[story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?  (อ่าน 101005 ครั้ง)

TKjunior

  • บุคคลทั่วไป
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความที่ไม่เหมาะสมและเกิดความขัดแย้ง
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ








[อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?]

เรื่องนี้ผมเคยpostในpantip.comมาแล้ว ตอนแรกคิดว่าหาไม่เจอแล้ว พอดีfileนี้ผมยังsaveในpc ... ลองเอามาpostให้เพื่อนๆในนี้ได้อ่านกันบ้าง

เรื่องที่ผมจะเล่าให้อ่านมันเกิดจากความบังเอิญเมื่อประมาณ3ปีที่แล้ว ตั้งแต่ผมเรียนอยู่ปี4 เทอมแรก ไม่เคยคิดว่ามันจะเกิดกับผมเลย ผมจึงชื่อเรื่องความบังเอิญอย่างมาก ขอใช้ชื่อแทนตัวผมว่า “ที” และบุคคลที่ผมมีความบังเอิญชื่อ “ซี” ตอนนี้เริ่มเข้าปีสี่ ผมเคยตั้งความฝันของตัวเองว่า สักวันผมต้องเรียนวิชาป้องกันตัวสัก1วิชาให้เป็น บวกกับปีสี่เป็นปีที่ผมเรียนน้อยดี (จบใน3ปีคับ) เลือกอยู่นานว่าจะเรียนอะไรดี จนตัดสินใจว่าเรียน “เทควันโด” ดีกว่า มันมีปัจจัยหลายๆอย่างทีเลือกเรียน เช่น ชุดเท่ห์ดี ที่เรียนใกล้บ้าน เวลาเรียนok ฯลฯ
   
วันแรกที่ไปสมัครก็ทำอะไรไม่ถูก เพราะไม่คุ้นเคย เก้งๆกางๆยังไงไม่รู้ สมัครเสร็จ จ่ายตัง ผมก็ไปเลือกซื้อชุดที่จะเรียนในยิมเทควันโดนั้น .... พี่ที่เขารับสมัครผมก็มาช่วยเลือกช่วยแนะนำ เลือกไปเลือกมาก็ยังเลือกไม่ถูก เพราะตัวนี้ชอบแต่sizeไม่ได้ ตัวนั้นไม่ชอบผ้าแต่sizeมันok ...อยู่ๆ... ก็ได้ยินเสียงพูดมาจากข้างหลังว่า “คุณก็เลือกตัวที่มันใส่แล้วสบายๆ ไม่ต้องไปเลือกมากหรอก เล่นๆซ้อมๆไปมันก็เก่าแล้ว คิดอะไรมาก” ตอนนั้นในใจคิดว่า ...ใครวะ เสือกเรื่องกรู .... หันหลังกลับไปมองก็พบกับเจ้าของเสียง ตัวเตี้ย (ก็ไม่มากหรอกคับ ผมสูง178 ส่วนซีสูง169 ... หรือมากหว่า!?) แต่สายคาดเอวสีแดง (สีชอบของผม) ซีบอกว่า ... “ซื้อๆใส่ๆไปเถอะ เดี๋ยวมันก็เก่าก็ดำ”  ปากผมก็บอกว่า ...คับ... แต่ในใจคิดว่า ... กรูจะไม่ปล่อยให้มันสกปรกให้มันดำหรอก ในที่สุดก็ได้ชุดเทควันโดพร้อมกับสายขาว แล้วก็บอกพี่ที่รับสมัครว่าจะมาเรียนอีก1สัปดาห์ แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรไอ้ซีมันนะคับ ลืมไปเลยว่ามีมันมาเสือก

1สัปดาห์ผ่านไป .... กลับมาที่ยิมเทควันโด

วันแรก
รีบมาจากมหาลัย กลัวมาไม่ทันคับ แต่ก็มาก่อนที่จะเริ่มเรียนเยอะเหมือนกัน ....ตอนนั้นมันก็ยังเก้งกางๆอยู่ ไม่คุ้นที่ ยังไม่รู้จักใคร เข้าไปเปลี่ยนชุด อ้าว...! แล้วกรูจะผูกสาย(ขาว)ยังไงฟะ เดินออกมาจากห้องlockerทั้งๆที่ยังไม่ได้ผูกสาย(ขาว) ตอนนั้นในยิมมีอีกclassนึงเรียนอยู่ มองไปมองมาไม่เห็นมีใครแม้แต่พี่ที่รับสมัครผมอยู่เลย แล้วกรูจะทำยังงัยกับสาย(ขาว)ดีฟะ คิดในใจว่าเดียวครูที่สอนคงสอนผูก แล้วclassแรกของผมก็เริ่มขึ้น ตื่นเต้นมากๆคับ ทั้งชีวิตได้เรียนต้องกันตัวก็วิชากระบี่กระปองตอนอยู่มัธยม(นานมากกกกกกกกกกก) แต่classแรกก็ไม่เป็นไปอย่างที่คิด ... classนั้นทั้งclassเป็นการแนะนำตัว ความเป็นมาของเทควันโด สอนกฎ กติกา และคำปฏิญาณ และสอนยืดเส้นยืดสาย
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-09-2010 20:50:51 โดย THIP »

TKjunior

  • บุคคลทั่วไป
วันที่สอง
มาถึงก่อนเวลาอีกแล้วกรู เขาไปเปลี่ยนชุดดีกว่า .... ก็ยังผูกสาย(ขาว)ไม่เป็นอยู่ดี ไม่เป็นไรๆค่อยไปถามครูก็ได้ ให้ครูสอนใหม่ วันที่สองได้เริ่มเรียนซะที แต่ทำไมไอ้ยืดเส้นมันก็ไม่ธรรมดานี้หว่า นึกว่ายืดไปงั้นๆ นี้มันเริ่มจริงๆจังๆเลย ต่อด้วย .... มาเรียนท่าเตะๆต่อยๆตอนที่มันโตแล้วมันแปลกๆดี รู้สึกว่าclassนั้นมีผมที่อายุมากสุด ยอมรับว่าเขินมาก นอกนั้นเป็นเด็กประมาณประถมกันทั้งนั้น .... แต่ทำไงได้กรูอยากเรียน ความฝันของกรู ไม่มีใครเป็นมาตั้งแต่เกิดนี้หว่า จบclassวันนั้นด้วยอาการปวดตามตัวนิดๆ แต่ก็ภูมิใจว่า กรูได้เรียนแล้วเว้ย

แล้ว2สัปดาห์นั้นก็ผ่านไปไวเหมือนโกหก ... ผมได้เรียนรู้การยืดเส้นยืดสาย ท่าเตะต่อย(จริงๆเตะเยอะกว่ามาก)  และรู้จักน้องๆในclassมากขึ้น (เด็กๆทั้งนั้น) แต่ยังผูกสาย(ขาว)ไม่เป็นสักที ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไม มันก็ไม่ยากนะคับ แต่มันสับสนซ้ายขวามากกว่า พาดไปพาดมา สอดขึ้นสอดลง งงคับ

สัปดาห์ที่สาม
ผมก็มาเร็วบางสายบาง แต่ความพยายามที่จะมาเรียนไม่เคยถอยคับ มันมีความอยาก ความฝันช่วยขับให้ไปเรียน วันนึงผมออกมาจากห้องlockerทั้งๆที่ยังไม่ผูกสาย(ขาว) กะว่าจะให้ครูผูกให้อีก .... แต่ผลปรากฏว่า โดนครูด่าว่า “เรียนมาตั้งนานแล้วยังผูกไม่เป็นอีก ไปหาวิธีผูกเอง” ….. อ้าว! ทำไมครูทำอย่างนี้ฟะ ผมไปพยายามผูกให้ได้ให้เหมือนกับของชาวบ้านเขา แต่ยังไงๆก็ยังไม่เหมือน รู้สึกว่ามันผูกผิดอย่างน่าเกลียด อายเหมือนกัน แต่ทำไงได้จำวิธีไม่ได้นี้หว่า ก็ซ้อมเทควันโดทั้งๆที่ผูกสาย(ขาว)อย่างน่าเกลียดๆอย่างนั้น จนถึงเวลาพัก .... ยืนกินน้ำอยู่ ... ได้ยินเสียงลอยมา “เรียนมากี่วันแล้วเนี่ย ยังผูกสายไม่เป็นอีกเหรอ ... น่าเกลียดชะมัด” …. .ใครฟะ แซวกรู ....หันไป ... อ้าว! ไอ้เตี้ยคนเดิมนี้หว่า ผมก็ไม่สนใจอะไร มันผูกไม่เป็นนี้หว่า ถึงเวลาครูเรียกไปซ้อมแล้ว วันนั้นซ้อมเสร็จกลับบ้านก็ไม่ได้สนใจอะไรและนึกถึงอะไรเกี่ยวกับไอ้เตี้ย ... เรียกว่าไอ้ซีดีกว่า ไปว่ามันไม่ดีๆ ตั้งใจว่าจะกลับไปonlineเพื่อsearchหาวิธีผูกสาย แต่สุดท้ายกลับบ้านไปกินข้าว เหนื่อยมาก หลับไปเสียก่อน

วันถัดมาผมก็ไปซ้อมตามปกติ แต่ที่ไม่ปกติก็สายของผมเนี่ยแหล่ะ ยังง๊ายก็ยังผูกไม่เป็นอยู่ดี อายเหมือนกัน น้องๆเขาผูกได้ แต่กรูทำไมผูกไม่ได้ฟะ ....ผมก็ซ้อมตามครูบอกต่อไป อยู่ๆเห็นคนๆนึงมายืนข้างๆมองสายเอวผม จริงๆเขามองสายของผม ... ไอ้ซีนิ มองอะไรวะ แล้วมันก็พูดด้วยน้ำเสียงเป็นมิตรว่า “ยังผูกไม่เป็นอีกเหรอ หยุดซ้อมก่อน เราจะสอนผูกให้” มันเหมือนอัตโนมัติ ผมหยุดซ้อม(ทั้งๆตอนนั้นคนอืนๆกำลังซ้อมอยู่)  ซีเดินเขามาแก้สายและค่อยๆสอนวิธีผูกสายอย่างช้าๆ ตอนนั้นคิดว่า ไอ้นี้ใจดีว่ะ ผมก็ฟังมันสอนไปเรื่อยๆจนมันผูกเสร็จ ... เมื่อผูกเสร็จ ปมของสายสวยมากๆ สายที่เหลือก็ยาวออกมาพอดี .... ซี “อะ...เสร็จแล้ว จำได้แล้วใช่มะ วันหลังไม่ผูกให้แล้วนะ ซ้อมต่อเลย” ผมก็ได้แต่พยักหน้าและตอบขอบคุณ แต่ในใจคือ ... จำไม่ได้วะ

TKjunior

  • บุคคลทั่วไป
วันถัดมาก็มาเจอไอ้ซีที่ยิม แต่…เอ.... ไม่เคยเห็นมาเวลานี้เลย มารู้ทีหลังว่ามันปรับclassใหม่ คือมันเก่งขึ้น และเป็นclassสำหรับคนที่กำลังจะเตรียมสอบไปสายดำ(สายสูงสุดของเทควันโด ...เริ่มจาก ขาว เหลือง เขียว ฟ้า น้ำตาล แดง ดำ... คิดว่าเรียงถูกนะคับ) ผมเจอมันก็ยิ้มให้ แต่มันไม่ยิ้มตอบได้แต่พยักหน้า ... ก็okแล้วถือว่ายังรับรู้ว่ากรูทัก ... ผมออกมาจากห้องlockerด้วยสภาพเหมือนที่ผ่านๆมาคือ ผูกสายไม่เป็น ... ซีเข้ามาพูดว่า “ยังจำไม่ได้อีกเหรอ เมื่อวานก็สอนไป ไหนบอกว่าจำได้” ผม... “ตอนนั้นมันจำได้ แต่พอข้ามคืนไปก็ลืมแล้ว ความจำผมมันสั้น” ….ซี “มาๆ ผูกให้ เห็นแล้วรำคาญตา” … แล้วปากซีก็บ่นๆ แต่มือก็ผูกสายให้ สวยนิ้งเหมือนเดิม .... ผมตอบขอบคุณ ครั้งนี้แหล่ะคับที่ผมเริ่มได้คุยและรู้จักซี ซีเรียนเทควันโดมาปีกว่าแล้ว ตอนนี้เตรียมสอบเปลี่ยนสายจากสายแดงเป็นสายดำ อายุเท่ากัน เรียนอยู่ปีสี ซึ่งมหาลัยของซีอยู่ใกล้ๆกับมหาลัยผม (เห็นมะ... บังเอิญ... ทั้งๆที่อยู่ใกล้ๆ แต่ไม่เคยเจอกัน) ทำความรู้จักกันได้สักพักclassของผมและซีก็เริ่มขึ้น ต่างคนต่างซ้อม วันนั้นคิดว่า ...กรูได้รู้จักคนที่ยิมแล้ววะ ไม่ใช่แค่น้องๆในclassเดียวกันที่พูดจาไม่รู้เรื่อง(เพราะคนละวัย) แถมซนอีกต่างหาก .... classผมเลิกเร็วกว่า เลยกลับบ้านก็ ไม่ได้ลาซีเลย

หลังจากวันนั้นผมได้เจอซีทุกครั้งที่มายิม (เพราะclassของผมและซีเริ่มพร้อมกัน) ได้พูดคุยกันมากขึ้น และผมก็ยังผูกสายไม่ได้ แต่ซีก็คงผูกสายให้ผม พร้อมกับบ่นไปผูกไป (มานึกถึงตอนนั้นก็ตลก+น่ารักดี) ... เริ่มประทับใจซีคงเป็นตอนนี้หล่ะคับ ในขณะที่ซีผูกไปบ่นไป ... ผมก็สังเกตว่าหน้าตาซีก็ไม่ได้ใช่ว่าจะไม่ดี คิ้วเข้ม ตาโต ตาสีน้ำตาล ผิวขาว ไม่มีสิวขึ้นเลย .... เราสองคนเริ่มเรียกแทนตัวเองว่า คุณ ผม แต่นานๆไปจนถึงวันนี้มันกลายเป็น เอ็ง ข้า กรู เมิง ... สนิทกันมากขึ้นสรรพนามเริ่มเปลี่ยน

พอเลิกผมเลิกclassก็เริ่มๆแสดงตัวให้ซีเห็นว่า เอ้ย! เราจะกลับแล้วนะ .... ยกมึอบ๊ายบายบ้าง ชูมือให้เห็นบ้าง โผล่หน้าให้เห็นบ้าง ชี้บอกว่าจะกลับแล้วบ้าง ซีเริ่มยิ้มให้ ยกมือบ๊ายบายตอบ พยักหน้ารับบ้าง

เราได้พูดคุยเฮฮาสารพัด แต่ดูเหมือนว่าจะมีแต่ผมและซีเท่านั้นที่คุยกัน ไม่มีใครที่ในclassซีมาคุยด้วยเลย หรือว่าซีไปคุยเล่นเฮฮาในclassของซีเลย .... พูดคุยเรื่องเรียน เรื่องสารพัด บางทีก็หัวเราะขึ้นมาดังลั้นยิมซะอย่างนั้น ก็มันขำจริงๆ ต่างฝ่ายต่างยิงมุกกันกระจาย

แล้ววันนึงเหมือนปกติที่ผมมาซ้อม แต่วันนี้ไม่เห็นclassของซีเลย เห็นแต่ซีมาคนเดียว
ผม “ทำไมไม่เห็นclassของนายเลย”
ซี “วันนี้เค้าหยุดกัน”
ผม “แล้วนายมาทำไม ทำไมไม่หยุด”
ซี “มันไม่มีอะไรทำ เรียนเสร็จก็มายิม เผื่อซ้อมของเราไปเรื่อยๆ”
ผม “ขยันดีเนอะ”
ซี “ไม่ขยันหรอก แค่อยากได้สายดำ ตามความฝันของเรา”
ผม “ดีเนอะ เหมือนกับเราเลย แต่เราอยากได้สายแดง เพราะเป็นสีที่เราชอบ”
แล้วเสียงครูดังขึ้น เรียกclassของผมไปซ้อม
ซี “นายผูกสายเป็นแล้วนิ แต่มันยังไม่สวยเลย มะๆ เราผูกให้ใหม่”
…..ตอนนั้นประทับใจซีมากๆ.....

TKjunior

  • บุคคลทั่วไป
ความรู้สึกในการซ้อมและร่างกายในวันนั้นมันเหมือนมีรอยยิ้มอยู่ในใจ แล้วซีก็กลับบ้านก่อนๆที่classของผมจะเลิก ซีโผล่หน้ามาบ๊ายบาย ผมหยักหน้าตอบ

คืนนั้นหลับสบายอย่างบอกไม่ถูก ตื่นเช้ามาอย่างสดชื่น ไปเรียนสบายใจ แล้วรีบมายิมเพื่อซ่อมเทควันโด เจอซีอีกแล้ว แต่วันนี้classของเขาเริ่มก่อน สาย(ขาว)ของผมเลยเป็นปมอย่างไม่สวย(เท่าซีผูกให้) แต่ก็ถือว่าผูกคล่องขึ้น .... ผมก็ซ้อมไปตามปกติ แต่สายตาก็มีเหล่ๆไปมองclassของซีบ้าง แต่มองด้วยความรู้สึกว่า classเขาซ้อมท่าแปลกๆแถมซ้อมกันหลักมากๆ ....

ซีเลิกclassแล้ว เขาจะโผล่หน้ามาบ๊ายบายหรือเปล่าวะ .... อ้าว ... ทำไมเขาไม่ไปเปลี่ยนเสื้อกลับบ้าน อยู่ซีมานั่งอยู่หลังclassของผม เห็นหน้าซีหัวเราะขำๆ ผมเลยหันหน้าไปหาซีพร้อมทำหน้างงๆ สักพักซีก็มาอยู่ข้างๆผม พร้อมกับพูดว่า “เข้มแข็งๆหน่อยดิ นายเตะแปลกๆ ....ดูเราเป็นตัวอย่างนะ” …. แล้วซีก็ยืนเตะให้ดูเป็นตัวอย่าง ..... ซี “เออ... อย่างนั้นถูกแล้ว” (พร้อมกับสอนๆบอกๆสารพัด) หลังจากเลิกclassนั้น ก็แนะนำอีกสารพัดวิธีและเทคนิค)

....ซี! .... นายทำให้เราประทับใจอีกแล้ว

และแล้วผมก็ไม่ได้เจอซีไปหลายวัน จำได้ว่าผมต้องทำรายงาน ไม่มีเวลาไปยิมประมาณ2-3วัน กลับมาอีกที ซีก็ยังมาซ้อมเวลาเดิมกับเวลาของผม ... ไม่ได้เจอไอ้หอมนี้ เริ่มรู้สึกว่ามันขาดๆอะไรไป เจอหน้ากันก็ทักทาย

ซี “หายไปไหนตั้งหลายวันวะ”
ผม “มีรายงานต้องทำ เลยไม่มีเวลามาซ้อม”
ซี “นึกว่าท้อใจไม่ซ้อมแล้วซะอีก”
ผม “ได้งายยย ... ไม่ท้อหรอก”
ซี “นายยังเตะไม่ค่อยสูง ขายังกางไม่ดี นายต้องยืดตัวมากๆกว่านี้”
ผม “เราก็อยากได้มากกว่านี้ แต่มันยืดไม่ไปแล้ว”
ซี “เดี๋ยวเลิกเรียนแล้ว เราจะช่วยนายยืด ... จะได้ยืดแข้งยืดขาได้สะดวกๆ … รอเราแล้วกัน”
ผม “ok”

หลังจากเลิกเรียนวันนั้น ผมนั่งรอซี ก็นานอยู่แต่รอได้ เพราะอยากยืดให้ได้มากกว่านี้ บวกกับได้เจอซี เอ... ผมเริ่มอยากอยู่กะเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ เย็นวันนั้น สอนท่ายืดตัวมากมาย ซีช่วยจัดท่า อยากบอกว่ามาเล่นเทควันโดตอนโตๆแล้วมันลำบากไอ้ตอนยืดตัวเนี่ยล่ะคับ ฉีกขา แหกขา ก้มตัว เอามือไปแตะตรงนั้นตรงนี้ให้ถึง  .... ทรมาน+เจ็บปวดมากๆ แต่ก็ต้องทำเพราะอยากเป็น แถมอยู่กะซี

พอยืดตัวเสร็จ เราสองคนก็ไปเปลี่ยนสุดในห้องlocker เพิ่งมาเห็นว่าlockerผมและของซีอยู่ข้างกัน (บังเอิญหรือเปล่าวะเนี่ย) ต่างคนต่างถอดเสื้อผ้า ได้สังเกตเห็นหุ่นของซี ... ตัวซีเตี้ยกว่าผมก็จริง แต่หุ่นfirmมากๆ ไม่ผมแห้งจนน่าเกลียด ... แล้วอยู่ๆซีก็พูดถามขึ้นมา ตกใจเหมือนกัน เพราะแอบมองหุ่นซีอยู่
ซี “ที ... นายใส่boxerเล่นเทควันโดเหรอ .. ทำได้ไง มันไม่รู้สึกแปลกๆเหรอวะ”
ผม “ไม่นิ สบายดีออก เราไม่ชอบใส่กางเกงในแบบลัดๆ มันอึดอัด”
ซี “แปลกดีเนอะ ระวังนะเว้ยจะเป็นไข่ดัน”
ผม “ไม่เป็นหรอก นายลองใส่บ้างดิ สบายดีออก”
ซี “ไม่เอาวะ กลัว เสียวไข่แตก”
ผม “555 …. วันหลังจะซื้อมาให้ลองใส่” (ตอนนั้นไม่พูดไปได้ไงว่าจะซื้อboxerให้)
ซี “555….”

แล้วเราก็เดินไปป้ายรถเมล์ รอรถกลับบ้านด้วยกัน พูดคุยสนุกสนาน .... แล้วต่างคนก็ต่างกลับบ้าน

จากที่สังเกต .. ทำไมซีมันไม่คุยกะใครในclassมันเลย คุยอะไรกับผมกันนั้นกันหนา .. หรือว่ามันเป็นเกย์ปะวะ ผมคิดไปต่างๆนาๆ ... แต่บุคลิกกันหน้าตามันก็ไม่น่าจะเป็นนา .. เห็นไม่คับ! คนที่เป็นเกย์ยังมองบางคนไม่ออกเลยว่าเขาเป็นหรือไม่เป็นเกย์

TKjunior

  • บุคคลทั่วไป
ผมและซีเริ่มสนิทสนมกันมากขึ้น หยอกล้อ เล่นหัวกัน เวลาทีซีว่าง ก็มายืนซ่อมเป็นเพื่อนผม มันบอกว่า “เมิงแก่สุด .... กรูรู้ว่าเมิงอายที่ต้องซ้อมกับเด็กๆ รีบซ้อมรีบสอบเลื่อนสาย”
ผม “รู้ได้งัยฟะ ขอบใจนะเว้ย”
ซี “กรูก็เคยเป็นแบบเมิงมาก่อน ย่อมจะรู้ ... กรูเลยรีบๆเรียน รีบๆซ้อม รีบๆสอบเลื่อนสาย”
ผม “อ่อ....!!”
ซี “ไว้กรูได้สายดำเมื่อไหร่ คราวนี้กรูสอนได้แล้ว แล้วกรูจะมาสอนเมิง อยากได้สายแดงไม่ใช่เหรอ”
ผม “แล้วเมิงจะสอบเมื่อไหร่วะ”
ซี “สัปดาห์วะ”
ผม “พร้อมหรือยังวะ ..... ถ้ายังไม่พร้อม เมิงไปซ้อมของเมิงก่อน”
ซี “พร้อมแล้วเว้ย ระดับนี้แล้ว”
ผม “เออ ... ปากดีนะเมิง ... ขอให้ผ่านแล้วกัน ไม่ผ่านจะหัวเราะให้”


หลังจากเลิกเรียนผมก็เริ่มรอซีกลับพร้อมกัน จนเป็นเรื่องปกติ ที่จะเห็นไอ้สองตัวนี้ เขาไปเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยกันและเดินไปป้ายรถเมล์ด้วยกัน จนหลังๆเริ่มมีคนแซวว่า ผมกะมันเป็นปาท่องโก๋ ทีซ่อมอยู่ซีจะยืนซ่อมข้าง ทีกับซีจะผลัดกันช่วยยืด ทีจะรอซีเสร็จและไปเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยกัน .... แต่มองจากสายตาบางคน บางคนคิดว่า แม้งอาจจะเป็นคู่เกย์แน่ๆ ... แต่ผมก็ไม่สน .. ใช่ใสใจ กรูมีความสุข

สัปดาห์ถัดไปก็มาถึง จำได้ว่าวันนั้น classของผมไม่ได้เรียน เพราะครูให้ไปดูพวกที่จะสอบเลื่อนเป็นสายดำ .... ตอนแรกนึกว่าจะไม่ได้ดูซีสอบซะแล้ว ไม่นึกว่าสอบเลื่อนสายจะเป็นอะไรที่ดูเข้มขนาดนี้ ต้องสอบทั้งท่ารำ สอบท่าป้องกันตัว สอบท่าเตะสารพัด ฯลฯ ดูคนอื่นสอบว่าตื่นเต้นแล้ว ดูซีสอบตื่นเต้นกว่า ... ก่อนที่ซีจะสอบ ยื่นอยู่ในท่าเตรียม มันยังหันมามองผม และขยิบตาให้ครั้งนึง ดูมันหยอดกรูอีกแล้ว ตอนนั้นรู้สึกว่า ผมเป็นคนพิเศษของมันหรือเปล่า ...ก็แอบคิดเข้าข้างตัวเอง แต่ยังไงก็ช่าง รู้สึกว่าตอนนี้มีความสุขมากๆแค่นี้เป็นพอ .... ในที่สุดความฝันของซีก็เป็นจริง ซีผ่านสอบเลื่อนสายเป็นสายดำ เห็นมันเปลี่ยนจากสายแดงเป็นสายดำ ดูซีมันเท่ห์ขึ้นตั้งเยอะ

หลังจากสอบเลื่อนสายเสร็จ ซีชวนผมไปกินข้าวฉลองด้วยกัน แปลกที่ซีไม่ไปกับเพื่อนๆในclassของซี .... จำได้ว่าเราไปนั่งกินส้มตำด้วยกัน เป็นครั้งแรกที่ซีชวนผมกินปากเป็ดทอด แรกๆผมไม่กล้ากิน เพราะมันดูน่ากลัว พอมันเริ่มpsychoผม ..... กินก็กินวะ ... อร่อยว่ะ ไม่นึกว่าปากเป็ดทอดจะอร่อยขนาดนี้

เป็นวันนึงที่happyมากๆ ..... รู้จักกันมาตั้งนาน ยังไม่เคยรู้เบอร์โทรของซีเลย ขาเดินกลับไปรอรถเมล์ ผมจึงขอเบอร์ ...
ผม “ขอเบอร์โทรเมิงหน่อยดิ ...”
ซี “เอาไปทำไมวะ” (ทำเป็นเล่นตัวนะเมิง)
ผม “เถอะน๊า .... เผื่อโทรหา ถามนั้นนี้”
ซี “เอาโทรศัพท์มาดิ เดี๋ยวจะกดให้ แล้วยิงมาเครื่องกรูด้วยนะเว้ย”
ผม “แน่นอนอยู่แล้ว”

ในที่สุดก็ได้เบอร์มันมา แต่ก็ยังงงๆว่า จะเอาเบอร์มันไปทำอะไรดีวะ เพราะเจอกันเรียกได้ว่าทุกวันเลย

จำได้ว่า ....ประมาณ2วันหลังจากที่ได้เบอร์มันมา มันก็โทรมาหา แต่ผมเรียนอยู่เลยไม่ได้รับสาย และโทรกลับหลังจากเลิกชม.เรียนนั้นแล้ว
ผม “โทรมาทำไมวะ”
ซี “โทรหาไม่ได้เหรอวะ ... มีเรื่องให้เมิงช่วยหน่อย”
ผม “มีอะไรว่ามา.....”
ซี “เย็นนี้เมิงโดดซ้อมได้หรือเปล่าวะ”
ผม “อ้าว ... อยู่ๆจะมาให้กรูไม่ไปซ้อม กรูจ่ายเงินไปแล้วนะเว้ย … แล้วทำไมจะให้กรูโดด”
ซี “กรูรู้เมิงเก่งอังกฤษ .... มาช่วยกรูทำการบ้านหน่อยดิวะ ทำไมเป็น”
ผม .... เงียบไปสักพัก “เออ.... ได้ๆ ทีไหนวะ”
ซี “ที่บ้านกรู ... เดี๋ยวกรูเลี้ยงข้าวเย็นที่บ้าน”
ผม “จะดีเหรอ กรูไม่รู้จักบ้านเมิง”
ซี “เมิงเลิกกี่โมง กรูไปรอเมิงหน้ามหาลัย แล้วไปด้วยกัน”
ผม “เลิกตอน .... (จำไม่ได้แล้วเวลาเท่าไหร่)”
ซี “แล้วกรูจะไปรอ ... แล้วเจอกันเว้ย”
ผม “อืมๆ เจอกัน”

TKjunior

  • บุคคลทั่วไป
เจอซีในชุดนักศึกษามันแปลกๆยังไงไม่รู้ แต่ก็ดูสุภาพขึ้นมาอีกแบบ เหมือนจับลิงใส่uniform มารู้สึกว่าลักษณะซีและผมจะเป็นพวกยุกยิกเหมือนกัน แบบพวกactiveตลอดเวลา มันชอบมาหยอกๆล้อๆแหย่ๆมากขึ้น ผมก็เล่นมันกลับบ้าง ….. ผมกะมันก็นั่งรถเมล์ไปบ้านมัน บ้านมันเป็นบ้าน2ชั้นก็ธรรมดาๆนะคับไม่ได้หรูหราอะไรมากมาย เข้าไปในบ้านมันก็หาน้ำให้กิน ตอนนี้ไม่มีใครอยู่บ้านมันเลย และมันก็พาไปที่ห้องนอนมัน ... จำได้ว่า จัดของเป็นระเบียบมากๆ มากกว่าห้องนอนผมอีก ... และที่จำแม่นที่สุดคือรูปติดฝาพนังของมันที่มันทำท่าเดียวกันใส่ชุดเทควันโดเรียงกันอยู่ ต่างกันที่แต่ละรูปสายผูกเอวคนละสี ... เท่ห์โคตรๆ มันคิดได้งัยวะเนี่ย และมีอีกอย่าง คือ สายผูกเอวตั้งแต่สีขาวจนถึงสีแดงในกรอบบนฝาผนัง ... เห็นแล้วผมอึ้งไปนาน ... ซีมันรักเทควันโดมากๆ

ดูมันไม่เก่งเรื่องภาษาอังกฤษจริงๆ .... อธิบายบางอย่างไปมันไม่เข้าใจบ้าง บางทีต้องเขียนให้มันเลย อยากจะเขียนให้มันหมด ก็เกรงใจ กลัวว่ามันจะไม่ได้ใช้สมอง แต่ในใจลึกๆก็อยากทำให้หมดเลย ... สอนๆไป เริ่มตัวชิดกันเรื่อยๆ .... มีshotนึง คือ หันหน้ามามองกันเพื่ออธิบายอะไรสักอย่าง แล้วผมก็นิ่งไป แบบว่าตาของซีในตอนนี้หวานมากๆ ซีเป็นคนตาโต สองชั้น ตาดำเป็นสีน้ำตาล ... ไม่รู้ว่าผมนิ่งไปนานแค่ไหน คิดว่าก็นานอยู่ ... จนได้ยินเสียงมันพูดว่า “เฮ้ย ... แล้วไงต่อ” …. ผมสะดุ้งเลย ... ก็ตามันหวานจริงๆนี้หว่า ในที่สุดก็ช่วยมันทำการบ้านจนเสร็จ ... นั้นแน่! ไม่มีshotอื่นหรอกคับ อย่าคิดลึก ...

แล้วมันก็เลี้ยงข้าวเย็นผม โดยมันหุงข้าวที่บ้าน แต่ออกไปซื้อกับข้าวแถวปากซอย ... มารู้ว่า ซีเป็นลูกคนเดียว พ่อไปทำงานต่างจังหวัดบ่อยๆ ส่วนแม่ของซีทำงานไม่ค่อยเป็นเวลา .... ส่วนใหญ่มันเลยอยู่บ้านคนเดียว วันนี้เลยไม่เห็นบุพการีมันเลย แต่ก็ดีแล้ว ได้อยู่กะซีสองต่อสอง หลังจากกินข้าวเสร็จ ก็ช่วยกันล้างจาน ผมเห็นว่าเริ่มค่ำแล้ว กลับบ้านดีกว่า ... ซีเดินไปส่งที่ป้ายรถเมล์ พูดขอบใจตลอดทางไปป้ายรถเมล์ ... ก่อนผมขึ้นรถเมล์ มันก็ชวนให้มาบ้านมันอีก ... แหม! จะให้กูมาช่วยทำการบ้านอะดิ ... แต่ผมก็อยากมาจริงๆนะ 555 .... พอถึงบ้านสักพักผมก็ได้smsจากมันว่า “ขอบใจมากที่ช่วยกรูทำการบ้าน กรูจะสอนเทควันโดตอบแทน” (ยังเก็บอยู่ในโทรศัพท์ผมจนทุกวันนี้)

ซีก็สอนเทควันโดผม (สอนเพิ่งจากในclassที่เรียน) จนวันที่ผมสอบเลื่อนสายจากขาวเป็นเหลือง ซีมาดูผมสอบ ตื่นเต้นมากๆคับ เป็นครั้งแรกที่สอบเลื่อนสาย ตอนนั้นมือไม้สั่น เหงือแตกมากๆ แต่ไม่น่าเชื่อตัวเองว่าจะสอบผ่านมาได้ และผมก็เพิ่งรู้ว่า ไอ้สายสีต่างๆเมื่อสอบเลื่อนขั้นแล้ว ต้องซื้อมาคาดเอง และแล้วผมก็เจอshotประทับใจโคตรๆจากซี เมื่อสอบเลื่อนขั้นผ่าน

ซี “ดีใจด้วยนะเว้ย เลื่อนได้เหลืองแล้ว”
ผม “ขอบใจว่ะ โคตรตื่นเต้นเลยเวลาสอบ … แล้วกรูจะได้สายเหลืองเมื่อไหร่วะ”
ซี “ตอนนี้ไง กูซื้อมาให้แล้ว”
ผม “ทำไมต้องซื้อ ครูเขาไม่ให้เหรอ”
ซี “ไม่มีหรอก ต้องซื้อมาเปลี่ยนเอง”
ผม “เท่าไหร่ล่ะ เดี๋ยวจ่ายให้”
ซี “ไม่เอาๆ กรูให้เมิง....ฉลองสอบผ่าน”
ผม “จะดีเหรอวะ ....!!”
ซี “ดีดิวะ ... มาๆ เอาสายขาวออก แล้วกรูจะผูกให้ ขอกรูผูกให้เมิง”

ตอนนี้อึ้งไปเลยคับ นึกว่าฟังผิด ... แล้วมันมายืนตรงหน้าใกล้ๆ และย้ำประโยคเดิม ... ผมถึงกับเขิน และอมยิ้ม แล้วก็ถอดสายเก่าออกอย่างว่าง่าย ตอนที่มันผูกสายอันใหม่ให้ ตัวผมรู้สึกขนลุกไปหมด เหมือนตรงนั้นยืนอยู่ด้วยกันแค่สองต่อสองเท่านั้น

.....รู้ไหมซี เมิงทำกรูประทับใจในตัวเมิงอีกแล้ว....

รู้สึกว่าผมไม่ได้พามันไปเลี้ยงที่ผมสอบผ่าน ... ไม่แน่ใจว่า ผมต้องรีบกลับไปทำการบ้านหรือว่าอะไรสักอย่าง

TKjunior

  • บุคคลทั่วไป
หลังจากนี้ผมและซีก็สนิทกันมากขึ้น ไปไหนมาไห้ด้วยกัน บางครั้งผมไปหามันที่มหาลัย หรือมันก็มากินข้าวที่มหาลัยผม .... ดูเหมือนซีจะเข้ากับเพื่อนผมได้ดี แต่รู้สึกว่าผมจะไม่ค่อยได้รู้จักเพื่อนซีเท่าไหร่ เพราะมหาลัยของซีเป็นแบบต่างคนต่างเรียน เรื่องที่ผมอยากรู้ช่วงนั้นคือ ตกลงไอ้ซีมันเป็นหรือไม่เป็นกันแน่!? แต่ก็ตั้งอีกคำถามกับตัวเองว่า ... แล้วกรูจะรู้ไปทำไม ในเมื่อตอนนี้เราก็สนิทกันดี ผมก็มีความสุขที่ได้อยู่ใกล้ๆซี .. ซีก็ดูมีความสุขเช่นกันที่ไปไหนมาด้วยกัน ช่วงนั้นทุกอย่างดูจะไปด้วยดี มีซีที่ไหนมีทีที่นั้น ที่ไปไหนซีก็ไปด้วย ... คือประมาณว่า ... ภายในหนึ่งปีหลังจากที่รู้จักกัน พูดได้เลยว่า ไม่มีวันไหนที่ผมและซีไม่เจอกัน ฟังดูเหมือนoverแต่มันเป็นไปแล้ว ถ้าไปเจอที่ยิม เราก็จะเจอกันที่มหาลัย ช่วงไหนหยุดซ้อม เราก็จะไปเดินเล่น ดูหนัง เรื่องซ้อมเทควันโด ก็เป็นไปได้อย่างเรื่อยๆ ซีจะคอยมาสอน ยืมอยู่ข้างๆ เวลายืดตัวก็จะช่วยกันยืดให้ .... จนบางครั้งการเรียนเทควันโดจะต้องมีคู่ซ้อมในการเตะหรือสู้ ครูก็เหมือนจะรู้ จะจับคู่ให้ผมคู่กับซีตลอด แต่ผมก็ขอร้องครูเป็นประจำว่า ทั้งๆที่สายของซีสูงกว่าของผมมาก ความชำนาญมันก็ต่างกัน จะซ้อมกันได้เหรอ ... ผมโดนเตะตายกันพอดี ครูก็มักจะพูดว่า “เอ็งสองตัวเห็นซ้อมกันบ่อย ไม่เป็นไรหรอก เอ็งสายน้อยกว่า ใช่ว่าจะเตะเบา .... เห็นเตะเป้า(ซ้อม)หนักเป็นบ้า”

เมื่อเวลาซ้อมอย่างจริงๆจังๆ ผมกะมันก็เตะกันจริงๆ มันแรงมา ผมก็หาทางเตะมันกลับ แต่เหมือนกับมันจะรู้แนวผม โธ่! มันได้ตั้งสายดำแล้วนิ ...  พอเตะมันได้ผมรู้สึกดีนะ แบบ... กรูสู้สายดำได้เว้ย ... เอ! ผมกะมันเป็นพวกซาดิสหรือเปล่าเนี่ย ชอบเล่นอะไรแรงๆเจ็บๆ

นอกจากเทควันโดแล้ว ซียังสอนผมเรื่องการป้องกันตัวอื่นๆ เป็นเรื่องที่ผมกะมันได้ใกล้ชิดกันมากๆ บางทีซีมันสู้แรงผมไม่ได้ มันจะจี้เอวบ้าง บางทีล็อคกันจนลงไปนอนฟัดบนพื้นถ้าซีสู้ไมได้มันจะชอบเล่นจุดยุทธศาสตร์ผม ... มันมาบีบน้องชายผมคับ ... ใครจะยอมล่ะ ถ้าผมสู้มันไม่ได้ผมก็ไปบีบน้องชายมันบ้าง (อย่าคิดมากน๊า ... ผู้ชายทะเล้นๆเล่นกันอย่างนี้แหล่ะ ... แต่ผมคิดนะ 555)

ผมก็สอบเลื่อนสายขึ้นมาเรื่อยๆ  …..จนมาถึง .... คราวที่มีเด็กใหม่เข้ามา อายุใกล้เคียงกับผม ช่วงนั้นเหมือนอารมณ์น้อยใจ เห็นซีไปใกล้ชิด แรกๆไม่เท่าไหร่หรอกคับ แต่นานๆไปทำไมซีไม่เป็นเหมือนก่อนฟะ ทำไมไปtake careเขาขนาดนั้น แล้วเราล่ะ? ไม่ค่อยซ่อมด้วยกันเหมือนเก่า ผมก็เกิดอาการ “งอน” ดิ แต่เหมือนซีจะรู้ว่าผมงอน และเหมือนผมไม่มีเหตุผล (ตอนนั้นมันหน้ามืดคับ มาคิดตอนนี้ก็ขำตัวเอง) ซีมักจะบอกว่า “เขามาใหม่ เขาไม่รู้เรื่อง รู้นะว่างอน”   .... ช่วงนั้นเหมือนไอ้หมอนั้นเป็นมารประจำตัวผมเลย เจอหน้ามันทีไรอารมณ์ไม่ดีอย่างบอกไม่ถูก แต่ช่วงวันหยุดเราก็ยังไปเที่ยวกันอยู่ .... แถมช่วงนั้นผมก็ว่างเยอะซะด้วย เพราะผมเรียนจบหมดแล้ว (ผมเรียนแค่3ปีครึ่ง อีกครึ่งทีเหลือก็ว่าง ... รอเวลา รอบริษัทเรียกไปสัมภาษณ์บ้าง) บางทีผมจะไปอยู่บ้านของซี ไปช่วยซีทำการบ้าน ทำรายงาน มันก็มีความสุขดีนะคับ แต่พอไปซ้อมที่ยิมพอเห็นหน้าไอ้หมอนั้น อารมณ์ก็จะไม่ดี

TKjunior

  • บุคคลทั่วไป
ช่วงต้นปี ...อยู่มาวันนึง(ก่อนวันรับปริญญาผม3วัน) เอ...! ทำไมซีไม่มายิม รอแล้วรออีก ไม่เห็นมา ... โทรหาก็ไม่ติด มันปิดเครื่องทำไมวะ จำได้ว่าวันนั้น ไม่มีอารมณ์ไปซ้อมเทควันโดเลย มัวแต่โทรหามัน กดโทรศัพท์ตลอด มันเป็นอะไร เกิดอะไรขึ้นกะมันหรือเปล่า ... ผมเลยตัดสินใจไปที่บ้านซี พอไปถึง ทำไมบ้านมันมืดจังวะ ไม่มีใครอยู่เหรอ ประตูรั่วใส่กุญแจอยู่ ยืนรออยู่นานเป็นชั่วโมงๆ ยังไม่มีวี่แววใครจะมา พยายามโทรหา แต่ก็ไม่ติด ส่งsmsไปเยอะมากๆ รอจนถึงเวลาเกือบเที่ยงคืน ยังไม่มีใครมา ... ในหัวคิดไปต่างๆนาๆ นอนไม่หลับเลยคืนนั้น ตอนเช้ากลับไปที่บ้านซีอีกครั้ง ยังคงเงียบ ประตูรั่วยังคงใส่กุญแจเหมือนเดิม บ่ายๆผมเลยตัดสินใจไปที่มหาลัย ไปเดินๆแถวคณะของซี มองหาเผื่อจะเห็นเพื่อน หรือคนคุ้นหน้าที่ซีเคยคุยด้วย ... แต่ก็ไม่มีคนไหนคุ้น ขณะเดียวกันก็พยายามโทรหา ... แต่เหมือนโทรศัพท์ของซีจะปิด ช่วง3วันนั้นผมพยายามหาซี โทรหาซี ส่งsmsหาซี ไปยืนรอหน้าบ้านซี แต่ยังไร้ซึ่งวี่แววของซี คิดไปต่างๆนาๆ คืนก่อนวันปริญญายิ่งนอนไม่หลับ น้ำตาซึมบ้างมันแต่คิดเรื่องของซี หายไปไหน ตื่นเช้ามาตาบวมคล้ำ ซึม... เพื่อนๆเห็นก็ตกใจกันหมด เล่าเรื่องซีหายไปให้เพื่อนๆฟัง ทุกคนเลยเข้าใจ จำได้ว่า ... เสียงรอบข้างเขาเฮฮา... แต่ผมเป็นคนเดียวที่เศร้า ขณะรอขึ้นไปรับประกาศฯพยายามแอบโทรหาซี แต่ก็ไม่ติด.... เดินขึ้นไปรับประกาศฯเหมือนไร้วิญญาณ พอออกมาจากห้องประชุม ... ทุกคนดูมีความสุข มีแต่ผมไปนั่งซึมๆแถวทะเลสาบ ถูกเพื่อนๆลากไปถ่ายรูปบ้างแต่ก็ไม่ค่อยจะสนุกหรือยิ้มด้วย ....กำลังคิดว่าออกจากงานไปรอหน้าบ้านซีดีกว่า เงยหน้าขึ้นมา ....(อยากจะบอกว่าsceneนี้เหมือนในหนังรักหรือmusic VDOรักเลย) ผมเห็นผู้ชายคนนึงหน้าตาคุ้นมากๆมากพร้อมกับช่อดอกไม้กับteddy bear ... ไอ้ซีนี้หว่า .... แต่ซีคงมองไม่เห็นผม ตอนนั้นวิ่งสุด รู้ตัวว่าน้ำตาไหลเข้าไปหาซี ซีหันมาหน้าตาตกใจ แต่ก็ยิ้มให้ ผมโดดเข้ากอดซี ตอนนั้นไม่สนใจใครแล้ว .... คำถามมากมายที่ผมถามซี

ผม “เมิงหายไปไหนวะ ทำไมโทรหาไม่ติด ไปไหนมา ทำไมไม่บอก รู้ว่าเป็นห่วงเมิงมากแค่ไหน สบายดีหรือเปล่า เป็นอะไรหรือเปล่า” (ซีคงงงและตกใจกับคำถามที่มาเป็นชุดๆ)
ซี “เอ้ย .... ช้าๆค่อยๆพูดค่อยๆถาม”
ผม ..... (นิ่งไป แต่ยังกอดซีอยู่)
ซี “ขอโทษนะเว้ยที่ไม่ได้โทรบอก ... พอดีพ่อกรูเข้าโรงพยาบาลที่ต่างจังหวัด กรูกับแม่ก็รีบไปหาพ่อ มือถือเอาไป แต่ตัวชาร์จไม่ได้เอาไปด้วย แบตหมด”
ผม ..... (ยิ้มพร้อมน้ำตา)
ซี ....“ปล่อยกรูหน่อยดี มันอึดอัด”
ผม “อืม .... โทษทีๆ ลืมตัว”
ซี “อะ .... (ยื่นดอกไม้กับteddy bearให้ผม) …surpriseปะ ยินดีด้วยนะ”
ผม “surpriseดิ มากๆด้วย ขอบใจนะ”


รู้ไหมซี เมิงทำกรูประทับใจอีกแล้ว surpriseมากๆด้วย

TKjunior

  • บุคคลทั่วไป
ในวันนั้น.... ความสดใสของการรับปริญญาก็กลับคืนมา ช่างภาพที่เตรียมไว้(เพื่อนผมเอง)ได้ทำงานซะที และทำงานรัวด้วย ผมและซีถ่ายรูปด้วยกันเยอะมาก มีท่าอะไรก็งัดกันขึ้นมาถ่ายหมด เฮฮากันน่าดู ผิดจากตอนเช้าที่ผมซึมเศร้าไปเลย ... ตอนนั่งรถกลับบ้าน(เพื่อนผมขับ เพื่อนอีกคนนั่งหน้า ผมกะซีนั่งหลัง)

ผม “เออ! แล้วพ่อของเมิงเป็นยังไงบ้าง”
ซี “เขาokขึ้นแล้ว ...ไม่น่าเป็นห่วงแล้ว ตอนนี้แม่กรูอยู่พยาบาลที่นั้น”
ผม “อืม ...” “กรูคิดไปต่างๆนานๆเลยเมิง เห็นเมิงไม่มาซ้อม กรูทั้งโทรตาม ไปรอที่หน้าบ้านเมิง ไปที่คณะเมิง …. ก็คนมันเป็นห่วงนิ(ทำหน้าแบบอายๆ)”
ซี (หัวเราะ) “กรูไม่เป็นอะไรง่ายๆหรอก”
ผม “เหนื่อยวะ ... เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับ คิดแต่ว่าเมิงหายไปไหน”
ซี “เป็นเอามากว่ะเมิง”
ผม “ก็มีคนเดียวให้ห่วงนิ ... จะไม่ห่วงได้ไงวะ”
เพื่อนของผม ... “ซี ..... รู้ปะ!? ไอ้ทีมันไม่เคยเป็นอย่างนี้เลย … เราคิดว่าจะซื้อฟิลม์มาเสียเปล่าซะแล้ว แต่ในที่สุดก็ใช้ถ่ายจนหมด”
ซี (หันมามองหน้า ยิ้มๆ)
ผม “เหนื่อยๆ ขอนอนแป๊ป” (แต่จริงๆเป็นอาการตอแหลของผม ...ทิ้งตัวลงนอน เอาหัวไปหนุนที่ตักซี ... มันก็ไม่ว่าอะไร ....มีความสุขจังวุ้ย!)

เพื่อนผมมาส่งถึงบ้าน .... แล้วซีก็ปลุกผมเมื่อถึงบ้านผม ...ผมเอาของไปเก็บและเปลี่ยนเสื้อผ้า หลังจากนั้น ผมจึงพาซีและเพื่อนอีก2คนไปเลี้ยง ... เพื่อนคนอื่นๆมันไปฉลองตามผับ แต่ผมไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ และไม่ชอบเสียงbaseดัง เลยไม่ไป หลังจากฉลองกันเสร็จ ผมและเพื่อนอีก2คนจึงแยกย้ายกันกลับบ้าน ผมไปส่งซีที่บ้าน

หลังจากวันรับปริญญา ความว่างก็มาเยือน ... ไม่มีบริษัทไหนเรียกไปสัมภาษณ์ ล่อนresumeไปตั้งหลายบริษัท วันๆก็รอแต่โทรศัพท์เรียกสัมภาษณ์ เย็นๆก็ไปเล่นเทควันโด ถึงไม่มีบริษัทไหนเรียก แต่ดีใจที่ได้เจอซีทุกครั้งที่ไปซ้อมเทควันโด

วันที่ซีเรียนจบก็มาถึง แต่ซีบอกว่า “กรูไม่ไปงานรับปริญญานะเว้ย มันไม่สำคัญอะไรหรอก”
ผม “ทำไมจะไม่สำคัญวะ ไปซิ กรูอยากทำsurpriseให้เมิงบ้าง”
ซี “แหม! จะsurpriseกรู ... ไม่มีทางซะหรอก”
ผม “ไปรับเถอะเมิง อย่างน้อยๆเมิงน่าจะภูมิใจที่เมิงได้รับปริญญาจากมือของพระบรมวงศานุวงศ์เลยนะเมิง … เป็นครั้งนึงในชีวิต ไปเถอะๆ กรูขอ”
ซี “อะๆ ไปรับก็ไปรับ”
ผม “ดีมากกกก.....ว่าง่ายๆโตไวๆ”
ซี “ถ้าเมิงไม่ขอ กรูไม่ไปนะเนี่ย”
ผม “อย่างนี้แถวบ้านกรูเรียกตอ-แหล 555”

ในวันงานรับปริญญาของซี ใม่มีอะไรมากคับ ผมเป็นตากล้องให้(เพราะซีขอ) เพื่อนๆของซีส่วนใหญ่เป็นครูที่ยิมเทควันโด และเพื่อนสมัยมัธยมบ้าง ผมไม่ได้surpriseอะไรมันหรอก ให้ดอกไม้หนึ่งช่อ (ดูๆไปแล้ว ผมไม่ค่อยจะทำอะไรให้ซีประทับใจเลย) หลังงานเลิกผมไปส่งซีที่บ้านพร้อมกับให้ของขวัญไป1กล่อง

ซี “อะไรวะ?”
ผม “ไปเปิดดูเอาเองดิ”
ซี (ทำท่าเขย่าๆ) “ขอบใจนะ”
ผม “อย่าลืมมาใช้ให้กรูดูด้วยนะเว้ย อยากเห็นๆ”
ซี (ทำท่าสงสัย) “ได้ๆ …. ไปล่ะ ขอบใจมากๆนะสำหรับวันนี้”
ผม “สำหรับเมิงได้เสมอ”

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
ปาดๆๆ แกล้งคน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






TKjunior

  • บุคคลทั่วไป
เรื่องบังเอิญอีกเรื่องก็เกิดขึ้น เมื่อผมและซีได้งานทำ ที่ทำงานของเราสองคนมีเพียงถนนอโศกกั้น ตึกทำงานอยู่ตรงข้ามกัน แต่ชั้นทำงานของผมอยู่สูงกว่าของซี มองออกไปเห็นแต่ตัวตึกครับ มองหน้ากันไม่เห็น (แต่ใจถึงกัน ... เขียนเองยังอยากจะอ้วกเองเลย ...555) ต่างคนก็มีสังคมที่ทำงาน แต่ผมและซีก็มีเวลามากินข้าวเที่ยงด้วยกันบ้าง งานของผมจะอิสระมากกว่า คือ ไม่จำเป็นต้องนั่งประจำofficeเหมือนของซี บางทีผมเลิกงานก่อน ก็ไปรอซีที่ใต้ตึกและไปเล่นเทควันโดด้วยกัน ... อยู่มาวันนึง ... ซีมาบอกว่า จะไปเที่ยวผับกับเพื่อนๆที่ทำงาน ซีให้ผมไปเป็นเพื่อน แต่ผมบอกซีว่า ไม่ขอเข้าไป ขอรออยู่ข้างนอกแล้วกัน เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นซีไปเที่ยวกลางคืน

พอไปถึงที่ผับ ผมรออยู่ข้างนอก ซีกับเพื่อนๆที่ทำงานเขาเข้าไปข้างใน ตอนนั้นคิดว่า ... เอ! ซีไม่เคยเห็นซีมันกินเหล้า มันจะเป็นยังไงบ้างหว่า ผมก็รอ และรอมันต่อไป ไม่เบื่อนะคับ ... ไม่รู้ว่ามันเข้าไปนานแค่ไหน มารู้อีกทีตอนที่มันถูกหิ้วออกมาจากผับ หน้าแดงไปหมด ... ไอ้นี้ท่าทางคอจะอ่อนว่ะ .... ผมเข้าไปรับตัว เพื่อนๆมันบอกว่า ... มันกินไปไม่กี่แก้วก็เมาซะแล้ว ผมเลยบอกเพื่อนๆมันว่า ผมจะไปส่งบ้านมันเอง ตอนนั้นมันเมาไม่รู้เรื่องเลย พูดอะไรของมันก็ไม่รู้ ไม่เป็นภาษาเลย ได้กลิ่นเหล้าคลุ้งไปหมด ...

ในที่สุดก็มาถึงบ้านมัน ... อ้าว! แม่มันไม่อยู่เหรอวะ ... จะเข้าบ้านซียังไงวะ ก็คลำๆหากุญแจบ้านมันในกระเป๋ากางเกง (อย่าคิดมาก .. หากุญแจจริงๆ) ไขเข้าบ้าน เข้าห้องมันได้แล้ว ... โยนตัวมันนอนลงบนเตียง ตัวไม่ใช่เบาๆเลยเนี่ย ... กำลังคิดว่าจะทำยังไงต่อดี  เห็นซีมันลุกจากเตียง... และแล้วเสียงที่ไม่คาดคิดก็ดังขึ้น ....

“...อ้วกกกก...กกก...ก.!!” 

“อ้ายเชี้..ย...! กรูจะทำยังงัยดีวะเนี่ย เกิดมาไม่เคยเช็ดอ้วกเลย” ….

ยังดีที่มันอ้วกลงพื่น ไม่ได้อ้วกใส่เตียงและตัวมัน แต่ปากมันก็เลอะไปด้วยอ้วก ...คงต้องเป็นกรูแล้วซินะที่ต้องทำความสะอาด …. บอกได้เลยว่าเป็นครั้งแรกในชีวิตที่เช็ดอ้วก เหม็นเข้าจมูกเลย .... พอจัดการกับอ้วกบนพื้นเสร็จ ผมก็มาคิดว่า กรูต้องทำความสะอาดไอ้ซีด้วยหรือเปล่า ... นั่งคิดอยู่นาน ... เอาก็เอาวะ ไม่คิดอะไรนี่หว่า และแล้วปฏิบัติการปลดอาพรก็มาถึง .... ไอ้ถอดเสื้อไม่เท่าไหร่คับ มามือสั่นก็ไอ้ตอนถอดกางเกงเนี่ยแหล่ะ

มือไม้มันสั่นยังไงไม่รู้ ... ไม่ได้คิดอะไรเลยนะคับ เริ่มปลดกางเกงมาได้ ผมถึงกับอึ้ง (อย่าคิดมากดิ) ก็ไอ้ที่อยู่ตรงหน้าผม คือ boxerที่ผมให้มันเป็นของขวัญวันรับปริญญา คิดในใจ ... “มันใส่ด้วยเว้ย คิดว่า…คงไม่กล้าใส่” ตอนนั้นรู้สึกดีใจที่มันใช้ของที่ผมซื้อให้ ... ผมเหลือboxerเป็นชิ้นเดียวที่ติดตัวซี ...(นั้นแน่!! ลุ้นกันอยู่อะดิ) จัดการเช็ดตัวให้ซีจนสะอาด จับใส่ชุดนอน ... เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น ผมจึงไปอาบน้ำ เอาเสื้อของซีมาเปลี่ยน (ถือวิสาสะเอาเสื้อซีมาใช้) … ผมจัดการเอาผ้าหม่ในตู้เสื้อผ้ามาปูนอนบนพื้น ปล่อยให้ซีนอนบนเตียงของมัน

TKjunior

  • บุคคลทั่วไป
มารู้สึกตัวอีกที่ตอนเหมือนมีอะไรมาว่างพาดอยู่บนตัว อ้าว!! ขาไอ้ซีนี้หว่า … อะไรกันฟะ กรูจับมันนอนบนเตียงนี้หว่า อยู่ๆมันมานอนที่พื้นข้างล่างได้งัย … มันคิดอะไรกะกรูหรือเปล่าวะ แอบอมยิ้ม … แล้วแอบขอหอมหัวมันหน่อยนึงนะ … และพูดในใจว่า กรูรักเมิงนะไอ้ซี หัวมันเหม็นกลินบุหรี่อย่างแรง ซีมันไม่สูบบุหรี่ แต่มันคงโดนรมควันตอนที่อยู่ในผับ … แล้วผมก็หลับไป

หลับไปนานแค่ไหนไม่รู้ แต่รู้สึกว่าแสงมันแยงตา พร้อมกับเสียงผู้หญิงเรียกซี …. ผมสะดุ้งจากพื้นมานั่ง นั่งคิดอยู่นาน กรูอยู่ที่ไหนวะเนี่ย …. “อ่อ ..บ้านซีนี้หว่า แล้วซีมันหายไปไหนวะ” เสียงซีตะโกนขานตอบ “อาบน้ำอยู่…” ผมลุกขึ้นมานั่งบนเตียงรอมันออกมาจากห้องน้ำ

ซีออกมาโดยมีผ้าเช็ดตัวพันท่อนล่างอยู่ …โอ๊ย! sexyว่ะ
ซี “อ้าว ตื่นแล้วเหรอวะ”
ผม “ถ้ากรูนอนอยู่ เมิงจะเห็นกรูนั่งอยู่ตรงนี้เหรอ” (เรื่องกวนทีน ผมถนัดนัก555)
ซี “เออ!! กวนทีนทันทีที่ตื่นเลยนะเมิง”
ผม (ยิ้ม)
ซี “กรูมีอะไรจะให้ดู…” (พูดยังไม่ทันจะหมดประโยค มันก็ดึงผ้าเช็ดตัวออก)
ผม (ปิดตาดิคับ)
ซี “ปิดตาทำซากอะไร เมื่อคืนเมิงก็คงเห็นหมดแล้ว กลัวอะไรผู้ชายด้วยกัน เปิดๆ”
ผม “จะดีเหรอวะ … เมื่อคืนกรูเช็ดตัวให้เมิง เหลือแค่boxerอย่างเดียวนะเว้ย”
ซี “ช่ายดิ กรูจะให้เมิงดูboxerที่เมิงซื้อให้ ดูๆ …”
ผม (รอดไป นึกว่าจะได้เห็นไอ้ซีน้อยซะแล้ว) “okกรูเห็นเมิงใส่ของที่กรูให้แล้ว” (ผมซื้อboxerให้มัน3ตัว)
ซีตะโกน “แป๊ปนึงนะแม่ ขอแต่ตัวก่อน และจะลงไปกิน”
ซี “ถ้าไม่รังเกียจ เมิงใช้แปรงสีฟันของกรูก็ได้นะเว้ย ไม่ถือ”
ผม “แต่กรูถือวะ” (จริงๆแล้ว ผมไม่ถือหรอก แต่เกรงใจปากตัวเอง)
ซี ….ยื่นแปรงอันใหม่ให้ “ก่อนเข้าไปแปรงฟัน ดมหัวให้หน่อยดิวะ กลิ่นเหม็นหายหรือยัง”
ผม “ไม่เอา… ”
ซี “แค่นี้ทำให้กรูไม่ได้เหรอวะ เออ… จำไว้นะเมิง”
ผม “อะๆ ก็ได้ๆ” (ยื่นจมูกไปดม… จริงๆก็ตอ-แหลไปอย่างนั้น จริงๆอะ ทำได้สบายอยู่แล้ว)
ผม “ไม่มีกลินแล้ว หอมแล้ว แต่อ้วกเมิงเมื่อคืนโคตรเหม็นเลย”
ซี “อ้วกบ้านใครไม่เหม็นบ้าง บอกมาดิ!! แต่ขอบใจนะที่มาส่งกรู ไม่ได้เมิงกรูคงมาไม่ถึงบ้าน … แปรงฟันได้แล้ว จะได้ลงไปกินข้าวกัน ไม่รู้ว่าแม่ทำอะไรให้กิน”

ครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นแม่ของซีแบบเต็มๆ แม่ของซีออกจะท้วมๆ ผิดกับซีที่ดูตัวผอม
ผม “สวัสดีคับ คุณป้า”
แม่ซี “ว๊าย… (จำได้ว่าแม่ของซีร้องเสียหลงเลย) เรียกแม่ดีกว่าไหม”
ผม “คับ แม่… ผม..ที..คับ”
แม่ซี “แม่รู้จักแล้ว ซีเล่าให้แม่ฟัง … รู้จักซีที่ยิมซินะ”
ผม “คับ.. ที่ยิม”
ซี “เริ่มกินกันดีไหม … หิวแล้ว”
โดนตัดบทเลย แต่ก็ดีเหมือนกัน เพราะผมเข้ากับผู้ใหญ่ไม่เก่งซะด้วย ข้าวมือนั้นก็พื้นๆคับไม่มีอะไรมาก จะอร่อยที่สุดก็แกงจืดตำลึงหมูสับ ผมกะซีแย่งกันตัก …. อิ่มไปอีกมื้อ สบายใจไม่ต้องจ่ายตัง 555 หลังจากกินเสร็จ ผมกะซีไปช่วยกันล้างจาน แม่ของซีไปนั่งดูtv … แล้วอยู่ซีก็พูดขึ้นมาว่า “กินข้าวบ้านกรูแล้ว ช่วยกรูซักผ้าด้วย”
ผม  “ได้งัยวะ”
ซี “เถอะน่า แต่ช่วยยัดๆลงเครื่องซักผ้า”
ผม (รอดไป นึกว่าซักมือ)

ถ้าแม่ผมรู้คงจะโกรธน่าดู เพราะเรื่องงานบ้านที่บ้านผมๆไม่เคยแตะเลย หลังจากนั้นซีชวนผมไปเดินเจเจ
ผม “กรูไม่มีเสื้อใส่ไปข้างนอกนะเว้ย”
ซี “ก็เสื้อกรูงัย .. คิดมากไปได้”

ผมจัดแจงอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า สังเกตว่าในตู้เสื้อผ้ามันมีแต่เสื้อเก่าๆ ไม่เท่ห์เท่าไหร่ เกิดideaว่าถ้าไปเจเจแล้วเจอเสื้อเท่ห์ๆจะซื้อให้ซีตัวนึง ตอนเดินที่เจเจก็ไดผมก็ซื้อเสื้อยืดให้ซีๅ
1ตัว และให้ผมตัวนึง ลายเหมือนกัน แต่คนละสี ของผมสีเหลือง ของซีสีฟ้า มันคงชอบเหมือนกัน (ไม่ได้มัดมือชกให้มันชอบนะคับ) แล้วเราก็เดินๆกินๆจนเย็น และแยกย้ายกันกลับบ้าน คืนนั้นได้smsจากซีมา good night (ครั้งแรก)และขอบใจเรื่องเสื้อ

TKjunior

  • บุคคลทั่วไป
เดี๋ยวผมไปหาหมอก่อนนะคับ ไม่มีไรมาก แค่ตรวจร่างกายประจำปี  แล้วเย็นๆจะมาpostเรื่องต่อ bye bye

meemewkewkaw

  • บุคคลทั่วไป
มาทีเยอะเลยนะครับ อ่านจนตาลาย
ที่จริงไม่ต้องรีบกระหน่ำลงก็ได้นะครับ
ลงวันละ 2-3ตอนก็ได้ เดี๋ยวเพื่อนๆอ่านกันไม่ทัน
ว่าแต่อ่านๆมาเนี่ย ยังไม่เห็นมันเกี่ยวกับหนังเหมือนชื่อเรื่องเลยนะครับ เอ๊ะ รึว่าเกี่ยวแล้ว เอ๊ะ งง :really2:
อย่าลืมมาลงต่อนะครับ น้องหมีเป็นกำลังใจให้ :yeb:

dokebi

  • บุคคลทั่วไป
 :impress2: มาต่อไวไวนะครับผม อิอิคุณทีเค  มาถึงได้ไปเที่ยวไหนยังครับเนีย

Tantalum

  • บุคคลทั่วไป
 :confuse:ว่าแต่เหมือนหนังเรื่องไรนะ อิอิ ขอเดาว่าเพื่อนสนิทแหละกัน หุหุ ใช่หรือป่าวก็ไม่รู้ 555+

TKjunior

  • บุคคลทั่วไป
ชีวิตช่วงนั้นก็เป็นเหมือนที่ผ่านๆมาคับ ไปทำงาน ไปเล่นเทควันโด ไปเที่ยวไหนๆกับซี จะเปลี่ยนไปที่ผมและซีสนิทกันมากๆๆ และสายที่เปลี่ยนไปจนตอนนี้เป็นสสายแดงอย่างที่ผมใฝ่ฝันมานานแสนนาน ใช้เวลาประมาณปีครึ้งคับ แต่มันยังคงเป็นสายแดงดั้งหนึ่ง ไม่ใช่สายแดงดั้งสอง ….ในการเลื่อนขั้นของแต่ละสาย ไม่ใช่ว่าจะแค่จากเหลืองเป็นเขียว แต่มันคือ เหลืองดั้งหนึ่ง เหลืองดั้งสอง แล้วค่อยเป็นเขียวดั้งหนึ่ง หมายความว่า ในแต่ละสายสีจะมีสองดั้ง ผมบอกกับตัวเองว่า แค่สายแดงดั้งสองก็พอแล้ว ไม่เอาให้ถึงสายดำหรอก ไม่ชอบสีดำ

วันนั้นในยิมมีclassเดียวที่เรียนอยู่ ผมกะซีเล่นกันอีกซีกนึงของยิม เล่นและซ้อมกันซีเป็นปกติ จะไม่ปกติตรงที่ว่า เราเล่นกัน เตะ ต่อย ปล้ำกันมันส์ และแรงจริงๆ(แรงแต่ทนได้ เพราะเราใส่เกราะหมด ถึงใส่เกราะแต่เจอเตะเข้าท้องจริงๆก็อาจจะจุกได้) และแล้วภาพล่าสุดที่ผมเห็นคือ เท้าของซีที่เตะตวัดเข้าที่สีข้างผม รู้สึกตัวเส ชา และได้ยินเสียงดัง “ตุ๊บ” ….

….ผมก็ไม่รู้เรื่องอะไรแล้ว………

มารู้สึกตัวอีกทีว่า นอนอยู่ที่ไหนสักแห่ง บรรยากาศรอบข้างเย็นๆ พอขยับตัวได้ ผมรอ้ง “โอ๊ย” ด้วยความปวดทันที แล้วผมก็เห็นหน้าซีที่เต็มไปด้วยน้ำตา ….
“อย่าขยับตัว อยู่เฉยๆไว้นะ”
ผม “ซี๊ .. ตอนนี้กรูอยู่ที่โรงพยาบาลใช่ไหม ทำไมกรูถึงมาอยู่ที่นี้”
ซี ร้องไห้ “กรูขอโทษ กรูผิดเอง กรูทำให้เมิงเจ็บ”
ผม “อะไรนะ!? มันเกิดอะไรขึ้น อย่าร้องไห้ดิ ใจกูไม่ดีนะเว้ย”
ซี “กรูเตะพาดเข้าข้างหลังเมิง แล้วเมิงก็สลปไป”
ผม “กรูว่ากรูหลบทันแล้วนะเว้ย”
ซี “ไม่ทัน … กรูขอโทษๆๆ”
ผม “หยุดขอโทษกรูเลย และหยุดร้องไห้ด้วย”
ซี สะอื้น … “กรูไม่่รู้จะโทรบอกที่บ้านเมิงยังไงดี ตอนนี้มี่บ้านเมิงคงยังไม่รู้”
ผม “กดโทรศัพท์ไปที่เบอร์นี้ แล้วบอกแม่กรูแล้วกัน”

ซีหยิบโทรศัพท์มากดหาแม่ของผม บอกว่าผมอยู่ที่ไหน และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งเสียงสะอื้น น้ำตา และคำขอโทษกับแม้ผม โทรศัพท์ถูกโอนมาให้ผมคุย …ผมเจอคำถามที่ถูกยิ่งมาเป็นชุดจากแม่ แต่ก็บอกกับแม่อย่างเดียวว่าไม่ต้องเป็นห่วง หลังจากนั้นประมาณ30นาที แม่ผมก็มาที่ห้องพร้อมกับหมอ ซีวิ่งเข้าไปหาแม่ผมพร้อมกับแนะนำตัว และมันยังพูดขอโทษไม่หยุด จนผมต้องบอกมันอีกรอบว่า ให้หยุดได้แล้ว พอได้แล้ว …. แม่ ซี มายืนข้างผม จำได้ว่าแม่กำมือผมไว้แน่นมากๆ พวกเราฟังหมออธิบาย ซึ่งหมอบอกตอนนั้น ยังบอกอาการได้ไม่มากจนกว่าจะได้x-ray และแล้วผมก็ถูกพาตัวเขาห้องx-ray ตอนนั้นที่ต้องย้ายเตียง ผมต้องกัดฟันตัวเอง เพราะว่ามันปวดอย่างบอกไม่ถูก ระหว่างทางที่นอนไปห้องx-rayมีแม่เดินขนาบข้าง แม่มากำมือผมตลอดทาง ส่วนอีกข้างเป็นซี มือซีจับของเตียง ผมเอามือไปจับและเปลี่ยนเป็นกุมมือกัน มันหันมามองหน้า ตามันยังมีน้ำตาเอ่อๆ …. ผมบอกมันว่า “ไม่ต้องเป็นห่วง กรูจะกลับไปเหมือนเดิม” 
กุมมือทั้งสองคนไปได้สักระยะ ก็ถึงเวลาที่ต้องปล่อย เมื่อผมมาอยู่ตรงห้องx-ray ก่อนเข้าห้อง ผมหันไปยิ้มให้แม่และซี อาการปวดแปป..ป..ป.. ยังคงมีอยู่

.... พร้อมพูดว่า ไม่ต้องเป็นห่วง แล้วเจอกัน .....

TKjunior

  • บุคคลทั่วไป
ระหว่างที่อยู่ในห้องx-ray ผมได้คุยกับหมอเรื่องที่ผมปวดหลัง .... หมอยังสรุปไม่ได้ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไปจนกว่าผมx-rayจะออก แต่ผมก็ยังย้ำหมอว่า “หมอต้องทำให้ผมหายให้ได้ ผมจะยอมทำทุกอย่างให้หายเป็นปกติ ผมยังมีความหวังและความฝันตั้งหลายอย่างที่ผมจะต้องทำ” คืนนั้นผลx-rayยังไม่ออก จะต้องฟังผลตอนเช้า

ซีขอผมนอนเฝ้าผมคืนนั้น แต่ผมต้องไล่มันไปเอาเสื้อมาเปลี่ยน เพราะมันยังคงใส่ชุดเทควันโดอยู่ ส่วนผมบอกให้แม่กลับไปนอนที่บ้านและกลับไปบอกพ่อผม ... ระหว่างที่ซีกลับไปเอาเสื้อที่บ้าน ...
อยู่ๆแม่ก็ถามผมว่า “ใครเหรอ”
ผม “เพื่อนสนิทที่เล่นเทควันโดด้วยกัน”
แม่ “จริงเหรอ!? ทำไมทีต้องกุมมือเขาด้วย แม่เห็นนะ”
ผม (จะพูดยังไงดีวะ เลยตัดสินใจพูด) “สนิทแค่ไหนทีไม่รู้ รู้แต่ว่าเขาทำให้ทีประทับใจ อยู่กับเขาแล้วทีสบายใจ บางครั้งอบอุ่นด้วยซ้ำ” แม่คงอึ้งไปช่วงขณะ คงไม่คิดว่าลูกชายตัวเองจะเป็นขนาดนี้ ... ผมก็เข้าใจหัวอก คนเป็นพ่อเป็นแม่นะคับ เรื่องอย่างนี้ใช่ว่าจะรับกันได้ง่ายๆทุกคน
ผม “เอาเป็นว่าทีรู้สึกดีๆกับเขา ... และทีคิดว่าเขาก็รู้สึกดีๆกับทีเช่นกัน… ทีเข้าใจความรู้สึกแม่ตอนนี้ อย่าคิดมากเลย”
แม่ “แล้วแต่ลูกแหล่ะกัน ... อย่างไหนที่ลูกสบายใจ แม่ก็สบายใจด้วย แต่ตอนนี้เอาตรงนี้ให้หายก่อนนะ”
ผม (ยกมือขอบคุณแม่ผม) “ขอบคุณคับที่เข้าใจที (เป็นครั้งแรกที่พูดคับกับแม่)”  .... “ตอนนี้ทีหิวแล้ว ผมกินอะไรได้บ้าง”

มื้อนั้นผมกินได้แต่ของที่เป็นน้ำๆ กับขนมปัง ลุกขึ้นมานั่งกินไม่ได้ เพราะขยับตัวไม่ได้เลยปวดแปปมากๆ  ....  ระหว่างที่แม่ป้อนผมอยู่ อยู่ๆแม่พูดขึ้นมาว่า “ทีจะเป็นอะไรก็ช่าง ขอให้ทีเป็นคนดี แค่นี้แม่ก็พอใจในตัวทีแล้ว” ….. โอ๊ย! มันกินใจผมเหลือเกิน และแล้วซีกลับมาที่ห้องกับเสื้อที่ผมซื้อให้มันใส่ ... เห็นมันใส่เสื้อตัวนั้นแล้วมีกำลังใจขึ้นมาเป็นกองเลย ...

แม่ “ไปล่ะนะ แม่ฝากดูทีด้วยนะ”
ซี “คับ”
ผม “มึงกินข้าวหรือยัง หิวปะ”
ซี “ไม่หิววะ ....”
ผม “กรูไม่เชื่อมึง กรูรู้มึงหิว... หยิบโทรศัพท์สั่งข้าวมากินเดี๋ยวนี้”

แล้วคืนนั้นซีก็นอนเฝ้าผม ดูมันไม่ค่อยจะพูดเล่น นั่งนิ่งๆอยู่ข้างๆบ้าง ลงไปนอนบนโซฟาบ้าง
 
ตื่นอีกทีก็ตอนสายๆแล้ว ... ยังคงนอนท่าเดิม แต่หลับสบายโคตะระๆ (สงสัยเพราะยาที่กินไปก่อนนอน) ซีนั่งดูtvอยู่

ผม “เปิดเสียงก็ได้ ไม่ต้องเกรงใจกรูหรอก”
ซี “เมิงนอนอยู่อย่างนั้น จะให้กวนได้ไง”
ผม .... “ตอนนี้กรูตื่นแล้ว เปิดเสียงได้แล้ว”
ซี “อืม… ได้ๆ ... เออ ... หมอนัดฟังผลตอนเที่ยง เมื่อเช้าแม่มึงโทรมาถามอาการมึง แม่กะพ่อเมิงจะมาฟังผลเมิงด้วย”
ผม “ขอบใจ ... แต่ทำไมเมิงไม่ไปทำงานวะ สายแล้ว”
ซี “จะให้กรูไปไหนไกลๆจากมึงได้ง่าย ... เมิงยังเป็นอยู่อย่างนี้ กรูโทรไปลาแล้วด้วย แต่ยังไม่ได้ลาของเมิง เพราะกรูไม่รู้เบอร์”
ผม “ตามใจเมิงแล้วกัน ... (แอบดีใจข้างใจ)”

TKjunior

  • บุคคลทั่วไป
จำได้แม่นมากๆว่า เวลาฟังผลจากหมอเป็นเวลาที่ผมแพลงฤทธิ์ .... เพราะผลที่หมอมาบอก คือ “ตอนนี้กระดูกหลังคุณเคลื่อนไปมาก แต่ยังโชคดีที่ไม่โดนจุดสำคัญ คุณจะหายเป็นปกติ แต่จะไม่สามารถเล่นเทควันโดได้อีกแล้ว” เป็นประโยคที่บาดใจผมตอนนั้นอย่างแรง เหมือนโดนสั่งห้ามทำในสิ่งที่ผมรัก ในสิ่งที่ผมฝัน ผมอึ้งไปนาน ก่อนที่ผมจะตะโกนใส่หน้าหมอว่า “ไม่มีทาง ผมจะต้องหาย ผมต้องกลับไปเล่นเทควันโดให้ได้ หมอไม่มีสิทธ์มาสั่งให้ผมหยุดเล่น” …. จนพ่อผมต้องเอามือเข้ามาปิดปากผม สั่งให้ผมหยุด .... หมอคงอึ้งไปเหมือนกันที่เจอผมตะโกนใส่หน้าอย่างนั้น แล้วหมอขอให้พ่อกะแม่ผมออกไปคุยข้างนอก ... ผมนอนร้องไห้และพูดกับซีว่า “กรูไม่ยอม กรูจะหาย กรูจะไปเล่นเทควันโด ... มึงต้องสอนกรูนะ กรูจะเอาสายแดง กรูจะซ้อมกับเมิง” ซีได้แต่พยักหน้าและร้องไห้ตาม .... และผมก็ยังคงย้ำคำพูดนั้นกับซีและกับพ่อแม่

อยากจะบอกว่า พิมพ์ถึงตอนนี้ผมร้องไห้ไปพิมพ์ไป คำพูดที่พูดกับซี กับพ่อแม่ ยังคงดังอยู่ในหัว

หลังจากวันนั้นผมก็อยู่ที่โรงพยาบาลอีก4วัน หมอโหมให้กินยาอย่างหนัก หมอบอกให้ทำอะไรผมทำตาม โดยที่นึกไว้อย่างเดียวว่าต้องหายให้ได้ ทุกๆเย็นจะมีกำลังใจของผมมานั่งพูดคุยข้างๆ ค่อยเล่าเรื่องงาน เรื่องนั้นเรื่องนี้ให้ผมฟัง เพลินดีคับ จริงๆแค่เห็นหน้าซีผมก็สบายใจแล้ว
ผม “ไม่ไปเล่นเทควันโดเหรอวันนี้”
ซี “จะไปเล่นได้งายยย ... คู่ซ่อมกรูยังไม่หายเลย จะให้กรูไปเล่นคนเดียวได้ยังไง … หายไวๆ แล้วไปเล่นด้วยกันอีก”
ได้ฟังแค่นี้กำลังใจมีขึ้นมาเป็นกอง ประมาณวันสุดท้ายก่อนออกจากโรงพยาบาล อาการปวดของผมก็ดีขึ้น แต่ยังรู้สึกเสียวที่สันหลัง เมื่อจะก้มหรือเอื้อมไปยินของ ... ผมกลายเป็นวิตกไปเลย เพราะกลัวที่จะเสียวสันหลัง

และแล้ววันที่ออกจากโรงพยาบาลก็มาถึง ... ซีขออนุญาตแม่ผมพาผมไปยิมเทควันโด และจะพาผมกลับบ้านเอง (มันไม่กล้าขอพ่อหรือคุยกะพ่อผมหรอก มันบอกว่าพ่อผมหน้าดุ ...555) ไปถึงที่ยิมฯ ความรู้สึกผมเหมือนได้กลับไปที่ๆผมชอบ ที่ๆผมรอจะไปมานาน ... พี่ๆน้องๆในยิมฯเข้ามาทัก ถามเรื่องอาการกันเยอะ แม้แต่ผู้ปกครองที่มีเฝ้าลูกๆก็เข้ามาถามผม ... มีผู้ปกครองคนนึงถามผมว่า “โทษนะค่ะ ... คุณสองคนเป็นอะไรกันเหรอค่ะ เห็นเล่นด้วยกันบ่อยๆ หน้าตาก็คล้ายกัน” …ผมยังงงว่า ...คล้ายกันตรงไหนฟะ ... พอโดนถามอย่างนี้ผมกะซีหันมามองหน้ากันและยิ้ม ... ซีหันไปตอบว่า ทีเป็นคู่ซ้อมกับผมคับ ... ลุ้นตั้งนานกว่ามันจะตอบอะไร

ซีปล่อยให้ผมเดินเล่นในยิมสักพัก ... อยู่ๆซีเรียกผมไปหาผู้ชายคนนึงซึ่งเป็นผู้ปกครองคนนึง ... ซีแนะนำให้รู้จัก
ซี “พี่เขาเป็นครูสอนโยคะ ... พี่เค้าแนะนำให้ทีไปลองเล่นดู”
ผุ้ปกครอง “ลองไปดูซิคับ ผมว่าโยคะน่าจะทำให้คุณหายได้ แต่คุณต้องไปเป็นประจำ”
ผม “ได้คับ ผมจะลองไป ผมอยากกลับมาเล่นเทควันโดอีก”
ผู้ปกครอง “ไม่ต้องรีบร้อนหรอก เดี๋ยวก็กลับมาเล่นได้”

หลังจากวันนั้นผมต้องไปทำกายภาพบำบัดที่โรงพยาบาล กินยา และไปทำโยคะ ซีจะตามผมไปให้ได้ แต่ผมบอกมันว่า “เรื่องงานของเมิงก็มี ให้เวลางานกับงานบ้างเถอะนะ ... กรูเข้าใจว่าเมิงห่วงกรู และเมิงเลิกคิดมากได้แล้ว...ที่ว่าเมิงทำให้กรูเป็นอย่างนี้”

จากวันนั้นเป็นเวลาเกือบ3อาทิตย์อาการปวดหรือเสียวสันหลังก็ไม่มีอีก ไปถ่ายx-ray หมอบอกว่า ... ผลออกมาดีเกินคาด แต่ก็ยังคงต้องระมัดระวังเรื่องหลัง

จนมาถึงวันนี้ผมหายสนิทแล้ว เล่นเทควันโดแบบบ้าพลังได้ ... อยากขอบคุณกำลังใจจากแม่กะพ่อ เมิงด้วยไอ้ซี ครูสอนโยคะ และอีกหลายๆกำลังใจ ... และต้องขอโทษคุณหมอท่านนั้นด้วย ที่ผมตะโกนขี้หน้าแพลงฤทธิ์เป็นชุด

เป็นเวลาเกือบเดือนหลังจากหายสนิท ผมถึงกลับมาเล่นเทควันโด ถึงตอนนี้เวลาใน1สัปดาห์ผมต้องแบ่งให้กับโยคะ2วัน 3-4วันเล่นเทควันโด (ผมมันบ้าพลังคับช่วงนั้น) ... ตอนนั้นรู้สึกว่า ... วิชาผมหายไปเยอะ ความคล่องตัวลดลง เหมือนมันลดลงไปครึ่งนึงจากที่เล่นๆมา ความยืดหยุ่นก็น้อยลงเช่นกัน ... ซียังคงช่วยซ้อม เล่นเป็นเพื่อนอยู่เหมือนเดิม ... แต่ผมซิคับ ต้องระวังตัวมากขึ้น บางครั้งจะโดนเตะเข้ามาที มันยังคงคิดถึงภาพเก่าที่โดนเตะแล้วสลบไป 

TKjunior

  • บุคคลทั่วไป
อีกประมาณ2เดือนกว่าหลังจากนั้นก็ถึงเวลาสอบเลื่อนเป็นสายแดงดั้งสอง ... ตื่นเต้าเป็นที่สุด คนมาสอบแค่7คน ทำไมมันมากันน้อยนักฟะ ... ไม่ครบคู่ด้วย แล้วเวลาจับคู่สู้กันจะทำยังไงดี และดูเหมือนคนอื่นๆเขาจะนัดแนะจับคู่กันแล้ว จะไปจับคู่กับครู ...ไม่เอานะเว้ย ผมโดนเป็นคนสุดท้าย ไม่มีคู่จริงๆด้วย ความหวังสุดท้ายอยู่ที่หลังห้อง ... หันไปส่งสายตากับซี พร้อมกับวิ่งเข้าไปหา ...
“เมิง .... กรูไม่มีคู่ว่ะ ทำไงดี!?”
ซี (มันชี้ไปที่ตัวมัน) ... “นี้ไง ...กรูเนี่ยไงคู่มึง”
ตอนนั้นอยากจะหอมแก้มมันสักฟอด ... แต่ไม่กล้า (ผมมันเก่งแต่ปาก555) การสอบเป็นไปตามปกติ พอจับคู่สอบกับซียิ่งสบายใหญ่ มันเหมือนรู้ทางกันแล้ว แต่ตอนสอบต่อสู้ ... แม้ง...ซี! ทีนหนักขึ้น ไม่ยอมเบาๆทีนเล๊ย

ในที่สุดผมก็ผ่านการสอบ .... สายแดง ดั้งสอง... ผมได้ความฝันของผมมาแล้ว ใช้เวลาเกือบ2ปี ตั้งแต่สายขาว เข้าโรงพยาบาลมาหนึ่งครั้ง มองย้อนกลับไปและคิดกับตัวเองว่า ... “กรูผ่านมาได้ไง … วันนี้กรูทำได้แล้ว”
หันไปบอกซี “กรูผ่านแล้วเว้ย ได้แดงดั้งสองแล้ว”
ซียิ้มตอบ (ตอนนี้มันน่ารักมากๆ) “กรูยินดีด้วย”

คนอื่นๆเริ่มทยอยไปเปลี่ยนชุด ผมเดินรั้งท้าย แต่ซีไม่ยักกะเดินตามไปเปลี่ยนชุด ... สักพักได้ยินเสียงซีจากข้างหลัง “จะรีบไปไหนวะ ... หยุดอยู่ตรงนั้นก่อน” แล้วซีก็เดินเข้ามาหาผม เหมือนมีอะไรซ้อนอยู่ข้างหลัง
ผม “จะทำอะไรกรู” (พร้อมทำท่าป้องกัน ... แบบขำๆ)
ซีหัวเราะ “กรูไม่ทำอะไรเมิงหรอก สายแดงดั้งสองแล้วนิ ใครจะกล้าทำ”
มันเดินมาประชดตัวผม “ปลดสายแดงที่เมิงคาดได้แล้ว” พร้อมกับชูสายแดง (แดงโส๊ดสด ไม่ใช่แดงเข้มๆ) เส้นใหม่ ใหญ่กว่าของเก่าให้ผมดู .... ขนลุก เย็นวาบเลยคับตอนนั้น พูดอะไรไม่ออก “กรูจะคาดเส้นใหม่ให้” .... ผมยังคงนิ่ง มันเลยแกะเส้นเก่าให้ .... ดูมันกล้าดีเนอะ ผมได้แต่ยืนนิ่งดูมันแกะและคาดเส้นใหม่ให้ผม คาดไปมันก็พูดไป
“กรูให้มึงเพราะมึงสอบผ่าน เส้นนี้กรูให้พี่ที่รู้จักเอามาจากเกาหลี ... ที่นี้คงไม่ค่อยมีคนใช้หรอก สีจะสดกว่า เส้นมันจะหนาและใหญ่กว่าปกติ” พอมัดปมเสร็จ ซียกปลายสายทั้งสองที่เหลือให้ดู .. มันถูกปักเป็นภาษาเกาหลีสีดำทั้งสองข้าง 
ผมถาม “เขียนว่าอะไรวะทั้งสองข้าง อ่านไม่ออก”
ซี “อยากรู้จริงๆเหรอ”
ผม “อยากรู้ดิ”
ซี “ยกปลายข้างซ้ายขึ้น อันนี้ปักเป็นชื่อยิมที่พวกเราเล่น ….”
ผม “และอีกข้างมันปักยาวจังวะ ... มีสองแถวด้วย”
ซีมองหน้าผม “ที่มันยาวและมีสองแถวเพราะว่า แถวนึงเป็นชื่อเมิง อีกแถวเป็นชื่อกรู”
ผมได้ยินแค่นั้น ถึงกับอึ้ง หูอื่อ ขนลุก ตัวเย็นกว่าเก่า .... พูดอะไรไม่ออกเลย .... ผมเดินอ้อมไปกอดข้างหลังซี พร้อมกับพูด “ขอบใจมากนะเว้ย ไม่เคยมีใครทำกูได้ประทับใจเท่านี้ ขอบใจจริง” … ตอนนั้นเหมือนมีผมกับซีแค่สองคนในโลก ทุกอย่างเงียบไปหมด ... และเสียงขัดอารมณ์ก็ดังขึ้น ...เสียงครูดังมาแต่ไกล “เอ็งไอ้สองตัวนั้นน่ะ ... ถ้าจะจู๋จี๋กัน ไปทำที่อื่น” …. ผมรีบเอามีที่กอดซีออก เราสองคนหัวเราะ(กลบเกลื่อน...หรือเปล่าไม่รู้)

(โดยธรรมดาแล้ว สายแดงดั้งหนึ่งกลับสายแดงดั้งสองมันเป็นสายแดงเหมือนกัน เขาจึงไม่เปลี่ยนกัน ก็คาดแดงอันเดิมไป)

ตอนเปลี่ยนเสื้อกลับมาเป็นเสื้อปกติ ผมไม่อยากจะแก้สายออกเลยจริงๆเถอะ แต่ต้องจำใจแก้ออก จะเดินทั้งชุดเทควันโดกลับบ้าน มันยังๆอยู่ ... วันนั้นผมพาซีไปเลี้ยงข้าวฉลองที่ผมได้สายแดงดั้งสอง

รู้ไหมซี ... เมิงทำกรูประทับใจอีกแล้ว surpriseอย่างมากด้วยกับสายแดงเส้นนั้น ทุกวันนี้มันยังถูกเก็บเป็นอย่างดี

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






TKjunior

  • บุคคลทั่วไป
ในใจลึกๆของผมมีความคิดนึงที่ผมคิดจะพูดกับซี ทุกครั้งที่ผมได้มองตาซีผมก็แอบพูดในใจ เผื่อซีจะได้ยินสิ่งที่ผมพูด ... มันเป็นคำพูดไม่กี่ประโยค แต่มันเป็นสิ่งที่อาจจะเปลี่ยนแปลงอนาคตของผมและซีได้เลย ...และคิดว่าสักวันนึงผมจะบอกกับซี ......คือ

“ความบังเอิญทำให้กรูเจอเมิง เมิงทำให้กรูประทับหลายๆอย่าง... กรูรักเมิง รักเมิงมาก ...”

คิดว่าหลายคนที่เจอประสบการณ์อย่างนี้ ก็จะมีคำพูดประมาณนี้อยู่ในใจ และกลัวว่าเมื่อบอกกับคนที่เรารักไปแล้ว ... ถ้าเขาokทุกอย่างมันจะhappy แต่ถ้าเขาไม่okทุกอย่างจะไม่เหมือนเดิม ... ผมก็กลัวๆมากๆด้วย กลัวที่จะได้รับคำตอบที่ไม่ok และอนาคตจะเป็นอย่างไร ที่เป็นอย่างนี้ทุกวันก็happyดีอยุ่แล้ว แต่ในใจก็อยากจะmake sure ... คิดว่าสักวัน เมื่อมีโอกาสจะบอกซี

และแล้ววันนั้นก็มาถึง วันที่หนังเรื่อง “เพื่อนสนิท” เขาฉาย .... ผมรีบโทรชวนซีไปดู ซีตอบตกลง ผมเลือกรอบที่ดึกที่สุด ... ก่อนไปดูหนังเราไปกินข้าวกันก่อน ... ในใจผมคืนนั้นเต้นเร็วกว่าปกติ ซีพูดคุยเรื่องที่ทำงาน มันเหมือนจะไม่เข้าหูผมเลย ในใจคิดแต่ว่า คืนนี้...คืนนี้ล่ะจะบอกซีให้ได้ ... เดินเข้าโรงหนัง แต่ในใจก็ยังบอกกับตัวเองว่า คืนนี้ คืนนี้...กรูจะสารภาพกับเมิง

นั่งดูหนังด้วยกัน ซีดูตั้งใจดูหนังดี แต่ผมซิจะคอยหันมามองซีตลอด ... จนมาถึงsceneที่พระเอกพูดกับนางเอกว่า “ฉันรักแกว่ะ” … หมดประโยคนั้น ผมหันหน้าไปมองซี ... แต่ดูเหมือนซีจะไม่ได้สังเกต สักพักซีคงรู้สึกว่าผมมองมันอยู่ ... ซีเลยพูดว่า “ดูหน้ากรูทำไม ดูหนังดิ” … ผมได้แต่ยิ้มแห้งๆ

หนังจบ ทุกคนเริ่มทยอยออกจากโรงหนัง ผมยังไม่พูดอะไร รวบรวมความกล้าและหาโอกาสเหมาะๆพูด แต่ดูเหมือนความกล้ายังไม่พอ และโอกาสยังไม่เหมาะ ... ซีชวนคุยเรื่องหนังไปเรื่อยๆ วันนั้นเราไปดูโรงหนังไกลๆบ้านซี ... ผมขอเดินไปส่งซีที่บ้าน ... ระหว่างทางเดินในซอยเงียบสนิท ใกล้ถึงบ้านซี ...
ผมประโยคแรกที่ผมเริ่มพูด “หนังสนุกเนอะ...”
ซี “อืม... แต่พระเอกน่าจะบอกนางเอกเร็วกว่านี้”
ผม “คนมันไม่กล้านิ ... ถ้าบอกไปแล้วนางเอกไม่รับรักล่ะ ...! มันจะมองหน้ากันไม่ติด”
ซี “ก็ช่าย”

เงียบไปสักพัก .... เดินมาถึงหน้าบ้านซี

ซี “ถึงบ้านกรูล่ะ ... เหนื่อยวะวันนี้ .. กรูเข้าบ้านก่อนนะ”

ตอนนี้ล่ะคับ ผมรวบรวมความกล้า พูดออกไป “อย่าเพิ่งเข้าบ้านดิ”
ซี “มีอะไรเหรอ …”
ผม (มองหน้าซี นิ่งไปสักพัก) ... “กรูมีเรื่องอยากบอกมึง”
ซี “จะบอกอะไรเหรอ ....”
ผมยังคงมองหน้าซี และเงียบ ... ซีมันคงเข้าใจแล้วคับว่าทำไมผมเงียบไป และซีก็พูดขึ้นมาว่า “อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?” 
ผมนิ่งเข้าใจใหญ่ ในที่สุดผมก็พูดออกมา “ขอกรูพูดเถอะซี กรูอยากบอกเมิงมานานแล้ว ทุกครั้งที่กรูมองหน้าเมิง กรูกูพูดในใจมากตลอด” … “ซี ... ความบังเอิญทำให้กรูเจอเมิง เมิงทำให้กรูประทับหลายๆอย่าง... กรูรักเมิง รักเมิงมาก”

TKjunior

  • บุคคลทั่วไป
ทุกอย่างรอบข้างนิ่ง เงียบ ... ไม่มีอะไรตอบกลับมาจากซี ... ในหัวผมคิดว่า ทำไมมันนิ่ง เงียบไปล่ะ ความเงียบให้คำตอบกรูไม่ได้นะ .. และซีก็เริ่มพูด “กรูก็คิด ... คิดบ้างว่าตกลงเมิงเป็นอะไร และคิดว่าเมิงเป็นอะไรก็ช่าง แต่กรูรู้สึกดีที่มีเมิงอยู่ข้าง” …. แล้วไงต่อ ….  “…กรูรักเมิงเช่นกัน แต่ .... กรูขอโทษ...”






ผมเพียงได้ยินคำว่า “ขอโทษ” ผมก็เข้าใจแล้วว่าต่อไปมันจะเป็นอย่างไร ไม่อยากจะฟังประโยคต่อๆไปอีกเลย


“…กรูรักเมิงเช่นกัน แต่ .... กรูขอโทษ...กรูรักเมิงแบบเพื่อน เพื่อนที่สนิทกันมาก กรูเจอเมิงวันแรกก็รู้แล้วว่าไอ้นี้มันบ้าพลัง ลุยไหนลุยกัน”


และแล้วในนาทีนั้นผมก็ได้รับคำตอบที่รอมาแสนนาน ... เป็นคำตอบที่มันเสียดแทงใจผม ... ในสมองมีแต่ภาพของซีที่ทำให้ผมประทับใจหลายๆครั้ง และซีก็พูดว่า “เป็นเพื่อนกันดีแล้ว ขอโทษที่ไม่เป็นอย่างที่มึงคิด” ไม่มีคำพูดจากผม มีเพียงน้ำตาที่เริ่มไหลออกมา ... ซี “อย่าร้องไห้ดิ เมิงต้องเข้มแข็ง” … ณ. นาทีนั้นความเข็มแข็งผมไม่มีแล้ว สมองเริ่มคิดว่า ชีวิตข้างหน้าต่อไปจะทำยังไง ... มันหมดแล้วจริงๆ


มาถึงตอนนี้ผมคงพิมพ์ต่อไปไม่ได้แล้ว ขอเวลาทำใจก่อนนะคับ แล้วจะกลับมาต่อ ... ไม่เคยลืมภาพนี้ในหัวเลย 


ในคืนนั้นที่ผมได้สารภาพและได้รับคำตอบจากซี ผมกลับบ้านด้วยร่างกายที่ไร้สติ นอนไม่หลับ คิดแต่ว่า ... กรูทำอะไรลงไป ไม่น่าไปบอกซีเลย ... เป็นอย่างนี้ก็ดีอยู่ พรุ่งนี้จะได้เจอซีอีกหรือเปล่า ซีจะเหมือนเดิมอีกไหม ... คิดวนเวียนอย่างนี้ทั้งคืน

อ้าว! เช้าแล้วเหรอ คิดวนไปเวียนมาจนเช้า ... ไม่อยากไปทำงานเลย กรูsickดีกว่า ... โทรไปลาหัวหน้าบอกว่าไปทำงานไม่ไหว นอนไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ไอ้ซีโทรมา ... “กรูจะรับดีไหววะ … รับแล้วกัน”
“กินข้าวเที่ยงกัน ... กรูรอที่เดิมนะ” ซีชวนกินข้าว
ผม “วันนี้กรูไม่ได้ไปทำงาน”
ซี “เป็นอะไรไปเหรอ ไม่สบายเหรอ”
ผม “อืม ... ไม่สบายที่ใจ”
ซี “เมิงอย่าคิดมากดิ ... เป็นเพื่อนกันนะ”
ผม “กรูคิดเกินไปแล้ววะซี ... ”
ซี “กรูเข้าใจ แต่เมิงอย่าคิดมากนะ”
ผม  “อืม... มึงไปกินข้าวเถอะ กูขอเวลากับตัวเองก่อน”

หลังจากนั้น 2-3วันผมไม่ได้ติดต่อซีเลย ผมเงียบหายไป มันยังคงเศร้าอยู่ข้างใน กินไม่ค่อยได้ นอนไม่ค่อยหลับ ... ตอนนั้นรับรู้เลยว่า ความผิดหวังเป็นอย่างไร ... คนแรกที่ผมเล่าเรื่องนี้ให้ฟังคือแม่ของผม แม่ของผมเข้าใจดีคับ แม่บอกว่า “กาลเวลาจะช่วยทำให้ดีขึ้น” ….

คืนนั้นซีโทรมาหา
ซี “เป็นยังไงบ้างเมิง เงียบหายไปเลย”
ผม “ก็ดีขึ้น ... แต่ยังลืมไม่ได้หรอก ผูกพันกันมาตั้งกี่ปี เมิงทำหลายๆอย่างให้กับชีวิตกรู ลืมไม่ลงหรอก”
ซี “พรุ่งนี้มากินข้าวบ้านกรูไหม ...”
ผม “ขอบใจ แต่ไม่ว่ะ”
ซี “อืมๆ กรูเข้าใจเมิง ... ดูแลตัวเองดีล่ะ”
ผม “อยากบอกว่า คิดถึงเมิงนะ”

นับแต่วันนั้นผมคุยกับซีน้อยลง ไม่ค่อยได้เจอกันบ่อยเหมือนแต่ก่อน เพราะเจอหน้าซีทีไร น้ำตามันจะเอ่อไหลทุกที และยิ่งถ้าได้ยินเพลง “ช่างไม่รู้เลย” และ “ทำไมต้องเธอ” … ผมจะนิ่งไปโดยอัตโนมัติ และmoodซึม เศร้าจะเข้ามาครอบงำ ... ไม่น่าเชื่อว่า คนๆหนึ่งจะมีอิทธิพลกับผมได้ขนาดนี้ และแล้วเวลาก็ทำให้ผมดีขึ้น แต่ไม่มาก .... และคงเพราะฟ้าลิขิตเมื่อประมาณ 1ปีที่แล้ว ฟ้าทำให้มีเรื่องบังเอิญให้ผมและซีต้องเปลี่ยนแปลงที่ทำงาน ซีได้รับตำแหน่งใหม่ แต่ต้องไปทำงานต่างจังหวัด ส่วนผมต้องไปต่างประเทศครั้งละนานๆ ทำให้ผมและซีติดต่อกันน้อยลง ... แต่ทุกครั้งที่ผมรู้สึกว่าไม่มีใคร ผมจะโทรหาซี ขอแค่ได้ยินเสียงของซีก็รู้สึกสบายใจขึ้น ผมจะบอกคิดถึงมันทุกครั้ง

จนมาถึงทุกวันนี้ ... ผมยังคงเก็บซีไว้ในความทรงจำที่ลึกที่สุด และนี้อาจจะเป็นข้อเสียของผม เพราะผมไม่เปิดรับใครอื่นที่เดินเข้ามาหาผมเลย เหมือนกับว่า ... ซีเอาใจผมไปแล้ว...

“กรูยังจำทุกๆสิ่งที่ เมิงทำให้กรูได้เป็นอย่างดี ... ขอบใจมึงมากๆ กรูยังรักเมิง ยังคิดถึงเมิง ดูแลตัวเองดีๆ เมื่อไหร่ที่เมิงไม่มีใคร กรูจะอยู่กับเมิง ... และเมื่อไหร่ที่กรูไม่มีใคร กรูขอเพียงแค่รอยยิ้มจากเมิงกรูก็พอ”

ขอจบเรื่องผมกับซีแค่นี้นะคับเพื่อนๆ ไม่ไหวแล้วจริงๆ ร้องไห้ตลอดที่พิมพ์ครั้งสุดท้าย

Tantalum

  • บุคคลทั่วไป
 :impress:ขอให้คุณTKjunior สู้ๆต่อไปนะ คิดซะว่าไงเค้าก็ยังเหมือนเดิมนะ ไม่ได้เปลี่ยนไปเหมือนที่เคยคิดไว้

ก็อย่างที่คุณแม่บอกแหละ ว่าเวลาจะเป็นสิ่งที่เยียวยาได้ ขอบคุณเรื่องดี ๆ ที่เอามาเล่าให้ฟังนะคับ

ทุกคนในบอร์ดแห่งนี้ก็จะเป็นกำลังใจให้นะ ขอให้เข้มแข็ง

ออฟไลน์ Just let it be

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 979
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
เอาใจช่วยคุน ที อีกคนนะครับ   :yeb:

แต่ผมว่าดีแล้วนะครับที่คุนทีได้บอกไป
ดีกว่าที่จะต้องเกบไว้คนเดียวเปนไหนๆ
ถึงแม้บางอย่างจาไม่ได้เป็นไปอย่างที่คิดไว้  :monkeysad:

แต่อย่างน้อยคุนทีก็ได้มีช่วงเวลาที่ดีที่ได้มีคนที่รักช่ายมั้ยคั้บ   :yeb: :myeye:

ออฟไลน์ taexxxx

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 314
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-4

NewcoolstaR

  • บุคคลทั่วไป
ยาวโคตรๆ
จาพยายามอ่านนะคับๆ
 :3128: :3128:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
เต้เป็นรายอ่ะ
โดนหรือ คิกคิก
 :kikkik:

abcd

  • บุคคลทั่วไป

TKjunior

  • บุคคลทั่วไป
พออ่านเรื่องของtaeถึงหน้า13 เราก็รู้แล้วว่าทำไมtaeน้ำตาไหลกับเรื่องของเรา และทำไมเราน้ำตาไหลกับเรื่องของtae ... เข้าใจคับเข้าใจ ... :sad4:

meemewkewkaw

  • บุคคลทั่วไป
 :monkeysad:
เป็นกำลังใจให้นะครับ :impress3:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด