ในตอนใหม่นี้ อาจจะดูแรงไปสักนิด แต่จำเป็นต้องแรง เพราะมีเหตุผลครับ ลองอ่านจนจบตอนนี้เลยนะครับ ขอใบ้ให้นิดหนึ่ง จะเป็นการปูทางไปสู่.. สู่อะไรหนอ? ตอนหน้าจะได้รับคำตอบทั้งหมดครับ แง่มๆ ^^ บอกใบ้เหมือนไม่ใบ้เลยเนอะอัศจรรย์ (1)
วันนี้เย็นมากแล้ว จนจวนเจียนได้เวลาปิดประตูโรงเรียนเต็มที ชีวินมัวอยู่ช่วยอาจารย์บรรณารักษ์ห้องสมุดตบแต่งบอร์ดที่ห้องสมุดประจำโรงเรียน เขามัวใช้เวลาเสียพักใหญ่ จนเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยดี เขาจึงไหว้ร่ำลาอาจารย์ท่านนั้น จากนั้น เขาก็แวะมาล้างหน้าที่ห้องน้ำซึ่งในตอนนี้เงียบเชียบและไม่มีผู้คน เพื่อให้รู้สึกสดชื่นขึ้น และเตรียมตัวจะกลับบ้าน ระหว่างที่กำลังก้มหน้าล้างหน้าที่บริเวณอ่างล้างหน้าในห้องน้ำ ชีวินก็รู้สึกเจ็บแปลบที่บริเวณก้น มันรู้สึกเหมือนกับว่า.. มีใครบางคนเอานิ้วมาทิ่มที่ก้นเขาเต็มแรง เขารู้สึกเจ็บมากจนผงะ และอุทานด้วยความรู้สึกที่เจ็บปวดจนสุดบรรยาย
“ โอ๊ย!! ”
ชีวินชะงักการล้างหน้า แล้วหันไปมองที่มาของความเจ็บปวดที่เขาได้รับนั้นในทันที แล้วเขาก็พบว่า.. เขาโดนเอานิ้วทิ่มที่ก้นอย่างรุนแรงและหยาบคาย จากนายเอิร์ท จอมเกเรร้ายกาจ ที่ใครต่อใครไม่ใคร่อยากจะสุงสิงด้วย เพราะความก้าวร้าวและชอบที่จะข่มผู้ที่ดูจะด้อยกว่าด้วยความฮึกเหิมลำพอง ด้วยว่า.. เขามีร่างกายสูงใหญ่เกินวัย ที่ดูจะแข็งแรงกว่าใคร เขามักชอบที่จะแสดงท่ากร่างแบบนักเลง มันเป็นอุปนิสัยเลวๆของเขาที่ชอบทำแบบนั้น นายเอิร์ทเป็นนักเรียนชั้นเดียวกับชีวิน แต่อยู่ต่างห้อง เขาชอบที่จะแสดงท่าทีข่มชีวินอยู่เสมอเมื่อสบโอกาส เพราะชีวินดูจะเป็นคนที่มีบุคลิกนิ่งๆ ไม่ใคร่สุงสิงใครเท่าใดนัก นอกจากเพื่อนที่เขารู้สึกสนิทใจจริงๆด้วยเท่านั้น ชีวินจ้องมองนายเอิร์ทด้วยอารมณ์ที่เริ่มเกิดโทสะ และก็เห็นนายเอิร์ทกำลังลอยหน้าลอยตาด้วยท่าทีที่ยียวนและท้าทาย เขารู้สึกโกรธจนสุดจะระงับใจได้อีกต่อไป เขาตรงเข้าไปผลักอกนายเอิร์ทแล้วเอ่ยตะคอกใส่เสียงดัง เพราะเขารู้สึกว่า การที่นายเอิร์ทมาทำกับเขาแบบนี้ มันดูจะข่มกันมากจนเกินไปแล้ว ถึงชีวินจะเป็นเกย์ที่ดูจะรักสงบ แต่การมาคุกคามกันแบบนี้ เขาก็ยอมไม่ได้เช่นกัน
“ ไอ้เอิร์ท นี่มันเกินไปแล้วนะ ทำแบบนี้มันเจ็บนะโว๊ย แล้วเราไปทำอะไรให้นายนักหนา ถึงได้มาทำกับเราแบบนี้? ”
นายเอิร์ทรู้สึกตกใจกับท่าทีที่ดูดุดันของชีวิน เขาไม่คิดว่าคนบุคคลิกติ๋มๆแบบชีวิน จะกล้าขึ้นเสียงใส่เขาขนาดนี้ได้ เขารู้สึกเสียหน้าเป็นอย่างมาก จึงเอ่ยตะคอกกลับด้วยเสียงที่ดุดันไม่แพ้กันด้วยท่าทีที่ดูก้าวร้าว
“ อะไรวะ กูเล่นด้วยแค่นี้ มาตะคอกใส่กูเลยเหรอ? มึงรู้ไหมว่ากูเป็นใคร? ติ๋มๆแบบมึง บังอาจมากล้าหือกับกูเหรอ? เล่นด้วยนิดหน่อยแค่นี้ทำเป็นโวยวาย วอนซะแล้วนะมึงไอ้วิน ”
“ เล่นงั้นเหรอ? นี่นายเล่นเหี้ -ๆแบบนี้เหรอ? แล้วถ้าเราเล่นกับนายเหี้ - ๆแบบนี้บ้างล่ะ จะเป็นไง? ไอ้คนระยำ ”
“ หนอย มึงด่ากูเหรอ?ไอ้เหี้ - มึงนี่บังอาจมาก กูว่า.. เล่นแค่นี้กับมึงมันน้อยไปซะแล้ว อย่างมึงมันต้องเจอแบบนี้ ”
“ พลั่ก!! ”
“ อุ๊ป!! ”
กล่าวจบ นายเอิร์ทก็ชกเข้าที่ลิ้นปี่ของชีวินเต็มแรงโดยที่ชีวินมิได้ทันตั้งตัวเลย เขารู้สึกจุกจนตัวงอ แล้วทรุดลงไปนอนกุมท้องกับพื้นอย่างสิ้นเรี่ยวแรง นายเอิร์ทเห็นดังนั้นก็ยิ้มเหยียดด้วยความสะใจ ดูเหมือนความก้าวร้าวรุนแรงที่เขากระทำกับชีวินดูจะยังไม่ถึงใจเขา เขาจึงเตะเข้าที่ชายโครงชีวินเต็มแรงอีกครั้ง ชีวินรู้สึกเจ็บปวดและจุกจนพูดไม่ออก เขาสิ้นซึ่งเรี่ยวแรงที่จะตอบโต้กลับและป้องกันตนเองได้เลย นายเอิร์ทยังไม่หยุดแค่นั้น ดูเหมือน.. การที่เขาเห็นชีวินในสภาพนี้ มันยิ่งกระตุ้นให้เขาอยากจะกดขี่ชีวินให้จมดินมากขึ้นไปอีก เขาเกิดความคิดบางอย่าง เวลานี้เย็นมากแล้ว และก็คงไม่มีใครผ่านมาแถวนี้แน่นอน เขาคิดดังนั้น ก็เหยียดยิ้มมุมปากอย่างร้ายกาจ แล้วเขาก็ตรงไปปลดเข็มขัด และกระชากกางเกงนักเรียน พร้อมกับกางเกงในของชีวินออกอย่างดุดัน ซึ่งชีวินในตอนนี้ พยามยามที่จะขัดขืน แต่กลับถูกตุ๊ยท้องอย่างแรงอีกครั้ง จนจุกหนักขึ้นไปอีก ความเจ็บปวดและจุกเสียดที่เกิดขึ้นซ้ำอีกครั้ง ทำให้ชีวินไร้ซึ่งเรี่ยวแรงที่จะดิ้นรนและขัดขืนได้อีกต่อไป มีเพียงสติสัมปชัญญะของเขาเท่านั้นที่ยังคงอยู่ จนในที่สุด.. ชีวินเปล่าเปลือยตรงส่วนล่างอย่างกระจ่างตาไปทุกสัดส่วน นายเอิร์ทเห็นดังนั้น ก็แค่นหัวเราะแบบเย้ยหยันด้วยความสะใจ
“ หึหึ ไอ้วินเอ๋ย มึงนี่ก็ดูขาวดีนี่หว่า มึงไม่น่าเกิดมาเป็นผู้ชายเลย ขาวแบบนี้น่าจะเกิดเป็นผู้หญิงเสียมากกว่า ว่าแต่.. ของมึงก็ดูไม่เบาเหมือนกัน เห็นอ้อนแอ้นแบบนี้ นึกไม่ถึงเลยว่า.. จะใหญ่ หึหึ ”
กล่าวจบ นายเอิร์ทก็เอาเท้าเขี่ยอวัยวะเพศชีวินเล่นอย่างสุดแสนที่จะดูหยาบคาย จิตใจก้าวร้าวและต่ำทรามของเขามันยังไม่หมดเพียงแค่นั้น เขาตรงไปนั่งคุกเข่าข้างชีวิน แล้วจัดท่าทางให้ชีวินที่นอนอ่อนแรงด้วยความเจ็บปวดในขณะนั้น ให้ถ่างแข้ง ถ่างขา อ้าซ่าจนเผยให้เห็นส่วนลับของชีวินชัดๆอย่างกระจะตา แล้วก็ถลกเสื้อชีวินให้สูงขึ้นจนถึงราวนม มันเผยให้เห็นชีวินในร่างกึ่งเปลือยที่ขาวโพลนชัดเจนแบบเต็มๆ จากนั้น.. เขาก็กดถ่ายรูปชีวินที่กำลังนอนเปลือยส่วนล่างอยู่เช่นนั้นจากกล้องในโทรศัพท์มือถือของเขาในแบบที่เห็นชีวินทั้งตัวตลอดจนถึงส่วนนั้นของชีวินในทันที จนเมื่อเสร็จเรียบร้อย เขาก็เอ่ยสำทับแกมขู่กรรโชกกับชีวินว่า..
“ หึหึ ทีนี้กูก็มีรูปมึงแก้ผ้าแล้ว แก้ผ้าอ้าซ่าแบบได้ห็นกันจะจะสะใจไปเลย ต่อไป กูจะได้เอาไว้ขู่ไถเงินมึง ก็มึงลองไม่ให้กูสิ แน่นอนเลยว่า ใครๆทุกคนก็ต้องได้เห็นรูปมึงแก้ผ้าแบบนี้แน่นอน ยังไม่หมดแค่นั้น กูว่า.. กูจะเอารูปมึงไปโพสลงเน็ทด้วยดีไหมนะ มึงจะได้จำใส่กะโหลกของมึงไว้ ว่าอย่าเสือกมาซ่ากับกู ซ่ากับกูมันก็ต้องเจอแบบนี้แหละ ฮ่าๆ สะใจจริงโว๊ย ”
ชีวินได้ยินดังนั้นถึงน้ำตาไหลรินด้วยความเจ็บแค้น ทำไมมันจึงเลวได้ขนาดนั้น นี่เขาไปทำอะไรให้มันนักหนา มันจึงทำกับเขาขนาดนี้? นี่ถ้ามันทำเช่นนั้นจริงๆอย่างที่มันพูด แล้วเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน? แล้วเขาจะไปกล้าสู้หน้าใครได้ ทำไมมันจึงคิดทำอะไรอุบาทว์กับเขาได้เพียงนี้ หลังจากที่นายเอิร์ทกล่าวจบ และกำลังจะตรวจสอบดูรูปที่ถ่ายชีวินไว้เมื่อครู่ และกำลังตั้งใจว่า.. จะถ่ายเพิ่มอีกสัก 2-3 รูป โดยตั้งใจจะให้มันดูอุบาทว์ลามกมากขึ้นกว่านี้อีก ทันใดนั้น.. ก็มีเสียงเรียกเข้าดังขึ้นที่โทรศัพท์ของนายเอิร์ท เขาตรวจสอบดูก็เห็นว่า.. เบอร์ที่โทรเข้ามาหาเขานั้น มันไม่โชว์เบอร์ให้รู้ว่าเป็นใคร? เขารู้สึกแปลกใจอยู่เหมือนกัน แต่ก็กดรับในทันที
“ ฮัลโหล.. ”
“ ไอ้เหี้- มึงบังอาจมาทำร้ายวิน มึงทำได้ถึงเพียงนี้ มึงนี่มันเลวมากๆ มึงลบรูปออกเดี๋ยวนี้เลย แล้วไสหัวมึงไปให้พ้น และอย่ามายุ่งกับวินอีก ไม่งั้นมึงได้เดือดร้อนแน่ ไอ้สั-ว์ ”
“ ไอ้สั-ว์ แล้วนี่มึงเป็นใคร? ถึงบังอาจมาขู่กู แน่จริงมึงก็ออกมาสิ เอาแต่หดหัวไม่กล้ามาสู้หน้าแล้วมาทำพูดขู่กูแบบนี้ คิดเหรอว่ากูจะกลัว? อย่างมึงนี่มันหน้าตัวเมียชัดๆ ”
“ มึงต่างหากที่หน้าตัวเมีย ลอบกัดทำเขาตอนเผลอ โคตรจะทุเรศ มึงอยากรู้เหรอว่ากูเป็นใคร? ก็ได้ กูอุตส่าห์เตือนแล้วมึงเสือกไม่ฟัง ยังจะมาทำกร่างอีก เก่งนักเหรอมึงน่ะ รู้แล้วอย่าหนาวนะ กูเป็นใครน่ะเหรอ? จะบอกให้ก็ได้ กูเป็นผี ผีที่คอยปกปักษ์ดูแลวิน ตอนนี้กูอยู่ตรงหน้ามึงแล้วไง อย่าบังอาจมาทำร้ายวินอีก คราวนี้มึงได้เดือดร้อนแน่ กูไม่ได้ขู่ แต่กูจะเล่นมึงจริงๆ จะเอาให้ปางตายเลยมึง ”
“ น่าขำ ผี งั้นเหรอ? มึงนึกว่ากูเป็นเด็กอมมือหรือไง? มาทำพูดขู่กูแบบนี้ นึกเหรอว่ากูจะเชื่อ อ่อนไปหน่อยแล้วมึง ”
ปากนายเอิร์ทก็ตอบไปแบบนั้น แต่ใจเขากลับเริ่มหวาดๆชอบกล จากคำพูดที่ได้ฟัง มันดูน่ากลัวจริงๆ เขาพยายามเหลียวมองเลิ่กลั่ก เขาคิดว่า.. ต้องมีใครแอบซ่อนตัวอยู่ และเห็นการกระทำต่างๆที่เขาทำกับชีวิน จึงพูดออกมาได้ตรงเหตุการณ์แบบนั้น แต่แล้ว.. เขากลับกลับไม่พบใครเลย สภาพห้องก็โล่งๆ ก็ดูจะไม่มีที่แอบซ่อนตัวได้ด้วยซ้ำ ในตอนนี้มีเพียงเขาและชีวินที่กำลังนอนกองอยู่กับพื้นอย่างเจ็บปวดและไร้ซึ่งเรี่ยวแรงเท่านั้น แล้วเสียงจากโทรศัพท์ก็ตอบกลับมาอีกว่า..
“ ไม่เชื่องั้นเหรอ? ถ้างั้น มึงลองกดดูรูปที่มึงถ่ายไว้เมื่อกี้สิ นั่นแหละกูเอง กูมาบังวินไว้ไม่ให้ได้เห็นอะไรตรงนั้น กดดูเลย แล้วมึงก็จะรู้ ว่ากูพูดจริง นั่นแหละ กูเอง กู.. เป็น ผี ที่กำลังพูดอยู่กับมึงตอนนี้ไง ไอ้ระยำ ไอ้สัตว์นรก หึหึ ”
นายเอิร์ทไม่ตอบว่ากระไร เขารีบกดดูรูปที่ถ่ายไว้เมื่อกี้ในทันที แล้ว.. เขาก็พบว่า.. ภาพของชีวินที่นอนเปลือยส่วนล่างที่เขาถ่ายไว้นั้น มันมี รูปใครบางคน ที่ดูโปร่งบางจนเหมือนโปร่งใส โผล่มากั้นบังตรงส่วนนั้นของชีวินจนมองไม่เห็น ถึงจะเป็นรูปคนที่ดูโปร่งใส แต่.. มันก็ดูชัดเจนมาก มันเห็นเป็นรูปใบหน้าคน ที่ดูดุร้ายและกำลังแสยะจนน่ากลัว ที่กำลังเขม้นมองมาทางเขาด้วยสีหน้าและแววตาที่เหมือนกับอยากจะเข้ามาขยี้เขาให้แหลกคามือ เขาเห็นดังนั้น.. ก็ตกใจสุดขีด เขานึกในใจว่า.. นี่มันโผล่มาตอนไหน? ตอนที่เขาถ่ายรูป ก็มีเพียงเขาและชีวิน แล้วนี่.. มันอะไร? มันต้องเป็น.. ใช่แน่แล้ว มันเป็นแบบที่.. คิดแน่ๆ เขารู้สึกหวาดกลัวจนสุดบรรยาย ขนลุกซู่จนตัวสั่น ถึงจะดูเป็นเหตุการณ์ที่ดูเหลือเชื่อ แต่เขาก็เชื่อแล้ว เชื่ออย่างสนิทใจ และกำลังกลัวจนจับขั้วหัวใจ เขารีบเหวี่ยงโทรศัพท์ที่มีรูปน่ากลัวนั้น ไปกระแทกผนังอย่างแรงจนแตกกระจายหลุดเป็นชิ้นๆ แล้วร้องลั่นเหมือนคนขาดสติ
“ ว๊ากกกกก!! ”
เขาเอ่ยร้องอย่างสุดเสียงด้วยความหวาดกลัว และแล้ว.. เขาก็รู้สึก.. หนาวยะเยือก มันเป็นความเยือกเย็นที่น่าขนลุกแผ่ซ่านไปทั่วตัวเขา มันเหมือนกับ.. เขากำลังถูก.. ความมืดมิดที่น่าหวาดหวั่น กำลังครอบงำปกคลุมเขาอย่างประสงค์ร้าย ความน่ากลัวอันมืดดำนั้น ดูเหมือนกำลังบีบคั้นจิตใจเขาอย่างหนักหน่วง จนเขาปวดหัวตุบๆ เหมือนดังหัวเขาแทบจะระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ ความหวาดกลัวของเขาเพิ่มทวีขึ้นจนถึงขีดสุดจนเกินที่สติของเขาในตอนนี้จะรับไหว แล้วมัน.. ก็ขาดผึงลง เขาวิ่งร้องลั่นออกไปเหมือนคนบ้า โดยมิได้สนใจสิ่งใดๆรอบตัวอีกเลย เขาวิ่งโซเซแบบคนไร้สติที่หาทิศทางไม่ถูก จนกระทั่ง เขาไปชนกับเสาเต็มแรงจนศีรษะแตก เลือดซึมออกมาในทันที แต่เขาก็หาได้สนใจไม่ เขายังคงวิ่งแบบเพ้อคลั่งเหมือนคนไม่มีสติอยู่เช่นนั้น โดยไม่รับรู้ความรู้สึกเจ็บปวดจากบาดแผลบนศีรษะที่กำลังมีเลือดซึมและค่อยๆไหลย้อยลงมาเลย เขาวิ่งร้องโวยวายอย่างเพ้อคลั่งจนหายลับตาไป ชีวินลอบมองเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นด้วยความประหลาดใจ แต่.. เขาก็พอจะเดาเหตุการณ์ออก ว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น? มีใครบางคนมาช่วยเขา ใครผู้นั้น ผู้ซึ่งคงยังวนเวียนอยู่รอบตัวเขาโดยมิได้ห่างหายไปไหนนั่นเอง ใช่แน่แล้ว เขาเข้าใจทั้งหมดแล้ว แต่.. น่าแปลก ชีวินรับรู้แบบนี้แล้ว แต่ในเวลานี้เขากลับไม่รู้สึกหวาดกลัวใดๆเลย เขากลับรู้สึกตื้นตัน ที่รู้ว่า.. สิ่งนั้นยังคงอยู่กับเขา ยังคอยวนเวียนและคุ้มครองเขาอยู่นั่นเอง ความหวาดกลัวที่เคยมีต่อสิ่งเร้นลับ สิ่งนั้นที่เป็นดวงวิญญาณดวงนั้น.. ได้มลายหายสิ้นไปในทันที และแล้ว.. ทันใดนั้น.. ชีวินก็รู้สึกเย็นสบาย สัมผัสที่ดูจะอบอุ่นแบบนั้น กลับมาอีกแล้ว ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกับตัวเขาหลังจากถูกประทุษร้ายโดยนายเอิร์ท มันหายไปอย่างน่าประหลาด เมื่อครู่เขายังรู้สึกเจ็บปวดและจุกจนไร้เรี่ยวแรงอยู่เลย แต่.. ในเวลานี้ กลับมีแต่ความรู้สึกเย็นสบายและผ่อนคลาย จนเมื่อ.. เขารู้สึกดีมากขึ้น เขาจึงหันไปหยิบกางเกงที่ถูกระชากไปจากตัวเขาขึ้นมาสวมจนเรียบร้อยดี เพียงชั่วเวลาไม่นานจากนั้น เขาก็เห็นพัฒน์ กำลังวิ่งกระหืดกระหอบตรงมายังเขาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความห่วงใยและกังวล และเอ่ยกับเขาในทันที
“ วิน เกิดอะไรขึ้น? ”
“ ไม่มีอะไรหรอกพัฒน์ แล้วนี่ ทำไมนายยังไม่กลับอีก เราคิดว่านายกลับไปตั้งนานแล้วนะ ”
“ พอดี เรากำลังจะก้าวขึ้นรถ แล้วมัน.. สังหรณ์ใจบางอย่าง อะไรก็ไม่รู้ บอกไม่ถูกนะวิน เรารู้สึกแต่เพียงว่า เราต้องรีบมาที่นี่ ต้องมาให้เร็วที่สุด แล้วเราเลยรีบวิ่งมาเลย แล้วเมื่อกี้ เราเห็นไอ้เอิร์ทวิ่งร้องลั่นสวนออกไป นี่มันเกิดอะไรขึ้นเหรอวิน? ”
“ ก็.. ไม่มีอะไรมากหรอก ไอ้เลวนั่นมันมาหาเรื่องเรา ก็เลยมีเรื่องกันนิดหน่อยน่ะ ”
“ มันทำอะไรวิน บอกมา เดี๋ยวเราจะไปเอาคืนให้ แม่งเลวจริงๆ วินไม่ต้องกลัวนะ ”
“ ช่างเถิดพัฒน์ เรื่องมันจบไปแล้ว มันก็ได้รับสิ่งตอบแทนที่สาสมไปแล้ว ต่อแต่นี้ มันคงไม่กล้ามาตอแยกับเราอีกแล้วละ ดูสิ.. โทรศัพท์มันก็แตกกระจายเป็นชิ้นๆไปหมดแล้ว อยู่นั่นไง สมควรกับสิ่งที่มันก่อแล้ว ขอบใจนะพัฒน์ที่เป็นห่วง นายเป็นเพื่อนที่ดีจริงๆ ”
“ ไม่เป็นไรหรอกวิน เราเป็นเพื่อนกันนะ ว่าแต่.. นายทำได้ไง? ไอ้เอิร์ทมันตัวใหญ่แข็งแรงขนาดนั้น นายเล่นมันคืนได้ขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย? เราเห็นมันวิ่งหน้าตาตื่นด้วยความกลัวจนหางจุกตูดเลย นายนี่สุดยอดเลยนะวิน ”
“ ก็แค่.. เอ่อ มี.. เอ่อ.. ไม่ใช่ๆ เราก็แค่.. ป้องกันตัวน่ะ ไม่มีอะไรมากหรอก ”
“ แล้วนี่.. เป็นอะไรมากไหม? นายเจ็บตรงไหนไหมวิน? ”
พัฒน์เข้ามาช่วยปัดเสื้อผ้าของชีวินที่ขมุกขมอมเลอะฝุ่นผงจากพื้นและลูบคลำตามตัววินด้วยความห่วงใยอย่างใกล้ชิด จนชีวินสัมผัสได้ถึงกลิ่นกายของพัฒน์ ดูมันช่างน่าอบอุ่นเหลือเกิน ทำไมหนอ? พัฒน์จึงดีกับเขาขนาดนี้? เขาอยากให้พัฒน์มีหัวใจแบบเดียวกับเขาเหลือเกิน ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงๆ มันก็คงจะดีไม่น้อย เขาก็คงไม่ต้องพยายามห้ามใจไม่ให้หลงรักพัฒน์แบบในทุกวันนี้ แต่.. พัฒน์ก็คงไม่ได้เป็นแบบนั้นหรอก ตลอดเวลาที่ผ่านมา พัฒน์ไม่เคยมีทีท่ากับเขาในทางอื่นกับเขาเลยแม่แต่น้อย คงมีแค่เพียง ความเป็นเพื่อน เพียงเท่านั้น ชีวินคิดดังนั้นก็พยายามตัดใจ เขาหันไปโอบไหล่พัฒน์แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความตื้นตัน
“ ไม่เป็นไรมากหรอก ขอบใจนะพัฒน์ ดูสิ นายเลยกลับเย็นเลย นี่ประตูจะปิดแล้วด้วย งั้นเรากลับกันเถิดนะพัฒน์ ”
“ อืม.. นายไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้ว ต่อไปพยายามอยู่ห่างๆไอ้เลวนั้นนะ ถ้ามันมาทำอะไรวินอีก วินต้องบอกเรานะ เราจะไปกระทืบมัน เราไม่กลัวมันหรอก ไปกันเถิดวิน ”
จากนั้น.. ทั้งคู่ก็เดินเคียงกัน เพื่อตรงกลับบ้าน ระหว่างนั้น.. ชีวินนึกในใจว่า.. ดวงวิญญาณดวงนั้น คงได้ไปดลใจพัฒน์ให้รีบเข้ามาช่วยเขาใช่ไหมหนอ? มันเป็นแบบนั้นใช่ไหม? ถึงแม้จะไม่ทันเวลา แต่เขาก็อดดีใจลึกๆไม่ได้ว่า.. ถ้าพัฒน์มาทัน พัฒน์ก็อาจจะเจ็บตัวไปด้วย เพราะพัฒน์ก็คงจะไม่ยอมแน่ ถ้าอยู่ในสถาณการณ์แบบนั้น จริงอยู่ว่า.. 2 ต่อ 1 น่าที่จะดูเป็นต่อมากกว่า แต่.. มันก็คงหลีกเลี่ยงการเจ็บตัวไม่ได้เช่นกัน ดีแล้วละ ที่เป็นแบบนี้ อย่างน้อยๆวันนี้เขาก็ได้กลับบ้านพร้อมพัฒน์ ชีวินรู้สึกตื้นตันกับสิ่งนั้นที่ได้มาช่วยเขาไว้ จนเขาเผลอตัว เอ่ยพึมพำออกมาเบาๆกับตัวเอง..
“ พี่เอ็ม ขอบคุณนะครับ ”
“ นายพูดอะไรเหรอวิน? ”
ชีวินได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกตัว เขารู้สึกเก้อเขินนิดหน่อยที่เผลอตัวพูดอะไรพึมพำออกมา เขาจึงรีบเอ่ยแก้เก้อ แล้วก็รีบเบี่ยงเบนความสนใจพัฒน์ในทันที
“ ปละ เปล่า เราไม่ได้พูด นายคงจะหูแว่วกระมัง? ว่าแต่.. นี่นายจะรีบกลับไหม? ”
“ ก็ไม่ค่อยเท่าไรนะ ปกติเรากลับเย็นๆเกือบทุกวันอยู่แล้ว มีอะไรเหรอวิน? ”
“ ก็.. แบบว่า เรา เอ่อ.. อยากจะชวนนายไปเป็นเพื่อนเราหน่อย ที่วัดตรงนั้นน่ะ ไม่ไกลจากโรงเรียนเราหรอก ใช้เวลาไม่นานมากหรอก แค่เดี๋ยวเดียวเอง ได้ไหม? ”
“ ก็ได้นะ ว่าแต่.. วินจะไปวัดทำไม? ”
“ เราอยากไปขอบคุณ.. เอ๊ยๆ ไม่ใช่ๆ เราอยากไปไหว้พระหน่อยน่ะ วันนี้ดูเหมือนจะซวย ที่ดันไปเรื่องกับไอ้เอิร์ท อยากไปทำบุญสักนิดหน่อย เพื่อความสบายใจ ”
“ ได้สิวิน งั้นไปกันเลย ”
.
.
ณ บริเวณ ริมสระน้ำขนาดใหญ่อันดูร่มรื่นในละแวกใกล้เคียงกับโบสถ์ที่วัดแห่งนั้น ชีวินและพัฒน์แวะมานั่งคุยกันเล่นภายหลังจากที่ได้ทำการสักการะเรียบร้อยแล้ว ในช่วงหนึ่งของการสนทนา พัฒน์ก็เอ่ยถามชีวินด้วยน้ำเสียงที่เจือไปด้วยความประหลาดใจอยู่เล็กน้อย..
“ อืม.. วิน เราเห็นนายไปไหว้ตรงที่บรรจุอัฐิ อยู่เงียบๆพักหนึ่ง คนนั้น.. เขาเป็นญาตินายเหรอ? ”
“ ไม่ใช่หรอก.. เขาเป็นรุ่นพี่ที่เรานับถือน่ะ เขาเคยดีกับเรามากๆ เราไม่น่าที่จะ.. กะ กลัว.. เอ่อ.. ไม่มีอะไร? ”
พัฒน์ได้ยินเช่นนั้น ก็รู้สึกแปลกใจ นี่วินกำลังจะพูดอะไร? แล้วก็หยุดไว้เพียงแค่นั้น? เขาขยับจะเอ่ยถาม ชีวินเห็นดังนั้น ก็รีบกลบเกลื่อนความพลั้งเผลอของเขาในทันที ด้วยว่าเขาไม่อยากให้พัฒน์ได้รับรู้อะไรไปมากกว่านี้
“ เออ.. พัฒน์ วันนี้เย็นมากๆแล้ว ฟ้าใกล้มืดแล้วด้วย เรากลับกันเถิดนะ ขอบใจที่มาเป็นเพื่อนนะพัฒน์ ”
“ ไม่เป็นไรหรอก นานๆได้มาไหว้พระแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ”
แล้วทั้งคู่ก็เดินเคียงกันออกมาจากบริเวณนั้น ในยามเย็นของวันนั้น.. วันที่ชีวินได้พบกับความอัศจรรย์อีกครั้งในชีวิต..
********
*โปรดติดตามตอนต่อไปเร็วๆนี้ครับ ^^*แก้แล้วครับพี่น้ำตาล ขอบคุณครับ^^