไม่ค่อยจะเรียกใครแบบนั้นหรอกนะรู้ป่าว”
ผมหน้าแดง “ก็นัทเค้าบอกว่าเค้ายังไม่อยากเรียกมึงกูเหมือนที่คนอื่นๆเรียกน่ะ”
วายุพยักหน้า “แต่นนท์ก็น่ารักจริงๆนะ เสียดายที่ไม่รู้ว่าไอ้นัทมันเป็นเกย์รึเปล่านี่สิ ไม่งั้นจะยุให้จีบแล้วนะเนี่ย” เขาชันตัวขึ้นนั่งแล้วดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวเอาไว้ “เสียดายที่นนท์เองก็มีแฟนไปซะและ”
“แล้ววายุล่ะมีแฟนรึยัง” ผมพยายามเบี่ยงเบนประเด็นให้ออกจากตัวเอง
“ม่ายอ่ะ ยังไม่สนใจเลย อยากอยู่กับเพื่อนๆแล้วก็ครอบครัวมากกว่า” เขาส่ายหน้า และตอนนั้นเองที่ประตูห้องของเราก็ถูกเปิดออก “ไอ้นัทเหรอ” วายุถามผม
“อืมม” ผมตอบหลังจากชะโงกไปมองหน้าประตูแล้ว
“ทำไรกันอยู่สองคน”
“คุยเล่นว่ะ ว่าแต่มึงเสร็จไวเหมือนกันนะวันนี้”
“อืม วันนี้มันเรียบร้อยกันดีน่ะ ไม่มีปัญหาอะไร” นัทเดินมาหยุดอยู่ที่เตียงของผมแล้วก็อ้าปากหาววอดพลางบิดขี้เกียจ “นนท์ นัทง่วงแล้วอ่ะ นนท์ง่วงยัง”
“ก็นิดนึงนะ ว่าแต่วายุจะนอนเลยมั๊ยล่ะ”
“อืม นอนเลยก็ได้ เดี๋ยวกูขอกินยาแก้ปวดก่อนแล้วก็จะนอนเลย”
“งั้นเราไปแปรงฟันก่อนแล้วกัน” ผมพูดพร้อมลุกขึ้นจากเตียงตรงไปยังห้องน้ำ
หลังจากผมแปรงฟันเสร็จแล้ว ทั้งนัทและวายุต่างก็นอนห่มผ้าอยู่บนเตียงของตัวเองเรียบร้อยกันหมดแล้ว ผมจึงเดินไปยังสวิตช์ไฟแล้วถามว่าจะให้ปิดไฟเลยรึเปล่า
“อืม ปิดได้เลย” นัทตอบกลับมา
แต่เมื่อผมกดปิดสวิตช์ไฟลงแล้วทั่วทั้งห้องก็ปกคลุมไปด้วยความมืดสนิทในทันที ผมพยายามเดินอย่างระมัดระวังไปยังเตียงของตัวเอง แต่ด้วยความที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นที่ จึงทำให้ผมเตะเข้าที่ขอบเตียงเข้าอย่างจังและล้มตัวลงไปทับนัทที่กำลังนอนอยู่บนเตียงเข้าเต็มที่เลยอีกด้วย
“โอ๊ยย” ผมร้องออกมา
“เฮ้ย นนท์ เจ็บป่าว” นัทถาม
“ไม่เป็นไรๆ ไม่ได้แรงอะไรเท่าไหร่หรอก แต่แค่เจ็บแผลเดิมนิดหน่อยน่ะ” แผลที่ผมโดนเหยียบเท้าเมื่อตอนเย็นแสบจี๊ดขึ้นมาในทันที “แล้วนัทอ่ะ เจ็บป่าว นนท์ขอโทษที” ผมพยายามดันตัวขึ้น แต่ทว่า.......
“ไม่เป็นไร มานี่ มาตรงนี้” นัทดึงตัวผมให้ไปล้มตัวลงข้างๆเค้า “มานอนตรงนี้ นัทเบียดไปป่าว ถ้าเบียดไปก็บอกด้วยนะ”
“ไม่เป็นไร นัทเองก็นอนให้สบายเหอะ” ผมพยายามจัดที่ของตัวเองให้พอดีและไม่ไปเบียดนัทเข้า
“อ่ะแฮ่มม” วายุกระแอมขึ้นจากเตียงข้างๆ “มึงสองคนจะนอนกันได้รึยังครับ จะสวีทกันอีกนานมั๊ย”
“หุบปากเลยไอ้ยุ พูดจาอะไรเหี้ยๆ สาดด” นัทพูดขึ้น
คำพูดที่วายุพูดกับผมเมื่อตอนก่อนนัทจะกลับเข้าห้องมาเมื่อกี๊ดังก้องขึ้นในหัวของผมอีกครั้ง นี่นัทเขาจะคิดอะไรกับผมจริงๆรึเปล่านะ ไม่น่า คงเป็นไปไม่ได้หรอก เพราะว่านี่เราก็เพิ่งจะเจอกันได้แค่วันเดียวเท่านั้นเองนะ และเมื่อผมหันไปมองหน้าของนัท ถึงแม้ว่ามันจะมืด แต่ผมก็ต้องรู้สึกใจสั่นขึ้นมาในทันทีเมื่อเห็นว่าเขาเองก็กำลังนอนมองผมอยู่เหมือนกัน
“งั้นก็ฝันดีนะ นนท์” เขาพูดอย่างแผ่วเบาเพื่อให้ผมได้ยินเพียงคนเดียว
ดูท่าทางว่าชีวิตหลังรั้วโรงเรียนชายของผมครั้งนี้คงจะต้องมีเรื่องวุ่นวายอื่นๆนอกจากเรื่องเรียนเพิ่มเข้ามาด้วยแล้วแน่ๆล่ะสิทีนี้........
...........................................................
* ซับนรก ::
ปะเมื่อตอน = เจอเมื่อตอนกลางวัน,
แหม = อีก,
ไขอยาก = อยาก (แล้วจะไขทำไมวะ),
กู่คน = ทุกคน,
ขะใจ๋ = รีบ
ขอบคุณอีกครั้งสำหรับพี่กะป๋อมที่ช่วยแปลภาษากลางเป็นภาษาเหนือ และขอบคุณไอ้ทึ่มแสนดีที่ช่วยแปลภาษาเหนือให้กลับมาเป็นภาษากลางอีกครั้ง 55555