ตอนที่ 12
[/b]
หลังจากกลับถึงบ้าน ผมตัดสินใจโทหาไอ้ต่าย เพื่อบอกมันว่าผมกลับถึงบ้านโดนสวัสดิภาพแล้ว ไม่ต้องเปนห่วง แล้วก้อขอบใจมันมาก ผมไม่เปนอะไรแล้ว...
อีกคนที่ผมโทหาคือ ไอ้แบงค์ เพื่อที่บอกมันว่าไม่เปนอะไรแล้ว แล้วถามมันด้วยว่า พอรู้เรื่องของไอ้เบียร์รึยัง (ตอนนั้นเปนเวลาประมาน บ่ายโมงนิดๆ)
มันก้อยังไม่รู้อะไรเหมือนกัน
แต่มันสัญญาว่า จะให้แม่มันลองสืบถามดูให้ เพราะแม่มันรู้จักกันครับ และมันจะโทมาบอกผมเปนคนแรกแน่ๆ...
พอวางโทรศัพท์ ผมก้อตัดสินใจแล้ว ว่าจะไม่เศร้า ไม่กระต่ายตื่นตูมไป มันช่างน่าอายจริงๆวันนี้ ที่ผมเปนไปซะขนาดนั้น...
ผมเลยตัดสินใจจะอาบน้ำนอนซักงีบ พักผ่อนสมองสักหน่อย ไหนๆก้อสอบเส็ดวันสุดท้ายแล้วนี่
แต่พอเดินขึ้นไปบนห้องเท่านั้นแหละ... ภาพทุกอย่างมันก้อพรั่งพรูเข้ามาหาผมจนตั้งตัวแทบไม่ติด...
นั่นเปนการมาบ้านผมครั้งแรกของไอ้เบียร์... แล้วมันจะเปนครั้งสุดท้ายมั๊ยวะ... ผมเริ่มสะอึกแล้ว
ผมมองไปยังหน้าทีวี ภาพที่มันนอนหลับตาพริ้มอยู่บนตักผม มันก้อหมุนเข้ามา
ใบหน้าของมัน ที่กำลังนอนหลับตาพริ้ม...
น้ำเสียงของมันที่พูดว่า กูก้อรักมึง
เสียงหัวเราะของมัน
ใบหน้ายามหลับของมัน
ความอบอุ่นที่มันกอดผมเอาไว้
ความรู้สึกดีๆ ที่ผมกับมันเคยมีให้กัน
ผมหยุดไม่ได้แล้ว... ผมหยุดร้องไห้ไม่ได้จริงๆ
ผมทำได้แค่ทิ้งตัวลงบนเตียง ซุกหน้าลงกับหมอน แล้วร้องไห้ออกมาดังๆเท่านั้น
.........
มีใครเคยเป็นเหมือนผมมั่งมั๊ยครับ
เวลาที่รู้สึกเศร้าสุดๆเนี่ย
ยิ่งเวลาพยายามจะทำใจกับมันไปด้วยแล้ว
แต่พอมีอะไรมากระทบเราหน่อยนึง
มันเหมือนจะยิ่งแย่ลงไปกว่าเดิมซะอีก
ใครจะรู้ว่า จริงๆแล้วผมเปนคนที่อ่อนไหวมากๆเลยนะครับ
และสิ่งที่ผมเกลียด และกลัวมากที่สุดก้อคือ
“การสูญเสีย”
ผมมักเลือกที่จะเปนฝ่ายเดินจากไป มากกว่าจะให้ใคร มาจากผมไป
ผมเลือกที่จะเจ็บและสูญเสีย มากกว่า จะให้ใครต้องมาสูญเสียสิ่งใดเพราะผม
.........
ผมโทษตัวเองทุกๆอย่าง
เพราะความเอาแต่ใจ
เพราะความเห็นแก่ตัวของผม
ที่ผมอยากให้มันมาที่บ้าน
ทั้งๆที่รู้ทั้งรู้ ว่าร่างกายมันเปนยังไง
ทั้งๆที่รู้ทั้งรู้ ว่าแม่มันเฝ้าคอยดูแลมันขนาดไหน
ทั้งๆที่รู้... ว่าเพื่อนคนไหนชวนมันไปเที่ยว มันก้อไม่เคยไปเลยด้วยซ้ำ
แต่กู... กูกลับเอาแต่ใจจะให้มันมาให้ได้
ถ้าแม่มันจะโกรธ จะเกลียดมึง... มันก้อสมควรแล้ว
ไอ้เหี้ยต้น!
...........
วันนั้น ผมร้องไห้จนหลับคาหมอน ทั้งชุดนักเรียนนั่นแหละ
ตื่นมาอีกทีก้อ บ่ายสี่กว่าๆแล้ว ใกล้ได้เวลาที่บ้านผมเริ่มจะกลับมากันแล้ว
ผมจึงลุกขึ้นไปอาบน้ำ แต่งตัวให้เรียบร้อย แล้วจึงลงมาหาอะไรกิน เพราะไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เที่ยง...
แล้วโทรศัพท์ผมก้อดัง
แม่ไอ้เบียร์โทมา!!
ผมรีบกดปุ่มรับทันที
“ฮัลโหล ครับ”
“ต้นเหรอลูก”
“ครับใช่ครับแม่ เบียร์เปนยังไงมั่งครับ” ผมรีบถามถึงมันก่อนเลย
“ใช่ต้นจริงๆด้วย ที่โทเข้าบ้านแม่เมื่อเช้าใช่มั๊ยลูก”
“เอ่ออ ครับ ผมเองครับ ขอโทษด้วยนะครับ”
“ไม่ต้องขอโทษหรอกลูก จะขอโทษทำไมล่ะ แม่สิต้องขอโทษที่ไม่ได้โทบอกต้นไวๆ เผอิญแม่ก้อยุ่งๆกันน่ะลูกนะ”
“ครับ ผมเข้าใจครับ ไม่ต้องขอโทษผมหรอกครับ... แล้วอาการมันเป็นยังไงบ้างครับ” ผมยังอยากรีบๆรู้อาการของมันจะแย่อยู่แล้ว
มือไม้ผมสั่นไปหมด กลัวคำตอบที่ผมจะได้ยินจริงๆ...
“... เบียร์เค้าไม่เปนอะไรหรอกลูก แต่ช่วงนี้ต้องนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลสักระยะ คงอาจจะตลอดช่วงปิดเทอมน่ะแหละ
เกร็ดเลือดเค้าลดลงเยอะ หมอต้องให้อยู่ในห้องปลอดเชื้อตลอด
ตอนนี้เค้าก้อฟื้นแล้ว แล้วก้อบอกให้แม่โทมาบอกต้นนี่แหละลูก เค้ากลัวต้นจะเปนห่วง”
แม่มันตอบผมมา หัวใจผมผองโตเลยครับ เพิ่งรู้นี่เองว่า เวลาคนเราดีใจจนตัวลอยมันเปนยังไง ผมงี้ทั้งดีใจ ทั้งโล่งใจ หลายๆๆอย่าง
“อ่อครับ แล้วตอนนี้มันอยู่ที่โรงพยาบาลไหนอ่ะครับ พวกผมไปเยี่ยมได้รึเปล่า” ผมใช้คำว่า พวกผม แฮะ
“ตอนนี้เค้าอยู่ที่โรงพยาบาลจุฬา แม่เพิ่งย้ายเค้ามาจากโรงพยาบาลประจำ มาที่นี่เค้ามีรักษาโรคนี้โดยเฉพาะ
ส่วนเรื่องมาเยี่ยม คงต้องรอสักพักนะลูก เพราะว่าเค้ายังอ่อนแออยู่มาก รอให้เค้าดีขึ้นกว่านี้อีกนิดนึง แล้วแม่จะโทไปบอกต้นเองนะ
แต่ว่า ต้นจะไปเยี่ยม ไปนั่งคุยกับเค้าคงไม่ได้นะ เพราะมันเปนห้องปลอดเชื้อ เราเข้าไปไม่ได้น่ะ”
โอ๊ยยย ผมไม่สนใจหรอกครับ ขอแค่ให้ได้เจอหน้ามัน ผมก้อดีใจแล้ว
“ครับ ได้ครับ งั้นเดี๋ยวผมโทบอกพวกไอ้แบงค์ก่อนนะครับ พวกมันก้อเปนห่วงเบียร์อยู่เหมือนกัน ขอบคุณๆคุณแม่มากๆนะครับ ที่โทบอกผม”
แล้วผมกับแม่มันก้อร่ำลากันสักพัก ผมก้อกดปุ่มโทหา ไอ้แบงค์และคนอื่นๆทันที เพื่อเล่าข่าวดีให้พวกมันฟัง...
จริงๆแล้ว ผมน่ะจำไม่ได้หรอกนะครับ ว่าไอ้เกร็ดเลือดน่ะ มันควรจะมีอยู่เท่าไหร่ แล้วไอ้เบียร์มันมีอยู่แค่ไหนบ้าง แม่งไม่รู้เปนห่าอะไร
ผมจำไม่เคยได้เลย ทั้งๆที่เพื่อนผมมันก้อคุยกันเรื่องนี้ออกบ่อยนะ -*-
ตอนนี้ผมรอที่จะได้ไปเจอหน้ามันไม่ไหวแล้วล่ะครับ
............
หลังจากนั้น ผมก้อโทหาไอ้เบียร์ทุกวันเลยครับ
คุยได้นานมั่ง สั้นมั่ง ผมก้อยังรู้สึกดีกว่าที่จะไม่โทหามันเลย... ผมไม่เอาแล้วล่ะครับ ที่ไม่ได้คุยกับมันคืนนึง
วันรุ่งขึ้นมันอาการทรุดหนักโดนหามไปอีกน่ะ ยังดีที่หมอเขาให้มันเอา pct เข้าไปในห้องได้ แต่มันนะ เรียกร้องให้แม่มันซื้อทีวีเข้าไปให้มันด้วย
ซึ่งแม่มันก้อยอมครับ แถมเกมที่มันอยากได้อีก เหนมั๊ยครับว่าแม่มันรักมันแค่ไหน... ผมเลยยิ่งรู้สึกไม่ดีเข้าไปอีก ที่ทำให้มัต้องเข้าโรงบาลแบบนี้
“เบียร์... กูขอโทษนะเว้ย” ผมตัดสินใจขอโทษมัน วันนึงที่ผมโทคุยกะมันอยู่
“เรื่องอะไรวะ”
“เอ่อ ที่กูบังคับให้มึงมาบ้านกูอ่ะ ถ้ามึงไม่มา อาการมึงก้อคงไม่ทรุดลงหรอก กุรู้ตัวดี ว่าต้นเหตุมันเปนเพราะกู...
แต่กูก้อยังไม่กล้าที่จะบอกแม่มึงตามตรงอยู่ดี กู... กูไม่รู้จะพูดยังไงว่ะ คือกูขอโทษนะเว้ย”
“ไอ้บ้า! ใครเขาบอกว่าเปนเพราะมึงวะ แม่กูเค้ายังไม่แม้แต่คิดด้วยซ้ำว่าเปนเพราะมึงน่ะ อย่างแรกเลยนะเว้ย
คือ มึงไม่ได้บังคับกู มึงคิดดูดีๆดิ๊ กูขอแม่กูไปเอง... สอง คือ ที่กูไม่สบายเนี่ย มันไม่ได้มาจากมึงเลยนะ กูเข้าโรงบาลมาตั้งตลอดสองปีกว่าแล้วนะ
มันเปนเรื่องธรรมดาสำหรับกูไปแล้ว อย่ามาโทษตัวเองได้ป่ะ กูไม่ชอบนะเว้ย มึงอยากให้กูโกรธมึงงั้นเหรอ ฮึ”
“เอ่ออ เออก้อได้” ผมยอมรับมันแต่โดยดี “ว่าแต่ เมื่อไหรมึงจะออกมาอ่ะ”
“ไม่รู้เหมือนกัน แม่กู... เขาก้อไม่ค่อยบอกกูหรอกว่ากูเปนยังไงบ้างแล้ว...” เสียงมันฟังดูแย่ๆครับ ผมเลยไม่อยากเซ้าซี้มันอีก
วันนั้น ผมจึงคุยกับมันแค่นั้นแล้วปล่อยให้มันไปนอนพักจะดีกว่า
หลังจากนั้นอีก 2 วันผมถึงมีเวลาไปเยี่ยมมันได้ คือ... ไปกับเพื่อนๆที่ห้องน่ะครับ ทั้งหมดก้อ 10 กว่าชีวิต เกือบทุกคนมาหามันเปนครั้งแรก
ยกเว้นไอ้เชี่ย ชัย ครับ (แม่งมาประมาณ 5 รอบแล้วมั๊ง)
ดังนั้นพวกผมทุกคนจึงเคลื่อนขบวนตามไอ้ชัยด้วยความหมั่นไส้ (อันนี้สงสัยจะกุคนเดียวรึเปล่า) พอขึ้นไปบนแผนกที่ไอ้เบียร์นอน ก้อเจอแม่มันและพี่มันครับ
พวกผมก้อไหว้ตามระเบียบ โดยที่ไอ้ชัยนี่ท่าทางซี้กับแม่และพี่ของไอ้เบียร์ซะเหลือเกิน
(เอออ ไปเปนลูกบุญธรรมเค้าเลยมั๊ยล่ะ สาดด) ส่วนผมไม่ค่อยได้คุยกับแม่มันหรอกครับ ผมเปนคนขี้เกรงใจน่ะ...
ตามระเบียบแล้ว เค้าจะให้เข้าไปได้แค่ครั้งละ 3 คนครับ แล้วก้อต้องสวมชุดปลอดเชื่อ ต้องล้างมือ สวมถุงมืออะไรพวกนั้น แล้วก้อเอา pct แม่มันเข้าไปด้วย...
คือ พอเปิดประตูลิฟท์ออกมาเนี่ย มันจะเปนเหมือนห้องรับแขกเล็กๆอ่ะครับ แล้วขวามือก้อจะเปนเคาน์เตอร์ปกติอ่ะครับ
ไม่รู้เรียกว่าไร ที่มีพยาบาลทำงานอยู่ข้างหลังอ่ะนะ
แต่ว่าจะเปนห้องปิดกระจกสนิทหมด แล้วก้อมีประตูกระจก พอมองเข้าไปจะเหนเปนทางเดินยาวๆ แล้วมีห้องหลายห้องอยู่แต่ละฟากของสองข้างทางด้วย...
ไอ้เบียร์ก้ออยู่ 1 ในห้องนั้นแหละครับ... พอพวกผม 3 คนแต่งตัวกันเรียบร้อยแล้วก้อ เดินเข้าไปริมสุดทางเดินขวามือก้อเปนห้องมัน
ตรงประตูก้อจะมีช่องกระจกพอมองเข้าไปได้
เพื่อนผมผู้หญิง 2 คนที่เข้าไปพร้อมผมก้อดีอกดีใจ คุยกับไอ้เบียร์ผ่าน pct กันใหญ่ ส่วนผมน่ะ กระจกยังไม่กล้ามองเลย ไม่รู้เปนเหี้ยไรครับ ตื่นเต้นตุ๊มต่อม
พอเพื่อนผม มันถอยออกมาให้ผมส่องมันบ้าง (ยังกะส่องสัตว์ในสวนสัตว์แน่ะ) แล้วก้อยื่นโทรศัพท์ให้
พอผมเหนสารรูปมัน ผมพูดจริงๆว่า ตกใจมาก...
มันผอมมากเลยครับ แก้มก้อดุตอบๆลงไป มันยิ้มอยู่ก้อจริงนะ
แต่ว่ามันยังดูโทรมอย่างเหนได้ชัดเลย (แต่ยังหล่ออยู่ดี) ผมเลยตัดสินใจไม่มองหน้ามัน แล้วคุยอย่างเดียวดีกว่า...
คุยกับมันไม่นานหรอกครับ เค้าให้แค่ครั้งละประมาณ 10 นาทีเอง ผมก้อออกไปแล้วให้เพื่อนกลุ่มอื่นเข้ามาเยี่ยมมันต่อ
....................
หลังจากไปเยี่มมมันวันนั้น ผมก้อยังมีไปกับเพื่อนสนิทผมอีก 2-3 ครั้งครับ
ทั้งๆที่รู้นะว่า... มันกำชับแม่มันไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ว่าไม่ให้ใครมาเยี่ยม... โดยเฉพาะผม
เฮ้ออ นี่แหละนิสัยมัน วันนั้นหลังจากพวกผมกลับ มันก้อทะเลาะกับแม่มันเลย เพราะเพื่อนเสือกแห่ไปกันซะเยอะ...
มันไม่อยากให้ใครเห็นมันในสภาพแบบนี้นั่นเองแหละ อย่างที่ผมเคยบอกไว้ตั้งแต่แรกแล้วน่ะครับ
แล้วนี่ยิ่งกลายเปนรู้กันทั้งระดับชั้นว่า มอ4 ปีนี้ มีคนเปนมะเร็งเม็ดเลือดขาวหนึ่งคน มันยิ่งไม่ชอบใจใหญ่เลย...
ผมก้อง้อมันตั้งนาน บอกมันว่าไม่ให้มันคิดอะไรแบบนี้ ให้หัดยอมรับความหวังดีความเห้นใจจากผู้คนรอบข้างซะบ้าง ซึ่งมันก้อ...ไม่ฟังผมครับ แม่งดื้อ แถมยังห้ามผมไม่ให้ไปอีก กุเลยไปไง กุก้อดื้อนะเว้ย สาด
แต่ผมจำได้ว่า วันนั้นเปนครั้งสุดท้ายที่ผมจะได้ไปเยี่ยมมันครับ เพราะปิดเทอม1เนี่ย มันแปบเดียวเอง
แต่ไอ้เบียร์ก้อยังไม่รู้ว่าจะได้ออกจากโรงพยาบาลเมื่อไหร่...
“ฮัลโหล ต้นเหรอครับลูก วันนี้ต้นจะมาเยี่ยมน้องเบียร์รึเปล่า” แม่มันโทมาหาผมในตอนเช้าครับ
“อ๋อครับ ไปครับ เดี๋ยวไปกับเพื่อนอีก 2 คนครับ แม่จะเอาอะไรรึเปล่าครับ” ก้อคิดว่าแม่มันอยากได้อะไรมั๊ย จะได้ซื้อเข้าไปให้
“อ๋อ เปล่าหรอกลูก คือ... เบียร์เค้าบอกแม่ว่า ให้โทบอกไม่ให้ลูกต้นมาน่ะวันนี้” เอาอีกและ ไอ้ห่านี่ อะไรของมันวะ
“อ้าว ทำไมล่ะครับ”
“คือ... เค้ายังไม่อยากเจอหน้าใครน่ะ เค้า เอ่อ... ต้องอยู่โรงบาลต่อไปอีกสักพัก แล้วเค้าเสียใจที่ไม่ได้กลับไปโรงเรียนน่ะลูก”
“เอ่อ ครับ แล้วถ้างั้นมันก้อน่าจะให้พวกผมไปนะครับเนี่ย ถ้าเสียใจที่จะไม่ได้เจอเพื่อนที่ รร ล่ะก้อ” ผมล่ะงงกับความคิดมันจริงๆ
“แล้ว... ว่าแต่ ต้องอยู่อีกนานไหมล่ะครับ” ผมถามแม่มัน
“คือ...” แม่มันเงียบไปพักหนึ่ง “น้องเบียร์เค้า อาการทรุดลงน่ะลูก ยาที่หมอให้ไปช่วยรักษาอะไรไม่ได้เลย ร่างกายเค้าต่อต้านตลอด
หมอบอกว่า เปนเพราะร่างกายเค้าแข็งแรงเกินไป ต้องให้ยาที่มันแรงขึ้น แต่ว่าก้อยังไม่ได้ผล...”
น้ำเสียงแม่มันเริ่มแย่งลงแล้วครับ “... หมอเลยตัดสินใจจะให้เค้าเข้ารักษาโดยการปลูกถ่ายไขสันหลังน่ะ... แล้ว... คือ...” จ
นถึงตอนนี้ ผมฟังน้ำเสียงแม่มันคงเริ่มต้นจะร้องไห้แล้ว ผมยิ่งใจไม่ดีเข้าไปใหญ่
“ครับๆ ผมเข้าใจแล้วครับ เดี๋ยวผมโทบอกเพื่อนเองครับ ว่าไม่ไปกันแล้ว” เชี่ย... มันหมายความว่ายังไงวะ
“จ๊ะลูก แต่ว่า ต้นไม่ต้องบอกเพื่อนได้มั๊ยลูก ว่าทำไม”
“ครับ ได้ครับ แล้ว... คือ ถ้าปลูกถ่ายแล้ว มันจะหายมั๊ยครับ” ผมถามไปด้วยความไม่มั่นใจเลย... มันจะเปนอย่างที่ผมกลัวรึเปล่า..
.
“หมอบอกว่า 50-50 น่ะ เพราะงี้ น้องเบียร์เค้าถึง... เอ่อ... ไม่อยากเจอใครทั้งนั้นตอนนี้น่ะ แม่ก้อกำลังปลอบเค้าอยู่เหมือนกัน”
คำตอบของแม่มัน ทำเอาผมแทบทรุด...
50-50 เรอะ! บ้ารึเปล่า!! เท่าที่กูรู้มา ยังไม่เคยมีใครเปนโรคนี้ปลูกถ่ายแล้วหายเลยนะเว้ยยย!!
แค่การต้องปลูกถ่ายไขสันหลัง ก้อหมายความว่า ร่างชัยมันถึงขีดสุดแล้วด้วยซ้ำ!!!
อย่างนี้ผลลัพธ์มันจะเปนยังไงกัน! ตายช้ากับตายเร็วขึ้นเท่านั้นรึไง มันบ้าไปแล้วเหรอ นี่มันอะไรกัน!!
“แล้ว แล้วไม่มีวิธีอื่นแล้วเหรอครับ” ผมถามแม่มันด้วยน้ำเสียงที่พยายามควบคุมไม่ให้มันสั่นมากที่สุด
“ไม่จ้ะ แล้วเบียร์เค้าก้อเลือกที่จะทำเองด้วย เปนการตัดสินใจของเขา แม่ ก้อต้องทำตามที่เขาต้องการ”
แม่มันร้องไห้หนักขึ้นเรื่อยๆ ผมได้ยินเสียงผู้ชายปลอบอยู่ข้างๆ น่าจะเปนพ่อมัน
“ครับ... ครับ แม่ แต่ถ้าหลังจากนั้น... หลังจากมันทำเส็ดแล้ว ผม... ผมขอไปเยี่ยมมันนะครับ”
“ได้จ้ะลูก แล้วแม่จะโทไปบอกต้นนะ แค่นี้นะก่อนนะลูก แม่ต้องไปแล้ว”
“ครับ สวัสดีครับ”
โลกทั้งโลกมันเหมือนจะถล่มลงมาตรงหน้าผมเดี๋ยวนั้นเลย
น้ำตา ที่เคยสัญญากับมันไว้ ว่าจะไม่ให้มันไหลออกมาเพราะมันอีก ก้อไม่สามารถจะห้ามได้อีกแล้ว...
กูขอโทษนะเบียร์ กูผิดสัญญาที่ให้ไว้กับมึงอีกแล้ว...
กูขอโทษ
………..
โฮวววว์
พิมเอง
อ่านเอง
รีโพสเอง
ซึ้งเอง
T-T
วันนี้เจอมัน อยากเล่ามากกกกกกกกก
ไว้เล่าทีหลังเน้อออ
T-T
..................