มิติเร้นรัก
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: มิติเร้นรัก  (อ่าน 97490 ครั้ง)

namtaan

  • บุคคลทั่วไป
 o13
บวก 1 ให้นะค้าบน้องซี
ตอนนี้แต่งได้เยี่ยม อ่านแล้วไหลลื่นมากค้าบ

บรรยายฉากอัศจรรย์ได้อย่างไพเราะเชียว เยี่ยมจริงๆ

บอกได้คำเดียวว่า "พรสวรรค์"

จริงๆปอนมีแง่คิดดีๆหลายอย่างที่แนะนำเอ็มนะ
อยากรู้จังว่าปอนไปติดยาได้ยังไง แถมตอนนี้ถึงแม้ไม่ได้ชวน แต่ก้อไม่ได้ห้ามจริงจังอ้ะ
เอ็มก้อคงติดยาไปด้วยสิเนี่ย  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ DEMON3132

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +170/-1
+1 .เป็นกำลังใจให้น้องซี  แล้วมา  :z2: รอตอนต่อไปค่ะ

PEAK

  • บุคคลทั่วไป
ชีวิตเอ็มน่าสงสารจัง   อ่านสองตอนติดเศร้าได้อีก   :m15:

เห็นด้วยกับความเห็นของเพื่อนๆ ก่อนหน้าว่าเขียนได้   o13

บวก 1 ให้ความสามารถในการเขียน... สามารถทำให้คนอ่านอินได้เยี่ยม  ^_^

ขอบคุณนะครับ   :กอด1:

Pikachu

  • บุคคลทั่วไป
ขอขอบพระคุณ คอมเม้นจากคุณกอป High_Wizard, คอมเม้นจากพี่ mantdash, คอมเม้นจากพี่ pickki_a,
คอมเม้นจากพี่ patee, คอมเม้นจากพี่ dahlia, คอมเม้นจากพี่ supranee, คอมเม้นจากพี่ namtaan,
และ คอมเม้นจากพี่ PEAK ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะครับ..

. . . .

ในตอนใหม่นี้ จะได้เห็นแง่มุมในชีวิตของเอ็มมากขึ้น รวมทั้งความสัมพันธ์กับปอนเด่นชัดมากขึ้นนะครับ มาติดตามกันต่อได้เลยนะครับผม..

เรื่องราวของเอ็ม (3)


“ ฮัลโหล ”
“ แม่ ”
“ เอ็ม นั่นลูกใช่ไหม? ตอนนี้ลูกอยู่ที่ไหน? แม่คิดถึง แม่เป็นห่วง ”
“ ตอนนี้ผมมาอยู่กับเพื่อน ”
“ แล้วตอนนี้ลูกเป็นไงบ้าง? กลับบ้านเถิดนะลูก แล้วตอนนี้ลูกอยู่ที่ไหน? เดี๋ยวแม่ไปรับก็ได้ ”
“ เอ็มก็สบายดีครับ แล้ว.. ตอนนี้แม่เลิกกับ.. เอ่อ.. คนนั้นหรือยังครับ? ”
“ เอ่อ.. ยังเลยลูก เรากำลังคุยตกลงกันอยู่ ขอเวลาให้แม่บ้าง.. ”
“ .. ”
เอ็มได้ยินเช่นนั้น เขาก็รู้สึกเสียใจเหลือเกิน เขาจึงเอาโทรศัพท์ออกจากหูและกำลังจะวางหู ทั้งๆที่.. ใจเขาอยากจะคุยกับแม่มากมายด้วยความคิดถึง แต่.. แรงทิฐิในเรื่องพ่อเลี้ยงที่เต็มแน่นในอก ทำให้เขาเกิดความน้อยใจ จน.. แทบไม่อยากพูดคุยต่อ เขายืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง และกำลังตัดสินใจที่จะวางหู จึงทำให้.. เขาไม่ได้ยินสิ่งที่แม่เขากล่าวต่อมา ว่า.. หลังจากวันนั้นจนถึงในขณะนี้ ทุกอย่างที่บ้านได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างไร?
 “ เอ็ม.. ถึงแม่จะยังไม่ได้หย่ากัน แต่ตอนนี้เราแยกกันอยู่แล้วนะลูก ลูกไม่ต้องห่วงนะ เขาไม่มีทางมาทำอะไรลูกได้อีก เอ็มแม่เชื่อลูกนะ วันนั้นแม่ขอโทษ ยกโทษให้แม่ด้วย เอ็ม.. เอ็ม.. นี่ลูกยังฟังอยู่หรือเปล่า? ทำไมเงียบไป? เอ็ม.. เอ็ม.. ตอนนี้เอ็มอยู่ที่ไหน? แล้ว.. แม่จะติดต่อเอ็มได้อย่างไร? เอ็ม.. เอ็ม..  ”
“ . . . . ”
จนในที่สุดเขาก็ตัดสินใจวางหูลง แล้วก็เดินออกมาจากตู้โทรศัพท์สาธารณะแห่งนั้น ขอบตาเขาร้อนผ่าว น้ำตาเริ่มปริ่มๆที่หน่วยตาจนเอ่อ เขาคิดใจใจว่า.. นี่แม่ยังไม่เลิกกับไอ้พ่อเลี้ยงคนนั้นอีก เขาคิดถึงแม่ เขาอยากกลับไปหาแม่ แต่เขาก็ไม่อยากเจอหน้าชายคนนั้นเช่นกัน เขาจึงโทรไปถามข่าวคราวดูก่อน แต่แล้ว.. ทำไมนะ.. เวลาก็ผ่านมาตั้งนานแล้ว ทำไมแม่ยังไม่ยอมเลิกกับไอ้สารเลวนั่นอีก นี่แม่คงจะไม่เชื่อเขาจริงๆว่าเขาโดนไอ้สารเลวนั่นข่มขืน แม่คงจะรักมันมากกว่าเขาแน่นอน เขารู้สึกเช่นนั้นจริงๆ ความเสียใจ ความน้อยใจเอ่อท้นจนท่วมเต็มหัวอก นี่ถ้าเขา.. รอ ที่จะ.. ฟังแม่เขาอีกสักนิด ลดแรงทิฐิและพูดคุยกับแม่ให้มากกว่านี้ เขาก็จะได้รับรู้ความจริงที่เกิดขึ้นต่อจากนั้น.. ว่า.. แม่ได้จัดการในเรื่องนี้ไปแล้วอย่างไร? ความรู้สึกในใจที่เกิดขึ้นกับเขาขณะนี้คงไม่เกิดขึ้นแน่นอน แต่.. จะทำกระไรได้.. คงเป็นเพราะชะตากรรมได้ถูกกำหนดไว้เช่นนั้นกระมัง? เอ็มน้ำตาเขาไหลรินอาบแก้มและสะอื้นร่ำไห้อย่างไม่นึกอายใครต่อใครที่เดินผ่านมา และชำเลืองมองเขาด้วยท่าทีที่แปลกใจเลยแม้แต่น้อย เขาเดินอย่างหงอยเหงา ตรงไปยังรังรักของเขาและปอนด้วยความรู้สึกต้องการคำปลอบโยนจากชายคนรัก คนที่เคยเป็นเพื่อนกันมาก่อนอย่างปอนเหลือเกิน ปอน.. คนที่เข้าใจเขา และให้กำลังใจเขาในยามเศร้าใจด้วยความเข้าใจจิตใจเขาอย่างดีเสมอมาไม่เคยเปลี่ยน
.
.
.
.
เอ็มหมุนประตูลูกบิดเพื่อเปิดเข้าห้อง แล้วเขาก็พบว่า.. ประตูล็อคอยู่ นี่ปอนไม่อยู่หรือ? ไม่หรอก ปอนคงอยู่ คงไม่ได้ไปไหนแน่นอน เมื่อเช้าก่อนที่เขาจะปลีกตัวไปทำงานพาร์ทไทม์เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่าย เขายังถามปอนอยู่เลยว่า.. วันนี้จะไปเรียนไหม? ปอนยังบอกอยู่ว่า.. วันนี้ไม่มีเรียน และคงจะไม่ออกไปไหน การที่ปอนล็อคประตูแบบนี้ อาจจะกำลังนอนหลับอยู่ก็เป็นได้ เขาจึงล้วงกุญแจ และไขประตูเปิดเข้าห้อง.. เมื่อประตูเปิดออก.. เขาก็พบว่า.. ปอนดูกำลังจะเคลิบเคลิ้ม มึนเมาเพราะกำลังเสพยาอยู่ เห็นดังนั้น.. เขาก็รู้สึกขัดเคืองใจ ก็ไหนปอนเคยสัญญากับเขาแล้วไง ว่าจะพยายามเลิก แต่แล้ว.. นี่ทำไม? ปอนยัง?
“ ปอน.. เสพยาอีกแล้ว นายเลิกไม่ได้หรืองไง? เคยสัญญากับเอ็มแล้วนี่นา เราเป็นห่วงนะ มันไม่ดีหรอก แล้วยาก็ราคาแพงมากด้วยไม่ใช่เหรอ? ปอนไปเอาเงินมาจากไหน? ”
“ เราติดแล้วมันเลิกยากนะ ก็พยายามแล้วแต่มันอดใจไม่ได้ เงินน่ะ ปอนพอมีใช้ได้อย่างสบายๆไปอีกหลายวัน ปอนก็เลย.. ไปซื้อมา.. ขอโทษนะเอ็มที่ผิดสัญญา อย่าโกรธปอนเลยนะ ขอแค่นี้.. อีกนิดเดียวเท่านั้นเอง เดี๋ยวจะเลิกแล้ว ”
“ ปอนรู้ไหม เราเป็นห่วงนะ แล้วนี่ปอนเอาเงินที่ไหน? มันแพงมากนะ เรารู้สึกแปลกใจจังเลย ทำไม? ปอนถึงมีเงินใช้อยู่เรื่อย แถมยังแบ่งให้เราใช้ได้อีกตั้งมากมาย ขนาดเราทำพาร์ทไทม์เหนื่อยแทบตาย ยังได้เงินมาไม่เท่าไรเลย ตั้งแต่ที่เรามาอยู่กับปอน เราก็ไม่เห็นปอนทำอะไรเลย เรียนก็ไปเรียนบ้างไม่ไปเรียนบ้าง แล้วนี่ปอนเอาเงินจากที่ไหนมาใช้จ่าย? ทั้งค่าหอ ค่ากินค่าอยู่ ค่าอื่นๆอีกจิปาถะ ตอนแรกเราบอกจะทำพาร์ทไทม์หาเงินมาช่วยค่าใช้จ่าย ปอนก็ยังว่าไม่ต้อง ปอนบอกปอนดูแลเราได้ เราสงสัยเรื่องนี้มานานแล้วนะปอน ปอนมีอะไรปิดเราอยู่ไหม? ”
“ ก็.. ก็.. ไม่มีอะไรปิดบังนี่นา เอ็มอย่าคิดมาสิ เงินที่ใช้อยู่ ก็.. ก็.. เราก็ไปขอที่บ้านมา พอจะหมดเราก็ไปขอใหม่ ก็แค่นั้น ไม่มีอะไรหรอก แล้วนี่เป็นไง วันนี้เหนื่อยไหม? ”
“ ก็นิดหน่อยนะ ทำไงได้ ถ้าไม่ทำจะเอาเงินที่ไหนใช้ บางวันก็เหนื่อยจนแทบไม่อยากไปเรียนเลย แต่ก็คงต้องทน ก่อนเราเข้ามาเมื่อครู่ เราก็โทรไปที่บ้าน นี่แม่ยังไม่เลิกกับไอ้สารเลวนั่นเลย แม่คงจะรักมันมากกว่าเรา เราเสียใจจริงๆเลยเอ็ม ”
กล่าวจบ เอ็มก็น้ำตารื้น คงจะเพราะความเหน็ดเหนื่อยจากการทำงาน ประกอบกับความน้อยใจและสะเทือนใจในชะตาชีวิตตนเอง เพียงไม่นาน เขาก็ร่ำไห้น้ำตาไหลรินจนอาบแก้ม ปอนเห็นดังนั้นก็ดึงเอ็มเข้ามากอด พร้อมกับลูบหัวเบาๆอย่างอ่อนโยน พลางพูดปลอบโยน ด้วยความเห็นใจ
“ ไม่เป็นไรนะเอ็ม ไม่เป็นไร อย่างน้อยเอ็มก็มีปอนนะ ปอนรักเอ็ม ปอนจะดูแลเอ็มเอง อย่าร้องไห้เลย เอ็มไม่ต้องไปทำพาร์ทไทม์ให้เหนื่อยอีกแล้วนะ เรื่องเงินไม่ต้องเป็นห่วง ปอนดูแลเอ็มได้ เราเป็นของกันและกันแล้ว ไม่ต้องคิดมากหรอก ”
กล่าวจบปอนก็หอมแก้มเอ็มเบาๆ พลางซับน้ำตาให้ แล้วเขาก็พาเอ็มมานั่งเคียงกันบนเตียง เขาก็สวมกอดเอ็มหลวมๆอย่างรักใคร่ จมูกก็คลอเคลียอยู่ที่แก้มใสๆของเอ็มอยู่ไม่ห่าง นับแต่.. วันที่เอ็มได้มาอยู่กับปอน และเปลี่ยนความสัมพันธ์จากเพื่อนและกลายมาเป็นคนรัก ก็ดูเขาจะรักและจริงใจกับเอ็มมากมาย ปอนจะดูแลเขาแทบทุกอย่าง จนในบางครั้ง เขารู้สึกไม่ค่อยสบายใจเลย มันเหมือนกับว่า.. เขามาเกาะปอน มาสร้างภาระให้ปอน เขาจึงอยากจะหารายได้มาช่วยค่าใช้จ่ายบ้าง จึงหางานพิเศษทำ ซึ่งมันก็สุดแสนจะเหน็ดเหนื่อย และยังได้ค่าตอบแทนอันน้อยนิด แต่อย่างน้อย.. มันก็ดีกว่าที่เขาจะอยู่เฉยๆ และเกาะปอนแบบนี้ต่อไป
“ ปอน เอ็มก็รักปอนนะ ตอนนี้เรามีเพียงปอนเท่านั้นที่ดีกับเรา เข้าใจเรา ถึงแม้ว่า.. เราจะเป็นของกันและกันแล้ว แต่..เราก็ไม่สบายใจ ให้เราทำต่อไปเถิดนะ ถึงจะเหน็ดเหนื่อยไปสักหน่อยเราก็พอทนได้ เราก็อยากช่วยปอนบ้าง ให้เราได้ช่วยปอนบ้างเถิด วันนี้เราเหนื่อยๆ รู้สึกแย่ๆ แล้วก็ไม่ค่อยสบายใจด้วย ขอยาให้เราบ้างนะ เราอยากลืมๆความทุกข์ ถึงแม้จะรู้ ว่ามันไม่ใช่สิ่งดี แต่มันก็พอช่วยได้จริงๆ ”
“ ไม่ได้นะ เราจะยอมให้เอ็มมาเลวแบบเราไม่ได้ เดี๋ยวมันจะติดนะเอ็ม ก็เอ็มเคยสัญญากับเราแล้วไง ว่าแค่ครั้งนั้นครั้งเดียว นายสัญญากับเราแล้วนะเอ็ม ”
“ ก็แล้วไง? ทีนายยังผิดสัญญาได้เลย น่า.. นะ.. ขอเราบ้าง อีกครั้งนึงจริงๆ เราอยากลืมความทุกข์ ”
เอ็มไม่รอให้ปอนตอบรับคำขอ เขาจัดการทุกอย่างด้วยตัวเอง แล้วก็เริ่มเสพ ปอนได้แต่นั่งมองนิ่งงันอยู่เช่นนั้นด้วยว่าไม่รู้จะกล่าวห้ามปรามเช่นไรดี เพราะตัวเขาเองก็เป็นผู้ผิดสัญญาเช่นกัน จากนั้น.. ทั้งคู่ก็ผลัดกันเสพร่วมกัน จนเริ่มรู้สึกมึนเมาและเคลิบเคลิ้มมากขึ้น อารมณ์ปรารถนาในส่วนลึก ก็เริ่มก่อตัวขึ้นอีกครั้ง เอ็มลูบไล้แผงอกของปอนเบาๆอย่างสุดแสนเสน่หา แล้วเอ็มก็เอ่ยกระซิบเบาๆที่หูปอนด้วยน้ำเสียงรัญจวนใจ และดวงตาที่ฉ่ำเยิ้ม เพราะความมึนเมาและกระหายรัก
“ พอเริ่มเมาแล้วลืมความทุกข์ได้จริงๆ ตอนนี้.. อากาศร้อนอบอ้าวจังเลย เราไปอาบน้ำด้วยกันนะปอน ”
กล่าวจบเอ็มก็ประกบริมฝีปากจูบปอนอย่างดูดดื่ม แล้วค่อยๆปลดเปลื้องอาภรณ์ให้กันและกันออกจนเปลือยเปล่า แล้วทั้งคู่ก็ตระกองกอดและเดินเคียงกันตรงไปยังห้องน้ำ.. จากสัมผัสของสายน้ำอันเย็นฉ่ำและความมึนเมาจากยาที่เสพ ทำให้ความตึงเครียดจากอารมณ์เศร้าของเอ็มผ่อนคลายลงบ้าง ทั้งคู่ต่างลูบไล้เรือนร่างซึ่งกันและกันภายใต้สายน้ำอันเย็นฉ่ำชื่นใจของฝักบัว ซึ่ง.. มันก็ยิ่งเพิ่มความปรารถนาในอารมณ์ใคร่ให้คุโชนมากขึ้น จนกระทั่ง.. เอ็มรู้สึกเกินที่จะทานทนได้อีกต่อไปและอยากที่จะปลดปล่อยออกมาเต็มที แล้ว.. เอ็มก็เอ่ยกับปอนด้วยน้ำเสียงกระเส่าที่ดูจะเร้าอารมณ์ เขาโอบกอดแนบชิดใกล้ จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆของปอน แล้วเขาก็.. เอ่ยขอบางสิ่งกับปอนในทันที
“ ปอน.. เราขอนะปอน เราไม่ไหวแล้ว ”
“ จะดีเหรอ? ถุงยางหมดนะ หมดตั้งแต่เมื่อคืนที่ปอนใช้กับเอ็ม เราผลัดกันช่วยให้เสร็จดีกว่านะ ไม่ต้องทำหรอก ”
“ ไม่เอา.. เราอยากทำ หมดก็ไม่เห็นเป็นไร ไม่ต้องใช้ก็ได้ เราเชื่อใจปอนนะ เราทั้งคู่ต่างก็มีแค่กันและกันนี่นา ไม่เห็นจำเป็นต้องใช้เลย เราอยากทำ เมื่อคืนปอนทำเราแล้ว ตอนนี้.. เรา.. ขอเป็นคนทำบ้าง นะปอน ”
“ แต่.. ”
มิทันที่ปอนจะกล่าวเช่นไรต่อ เขาก็ถูกประกบปากจูบอย่างดูดดื่มอีกครั้ง จาก.. รสสัมผัสอันเร่าร้อน ทำให้.. แรงปรารถนาในใจของปอนคุโชนมากขึ้น จนยากที่จะขัดใจได้อีกต่อไป แม้ว่าเขา.. จะรู้สึกกังวลใจในเรื่องที่ไม่มีเครื่องป้องกันอยู่บ้างก็ตาม.. ลีลารักเริ่มรุนแรงและเร่าร้อนขึ้นทุกที เมื่อร่างเปลือย 2 ร่างทาบทับ ประกบและแนบชิดจนราวกับเป็นเนื้อเดียวกัน การเคลื่อนไหว เริ่มดุดันและรุนแรงขึ้น แต่.. ถึงกระนั้น ก็สร้างความรัญจวนใจให้ปอนได้ไม่น้อยเลย เอ็มเริ่มเคลื่อนไหวร่างกายของเขา เร็วขึ้น และเร็วขึ้น.. จนในที่สุด ก็บรรลุถึงฝั่งฝันด้วยความหฤหรรษ์ในอารมณ์ปราถนาอันสุดแสนจะอิ่มเอิบ ทั้งคู่สำเร็จสุขสมในเวลาไล่เลี่ยกัน เอ็มโอบกอดและหอบเบาๆที่แผ่นหลังของปอนด้วยความเหนื่อยอ่อนอยู่เช่นนั้นครู่หนึ่ง จากนั้น.. เขาก็เชยคางปอนขึ้นมาประกบปากจุมพิตอย่างอ่อนหวานอีกครั้ง ด้วยความรักใคร่ และสุดแสนที่จะเสน่หา
.
.
.
.
เวลาผ่านไป..

ในหลายวันมานี้.. ปอนรู้สึกไม่ค่อยสบายเป็นอย่างมาก มีอาการแปลกๆเกิดขึ้นกับเขาหลายอย่าง เขาจึงหาซื้อยามากิน ตามอาการของการป่วยที่เกิดขึ้น ซึ่งมันก็พอจะทุเลาลงบ้าง แต่ก็ไม่เคยหายขาด อาการป่วยแบบต่างๆดูเหมือนจะดีอยู่เป็นช่วงๆ แล้วก็กลับมาอยู่ในรูปเดิมอีก เป็นเช่นนี้มาเป็นเวลานานแล้ว แต่.. ในระยะหลังนี้ เรี่ยวแรงเขาก็เริ่มถดถอยและอ่อนล้าลงทุกที แต่กระนั้น.. เขายังต้องฝืนใจและอดทนเพื่อหาเงินมาให้ได้ เขาเริ่มเสพยาหนักขึ้น ยา.. ช่วยให้เขามีความกล้าและพอจะมีเรี่ยวแรงขึ้น ที่จะ.. ใช่.. เขาจำเป็นต้องทำ การที่มีเอ็มมาอยู่ด้วยทำให้เกิดภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้น แม้ว่าเอ็มจะช่วยค่าใช้จ่ายบ้าง แต่.. จากรายได้ของเอ็ม ดูมันช่างน้อยนิดเสียเหลือเกิน จริงๆแล้ว เขาก็มิได้อยากให้เอ็มทำงานพิเศษเลย เพราะมันดูจะเหน็ดเหนื่อยและได้ค่าตอบแทนน้อย แต่.. เอ็มก็ยืนกรานที่จะทำ ในเมื่อ.. เพื่อเป็นความสบายใจของเอ็มเขาจึงยอม จริงๆแล้ว เขาอยากจะเป็นคนดูแลรับผิดชอบเอ็มในทุกๆเรื่องเท่าที่เขาจะสามารถทำได้ เพราะเขารักเอ็มมากจริงๆ ตลอดเวลาที่ผ่านมา ปอนขายบริการความใคร่กับทุกผู้ทุกนามที่กระหายรักจากตัวเขาไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือเกย์ สำหรับเขาแล้ว.. เขาสามารถตอบสนองได้ทุกอย่างตามที่ลูกค้าต้องการ ซึ่งมันดูจะเป็นอาชีพเดียวที่เหน็ดเหนื่อยน้อยที่สุด และได้ค่าตอบแทนค่อนข้างมากจากความอ่อนเยาว์ และรูปลักษณ์ที่ดูดีของเขา ก่อนหน้าที่เอ็มจะมาอยู่กับเขา เขาก็ทำบ้างเป็นครั้งคราว ไม่ได้จริงจังนัก เพียงเพื่อความสนุก และหาเงินใช้ไปวันๆ เพื่อความอยู่รอดที่เขาต้องพึ่งพาตนเอง แต่.. ภายหลังจากที่เอ็มมาอยู่ด้วย เขาจึงจำเป็นต้องทำมากขึ้นและถี่ขึ้น เพื่อที่จะหาเงินให้ได้มากขึ้น ตลอดเวลาที่ผ่านมา.. นับแต่.. ที่เขาเริ่มอาชีพขายบริการในแบบลับๆแบบนี้ ในบางคราว.. เขาก็ยอมที่จะหลีกเลี่ยงเครื่องป้องกันจากลูกค้าที่กระหายความใคร่ ที่ต้องการสอดใส่ที่ดูเป็นธรรมชาติ เพื่อแลกกับเงินค่าตอบแทนที่เพิ่มมากขึ้น แม้เขาจะเคยรู้สึกกังวล ว่ามันอาจจะเสี่ยงที่จะติดโรคร้าย แต่.. ความต้องการเงินนั้นมีมากกว่า เขาจึงพยายามปลอบใจตนเองเสมอมาว่า.. ลูกค้าที่ดูดีดูสมบูรณ์แบบนี้ คงไม่มีโรคหรอก เขาจะเลือกทำแบบนี้กับลูกค้าที่มองภายนอกแล้วพอจะอุ่นใจได้ว่า.. ไม่น่าที่จะเป็นการเสี่ยง โดยที่เขาหารู้ไม่ว่า.. นั่นคือความประมาทที่จะนำหายนะมาสู่เขา เพียงเพราะต้องการเงินที่มากขึ้น แค่นี้กระนั้นหรือ? การที่ปอนทำแบบนี้ เป็นสิ่งเอ็มไม่เคยรู้เลย เขาจะปกปิดตลอดเวลา และจะให้เอ็มรู้ไม่ได้เป็นอันขาด ในยามที่เขาและเอ็มมีอะไรกันด้วยความเสน่หา เขาจะพยายามที่จะใช้เครื่องป้องกันแทบทุกครั้งด้วยความเป็นห่วงเอ็ม มันอาจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ เพราะเขาอยู่ในอาชีพที่อยู่ในการเสี่ยงในการที่จะติดโรคร้ายแรงที่ไม่มีวันรักษาแบบนี้ หลายต่อหลายครั้ง ที่ทั้งคู่เสพสุขกันโดยไร้เครื่องป้องกัน โดยเอ็มจะเชื่อใจเขาเสมอ ว่า.. ปอนมีเพียงเอ็มเท่านั้น มิได้มีใครอื่นอีก แต่เพราะความมัวเมาในเพศรสกับเอ็มจนเกินห้ามใจ ทำให้.. บ่อยครั้ง ที่เขาละเลยในการใช้เครื่องป้องกันตามความตั้งใจเขาแต่แรกอยู่บ้าง จนเมื่อ.. พอเสร็จกิจ เขาก็มานึกกังวลในความปลอดภัยของเอ็ม ผู้ที่เรารักอย่างมากมาย แต่.. เขาก็พยายามปลุกปลอบใจ ว่ามันคงจะไม่มีอะไร? เขาพยายามคิดเช่นนั้นเพื่อให้เกิดความสบายใจ ซึ่งดูเหมือน.. มันจะเป็นการหลอกตัวเองไม่ให้เกิดความกังวล โดยที่เขาหารู้ไม่ว่า.. มันช่าง.. เป็นความประมาทเหลือเกิน..
.
.
.
.
ปอนนั่งรอผลตรวจเลือดด้วยความกระวนกระวายใจ จนถึงในวันนี้.. เขาตัดสินใจแล้ว ที่จะมาตรวจเลือด เพราะเขารู้สึกสังหรณ์ใจเหลือเกินว่า.. สิ่งผิดปกติหลายสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขามาเป็นระยะเวลายาวนาน ความอ่อนล้าและเรี่ยวแรงที่ถดถอยลงทุกวัน มันอาจจะเป็นดังเช่นที่เขาคิด  เขาตกอยู่ในความเสี่ยงมาเป็นเระยะวลายาวนาน มันอาจจะเกิดขึ้นได้ แม้เขาจะรู้สึกหวาดวั่น และหวาดกลัว แต่.. เขาก็จำเป็นต้องรู้.. จำเป็นต้องรู้ แม้จะไม่อยากรู้เลยก็ตาม และนั่น.. ผลตรวจออกมาแล้ว และ.. ผลการตรวจเลือดของเขาก็แสดงผลออกมาว่า..
.
.
.
.
วันนี้.. เอ็มขอกลับก่อนเวลางาน เพราะตั้งแต่เช้าที่เริ่มทำงาน เขารู้สึกไม่สบายใจ และกระวนกระวายใจอย่างไรชอบกล ภายหลังจากที่เริ่มทำงานไปได้ไม่นาน เขาก็ตัดสินใจขอลากลับก่อน โดยจำต้องพูดปด โดยอ้างว่า.. เขารู้สึกไม่ค่อยสบาย จนเมื่อเขามาถึงที่พัก และเปิดประตูห้องเข้ามา เขาก็พบว่า.. ปอนกำลังเก็บของ เหมือนกำลังจะไปไหน? จริงอยู่ว่า.. นับแต่เอ็มมาอยู่ร่วมกับปอน บางครั้งปอนก็ไม่ค่อยกลับห้อง เขามักไปค้างอ้างแรมที่อื่นอยู่บ่อยครั้ง เขาถามทีไรปอนก็มักจะตอบว่า.. กลับไปบ้าน ไปค้างที่บ้าน เพื่อไปขอเงินมาใช้ ซึ่งเขาก็เชื่อเสมอ เพราะ.. เมื่อปอนกลับมาทุกครั้ง ปอนจะได้เงินมาจนเต็มกระเป๋า แต่.. ในวันนี้.. มันดูแปลกไป ปอนเก็บข้าวของส่วนตัวจนเต็มกระเป๋าเดินทาง จนดูราวกับว่า.. ปอนจะไม่กลับมาที่นี่อีกแล้ว นี่มันเกิดอะไรขึ้น? เขาเห็นดังนั้น.. จึงรีบเอ่ยถามออกไปในทันที..
“ ปอน.. นั่นปอนจะไปไหน? ”
ปอนมัวง่วนอยู่กับการจัดเก็บสิ่งของ จนไม่รู้สึกตัวเลยว่า เอ็มได้กลับมาแล้ว และลอบมองเขาอยู่เช่นนี้มาได้ครู่ใหญ่แล้ว เขาเหลือบตามองมาตามเสียงเอ่ยถามของเอ็มก็รู้สึกตกใจและระคนแปลกใจ
“ เอ็ม ทำไมวันนี้กลับมาเร็วจัง ทุกทีเอ็มกลับเย็นๆนี่นา ”
“ เราจะกลับเร็ว กลับช้าก็ช่างเถิด นายยังไม่ตอบเราเลย.. ว่านายจะไปไหน? นายเก็บของ จนดูเหมือนกับว่านายจะไม่กลับมาที่นี่อีกแล้ว นี่ปอนกำลังจะไปไหน? ”
“ เรา.. เรา.. เอ่อ.. เราจะไปสักพักหนึ่ง ช่วงนี้เอ็มอยู่คนเดียวไปก่อนนะ เราจะทิ้งเงินไว้ให้ก้อนหนึ่ง เอ็มคงจะพอใช้ไปได้สักระยะ เราจำเป็นต้องไปจริงๆ ขอโทษด้วยนะ ”
“ ไปไหน? จำเป็นขนาดไหนที่จะต้องไป บอกมาเดี๋ยวนี้นะ หรือว่า.. ปอนจะทิ้งเรา ปอนไม่รักเอ็มแล้วเหรอ? ”
“ ไม่.. ไม่ใช่ ปอนรักเอ็ม เอ็มเป็นคนเพียงคนเดียวที่ปอนรักที่สุด แต่.. เรา.. เราจำเป็นต้องไป เราไม่อยากให้.. ”
ปอนกล่าวได้เพียงแค่นั้น ก็ดึงเอ็มเข้ามากอด เขาสะอื้นร่ำไห้ซบอยู่กับอกของเอ็ม โดยไม่กล่าวอะไรอีก ดูเขาจะเศร้าโศกเสียใจเป็นที่สุด นี่มันเกิดอะไรขึ้น? เอ็มรู้สึกงงงันเป็นอย่างยิ่ง คนที่ดูจะแกร่ง และเข้าใจชีวิตมากมายแบบปอน ทำไมในตอนนี้.. เขาจึงดูอ่อนแอ และดูเหมือนกับจะต้องการที่พึ่งมากมายขนาดนี้ จากรูปการณ์ที่เขาเห็น คนที่อารมณ์อ่อนไหวแบบเอ็มเริ่มรู้สึกสะเทือนใจตามไปด้วย น้ำตาเขาเริ่มปริ่มออกมา และเริ่มรู้สึกเศร้าตาม แม้ว่าเขาจะไม่รู้สาเหตุของความเศร้าของเอ็มเลยก็ตาม เขาขยับจะถาม.. ก็ดูเหมือนกับว่า.. ปอนจะไม่พร้อมที่จะตอบคำถามใดๆทั้งสิ้นในตอนนี้เลย..

********

*โปรดติดตามตอนต่อไปเร็วๆนี้ครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-03-2009 17:32:51 โดย Pikachu »

High_Wizard

  • บุคคลทั่วไป
 :o12: เขาเป็นแน่ๆเลย เป็นเอดส์อ่า






เป็นกำลังใจให้นะซี........แล้วมาต่ออีกนะเว้ย

nanalonely

  • บุคคลทั่วไป
:a5:เฮ้ยยย





อย่าบอกนะว่าเป็น....

มาต่อด่วนซี มันค้างงง

ไม่อยากเดา กลัวถูก

mantdash

  • บุคคลทั่วไป
อืมอ่านจากตอนนี้ก็สอดคล้องกับตอนเปิดเรื่องพอดี

เป็นเอดส์แล้วก็ติดต่อกัน

น่าสงสารเอ็มจริงๆ :m15:

รอดูว่าวินจะคิดอะไรยังไง อิอิ

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
สงสารทั้งคู่เลย แล้ว ปอน จะบอก เอ็ม มั้ย ว่า กำลังป่วยอะ   :monkeysad:

namtaan

  • บุคคลทั่วไป
เอดส์ถามหา
ตอบคำถามที่ค้างคาใจไว้ตอนเริ่มต้นเรื่องได้แล้ว ว่าสองหนุ่มเป็นอะไร
ปอนตายก่อน แล้วเอ็มฆ่าตัวตายตามนั่นเอง

สไตล์การเขียนคงเส้นคงวาในความเป็นซีจริงๆ
ค้นพบแนวของตัวเองชัดเจนแล้วสิจ๊ะคุณน้อง
สมกับที่ทำการบ้านมามากมาย
บวก 1 ให้น้องซีนะจ๊ะ  :กอด1:

ปล ตอนนี้รีบพิมพ์หรือเปล่าเอ่ย มีผิดเล็กน้อย และชื่อตัวละครสลับกันอยู่บ้างจ้า

pickki_a

  • บุคคลทั่วไป
เห็นด้วยกับรีที่ผ่านๆ มา  :call: :call:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ DEMON3132

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +170/-1
มา  :กอด1: เป็นกำลังใจให้คุณซีนะคะ เนื้อเรื่องตอนนี้เข้มข้นมาก แม้จะเริ่มเดาออกแล้วว่าจะเป็นไปทางไหน
และสาเหตุที่ทำให้เอ็มต้องฆ่าตัวตาย แต่ตอนนี้ยังเป็นเพียงเบื้องหลังก่อนที่เอ็มจะมาเป็นวิญญาณ ตอนมีชีวิต
ก็น่าสงสาร แม้ตอนตายก็ยังทำให้เศร้าได้อีก เนื่อเรื่องบางตอนเหมือนในชีวิตจริง และบางตอนแม้จะเป็นเรื่องแต่ง
แต่ก็สัมพันธ์กันเป็นอย่างดี ถึงจะเศร้าแต่ก็ทำให้ทิ้งไม่ได้ ต้องคอยติดตามไปเรื่อย ๆ ขอบคุณคุณซีมากค่ะ
จะรอตอนต่อไปนะคะ  :L1: :pig4:

Pikachu

  • บุคคลทั่วไป
ขอขอบพระคุณ คอมเม้นจากคุณกอป High_Wizard, คอมเม้นจากพี่แนน nana lon€ly™,
คอมเม้นจากพี่ mantdash, คอมเม้นจากพี่ dahlia, คอมเม้นจากพี่ namtaan, คอมเม้นจากพี่ pickki_a,
คอมเม้นจากพี่ supranee อยากจะบอกพี่ supranee ว่า ผมขอโทษครับที่ทำให้เศร้ามาหลายตอนเลย แฮ่ๆ วันนี้ขอเศร้าอีกครั้งนะครับ ตอนต่อจากนี้.. ไม่มีเศร้าแล้ววว จริงๆน้า แหะๆ
ขอบคุณทุกคอมเม้นมากๆนะครับที่ให้กำลังใจนะครับผม^^

. . . .

ในตอนใหม่นี้.. คือบทสรุปเรื่องราวของพี่เอ็มเมื่อครั้งมีชีวิตครับ ในตอนนี้.. จะเฉลยทั้งหมดจากบทนำที่เกริ่นมาตั้งแต่ในตอนแรกนะครับ เรื่องราวชีวิตช่างดูเศร้ารันทดจริงๆ ที่แต่งออกมาแบบนี้ คือผมคิดว่า.. คนเราถ้าชีวิตไม่ถึงที่สุดของความเศร้า ก็คงไม่มีใครคิดฆ่าตัวตายหรอกนะครับ เพราะมันเป็นทางเลือกสุดท้ายที่รุนแรงมากครับ ในตอนต่อคราวหน้า ชีวินจะหาวิธีได้อย่างไร? ลองติดตามต่อไปนะครับผม วันนี้.. ติดตามตอนต่อกันได้เลยครับ

เรื่องราวของเอ็ม (4)


ปอนสะอื้นร่ำไห้อยู่กับอกของเอ็มอยู่ครู่ใหญ่โดยไม่กล่าวสิ่งใดออกมาเลย จวบจน.. เขารู้สึกว่า.. ได้ปลดปล่อยความเศร้าโศกมาเพียงพอแล้ว เขาจึงกลั้นสะอื้นและยืนนิ่งทำใจอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้น.. เขาจึงล้วงสิ่งของบางอย่างออกมาส่งให้เอ็ม ซึ่งมันเป็นซองจดหมายสีขาว แต่ค่อนข้างหนาจากสิ่งของที่บรรจุอยู่ภายใน พร้อมกับกล่าวกับเอ็มว่า..
“ ขอโทษนะเอ็ม ปอนคงต้องไปก่อน จริงๆแล้วเราอยากไปเงียบๆ เราไม่คิดว่า.. เอ็มจะกลับมาเร็ว ไม่ใช่ว่าเราอยากจะทอดทิ้งเอ็มหรอกนะ แต่เราจำเป็นจริงๆ ที่เราจะแอบไปเงียบๆแบบนี้ เพราะ.. เรา.. กลัวทำใจไม่ได้ เรารู้สึกว่า.. เราขาดเอ็มไม่ได้ แต่.. แต่.. เราจำเป็น ส่วนนี่.. เก็บเอาไว้ใช้นะ ไม่ต้องคิดอะไรมาก เราตั้งใจให้เอ็มจริงๆ ขอโทษนะ.. ปอนไปก่อนนะ ”
ปอนกล่าวจบพร้อมน้ำตาที่ไหลรินออกมาอีกครั้ง เขาพยายามตัดใจ แล้วฉวยกระเป๋าพร้อมกับกำลังจะก้าวเดินออกไป เอ็มได้ฟังคำพูดและเห็นท่าทีดังนั้น เขารีบคว้ากระเป๋าจากมือปอนแล้วเหวี่ยงออกไป เขาผลักอกปอนจนลงไปนั่งบนเตียง แล้วเขาก็รีบตรงไปกดล๊อคประตูแล้วยืนขวางไว้เช่นนั้น พร้อมกับกล่าวว่า..
“ ปอนจะไปไหนไม่ได้ จะจำเป็นแค่ไหนก็ไปไม่ได้ จนกว่า.. จะบอกเราก่อน ว่าเกิดอะไรขึ้น? แล้วนี่.. อะไร? ”
ปอนไม่กล่าวตอบว่ากระไร? เขาเอามือปิดหน้าและร่ำไห้ออกมาอย่างหนักด้วยความเศร้าสะเทือนใจ เอ็มเห็นดังนั้น เขาก็ยิ่งคลางแคลงใจ เขาแกะซองหนาที่ปอนมอบให้ออกดู แล้วเขาก็พบว่า.. มันคือ.. ธนบัตรจำนวนมากพอควร มันเป็นเงินที่ค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว และภายในนั้น ยังมีกระดาษที่ดูจะเหมือนเป็นจดหมายที่ปอนเขียนถึงเขา เขาจึงคลี่ออกดู พร้อมกับอ่านเนื้อความในจดหมายนั้น ซึ่งมันมีใจความว่า..
. . . .
.
.
ถึงเอ็ม.. ผู้ที่ปอนรักอย่างสุดหัวใจ
เอ็ม.. ปอนต้องขอโทษ ที่ปอนจำต้องจากเอ็มไปเงียบๆแบบนี้ แม้จะรู้สึกว่า.. ไม่อยากทำเช่นนี้เลย เพราะปอนรู้จิตใจของตัวเองดี ว่า.. ในชีวิตนี้.. ปอนขาดเอ็มไม่ได้ แต่.. ปอนก็ต้องไป เพราะ.. ปอนกำลังจะตาย ปอนเป็นโรคร้ายที่เข้าสู่ระดับ 3 แล้ว มันไม่มีทางเยียวยา ปอนกำลังจะตายอย่างทุกข์ทรมาน ปอนไม่อยากให้เอ็มเห็นสภาพนั้นของปอนที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า ปอนคงทนไม่ได้ อีกทั้ง.. กว่าที่ปอนจะสิ้นลม มันจะเป็นภาระที่หนักหน่วง ถ่วงเอ็มมากขึ้นไปอีก เพราะเมื่อถึงเวลานั้น ปอนคงช่วยเหลือตัวเองไม่ได้อีกแล้ว.. เอ็มอาจจะสงสัย ว่าปอนไปติดโรคร้ายมากจากไหน? ใช่.. มันเป็นเช่นที่เอ็มคิด ปอนมั่วส่ำส่อนกับคนไม่เลือกหน้า ปอนเลว ปอนยอมรับ แต่ที่ปอนทำ ไม่ใช่เพราะปอนกระหายรักจนเติมไม่เต็มหรอกนะ ปอนทำเพื่อเงิน ปอนอยากได้เงินเยอะๆ ปอนอยากให้เอ็มสบาย ปอนอยากมีเงินมากๆเพื่อดูแลเอ็มได้เต็มที่ จริงอยู่ว่า.. ปอนทำแบบนี้มานานแล้วก่อนที่เอ็มจะมาอยู่กับปอนเสียอีก แต่ปอนก็ทำเพื่อความอยู่รอดของปอนนะ ปอนต้องดูแลช่วยเหลือตัวเอง งานแบบนี้คืองานง่ายๆ สบายๆ ได้ค่าตอบแทนเยอะ ปอนคิดแบบคนสิ้นคิดแบบนี้แหละ คนอย่างปอนก็ระยำเหลวแหลกแบบนี้ แต่.. ปอนก็รักเอ็มจริงๆนะ เอ็มคือคนที่ใช่ของปอน คือคนที่ปอนรักมากที่สุด รักมากกว่าตัวของปอนเสียอีก มันเป็นความรู้สึกจริงๆที่ปอนมีให้เอ็มตลอดมา ปอนไม่รู้ตัวจริงๆว่าติดโรคร้ายมาตั้งแต่ตอนไหน? มันอาจจะเป็นมานานแล้ว เพราะจนถึงในวันนี้ มันเข้าสู่ระยะอันตรายแล้ว ปอนจึงอยากให้เอ็มไปตรวจเลือด เอ็มอาจจะติดโรคร้ายจากปอนไปแล้ว หลายครั้งที่เรามีอะไรกัน ปอนอยากป้องกันทุกครั้ง เพราะปอนเป็นห่วง มันเสี่ยง แต่.. ปอนก็ยังละเลย ปอนเลวจริงๆ ขอโทษนะเอ็ม ปอนรู้.. ว่ามันเป็นสิ่งที่เกินกว่าจะยกโทษให้ได้ แต่ปอนไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ไปตรวจเลือดเสียเถิดนะ อย่างน้อยๆจะได้รู้และจะได้ดูแลตัวเองให้อยู่ไปได้อีกยาวนาน เอ็มอาจจะยังไม่ถึงขั้นร้ายแรงแบบปอน ปอนจำต้องจากไปแบบนี้ แม้ไม่อยากทำ ก็ต้องทำ เพราะปอนเป็นห่วงเอ็ม ไม่อยากให้เอ็มต้องเป็นภาระ เอ็มจะได้มีเวลาดูแลตัวเองมากๆ เงินจำนวนนี้ เป็นเงินทั้งหมดที่ปอนหาได้จาการขายความใคร่ครั้งสุดท้าย ปอนขอมอบให้เอ็มทั้งหมด เอาไว้ใช้จ่ายและบำรุงรักษาตัวเอง มันเป็นสิ่งสุดท้ายที่ปอนอยากจะให้เอ็ม ลาก่อนนะเอ็ม ไม่ต้องตามหาปอน เอาเวลานั้นดูแลตัวเองให้ดี เอ็มจะอยู่ในความทรงจำที่ดีของปอนตลอดไป
รักเสมอ.. และรักอย่างสุดหัวใจ
ปอน

.
.
. . . .
เอ็มอ่านเนื้อความในจดหมายจบลงด้วยความเศร้าสะเทือนใจอย่างที่สุด ความรู้สึกเขาที่เกิดขึ้นเมื่อรับรู้ความจริงเช่นนี้ มันคือ.. การรับรู้ถึงการเสียสละอันยิ่งใหญ่ ปอนคนนี้ คนคนนี้ รักเขามากขนาดนี้เชียวหรือ? ถึงแม้.. เขาจะต้องติดโรคร้าย ถึงแม้เขาจะต้องตาย แต่.. การได้เกิดมาในชีวิตหนึ่ง แล้วมีชายคนนี้ คนที่รักเขาอย่างสุดหัวใจขนาดนี้ ชีวิตนี้เขายังจะต้องการอะไรอีก? เขาเอ่ยกระแทกเสียงใส่ปอนด้วยอารมณ์ที่เกินจะบรรยายได้ในขณะนั้นด้วยน้ำตาที่เนืองนองเต็มใบหน้า ใช่.. มันคือความโกรธ ความโกรธที่เกิดจากปอนที่จะแอบหนีเขาไปตายเงียบๆเพียงคนเดียวด้วยความเป็นห่วงเขา มันมิใช่ความโกรธที่เขาจะต้องติดโรคร้ายจากปอนเลย เขารู้ดีว่า.. ปอนไม่ได้ตั้งใจให้เกิดเช่นนั้นแน่นอน..
“ ปอน ทำไม? ทำไมปอนเป็นคนแบบนี้ ทำไม? ”
“ เอ็ม ปอนขอโทษ ปอนไม่ได้ตั้งใจ ปอน ปอน.. ”
“ หยุด ไม่ต้องพูด.. ไม่ต้องพูดอะไรอีก ”
กล่าวจบ เอ็มก็โผเข้ากอดปอนแน่น แล้วทั้งคู่ต่างก็สะอี้นร่ำไห้อย่างหนัก เอ็มเอามือเกลี่ยน้ำตาบนใบหน้าพร้อมก็เอ่ยกับปอนด้วยเสียงสะอื้นและน้ำตาที่เนืองนองกลบตาจนพร่าเลือนว่า..
“ ปอน.. ทำไมปอนเป็นคนแบบนี้ ทำไม? ปอนจึงดูถูกน้ำใจของเราแบบนี้ คิดเหรอว่า.. การทำแบบนี้ จะเป็นสิ่งทีดีที่สุดสำหรับเรา ปอนจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น ปอนต้องอยู่ที่นี่ ถ้าจะต้องตาย ก็ต้องตายด้วยกันที่นี่ สัญญากันแล้วไม่ใช่เหรอ? ว่าเราจะไม่ทอดทิ้งกัน ”
“ แต่.. แต่ปอนเลว ปอนทำให้เอ็มต้องมาติดโรคร้าย ปอนไม่ซื่อสัตย์ ปอนมั่วสำส่อน ปอนไม่คู่ควรกับเอ็มเลย ปอน.. ปอน ”
“ แล้วไง? ติดโรคร้ายแล้วไง ถ้ามันจะเกิดขึ้น มันก็ต้องเกิด มันคงห้ามไม่ได้ ถึงอย่างไร สิ่งที่ปอนทำ มันช่างเป็นการเสียสละ และมีคุณค่ากับเราที่สุด แล้วนี่.. ปอนเห็นเราเป็นอะไร? ปอนไม่รู้จิตใจเอ็มหรอกเหรอว่า.. เอ็มรักปอนขนาดไหน? ปอนยังจะทิ้งเราหนีหายไปอีก รู้ไหมถ้าเราไม่สังหรณ์ใจ และไม่กลับมาเร็ว จนถึงเวลานั้น.. เราคงจะไม่ได้พบปอนอีกแล้ว มันจะทำให้.. เราจะรู้สึกทรมานใจขนาดไหน? ทำไมปอนถึงใจร้ายกับเราขนาดนี้ ”
“ เอ็ม.. เอ็มไม่โกรธปอนเหรอ? ที่ปอนทำให้เอ็มต้อง.. ”
“ ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว อย่าหนีเราไปไหนอีก เราต้องอยู่ด้วยกันแบบนี้ห้ามหนีเราไปนะ ไม่เช่นนั้น.. เอ็มจะไม่ให้อภัยปอนอีกเลย เอ็มรักปอนมากนะ เอ็มจะดูแลปอนเอง จะอยู่เคียงข้างแบบนี้ ถ้าปอนจะต้องตาย เราก็จะตามปอนไป เราไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น ขอแค่.. เรามีปอน เราก็พอใจแล้ว เข้าใจไหม? ”
“ เอ็ม.. เอ็ม.. ทำไมเอ็มช่าง.. ”
ทั้งคู่.. มิอาจกล่าวสิ่งใดออกมาได้อีก แม้จะอยู่ในอารมณ์โศกเศร้าขนาดไหน แต่.. ในความเศร้านั้น.. มันแฝงด้วยความอิ่มใจ อิ่มเอิบตื้นตันในความรัก ความเข้าใจกัน ที่มีให้แก่กันและกันด้วยความจริงใจ ทั้งสองสะอื้นร่ำไห้อยู่เช่นนั้นเนิ่นนาน ต่างช่วยซับน้ำตาให้กันและกัน และเอ็มก็ตั้งใจว่า.. เขาจะอยู่เคียงปอนเช่นนี้ ไม่ทิ้งห่างหนีหายไปไหน ตราบจน.. เวลาในวาระสุดท้ายของปอนจะหมดลง..
.
.
.
.
เวลาได้ผ่านไปเนิ่นนานแล้ว.. 

ภายหลังจากที่ปอนต้องอยู่ในความทุกข์ทรมานจากโรคร้าย ที่กัดกร่อนซากร่างที่ไม่หลงเหลือเค้าความงดงามสมบูรณ์เมื่อครั้งอดีตที่ดูสดใสในวัยอ่อนเยาว์มาเป็นเวลายาวนาน ลมหายใจเขาก็หยุดลง พร้อมกับดวงตาที่เบิกโพลง เขาจากไปพร้อมกับความห่วงกังวลใจที่มีให้กับชายคนรัก ชายคนนี้.. ที่อยู่กับเขา ตราบจนวาระสุดท้าย เอ็มเอามือปิดเปลือกตาที่เบิกโพลงของชายคนรักที่จากไป แม้เขาจะเศร้าสะเทือนใจขนาดไหน? แต่.. น้ำตาก็ไม่ไหลอีกแล้ว น้ำตาเขาเหือดแห้งไปแล้ว พร้อมๆกับลมหายใจของปอนซึ่งเป็นคนที่เขารักได้หยุดลง เขาไม่เหลือใครอีกแล้ว ไม่มีอีกแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่าง.. มันจบลงหมดแล้ว แล้วนี่เขาจะอยู่เพื่ออะไร? เขาก็นั่งจมอยู่กับความคิดตัวเองเงียบๆเช่นนั้นเนิ่นนานด้วยความทุกข์ทรมานและกังวล แล้ว.. เขาก็เหลือบมองไปซากร่างที่กำลังซีดเซียวหมองคล้ำและกำลังแข็งทื่อไร้ชีวิตนั้นอีกครั้ง มองนิ่งๆอยู่เข่นนั้นครู่หนึ่ง หลังจากนั้น.. เขาก็หันไปหยิบของบางอย่างมาเสพ เสพเพื่อให้ลืมความกลัดกลุ้ม ความทุกข์ใจ ความสะเทือนใจ และทำให้เขากล้าที่จะทำอะไรบางอย่าง เมื่อเขาเสพจนรู้สึกมึนเมา เคลิบเคลิ้ม จมดิ่งอยู่ในห้วงลึกแห่งอารมณ์ สติเขาดูเหมือนจะกำลังจะเลื่อนลอย แต่.. ใจเขากลับฮึกเหิมมากขึ้น เขาหันไปหยิบของบางอย่างที่บางเฉียบและคมกริบ กดลงและปาดตรงบริเวณเส้นเลือดตรงข้อมือ นั่นคือสิ่งที่เขากำลังทำ และนั่น.. เป็นสิ่งที่เขาได้ตัดสินใจแล้ว.. ตัดสินใจที่จะทำเช่นนั้น..
.
.
.
.
เอ็มสัมผัสได้ถึงกลิ่นคาวคละคลุ้ง และโลหิตแดงฉานที่ไหลเนืองนอง แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เขานึกประหวั่นแต่อย่างใดแม้จะรู้สึกเจ็บแปลบปลาบบริเวณบาดแผลที่ลึกและกว้างนั้นก็ตาม โลหิตเขาไหลรินออกมามากมายเหลือเกิน มันทำให้เขาเริ่มรู้สึกอ่อนแรงลงทุกที สติก็เริ่มพร่าเลือนลง แต่ในความรู้สึกนั้น.. มันกลับทำให้เขารู้สึกปลดปล่อย อาจจะเป็นเพราะฤทธิ์ยาที่เสพ หรือว่า.. เขารู้สึกปลดปล่อยเช่นนั้นจริงๆตามความรู้สึกก็เป็นได้กระมัง? มันจะเป็นเช่นนั้นจริงๆหรือเปล่า? เขาก็หาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ เขานั่งมองบาดแผลจากฝีมือตัวเองที่บริเวณข้อมือด้วยดวงตาที่เย็นชา แต่แฝงไปด้วย.. ความสา สะใจ แล้วเขาก็เอ่ยพูดพึมพำกับตัวเองเบาๆเหมือนคนละเมอ เขาเอ่ยพร่ำเพ้อซ้ำซาก ถึงเรื่องราวของชีวิตและความรักอันแสนรันทดของเขาอยู่เช่นนั้น จวบจน.. เขาเริ่มอ่อนแรงลงทุกที จนในที่สุด.. ลมหายใจเขาก็ได้หยุดลง ดวงวิญาณของเขาได้หลุดลอยออกจากร่าง และล่องลอยขึ้นไป ล่องลอยตามหาชายคนรักที่เพิ่งจากไปก่อนหน้าเขาไม่นาน แต่.. เขาก็มิอาจได้พบ คงได้แต่.. ล่องลอยอย่างเดียวดายเหงาหงอย เดียวดายอยู่เช่นนั้น.. มาเป็นเวลาเนิ่นนาน..
.
.
.
.
. . . .
ภาพในนิมิตจบลงเพียงแค่นั้น.. ชีวินลืมตาขึ้นและเหลือบมองดวงหน้าเศร้าสร้อยของพี่เอ็มด้วยความรู้สึกสะเทือนอารมณ์ น้ำตาของเขาไหลรินอาบแก้มอย่างสุดที่จะอดกลั้นได้ เขานึกในใจว่า.. เรื่องราวชีวิตของพี่เอ็มมันเจ็บปวดเศร้าสร้อยขนาดนี้เลยหรือ? แต่กระนั้น.. ในความเจ็บปวดนั้น เรื่องราวความรักของชายคนรักกับพี่เอ็มเมื่อครั้งมีชีวิต มันช่างสวยงามอะไรเช่นนี้ ความจริงใจที่มีให้แด่กัน มันทำให้เขารู้สึกสุดในอารมณ์ แม้ว่า.. เรื่องราวความรักจะจบลงอย่างเป็นโศกนาฏกรรม แต่.. ในโศกนาฏกรรมนั้น มันช่างสวยงามเหลือเกิน รักกันขนาดนี้ จริงใจให้กันขนาดนี้ เสียสละให้กันขนาดนี้ มันเป็นความรักที่ยากที่จะมีใครสอดแทรกได้อีกเลย เขาโผเข้ากอดพี่เอ็มด้วยน้ำตานองหน้าอันมาจากความรู้สึกสงสารและเห็นใจอย่างสุดที่จะบรรยาย เขาสะอื้นร่ำไห้จนตัวสั่นเทิ้มอย่างสุดที่จะอดกลั้น เอ็มค่อยๆเชยคางชีวินขึ้นสบตาพร้อมค่อยๆเอานิ้วเกลี่ยซับน้ำตาบนใบหน้าให้ชีวิน พร้อมกับเอ่ยว่า..
“ พี่ขอโทษนะวิน ที่เรื่องราวชีวิตของพี่ต้องทำให้วินเศร้าใจขนาดนี้ ”
“ พี่ครับ ผมสงสารพี่ หลังจากนั้นมา.. พี่คงจะทุกข์ทรมานเพราะความเหงาและเดียวดายตลอดมา ผมเข้าใจความรู้สึกของพี่แล้ว เข้าใจแล้ว แล้วนี่.. พี่ปอนเขาไปอยู่ที่ไหน? ทำไมพี่จึงไม่พบเขา? ”
“ ปอนตายเพราะหมดอายุขัยตามชะตาลิขิต เขาจึงได้ไปอยู่ในโลกวิญญาณ ส่วนพี่.. ตายเพราะ ทำให้ตัวเองตายก่อนเวลาอันควร ประตูมิติแห่งโลกวิญญาณยังบรรจบมาไม่ถึง พี่จึงไม่สามรถไปสู่โลกแห่งวิญญาณได้ คงค้างอยู่ที่มิติเร้นอยู่เช่นนี้ จนกว่า.. จะถึงเวลาครบอายุขัยของพี่ที่ชะตาได้กำหนดไว้แล้ว เมื่อนั้น.. ประตูแห่งโลกวิญญาณจึงจะมาปรากฏ พี่จึงจะสามารถไปที่แห่งนั้นได้ ”
“ นั่นหมายความว่า.. พี่อาจจะได้พบพี่ปอนด้วยใช่ไหม? ”
“ พี่ไม่รู้นะวิน ความเป็นไปในโลกแห่งวิญญาณ เป็นสถานที่ที่พี่มิอาจรับรู้ได้ มันอยู่ห่างเกินไป ระยะเวลาการสิ้นอายุขัยของพี่ที่ทำให้คลาดเคลื่อนไม่เป็นไปตามกำหนด มันทำให้ทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงไปหมด อาจจะได้พบ หรืออาจจะไม่ได้พบอีกเลยก็ได้ พี่ไม่รู้จริงๆนะวิน ”
เอ็มกล่าวออกไปเช่นนั้นด้วยว่า.. เขาไม่รู้จริงๆ แต่.. คำตอบจากมิติเร้นที่ได้ไขข้อข้องใจของเขา ทำให้เขารับรู้ได้ว่า.. ชีวินจะเป็นผู้นำพาให้เขาได้พบ แต่.. จะด้วยวิธีไหน? เขาก็ไม่รู้คำตอบ และ เขาก็มิอาจกล่าวนำขอความช่วยเหลือจากชีวินตรงนี้ได้ด้วยเช่นกัน คำตอบจากมิติเร้นมีให้เขาเพียงแค่นั้น เขาจึงได้แต่คิดว่า.. คงจะต้องแล้วแต่บุญแต่กรรมแล้วกัน เพราะเขาไม่รู้จะทำเช่นไร แม้ว่า.. ในใจเขานั้น.. อยากจะพบกับปอนสักเพียงไหนก็ตาม..
“ แล้วอีกนานไหม? ที่จะถึงวาระครบอายุขัยของพี่ ”
“ อีกไม่นานนี้แล้วละวิน เวลาในมิติเร้นของพี่ใกล้จะหมดลงแล้ว ใกล้เวลาเต็มที ที่เราจะต้องจากกันแล้ว ”
เอ็มเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงที่ดูจะเศร้าอาลัยไม่น้อยเลย เขารู้สึกรักและผูกพันกับน้องชายคนนี้มากเหลือเกิน ชีวินได้ฟัง เช่นนั้นก็รู้สึกเศร้าอาลัยไม่น้อยเช่นกัน เขาก็เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้ว การที่เขาได้รับรู้ว่าอีกไม่นาน.. ก็คงถึงเวลาที่เขาและพี่เอ็มคงต้องจากกันทำให้เขาร็สึกเศร้าสะเทือนใจด้วยความอาลัยในความผูกพันที่เขามีให้แด่พี่เอ็มเหลือเกิน แต่.. จะทำกระไรได้? ทุกสิ่งเมื่อมีเริ่ม ก็ต้องมีจบ มีพบ ก็ต้องมีจาก มันเป็นสัจธรรม เขาคงต้องยอมรับความจริง แต่.. การจากกันนั้นจะทำให้พี่เอ็มได้พบกับพี่ปอนมันเป็นเรื่องที่น่ายินดี มิใช่หรือ? พี่เอ็มจะได้หลุดพ้นจากบ่วงความทุกข์ทรมานเพราะความเดียวดายเสียที แต่.. ไม่สิ มันไม่ใช่ ในส่วนลึกของจิตใจ เขากลับสังหรณ์ใจบางอย่าง พี่เอ็มจะไม่มีวันได้พบกับพี่ปอนอีกเลย ไม่มีทางได้พบแน่ๆตลอดกาล เขาสังหรณ์ใจเช่นนั้น เขาต้องหาวิธีช่วย มีเพียงเขาเท่านั้นที่ทำได้ เขารู้สึกเช่นนั้น น่าแปลกที่ความรู้สึกนั้นแวบมาในความคิด ชีวินไม่กล่าวตอบว่ากระไรอีก เขากลับกอดเอ็มแน่นและซุกใบหน้ากับแผงอกอุ่นๆนั้น ราวกับกลัวว่า.. เอ็มจะหลุดลอยหายไป ระหว่างนั้น เขาก็พลางตั้งปณิทานในใจว่า.. เขาต้องทำให้ได้ เขาต้องทำให้พี่เอ็มได้พบพี่ปอนให้ได้ ความรักของพี่เอ็มและพี่ปอนที่สวยงามและจริงใจให้กันขนาดนั้น เขาจะต้องเป็นผู้ดึงกลับมาให้พบกันอีกครั้งให้ได้ก่อนที่เวลาของเขาและพี่เอ็มจะหมดลง เขาจะต้องทุ่มเทขนาดไหน เขาก็จะทำ แม้ในเวลานี้.. เขาจะยังไม่รู้คำตอบเลยว่า.. จะต้องทำเช่นไรก็ตาม แต่เขาก็คงยังตั้งใจอย่างแน่วแน่เช่นนั้น เอ็มอ่านความคิดของชีวินแล้วก็รู้สึกตื้นตันใจเหลือเกิน ชีวินข่างเป็นเด็กที่มีจิตใจประเสริฐอะไรเช่นนี้ ช่างมีดวงจิตที่บริสุทธ์และเต็มเปี่ยมไปด้วยการให้.. ถึงเพียงนี้ เขาโอบกอดชีวินแน่นขึ้น เอามือลูบไล้เส้นผมที่อ่อนสลวยของชีวินอย่างอ่อนโยนด้วยความรู้สึกรักและเอ็นดูชีวิน น้องชายคนนี้อย่างสุดหัวใจ เป็นความรักที่ส่งตรงมาจากจิตใจ โดยที่มิได้เคลือบแฝงและหวังผลสิ่งใดเลย..

********

*โปรดติดตามตอนต่อไปเร็วๆนี้ครับ^^
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-03-2009 20:16:20 โดย Pikachu »

High_Wizard

  • บุคคลทั่วไป
เฮ้อ.....เศร้า ตอนปอนตายสะเทือนอ่ะ

แล้วชีวินจะช่วยพี่เอ็มยังไงนะ





เป็นกำลังใจให้นะซี..........แล้วมาต่ออีกนะ

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3
เรื่องราวของเอ็มมันช่างรันทดเหลือเกิน

วินจะช่วยอะไรพี่เอ็มได้บ้าง :กอด1:

namtaan

  • บุคคลทั่วไป
ความรักของเอ็มกับปอนช่างลึกซึ้ง มั่นคงจริงๆ

เมื่ออ่านถึงตอนที่เอ็มฆ่าตัวตายตามปอนแล้ว นึกไปถึงครั้งที่เอ็มทะเลาะกับแม่
สััมพันธภาพของคนในครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญ
เอ็มเป็นตัวแทนของเด็กหนุ่มที่ถูกละเลยจากครอบครัวที่มีเพียงสายใยจากผู้เป็นแม่เท่านั้น
แต่ว่าสายใยนี้ก็บางลงจนขาดสะบั้นไปในที่สุด แม้ว่าแม่ของเขาจะคิดได้แต่ก็สายเกินไปแล้ว
ในขณะที่เอ็มกลับทักถอสายใยเส้นใหม่กับปอนและผูกมันจนเหนียวแน่น
แม้จนวาระสุดท้ายของชีวิต
เขาก็เลือกที่จะทิ้งโลกที่แสนโหดร้ายสำหรับเขาตามชายคนรักไป

ในส่วนของปอนเอง ปอนก็คือเด็กที่ขาดผู้ใหญ่ ผู้ปกครองดูแล
ต้องดิ้นรนต่อสู้หาเลี้ยงตัวเองด้วยหนทางที่สบาย หาเงินง่าย แต่อันตรายเหลือเกิน

ทั้งสองเป็นภาพตัวอย่างของเด็กวัยรุ่นที่ขาดความอบอุ่นจากสถาบันครอบครัว
ซึ่งต่างจากชีวินโดยสิ้นเชิง ที่เป็นตัวแทนของเด็กหนุ่มจากครอบครัวที่อบอุ่น
เด็กหนุ่มที่มีน้ำใจ จิตใจดีงาม และอ่อนโยน

น้องซีเก่งมากๆ ที่นำภาพที่แตกต่างของเด็กหนุ่มทั้งสามมารวมกันไว้ได้อย่างกลมกลืน
ให้มันมีเหตุและผลที่จะต้องนำพวกเขามาพบกัน
เพราะในที่สุดชีวิน ผู้มาจากครอบครัวที่สมบูรณ์ก็จะได้เป็นผู้ที่ปลดปล่อยความทุกข์จากเอ็มผู้น่าสงสารต่อไป

รอลุ้นตอนต่อไปนะจ๊ะ รอกดบวกเพิ่มให้น้องซีนะจ๊ะ เก่งมากๆ  :กอด1:

ออฟไลน์ DEMON3132

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +170/-1
ตามเข้ามาด้วยใจจดจ่อ แม้จะรู้ว่าเรื่องจะดำเนินไปอย่างไร ก็ต้องตามจนได้คำตอบแห่งช่วงสุดท้ายในชีวิตของเอ็ม
ตอนมีชิวิตแม้เอ็มจะได้รับความทุกข์มาตลอด แต่อย่างน้อยยังได้รับความรักและความจริงใจจากปอน ซึ่งน่าจะหาได้
ยากในชีวิตจริง แค่นั้นก็ถือว่าเป็นความสุขที่สุดได้แล้ว แม้กระทั่งตายแล้วมาอยู่ในมิติเร้น ก็ยังได้รับการทดแทนความรัก
จากแม่ ถึงแม้จะสายไปบ้างก็ตาม และยังได้รับความรักและความรู้สึกที่ดีจากชีวิน คนมีชีวิตบางคนอาจรู้สึกอิจฉาเอ็มได้
เลยนะเนี่ย จะรอตอนต่อไปนะคะ  แม้จะเข้ามาโหวต + คะแนนให้น้องซีไม่ได้ แต่ :กอด1: มัดจำเป็นกำลังใจให้น้องซี
ไว้ก่อนแล้วกัน  :pig4:
ลป. ชอบคอมเมนต์ของคุณน้ำตาลจริง ๆ วิเคราะห์ได้ลึกซึ้งตลอดเรื่องเลย ชอบมาก ๆ ค่ะ ขอบคุณ

ออฟไลน์ nOn†ღ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4390
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-6
เวลาของเอ็มใกล้จะหมดแล้ว

แล้วเอ็มจะได้เจอกับปอนรึป่าว

รอลุ้นอยู่นะจ้ะ

pickki_a

  • บุคคลทั่วไป
แล้วชีวินจะทำไงอ่ะ ไม่เห็นหนทางเลยอ่ะ
เดาไม่ออก  :serius2:

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
แอร๊ยยยยยยย อยากให้ชีวินคู่กับเอ็ม อยากให้ปอนก็คู่กับเอ็มด้วย อ่า  :sad4:

เพราะฉะนั้นอยากให้ปอนคือชีวิน อะ  โลภจริงๆๆ เลย  :-[

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






mantdash

  • บุคคลทั่วไป
วินจะทำยังไงนะ หรือว่าจะเรียกผีปอนมาเข้าทรง เหอๆ

รู้สึกจะออกทะเลไปหน่อย  o18

Pikachu

  • บุคคลทั่วไป
ขอขอบคุณคอมเม้นจาก กอป, พี่patee, พี่nOn†ღ, พี่pickki_a, พี่dahlia, พี่mantdash

และขอขอบคุณเป็นพิเศษจากพี่น้ำตาล และพี่supranee มากๆนะครับ..

ทุกคอมเม้น เป็นกำลังใจให้ผมอย่างยิ่งเลยครับ

. . . .

และนี่.. คือ 4 ตอนสุดท้ายของนิยายเรื่องนี้ นิยายที่ผมตั้งใจทำด้วยความปราณีตบรรจงมากๆ ตั้งใจค้นคว้าหาข้อมูลมาประกอบการเขียนอย่างมากมาย และเป็นการรวม 5 เรื่องสั้นที่ผมเคยเขียนไว้ มาผูกเป็นเรื่องให้ผสมผสานกันจน.. เป็นนิยายเรื่องนี้ นี่คือการทดลองทำในสิ่งที่ผมไม่เคยทำมาก่อนเลย หวังใจว่า.. นิยายเรื่องนี้.. คงพอจะให้ความบันเทิงและให้ข้อคิดบ้างนะครับ ติดตามบทสรุปจาก 4 ตอนสุดท้ายของนิยายเรื่องนี้ได้เลยครับผม

หนทาง (1)


“ จะทำไงดีนะ? ทำไมถึงคิดเท่าไรก็คิดไม่ออก? ”
ชีวินเอ่ยพึมพำกับตัวเองด้วยความรู้สึกอึดอัด กลัดกลุ้ม และเคร่งเครียด หลายวันที่ผ่านมา นับแต่. วันที่ชีวินได้รับรู้เรื่องราวของพี่เอ็มจากภาพนิมิต เขาก็พยายามคิดหาหนทางเพื่อช่วยเหลือพี่เอ็มและพี่ปอนให้ได้พบกันมาโดยตลอด หลายต่อหลายครั้งที่ชีวินส่งกะแสจิตเพื่อขอปรึกษาพี่เอ็มในเรื่องนี้ ก็ดูจะไม่ได้รับรู้คำตอบใดๆเลย เอ็มได้แต่เงียบงัน นิ่งเฉยอย่างน่าแปลกใจ เขาไม่เข้าใจเลยเหมือนกันว่า.. ก็.. พี่เอ็มดูจะอยากพบพี่ปอนมากนี่นา แต่.. ทำไม? พี่เอ็มกลับวางเฉยในเรื่องนี้? จะอย่างไรก็แล้วแต่.. เขาต้องหาหนทางให้ได้ เขาจะต้องทำให้ได้ เวลาคงจะเหลืออีกไม่มากแล้ว..

ทางฝ่ายเอ็ม เอ็มก็ได้แต่ล่องลอยอยู่เคียงใกล้ชีวิน และลอบมองชีวินอยู่เงียบๆเช่นนั้นโดยมิได้ส่งกระแสจิตพูดคุยกับชีวินเลย แม้ว่า.. เขาจะอยากทำเป็นที่สุดก็ตาม เขารู้สึกว่า.. มันอาจจะเป็นการไปรบกวนชีวิตที่กำลังครุ่นคิดหาหนทางที่จะช่วยเหลือเขา ดูชีวินจะคร่ำเคร่งและตั้งใจมากจริงๆ ตลอดเวลาที่ผ่านมา ยามที่ชีวินมีเวลาเป็นส่วนตัว เขาและชีวินมักคลอเคลียแ ละพูดคุยกันด้วยความรักความเข้าใจกันเสมอ แต่.. ในระยะหลังมานี้.. เขาและชีวินแทบมิได้ปฏิบัติต่อกันเช่นนั้นอีกเลย ชีวินเอาแต่เงียบและจมอยู่กับความคิดเพียงลำพัง จะมีบ้าง.. ที่ชีวินพยายามที่จะปรึกษาเขา แต่.. เขาจะเอ่ยพูดเรื่องนี้ได้อย่างไร? มันผิดลิขิต และเขาก็มิอาจรู้หนทางเช่นกัน เอ็มรับรู้ถึงความรู้สึกอึดอัดของชีวินได้ดี เขารู้สึกเป็นห่วงชีวินมากเหลือเกิน เพียงแค่.. เขาได้รับรู้ถึงความตั้งใจจริงของชีวินเช่นนี้ เขาก็รู้สึกตื้นตันอย่างที่สุดแล้ว จนในที่สุด.. เขาก็ทนที่จะต้องเห็นชีวินต้องจมอยู่ในความทุกข์เพื่อหาหนทางช่วยเขาไม่ได้อีกต่อไป เขาจึงส่งกระแสจิตไปหาชีวิน เอ่ยบอกความนัย และความรู้สึกจริงๆของเขาให้ชีวินได้รับรู้ในทันที..
“ วิน พี่ขอโทษที่ต้องมารบกวนวินในตอนนี้ แต่.. ขอเวลาให้พี่ได้พูดอะไรครู่หนึ่งเถิด พี่อยากบอกวินว่า.. วินไม่ต้องคร่ำเคร่งจนหมดความสุขแบบนี้อีกเลยได้ไหม? พี่ไม่อยากเห็นวินเป็นแบบนี้ พี่ไม่สบายใจเลย พี่เป็นห่วงวินนะ ช่างมันเถิดนะวิน เรื่องราวของพี่ ก็ปล่อยให้มันเป็นไปตามกระแสกรรมของพี่เองเถิด ถึงแม้พี่จะอยากพบปอนมากมายก็ตาม แต่.. พี่ก็ไม่นำพาตรงนี้อีกแล้ว ที่ผ่านมา.. ที่วินดีต่อพี่.. มันก็เป็นสิ่งที่เกินกว่าที่พี่จะตอบแทนวินได้อีกแล้ว แค่.. วินมีความรู้สึกอยากช่วยพี่ แค่นี้.. พี่ก็ตื้นตันเป็นที่สุดแล้วนะ วิน.. พี่รักวินนะ พี่อยากให้วินมีความสุข มีชีวิตที่สดใสตามวัย อย่ามัวมาจมกับความทุกข์ ความอึดอัดใจแบบนี้อีกเลยนะวิน ”
ชีวินรับรู้กระแสจิตจากเอ็มที่ส่งมาพูดคุยกับเขา เขาเข้าใจดีว่า.. พี่เอ็มคงเป็นห่วงและดูจะเกรงใจเขา แต่.. ในเมื่อมันเป็นความตั้งใจจริงที่เขาต้องการจะทำให้ได้ เขาจึงส่งกระแสจิตตอบกลับไปที่พี่เอ็มจากความรู้สึกที่มาจากใจจริงของเขา
“ พี่เอ็ม ผมรักพี่ ขอให้ผมได้หาหนทางช่วยพี่เถิดนะครับ เวลาของเราใกล้หมดลงเต็มที นี่คือความตั้งใจสุดท้ายที่ผมอยากทำให้พี่ ผมอยากให้.. ความรักอันสวยงามของพี่และพี่ปอนได้กลับมาบรรจบพบกันอีกครั้ง ถ้าเป็นเช่นนั้นได้ มันจะทำให้ผมสุขใจเป็นที่สุด ชีวิตของพี่จมอยู่ในความทุกข์ทรมานในความเดียวดายมานานพอแล้ว พี่ไม่ต้องเป็นห่วงผมหรอกนะครับ  ถ้าผมจะต้องอยู่ในความอึดอัดเพื่อช่วยเหลือพี่ ผมก็ยินดี ยังไงเสีย.. ผมต้องหาหนทางจนได้ ผมต้องทำให้ได้ครับ ”
เอ็มรับรู้เช่นนั้นก็มิอาจกล่าวอะไรได้อีก ความมุ่งมั่นของชีวินช่างแรงกล้าเสียเหลือเกิน คนที่จิตใจดีแบบนี้ คนที่มีความตั้งใจที่จะให้.. ด้วยความจริงใจแบบนี้ ช่างเป็นคนที่แสนจะประเสริฐที่สุด ชีวินช่างดีกับเขาเหลือเกิน เอ็มรู้สึกอยากร้องไห้ด้วยความซาบซึ้ง ถ้าเพียง.. เขาสามารถร้องไห้ได้ น้ำตาเขาคงจะรินไหลออกมาเนิ่นนานแล้วด้วยความตื้นตัน เมื่อได้รับรู้ดังนั้น เขาจึงมิอาจอยากรบกวนชีวินอีกต่อไป คงต้องปล่อยให้ชีวินครุ่นคิดด้วยความมุ่งมั่นเช่นนั้น แม้ว่า.. เขาจะรู้สึกห่วงใย และรู้สึกเกรงใจสักเพียงไหนก็ตาม..

หลังจากนั้น.. ชีวินก็มัวเฝ้าครุ่นคิดอยู่เช่นนั้นอย่างเหม่อลอยจนเหมือนจะลืมตัว ภายหลังจากที่กริ่งสัญญาณแจ้งหยุดพักรับประทานอาหารกลางวันได้ดังขึ้นมาได้ครู่หนึ่ง และอาจารย์ได้ปล่อยให้ไปพักได้แล้ว เขาก็ยังคงนั่งคิดอยู่เช่นนั้นจนแทบมิได้ขยับตัว ในสมองงเขามัวแต่ครุ่นคิดว่า.. จะทำเช่นไรดี? มันจะมีวิธีใดบ้าง? จวบจน.. เขาเริ่มรู้สึกตัวอีกครั้ง เมื่อได้ยินเสียงคุ้นเคยที่เอ่ยทักเขา ปลุกเขาให้ตื่นขึ้นมาจากภวังค์ความคิดในขณะนั้น
“ วิน วิน นั่งเหม่ออีกแล้ว ”
“ อืม.. พัฒน์ มีอะไรเหรอ? ”
“ นี่ได้เวลาพักกินข้าวแล้วนะ ไม่ไปกินข้าวหรือไง? ไม่รีบไปตอนนี้เดี๋ยวคนแน่นไม่มีที่นั่งนะ ไปกินข้าวกันเถิดวิน ”
“ อืม.. จริงสิ งั้นไปก็ได้ ”
“ เออนี่วิน วันนี้.. เราเอาขนมมาเยอะเลย ตั้งใจจะเอามาเผื่อวินด้วยน่ะ เมื่อวานที่บ้านทำกล้วยบวดชีอร่อยมากๆ แล้วก็ทำเยอะมากด้วย งั้น.. เดี๋ยวเรามาแบ่งกันกินนะวิน ”
‘ กล้วยบวดชี? ’ ชีวินรู้สึกสะดุดกับคำคำนี้มากๆ จริงสิ.. ใช่แล้ว.. เขานึกออกแล้ว แม่ชี.. แม่ชีที่วัด..  แม่ชีที่วัดที่ประจำที่ตู้รับบริจาค วัดที่เขามักไปไหว้พระบ่อยๆอยู่ช่วงหนึ่งจนเขาได้พบกับพี่เอ็ม ในช่วงแรกๆที่เขายังไม่รู้ตัวว่าพี่เอ็มได้ตามเขามาแบบเงียบๆในตอนนั้น.. แม่ชียังได้เอ่ยทักเขาด้วยคำพูดแปลกๆจนเขารู้สึกเอะใจ เขายังจำคำพูดนั้นได้ดี.. คำพูดนั้นที่ว่า..
“ ดีแล้วละลูก หนูนี่เป็นเด็กดีจังเลย ดูจะเป็นคนใจบุญสุนทาน  มิน่า.. ถึงได้มี.. เอ่อ.. เอ้อ.. ดอกไม้ธูปเทียนนั่น หนูหยิบเลือกเอาตามสบายเลยนะลูก ”
“ อืม.. หนูเนี่ยเป็นคนที่จิตใจดีมีเมตตานะ มีบุญบารมีด้วย ถึงได้.. เอ่อ.. มี.. เอ้อ.. ยังไงก็.. ดูแลกันดีๆนะลูกนะ กลับเถิดลูกนี่ก็เย็นมากแล้ว ”
ชีวินนึกมาถึงตรงนี้ เขาก็นึกออกแล้ว ใช่แล้ว.. ใช่แบบที่คิดแน่ๆ แม่ชีคงมองเห็น แม่ชีคงสามารถกำหนดจิตให้สงบจนเกิดสมาธิและสามารถสัมผัสรับรู้ความมีตัวตนของพี่เอ็มได้ดังที่เขาสามารถทำได้ในทุกวันนี้ หรือว่า.. บางที.. แม่ชีอาจจะมีสัมผัสพิเศษ จนสามารถมองเห็นดวงวิญญาณของพี่เอ็มได้ ถ้าเป็นเช่นนั้น แม่ชีอาจมีคำแนะนำอะไรดีๆให้แก่เขาก็ได้ เริ่มมีความหวังแล้ว ชีวินรู้สึกปิติและดีใจเหลือเกิน เขาเผลอตัวกอดเพื่อนรักด้วยความดีใจจนเต็มล้นหัวใจ
“ ขอบใจนะพัฒน์ ขอบใจจริงๆ ”
“ เอ่อ.. เอ่อ.. มะ มะ ไม่เป็นไร ”
พัฒน์รู้สึกงงงวยในท่าทีของชีวินเป็นอย่างยิ่ง เขานึกในใจว่า.. แค่เอากล้วยบวดชีมาเผื่อแค่นี้ มันทำให้วินดีใจขนาดนี้เลยหรือ? วินคงจะอยากกินกล้วยบวดชีมากๆแน่ๆ คงจะเป็นพราะเขาไม่ได้กินมานานแล้วจึงได้ดีใจขนาดนี้ กระมัง? แต่.. มันดูจะดีใจจนดูจะเวอร์ไปหน่อย ดีใจมากจนมากอดเขาเฉยเลย เจ้าวินนี่มันบ๊องจริงๆ เขารู้สึกขันจนต้องแอบอมยิ้มน้อยๆ จากนั้น.. ทั้งคู่ก็เดินเคียงกันตรงไปยังโรงอาหารเพื่อไปรับประทานอาหารกลางวันในช่วงเวลาพักเที่ยงที่โรงเรียนในวันนั้น..
.
.
.
.
ยามบ่ายคล้อยใกล้เวลาเย็น จวบจนจบสิ้นสุดคาบเรียนสุดท้ายในวันนั้น เมื่อถึงเวลาเลิกเรียน ช่วงระหว่างกำลังเก็บข้าวของเพื่อเตรียมจะกลับพัฒน์ก็ได้เอ่ยกับชีวินว่า..
“ วิน เดี๋ยววันนี้ไปบ้านเรานะ ไปช่วยกันทำรายงานน่ะ จะได้เสร็จๆไป ”
พัฒน์เอ่ยชวนชีวินไปแบบนั้น แม้จะรู้ดีว่า.. รายงานที่ต้องช่วยกันทำ ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนนักก็ได้ เพราะยังมีเวลาอีกนานกว่าจะถึงกำหนดส่งงาน แต่.. เขากลับมีความรู้สึกอยากอยู่ใกล้ชิดชีวิน อยากทำอะไรต่อมิอะไรร่วมกัน อยากมีเวลาอยู่ใกล้กันมากๆ มันเป็นความรู้สึกที่เริ่มมีมากขึ้นทุกวัน เขาก็ไม่ค่อยเข้าใจจิตใจตัวเองเท่าไรนัก ว่า.. เขารู้สึกกับชีวินเช่นไร? เขารู้แต่เพียงว่า.. ช่วงเวลาที่เขาและชีวินได้อยู่ใกล้ๆกัน มันดูจะเป็นช่วงเวลาที่ดี ที่ทำให้เขารู้สึกสบายใจเหลือเกิน บ่อยครั้ง.. ที่เขาลองถามใจตนเองว่า.. เขาเป็นเกย์ใช่ไหม? คำตอบในใจคือ.. เขาก็ไม่แน่ใจ เพราะเขาไม่เคยรู้สึกสนอกสนใจผู้ชายคนไหนเป็นพิเศษเลย เด็กหนุ่มรูปหล่อที่ดูจะมีดาษดื่นภายในรั้วโรงเรียนแห่งนี้ เท่าที่เขาเห็น.. เขาก็ได้แต่มองแล้วผ่านเลยไปโดยไม่ได้มีความรู้สึกอะไร ไม่มีความรู้สึกอะไรที่เป็นพิเศษเลยจริงๆ แต่.. กับชีวิน ทำไม? เขารู้สึก.. รู้สึกว่า.. เหมือนจะ.. ชอบ แบบนี้เขาจะเป็นเกย์หรือเปล่าหนอ? ดูจะเป็นข้อสงสัยในตัวเองที่เขาก็หาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ด้วยความไม่แน่ใจ เขาเอ่ยถามชีวินไปเช่นนั้นแล้วก็เฝ้ารอคำตอบรับจากชีวินที่กำลังกุลีกุจอเก็บสมุด หนังสือ และเครื่องเขียนลงกระเป๋าเป้นักเรียน ขีวินแหงนขึ้นมองพัฒน์และเอ่ยตอบกับพัฒน์ว่า..
“ อืม.. พัฒน์ เอาไว้ก่อนได้ไหม? พอดีว่า.. เอ่อ.. เรา.. เรา.. เรามีอะไรจะต้องทำบางอย่างก่อนน่ะ ขอโทษทีนะพัฒน์ ”
“ ไม่เป็นไรหรอกวิน วินคงมีธุระ งั้นเอาไว้ก่อนก็ได้ ยังมีเวลาอีกนาน วินไปทำธุระของวินก่อนเถิด ”
พัฒน์เอ่ยตอบไปเช่นนั้น แม้จะรู้สึกผิดหวังอยู่เล็กน้อยก็ตาม แต่.. เขาก็เข้าใจ.. วินคงจะกำลังมีธุระจริงๆ เพราะเท่าที่เห็นในขณะนี้ ดูชีวินจะกำลังรีบร้อนอย่างไรชอบกล
“ ขอโทษอีกทีนะพัฒน์ เอาละ.. เราเก็บของเสร็จแล้ว งั้นเราไปก่อนนะ แล้วเจอกันพรุ่งนี้นะพัฒน์ ”
“ อืม.. แล้วเจอกันนะวิน ”
กล่าวจบ ชีวินก็เดินแบบรีบๆจากไป พัฒน์ลอบมองตามพลางคิดในใจว่า.. นับแต่ช่วงเที่ยงในระหว่างพักรับประทานอาหารกลางวัน เท่าที่เขาแลเห็น ก็ดูจะรู้สึกว่า.. ชีวินดูจะอารมณ์ดี และมีใจจดจ่อกับบางสิ่งชอบกล นี่ใช่ไหม? คงจะเป็นธุระที่ชีวินต้องรีบไปทำในตอนนี้ น่าจะใช่ เขาคิดว่าน่าที่จะเป็นเช่นนั้น ว่าแต่.. แล้วทำไมเขาจึงต้องดูสนอกสนใจชีวินถึงขนาดนี้ด้วย? แปลกจริงๆเลย นี่เขาเป็นอะไรไปแล้วนะ? เขาถอนหายใจด้วยความรู้สึกที่ไม่ใคร่จะเข้าใจจิตใจตนเองนัก เขาจึงพยายามปัดความคิดนั้นออก แล้วก็คิดว่า.. เขายังไม่ค่อยอยากรีบกลับบ้านเท่าใดนักในเวลานี้ ไปเล่นเตะบอลให้เหงื่ออกจนท่วมน่าจะดีกว่า จะได้..ไม่ต้องฟุ้งซ่านอะไรมากมาย แล้วเขาก็หยิบกระเป๋าเป้ขึ้นสะพาย จากนั้น.. เขาก็เดินดุ่มออกจากห้องเรียนตรงไปยังสนามฟุตบอลตามที่เขาตั้งใจไว้..
.
.
.
.
ชีวินมาถึงวัดในเวลาไม่นานนัก เขาเดินตรงมายังตู้รับบริจาคที่มีแม่ชีท่านเดิมประจำอยู่ และกำลังส่งยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยน ชีวินเห็นดังนั้นก็ยกมือไหว้ทำความเคารพ แม่ชีท่านนั้นก็เอ่ยทักทายชีวินด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเอื้ออารีย์ ที่เปี่ยมไปด้วยความเอ็นดูชีวินด้วยความจริงใจ
“ สวัสดีลูก มาไหว้พระอีกละสิ พักหลังนี้ไม่ค่อยเห็นหนูแวะมาเลย เป็นไง? คงจะกำลังยุ่งๆเรื่องเรียนใช่ไหมลูก? ”
“ ก็นิดหน่อยครับ ส่วนใหญ่ผมหาเวลาว่างปฏิบัติธรรม ฝึกสมาธิที่บ้านเอาน่ะครับ ข่วงหลังนี้เลยไม่ค่อยได้แวะมาเท่าไร? ”
“ อืม.. ดีแล้วละลูก ธรรมมะกล่อมเกลาจิตใจให้เราเป็นคนดี ทั้งยังส่งผลดีต่างๆให้อีกมากมาย น่าชื่นชมมากนะลูกนะ ”
“ ขอบพระคุณครับ ”
ชีวินตอบรับด้วยน้ำเสียงสุภาพและอมยิ้มละไมบนใบหน้า จริงอยู่ที่ว่า.. เขาก็ยังคงปฏิบัติธรรมสวดมนต์ไหว้พระ ฝึกสมาธิอยู่บ้างยามเมื่อมีเวลาว่าง แต่ช่วงหลัง.. ดูเขาจะห่างจากการปฏิบัติเช่นนี้ไปบ้าง นับแต่.. เขาได้เปิดใจพบกับพี่เอ็ม เวลาส่วนใหญ่จึงหมดไปกับการคลอเคลียอยู่กับดวงวิญญาณพี่เอ็ม เอ่ยพูดคุยสนทนากันกับพี่เอ็มด้วยความรักเสมอมา จนดูจะเลยสิ่งนี้ไปบ้าง เขารู้สึกผิดอยู่เล็กน้อย แต่เขาก็มิได้กล่าวปดอะไรนี่นา เขายังคงปฏิบัติอยู่เช่นเคยจริงๆ ในตอนนี้.. เขากำลังคิดว่า.. เขาจะถามสิ่งที่เขาตั้งใจนั้นกับแม่ชีดีไหม? เขานิ่งครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ แล้วเขาก็ตัดสินใจแล้วว่า..
“ เอ่อ.. แม่ชีครับ ผมมีเรื่องจะเรียนถาม? ”
“ ว่าไงละหนู ถามมาได้เลยลูก ”
“ คือ.. คือ.. ผมอยากจะทราบว่า.. เอ่อ.. ในตอนนั้น.. ช่วงแรกๆที่ผมแวะมาไหว้พระที่นี่น่ะครับ ผมจำได้ว่า.. ดูเหมือนแม่ชีจะทักผมด้วยคำพูดแปลกๆ เหมือนกับว่า.. แม่ชีเห็น.. เอ่อ.. เอ่อ.. ไม่ทราบจะพูดเช่นไรดี คือ.. เหมือนกับว่า.. ที่แม่ชีพูด แม่ชีจะเห็นอะไรบางอย่างน่ะครับ? ไม่ทราบว่าผมจะคิดไปเองไหม? แต่.. ผมรู้สึกสงสัยนิดหน่อยครับ ”
“ ถ้าแม่ชีตอบตามตรง แล้วหนูจะกลัวไหม? ”
“ มะ มะ ไม่กลัวครับ ไม่กลัวอีกแล้วครับ ”
“ หึหึ ดีแล้วละลูก ใช่แล้ว หนูเข้าใจถูกแล้ว  แม่ชีเห็น เขาเป็นสิ่งดี ปรารถนาดีต่อหนู ติดตามหนูเพื่อคอยปกปักรักษาหนู และอาศัยพึ่งพาบุญบารมีของหนู ตอนนี้เขาก็ยังคงอยู่กับหนู แม่ชีเห็นเขานะลูก ”
“ อ่า.. เป็นอย่างที่ผมคิดจริงๆด้วย แล้ว.. แล้ว.. ทำไม? แม่ชีจึงสามารถมองเห็นละครับ? ”
“ จิตไงลูก ถ้าเราฝึกจิตจนเกิดสมาธิ สามารถรวมจิตให้นิ่งสงบ และเปิดใจ ก็จะสามารถรับรู้ถึงสิ่งที่เหนือธรรมชาติได้ และแม่ชีก็คิดว่า.. คนที่มีบุญบารมีอย่างหนู ในตอนนี้ หนูก็คงสามารถทำเช่นนั้นได้แล้ว หนูคงจะได้พบกันแล้ว จึงไม่กลัวอีกแล้วละสิ เพราะดวงวิญาณนั้นเขาดูจะมีความสุข และดูจะใสสะอาดขึ้น แม่ชีรู้สึกเช่นนั้นนะลูก ”
ใช่แล้ว.. ชีวินคิดว่าเขามาถูกทางแล้ว เป็นเช่นที่เขาคิดจริงๆ เขานึกใจใจว่า.. คงต้องเล่าเรื่องราวของพี่เอ็มทั้งหมดให้แม่ชีได้รับทราบ เพราะ.. ไม่แน่ว่า.. บางที.. แม่ชีอาจมีคำแนะนำดีๆให้กับเขาก็ได้ เขาชำเลืองมองไปทางพี่เอ็ม ก็เห็นว่า.. พี่เอ็มพยักหน้าตอบรับพร้อมกับอมยิ้มละไม นี่พี่เอ็มคงกำลังอ่านความคิดของเขาอยู่ละสิ ว่าเขากำลังคิดเช่นไร? ในเมื่อ.. เขาเห็นพี่เอ็มยอมรับ และอนุญาติเช่นนั้น ชีวินจึงเอ่ยเล่าเรื่องราวทั้งหมดนั้นให้แม่ชีฟังในทันที..
“ แม่ชีครับ.. ถ้าเช่นนั้น ผมขอเล่าอะไรบางอย่างให้แม่ชีฟังสักหน่อยนะครับ เผื่อว่า.. เมื่อแม่ชีฟังเรื่องราวทั้งหมดจบลง แม่ชีอาจจะมีคำแนะนำอะไรดีๆให้ผมได้บ้าง คืองี้นะครับ เรื่องมันมีอยู่ว่า.. ”

********
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-03-2009 20:06:05 โดย Pikachu »

Pikachu

  • บุคคลทั่วไป
หนทาง (2)


ชีวินพยายามเรียบเรียง และเอ่ยเล่าที่มาทั้งหมดนับแต่ที่เขาได้พบพี่เอ็ม และประสบกับสิ่งต่างๆมากมาย จนกระทั่งถึงเรื่องราวของพี่เอ็มครั้งยังมีชีวิตจากภาพที่เขาได้เห็นในนิมิตอย่างละเอียดที่สุดเท่าที่จะทำได้ จน.. เมื่อชีวินเอ่ยเล่าเรื่องราวทั้งหมดจบลง เขาก็ลอบสังเกตและเห็นว่า..  แม่ชีดูจะอึ้งและนิ่งไปครู่หนึ่ง เขาใจจดจ่อ จ้องมองใบหน้าแม่ชีท่านนั้นนิ่งอยู่ด้วยใจระทึก พลางคิดในใจว่า.. นี่แม่ชีจะคิดเช่นไร? จะมีคำแนะนำดีๆให้เขาบ้างไหม? จวบจนภายหลังจากที่แม่ชีนิ่งงันไปครู่หนึ่ง ท่านก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแก่ชีวินที่กำลังรอรับฟังความคิดเห็นอยู่นั้น ว่า..
“ มันช่าง.. เป็นเรื่องที่มหัศจรรย์มากนะลูก หนูเนี่ยเปี่ยมไปด้วยบุญบารมีจริงๆจึงได้พานพบกับเรื่องราวถึงขนาดนี้ได้ จากที่ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด นี่ลูกคงอยากจะช่วยเหลือเขามากละสิ? ”
“ ครับ แล้วจะพอมีหนทางไหม? ผมควรจะทำเช่นไรดีครับ? ”
“ เรื่องนี้.. แม่ชีก็ไม่ทราบนะลูก ว่าควรทำเช่นไร? ”
ชีวินรับฟังเช่นนั้นก็หน้าสลดลงในทันที นี่คงจะไม่มีหนทางจริงๆหรือ? ขนาดแม่ชีผู้ปฏิบัติธรรมเป็นเนืองนิตย์ เป็นผู้อุทิศตนให้แด่ศาสนา ผู้สามารถควบคุมจิตจนเห็นดวงวิญญาณแบบพี่เอ็มได้ ก็ยังไม่ทราบ แล้วนี่เขาจะมีที่พึงที่ไหนได้อีก ชีวินรู้สึกเศร้าใจในความหวังที่พอจะมีแต่กลับดูริบหรี่ลง แม่ชีสังเกตเห็นท่าที่โศกสลดลงด้วยความหมดหวังของชีวิน ก็อมยิ้มละไม และเอ่ยกับชีวินด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตาปรานี
“ อย่าเพิ่งท้อนะลูก แม่ชีคิดว่า.. น่าจะยังพอมีหนทาง ”
“ อย่างไรครับ? ได้โปรดบอกผมด้วย? ”
กำลังใจที่กำลังถดถอยของชีวินกลับลุกโพลงขึ้นมาอีกครั้ง
“ เรื่องหนทางที่จะช่วยเหลือนั้นแม่ชีไม่ทราบจริงๆ แต่.. อาจจะยังพอมีวิธี แม่ชีคิดว่า.. คนที่มีบุญบารมีอย่างหนูน่าจะทำสำเร็จได้ แม้ว่า.. มันจะเป็นสิ่งที่ค่อนข้างจะทำได้ยากมากก็ตาม ”
“ อย่างไรครับ? จะยากขนาดไหน? ผมก็จะพยายาม โปรดช่วยชี้แนะหนทางให้ผมด้วยครับ ”
“ อืม.. ในเมื่อเป็นความตั้งใจจริงของหนู ถ้าเช่นนั้น แม่ชีจะแนะวิธีให้ การที่หนูประพฤติ ปฏิบัติธรรม ฝึกสมาธิจนสามารถควบคุมจิตใจได้ในแบบที่หนูสามารถทำได้ในทุกวันนี้ มันเป็นสิ่งที่น้อยคนนักในวัยของหนูที่จะทำเช่นนี้ได้ แต่.. ในเมื่อหนูสามารถทำถึงขั้นนี้ได้แล้ว ก็ลองพยายามบำเพ็ญเพียรฝึกฝนเพิ่มจนก้าวข้ามผ่านให้ถึงระดับสูงให้มากขึ้นไปอีก การจะถึงขั้นนั้นได้ดูจะเป็นเส้นบางเบา แต่การจะก้าวข้ามผ่านขึ้นไปได้นั้น ทำได้ยากมาก คงจะต้องมีจิตที่ตั้งมั่นจริงๆจึงจะทำได้ ”
“ แล้วต้องใช้เวลานานขนาดไหนครับ? ถ้าทำถึงขั้นนั้นได้แล้วจะเป็นอย่างไรครับ? ”
“ จะนานแค่ไหน? นั้นขึ้นอยู่กับความตั้งมั่น มีบุญบารมี และมีจิตใจที่สะอาดบริสุทธ์ ทั้งหมดนั้นขึ้นอยู่กับตัวหนูนะลูก หนูอาจจะทำได้ในเวลาเพียงเสี้ยววินาที หรืออาจจะใช้เวลาเป็นปีก็เป็นได้ แม่ชีไม่สามารถทราบระยะเวลาตรงนี้ได้หรอก และถ้าหนูสามารถทำสำเร็จ จนสามารถควบคุมจิตจนถึงระดับสูงได้ ก็จะก่อให้เกิดพุทธิปัญญา เมื่อมีพุทธิปัญญา ก็จะรู้แจ้ง และยิ่งฝึกถึงขั้นสูงมากขึ้นไปอีก มากขึ้นเรื่อยๆ ก็จะยิ่งก่อให้เกิดความคิดที่เป็นปัญญามากขึ้น และมากขึ้น มันยากมากนะลูก แต่ถ้าหนูทำได้ แม่ชีคิดว่า.. หนูจะรู้หนทางนั้นเอง ว่าควรจะทำเช่นไร? แม่ชีคงมีข้อแนะนำลูกได้เพียงเท่านี้ ”
รับฟังดังนั้น.. ชีวินก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ถึงแม้จะรู้ว่า.. มันอาจจะเป็นหนทางที่ยากมาก แต่อย่างน้อย มันก็ยังพอจะมีความหวังมิใช่หรือ? นี่เขามาถูกทางแล้วละสิ เขาคิดถูกจริงๆที่เอาเรื่องนี้มาปรึกษาแม่ชีท่านนี้ และท่านก็ได้ให้คำแนะนำที่ช่างมีคุณค่ายิ่งนัก เขาน้ำตารื้นด้วยความดีใจ เขาพนมมือไหว้และกล่าวขอบคุณ คำขอบคุณที่ส่งตรงมาจากใจจริงของเขา
“ ขอบพระคุณครับ แม่ชีเมตตากับผมจริงๆ ขอบพระคุณจริงๆนะครับ ”
“ ไม่เป็นไรหรอกลูก ขอให้สำเร็จนะลูกนะ ”
กล่าวจบ แม่ชีก็ชำเลืองมองไปทางดวงวิญญาณของเอ็ม แล้วส่งยิ้มให้อย่างอ่อนโยนและเปี่ยมไปด้วยเมตตาจิต พลางส่งกระจิตไปถึงเอ็มในเชิงให้กำลังใจและพยักหน้าให้เบาๆด้วยความปรานี
“ ลูกนี่โชคดีเหลือเกินที่ได้พานพบกับเด็กที่จิตใจงามเช่นนี้ คงเพราะการได้เกื้อหนุนกันมาแต่ชาติปางก่อนจึงทำให้ได้มาพบกัน ถึงแม้ลูกจะมีกรรมเก่าค่อนข้างหนักหนา ฝืนชะตากรรมตนเองจนทำให้ลิขิตที่ได้กำหนดไว้แต่แรกเปลี่ยนแปลง จนชะตาลิขิตได้ถูกกำหนดขึ้นมาใหม่ แต่.. อย่างไรก็ดี เด็กคนนี้แหละ จะนำพาหนทางสว่างให้แก่ลูกเอง แม่ชีขอให้ลูกบรรลุในสิ่งที่ปรารถนาสำเร็จด้วยนะลูกนะ ”
เอ็มรับฟังกระแสจิตจากแม่ชีแล้วเขาก็ก้มลงกราบด้วยความซาบซึ้ง และตื้นตันเป็นที่สุด แม่ชีช่างมีจิตใจเมตตาเหลือเกิน
. . . .
.
.
.
.
15 วันแล้ว ภายหลังจากที่ชีวินได้ข้อแนะนำจากแม่ชี ชีวินก็หมั่นเพียรฝึกสมาธิทุกวันอย่างจริงจังด้วยความมุ่งมั่น เขาสามารถทำสมาธิได้นานมากขึ้น และมากขึ้นทุกที จนถึงเวลานี้.. เขาสามารถทำได้นานเป็นชั่วโมง เขาสามารถสงบจิตได้นานถึงขนาดนั้น แต่.. ทำไม? มันเหมือนมีเส้นใยบางๆขวางกั้นทำให้เขาก้าวข้ามผ่านไปไม่ได้ แม้เขาจะพยายามถึงเพียงไหน? ก็ผ่านไปไม่ได้เสียที มันช่างยากจริงๆ แต่.. เขาจะไม่ท้อ เขาจะต้องทำให้ได้ ช่วงหลังมานี้ เขารู้สึกว่า.. อีกนิดเดียว อีกเพียงนิดเดียวเท่านั้น เขาจะต้องผ่านไปให้ได้ และ.. ในวั้นนี้ เขาใช้เวลาผ่านไปถึงเกือบ 2 ชั่วโมงแล้ว เวลาผ่านไปอีกอย่างช้าๆ จนชีวินเริ่มรู้สึกถึงความอ่อนล้า ความเมื่อยขบเริ่มก่อเกิดขึ้นอย่างช้าๆและกำลังกัดกร่อนสมาธิของเขาลงทุกที แต่.. นั่นไม่ใช่สิ่งที่จะมาขวางกั้นความมุ่งมั่นของเขาไปได้ ไม่.. เขาจะไม่ท้อ เขาต้องทำให้ได้ เขาพยายามรวบรวมจิต จิตที่กำลังจะขาดสมาธิเพราะความอ่อนล้าขึ้นมาอีกครั้ง จนในที่สุด เขาก็รู้สึกว่า.. ความอ่อนล้าเมื่อยขบก็อันตรธานหายไป เขาเอาชนะได้แล้ว เขารู้สึกถึงจิตของเขาจมดิ่งลึกลงทุกที และทุกที รู้สึกถึงผิวกายที่เริ่มเย็นเฉียบ มันเป็นความเยือกเย็นแต่มิใช่ความหนาวเหน็บมันรู้สึกเหมือน.. ราวกับเย็นสบาย และผ่อนคลายอยู่ในที เขาเริ่มรู้สึกตัวเบาหวิวดุจดังปุยเมฆ ที่เหมือนจะล่องลอยได้ จนในที่สุด.. เขารู้สึกขนลุกซู่ทั่วร่าง เส้นใยบางๆที่ดูเหมือนจะขวางกั้นนั้น เขาสามารถก้าวข้ามผ่านได้แล้ว เขาทำได้แล้ว เขาสามรถทำสำเร็จแล้ว ณ ยามนี้.. เขารู้สึกสมองปลอดโปร่งและช่างเป็นสุขเหลือเกิน ไม่มีความกังวลใดๆอีกแล้ว ความคิดที่เป็นปัญญาได้ก่อเกิดขึ้นแล้ว เขารู้แล้ว ว่าควรทำเช่นไร? จริงอย่างที่แม่ชีบอกเขา เมื่อเขาสามารถควบคุมจิตจนถึงระดับสูงได้ เขาจะรู้หนทางเอง จนถึงตอนนี้ เขารู้หนทางนั้นแล้ว และเขายังรู้อีกด้วยว่า.. เวลาตามอายุขัยของพี่เอ็มจะมาถึงในอีก 7 วันนับแต่นี้ ประตูแห่งโลกวิญญาณจะมาปรากฏเพื่อให้พี่เอ็มได้ก้าวเข้าสู่โลกนั้น มันจะครบวาระแล้ว และ.. เขาก็รู้อีกด้วยว่า.. ถ้าเขาไม่ผู้นำพา พี่เอ็มก็จะไม่ได้พบพี่ปอนตลอดกาลแม้.. ทั้งคู่ จะเป็นคู่แท้ซึ่งกันและกันก็ตาม มันเป็นเพราะกระแสบุญกรรมที่เหลื่อมกันนั่นเอง เพราะผลบุญที่เขาหมั่นอุทิศให้พี่เอ็ม ทำให้พี่เอ็มมีดวงวิญญาณบริสุทธ์ใสสะอาดขึ้น จนสามาถหลีกเร้นกระแสกรรมเก่าขึ้นมาได้ แม้จะมิอาจลบล้างเวรกรรมที่ทำไว้ได้ แต่มันก็ทำให้พี่เอ็มสามารถหนีบาปขึ้นมาใช้พลังบุญได้ก่อน ในขณะที่.. พี่ปอน ได้สร้างเวรสร้างกรรมไว้ในช่วงที่ยังมีชีวิต เขาได้ทำผิดศีลธรรมทุกข้อ มันเป็นบาปกรรมที่ทำให้เขาต้องจมดิ่งอยู่ในห้วงแห่งความทุกข์ทรมานในโลกวิญญาณเพื่อชดใช้เวรกรรม เขาต้องไปช่วยดึงพี่ปอนขึ้นมาให้มีพลังบุญเสมอพี่เอ็ม ทั้งคู่จึงจะสามารถพบกันได้ ใช่แล้ว.. เขาต้องทำเช่นนั้น จนถึงในตอนนี้.. เวลามีไม่มากแล้ว.. เขาต้องไปพบพี่ปอน และจะต้องไปเดี๋ยวนี้ ชีวินคิดได้ดังนั้น เขาก็กำหนดจิตถึงพี่ปอน และแล้ว..  ดุจดังมีแสงสว่างวาบและทอประกายเป็นแสงสีรุ้ง ชีวินรู้สึกตัวเบาหวิว และราวกับล่องลอยได้ ใช่.. จนถึงตอนนี้ เขาสามารถถอดจิต และก้าวข้ามผ่านมิติ ตรงดิ่งไปสู่โลกวิญญาณได้ในชั่วพริบตา ในเวลาเพียง.. ชั่วเสี้ยววินาที
. . . .
.
.
.
.
ชีวินรู้สึกเหมือนถูกดูดเข้าสู่หลุมดำที่มีพลังดึงดูดมหาศาล มันช่าง.. รวดเร็วมาก จนกระทั่ง.. เขามาถึงแล้ว.. ชีวินได้มาถึงแล้ว นี่ละหรือ? คือโลกแห่งวิญญาณ ผู้ที่หมดอายุขัยบนโลกมนุษย์ จะได้มาอยู่ ณ ที่แห่งนี้หรือ? ในสถานที่นี้ เต็มไปด้วยกลุ่มหมอกควันสีขาวและว่างเปล่า แต่..กระนั้น.. เขาก็ได้แลเห็นดวงวิญญาณมากมายในสถานที่แห่งนี้ สถานที่นี้ดูจะกว้างใหญ่จนมิรู้จบ แต่.. กลับดูจะแบ่งออกเป็นสัดส่วนที่ดูจะชัดเจน แบ่งเป็นเขตแดนที่มิอาจบรรจบมาพบกันได้ ตามกระแสพลังแห่งความสุขและความทุกข์ทรมานที่ชีวินรู้สึกและสัมผัสได้ วิญญาณบาปกำลังชดใช้กรรมด้วยความระทมทุกข์ทรมานในส่วนที่มืดมิดจนยากจะหยั่งถึง และในขณะที่ดวงวิญญาณที่ได้ชดใช้กรรมชำระล้างบาปกรรมจนเบาบางลงจนพอที่จะไปเกิดใหม่ได้ ก็จะอยู่อีกส่วนเพื่อรอเวลาตามวาระ ดวงวิญญาณเหล่านี้ดูจะมีความสุขและมีความหวังอยู่ในส่วนที่สว่างไสวและอบอุ่น ชีวินรับรู้ตรงนี้ได้ แต่.. เขาจะมามัวเสียเวลาตรงนี้ไม่ได้อีก เขาต้องพบพี่ปอน นั่นไง.. อยู่ตรงนั้น ตรงกระแสวังวนแห่งความมืดมิด พี่ปอนกำลังทุกข์ทรมานอยู่ในความมืดดำ เดียวดาย และหนาวเหน็บ เขาเห็นดังนั้น.. ก็รู้สึกว่า.. มันช่างสะเทือนใจและช่างน่าสงสารอะไรเช่นนี้ เขาจึงกำหนดจิตอุทิศส่วนกุศลที่เขาสร้างสมมาให้แก่พี่ปอนในทันที เพื่อ.. ที่จะ.. ฉุดดึงพี่ปอนขึ้นมาจากระแสวังวนแห่งความมืดมิดนั้น จากกระแสพลังบุญที่ชีวินกำลังอุทิศให้ ทำให้พี่ปอนกำลังค่อยๆลอยขึ้นมา ลอยขึ้นมา จนกระทั่ง.. สามารถพ้นจากกระแสวังวนอันมืดมิดนั้นได้แล้ว พี่ปอนค่อยๆลอยตรงมาที่ชีวิน ใกล้เข้ามามากขึ้นทุกที จนเมื่อ.. พี่ปอนได้มาอยู่จนเคียงใกล้ชีวินมากขึ้น ชีวินจึงเอ่ยกับพี่ปอนในทันทีเมื่อสบตากัน..
“ พี่ปอน.. พี่เป็นอย่างไรบ้าง? ผมมาช่วยพี่ ”
“ ขอบคุณมากนะน้อง ขอบคุณเหลือเกิน พี่พ้นจากความทุกข์ทรมานแล้ว มันเป็นพระคุณอันสุดทื่จะกล่าวออกมาเป็นคำพูดได้ แล้วนี่.. น้องเป็นใคร? เหตุใดจึงมาช่วยพี่? จึงมาอุทิศส่วนกุศลให้พี่จนดวงวิญญาณพี่ใสสะอาดขึ้น จนกระทั่งหนีจากกระแสบาปกรรมที่พี่เคยก่อไว้ จนสามารถขึ้นมาใช้พลังบุญก่อนได้ ทำไมน้องช่าง.. มีจิตใจแสนประเสริฐอะไรเช่นนี้ ”
ปอนกล่าวจบ พร้อมกำลังจะก้มลงกราบด้วยความตื้นตันอย่างหาที่สุดมิได้ เขาอยากจะทำเช่นนั้นจริงๆ เขาทนทุกข์ทรมานมานานแสนนานแล้ว จนกระทั่ง.. เด็กหนุ่มรุ่นน้องที่เปี่ยมไปด้วยพลังบุญบารมี จิตใจบริสุทธ์และแสนจะดีงามผู้นี้ ผู้มาช่วยเหลือเขา ฉุดดึงเขาขึ้นมาจากความมืดมิด การที่เขาจะก้มลงกราบเพื่อขอบคุณ สำนึกถึงบุญคุณเช่นนี้ ยังดูจะน้อยเกินไปเสียด้วยซ้ำ ชีวินเห็นดังนั้น.. เขาก็รีบประคองเพื่อหยุดยั้งการกระทำแบบนั้นจากปอน และกล่าวกับปอนว่า..
“ พี่ปอนไม่ต้องทำเช่นนั้นหรอก แค่พี่มีความสุข หลุดพ้นจากความทุกข์มาได้ ผมก็พอใจแล้ว ผมชื่อชีวิน ผนรับรู้เรื่องราวของพี่จากพี่เอ็ม ผู้ที่เป็นคู่แท้คู่ชีวิตของพี่ ภายหลังจากพี่เอ็มเสียชีวิตตามพี่ไป ดวงวิญญาณเขาก็เร่ร่อนอยู่ในมิติเร้น มิอาจเข้าสู่โลกวิญญาณได้เพราะยังไม่ครบกำหนดวาระตามอายุขัย พี่เขาฆ่าตัวตายตามพี่ไป เพราะเขารักพี่มากนะครับ จนกระทั่ง.. ผมได้มาพบกับพี่เอ็มและได้อยู่ร่วมกันมาได้ระยะหนึ่งจนมีความผูกพันกันพอควร พี่รู้ไหม? พี่เอ็มรักและคิดถึงพี่มากนะครับ ผมได้เห็นถึงความรัก ความจริงใจที่พี่ปอนและพี่เอ็มมีให้แก่กันแล้ว มันช่างสวยงามเหลือเกิน สวยงามมากจริงๆ มากเสียจน.. ผมอยากจะมีคนที่รักและจริงใจกับผมขนาดนี้บ้าง ผมจึง.. อยากที่จะช่วยเหลือพี่ทั้งสองน่ะครับ ”
“ โอว.. เป็นอย่างนี้เองหรือ? พี่ก็คิดถึงเอ็ม คิดถึงมากเหลือเกิน พี่รักเอ็มมากนะ พี่อยากพบเขา อยากพบจนแทบใจจะขาด พี่ทุกข์ทรมานเพราะความเศร้าแบบนี้มานานแสนนานแล้ว ขอบคุณน้องมากนะ น้องวิน น้องช่างเป็นคนดีเหลือเกิน ”
“ ไม่เป็นไรครับ พี่ไม่ต้องห่วงนะครับ อีกไม่นาน ผมจะพาพี่เอ็มมาพบพี่เอง พี่ทั้งสองจะได้พบกันเสียที จนถึงวันนั้น.. จะเป็นวันที่ผมมีความสุขอย่างที่สุดเลยครับ ”
ปอนได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกซาบซึ้งจนไม่สามารถกล่าวอะไรได้อีก เขาดึงชีวินเข้ามากอดด้วยความรู้สึกตื้นตัน และรัก ใช่.. มันคือความรัก เขารักเด็กคนนี้อย่างจริงใจ มันเป็นความรักที่บริสุทธ์ที่ก่อเกิดขึ้นจากการได้รับรู้ถึงจิตใจที่ดีงามของชีวิน และเปี่ยมไปด้วยความสำนึกในบุญคุณเป็นล้นพ้นจากเด็กหนุ่มคนนี้ เด็กคนนี้ไม่เคยรู้จักเขา ไม่เคยเกี่ยวข้องกันเลยแม้แต่น้อย แต่.. กลับยังจะมาช่วยเขา ช่วยเหลือเขาด้วยพลังบุญบารมีอันยื่งใหญ่ที่เด็กคนนี้มีอย่างเต็มเปี่ยม เขารู้สึกรักเด็กคนนี้จริงๆ มันเป็นความรักที่แม้จะเพิ่งได้พานพบกันเป็นครั้งแรกก็ตาม ชีวินโอบกอดตอบ และตบแผ่นหลังปอนเบาๆเป็นเชิงปลอบใจ และให้กำลังใจอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็เอ่ยขึ้นมาว่า
“ พี่ปอนครับ ผมคงต้องไปก่อน ที่นี่ไม่ใช่โลกของผม ผมคงอยู่นานกว่านี้ไม่ได้ ผมสัญญานะครับ ผมจะพาพี่เอ็มมาหาพี่เร็วๆนี้ อีกไม่นานหรอกนะครับ อีกไม่นานจริงๆ แล้วผมจะกลับมาที่นี่อีกครั้งพร้อมพี่เอ็มนะครับ ”
“ ขอบคุณมากนะน้องวิน ถ้ามีสิ่งใดที่พี่พอจะตอบแทนน้องได้บ้าง พี่ก็จะทำ ขอบคุณเหลือเกิน ”
“ ไม่เป็นไรครับพี่ งั้นผมไปก่อนนะครับพี่ปอน ”
กล่าวจบ ชีวินก็โบกมืออำลา จากนั้น.. ภาพร่างที่เป็นเพียงดวงจิตของเขาก็ค่อยๆ เลือนหายไป หายออกจากโลกวิญญาณ เพื่อมุ่งกลับสู่ร่างของเขาบนโลกมนุษย์ ด้วยความรวดเร็วเหมือนดังเช่นที่เขามาในคราแรก..
.
.
.
.
ชีวินลืมตาขึ้นเมื่อดวงจิตเขากลับสู่ร่าง เขาเหลือบมองที่นาฬิกา ก็พบว่า.. ขณะนี้ ใกล้เช้าแล้ว เขารู้สึกแปลกใจมาก นี่เขาไปโลกวิญญาณเพียงครู่เดียว เวลาบนโลกมนุษย์ได้ผ่านไปมากขนาดนี้เลยหรือ? ระยะทางคงจะไกลแสนไกลมาก แม้จะรู้สึกว่ามันช่างรวดเร็ว แต่ก็คงใช้เวลาพอสมควร ถึงแม้.. ชีวินไม่ได้นอนหลับพักผ่อนเลยจนแทบจะตลอดคืน แต่.. น่าแปลก ที่เขาไม่รู้สึกง่วงงุนเลยแม้แต่น้อย ไม่มีความรู้สึกอ่อนเพลียใดๆเลย จากนั้น.. ชีวินรับพลังที่ให้ความรู้สึกเสมือนจริงจากพี่เอ็ม จนเมื่อ.. เขาได้รับรู้พลังนั้นแล้ว ภาพในภวังค์ความคิดของชีวิน ทำให้ชีวินรู้สึกเสมือนจริง และกำลังตรงเข้าไปโอบไหล่พี่เอ็มด้วยสีหน้ายิ้มแย้มด้วยความยินดี หลังจากนั้น.. เขากล่าวกับเอ็มว่า..
“ พี่เอ็ม ผมทำสำเร็จแล้ว พี่จะได้พบกับพี่ปอนแน่นอน ผมจะพาพี่ไปหาพี่ปอนเองครับ เมื่อครู่.. ผมได้ไปพบพี่ปอนมาแล้ว พี่เขาก็คิดถึงพี่มากนะครับ อีกเพียง.. แค่.. 7 วัน 7 วันเท่านั้น พี่ก็จะได้พบกับพี่ปอนแน่นอน ผมสัญญา ”
“ จริงหรือวิน? โอว.. วินเก่งมาก เพราะความมุ่งมันของวิน วินจึงทำได้สำเร็จ ขอบคุณนะวิน ขอบคุณจริงๆ แต่นี่.. เราใกล้เวลาที่ต้องจากกันแล้วละสิ ถ้าเป็นเช่นนั้น.. พี่ก็คง.. พี่คงคิดถึงวิน ”
“ ผมก็คงคิดถึงพี่ แต่.. ไม่เป็นไรหรอก การที่พี่ได้จะพบกับคนที่พี่รัก มันเป็นสิ่งที่ทำให้ผมมีความสุขที่สุดแล้ว ”
ชีวินกล่าวตอบเช่นนั้น แต่.. เขากลับน้ำตาไหล ใช่.. มันเป็นน้ำตาที่มาจากความเศร้าอาลัยแต่มันก็แฝงไปด้วยความสุขใจไปด้วยไม่น้อยเช่นกัน มันเป็นความปิติ อิ่มเอิบ ในความมุ่งมั่นที่เขาสามารถทำจนสำเร็จ เขารู้สึกยินดี แต่.. เขากลับทำให้น้ำตาหยุดไหลไม่ได้ มันยังคงไหลรินเป็นสายอาบแก้มอยู่เช่นนั้น เอ็มเห็นดังนั้น ก็ดึงชีวินเข้ามากอด กอดอยู่เช่นนั้นอย่างแนบแน่น กอดอยู่เช่นนั้นเนิ่นนาน และเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกนั้น.. ด้วยความรู้สึก.. เฉกเช่นเดียวกับชีวิน..

********
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-03-2009 20:07:15 โดย Pikachu »

Pikachu

  • บุคคลทั่วไป
คู่แท้


ในที่สุด.. วันแห่งการต้องลาจากก็เวียนมาถึง แม้ว่า. หลายวันที่ผ่านมา ชีวินพยายามที่จะทำใจ แต่.. จนถึงในวันนี้ เขาก็อดที่จะรู้สึกสะเทือนใจไม่ได้ เขารักและรู้สึกผูกพันกับพี่เอ็มเหลือเกิน ความรักที่ก่อเกิดและมีให้ให้แด่กัน ซึ่ง.. แม้จะอยู่กันต่างมิติและอยู่คนละสถานะก็ตาม ตลอด 7 วันที่ผ่านมา ชีวินปฏิบัติธรรมและครองตนอยู่ในศีลธรรม เพื่อที่จะทำให้จิตใจของตนสะอาดบริสุทธ์ที่สุด เพื่อให้มีพลังบุญบารมีมากที่สุด ที่จะนำพาพี่เอ็ม ดวงวิญญาณที่เขาแสนรัก ได้ไปสู่โลกแห่งวิญญาณ ได้ไปพบกับพี่ปอนคู่แท้ของพี่เอ็ม และ.. ได้ไปสู่สุขคติ ภาพในภวังค์ความคิดของชีวิน ชีวินกำลังโอบกอดพี่เอ็มด้วยความเศร้าอาลัย เขาพยายามกลั้นน้ำตา แต่.. ก็ทำไม่สำเร็จ ความรู้สึกมันเอ่อท้นจนท่วมใจ จนยาก.. ที่จะหยุดยั้งน้ำตามิให้ไหลได้ จนเมื่อ.. ชีวินรู้สึกถึง.. พลังเร้นบางอย่าง อันเป็นพลังอันมหาศาลและยิ่งใหญ่มากเหลือเกิน เวลาเวียนมาบรรจบมาถึงแล้วละสิ นี่คง.. เป็นเวลาตามอายุขัยของพี่เอ็ม ถ้าพี่เอ็มไม่ฆ่าตัวตาย พี่เอ็มก็จะยังมีชีวิตอยู่จนถึงในวันนี้.. วันที่พี่เอ็มอายุครบ 23 ปี ประตูแห่งโลกวิญญาณ ได้เวียนมาบรรจบตามวาระ และกำลังจะเปิดออกแล้ว..
“ พี่เอ็ม ถึงเวลาแล้ว เราคงต้องจากกันแล้ว ”
“ วิน.. วิน.. พี่.. พี่รักวิน พี่.. พี่.. ”
เอ็มอยากจะกล่าวสิ่งต่างๆมากมาย แต่.. ในขณะนี้ เขาพูดได้เพียงแค่นี้ ความรู้สึกต่างๆมันเอ่อท้น จนทำให้เขาไม่สามารถกล่าวอะไรได้อีกเลย ชีวินเห็นดังนั้นก็ยิ่งสะเทือนใจ แต่จะทำกระไรได้ คงต้องปล่อยทุกอย่างให้เป็นไปตามนั้น เขาแลเห็นประตูแห่งโลกวิญญาณได้เปิดออกแล้ว มันเป็นลำสงเจิดจ้าที่สว่างไสวและดูทรงพลัง เขาจึงพยายามสะกดกลั้นความเศร้าโศก และเอ่ยกับเอ็มด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ
“ พี่ครับ ผมก็รักพี่มากนะครับ พี่เป็นพี่ชายที่แสนดีของผมเสมอมา นี่คือสิ่งสุดท้ายที่ผมจะทำให้พี่ ประตูเปิดออกแล้ว ผมจะถอดจิตแล้วไปส่งพี่ที่โลกแห่งวิญญาณ พี่จะได้.. จะได้พบ พบกับคนที่พี่รัก พี่ปอนคงกำลังรออยู่ ไปกันเถิดนะครับ ”
กล่าวจบ ชีวินก็หนดจิต และถอดดวงจิตออกจากร่าง เพียงชั่วเวลาไม่นาน เขาก็ถอดดวงจิตได้ เขาก้าวมายืนเคียงเอ็มอยู่ตรงหน้าลำแสงที่เจิดจ้าสว่างไสวนั้น ลำแสงที่เป็นประตูแห่งโลกวิญญาณ ที่กำลังเปิดออก และรอเอ็มอยู่ ชีวินเหลือบมองไปที่พี่เอ็ม และคว้ามือเอ็มขึ้นมากุมไว้ จากนั้น.. ทั้งคู่ก็ล่องลอยเคียงกัน ตรงไปสู่.. ลำแสงนั้น.. ลำแสงที่จะนำพาทั้งคู่ เพื่อไปสู่.. โลกแห่งวิญญาณ..
.
.
เมื่อล่องลอยเข้ามาสู่ในลำแสงนั้น.. ชีวินก็รู้สึกถึง.. กำลังถูกดูดด้วยพลังอันมหาศาล มันเป็นความรู้สึกเดียวกันกับเมื่อครั้งที่เขามาด้วยตนเองในครานั้น แต่.. ในครานี้.. จะดูทรงพลังกว่า เขากุมมือพี่เอ็มแน่นขึ้นด้วยความตื่นระทึก และแฝงไปด้วยความปลื้มปิติ พี่เอ็มและพี่ปอนกำลังจะได้พบกัน เขาอยากเห็นภาพนั้นจนแทบอดใจรอไม่ได้อีกต่อไป..
จนในที่สุด.. ทั้งคู่ก็ได้มาถึง เขาได้แลเห็นปอนกำลังรอคอยด้วยใบหน้ายิ้มละไม และอิ่มเอิบไปด้วยความปิติสุข ชีวินจึงจับมือของพี่ชายทั้งสอง เข้ามากุมกันไว้ จากนั้น.. เขาก็ปลีกตัวห่างออกไป และกำลังเฝ้ามองด้วยความตื้นตัน ในภาพอันแสนสวยงาม ที่สุดแสนจะประทับใจ ที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนั้น เอ็มกุมมือปอนและจ้องมองดวงหน้าของปอนอยู่นิ่งๆเช่นนั้นครู่หนึ่ง ดวงหน้าดวงนี้ ดวงหน้าที่เขาถวิลหาที่จะได้พานพบมานานแสนนานแล้ว จนบัดนี้.. เขาได้พบแล้ว มันช่าง.. ดุจดังความฝัน เอ็มรู้สึกดีใจเหลือเกิน มันเป็นความปิติสุขที่เอ่อท้นจนมิอาจบรรยายเป็นคำพูดได้ ทั้งคู่.. คงจะรู้สึกเช่นเดียวกันในเวลานี้กระมัง?
“ ปอน ”
“ เอ็ม ”
“ เราได้พบกันแล้ว เอ็ม.. เอ็มดีใจที่สุดเลย เอ็มคิดถึงปอนมากรู้ไหม? ”
“ ปอนก็คิดถึงเอ็ม ปอนดีใจ ที่มีวันนี้ ดีใจจน.. จนไม่รู้จะพูดเช่นไรดีแล้ว ”
และแล้ว.. ทั้งคู่ก็โผเข้ากอดกัน ส่งกระแสแห่งความรักความอบอุ่นถึงกันและกัน มันคือความรักที่ส่งตรงมาจากหัวใจที่มีให้กันและกันอย่างจริงใจ ชีวินมองภาพนั้นด้วยน้ำตาเนืองนองใบหน้าด้วยความซาบซึ้งใจ มันช่างสวยงามเหลือเกิน คู่แท้ของกันและกันได้กลับมาพบกันอีกครั้งแล้ว เขาได้ทำจนสำเร็จแล้ว เขารู้สึกปิติ และอิ่มเอิบใจเหลือเกิน เขาเฝ้ามองภาพนั้นเงียบๆอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้น.. เขาก็เริ่มกำหนดจิต อุทิศส่วนกุศลให้ทั้งคู่ พลังบุญบารมีที่เขาสั่งสมมาจนถึงในวันนี้ เขาขอมอบแด่.. ทั้งคู่ ขอมอบให้ทั้งหมด จากนั้น.. เขาก็กำลังจะลาจากไปแบบเงียบๆ แต่.. ในระหว่างนั้น เขากลับถูกเหนี่ยวรั้งเข้ามาโอบกอดไว้จนแนบอกจากพี่ชายทั้งคู่ เขาเหลือบแลมองใบหน้าของพี่ชายทั้งสอง แล้วเขาก็พบว่า.. ทั้งคู่กำลังร้องไห้ ดวงวิญญาณของทั้งคู่กำลังร้องไห้ นี่.. เขาร้องไห้ได้ด้วยหรือ? ชีวินรู้สึกแปลกใจ แต่.. ในขณะเดียวกัน เขาก็รู้สึกตื้นตันใจไปด้วยไม่น้อยเช่นกัน จากสัมผัสโอบกอดจากทั้งคู่นั้น ชีวินรู้สึกว่า..  มันช่าง.. แสนจะอบอุ่นเหลือเกิน
“ น้องวิน พี่ขอบคุณมาก พี่.. พี่ไม่รู้จะกล่าวเช่นไรดี? ”
“ วิน.. พี่รักวิน ขอบคุณมากนะ สำหรับทุกสิ่งที่ทำให้ พี่.. พี่ไม่อยากจากวินเลย แต่.. ทุกสิ่งคงต้องเป็นไปตามนั้น ”
“ ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมขอให้พี่ทั้งสองมีความสุขร่วมกันตลอดไป สิ่งที่ผมตั้งใจไว้ ผมก็ได้ทำจนลุล่วงแล้ว แค่นี้.. ผมก็ดีใจที่สุดแล้ว เอาละ.. ผมคงต้องไปก่อน ทุกสิ่งทุกอย่างสมบูรณ์หมดแล้ว ลาก่อนนะครับพี่ทั้งสอง ”
ชีวินกล่าวจบก็ผละออก แม้จะไม่อยากจะจากสัมผัสอบอุ่นแบบนี้เลย แต่.. เขาก็ต้องไป ดวงจิตที่เป็นภาพร่างของชีวินกำลังจะกลับสู่ร่างของเขาในโลกมนุษย์ ในระหว่างที่เขากำลังเลือนหายออกไปจากโลกแห่งวิญญาณ เขาก็ได้ยินคำพูดสุดท้ายของพี่ชายทั้งสอง ที่กำลังกล่าวอำลาเขาด้วยความซาบซึ้งและตื้นตัน..
“ น้องวิน ลาก่อนนะ น้องเป็นคนดี คนที่จิตใจงดงามแบบน้องวิน น้องจะได้พานพบแต่ความสุขตลอดไป ”
“ วิน น้องรักของพี่ สักวัน.. ถ้ามันพอจะเป็นไปได้ พี่หวังว่า.. เราคงได้พบกันอีกครั้ง ลาก่อนนะวิน ”
ชีวินรับรู้คำกล่าวอำลาอย่างจริงใจจากทั้งคู่ก่อนที่ดวงจิตที่เป็นภาพร่างของเขาจะลือนหายไป เขายิ้มตอบรับ และโบกมืออำลา และแล้ว.. เขากลับมายังโลกของเขาในเวลาเพียง.. ชั่วเสี้ยววินาที..
. . . .
.
.
.
.
บรรยากาศภายในวัดแห่งนี้ยังคงสงบร่มรื่นเช่นเคย พี่เอ็มได้จากไปนานแล้วนับแต่นั้น แต่.. ชีวินยังคงคิดถึงพี่เอ็มอยู่เสมอ แม้จะเป็นระยะเวลาเพียงช่วงสั้นๆ ที่เขาและพี่เอ็มได้อยู่ร่วมกัน แต่ความผูกพันนั้นกลับแนบแน่นเสมอมา ในวันนี้.. เขากลับมาที่วัดแห่งนี้อีกครั้ง เขาตรงไปที่บรรจุอัฐิของพี่เอ็ม อยากไปยืนไว้อาลัยให้ด้วยความคิดถึง แล้ว.. เขาก็ได้พบว่า.. คุณป้าท่านนั้น คุณป้าที่เป็นคุณแม่ของพี่เอ็มเมื่อครั้งมีชีวิตกำลังบรรจงคล้องพวงมาลัยดอกไม้สดที่มีกลิ่นหอม ตรงแผ่นป้ายหินอ่อนที่สลักชื่อพี่เอ็มอยู่ด้วยความอาลัย เขาเห็นดังดังนั้นจึงเอ่ยทักทายพร้อมพนมมือไหว้คุณป้าท่านนั้น
“ สวัสดีครับคุณป้า ”
หญิงวัยกลางคนเหลือบมองชีวินแล้วรับไหว้ด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“ นี่หนู? ”
“ ครับผมเอง ผมที่เคยถามคุณป้าเรื่องของพี่เขาในครั้งก่อนนั้นไงครับ คราวนั้นผมต้องขอโทษนะครับ ที่การถามอะไรที่ไม่รู้จักกาละเทศะของผม จะทำให้คุญป้าต้องเศร้าสะเทือนใจ นี่คุณป้าคงจะคิดถึงพี่เขานะครับ? ”
“ อ่อ หนูนี่เอง ไม่เป็นไรหรอกลูก เรื่องมันก็ผ่านมานานแล้ว ป้าคิดว่า.. สิ่งที่ป้าเล่าไปในครั้งนั้น ก็คงจะพอเป็นข้อคิดให้หนูได้บ้าง พ่อแม่นะหนูนะ ถึงอย่างไรก็รักและห่วงใยลูกเสมอ เลือดในอกนะลูก แล้วนี่.. หนูเข้าใจถูกแล้ว ใช่จ้ะ.. ป้าคิดถึงเขามาก ยังเป็นห่วง และยังคิดถึงน่ะจ้ะ ”
“ ครับ แต่.. ผมว่า.. พี่เขาคงมีจะความสุขไปแล้ว แบบว่า.. คงไปจะสู่สุขคติแล้วละครับคุณป้า ”
“ ทำไมหนูจึงคิดเช่นนั้นละจ๊ะ? ”
“ ก็.. ก็.. เอ่อ.. เอ่อ.. ผมคิดว่า.. พี่เขาคง.. คงจะรับรู้ถึงความรัก ความห่วงใยจากคุณป้าแล้วละครับ คุณป้าดูจะมาไว้อาลัยให้อยู่แบบนี้บ่อยครั้ง ผมว่า.. พี่เขาคงรับรู้ได้ คุณป้าน่าจะสบายใจได้แล้วนะครับ ”
“ ขอบใจจ้ะหนู หนูเป็นเด็กดีน่ารักนะ รู้จักให้กำลังใจผู้ใหญ่ด้วย ”
“ ไม่เป็นไรหรอกครับ พอดี.. ผมเห็นคุณป้าดูจะกำลังเศร้าอาลัย ผมก็เลยอยากมาให้กำลังใจคุณป้าน่ะครับ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ สวัสดีครับคุณป้า ”
จากนั้น.. ชีวินก็ปลีกตัวออกมา เขาแวะมานั่งเล่นที่บริเวณสระน้ำขนาดใหญ่ที่อยู่ในอาณาเขตของวัดแห่งนั้น บรรยากาศอันเย็นสบายและร่มรื่น ทำให้ชีวินรู้สึกผ่อนคลาย เขามัวนั่งคิดอะไรต่ออะไรอยู่พักใหญ่จนเหมือนกับจะลืมเวลา จนเมื่อรู้สึกตัวอีกครั้ง.. ก็ดูจะเย็นมากแล้ว เขาจึงคิดว่า.. น่าที่จะกลับบ้านได้เสียที ระหว่างนั้น.. ขณะที่เขากำลังจะเตรียมตัวกลับ เขาก็ได้ยินเสียงคุ้นเคยเอ่ยทักเขา เขาจึงหันไปมองแล้วก็พบว่า..
“ วิน จะกลับแล้วเหรอ? ”
“ อ้าว.. พัฒน์ มาทำอะไรที่นี่น่ะ แล้วนี่มาตั้งแต่เมื่อไร? ”
“ เราก็.. เอ่อ.. มาตามความฝันน่ะ เรามาที่นี่ตั้งนานแล้ว เรา เอ่อ.. แอบนั่งหลบอยู่หลังต้นไม้โน่นน่ะ ”
ชีวินได้ฟังดังนั้นก็รู้สึกแปลกใจ นี่พัฒน์พูดอะไรของเขานะ? มาตามความฝัน? มาแล้วแอบมานั่งหลบ? นี่มันอะไรของเขากันแน่นะ? ชีวินรู้สึกสงสัยและคลางแคลงใจเหลือเกิน
“ อะไรของนายน่ะพัฒน์ มาตามความฝันอะไร? ”
“ ก็.. ก็.. คือ.. เอ่อ.. อย่าหัวเราะเรานะวิน คือ.. เมื่อคืนเราฝัน เราฝันว่า.. มีผู้ชายรูปหล่อ 2 คนมาบอกเรา เขาบอกเราว่า เอ่อ.. เอ่อ.. ในวันนี้ ให้เรามาที่นี่ ที่ที่เราและวินเคยมานั่งเล่นคุยกันในตอนนั้นไง เขาบอกว่า.. เราจะได้พบเนื้อคู่ของเราที่นี่ คนคนนั้นจะป็นคู่แท้ของเรา เขาบอกมาอย่างนี้ และยังกำชับให้เราต้องมาให้ได้ น่าแปลกนะวิน ที่เรา เอ่อ.. เราเชื่อน่ะ ถึงจะเป็นแค่ความฝัน แต่เราก็เชื่อนะ ”
กล่าวจบ พัฒน์ก็จับมือชีวินมากุมไว้ แล้วก็เอ่ยขึ้นมาอีกครั้งว่า..
“ เรามานั่งหลบเพื่อคอยลอบมอง มองหาคนที่ใช่ของเรา ตลอดเวลาที่เรานั่งอยู่ตรงนั้น ก็ไม่มีใครอีกเลย นอกจาก.. วิน จนในที่สุด เราก็รู้สึกมั่นใจแล้ว ว่า.. คนที่ใช่ของเรา น่าจะ.. เป็นวิน.. วินเราดีใจนะ ที่เป็นแบบนี้ เราดีใจเหลือเกิน ”
ชีวินได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกตื้อและพูดไม่ออก และแล้ว.. เขาก็รู้สึกถึงกระแสจิตของใครบางคน ซึ่งนั่นก็คือ.. พี่เอ็มกับพี่ปอนนั่นเอง ทั้งคู่กำลังส่งกระแสพลังจิตเพื่อเอ่ยบอกเขาด้วยน้ำเสียงที่ดูจะบางเบาและดูจะห่างไกลแสนไกลเสียเหลือเกิน แต่ถึงกระนั้น.. ก็ยังสามารถรับรู้และรับฟังได้อย่างชัดเจน
“ วิน.. เด็กหนุ่มคนนี้แหละ คือคู่แท้ของวิน เขาผู้นี้จะมาคอยดูแลและอยู่คียงข้างวิน เขาผู้นี้เป็นคนดี และจะเป็นผู้ทำให้ชีวิตของวินมีความสุขตราบจนสิ้นอายุขัย เขาผู้นี้แหละ.. คือ.. เนื้อคู่ของวิน ”
“ ถูกแล้วน้องวิน จริงอยู่ที่ว่า.. เวลาแห่งการรับรู้ความมีตัวตนของเนื้อคู่น้องวินนั้นจะยังมาไม่ถึง แต่.. ที่พี่และพี่เอ็มได้รวมพลังกันเพื่อที่จะทำสิ่งนี้ให้กับน้องวิน เพราะ.. พี่และพี่เอ็มอยากจะตอบแทนจิตใจที่ดีงามของน้องวินบ้าง การที่พี่ทำแบบนี้ แม้จะผิดในลิขิต แต่.. มันก็ไม่ได้ทำให้อนาคตของน้องวินและน้องผู้ชายคนนี้เปลี่ยนไป มันกลับจะเป็นการส่งผลดีเสียอีก เพราะ.. มันจะทำให้น้องวินแคล้วคลาดจากภัยอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับน้องวิน เพื่อที่น้องวินจะได้รับรู้ความเป็นเนื้อคู่จากน้องผู้ชายคนนี้ในอนาคต แต่.. ในเมื่อ.. น้องวินได้รับรู้ก่อนแล้ว น้องวินก็จะไม่พบภัยอันตรายนั้นอีกเลย อนาคตเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่.. มิได้ส่งผลร้ายแต่อย่างใด จงสานความสัมพันธ์ให้เติบโตมากขึ้นไปอีกนะน้องวิน แล้วน้องวินจะมีความสุขกับน้องผู้ชายคนนี้ตลอดไป ”
หลังจากนั้น กระแสพลังจิตนั้นก็หายไป พี่ปอนกับพี่เอ็มคงรวบรวมพลังเพื่อมาบอกเขา ซึ่งมันสิ่งที่ทำได้ยากมาก เพราะโลกแห่งวิญญาณนั้นอยู่ห่างไกลมากเกินไป แต่กระนั้น.. ทั้งคู่ก็ยังร่วมกันทำสิ่งนี้เพื่อเขา เขารู้สึกตื้นตันใจเหลือเกิน ชีวินลอบมองใบหน้าหล่อเหลาคมคายที่กำลังจ้องมองหน้าเขานิ่งอยู่ และยังคงกุมมือเขาอยู่เช่นนั้นไม่ปล่อย เขาคิดในใจว่า.. คนใกล้ๆตัวคนนี้เองละหรือ? คือเนื้อคู่เขา? คนคนนี้ คนที่เขาแอบพึงใจ และพยายามหักห้ามใจมาโดยตลอด คือ.. คู่แท้ของเขา? คู่แท้ของเขาอยู่ใกล้กันแค่นี้เองหรือ? ความรู้สึกของเขา ณ ตอนนี้ มันดูจะเอ่อท้นจนแทบกล่าวอะไรออกมาไม่ได้ แต่ถึงอย่างไรเขาก็กล่าวออกมาจนได้ ด้วยน้ำเสียงที่ดูจะอึกอักเพราะความประหม่าอาย
“ นี่.. นี่นาย เอ่อ.. เอ่อ.. พูดอะไรแบบนี้.. ทำไมถึงได้ เอ่อ.. กล้าพูดอะไรแบบนี้? ”
“ ทำไมจะพูดไม่ได้ล่ะ? ก็เราชอบวินน่ะสิ ตลอดเวลาที่ผ่านมา เราก็ไม่ค่อยเข้าใจความรู้สึกตัวเอง แต่.. จนถึงในวันนี้.. เราเข้าใจแล้ว.. ว่าเรารู้สึกกับวินเช่นไร? เราดีใจที่สุดเลย ที่คนผู้นั้นคือวิน เราคบกันนะวิน ให้โอกาสเราเถิดนะ เราจะพิสูจน์ตัวเองให้วินได้เห็นว่า.. เรา.. เอ่อ.. เราจริงใจ ได้โปรดเถิดนะวิน ”
“ เอ่อ.. ”
ชีวินพูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว ใบหน้าเขาแดงซ่านและรู้สึกร้อนผ่าว เขามิได้ตอบรับใดๆ แต่.. กลับกุมมือของพัฒน์แน่นขึ้น เพื่อแสดงถึงความรู้สึกจริงๆของเขาแด่พัฒน์ และ พัฒน์ก็รับรู้ถึงความรู้สึกนั้น เขาอมยิ้มละไม และโอบกระชับไหล่ของผู้ที่อยู่เคียงใกล้ด้วยความรักจากหัวใจที่จริงใจ ความรักแรกรุ่นที่กำลังเริ่มผลิบาน และแล้ว.. ทั้งคู่ก็ออกเดินเคียงกัน โอบกระชับเคียงชิดใกล้กันอยู่เช่นนั้น โดยมิได้กล่าวพูดคุยใดๆกันอีกเลย มีเพียง.. เสียงแห่งหัวใจที่ส่งผ่านให้กันและกันด้วยความรัก ความเข้าใจ ที่กำลังจะเริ่มเติบโตมากขึ้นไปอีกในอนาคตอันใกล้นี้..

*******
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-03-2009 17:18:52 โดย Pikachu »

Pikachu

  • บุคคลทั่วไป
พานพบ ( บทส่งท้าย )


หนูน้อยกำเหรียญ 5 บาทแน่นจนชุมเหงื่อ ภายหลังจากโรงเรียนเลิก เด็กน้อยรู้สึกค่อนข้างหิว เขาจึงตั้งใจว่าจะซื้อลูกชิ้นปิ้งกินรองท้องก่อนกลับบ้านด้วยเหรียญ 5 บาทค่าขนมเหรียญสุดท้ายที่เหลือในวันนี้ และแล้ว.. เขาก็ได้มันมา ลูกชิ้นปิ้งอุ่นๆหอมกรุ่น และชุ่มโชกด้วยน้ำจิ้มเลิศรส 1 ไม้ ในขณะที่เขากำลังอ้าปากเพื่อจะงับลูกชิ้น สายตาเจ้ากรรมของเขาก็เหลือบแลไปเห็น ลูกหมามอมแมมผอมโกรก นั่งกระดิกหางมองมาที่เขาด้วยสายตาละห้อย กำลังเลียปากแผลบๆ และกลืนน้ำลายด้วยความหิว เขารู้สึกประดักประเดิดใจชอบกล แต่.. ช่างมันเถิด มันก็แค่.. ลูกหมาข้างถนนมอมๆตัวหนึ่ง เขานึกในใจเช่นนั้นเพื่อให้รู้สึกผิดน้อยลง แล้วเคี้ยวลูกชิ้นแสนอร่อยนั้นต่อ แต่แล้ว.. ทำไม? เขาจึงรู้สึกว่ามันกลืนไม่ค่อยจะลงคอเลย เขาพยายามนึกเหตุผลต่างๆนานา ตามที่เด็กอายุ7-8 ขวบขนาดเขาพอจะคิดออก เพื่อที่จะหักล้าง ความละอาย และความรู้สึกผิดในจิตใจตัวเอง..
“ ลูกชิ้นเผ็ด หมากินไม่ได้หรอก ”
“ ก็เรากำลังหิว.. มันก็แค่ลูกหมาข้างถนน เดี๋ยวมันก็ไปคุ้ยหาขยะกินได้ ”
“ ลูกหมาคงกินลูกชิ้นไม่เป็นหรอก ”
“ จะสนใจทำไม? มันก็แค่.. ลูกหมา..”
 เขาพยายามทำไม่สนใจ แต่.. เมื่อได้สบตากับดวงตาแป๋วแหว๋วของเจ้าหมาน้อยตัวนั้น เขาก็เลยจำต้องตัดใจ ยอมยกลูกชิ้นที่เหลืออีก 3 ลูกให้
“ เฮ้อ!!.. เอ้าๆ เสียสละให้ก็ได้ มองอยู่นั่นแหละ เลยกินไม่ลงเลย คอยดูนะ ถ้าแกไม่กิน ฉันจะเตะแกให้เจ็บๆเลย ฉันก็หิวเหมือนกันนะ แต่.. ฉันก็กลับไปกินข้าวบ้านได้ แต่แก.. คงจะไม่มีบ้าน? คงจะไม่มีใครดูแล? เอ้า กินซะไอ้หมามอม เฮ้อ ”
เด็กน้อย รูดลูกชิ้นออกจากไม้ แล้วก็นำไปกองตรงหน้าเจ้าหมาน้อยตัวนั้น เพียงไม่นาน.. ลูกชิ้นทั้ง 3 ลูกก็หายไปอย่างรวดเร็ว มันคงจะกำลังหิวมากๆ หมาตัวเล็กๆ กับลูกชิ้น 3 ลูก คงจะพอบรรเทาความหิวโหย ให้มันได้บ้าง หลังจากที่มันกินเสร็จ มันก็นั่งกระดิกหางมองผู้หยิบยื่นความเมตตาให้แก่มัน สบตาเหมือนอยากจะบอกว่า.. ขอบคุณมากเหลือเกิน สำหรับอาหารมื้อนี้..
“ มองอะไรอีก? หมดแล้วไม่มีอีกแล้ว ไม่อิ่มหรือไง?  ทำไงได้ก็มีอยู่แค่นั้น เงินฉันก็หมดแล้วด้วย ฉันจะกลับบ้านแล้วละ ถ้าแกยังไม่หายหิว ก็คุ้ยๆหาอะไรกินเอาเองก็แล้วกันนะ ”
เจ้าหนูพูดพึมพำกับหมาน้อย จนดูราวกับว่า.. มันจะเข้าใจ จากนั้น.. เขาก็ลุกขึ้นเดินกลับบ้าน โดยมีจ้าหมาน้อยวิ่งต๊อกๆ กระดิกหางตามมาด้วย
“ จะตามมาทำไมอีก? ฉันคงเลี้ยงแกไม่ได้หรอก แม่คงไม่ให้เลี้ยงแน่นอน เสียใจด้วยนะ เจ้าหมามอมแมม ”

แต่.. เจ้าหมาน้อยก็ยังคงวิ่งตามอย่างไม่ลดละ แม้เด็กน้อยจะวิ่งหนีจากมัน มันยังคงก็วิ่งตาม จนเหนื่อยอ่อนด้วยกันทั้งคู่ เหตุการณ์ต่างๆคงจบลงแค่นั้น ถ้าเจ้าหนู เตะเจ้าหมาน้อยสักเปรี้ยงให้มันเจ็บๆ มันคงจะวิ่งหนีแล้วเลิกตามแน่นอน แต่.. เขาคงทำเช่นนั้นไม่ได้ เพราะดูรุนแรงโหดร้ายเกินไป เขาคงเดินอย่างอ่อนใจ โดยมีเจ้าลูกหมาจอมตื้อ เดินดุ๊กดิ๊กตามมาด้วย แล้วนี่.. เขาจะทำเช่นไรดีนะ ใจจริงเขาก็อยากมีลูกหมาเป็นเพื่อนเล่นสักตัวเหมือนกัน แต่.. แม่เขาคงจะไม่ยอม เพราะฐานะทางบ้านของเขาคงไม่เอื้ออำนวยให้เลี้ยงดูเจ้าหมาน้อยตัวนี้ได้ ระหว่างนั้น.. เขาก็ได้ยินเสียงเอ่ยทักจากเด็กแก่นเซี้ยว ซึ่งดูจะอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกันกับเขา เขาจึงหันไปตามเสียงเรียก ก็พบเจ้าหนูหน้าตามอมแมมเพราะความซุกซนกำลังยืนยิ้มหน้าทะเล้นอยู่..
“ เฮ้ย!! นั่นไอ้ลูกหมามอมแมมที่ไหนตามมาวะ? อย่าบอกนะ ว่าจะเอาไปเลี้ยง? หึหึ ”
“ เปล่าหรอก มันตามมาเองน่ะ เมื่อกี้.. ให้มันกินลูกชิ้นมันเลยตามมาเลย เห็นมันดูหิวๆเลยสงสารมัน จริงๆก็อยากจะเอาไปเลี้ยงนะ แต่.. แม่คงไม่ให้ว่ะ แล้วนี่จะทำไงดีวะ ช่วยคิดหน่อยสิ เออ.. หรือว่า.. นายจะเอาไปเลี้ยง เราจะได้ไปเล่นกับมันได้ด้วย แบบนี้ดีไหม? นะ นะ ช่วยหน่อย ”
“ เฮ้ย!! ไม่ได้หรอก แม่เราก็คงไม่ให้เหมือนกัน ทุกวันนี้แม่เราก็บ่นจะแย่อยู่แล้ว หาว่าเราซนเกิน จนเลี้ยงแทบจะไม่ไหว แถมยังพูดอีกว่า.. สักวัน.. แม่เราจะเอาเราไปทิ้งขยะอีก ดูแม่เราพูดสิ หึหึ ”
“ หึหึ แม่นายคงพูดเล่นน่ะ แม่ที่ไหนจะเอาลูกไปทิ้ง? จะบ้าเหรอ? ก็นายอยากซนจนทำตัวมอมแมมทำไมล่ะ? แม่นายก็คงจะเบื่อละสิ เออ.. แล้วไอ้ลูกหมาตัวนี้ เราจะทำอย่างไรกับมันดี? ”

ชีวินลอบมองการสนทนาของเจ้าหนู 2 คนแล้วก็อมยิ้มละไม เพราะทั้งคู่มานั่งปรึกษากันหน้าบ้านเขาพอดี เขารู้สึกเอ็นดูเด็กน้อย 2 คนที่ดูท่าทางจะสนิทสนมกันพอควร จากการลอบฟังการสนทนากัน ทั้งคู่คงจะเป็นเพื่อนรักกันแน่นอน ชีวินคิดในใจเช่นนั้น..
.
.
.
.
ชีวินในวันนี้.. เขาได้เติบโตเป็นหนุ่มรูปงาม เรียนจบ และทำงานด้านการเขียนหนังสือในแบบอิสระ มิได้สังกัดประจำที่ใด เขามีฝีมือในการเขียนได้ดีพอควร เขาจึงค่อนข้างจะมือชื่อเสียงในวงการนี้ ซึ่งมันก็ทำรายได้ให้เขาได้มากพอควร อีกทั้ง เขายังจะมีเวลาส่วนใหญ่ดูแลบ้าน ได้อยู่กับบ้านเกือบทุกวัน ซึ่งมันเป็นสิ่งที่เขาชอบ เพราะอุปนิสัยเขานั้น รักสันโดษ และชอบความเป็นส่วนตัว ในทุกๆสัปดาห์ เขาก็มักจะแวะเวียนไปเยี่ยมเยียนและดูแลพ่อแม่ของเขาอยู่เป็นประจำมิได้ขาด ในทุกวันนี้.. เขาได้มาใช้ชีวิตคู่อยู่กับพัฒน์อย่างมีความสุขในบ้านหลังเล็กๆขนาดกระทัดรัดหลังนี้ ในขณะที่พัฒน์กำลังจัดเตรียมอาหารมื้อเย็นอยู่ในครัว ชีวินจึงเดินออกมาดูแลความเรียบร้อยบริเวณหน้าบ้าน แล้วเขาจึงได้มาเห็นเจ้าหนูมอมแมม 2 คนกำลังปรึกษาหารือกัน เกี่ยวกับเจ้าลูกหมาที่กำลังกระดิกหางจ้องมอง ว่าที่เจ้านายตัวน้อยตาแป๋วแหว๋วอยู่ มันช่างเป็นภาพที่น่ารักน่าเอ็นดูเหลือเกิน ชีวินเห็นดังนั้น.. เขาจึงอยากร่วมวงสนทนาด้วย เขาจึงเอ่ยขึ้นกับเจ้าหนู 2 คนนั้นว่า..
“ ขอโทษที่แอบฟังนะ ดูช่างเป็นปัญหาที่น่าเห็นใจจัง งั้นให้น้าร่วมช่วยคิดด้วยคนได้ไหม? หวังว่าคงไม่รังเกียจนะ ”
“ ได้สิครับ ”
เจ้าหนูทั้งสองเอ่ยตอบรับพร้อมเพรียงกัน
“ อืม.. งั้นเอางี้ดีไหม? น้าขอออกความเห็นว่า.. น้าจะเลี้ยงให้ เพราะน้าคิดว่า.. น้าคงจะพร้อมและสะดวกที่สุด แต่.. มีข้อแม้นะ ข้อแม้นั้นก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรมากนักหรอก ก็แค่.. น้าขอแค่เป็นคนเลี้ยงและคอยดูแลให้เท่านั้น แต่.. เจ้าของตัวจริงของเจ้าลูกหมาตัวนี้ คือหนูทั้งสองคนนะ หนูต้องรักมันและห้ามทอดทิ้งมันรู้ไหม? ดูสิ.. ท่าทางมันจะรักหนูมากๆเลย ถ้าหนูทอดทิ้งมัน มันคงจะเสียใจแย่เลย หนูสามารถมาหา มาเล่นกับมันได้ทุกครั้งที่อยากมา น้าอยู่บ้านทุกวันอยู่แล้ว เวลามาหามันก็ขออนุญาติคุณพ่อ คุณแม่ก่อนนะ ท่านจะได้ไม่เป็นห่วง แค่นี้แหละ มันยากไปไหม? ”
“ โห.. น้า.. ทำไมใจดีแบบนี้ละครับ?  ขอบคุณครับ ข้อแม้ไม่ยากเลย ตกลงตามนั้นเลยนะครับ ”
“ หึหึ งั้นโอเคตามนี้ เออ ว่าแต่.. เรา 2 คนชื่ออะไรกันบ้างล่ะ? น้าชื่อวินนะ เรียกน้าวินก็ได้ ”
“ ครับน้าวิน ผมชื่อเอ็มครับ ”
“ ส่วนผม.. ชื่อปอนนะครับ เรา 2 คนเป็นเพื่อนกันครับ ”
เอ็ม ปอน? ชื่อนี้? ชีวินได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกเอะใจ 2 ชื่อนี้มันอยู่ในความทรงจำเขามานานหลายปีแล้ว เขาไม่เคยลืมเลย และยังคงรำลึกถึงอยู่เสมอด้วยความคิดถึง ขอบตาเขาเริ่มร้อนผ่าว และเริ่มสังหรณ์ใจบางอย่าง เขารีบคว้าข้อมือของเจ้าหนูที่ชื่อเอ็มมาหงายดู และแล้ว.. เขาก็พบว่า..
“ เอ็ม นี่มันรอยอะไร? ทำไมมันดูเหมือนกับเป็นแผลเป็น มันเหมือนกับ.. เคยโดนของมีคมบาด? ”
“ นั่นเอ็มเป็นมาตั้งแต่เกิดแล้วครับน้า แม่ปอนบอกว่า.. ชาติก่อน เอ็มคงเชือดข้อมือฆ่าตัวตายน่ะครับ ก็เลยมีแบบนี้ ”
เจ้าหนูจอมแก่นเอ่ยตอบแทนเพื่อนของเขาด้วยน้ำเสียงฉะฉาน ชีวินได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกว่า.. ใช่แล้ว มันต้องใช่แน่ๆ มันต้องเป็นแบบที่เขาคิด ชีวินคิดได้ดังนั้น น้ำตาแห่งความปิติก็ไหลรินอาบแก้ม เขาดึงเจ้าหนู 2 คนเข้ามาสวมกอดในทันที พลางคิดในใจว่า.. นี่คง.. จะเป็นพี่เอ็มกับพี่ปอนได้กลับมาเกิดใหม่แล้ว ได้กลับมาเกิดคู่กันอีกครั้ง แล้ว.. เขาก็ได้พบ เขารู้สึกดีใจเป็นที่สุด จนในที่สุด.. เราก็ได้พบกันอีกครั้ง มันเป็นความรู้สึกถึงความตื้นตันที่เอ่อล้นจนเต็มหัวใจ ต่อแต่นี้.. เขาคงได้พบพี่เอ็มและพี่ปอน ในร่างของเด็กน้อยวัยเยาว์ที่จะเติบโตขึ้นทุกวันได้บ่อยครั้ง หรือ.. อาจจะ.. ตลอดไปก็เป็นได้ ทุกอย่างมันใกล้กันแค่เอื้อมแค่ตรงนี้นี่เอง เด็กน้อย 2 คนรู้สึกงงงันในท่าทีเช่นนั้นของชีวิน แต่.. น่าแปลก ในอ้อมกอดนั้น.. เขาทั้งคู่กลับรู้สึกอบอุ่นใจอย่างประหลาด เขารู้สึกสนิทใจและผูกพันมากเหลือเกิน และเขาทั้งคู่ก็เริ่มนึกรักน้าชายคนนี้เสียแล้ว ชีวินสวมกอดเด็กทั้งสองอยู่เช่นนั้นครู่ใหญ่ เขาจึงเริ่มรู้สึกตัว เขาจึงผละออกและเอ่ยอย่างระล่ำระลักด้วยความประหม่า..
“ ขอโทษทีนะ น้าอาจจะทำอะไรที่ดูจะพิลึกจนเกินไปสักหน่อย น้าก็แค่.. คิดถึงใครบางคนน่ะ ”
“ ไม่เป็นไรหรอกครับน้า ที่น้ากอดเอ็มเมื่อกี้ เอ็มรู้สึกดีจังเลย เอ็มก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร? แต่ที่แน่ๆ เอ็มชอบน้าวินมากเลยนะครับ ”
“ ปอนก็เหมือนกันนะครับ ปอนก็ชอบน้าวินนะครับ น้าเป็นคนใจดีจังเลย ถ้า.. เอ่อ.. ปอนกับเอ็มจะมาเล่นกับหมาที่บ้านน้าวินบ่อยๆ จะได้ไหม? น้าวินจะว่าอะไรไหม? ”
“ ได้สิ ไม่มีปัญหาเลย จะมาทุกวันก็ได้น้าไม่ว่าอะไรหรอก ดีเสียอีก น้าจะได้ไม่เหงาไง? มีจอมแก่น 2 คนมาวุ่นวายในบ้านบ้างก็น่าสนุกดีออก ว่าแต่.. ต้องขออนุญาตคุณพ่อ คุณแม่ก่อนนะ เอาละ.. นี่ก็เย็นมากแล้ว เรา 2 คนกลับไปบ้านกันก่อนดีไหม? เดี๋ยวพ่อแม่จะเป็นห่วงเอานะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยแวะมาก็ได้ ส่วนเจ้าปอนน่ะ ทำตัวซุกซนให้น้อยลงก็น่าจะดีนะ เดี๋ยวแม่เขาจะเอาเราไปทิ้งขยะซะจริงๆแล้วจะยุ่งเอา พอดีน้าแอบได้ยินเรา 2 คนคุยกันน่ะ หึหึ ”
ชีวินเอ่ยกระเซ้าเย้าแหย่ด้วยความเอ็นดู พลางลูบหัวเจ้าเด็กน้อยทั้งสองด้วยความรักใคร่ ก่อนที่เด็กทั้งสองจะปลีกตัวเพื่อกลับบ้าน เจ้าหนูเอ็มก็หันมาและเอ่ยถามกับชีวินว่า..
“ เอ้อ.. น้าวินครับ ลูกหมาตัวนี้ยังไม่มีชื่อเลย จะให้ชื่อว่าอะไรดีครับ? ชื่อว่า.. ลูกชิ้นจะดีไหม? มันจะเชยไปไหม? พอดีมันตามเอ็มมาเพราะเอ็มให้ลูกชิ้นมันกินน่ะครับ ”
“ อืม.. ดีเลย ชื่อลูกชิ้นก็น่ารักดี งั้นเอาชื่อนี้เลยก็แล้วกันนะ เออ.. แล้วปอนล่ะ? ปอนจะว่าไงกับชื่อนี้? ”
“ ก็ดีครับ ถ้าเอ็มว่าไง ปอนก็ว่าตามนั้นนะครับ งั้นปอนกับเอ็มไปก่อนนะครับ เดี๋ยวแม่ปอนจะเอาปอนไปทิ้งขยะจริงๆก็แย่เลย แหะๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้ปอนกับเอ็มมาใหม่นะครับ ไปเอ็ม เรากลับบ้านกัน ”
จากนั้น.. เจ้าหนูปอนก็โอบไหล่เอ็มด้วยความสนิทสนม แล้วเด็กทั้งคู่ก็ปลีกตัวเดินกลับบ้านไป ชีวินยืนมองตามจนเด็ก 2 คนนั้นเดินหายลับตาไป เขาก็ยังคงยืนนิ่งอมยิ้มอยู่เช่นนั้น จนเขารู้สึกถึงสัมผัสของใครบางคนที่มาโอบเอวเขาไว้อย่างอ่อนโยน เขาเหลือบมองก็พบว่า.. เป็นพัฒน์นั่นเอง
“ น่ารักดีนะ พัฒน์แอบยืนมองมาตั้งนานแล้ว ”
“ ใช่ น่ารักดี พัฒน์คงจะหมายถึงเจ้าเด็กจอมแก่น 2 คนนั้นละสิ ”
“ ใช่ รวมทั้งวินด้วยนะ วินก็น่ารักนะ วินอ่อนโยนและพูดคุยเล่นกับเด็กๆแบบนี้ มันทำให้พัฒน์เห็นแล้วรู้สึกดีจังเลย มันเป็นภาพที่น่ารักจริงๆ พัฒน์ว่า.. พัฒน์เลือกคนไม่ผิดจริงๆ ตลอดเวลาที่ผ่านมา พัฒน์มีความสุขมากนะวิน ”
“ วินก็มีความสุขนะพัฒน์ เราคงจะเป็นคู่แท้กันจริงๆ จึงได้มาอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขแบบนี้ ”
“ อืม.. ไม่รู้ว่า.. เจ้าหนู 2 คนนั้น โตขึ้นจะเป็นอย่างไรบ้าง? ดูเขาจะรักกันดีจริงๆ ไม่รู้ว่า.. ต่อไปในอนาคต เขาทั้งคู่ จะเป็นอย่างเรา 2 คนหรือเปล่าหนอ? ”
“ วินก็ไม่รู้เหมือนกันนะพัฒน์ แค่เพียง.. วินได้เห็นเขาเกิดมาอยู่เคียงข้างกันแบบนี้ วินก็มีความสุขที่สุดแล้ว อืม.. ว่าแต่.. เราเข้าบ้านกันเถิด อาหารคงจะพร้อมแล้วละสิพัฒน์?  ”
“ ใช่.. อืม.. งั้นเราไปกินข้าวกันเถิดนะ เดี๋ยวพอกินข้าวกันเรียบร้อย เรามาช่วยกันทำความสะอาดเจ้าหมามอมแมมตัวนี้กัน จากนั้น.. ค่อยพามันไปตรวจโรคและฉีดวัคซีนป้องกันไว้ จะได้รู้สึกเป็นการปลอดภัยกับเด็กๆ ไป เจ้าลูกชิ้น เข้าบ้านกัน ”
แล้ว 2 หนุ่มรูปงามก็เดินเคียงกันเข้ามาในบ้านหลังน้อยอันแสนสุข รวมทั้ง.. เจ้าลูกชิ้น เจ้าหมาน้อยมอมแมม ที่มาเป็นสมาชิกใหม่ในบ้านหลังนี้ และจะเป็นสายใยเชื่อมความสัมพันธ์ให้กับบุคคลทั้งสี่ในเวลาต่อมา เจ้าหมาน้อยวิ่งดุ๊กดิ๊กตามเข้ามาในบ้านด้วย ในยามเย็นอันแสนสุขจากการได้พานพบกันอีกครั้ง ของวันนั้น..

จบบริบูรณ์
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-08-2010 20:32:46 โดย Pikachu »

ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
 o13 o13 o13 o13
เยี่ยมมากๆซี พี่ +1 ให้เลย
ทั้งเรื่องทักษะการบรรยาย ความสามารถในการผูกเรื่องใช้ได้แล้ว
เรื่องหน้าเอาสิ่งที่ได้จากเรื่องนี้ไปใช้นะแล้ว งานเขียนดีๆจะเกิดขึ้นมาอีก
เรื่องนี้ที่ชอบที่สุด คือ ปมเรื่อง และการลำดับเรื่องที่ทำให้นั่งลุ้น
และคิดตามไปว่าจะเป็นไงต่อไปบ้าง สุดท้ายก็จบลงอย่างมีความสุข
ชอบเรื่องเด็กแก่นสองคนนี้จัง มันแสดงให้เห็นว่ากรรมเวรมันวนเวียนไปเรื่อย
คนที่มีความสัมพันธ์ในชาติก่อนย่อมกลับมาเจอกันถ้า ชะตายังไม่ขาดจากกัน
มีจุดที่รู้สึกแปลกๆ อยู่จุดนึง คือ คนที่ฆ่าตัวตายแล้วทำไมยังมีโอกาสกลับมาเกิดได้อีก
หรือว่าเป็นอย่างที่คิดว่าเพราะชะตาในชาตินี้
ยังไม่ขาดจากกันจึงทำให้คนทั้งหมดกลับมาเวียนพบกัน แล้วจะรออ่านผลงานเรื่องต่อไปน๊า ซี

namtaan

  • บุคคลทั่วไป
จบเรื่องด้วยเหตุการณ์ที่งดงามและน่าประทับใจมากเลยจ้า

เริ่มต้นตอนจบของตอนพานพบหรือบทส่งท้าย ด้วยการเปิดตัวหนูน้อยที่น่ารัก มีน้ำใจ ต่อลูกหมาน้อย
และชวนให้คิดต่อว่าหนูน้อยผู้นี้คือใครกัน

และในที่สุดก็มาเฉลยว่าเอ็มและปอนได้พบกันอีกครั้ง กลายเป็นเพื่อนสนิท เพื่อนรักกันตั้งแต่วัยเยาว์
พร้อมตำหนิที่ข้อมือที่ทำให้มั่นใจว่าเอ็มคนนี้คือเอ็มคนเก่าหรือไม่
ในขณะที่ชีวินก็ประสบความสำเร็จในการงาน และ์ได้ใช้ชีวิตคู่ร่วมกับพัฒน์อย่างมีความสุข

แม้จะไม่ได้แจงรายละเอียดว่าชีวินได้รับคำแนะนำจากแม่ชีหรือไม่ อย่างไร
และใช้หนทางใดในการช่วยเหลือเอ็มกับปอน แต่บทสรุปในการกลับมาเจอกันของเด็กน้อยทั้งสอง
ก็สามารถตอบโจทย์ที่ว่าสองคนจะได้พบกันอีกหรือไม่ไปหมดแล้ว
เป็นการจบเรื่องด้วยความอิ่มเอมใจ สิ่งที่คนอ่านลุ้นมาตลอดก้อได้รับการตอบรับ และคลี่คลาย
เหมือนจบละครฟอร์มยักษ์เลยนะเนี่ย

บวก 1 ให้น้องซี พร้อมกับกอดแน่นๆ ด้วยจ้า  :กอด1:
รออ่านผลงานต่อๆไปของน้องซีนะค้าบ

ปล ขอบคุณคำชมจากคุณ supranee นะคะ บวก 1 ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
จบได้น่ารักมากๆ เลย :m4:

วิน เป็นคนที่จิตใจดีมากๆๆ


+ แทนคำขอบคุณนะคะ  :กอด1:

pickki_a

  • บุคคลทั่วไป
ไม่มีคำบรรยายอื่นใด นอกจากคำว่า "สุดยอด" ของนิยาย
ซีไม่เคยทำให้ผิดหวังซักเรื่องเลย ทุกจุดกระจ่าง เคลียร์  o13

เสียดายที่จบแล้ว  :serius2:เรื่องหน้ายังไงก็ถอยออกมาได้เลยนะคับ ยังคงรอคอยอ่าน(เช่นเดิม)

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3
 :pig4: จบได้น่ารักมากๆ

ชอบชื่อลูกชิ้นนะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด