บทที่ 10 – ความผิดพลาด
ตอนนี้ผมก็บินกลับมาอยู่ที่เยลเรียบร้อยแล้ว อากาศก็หนาวขึ้นกว่าเดิมมากๆช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน หมอกลงหนาในตอนเช้าจนทำให้แทบมองหอนาฬิกาไม่เห็น แถมต้นไม้หลายๆต้นก็ผลัดใบจนเกือบหมดต้นแล้ว ชีวิตทุกๆวันก็เหมือนเดิม กิน เรียน นอน เล่น เพื่อนสนิทก็คนเดิมๆ
ผมเริ่มรู้สึกว่าน้ำหนักผมขึ้นไปหลายกิโลเหมือนกันเพราะว่าผมกินข้าววันละ 4-5 มื้อช่วงที่อยู่เมืองไทย แถมกำลังกายก็ไม่ค่อยได้ออก ทำให้รู้สึกอึดอัดยังไงไม่รู้ สงสัยต้องหาเสื้อหนาวตัวใหม่ซะแล้ว แต่นี่ก็ยังดีที่ตัวเก่าพอใส่ได้อยู่ ผมใส่เสื้อตัวนี้มาตั้งแต่ผมมาอยู่ที่เยลปีแรก มันเป็นเสื้อหนาวสีเทาเรียบๆ บนเสื้อมีสกรีนเป็นตัวอักษรสีน้ำเงินเหมือนกับที่ประตูทางเข้าของมหาวิทยาลัย
“Yale University”
“Lux Et Veritas”
“1701”
ผมถอดเสื้อหนาวออกหลังจากที่ผมขึ้นมาจาก Dining Hall แล้วก็พาดมันไว้กับหัวเตียง ตอนนี้ ไอ้แบงค์มันกำลังนั่งหาวหวอดๆ อยู่บนเก้าอี้ โต๊ะเครื่องเขียนที่ถูกตั้งไว้ข้างเตียงมันเต็มไปด้วยสีน้ำแล้วก็ปากกาตัดเส้นอีกเป็นสิบๆแท่ง คิดแล้วก็สงสารมันเหมือนกันนะครับ เพราะสาย design มันก็เรียนหนักเอาเรื่องอยู่ แถมมันยังต้องใช้เวลาว่างไปกับการทำงานในสตูดิโอซึ่งเปิดตลอด 24 ชั่วโมง
“อะ แบงค์กินโอวัลตินรองท้องหน่อยนะ ทำงานดึกๆ” ผมยื่นแก้วโอวัลตินให้มัน กลิ่นหอมๆมันๆโชยเข้ามาเตะจมูกผม
“ขอบใจนะ เฮ้อ กูละเบื่อจัง งานเป็นกองๆ…………อาร์ม….พักนี้เราไม่ค่อยได้ไปเที่ยวด้วยกันเลยนะ” มันบ่นเสียงเหนื่อยๆ
“อือ นั่นสิ เดี๋ยวอีกสองอาทิตย์ก็จะมีคริสต์มาสปาร์ตี้แล้วนะ มึงจะทำอะไรให้ที่หอมั่งอะ” ผมถามมันด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“ยังไม่รู้ว่ะ ดูๆงานไปก่อนละกัน”
……….
…
………….
“Armmie, Bank, let’s go down to get some fries and beer (อาร์มมี่ แบงค์ ไปเอาเบียร์กับมันฝรั่งทอดข้างล่างกัน)” ไอ้ซูยื่นหน้าเข้ามาในห้อง พร้อมกับไอ้หวานหว่านที่ยืนเต๊ะท่าอยู่ข้างๆ
“Please excuse me, I’m so freaking tired. You can go, Arm (เฮ้ย เหนื่อยวะ อาร์มไปเหอะ)” ไอ้แบงค์พูด มันเอามือจับขมับแล้วก็ส่ายหัวเบาๆ
“okay okay, you want anything? (เอาอะไรไหม?)” ผมถาม
“No thanks! (ไม่เป็นไร ขอบคุณนะ)” มันยิ้มแฉ่งให้ผม
และแล้วผมก็เดินลงไปกับสองสาวตัวดี ผมกับไอ้แบงค์จะพยายามไม่พูดไทยต่อหน้าเพื่อนๆชาวต่างชาติที่นี่เพราะมันเป็นการเสียมารยาทมากๆ แต่ไอ้ซูกับไอ้หวานหว่านมันก็บอกว่าไม่เป็นไรเพราะมันรู้นิสัยของพวกเราสองคนดี ผมเดินไปหยิบพิซซ่าหน้าซีฟู้ดขึ้นมาพร้อมกับเบียร์เย็นๆหนึ่งกระป๋องแล้วก็กลับมานั่งคุยกับไอ้สองสาว
“I think Bank seems really stressed out nowadays (ฉันว่าไอ้แบงค์มันดูเครียดๆนะ พักนี้)” ไอ้หวานหว่านเริ่มบทสนทนา
“Yea, I agree. Did anything bad happen to him, Armmie? (นั่นสิ มีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นกับมันป่าว อาร์มคิดว่าไง?)” ซูหันมาถามผม
“I don’t know. Maybe he misses his girlfriend, hahaha (ไม่รู้สิ สงสัยคิดถึงแฟนมันมั้ง)” ผมหัวเราะกลบเกลื่อน
“Aw! That’s so sweet. Oeil is so cute! They are like a perfect match for each other (โห หวานจังเลย เอยน่ารักมากๆอะ เป็นคู่ที่เหมาะสมกันมากๆ)” ไอ้หวานหว่านพูดแล้วก็หันไปหัวเราะคิกคักกับซู….ถ้าผมคาดไม่ผิดไอ้สองคนนี้มันคงได้เจอกับแฟนของไอ้แบงค์ตอนช่วงปิดเทอมแหละครับ……….แววตามันสองคนก็ดูแปลกๆอยู่เหมือนกับมันกำลังคิดอะไรบางอย่าง
…..
…
…………….
อีกแล้ว ผมรู้สึกใจหายอีกแล้ว ทำไมรู้สึกว่าหน้าตัวเองมันร้อนผ่าวๆเวลาที่ใครพูดถึงไอ้แบงค์กับแฟนมันที่ชื่อว่า ‘เอย’ นี่ผมเป้นอะไรไปนะ
…
…
“Yup, I agree (อืมๆ เราเห็นด้วย)” ผมตอบไปตามน้ำแล้วก็ขอตัวสองคนนั้นเอาพิซซ่ากับเบียร์ขึ้นไปกินต่อบนห้อง เพราะสงสัยว่ามันสองคนคงนั่งจ้อกันยันเช้า พรุ่งนี้ผมจำได้ว่ามีเรียน Quantitative Analysis และก็ต้องนำเสนอโครงงานให้ศาสตราจารย์เลอวิสดูตอนสิบโมง ทำให้ผมต้องรีบขึ้นไปปัดฝุ่นและเรียบเรียงงานอีกรอบเพื่อให้มันออกมาดีที่สุด จะให้เสียชื่อคนไทยไม่ได้เด็ดขาด
พอผมขึ้นมาถึงห้องก็เห็นไอ้แบงค์มันจะเตรียมตัวเข้านอนแล้ว
“ไปทำอะไรมาตั้งนานวะ” มันถาม
“กูไปทำอะไรแล้วมันเกี่ยวอะไรกับมึง ไปๆ ไปคุยกับแฟนมึงเลยปะ” ผมตอบไปด้วยน้ำเสียงขุ่นๆ ไม่รู้ว่าพูดยังงั้นไปได้ยังไง
“อะไรของมึงวะเนี่ย กูถามดีๆ” มันขึ้นเสียงกลับมา
“โอ้ย ไม่รู้เว้ย มึงไปนอนไป”
มันจ้องหน้ามาทางผมด้วยสายตาที่เย็นชา มันคงงงไม่น้อยกับอาการฉุนเฉียวของผม
…..
…
…….แล้วอยู่ดีๆมันก็เดินตรงเข้ามากอดผมพร้อมกับซบหน้าของมันมาที่ซอกคอ
“กูทำอะไรผิดไปวะ……… ขอโทษนะ” มันพูดเสียงอ้อนๆ
………
….
ความเงียบเข้าปกคลุมห้องเป็นระยะเวลานานพอสมควรก่อนที่สติผมจะกลับคืนมา
………..
“ปะ……..ป่าวหรอกแบงค์ อาร์มง่วงๆน่ะ เลยอารมณ์เสียใส่………ขอโทษนะ”
“อื้ม คราวหลังง่วงก็รีบๆนอนสิ” มันว่าแล้วก็หอมแก้มผมเข้าไปเต็มๆ
“เฮ้ย อะไรของมึงวะไอ้เชี่ยแบงค์……..” ผมอ้าปากค้าง
“ก็หอมส่งเข้านอนไง จะได้นอนหลับสบายๆ” มันพูดแล้วก็ทำหน้าทะเล้นเป็นเด็กๆ
“หลับไม่ลงมากกว่า ไปไกลๆเลยไอ้เวร” ผมพูดแล้วก็แยกเขี้ยวใส่มัน หน้าเริ่มร้อนผ่าวๆอีกแล้ว
มันเดินไปที่เตียงมันแล้วก็สอดตัวลงไปในหมอนอย่างอารมณ์ดีโดยที่ไม่ได้สนใจเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นแม้แต่เล็กน้อยเลย
ผมยังนอนไม่ได้เพราะต้องทำงานจึงเดินไปปิดไฟเพดานในห้องแล้วก็เปิดไฟที่หัวเตียงของผมแทน นั่งทำงานไปก็หาเพลงฟังแก้เหงาไปเรื่อยๆ
“………..and I will always love you, and I will always love you…….”
“……………But I miss your kisses……25 minutes too late….though you travel so far”
เวลาผ่านไปเป็นชั่วโมง พอตาผมเริ่มๆล้าก็ละตาออกจากงานเป็นระยะแล้วก็นั่งกวาดสายตาไปรอบๆห้องสักสามสี่รอบก่อนที่จะก้มลงไปง่วนกับงานต่อ นั่งมองไอ้แบงค์นอนอยู่บนเตียงมันแล้วก็รู้สึกสบายใจเหมือนกัน เวลามันนอนเหมือนลูกหมาที่เพิ่งเกิดใหม่ๆเลย แก้มแดงกับผิวขาวๆของมันที่ขดอยู่ข้างหมอนใบใหญ่ทำให้ใจของผมสั่นทุกครั้งเวลาที่มองไปเจอมัน
……… ผมก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าทำไมผมถึงได้รู้สึกว่าตัวเองถึงแปลกๆไปในช่วงนี้ แต่คิดยังไงก็คิดไม่ออกอยู่ดี สิ่งเดียวที่ผมสามารถบอกกับตัวเองได้ในตอนนี้ก็คือ ผมทำอะไรบางอย่างพลาดไปแล้วล่ะ เอ๊ะ แต่อะไรล่ะที่ผมทำพลาดไป?......
Tbc