[story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [story] อย่าบอกนะว่า เอ็งคิดกับกรูเหมือนในหนัง?  (อ่าน 100995 ครั้ง)

meeza31

  • บุคคลทั่วไป
น่าสงสารทีจังเลยนะ  :sad4:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
● MaYa~Boy ● เป็นผมคงจำรายละเอียดขนาดนั้นไม่ไหวอ่ะ---------- ถ้าเป็นคนที่เรารักมากๆก็แน่นะครับ  :m3:
krappom แบบว่าเป็นปลาทองกลับชาติมาเกิด----------ระวังลืมหน้าแฟนนะ   :m14:
meeza31 น่าสงสารทีจังเลยนะ ----------หลายๆคนคงเคยแอบรักเพื่อน และมักจะฝังใจเพราะมันเกิดจากความผูกพันไงหล่ะ   :m1:

***********************************



ทำไมผมถึงเลือกเรียนเทควันโด?

ตอนนั้นอยู่ประมาณปี3 มีเหตุผล 3 อย่าง

1. อยากหาอะไรออกกำลังกาย - บอล เราก็เล่นไม่เป็น, ว่ายน้ำ สระแถวบ้านก็น่ากลัว, บาส ก็พอจำว่าเล่นงัยได้ แต่ไม่ชอบ, เทนนิส เคนเรียนเยอะ ตากแดด กลัวดำ
2. อยากมีวิชาป้องกันตัว ให้สมชายชาตรี - อะๆ ผมก็ผู้ชายคนนึงนะคร๊าบบบบ ก็ต้องอยากมีอะไรที่จะป้องกันตัวเอง และพร้อมที่จะป้องกันคนที่เรารักด้วยดิ (สร้างภาพจังเลยกรู คิกๆ)
3. อยากใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ - ช่วงปี3 มันก็มีเวลาว่างเยอะมากๆ ไม่รู้จะไปทำอะไรดี เพราะเราเรียนอัดๆไปตอนปี1และปี2ไปเยอะแล้ว และไม่อยากเป็นNERDด้วย (ถ้าเจอตัวเป็นๆ หน้าตาผมก็ไม่เหมือนกันNERDหรอก)

ช่วงนั้นก็ค้นหาข้อมูลและตัวเลือกเรื่องศิลปะป้องกันตัวอยู่หลายต่อหลายอย่าง ตั้งแต่ จูจิดซึ ยูโด คาราเต้ ฟัดดาบ กระบองยาว คาโบเอล่า เทควันโด

ผลสรุปก็มาลงตัวที่ "เทควันโด" เพราะเป็นศิลปะป้องกันตัวที่ไม่ต้องพึ่งพาอุปกรณ์ให้เสียตังมาก แค่ชุดก็พอแล้วและมีแค่ตัวก็ไปเรียนได้แล้ว เทห์อีกต่างหาก สถานที่เรียนก็ไม่ไกลจากบ้านเราด้วย

พอมาสมัครเรียนก็ได้เรื่องเลย เจอไอ้เตี๊ย (170ซม. เตี๊ยไหม?) หน้าใส คิ้วเข้มมากวนทีนตั้งแต่วันสมัครที่ชื่อว่า "ซี" ... แรกๆไม่ชอบขี้หน้ามันเท่าไหร่หรอก แต่พอหลังๆได้รู้จักมัน กลายจากไม่ชอบขี้หน้าเป็นรักมันได้งัยเนี่ย ก็เพราะมันทำให้เราประทับใจหลายๆอย่าง (ถ้าได้อ่านเรื่องหลักที่เราเขียน ก็จะรู้ว่ามีอะไรบ้าง)

ได้เรียน ได้ซ้อมเทควันโด ได้เลื่อนสายจากขาว เหลือง เขียว ฟ้า น้ำตาล มาสุดที่ แดง ก็เพราะไอ้ซีเนี่ยล่ะ ที่เป็นคู่ซ้อม คู่ฝึก ... จะฝึกอะไรก็มันเนี่ยล่ะ ไม่เว้นแม้ตอนที่ครูเลือกให้ ครูก็ยังเลือกเราและมันเป็นคู่ซ้อม คู่โชว์ .... ได้เรียนเทควันโดที่นี้ก็ไม่เสียเปล่า ... ได้อะไรหลายอย่างเพิ่มเป็นของแถม ... ไม่ใช่ซีนะที่เป็นของแถม เราหมายถึง เขาแถมให้เรียนวิชาป้องกันตัวพวกกดจุด จับทุ่ม ... ส่วนซีเป็นของขวัญต่างหาก คิกๆๆ

มีอยู่วันนึง ครูเขาสอนวิชาการล็อคและการทุ่ม ช่วยไม่ได้จริงๆที่ เราและซีก็ยังคงเป็นคู่ฝึกคู่ซ้อมกันอย่างเคย วิชานี้ดีนะสำหรับคนที่เป็นคู่กัน เพราะว่ามันถึงเนื้อถึงตัวดี คิกๆๆ วิชานี้ใช้สำหรับการป้องกันตัวระยะประชิดกันมากๆถึงมากที่สุด โอ๊ย! ได้ใกล้ชิดกะคนที่เราชอบ มันช่าง .... ไม่ๆคิดไปไกล เดี๋ยวจิตหลุด (ยิ้มอย่างมีเล่ห์นัย)

พอได้เรียนครบสูตรก็ถึงเวลาเอาของที่เรียน มาใช้จริงแล้วล่ะคับ

ในclassเรียนตอนนั้นมีไม่กี่คู่หรอก ไอ้พวกบ้าพลังมันมีน้อย sceenที่ได้ใกล้ชิดมาแล้ว เราตัวสูงกว่าซี (ก็แค่7ซม.)ก็ต้องเป็นคนไปอยู่ข้างหลังซี แต่ด้วยความที่เกรงใจ ก็ไม่ได้เอาท้องไปชนหลังซี ได้แต่เอาสีข้างไปประชิดหลังมัน

"เมิงเอาอะไรแข็งๆมาทิ่มหลังกรูวะ" ซีหันหน้ามาถาม ด้วยความสงสัย
"สะโพกเว้ย เมิงไม่ต้องคิดมาก" เราตอบไปอย่างอายๆ+เกรงใจ ก็มันไม่กล้านี้หว่าที่จะเอาไปชนหลัง
"มะๆ เมิงไม่ต้องอาย" ซีบอกพร้อมกับเอามือเอื้อมจับตัวเราให้หันท้องไปชนหลังมัน
" -_-" " ตอนนี้ผมเหรอ ตอบไม่ถูกเลย เพราะมันไปดุนๆอยู่หลังซี ไม่ได้ทะลึ่งนะ

แล้วครูก็สั่งให้ล็อคคอด้วยแขนขวา และล็อคตัวบริเวณใต้ราวนมด้วยแขนซ้าย .... โอ๊ย! ลองนึกซิคับว่าตอนนี้ซีโดนเรากอดเอาไว้ ไม่ใช่ซิโดนเราล็อคเอาไว้ จะหลุดไปไหนได้เพราะผมตัวสูงและตัวใหญ่กว่า .... เป็นท่าที่แนบแน่นกันจริงๆ คิกๆๆ จะหาว่าเราถือโอกาสก็ยอมฟะ ได้แนบชิดกันขนาดนี้

เมื่อครูสั่งให้ปลดล็อคให้ได้ ซีก็พยายามจะดิ้นให้หลุด แต่กับยิ่งดิ้นมันกลับยิ่งล็อคแน่นเข้าไปอีก ไม่รู้ว่าไอ้วิธีปลดล๊อคที่เรียนมาซีมันจำไม่ได้หรือเปล่า ผมล็อคมันแรงไป

ในที่สุดซีทำให้ผมเสียศูนย์ล้มตัวลงไปนอน แต่ผมก็ยังล็อคซีไว้อยู่

"แก้ล็อคไม่ได้อะดิ" น้ำเสียงเราเต็มไปด้วยอาการกระยิ่มยิ้มย้อง
"แรงเยอะนักนะเมิง" ซีพูดไปดิ้นไป

และแล้วซีก็เบี่ยงตัวออกไปได้นิดนึง ... ด้วยความไวของมัน อยู่ๆเรารู้สึกเหมือนมีอะไรมาตะปบเข้าที่หว่างขา ... โอ๊ย! เกี๊ยวเราโดนไอ้ซีมันกำเอาไว้....

"ทำไมเมิงเล่นอย่างนี้วะ" เรามีอาการช๊อคที่มันทำ
"ถ้ากรูไม่ใช้วิธีนี้ จะให้กรูใช้วิธีไหน" ซีก็ยังคงกำเกี๊ยวเราอยู่
"เมิงก็เอาที่เรียนมาดิวะ" เราตะโกนใส่มัน
"เมิงล็อคกรูแน่นซะขนาดนี้ วิธีเนี่ยง่ายสุดแล้ว" ซีหันหน้ามาบอก
"ไอ้สาด! เมิงหาวิธีอื่นได้ไหม หน้ากรูจะเขียว" แต่เรายังไม่ปล่อยล็อดมัน ตอนนั้นสภาพรอบข้างเป็นไงไม่รู้ รู้แต่ว่ามันยังกำเกี๊ยวเราอยู่
"เออ ... กรูปล่อยก็ได้" เราคลายล็อคมัน แต่ด้วยความเร็วกว่า และเป็นการแก้เผ็ดมันบ้าง ... ทันใดนั้น!! เราเอามือเอื้อมจับ "เกี๊ยว" ของซี
"......................" ซีถึงกับพูดไม่ออก
"ให้มันรู้กันไปว่าเมิงจับกรูได้ กรูก็จับเมิงได้"


ในที่สุดครูต้องมาบอกให้แยกออก ไม่งั้นไอ้สองตัวนี้ก็คงหน้าเขียวกันต่อไป

เราไม่ได้คิดทะลึ่งนะ มันมาจับของเราก่อนเอง แต่มืออย่างมันก็จับเกี๊ยวเราไม่มิดหรอก 555 ... แต่มือเราจับเกี๊ยวมันหมดหรือเปล่า อันนี้ขอไม่บอก คิกๆๆ

จากคุณ : TK Jr.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-07-2007 23:16:06 โดย b|ueBoYhUb »

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
5555  อ่านตอนนี้แล้วฮาดี  ซีกับทีก็ทะลึ่งน่าดูเนอะ จับได้ด้วย  รู้กันแล้วอะจิ  :m10:

เคยอยากเรียนเทควันโดเหมือนกัน  แต่เพื่อนบอกว่ามันต้องตะโกน เอ๊กกกกกกกกก ดังๆ ก่อนเริ่มท่า 
กลัวหลุดขำกับเป็นพวกตะโกนไม่เป็น  เลยไม่ได้เรียนเลย 55 (พูดไปงั้น  :try2:)

เพิ่งรู้ว่าเรย์มาต่อเรื่อง  รออ่านต่อน้าเรย์ที่ร้ากกกกกก  :impress:

ออฟไลน์ krappom

  • 人は誰でもそれぞれに悩みを抱えて生きる
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-23
ผลัดกันหน้าเขียวหน้าเหลืองกันเลยงานนี้ :m12:

thomaskung

  • บุคคลทั่วไป
- -"
ซีจำได้ว่า ทีไม่กินปลาหมึก
เพราะซีจะได้แย่งกินปลาหมึก  :m12:

ออฟไลน์ sonicacc

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 170
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
ง่ะ ภาคพิเศษมาแว้วววววว   :m4:

แห่ะ ๆ ตามอ่านต่อคร้าบบบบ

มาต่อเร็ว ๆ น้า   :m5:




ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
มูมู่น้อย   เคยอยากเรียนเทควันโดเหมือนกัน  แต่เพื่อนบอกว่ามันต้องตะโกน เอ๊กกกกกกกกก ดังๆ ก่อนเริ่มท่า  ---------กำ ไม่ได้เล่นเพราะไม่ได้เป็นแม่ไก่นี่เอง ร้อง เอ๊ก เอ๊ก เอ๊ก ไม่เป็น
 :m11: :m11: :m11:


krappom ผลัดกันหน้าเขียวหน้าเหลืองกันเลยงานนี้ --รู้สึกว่าไอ้ทีจะหน้าหื่น ส่วนซีหน้าแดงมากกว่ามั้ง  :laugh:

thomaskung ซีจำได้ว่า ทีไม่กินปลาหมึก  เพราะซีจะได้แย่งกินปลาหมึก---มีเหตุผลถึงชอบชวนไปกินก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่
 :laugh3:

โซนิค_แอค ง่ะ ภาคพิเศษมาแว้วววววว--------คิกคิก อ่านทันป่าวพักนี้เห็นยุ่งๆ เรื่องไรหนา  :m13:

*****************
การที่ได้ดูแลใครสักคนที่เราชอบหรือแอบชอบมันก็เป็นความสุขเล็กๆหรืออาจจะมากๆในบางcase แม้ว่าเราจะไม่รู้เลยว่าเขาชอบหรือไม่ชอบเรา ... คิดว่าหลายๆคนที่อ่านคงจะเข้าใจความรู้สึกนี้ดีไม่มากก็น้อย

บอกไม่ถูกเหมือนกันนะ มันเป็นความสุขที่เราได้เอาใจเขา ได้เห็นเขายิ้มรับ พูดตอบกลับเล็กๆน้อยๆก็มีความสุขแล้ว มันเหมือนความรู้สึกหลอกตัวเอง(น่าจะเป็นอย่างนั้น)

การไปดูหนังกับซีในช่วงweekendถือเป็นเรื่องปกติสำหรับเราในช่วงนั้น ... จริงๆแล้วช่วงที่รู้จักกัน แทบจะไม่มีวันไหนไม่เจอกันเลย เอาเป็นว่าเจอกันทุกวันเลยว่างั้นได้ weekendมาเมื่อไหร่ หนังออกใหม่ เรากะซีไม่เคยพลาด ทุกweekendจะเห็นไอ้สองคนนี้ อยู่ตามโรงหนัง (แต่เราก็ไปดูตามโรงหนังทั่วกทม.นะ)

จำได้ว่ามีอยู่เสาร์นึงที่นัดกันไปดูหนัง แต่ไม่ได้ที่โรงหนังพร้อมๆกัน ธรรมดาจะไปเจอกันที่บ้านซีก่อนแล้วค่อยไปโรงหนังด้วยกัน เสาร์นั้นซีต้องไปสะสางงานที่ที่ทำงานก่อน จึงนัดเจอกันที่โรงหนัง โดยเราไปรอที่นั้นก่อน เพราะซีก็ไม่แน่ใจว่างานจะเสร็จกี่โมง

"ฮัลโหล ... งานกรูยังไม่เสร็จเลย" ซีโทรมาบอก
"อ้าว .. แล้วจะเสร็จกี่โมง" เราเริ่มสงสัย
"ยังไม่แน่อะ ... จะโทรบอกอีกที แต่รอบบ่าย2คงไม่ทัน" ซีน้ำเสียงเครียด
"อืมมม ... ไม่เป็นไรๆ ทำงานให้เสร็จก่อนแล้วกัน ใกล้เสร็จแล้ว โทรมาบอกแล้วกัน" เราตอบไปด้วยน้ำเสียงเซ็งนิดๆ
"แล้วจะโทรมาบอกนะ ไปทำงานก่อนนะ" ซีบอกก่อนว่างสาย
"อืมมมม ...." เราดิ จะทำอะดี

ได้แต่เดินเรื่อยเปื่อยแถวๆนั้น แวะเข้าร้านนั้นออกไปเข้าร้านนี้ ... ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะโทรมาบอก เราก็ไม่อยากจะโทรไปกวนตอนทำงาน ให้เขามีสมาธิทำงาน จะได้ทำงานเสร็จไวๆ ...

".....จ๊อกกกก....!!" เสียงดังมาจากท้องซะแล้ว นาฬิกาบอกเวลาว่าจะ5โมงแล้ว

หิวแล้วดิ แต่ซียังไม่มา ทำไงดีหว่า ... ซีก็คงหิวเหมือนกัน ถ้ามาแล้วมันหิวแต่กรูกินไปแล้ว มันจะว่าไง ...

โอ๊ย! คำถาม108อยู่ในหัว

กินดี ไม่กินดี? ... รอมันดีไหม? .... มันน้อยใจขึ้นจะทำไง? .... ไม่กิน กรูก็หิวอยู่อย่างนี้ดิ!? .... ไม่รอก็น่าเกลียดดิ!?

สรุป! กินก็กินวะ มันจะว่าไงค่อยว่ากันอีกที .... เราเห็นแก่ตัวไปปะ? บอกเราหน่อย

หลังจากกินอิ่ม สบายท้อง ... เสียงtrue toneจากโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น บวกกับรูปของสุดหล่อก็showขึ้น ... เอ! ไอ้นี้เหมือนรู้ว่ากรูกินเสร็จแล้ว

"งานเสร็จแล้ว" เสียงซีมาตามคลื่น(ไม่ได้ตามสาย)
"ดีๆ รีบมานะ กรูจะได้ไปซื้อตั๋วเลย" เราน้ำเสียงดีใจ
"แต่รถค่อนข้างติดวะ น่าจะอีกชั่วโมงเจอกัน แล้วจะรีบไป" ซีตอบด้วยน้ำเสียงเร่งรีบ
"แล้วเมิงหิวไหม" เราพูดยังไม่ทันครบประโยค มันก็ตัดสายไปแล้ว

ตอนนั้นคิดว่าซีมันหิวแน่ๆ ทำไงดีหว่า .... ไปเดินแผนกfood center กะ supermarket หาอะไรให้มันกินดีกว่า เดินวนเวีนยอยู่แถวๆนั้น ก็ได้ของติดไม้ติดมือมานิดหน่อย

หลังจากนั้นไม่เกิน30นาที .... เสียงtrue toneจากโทรศัพท์มือถือก็ดัง บวกกับรูปของสุดหล่อก็showขึ้น ...

"ถึงแล้ว เจอกันที่หน้าโรงหนังนะ" มาแต่เสียงซี แล้วก็วางสายไป ไม่รู้มันรีบอะไรขนาดนั้น

ในที่สุดก็เจอกันตัวเป็นๆที่หน้าโรงหนัง

"หนังเข้ากี่โมงอะ" ซีถาม
"อีกประมาณ20นาที ก็จะเข้าแล้ว" เราตอบไปเสียงเบา เพราะรู้สึกผิดที่กินข้าวก่อน
"งั้นเข้าโรงหนังเลยดีกว่า" ... มันจะรีบอะไรขนาดนั้น
"ไม่ต้องรีบเลยเมิง" เราเบรคมันก่อน ก่อนที่มันจะลากเราเข้าโรงหนัง
"ทำไม" .... ซีมันถามโดนไม่หันหน้ามา
"เมิงมานั่งตรงนี้ก่อน มา มา ..." เราชวนให้มันนั่งที่ม้านั่งหน้าโรงหนัง
"นี่ก็เย็นแล้ว กรูรู้ว่าเมิงหิวข้าว เมิงคงรีบทำงาน ไม่มีเวลากินข้าว นั่งๆ" เราพูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง


"กินซะ จะได้มีอะไรรองท้องก่อน เดี๋ยวจะปวดท้อง" เราพูดพร้อมพร้อมกับยื่นเบอร์เกอร์จากถุงให้ซี
"รู้ใจจังวะ ... " ซีพูดยิ้ม
"ไม่รู้ใจได้งัย ... รู้จักกันมานานซะขนาดนี้" เราตอบ

เรานั่งดูซีกินอย่างมีความสุข กินยังกะเด็ก ดูมันรีบๆกินด้วย

"เฮ้ย! ไม่ต้องรีบ เดี๋ยวติดคอหายไปจะว่างัย" มันยัดมากกว่ากิน
"....." มันไม่ตอบ เอาแต่กิน
"อะ! ... นี้น้ำ กรูยังไม่อยากทำfirst aidตรงนี้" เรายื่นน้ำให้มัน
"แหม! รู้ใจอีกแล้ว" ... ดูมันพูด
"...." เราไม่ตอบอะไร ได้แต่อมยิ้ม ดูม้นกิน พร้อมกับยื่นทิชชูให้มันเช็ดปากที่มอมแมม



..........................................................................

แค่นี้เราก็มีความสุขแล้ว ได้ทำอะไรดีๆกับคนที่เราแอบชอบ

จากคุณ : TK Jr





ออฟไลน์ krappom

  • 人は誰でもそれぞれに悩みを抱えて生きる
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-23
แค่ได้แอบมองก็มีความสุขแล้วสำหรับคนบางคน
 :sad2: :sad2: :sad2:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
krappom แค่ได้แอบมองก็มีความสุขแล้วสำหรับคนบางคน.....สำหรับบางคนเราทำได้แค่นั้นจริง แม้ว่าอยากจะทำมันมากกว่านี้ก็ทำไม่ได้ เพราะรู้ว่าผลลัพธ์คงออกมาไม่ดีแน่

บางสิ่งบางอย่างหากแม้อยู่ในใจเราก็สวยงาม หากแต่เมื่อไหร่เผยมันออกบางทีก็จะกลายเป็นสิ่งไม่งดงาม
 :m15:


*************************************


"การไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ"

เราเข้าใจประโยคนี้ดี เพราะว่าเรื่องโรคภัยไข้เจ็บที่เป็นหนักๆ มันเคยเกิดขึ้นกับเราแล้วหนึ่งครั้ง หลายคนที่เคยอ่านเรื่องของเราไปแล้ว จะรู้ว่าเราเคยเจ็บหนักเพราะซ้อมเทควันโดกับซี ... ซีเตะเข้าที่สีข้างแต่เราหลบผิด มันเลยไปเข้าที่หลัง และเป็นหลังล่างด้วย ... ผลปรากฏว่าเราสลบไป มารู้สึกอีกทีก็ตอนที่อยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว ... มาคิดอีกที ไม่นึกเลยว่า โดนเตะไปแค่นี้ทำให้เราสลบได้ นึกแล้วก็เสียวที่หลังแปปๆ ... สภาพตอนนี้ที่หลังล่างของเราก็okดีแล้ว พยายามที่จะไม่ทำอะไรให้มันไปกระทบกระเทือนหลังเราอีก และมันก็เป็นบทเรียนหนึ่งที่ต้องจดจำมันตลอดไป ...

การไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ มันก็ถูกอยู่ แต่พอมีโรคเราก็ได้บางสิ่งตอบแทนอันประเสริฐเช่นกัน ฟังดูแล้วอ่านจะงงๆ ไม่ต้องสงสัยหรืองงหรอก ... เราหมายถึงได้เห็นน้ำใจคนก็ตอนนี้แหล่ะ

มันเป็นอีกช่วงเวลาหนึ่งที่ซีและเราได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน ก็ตอนนั้นเราเป็นคนไข้นิ มันก็ต้องมีอ้อนกันบ้าง 555

"ได้เวลากินข้าวแล้ว ตื่นๆๆ...!!" ผมสลึมสลือตื่นจากเสียงปลุกของซี
"อ้าว! เที่ยงแล้วเหรอ ยังหลับไม่อิ่มเลย" ผมลืมตาข้างเดียวมาพูด
"ไม่เที่ยงแล้ว เที่ยงกว่าแล้วด้วย ตื่นๆๆ" ซียังคงส่งเสียงปลุกอยู่
"........" ผมยังคงงัวเงีย
"รีบๆตื่นมากินข้าวได้แล้ว เดี๋ยวต้องกินยาต่อ ไม่อยากหายเหรอ?" ซีถามมาได้
"...อยากดิ ทำไมจะไม่อยาก มีอะไรกินบ้าง" ผมถาม
"มื้อนี้เป็นข้าวต้มกุ้ง น่ากินวะ" ซีมันทำหน้าสูดกลิ่มจากชามข้าวต้ม พร้อมกับลากโต๊ะมาตรงเตียงที่เรานอน
"จริงดิ!! ชอบๆ" ผมพยายามดันผ้าห่ม แต่ยังคงปวดหลัง
"เมิงงง! ... กูไม่มีแรงดันผ้าห่ม ช่วยหน่อยดิ" เราพยายามทำน้ำเสียงน่าสงสาร
"แล้วก็ไม่บอก มะๆ" แล้วซีก็ไปพับๆดันๆผ้าห่มออกจากตัวเรา
"... แต่ว่ากรูจะกินยังงัย กรูยังนอนอยู่อย่างนี้เลย ปรับให้หน่อยดิ" อ้อนมันอีกแล้วคับท่าน

แล้วซีก็ไปปรับให้เตียงมันดันหลังเราขึ้นมา


"โอ๊ย!!! มันเจ็บหลังวะ" อันนี้ไม่อ้อนแต่เจ็บจริง
"เป็นยังงัยบ้างวะ ให้เรียกพยาบาลมาไหม" ซีมันเลิกลั่กถาม
"ไม่ขนาดนั้นหรอก ... กินข้าวดีกว่า" ...ดีใจจังที่ดูมันเป็นห่วงเรา
"ว่าแต่ เมิงกินแล้วเหรอ ไม่เห็นมีของเมิงเลย" เราหันไปมองหน้าถามซี
"กินแล้ว ... ลงไปกินที่ร้านอาหารข้างล่าง" มันตอบ
"มากเรื่องอีกแล้วเมิง ทำไมไม่สั่งมากินในห้องวะ ลงไปทำไม ... และถ้าช่วงที่เมิงไม่อยู่ กรูเกิดเป็นอะไรขึ้นมา ใครจะมาช่วยกรูวะ" เราทำน้ำเสียงหงุดหงิด จริงไม่มีอะไรหรอก แค่ไม่อยากให้มันไปไหนไกลๆ อิอิอิ ..!
"ok ok.... คราวหน้าไม่ทำแล้ว ... กินได้แล้ว ไม่ต้องมาทำเป็นหงุดหงิด" ซีพูดเหมือนรู้สึกผิด ส่วนเราเหรอ แอบยิ้มอยู่ในใจ
"อ้าว ... แล้วไม่มีป้อนเหรอ คนไข้นะเนี่ย" เราแหย่ม้น
"......." ซีละสายตามามองหน้าเรา
"กรูล้อเล่นน๊า.....! กรูกินเองได้ เรื่องแค่นี้เอง ว่าแต่เปิดTVให้ดูหน่อยดิ"
"......." ซีกดremoteเปิดTV และเดินเอาremoteมาให้เรา
"เฮ้ย! เมิงมาลองกินข้าวต้มนี้หน่อยปะ อร่อยนะเว้ย" เราเชิญชวนมันมากินข้าวต้ม
"ไม่อะ ... เดี๋ยวเมิงไม่อิ่ม" ซีพูดไปดูTVไป
"เมิงก็อย่ากินหมดดิ กรูแค่ให้ชิม นิดนึงๆ" เรายังเชิญชวนไม่เลิก
"ไม่อะ เมิงกินไปเถอะ" ... ซียังคงดูTV
"นิดนึงน๊า.... อยากให้เมิงชิม นะๆๆๆ" คำเชิญชวนของเราได้ผล

ซีเดินมาข้างๆเตียง เรายื่นข้าวต้มกุ้งหนึ่งคำให้มัน ... อ้อนจนได้ผล อิอิอิ ... มันน่ารักก็ตรงนี้ล่ะ

"อร่อยปะ ถ้าอร่อย คราวหน้าลองสั่งมากินนะ" เราแนะนำ
"อืม ... อร่อยดีเหมือนกัน กุ้งตัวโตด้วย" ไม่รุ้ว่ามันอร่อยจริงๆหรือเปล่า
"อ้าว ... แล้วจะเดินไปไหน" เราทักมัน
"ก็เดินไปนั่งดูTVตรงโซพา" ซีหยุดตอบ
"นั่งดูตรงนั้นมันไม่ค่อยถนัดหรอก มะๆ ลากเก้าอี้ตัวนั้นมานั่งข้างๆเตียงดีกว่า ... อีกอย่างกรูจะได้มีคนนั่งข้างๆด้วย ... กรูต้องการกำลังใจ นะๆๆๆๆ" เราพูดพร้อมส่งยิ้มหวาน ... อ้อนอีกแล้วกรู
"......" ซีไม่พูดอะไร แต่ก็ลากเก้าอี้มานั่งข้างๆเตียงเรา
"......" เราไม่พูดอะไร ได้แต่ยิ้มตอบ

เราก็กินข้าวไปเรื่อยๆ พร้อมกับพูดคุยเรื่องหนังในTVกับซีไปด้วย จนข้าวหมด

"อิ่มแล้วววววว..... อร่อยๆ" เราพูดพร้อมเลียริมฝีปาก ก็มันอร่อยจริงๆนิ
"ok อิ่มแล้วใช่ไหม คราวนี้ก็ได้เวลากินยาแล้ว พยาบาลบอกว่า ต้องให้กินยาทันทีหลังจากกินข้าวเสร็จ" ซีมันเดินไปหยิบยามาให้ พร้อมกับเติมน้ำในแก้ว


เรารับถ้วยยาจากมือซี กรอกยาใส่ปาก และต่อมาซียื่นแก้วน้ำมาให้ แต่เราไม่ได้หยิบแก้วน้ำ กลับเอามือไปกุมมือของซีที่ถือแก้วน้ำอยู่ และกระดกทันที ... มันก็ไม่เห็นจะว่าอะไร

"...ก็คนเขาต้องการกำลังใจอะ...." เราพูดไม่เต็มเสียง
"ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย กรูก็อยากให้เมิงหายไวๆ" ซีพูดด้วยน้ำเสียงปกติ
"ขอบใจนะที่เข้าใจกรู ... กรูว่าเมิงก็รู้ว่ากรูอ้อน" เราก้มหน้าพูด
"เข้าใจๆ ไม่ต้องคิดมาก ... หายไวๆนะเมิง" ซียังคงยืนพูดอยู่ข้างๆ
"......." เราหันไปยิ้มให้ซีมันหนึ่งที
"ดูหนังต่อเถอะ..." ซีนั่งลงตรงเก้าอี้ข้างๆเตียง

..........................................................................

เห็นมะลูกอ้อนเรา!! ช่วงที่เราไม่สบายและหลังออกจากโรงพยาบาลยังมีอ้อนอีกเยอะ ... เราก็เข้าใจซี และได้เห็นน้ำใจของมัน


ขอบใจเมิงมากๆนะซี ที่ดูแลกรูในช่วงนั้น "กรูรักเมิงวะ"

จากคุณ : TK Jr.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-06-2007 20:01:01 โดย b|ueBoYhUb »

ออฟไลน์ krappom

  • 人は誰でもそれぞれに悩みを抱えて生きる
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-23
ตอนไม่สบายนี่เป็นอะไรที่เหมาะกับการออดอ้อนคนที่เราชอบ  :m4:มากจริงๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
งอนกับน้อยใจ เรายังแยกไม่ค่อยออกเลยว่ามันต่างกันยังงัย อยากรู้!! ต่างกันยังงัยช่วยบอกเราที

ไอ้อาการงอนหรือน้อยใจ เท่าที่จำได้ซีไม่เคยงอนหรือน้อยใจเลย ส่วนใหญ่จะเกิดกับเรามากกว่า ไม่รู้เป็นไร!

เรื่องนี้มันเกิดขึ้นไม่ใช่ตอนไหนหรอก ก็ตอนที่จะซ้อมเทควันโดเนี่ยล่ะ! เรื่องก็มีอยู่ว่า ...

"เฮ้ย! เริ่มซ้อมอันต่อไปเมื่อไหร่ ไปตามกรูด้วยนะ กรูจะไปนั่งอ่านหนังสือตรงซอกที่เก็บเบาะนะ" เราบอกซีให้มันไปตามเราเมื่อถึงเวลาซ้อม
ตอนนั้นเป็นช่วงพักของการซ้อม รอการซ้อมชุดต่อไป เราเลยแว๊ปไปอ่านหนังสือตรงซอกเก็บเบาะ มันน่านั่งมากๆ เพราะว่าเงียบ พิงเบาะนิ่มๆ ลมจากแอร์ตกลงมากำลังสบาย 
"เดี๋ยวก็ซ้อมแล้ว ... อีก45นาที จะไปอ่านหนังสือทำไม!!?" ซีมันถาม
"ก็กรูกำลังติดหนังสือเล่นนี้หว่า อยากอ่านเว้ย ถึงเวลาซ้อมเมื่อไหร่ ไปตามมมาด้วยแล้วกัน" เราตอบอบอย่างเสียอารมณ์ แหม..! มีเวลาทั้งที ขออ่านหน่อยไม่ได้
"ดูเวลาเองแล้วกัน นั้นนาฬิกา" ซีพูดพร้อมชี้ไปที่นาฬิกาบนฝนัง
"ไม่เอาอะ ... ไม่อยากแหงนหน้าขึ้นไปมอง มาตามหน่อยหน๊า ไปอ่านแล้ว" เราตะโกนบอกมันพร้อมกับเดินไปที่ซอกเก็บเบาะ
"........." ตอนนั้นมองไม่เห็นหน้าของซีแล้วว่ามีreactionยังงัย 

เราก็ไปอ่านหนังสือ อ่านไปเรื่อยๆ อ่านไปเพลินๆ ไม่ได้สนใจเวลาหรือแหงนหน้าไปมองดูนาฬิกา สมาธิจดจ่ออยู่กับหนังสือ พิงเบาะไปอ่านไป อากาศก็กำลังสบายๆ ... รู้สึกแว๊ปๆว่าเห็นมีคนเดินผ่านไป ไม่รู้ว่าเป็นใคร อาจจะเป็นซีมั้ง มันคงเดินไปเข้าห้องน้ำ แต่ก็คิดว่าถ้าถึงเวลา มันก็จะมาตามเองแหล่ะ!

อ่านไปเรื่อยๆ ชักรู้สึกเอะใจ

"กรูอ่านมานานแค่ไหนแล้ววะ เกิน45นาทีหรือยังวะ" เราพูดกะตัวเอง
"ไอ้สาดดด .... นี้มันเกินเวลาซ้อมเริ่มแล้วนี้หว่า" เราตกใจโคตรเมื่อมองไปที่นาฬิกา
"อะไรฟะ .... ทำไมแม้งไม่มาตามกรูวะ"

แค่นั้นล่ะ เราเดินหน้าหงิกไปที่ๆเขากำลังซ้อม โยนหนังสือ ...โครม! ... ลงพื้น ... ซีหยุดซ้อมหันมามองหน้าด้วยหน้าตางงๆ

"เมิงลืมอะไรไปหรือเปล่า!?!?" เราทักมันด้วยคำถาม +อาการหน้างิก
"......." ไม่มีคำตอบจากซี
"กรูถามว่าเมิงลืมอะไรไปหรือเปล่า!?!?" เราถามมันซ้ำ
"กรูว่า กรูลืมตามเมิงมาซ้อมวะ" ซีพูดแบบไม่เต็มเสียง
"ok งั้นกรูไม่ซ้อมก็ได้" เราเริ่มมีน้ำโห
"เฮ้ย! ทำไมอะ มาซ้อมดิวะ" ซีเริ่มเดินเข้ามาใกล้ๆ
"ไม่! ก็เมิงไม่ตามกรูมาซ้อม แล้วกรูจะซ้อมไปทำไม" เราเริ่มไม่พอใจล่ะ ก็บอกแล้วอะ
".... ซ้อมเถอะน๊า .... ซ้อมกะกรูงัย" แหม! ทีอย่างนี้มาเชิญชวนกรู
"ไม่! กรูจะกลับบ้านแล้ว ไม่ซ้อม ในเมื่อไม่มีคนมาตามไปซ้อม ลืมกรูแล้วนิ" อย่างนี้เขาเรียกว่าน้อยใจหรืองอนล่ะคับ
"น๊า!! อย่างอนไปเลย กรูขอโทษ กรูลืมไปตามเมิง ... ซ้อมกันเถอะนะ" ซีพูดไปพร้อมกับพรมมือขอโทษ ส่วนเราก็เดินออกจากที่เขาซ้อมกันอยู่

เสียงครูพูดมาจนได้ยิน ..... "ซี! ตัวเมิงอะผิด ไม่ยอมไปตามมัน ไปง้อมันซะ ... เดี๋ยวเมิงจะไม่มีคู่ซ้อม ดูดิ ... มันงอนเดินไปโน้นแล้ว!!"


"กรูขอโทษ อย่างอนกรูดิ กรูขอโทษ" ซีพยายามง้อ พร้อมลากแขนเรากลับไปซ้อม
"กรูไม่ได้งอนเว้ย ....!!" เราพูดพร้อมกับพยายามสะบัดมือมันออกจากแขน
"ไม่ได้งอนอะไรล่ะ อาการเนี่ยเขาเรียกว่างอนแล้ว กลับไปซ้อมปะ" หรือว่าจะจริงอย่างที่ซีมันพูด
"ไม่ ไม่กลับไปซ้อม!!" เรายังคงปากแข็ง
"กรูขอโทษๆ ... กรูผิดไปแล้วที่ไม่ได้ไปตามเมิง กรูผิดเอง กลับไปซ้อมเถอะนะๆ" ซียังคงพยายามที่จะลากแขนเรากลับ
".........." เราไม่พูดอะไร พยายามที่จะขืนแรงซี เพื่อไปห้องเปลี่ยนเสื้อ
"กลับไปซ้อมเถอะ ถ้าเมิงไม่ไปกรูก็ไม่ไป" ซีก็ยังคงพยายามง้อ
"เรื่องของเมิงดิ ไม่ซ้อมก็เรื่องของเมิง" เราเสียงแข็ง
"....อ้าว!...." ซีคงอึ้งไปอีกรอบ

และแล้วกรรมการก็มาจนได้ "กลับไปซ้อมเถอะ ซีมันก็ง้อและขอโทษแล้ว .... ดีกันไว้ เรื่องแค่นี้เอง ปะ! ไปซ้อมกันได้แล้ว" ครูเดินมาเป็นกรรมการห้ามศึก

"เห็นม๊า... ครูมาตามไปซ้อมแล้ว ไปเถอะเมิง" แหม! ได้ทีเลยนะเมิงไอ้ซี!
"ก็ได้ ... ไปซ้อมก็ได้" เราบอกซี พร้อมกับเดินตามครูไปเข้าซ้อม

วันนั้นอารมณ์ไม่ได้ ซ้อมกับซีไป เราก็ใส่แรงเต็มที่ มีเท่าไหร่ใส่ให้หมอ มันน่าไหมล่ะ ไม่ยอมมาตาม .... จำได้ว่าซีมันให้เราเตะกับเบาะที่เป็นชนิดสวมแขนตลอด ไม่มีสลับให้เราใส่และมันเตะเลย ... เราก็เต็มที่เต็มแรงเต็มทีน เตะทีตัวซีคงทนแรงเราไม่ไหว ตัวกระเด็นไปข้างหลังตลอด

หลังจากซ้อมเสร็จ ก็ไม่ได้คุยอะไรกัน จนกระทั้งระหว่างทางเดินกลับบ้าน

"กรูขอโทษเมิงอีกครั้งนะ ที่กรูไม่ได้ไปตามเมิง ทีหลังอย่างอนกรูอีกนะ" ...ซีพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
"กรูบอกแล้วว่ากรูไม่ได้งอน" เรายังคงเถียง
"ไม่ได้งอน แล้วอย่างนี้เขาเรียกว่าอะไร" ซีหันหน้ามาถาม
"กรูน้อยใจเว้ย" ... เราตอบโดยไม่มองหน้าซี
"อย่างเนี้ย เขาเรียกว่า ...งอน..." ซียังคงยืนยัน
"น้อยใจ" ... เราก็ยังคงยืนยันอย่างนั้น
"ok ok ... อะไรก็ได้ แต่อย่าทำอย่างนี้อีกนะ ผู้ชายเขาไม่ทำกันหรอก" ดูมันพูดดิ
"ทำไมจะทำไม่ได้ ผิดด้วยเหรอ" ก็มันไม่ผิดนิที่จะทำอย่างนี้
"........" ไม่มีคำตอบจากซี

..........................................................................

อยากจะบอกซีว่า ขอโทษนะที่วันนั้นทำตัวงี่เง่าไปหน่อย และต่อไปเราจะไม่ทำตัวอย่างนี้อีก


ออฟไลน์ krappom

  • 人は誰でもそれぞれに悩みを抱えて生きる
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-23
ขี้งอนจริงๆ เล้ยยย :m12: :m12:
เอ๊ะ...หรือว่าน้อยใจ

งงๆ เหมือนกัน o2

ออฟไลน์ ● MaYa~Boy ●

  • ฉันมันคนขี้อิจฉา
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3990
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-2
ขี้งอนเหมือนเราเลย อิอิ

suraontour

  • บุคคลทั่วไป
o9 มาแอบอ่าน มาแอบเม้นท์ครับ
ที่จริง อาการแบบนี้ ก็เคบเกิดขึ้นกับผมเหมือนกัน แต่โชคดีที่ว่า เวลามันช่วยรักษาอาการเหล่านั้นไปหมดแล้ว ผมก็ได้แต่ภาวนาให้คุณทีเค หายไวๆ
สิ่งที่เราจะเก็บไว้คือความทรงจำที่ดีๆ ไม่ใช่ความเจ็บปวด
จริงไหมครับ?

:+: MashiRo :+:

  • บุคคลทั่วไป
เรื่องบางเรื่องเมื่อหวนนึกไปถึงมันก็ทำให้เรายิ้มได้โดยไม่รู้ตัว
ถึงจุดจบของมันจะเจ็บปวดไปบ้าง แต่โดยรวมแล้ว...
มันก็เป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำ จริงไหม? ^^

theera

  • บุคคลทั่วไป
กลุ้มแทนคับ คู่นี้555 :seng2ped:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
krappom ต้องมีบ้างอ่ะชีวิตจริงนิ  :m13:

MaYa~Boy ● งอนบ่อยๆก็ไม่ดีนะ ต้องรู้จักให้อภัยแล้วก็หายงอนง่ายๆด้วย ถ้าเราผิดเราก็ต้องเป็นฝ่ายง้อนะครับ

suraontour เวลาจะช่วยเยียวยาสิ่งต่างๆได้ มองกลับไปก็ภูมิใจเตอะที่ได้มีรู้จักคำว่ารัก

theera กลุ้มเพราะว่านายเหมือนทีหรือซีหล่ะ

***************************
ภาค "เราขอนายเป็นแฟนหนึ่งวันได้ไหม?" [เรื่องจริงของทีกะซี]
***********************************************************************************************
planที่เราวางไว้ว่าจะไปปลีกวิเวกที่หัวหิน(คนเดียว) 3วันก็เป็นอันพับเก็บไป เหตุเกิดจากซีโทรมาหาเราคืนก่อนจะไปหัวหิน


..........................................................................



แต่ก่อนจะถึงเรื่องนี้ เราขอย้อนเวลากลับไปประมาณสักเดือน มันเป็นเรื่องปกติที่เราจะโทรไปหาซี ถ้าเกินรู้สึกว่าอยากได้ยินเสียงของซี เหนื่อยกับงาน เหงา คิดถึง ตอนนั้นไม่มีใคร หรือว่าอยากจะคุยกับซี ตอนนั้นเวลาประมาณเย็นๆเห็นจะได้ เราเดินไปหยิบโทรศัพท์มือถือจากเตียง กดไปหาphonebook เพื่อหาชื่อของซี และกดโทรออก

"........................." ไม่มีคนรับสาย
"ทำงานอยู่หรือเปล่าหว่า!?!" เรานึกในใจ แต่ก็หันไปมองนาฬิกาที่ผนัง
"........................." ยังคงไม่มีคนรับสาย
"เวลานี้ใกล้จะเลิกงานได้แล้วนาาาาา .... ทำไมยังรับสายไม่ได้ หรือว่ากำลังยุ่ง clearงานอยู่" เรายังบ่นใจใน
"หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ .........." รอจนในที่สุด
"สงสัยงานยุ่ง เดี๋ยวมันก็โทรกลับ" เราคิดว่าคงเป็นอย่างนั้น รอซีโทรกลับแล้วกัน

หลังจากที่โทรไปหาซีแต่ซีไม่รับสาย เราก็หาเรื่องทำนั้นทำนี้ไป จนเกือบลืมไปแล้วว่าโทรไปหาซีเมื่อเย็นๆ ตอนนั้นกำลังนั่งอยู่หน้าจอcomputer

"นี้มันจะสามทุ่มแล้วนี้หว่า ...." เรามองไปที่มุมขวาล่างของจอcom
"...ทำไมซีมันไม่โทรกลับมาวะ ... หรือว่ามันมองไม่เห็นmissed call" คิดไปต่างๆนานๆ
"โทรดี ไม่โทรดี ... โทรไปรอบสองมันจะหาว่าจิกมันหรือเปล่าวะ" เราชั่งใจอยู่นาน
"...โทรละกัน..." ก็มันอยากได้ยินเสียงนี้หว่า

เราหยิบโทรศัพท์มือถือที่อยู่ข้างๆkeyboard กดunlock และดูหน้าจอ .... หน้าจอปกติ ไม่มีขึ้น missed call

"ซีมันก็ไม่ได้โทรกลับมานี้หว่า หรือว่าโทรศัพท์เสีย?"

เรากดและเลื่อนไปที่เบอร์โทรออกล่าสุด .... หน้าจอขึ้นรูปของเจ้าของเบอร์ที่โทรออก .... คนน่ารักของเรา

"......................." มีสัญญาณ แต่ไม่มีคนรับ
"มันหายไปไหนหว่า..." เรานึกในใจ
"....ฮัลโหล...." เสียงซีนั้นเอง รับสายจนได้
"เมื่อเย็นโทรไปหาแล้วรอบนึง เห็นไม่รับสาย ทำงานอยู่อะดิ" เรายิงคำถามแรกให้หายสงสัย
"เปล่าๆ วันนี้ไม่ได้ทำงาน" .... ซีตอบกลับมา เรางงเลยซิ
"ไม่ได้ทำงาน!?!!?" เราพูดด้วยความสงสัย
"อืมมมม ... ไม่ได้ทำงาน ตอนเมิงโทรมา กรูคงอยู่ข้างนอก ทิ้งโทรศัพท์ไว้ในห้อง นี้ก็เพิ่งกลับเข้ามา" ...งงซิเรา ไปไหนของมัน
"อ้าวเหรอ .... อยู่บ้านเหรอ?" ตอนนั้นคิดว่ามันคงอยู่บ้าน
"เปล่า ไม่ได้อยู่บ้าน ตอนนี้อยู่ระยอง มาเที่ยว" อ้าว ... ไม่เห็นชวนกรูกันเลย
"ระยอง!! ไปเที่ยว ทำไมไม่เห็นชวนกรูเลยวะ" แอบน้อยใจนิดๆ
"............................." ปลายสายเงียบไป
"ล้อเล่นๆ เที่ยวหนุกไหม" เราก็ยังมีแอบน้อยใจ
"สนุกดี ไม่ได้มาทะเลนานแล้ว" ฟังเสียงมันก็คิดว่าสนุก
"แล้วไปกะที่ทำงานเหรอ" อาการอยากรู้ว่าไปกะใครเริ่มปรากฏ
"............................" ปลายสายเงียบไปนานพอควร
"ฮัลโหลๆๆ ...... ยังอยู่เปล่า" เรากลัวสัญญาณหาย 
"อยู่ๆ ... เปล่า ... ไม่ได้มากะที่ทำงาน" เสียงซีดูเจื่อนๆ
"แล้วไปกะใครเหรอ?" ทำไมเราต้องอยากรู้ตอนนั้นด้วยวะ
"............................" ปลายสายเงียบไปอีกแล้ว
"เฮ้ย! เมิงเป็นอะไรไปวะ สบายดีหรือเปล่า" เราเริ่มเป็นห่วงมันล่ะ
"............................" ปลายสายก็ยังคงเงียบ
"ฮัลโหลๆๆ ยังอยู่ใช่ปะ .... หรือว่าเมิงไปเที่ยวกะแฟน" เป็นคำถามที่เราไม่อยากถามเลยจริงๆ เพราะกลัวคำตอบ
".............................................อืม..." เสียงปลายสายเงียบไปพักนึง ก่อนจะได้คำตอบ
"............................." เราเลยเงียบไปด้วย ยอมรับเลยว่าshockไปชั่วขณะ
"ฮัลโหลๆๆ ............." ซีถามหา
"ยังอยู่ ... ไม่หายไปไหน" เราซิ น้ำเสียงเจื่อนกว่า
"เรามาเที่ยวกะแฟน" ซีมีน้ำเสียงเรียบๆ
"............................." เรายังรู้สึกหูอือ
"เมิงเป็นอะไรไปหรือเปล่า okใช่ไหม" ซีเริ่มตกใจ
"สบายดี ไม่ต้องเป็นห่วง" เรารู้สึกเหมือนจะหมดแรง
"อืมมมม............" ซีรับฟัง
"อ้าว ... มีแฟนแล้วเหรอ ไม่เห็นบอกกันเลย" พูดไปด้วยน้ำเสียปกติ แต่ในใจเราดิ ไม่สบายเลยจริงๆ
"อืมมมมม.......... " เมิงตอบอย่างอื่นเป็นบ้างไหม
"อย่าให้รู้นะว่าแฟนเมิงเป็นผู้ชาย จะตามไปเจอให้ถึงที่เลย" เป็นประโยคล้อเล่นที่ชอบพูดกับซีบ่อยๆ เมื่อสมับก่อน
"........................" ปลายสายเงียบ
"เฮ้ย! กรูล้อเมิงเล่น บอกมาเถอะผู้หญิงหรือผู้ชาย ถ้าเป็นผู้ชาย .... กรูไม่ทำอะไรเมิงกะเขาหรอก กรูเข้าใจ" พูดไปแต่เราก็เตรียมตัวเตรียมใจกะคำตอบ อย่าบอกนะว่าเป็นผู้ชาย ไอ้ทีได้ร้องไห้แน่ๆ
"อืมมมมม........." มันหมายความว่างัยวะ
"อืมอะไรไร หมายความว่างัย" งงกับคำตอบ
"ผู้หญิง" .... คำตอบที่ได้รับ โล่งอกไปหนึ่งข้าง
"กรูดีใจด้วยนะ เที่ยวให้สนุกแล้วกัน แค่นี้นะ" เราพยายามจะวางสายมันทันที
"เดี๋ยวก่อน ... อย่าเพิ่งไปดิ" ซีรีบบอก
"ทำไมเหรอ" .... รอฟังมันว่าจะบอกอะไร
"เมิงokใช่ไหม กรูรู้ว่าเมิงคงไม่สบายใจ คิดมาก กรูไม่อยากทำให้เมิงสบายใจ" ก็มาเป็นแฟนกะกรูดิ .... แต่ทำงัยได้ แค่นี้เมิงก็ดีกะกรูมาแล้ว จริงๆนะซี
"อืมมมม .... กรูสบายดี ไม่คิดมากหรอก ดีใจกะเมิงมากกว่า แค่นี้นะ" แล้วเราก็วางสายจากซีทันที

ตอนนั้นเหมือนไม่มีทุกอย่างรอบข้าง เสียงรอบตัวเงียบไปหมด เราไม่ได้ยินอะไรเลยจริงๆ ตัวนิ่ง เย็นและชา ในหัวมีแต่เสียงที่บอกกับตัวเองว่า ..... "ซีมันมีแฟนแล้ว เป็นผู้หญิง" .... มันดังอยู่ในหัวหลายรอบ จนมีอีกเสียงหนึ่งในสมองที่แทรกบอกว่า "กรูควรจะดีใจกับเพื่อนกรูดิ เพื่อนกรูมีแฟนแล้ว" .... และทุกอย่างรอบตัวก็กลับมาได้ยินเสียงรอบข้างอย่างปกติ จะมีก็แต่น้ำตาที่เอ่อออกมา

จากคุณ : TK Jr.


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-07-2007 00:17:10 โดย b|ueBoYhUb »

ออฟไลน์ krappom

  • 人は誰でもそれぞれに悩みを抱えて生きる
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-23
 :sad2: :sad2: :sad2: :sad2: :sad2:


อย่างน้อยก็ได้รู้ว่าซียังคงแคร์ความรู้สึก
แม้ความรักที่มีให้มันจะไม่ใช่แบบที่ต้องการ

ออฟไลน์ DeShiWa

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-9
 :impress: :impress: :impress:

ใช่ครับอย่างน้อยเราก็รู้ว่าเค้าแคร์เราอยู่เช่นกัน

เอาใจช่วยนะครับ แล้วเอาซี มาเป็นแฟนให้ได้นะครับ

ผมจะช่วยอีกแรง อิอิ

 :impress: :impress: :impress:

Red_Chocobo

  • บุคคลทั่วไป
 :เฮ้อ:


บางครั้ง การวิ่งไล่ตามอะไรเกินไป มานกะเหนื่อยนะครับ

พักบ้าง หันหน้าออกไปดูสิ่งอื่น ๆ  :undecided:

บางทีหันกลับมาแล้ว อะไร ๆ มันอาจจะเข้าที่ เข้าทาง โดยที่เราไม่รู้ตัวก็ได้   :teach:

หรือว่า หากทุกอย่างยังไม่ลงตัวเหมือนเดิม เราก็ไม่ได้เสียอะไรไปมากกว่าเดิมน๊  า  o16

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
krappom จะว่าไปทีก็โชคดีปะ ถ้าเป็นคนอื่นอาจจะโดนทำร้ายจิตใจมากกว่านี้อีก

deshiwa ขำๆ สงสัยถ้าตื้อมาเป็งแฟนได้ นี่จะฮาไม่ใช่น้อย

Red_Chocobo เห็นด้วยนะครับ อย่าหยุดกับที่เลย อะไรมันจะเกิดก็เกิดไป อย่ากลัวจนก้าวไม่ออก มันก็ไม่ถึงจุดหมายสักที

********************************



หลังจากวันนั้นเราก็ไม่ได้โทรหาซีอีกเลย มีหลายๆปัจจัยที่ทำให้เราไม่โทรหา หนึ่งในนั้นคือ ซีเขามีแฟนแล้ว เราควรจะตัดใจให้มากขึ้น แต่แล้วเมื่อประมาณสัปดาห์ที่แล้ว เวลาที่เราเพิ่งกลับถึงบ้านจากที่ทำงาน นั่งพักให้หายเหนื่อย เริ่มคลายเน็กไทค์ ปลดกระดุมคอ(ขอร้องว่าอย่าผวนคำนี้) หยิบปากกาออกจากกระเป๋าเสื้อ หยิบกระเป๋าเงินออกจากกระเป๋ากางเกง .... โทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงเกิดอาการหนาว .... สั่นๆๆๆ .... มือล่วงเข้าไปหยิบในกระเป๋ากางเกง

"ใครวะเข้าใจโทรมาเนอะ โทรมาตอนถึงบ้านพอดี" ในใจคิดอย่างนั้น 
"ฮัลโหล ...." หลับตากดรับสาย พร้อมน้ำเสียงอันมีความสุข
"เมิงว่างหรือเปล่า" น้ำเสียงที่ปลายสายคุ้นๆ ไอ้ซีนี้หว่า
"ทำไมเหรอ ว่างอะ เพิ่งกลับจากทำงาน" อารมณ์ไหนวะโทรมาหาเนี่ย
"ดีเลย .... มาช่วยกรูหน่อยดิ" น๊ะว่าแล้วต้องมีอะไรให้ช่วย
"ว่าม๊ะมีอะไร แต่ทำไมน้ำเสียงเมิงดูเบาๆ พูดไม่เต็มเสียงเลยวะ" เราแอบสงสัย
"กรูตกบันไดที่บ้าน" ฟังไม่ผิดหรอก มันตกบันได
"อะไรนะ!! เมิงตกบันได ... แล้วตอนนี้เป็นยังงัยบ้าง แขนขาหัวเป็นยังงัยบ้าง" เราดิเสียงหลง ตกใจเลย
"กรูปวดขาข้างนึง อีกข้างไม่รู้สึกอะไรเลย มาช่วยกรูหน่อยดิ" เสียงน่าสงสารมากๆ
"กรูไม่แน่ใจว่าจะไปได้เร็วแค่ไหน แต่กรูจะพยายามไปให้เร็วที่สุด" เรารีบพูดและรีบคว้ากระเป๋าเงิน เพื่อรีบออกจากบ้าน
"เออๆ รีบๆมานะ" น้ำเสียงมันไม่ค่อยดีเลย
"ตอนนี้ให้แม่เมิงมาช่วยก่อนดิ หรือแฟนเมิงก็ได้ .... จะได้ปฐมพยาบาลไปก่อน" เราให้คำแนะนำกับมัน 
"ตอนนี้ไม่มีใครเลย กรูเหลือเมิงคนเดียว" .........อึ้งกับประโยคนี้ของมันมากๆ ยิ่งทำให้ทำเราต้องรีบไปหา
"....แล้วกรูจะรีบไปให้เร็วที่สุด..." รีบวางสายมันทันที

เรารีบออกจากบ้าน รีบโบกtaxiไปหาซีให้เร็วที่สุด พอขึ้นtaxiได้ก็บอกสถานที่ๆจะไป และกำชับคนขับให้ไปให้ถึงเร็วที่สุด

ในที่สุดก็มาถึงหน้าบ้านของซี เกือบเอาชีวิตไม่รอดจากการtaxiคันนี้เหมือนกัน ขับเร็วชิบ ... แทบจะกระโดดออกจากtaxiได้ .... พอถึงประตูรั้วบ้านของซี

"ถ้ามันล็อคประตู กรูจะทำยังงัยวะเนี่ย ไม่อยากกระโดดข้ามรั้วบ้านแม้งเลย สูงก็สูง คนเขาจะมองว่ากรูเป็นขโมยไหมวะ" คิดในใจต่างๆนานๆ
พอจับประตูรั้วและลองเลื่อนดู ...."อ้าว! โชคดีเป็นของเมิง ที่ประตูรั้วไม่ได้ล็อค" .... เรารีบวิ่งไปเข้าในตัวบ้าน .... นั้นงัยตัวเป็นๆนอนอยู่บนพื้น

"ไอ้ทีใช่ไหม" ... เสียงซีมาก่อนเลย
"กรูมาแล้ว เมิงเป็นงัย เจ็บตรงไหน ยังงัยบ้าง" เราวิ่งเข้าไปหามันโดยไม่ถอดรองเท้า
"กรูเจ็บเท้า ลุกไม่ได้ พยายามแล้ว พากรูไปโรงพยาบาลที" น้ำเสียงมันเหมือนกัดฟันพยายามพูด ท่าจะเจ็บมาก
"ได้ๆ เดี๋ยวกรูพาเมิงไปเอง ไม่ต้องห่วง แต่ตอนนี้กรูจะเอาเมิงลุกขึ้นยืนยังงัยดีวะ" เรามองหาทางที่จะดึงตัวมันให้ยืนให้ได้
"เบานะ กรูเจ็บ" ..... เออ ... กรูรู้
"......................................." ตอนนั้นท่าทางเราก็เกงๆกางๆหาท่าทางจะสอดแขนพยุงมันให้ลุกให้ได้ พยายามอยู่นานสองนาน ในที่สุดก็ได้ท่าที่เหมาะ

"กรูจะยกเมิงขึ้นแล้วนะ ถ้ามีแรงก็ช่วยกรูนิดนึง แต่ถ้าเจ็บก็ทนเอาหน่อย" เราก้มลงไปบอกมันใกล้ๆ
".........................." มันไม่พูดอะไร ได้แค่พงกหัวนิดๆ
"เอาล่ะนะ ... กรูเริ่มยกเมิงขึ้นแล้วนะ" เราลงไปนั่งคุกเข่า ก้มลงไปหาตัวซีให้มากที่สุด .... เอามือไปโอบสอดข้างตัวซีทางขวา พอคล้องได้ที่ ก็จับแขนซ้ายมาพาดบ่าเรา และลุกขึ้นยืน พร้อมประคองตัวซีขึ้นมา
".........................." ไม่มีเสียงอะไรจากมัน คิดว่ามันคงเจ็บ
"ไหวไหมเมิง?" เรายกมันขึ้นมายืนได้แล้ว 
"ไม่ไหวก็ต้องไหววะ" เออ ... ดีมากๆ ตอบได้ดีมาก
"ok กรูจะพยายามให้เมิงไม่เดิน ไม่ออกแรงที่เท้า กรูจะยกตัวเมิงอย่างนี้ไปขึ้นtaxi" ตอนนั้นนึกขึ้นมาได้ว่า ทำไมกรูไม่บอกให้taxiคันที่นั่งมา รอที่หน้าบ้าน
"อืมมม ......." มันตอบมาได้สั้นมาก
"เอาล่ะนะ" ... แล้วเราก็พอมันออกมาหน้าบ้านได้สำเร็จ ตัวหนักชะมัด ไม่นึกว่ามันจะหนักขนาดนี้ (ประมาณ50กิโลปลายๆ) ถ้าอุ้มได้ กรูอุ้มไปแล้ว

ยืนรอtaxiไม่นานเท่าไหร่ taxiก็มา .... ตอนเอาซีมันเข้าtaxiนี้ดิ ลำบาก ดันนิดหน่อยมันก็ร้อง ....

"พี่ๆ ไปโรงพยาบาล ..... (ขอไม่บอก) รีบๆเลยนะ" พอปิดประตูรถtaxiได้ ผมรีบบอกที่ๆจะไป
"ครับๆ ... แล้วเขาเป็นอะไรเหรอ" คนขับหันหน้าไปมองซี และหันมาถามเรา
"เพื่อนผมมันตกบันได ... ออกรถได้แล้วพี่" ไม่รู้ว่ามันจะหันมาถามทำไม

ระหว่างทางไปโรงพยาบาล เราก็ให้ซีมันโทรไปรายงานแม่ของมันว่าเป็นยังงัยบ้างแล้ว จะไปโรงพยาบาลไหน ไปยังงัย กับใคร .... สรุปว่า แม่มันก็จะไปเจอกันที่โรงพยาบาล ซึ่งจากที่ทำงานของแม่มันก็คงใช้เวลาไม่น่าจะนาน และก็ถามมันว่ามันตกบันได้งัย

"กรูคิดว่า กรูว่าจะเหยียบพลาด แถมพื้นมันลื่นด้วย" มันสรุป
"ซุ่มซ่ามจริงๆ เมิงนี้" เรายังซ้ำเติมมัน
"ขอบใจมากๆนะเว้ยที่มาช่วยกรู ขอบใจจริงๆ"
"ไม่มาช่วยได้งัย เพื่อนที่กรูรักทั้งคน" เราแอบหยอด


ดีที่ถนนที่ไปมันสวนทางกับทางที่รถติด เลยใช้เวลาไปถึงโรงพยาบาลไม่นาน .... (โชคดีของเมิงนะซี) พอถึงโรงพยาบาล เราลงจากรถ แม่ของซีก็วิ่งเข้ามาหา ส่วนเรื่องเอาซีออกจากรถ ก็เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล เรื่องที่เกี่ยวกับโรงพยาบาล แม่ของซีก็เป็นคนจัดการ เรายืนดูอยู่ห่างๆ จนซีเข้าไปหาหมอ เราและแม่ของซีเลยได้มานั่งคุยกัน

"ขอบใจลูกมานะ ถ้าไม่ได้ลูกเนี่ย ไม่รู้ซีจะเป็นยังงัย" แม่ของซีขอบอกขอบใจใหญ่
"ไม่เป็นไรจริงๆคับ" ..... เรื่องเล็กน้อยมากสำหรับซี
"ขอบใจอีกครั้งนะลูก"  แม่ซียังคงพูดขอบใจอีก
"คร๊าบๆ"   

แล้วเรากับแม่ของซีก็พูดคุยกับไปเรื่อยเปื่อยตามประสาคนที่ไม่ได้เจอกันนาน ไม่รู้ว่าซีเป็นยังงัยบ้าง แต่มันหายไปนานเหมือนกัน จนในที่สุดก็ออกมาพร้อมกับรถเข็น ลักษณะมันดึขึ้นเยอะ สังเกตจากรอยยิ้ม แม่ของซีไปคุยกับหมอ ส่วนเราไปรับช่วงต่อจากบุรุษพยาบาลที่เข็นรถมาให้ ท่าทางมันดีกว่าช่วงก่อนมาโรงพยาบาลเยอะ มีผ้าพันเท้ามันหนึ่งข้าง

"เป็นยังงัยบ้างเมิง" เราก้มหน้าลงไปถามมัน
"ดีขึ้นเยอะแล้ว" มันตอบไปยิ้มไป
"ดีก็ดีแล้ว แล้วตกลงเป็นอะไรที่เท้าเมิงวะ" ก็สงสัยนี้หว่าเลยถาม
"หมอว่า กรูข้อเท้าพลิก .... จะให้ยาทากะยากินไป และคอยดูอาการ ถ้าไม่okก็กลับมาใหม่" 
"กรูว่าเมิงน่าจะokแล้วนาาาาา ...." หลังจากพิจารณาภาพนอก 


หลังจากที่แม่ของซีไปจ่ายเงิน รับยา .... และได้รับไม้เท้าช่วยเดินมาอีก1อัน (เขาเรียกว่าไม้เท้าหรือเปล่าหว่า) เราก็นั่งtaxiกลับไปพร้อมกับแม่ของซี และซี คิดว่าแม่คงไม่มีแรงช่วยพยุงซีขึ้นไปบนห้องนอนของมันแน่ๆ  ..... พอถึงบ้านมัน เราเคยช่วยพยุงมันขึ้นไปบนห้องนอนของมัน และรีบลากลับบ้านเรา คืนนั้นมันคงไม่ได้อาบน้ำแน่ๆ นอนตัวเหม็น อิอิ

จากคุณ : TK Jr.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-07-2007 13:42:13 โดย b|ueBoYhUb »

ออฟไลน์ ~prince™~

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +161/-2
ขอบคุณนะครับที่เอาตอนพิเศษมาให้อ่าน

สนุกมากมายเลย o14 o14

ออฟไลน์ krappom

  • 人は誰でもそれぞれに悩みを抱えて生きる
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-23
แม้จะไม่ใช่คนรัก
แต่ก็เป็นคนแรกๆ ที่ซีคิดถึง :m4: :m4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-07-2007 22:16:44 โดย krappom »

Jingjoh

  • บุคคลทั่วไป
เพ่งมีโอกาสได้อ่าน
ประทับใจมากๆ เลยครับ
 :m15: :m15: :m15:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
เพื่อนๆคิดว่าควรตัดสินใจยังไงอ่ะตอนนี้
*****************
ในที่สุดทำงานมาเหนื่อย เราก็ได้วันหยุดยาว .... ideaของวันหยุดยาวก็ปรากฏว่าต้องไปต่างจังหวัด ... ทะเลเท่านั้นที่เราอยากไป ที่ไหนดีล่ะ พัทยา บางแสน เสม็ด ระยอง หัวหิน หรือชะอำ ... สรุปออกมาเป็น "หัวหิน" จัดแจงโทรชวนเพื่อนๆ แต่ปรากฏว่าเพื่อนๆที่ชวนไปไม่ได้ (ไม่ได้ว่าคนแถวนี้นะ เราเข้าใจที่นายไปไม่ได้) ก็เลยต้องไปปลีกวิเวกคนเดียว (ตามประสาชายโสด) และแล้วคืนก่อนวันไปปลีกวิเวกที่หัวหินก็มาถึง  ... ต้องนอนแต่หัววัน เพราะต้องไปขึ้นรถประมาณ6โมงเช้า ขณะเคลิ้มๆ ครึ่งหลับครึ่งตื่น เสียงทรูโทนของโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น

"ใครโทรมาวะ! จะนอนหลับทั้งที พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า" หลับตาบ่นในใจ ไม่อยากรับสายเลย แต่มือก็เอื่อมไปหยิบโทรศัพท์ พร้อมกับลืมตา

"อ้าว! ซีนิ มีอะไรหว่า" รูปที่แสดงบนหน้าจอ

"ว่าๆ?" น้ำเสียงออกงัวเงียนิดๆของเราถามไป
"นอนไปแล้วเหรอ" ก็ใช่อะดิ ถามมาได้
"โทษทีๆ นึกว่าเมิงยังไม่นอน" นอนไปแล้วโว้ย
"ไม่เป็นไรๆ ... คุยได้ มีอะไรเหรอ" แหม ... โทรมาดึก หรือหลับสนิทไปแล้วก็คุยได้
"พรุ่งนี้เมิงว่างหรือเปล่า" ซีถามมาอย่างนี้ต้องมีอะไรแน่ๆ
"พรุ่งนี้เหรอ กรูไปหัวหิน เนี่ยเลยต้องนอนแต่เช้า" เราพูดตรงไปปะ
"อ้าวเหรอ ... งั้นเมิงนอนไปเถอะ" แต่เราว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆ
"มีอะไรว่ามา กรูรู้ว่าเมิงต้องมีอะไร" ต้องเค้นในรู้ให้ได้ว่ามันมีอะไร 
"คือว่า ............. พรุ่งนี้ไม่มีใครช่วยดูกรูที่บ้าน เลยจะขอเมิงให้มาอยู่ที่บ้านกรูหน่อย" มันมารมณ์ไหนวะ แม่กะแฟนมันล่ะ
"แล้วแม่เมิงล่ะ แฟนเมิงด้วย" จริงมะ มีแฟนก็น่าจะ
"เมิงไปหัวหินเถอะ ไม่เป็นไร แค่นี้นะ" แล้วมันก็วางสายไป 

โอ๊ย!!! เราจะทำยังงัยดีวะเนี่ย พรุ่งนี้เราจะไปปลีกวิเวกที่หัวหิน ได้วันหยุดยาวๆสักที แล้วเราจะทำยังงัยดีวะเนี่ย หนักใจวุ๊ย!! คิดหนักวุ๊ย!! ไปหัวหินก็อยาก ไปอยู่กับซีก็อยาก ทำงัยดี ทำงัยดี!! แล้วอยู่ๆ ไฟก็สว่างขึ้นมาเหนือหัว (ปิ๊ง ....!!) "โทรหาถามเพื่อนดีกว่า"

"เฮ้ย! กรูจะทำยังงัยดีวะ" ไม่มีฮัลโหลอะ ยิงคำถามเลย
"ทำอะไรของเมิง?" มันก็คงงงที่ไม่เล่าเนื้อเรื่องก่อน
"คือ ซีโทรมา ให้ไปอยู่เป็นเพื่อนมันที่บ้านพรุ่งนี้ แต่พรุ่งนี้กรูจะไปหัวหินนะเว้ย......." และก็เล่าๆว่าซีพูดยังงัยบ้าง
"ไปอยู่กับซีเถอะ" เพื่อนแนะนำอย่างนี้
"แต่นานๆ กรูจะได้หยุดยาวสักทีนะเมิง" จริงๆ นานๆ เราจะได้หยุดยาวสักที
"หัวหินเมื่อไหร่ก็ไปได้ แต่ซีมันโทรมาชวนทั้งทีนะเมิง อยู่กับซีเถอะ" มันเริ่มชักจูง จิตใจก็โอนเอียง
"หิวหิน หรือ บ้านซี?" ..... ทำไมเราต้องเลือกด้วยฟะ
"เอางัย ... ไปบ้านซีล่ะดีแล้ว ไม่ต้องคิดมาก" ดูมัน ยังชักจูง
".....นึกไม่ออก..... หัวหินก็อยากไป บ้านซีก็อยากไป" เลือกไม่ถูกเจงๆเรา
"บ้านซี" เพื่อนกรูตอบให้เสร็จ
"เอาเป็นว่า ... ถ้ากรูตื่นไม่ทันไปหัวหิน กรูจะไปบ้านซีแล้วกัน" บทสรุปของเรามาแล้ว
"ไปบ้านซีๆ" มันยังย้ำ
"เออๆ พรุ่งนี้ ... เดี๋ยวก็รู้ ไปนอนล่ะ ดึกแล้ว" ล่ำลาเสร็จ ก็วางสาย

วางสายไปแล้ว หลับตานอนไปแล้ว หัวก็ยังไม่วายที่จะคิด คิดไปคิดมาๆๆๆๆๆ

"หัวหิน หรือ บ้านซี?"
"หัวหิน หรือ บ้านซี?"
"หัวหิน หรือ บ้านซี?"
"หัวหิน หรือ บ้านซี?"
"หัวหิน หรือ บ้านซี?"
"หัวหิน หรือ บ้านซี?"
"หัวหิน หรือ บ้านซี?"
"หัวหิน หรือ บ้านซี?"
"หัวหิน หรือ บ้านซี?"

และแล้วก็หลับไป ........................

จากคุณ : TK Jr.

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
ก็พาซีไปหัวหินด้วยจิ   :m1:  :m1:  :m1:
แต่ถ้าให้เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง  สงสัยจะเป็นบ้านซีละมั้ง  คิดขนาดนี้ นอนหลับยาวแหงๆ อิอิ

ซีเป็นคนดีน่ารักนะ  ไม่ว่าจะเป็นอะไร  อย่างน้อยก็มีคนรู้ใจไม่ทิ้งกันยามยากคนหนึ่งละ  :m13:

ออฟไลน์ krappom

  • 人は誰でもそれぞれに悩みを抱えて生きる
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-23
ก็พาซีไปหัวหินด้วยจิ   :m1:  :m1:  :m1:
แต่ถ้าให้เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง  สงสัยจะเป็นบ้านซีละมั้ง  คิดขนาดนี้ นอนหลับยาวแหงๆ อิอิ

ซีเป็นคนดีน่ารักนะ  ไม่ว่าจะเป็นอะไร  อย่างน้อยก็มีคนรู้ใจไม่ทิ้งกันยามยากคนหนึ่งละ  :m13:

สนับสนุนพาซีไปหัวหินซะเลย  :m4: :m4:

น่าดีใจที่ซียังคิดถึง แม้จะรองจากแม่กะแฟน :m1:

Jingjoh

  • บุคคลทั่วไป
พรุ่งนี้ตื่นไม่ทันแน่เลย  :m12:

*Ecks*

  • บุคคลทั่วไป
...บ้านซี ดีกว่าครับ .. บ้านซีดีที่สุด หัวหินไปเมื่อไหร่ก็ได้ ..... ตอนนี้บ้านซีสำคัญกว่า .... อุอุ :m4:

ออฟไลน์ uknowvry

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-6
 o17หนุก
 :m1:น่าร้ากก
:o7:แล้วก็เศร้าด้วยอ่า
ชอบคับ ชอบ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด