รักรสแซ่บ เรื่องโดย Katesnk
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: รักรสแซ่บ เรื่องโดย Katesnk  (อ่าน 166887 ครั้ง)

tae

  • บุคคลทั่วไป
รักรสแซ่บกับภรรยาสุดแสบ : by katesnk

“ว้าก !!!!....”
ผมร้องลั่น ราวกับควายถูกเชือด เมื่อมองบัตรนักเรียนในมือ ซึ่งผมเจอมันหล่นออกมาจากกระเป๋าสตางค์ตรงหัวเตียง ของคนที่ยังนอนนิ่งอยู่บนเตียงนอนนุ่มของผม เสียงร้องที่ดังก้องจนห้องแทบสะเทือนปลุกให้ร่างเพรียวบาง ผิวขาวนวลลุกขึ้นมาอย่างงัวเงีย พอเขาเห็นร่างเปลือยของผมที่ยืนจังก้าอยู่กลางห้องถนัดตา ก็ถลาลงจากเตียงแล้วแหกปากสวนออกมา

“เฮ้ย อ้ายบ้า อ้ายฝรั่งแก่ลามก แกเป็นใครวะ ออกไปจากห้องฉันเดี๋ยวนี้นะ”



ผมรีบตะครุบตัวคนที่ร้องโวยวาย ดึงมากอดไว้ในวงแขน และเอามือแข็งแรงปิดปากเขาไว้

“ใจเย็นๆไว้ไอ้หนู แหกปากอยู่ได้ ดูดีๆเสียก่อน นี่มันห้องฉันนะ ใช่บ้านเธอเสียที่ไหน แล้วอีกอย่าง ฉันก็อายุ แค่30 เอง ยังไม่ถึงขั้นแก่ ถึงฉันไม่ได้หล่อมากมายเหมือนดาราหนัง แต่หน้าตาก็ไม่แย่จนทรยศอายุไปไกลขนาดนั้นหรอก เรามานั่งคุยกันอย่างสงบดีกว่า”

เด็กนั่นจ้องตาผมเขม็ง คงทั้งแปลกใจที่เห็นฝรั่งอย่างผมพูดไทยได้ปร๋อ และคงตกใจไม่แพ้ผมที่ต้องตื่นมาในสภาพที่เปลือยเปล่า โดยมีคนแปลกหน้าอยู่ในห้องด้วย ในสภาพที่เดาออกได้เลยว่าเมื่อคืนเราสองคนได้มีกิจกรรมเข้าจังหวะทำร่วมกันอย่างลึกซึ้งแค่ไหน

“อูย”

คนร่างบาง ร้องอุทานออกมาอย่างเจ็บปวด เมื่อนั่งลงไปบนเตียง เขากระโดดโหยง มองผมอย่างงุนงง ผมมองหน้าเขา แล้วตวัดสายตากลับไปที่เตียงอย่างรวดเร็ว มีเลือดแห้งๆเปรอะเปื้อนอยู่บนผ้าปูเตียงสีขาวนั่น คราวนี้ผมร้องขึ้นมาบ้าง ตาเหลือกค้างหนักกว่าเก่า สำนึกได้ว่า ผมได้ยุ่งเกี่ยวกับเด็กบริสุทธิ์เข้าไปเสียแล้ว มิน่าเจ้าเด็กนั่นถึงกับนั่งไม่ได้เอาเลย
“เฮ้ย ไมค์ เด็กที่พามาให้ฉันเมื่อคืนนี้ แกพามาจากไหนวะ”

ผมกรอกเสียงขุ่นลงไปในโทรศัพท์ ขณะถามเจ้าไมค์เพื่อนตัวดี ที่ส่งเด็กชายอายุ 15 ปีมาเป็นของขวัญวันเกิดให้ผม คนที่ผมเข้าใจผิดคิดว่าเขาบรรลุนิติภาวะแล้ว คนเอเชียนี่ดูยากจริงๆ เด็กนั่นอายุนิดเดียว แต่ตัวสูงพอสมควร เพียงแต่รูปร่างเท่านั้นที่ดูบอบบางอ้อนแอ้นเหมือนผู้หญิง ด้วยความที่ผมเมาแล้วก็เริ่มจะหื่นกามแล้วเลยทำให้ไม่ทันสังเกตคนที่ตัวเองปล้ำอยู่เมื่อคืนนี้

“ข้างสวนลุม เห็นนั่งอยู่คนเดียว ท่าทางเมาๆ สงสัยเป็นพวกเด็กขายว่ะ ฉันก็เลยลากขึ้นรถมา แล้วเจ้าเด็กนั่นก็ไม่เห็นพูดอะไร เอาแต่งัวเงีย เหมือนจะหลับท่าเดียว แล้วเป็นไง เปิบพิศดารรอบดึก เด็ดดวงไหมเล่า”

เพื่อนผมตอบกลับมา ท้ายประโยคทำเสียงหยอกเย้า แต่ผมไม่มีอารมณ์ไปกับมันด้วย

“ดีกับผีอะไรเล่า รู้หรือเปล่าวะ ว่าแกจะทำให้เราสองคนติดตาราง ข้อหาทำอนาจาร และพรากผู้เยาว์ 2 คดีเชียวนะโว้ย เด็กนั่นน่ะ อายุ แค่ 15 กำลังเรียนชั้น ม.4 โรงเรียนเดียวกับที่ฉันจะไปสอนภาษาอังกฤษเดือนหน้านี้ด้วย ซวยจริงๆ ดันล่อว่าที่นักเรียนของตัวเองเข้าไปแล้ว”

“อ๊ะ เป็นยังงั้นได้ไงวะเจฟ โหย ฉันไม่ได้ตั้งใจทำให้นายเดือดร้อนนะ แค่อยากให้นายมีความสุขในวันเกิด แล้วเมืองไทย ก็ได้ชื่อว่ามีเด็กขายน่ากินเยอะ พอไปเจอเด็กนี่เข้า ฉันก็เข้าใจว่าเป็นพวกอย่างว่า เลยพามาหานายไง แล้วตอนนี้เด็กนั่นอยู่ไหนล่ะ กลับไปแล้วเหรอ”

ไมค์ขอโทษขอโพยผม คงไม่ได้ตั้งใจจริงๆ คืนนั้นมันกับผมเมาด้วยกันทั้งคู่ คงจะตาลายกันบ้างล่ะ

“กลับอะไรล่ะ นี่ยังนอนซมอยู่ในบ้านฉันอยู่เลย เป็นไข้ตัวร้อนจี๋ ลุกไม่ขึ้น เมื่อคืนนี้ฉันเผลอทำรุนแรงกับเขามากไปหน่อย เพราะเชื่อแกนั่นแหละ ไอ้เพื่อนตาถั่ว นึกว่าเด็กขาย เลยอัดเสียไม่ยั้งเลย ถ้าฉันติดคุก ก็อย่าลืมไปเยี่ยมฉันแล้วกัน หาข้าวหาน้ำ ที่ฉันชอบ มาให้กินด้วยนะ”

ผมแว้กใส่มัน ก่อนจะวางสายลง แล้วล้มตัวลงนอนบนเตียง ข้างๆ ร่างบอบบางที่นอนครางหนาวสั่นอยู่ใต้ผ้าห่ม
“นี่ตาลุงฝรั่ง........”

หนอยเจ้าเด็กแสบ พอฟื้นไข้ หน้าตาสดใส เพราะผมคอยดูแลป้อนยาป้อนข้าวให้ ก็เนรคุณด้วยการเรียกผมอย่างนี้เชียว นี่หาว่าผมแก่หรือไง รู้ไหมเนี่ยว่ามันเป็นปมด้อย ฝรั่งอย่างผมอิจฉาคนเอเชียก็ตรงที่ตัวเล็กแล้วก็ดูแก่ช้า ไม่เหมือนคนทางแถบบ้านผม ซึ่งดูหน้าตาจะไปไวกว่าอายุเหลือเกิน

“บอกแล้วไง ว่าอย่าเรียกลุง ฉันอายุน้อยกว่าพ่อแม่เธอเสียอีก ชื่อฉันก็มี ออกเสียงได้ไหม พ่อนักเรียน”

“ก็ได้ ....เจฟ ....เจฟ ....เจฟ .....พอใจไหม”

คนตรงหน้าทำปากยื่น เรียกชื่อผมหลายครั้ง อย่างประชดประชัน

“อื้อดี สำเนียงใช้ได้ เอ้ามีอะไรก็ว่ามา”

“แม่บอกว่า คุณได้ผมแล้ว ต้องรับผิดชอบด้วยการแต่งงานกับผม ไม่อย่างนั้นจะแจ้งความดำเนินคดี”

“หา อะไรนะ”

ผมอุทานเสียงหลง รู้สึกเหมือนถูกก้อนหินตกใส่หัวอย่างไม่ยั้ง จนมึนแล้วมึนอีก หน้าอ่อนเยาว์นั้นเกลื่อนไปด้วยรอยยิ้ม เขากำลังนั่งอยู่บนโต๊ะอาหารในห้องผม และแกว่งเท้าไปมา ตั้งแต่วันที่ไมค์พาเขามาที่บ้านของผม เจ้าเด็กนี่ก็ยังไม่ได้กลับบ้านเลย เพราะดันมาป่วยเสียก่อน แล้วนี่ก็เพิ่งหายได้ไม่กี่วันเอง

“มีที่ไหนกัน ที่พ่อแม่ จะยินยอมให้ลูกชายของตัวเองแต่งงานกับผู้ชายด้วยกัน อย่ามาอำเลยไม่สำเร็จหรอก บอกว่าหมาออกลูกเป็นช้าง ฉันยังจะเชื่อมากกว่า”

ผมแค่นยิ้ม พยายามจะคิดว่านี่คือเรื่องตลก ที่เจ้าเด็กนี่กุขึ้นมาเพื่อแกล้งให้ผมตกใจเล่น แก้แค้นที่ผมบังอาจไปผลาญพร่าพรหมจรรย์ของเขา

“พ่อแม่ผมไง เขารู้ตั้งแต่ผมเป็นเด็กแล้ว ว่าผมเป็นเกย์ แล้วเขาสองคนก็รับได้ ที่จริงแล้วเขาหาคนที่จะมาดูแลผมไว้แล้วด้วย เป็นลูกบุญธรรมของพ่อแม่ เราถูกเลี้ยงดูมาด้วยกัน เขาเป็นเกย์ แล้วผมก็เป็นเกย์ เขารักผม แล้วผมก็รักเขา แต่แม่บอกว่า ผมเสียตัวให้กับคุณไปแล้ว ก็ควรจะมีแค่ชายเดียวเท่านั้น มีหลายคนไม่ดี จะถูกหาว่าสำส่อน มั่วไม่เลือก”

โอ๊ยจะบ้าตาย เกิดมาเพิ่งเคยได้ยินนี่แหละ ว่ามีพ่อแม่แบบนี้อยู่ในโลกด้วย ดีใจแทนเจ้าเด็กนี่ ที่มีพ่อแม่ที่เข้าใจ แถมเป็นธุระเรื่องคู่ครองให้เสร็จ แต่ทำไมต้องเป็นผมด้วย ผมไม่ได้ตั้งใจเสียหน่อย แค่อยากมีเซ็กส์ชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น ไม่อยากผูกมัดลงเอยด้วยการแต่งงานกับใครนี่นา

“ตกลงหรือเปล่า ถ้าไม่ตกลงผมจะได้โทรไปบอกพ่อกับแม่ ท่านรอฟังคำตอบอยู่ในรถที่จอดอยู่หน้าบ้านคุณตอนนี้ ถ้าคุณตกลงท่านสองคนจะเข้ามาหาคุณในบ้าน แต่ถ้าไม่ตกลง ท่านก็จะเรียกตำรวจมาจัดการกับคุณ รับรองคุณหมดอนาคตแน่”

ทำเป็นขู่เสียอีก เด็กน้อยนี่ ไม่ธรรมดาเสียแล้ว

“ว่าไง มัวแต่คิดช้าอยู่นั่นแหละ คนแก่ก็งี้ งุ่มง่าม ไม่ทันโลก คิดช้า เดี๋ยวเจอคุกหรอก”

ดูพูดเข้าสิ เกินเด็กไปหน่อยมั๊ง อะไรก๊านนนนนนนน........นี่ผมถูกมัดมือชกหรือเปล่าเนี่ย อยู่ดีๆทำไมพ่อแม่เจ้าเด็กบ้านี่ถึงมาอยู่ที่หน้าบ้านผมได้ เขาแอบโทรไปหาพ่อแม่ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย สงสัยเมื่อวานตอนที่ฟื้นขึ้นมาแน่ๆ คงจะเล่าอะไรให้ฟังไปเยอะแยะ พ่อแม่เลยยกกันมาจะถล่มผม แล้วอย่างนี้ ผมจะปฏิเสธได้ไง ระหว่างติดคุกในประเทศไทย กับแต่งงานกับเด็กแสบนี่ ผมเลือกอย่างหลังดีกว่า
_________________
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-09-2010 18:44:14 โดย THIP »

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
หุหุ แค่เริ่มเรื่องก็สนุกแล้ว มาต่อไวไวน้า  :yeb:

tae

  • บุคคลทั่วไป
“ทานไรมาหรือยัง”

เสียงใสๆ ทักทายขึ้นทันทีที่เห็นผมเดินเข้าประตูบ้านมา คนทักอยู่ในเสื้อยืดสีเหลือง กางเกงขาสั้นสีขาว อวดเรียวขานวลเนียนน่าสัมผัส มีผ้ากันเปื้อนคาดทับด้านหน้าอีกที

“ยังเลย มีอะไรกินบ้างควิลล์”

นี่แหละชื่อเขาล่ะ แปลว่า “ขนนก” แม่เด็กหนุ่มตั้งให้ เพราะตอนเกิดมา ตัวเขาเบามาก น้ำหนักน้อย เพราะเกิดมาแค่เจ็ดเดือน แม่นึกว่าจะไม่รอดเสียแล้ว ต้องเอาเข้าตู้อบอยู่หลายวัน พอหมอบอกว่าปลอดภัยแล้ว พ่อกับแม่ก็ฉลองกันยกใหญ่ ความที่เป็นลูกคนเดียว พ่อแม่จึงตามใจนัก ให้ความรักกับควิลล์เต็มที่ จนกลายเป็นคุณหนูตัวน้อยๆภายในบ้าน

นับตั้งแต่วันที่ผมยินยอมตกลงรับเจ้าเด็กนี่เป็นแฟน มีการสู่ขอแต่งงานเป็นเรื่องเป็นราว คุณหนูควิลล์ก็ได้มาอาศัยอยู่บ้านของผมในฐานะภรรยา ทำหน้าที่ปรนนิบัติ ดูแลรับใช้ผมเท่าที่จะทำได้ นอกเหนือจากการเอาใจใส่กับเรื่องการเรียน โชคดีที่ไม่ค่อยมีใครรู้เกี่ยวกับการแต่งงานครั้งนี้ เพราะไปทำกันที่จังหวัดเชียงใหม่บ้านเกิดของเขา มิฉะนั้นผมคงต้องอับอายจากการที่ถูกคนอื่นล้อเลียนเป็นแน่ว่าได้เด็กปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมมาเป็นเมีย แถมซ้ำยังเป็นลูกศิษย์ของตัวเองอีกด้วย

“น้ำพริกกะปิ ไข่ทอดชะอม แกงส้ม....น่ากินทั้งนั้น”

เด็กหนุ่มสาธายาย ทำท่าน้ำลายสอ แต่ผมทำหน้าผะอืดผะอม เพราะแต่ละอย่างที่ว่ามามันรสจัดจ้านทั้งนั้น ควิลล์ชอบทานอาหารรสจัด เพราะที่บ้านทานแบบนี้ และเขาก็ทำได้เก่งเสียด้วยเพราะเป็นลูกมืออยู่ในครัวแม่ของเขาตลอด

“อีกแล้วเหรอ ก็รู้อยู่ว่าฝรั่งกินไม่ได้ มันเผ็ดน่ะ ทำอย่างอื่นกินไม่เป็นหรือไง อย่างพวกสปาเกตตี้ ซุป หรือสเต็คอะไรยังเงี้ย”

“ไม่เป็น ไม่เคยทำ ไม่ชอบอาหารฝรั่ง ไม่อร่อย มันเลี่ยน เคยลองแล้วจะอ้วก”

เขาทำท่าแหวะได้น่าหมั่นไส้มาก

“หนอย ไม่กินอาหารฝรั่ง แต่มีสามีเป็นฝรั่งเนี่ยนะ หัดปรับตัวหน่อยสิ ยังนี้จะเป็นภรรยาที่ดีได้ไง”

“ไม่ได้อยากแต่งมาเป็นเมียนายนี่ แค่ตกกะไดพลอยโจน กลัวแม่ดุ สงสารแม่ด้วย จะเลิกกับนายก็กลัวแม่เสียหน้า ที่ลูกอยู่กับแฟนไม่ยืด ต้องซมซานกลับบ้านให้คนนินทา”

โหย คิดไปได้ยังไงกันเนี่ย ช่างจินตนาการเสียจริง ฟังแล้วน่าอ่อนใจยิ่งนัก

“แล้ววันนั้นน่ะ ที่พลาดเสียทีให้นายเพราะเพื่อนมันมอมยา มันไม่ชอบหน้าหน้าผม แต่แสร้งทำมาเป็นดีด้วย ชวนไปบ้านมัน ได้โอกาสก็มอมยา พามาปล่อยที่สวนลุม คงกะให้ผมโดนหิ้วจากฝรั่งตัณหากลับแบบพวกคุณนี่แหละ นี่ผมจัดการไปแล้ว เพื่อนเลวแบบนี้ จะเอาไว้ทำไม ต่อยมันเสียหน้าแหกเลย ถ่ายวิดิโอคลิปไว้ด้วย”

เจ้าเด็กแสบเล่าหน้าตาเฉย เหมือนสิ่งที่ทำเป็นเรื่องปกติ

“โหย เด็กไทยสมัยนี้ ทำไมมันโหดจัง”

ควิลล์เหลือบตาขึ้นมองผม แล้วย่นจมูกใส่

“อย่าเที่ยวได้ว่าคนอื่นเลย ตัวเป็นครูยังมากินเด็กอีก ผู้ให้ความรู้ทำตัวไม่เป็นแบบอย่าง แล้วจะสอนเด็กให้ดีได้ไง ถึงจะเป็นฝรั่งก็เถอะ แต่นี่เมืองไทยนะ ต้องเคารพวัฒนธรรมของเรา เรียนรู้และเข้าใจบ้านเมืองที่นายมาอยู่อาศัยทำมาหากินสิ จะมาคิดว่าบ้านเมืองตัวดีกว่าบ้านเมืองคนอื่นได้ไง”

คำพูดของคนร่างบางตรงหน้าทำให้ผมสะอึก เจ้าเด็กนี่ ความคิดเป็นผู้ใหญ่เกินตัว แฮะ เห็นแสบๆอย่างนี้ เวลาสั่งสอนผู้ใหญ่ขึ้นมา ก็วางท่าเสียจนผมนึกเกรง สิ่งที่เขาพูดถูกต้องทุกอย่าง ผมพลาดเอง ที่ไปยุ่งกับเด็ก แต่ตอนนั้นผมจะรู้ได้ไงกันล่ะ ใช่ว่าผมอยากยุ่งเสียเมื่อไหร่ ไม่ได้มีรสนิยมแบบนี้เสียหน่อย โดนว่ามาอย่างนี้ เล่นเอาเสียคนไปเลย จากนี้ต่อไป ผมคงไม่กล้า ไปยุ่งกับใครสุ่มสี่สุ่มห้าอีกแล้ว

“พูดแค่นี้ทำซึม ทีตอนทำล่ะไม่คิด ดีแล้ว คราวหน้าจะได้ระวังมากขึ้น แล้วนี่จะกินข้าวหรือเปล่าลุงน่ะ นั่งเหม่ออยู่ได้

ภรรยาจำเป็นของผมถามเสียงดุๆ ผมมองร่างเพรียวที่ยืนเท้าสะเอว แล้วอดรู้สึกขำไม่ได้ หนอยตัวกระเปี๊ยกเดียว ทำเป็นซ่าส์ สักวันหนึ่งเถอะ จะจัดการซะให้หายกร่างเลย แต่ก็ได้แค่คิดเท่านั้น ไม่กล้าพูดออกไป เพราะกลัวอดอาหารเย็นมื้อนี้ เอ้าเผ็ดก็เผ็ด ขี้เกียจออกไปกินข้าวนอกบ้านทุกมื้อ เจ้าเด็กนี่ ถึงจะขี้บ่น ชอบกินอาหารรสจัดจ้าน แต่ก็ทำกับข้าวอร่อยมาก ผมคงต้องปรับตัวตามที่เขาบอก ไม่งั้นอดกินกันพอดี มีคนทำให้กินแบบนี้ ต้องเอาใจกันซักหน่อย ผมรีบตอบรับอย่างกระตือรือร้น

“คร้าบบ.......กินครับ”
“ไหน ลองแปลบทความนี้จากอังกฤษให้เป็นไทยสิ นายกวินทร์”

ผมโยนเอกสารสองสามแผ่นลงตรงหน้าของเด็กหนุ่มผิวขาว ตาเรียวรี แก้มแดงเรื่อ ซึ่งแต่งชุดนักเรียนชั้นมัธยมปลายของโรงเรียนเอกชนมีชื่อ เดิมทีเขานั่งอยู่หลังสุดของห้อง แต่ชอบโดดชั่วโมงของผมบ่อยๆ ผมเลยย้ายให้เขามานั่งข้างหน้าเ จะได้อยู่ใกล้หูใกล้ตา แอบแว่บไปไหนไม่ได้
เด็กหนุ่มมองผมตาโต มีการร้องขอความเห็นใจอยู่ในนั้น ผมเบือนหน้าหนีทำเป็นไม่เข้าใจความหมายที่เขาพยายามสื่อ แอบลอบยิ้มไม่ให้เขาเห็น สมน้ำหน้านัก เมื่อวานนี้ ให้ผมทานของเผ็ดจนนอนไม่ได้ ร้อนปากร้อนท้องไปหมด ส่วนตัวเองก็เอาแต่หัวเราะชอบใจ คราวนี้ถึงตาผมบ้าง โดนแกล้งให้แปลเอกสารซะเยอะแยะ ผมรู้ดีว่า ภาษาอังกฤษกับเขาไม่ค่อยถูกกันเท่าไหร่ ยิ่งพอรู้ว่าผมเป็นคนสอน เขาก็โดดเสียจนแทบจะหมดสิทธิ์สอบ

“เอาเมื่อไหร่ครับอาจารย์...”

“วันนี้ หมดชั่วโมงแล้วต้องส่ง ถ้าทำไม่เสร็จไม่ต้องกลับบ้าน”

ผมออกคำสั่ง นึกครึกครื้นในใจที่ได้เอาคืนเจ้าตัวแสบ เขาทำหน้ามุ่ย แอบส่งนิ้วกลางให้ผม ท่าทางโกรธๆ แต่ผมไม่สน เดินหนีไปหน้าห้อง ปล่อยให้เด็กซ่าส์ ฮึดฮัดไปคนเดียว

“เสร็จหรือยัง”

เดินมาดูอีกทีก็เห็นเจ้าเด็กนั่น ตาแดงๆ ทำท่าเหมือนจะเป็นจะตายเสียให้ได้ พอเห็นผมเดินมาหา ก็ฉีกยิ้มหวานและส่งสายตาอ้อนๆมาให้จนผมนึกขำ นี่คงจะใช้เสน่ห์เพื่อขอความเห็นใจจากผมล่ะสิ เมินเสียเถอะ อย่าหวังเลย ถ้าไม่เสร็จก็ไม่ต้องกลับบ้าน วิชาผมเป็นวิชาสุดท้าย ไม่มีใครมาต่ออีกแล้ว วันนี้ผมก็ไม่มีธุระไปไหนด้วย อยู่รอคนเกเรทำงานที่มอบหมายได้อย่างสบายๆไม่ต้องรีบร้อน ผมแสร้งทำเป็นไม่เห็นตาอ้อนๆนั่น หันไปสั่งให้ทุกคนทำงานให้เสร็จ ใครส่งแล้วกลับบ้านได้ ซึ่งมีนักเรียนทะยอยมาส่งกันเรื่อยๆ


ออฟไลน์ Lucifer

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
หึหึหึหึ  ชอบคับชอบ  :haun5:

มาต่อเร็วๆนะ  :impress:

tae

  • บุคคลทั่วไป
หน้าห้องเรียนมีคนมายืนลับๆล่ออยู่ ผมเดินออกไป ก็เห็นเด็กหนุ่มชั้น ม.6 ร่างสูงผิวคล้ำ หน้าตาดี กำลังยืนเมียงมองเข้ามาข้างใน พอเห็นผมเข้าถึงกับสะดุ้ง จะเดินหนี แต่ผมเรียกไว้ เขาชื่อ นายกวี เป็นพี่ชายบุญธรรมของนายกวินทร์ภรรยาโดยบังเอิญของผม นายคนนี้คือคนที่เจ้าตัวแสบบอกว่า เป็นคนรักของเขาที่พ่อแม่หมายมั่นปั้นมือจะให้แต่งงานอยู่กินกัน อยู่ดีๆผมก็นึกเหม็นหน้าเจ้าเด็กนี่ขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ทั้งๆที่เขาก็ไม่ได้ทำอะไรให้ผม แถมเวลาเรียนยังดูเกรงๆผมเสียด้วยซ้ำ นี่ผมผิดหรือเปล่านะ ที่ไม่ชอบหน้านักเรียนของตัวเอง แต่เอาเถอะ ผิดในฐานะที่เป็นครูที่มีความลำเอียง แต่ในฐานะสามี ไม่ผิดนี่นา เจ้าหมอนี่ เป็นคนรักเก่าของเมียผม นี่ขนาดแต่งงานกับผมแล้วยังตามมาเกาะแกะอีก เกลียดนักเชียวพวกชอบเป็นกิ๊กกับเมียชาวบ้านนี่ ต้องจัดการให้เข็ดหลาบ

“วันนี้ กวินทร์คงกลับบ้านไปพร้อมกับเธอไม่ได้หรอก อย่ารอเลย เขายังมีงานแปลบทความอยู่ ยังทำไม่เสร็จหรอก อาจจะกลับมืด เดี๋ยวฉันรับกลับเอง ”

ผมบอกเสียงห้วน ทำหน้าดุๆใส่ แล้วขวางประตูไว้ ไม่ให้เขาส่งสายตาเข้าไปหาเจ้าตัวดีที่กำลังแปลบทความง่วนอยู่ ตัวที่โตสูงเกือบเต็มประตูของผม ข่มร่างของกวีให้ดูตัวเล็กลงไป เจ้าเด็กนั่นท่าทางจะกลัวผม เขารีบลากลับไปในทันที ผมเดินกระหยิ่มยิ้มย่องกลับมายังโต๊ะที่เจ้าเด็กแสบนั่งอยู่ ทั้งห้องเหลือเพียงเขาแค่คนเดียวเท่านั้น เห็นควิลล์กำลังงงอยู่กับการแปลข้อความตรงหน้า ผมก็เลยตบโต๊ะดังปัง จนเจ้านั่นถึงกับสะดุ้ง

“ให้ไว ให้ไว จะอยู่จนกระทั่งภารโรงมาเปิดโรงเรียนพรุ่งนี้หรือไง”

“ตาแก่เอ๊ย อย่าเร่งสิ ไม่ใช่ภาษาพ่อภาษาแม่นี่นา จะได้แปลได้คล่องปี๊ดๆๆ”

เขาแว๊ดกลับมาอย่างโมโห แต่มีหรือที่ผมจะปล่อยให้ลอยนวล ที่นี่มันในห้องเรียน ผมเป็นใหญ่ เจ้าเด็กบ้า ซ่าส์ผิดที่ผิดทางเสียแล้ว

“กรุณาระวังคำพูดหน่อย นายกำลังก้าวร้าวครูบาอาจารย์อยู่นะ คนไทยชอบลบหลู่ผู้ประสิทธิประสาทวิชาแบบนี้เหรอ นี่หรือวัฒนธรรมไทย ไหนว่ามีแต่สิ่งดีๆ ที่เห็นอยู่นี่ มันแย่นะ

“ขอโทษคร้าบ ....ผมจะไม่พูดไม่ดีแบบนี้อีกแล้ว”

เด็กหนุ่มยกมือไหว้ท่วมหัว ทำท่าสำนึกผิด ผมหัวเราะชอบใจ แล้วเดินผิวปากหวือ ไปนั่งอยู่ที่โต๊ะอาจารย์ ตรงหน้าชั้นเรียน ตาจับจ้องอยู่ที่ร่างเพรียวบางที่ก้มหน้าก้มตาแปลบทความด้วยความเพลิดเพลิน
เสียงปังๆจากมีดกระทบกับเขียง โดยมีเนื้อหมูคั่นกลางบ่งบอกอารมณ์อันฉุนเฉียวของคนที่ลงแรงได้อย่างดี ใบหน้าของคนที่กำลังสับหมูบึ้งตึง คิ้วขมวด ปากก็บ่นพร่ำโวกวากโวยวายเสียงดังลั่น ผมหันไปมองคนที่ทำงานในครัว และหันกลับมานั่งตัวลีบอยู่ในโซฟา วันนี้ เป็นอะไรของเขานะ แค่ปล่อยให้กลับบ้านดึกแค่นี้เอง ทำไมต้องโมโหกันถึงขนาดนี้ด้วย ก็ตัวเองแปลบทความง่ายๆไม่เสร็จเองทำไมล่ะ ไม่เห็นจะยากตรงไหน สิ่งที่ผมให้ มันเป็นสูตรการทำอาหารทั้งนั้น ตัวเองทำอาหารบ่อยๆ ก็น่าจะคุ้นเคยกับคำศัพท์พวกนี้สิ

“จ๊ากก ว๊ากกกกก โว้ยยยยยยยยย........ฉ่า.....ฉู่ฉี่..........”

เออแน่ะ ทั้งเสียงทั้งกลิ่นลอยเข้ามาถึงในห้องรับแขก ดั่งผีหลอกวิญญาณหลอน แต่คงจะเป็นผีบ้าที่เฮี้ยนเอามากๆทีเดียว หมอผีที่ว่าเก่งคงจะเอาไม่อยู่ ผมจินตนาการ ถ้วยชาม กะทะ ตะหลิวปลิวว่อนตามแรงของอารมณ์ ไฟในเตาลุกพรึ่บพรั่บ เสียงกระทบกันดังโคล้งเคล้งชวนผวา ใบหน้าและท่าทางกระเหี้ยนกระหือรือขณะถือมีดฟันฉับๆลงไปบนก้อนเนื้อที่อยู่บนเขียงให้ความรู้สึกเหมือนดั่งฆาตกรที่กำลังแล่เนื้อเถือหนังเหยื่อด้วยความคั่งแค้น ยิ่งคิดยิ่งขนลุก หวังว่าเจ้าเด็กซ่าส์นั่นคงไม่ถือมีดปราดเข้ามาแทงผมตายด้วยความโมโหนะ สงสัยวันนี้ต้องทำตัวดีๆหน่อยแล้วหลังจากแกล้งไว้เยอะเมื่อตอนเย็น นี่ถ้ารู้ว่าผมไล่คู่รักเขากลับบ้านไปจะโกรธขนาดไหน

“กินได้แล้ว ตาลุงฝรั่ง รีบๆเข้า จะนอนแล้ว ง่วง”

เสียงตะโกนดังมาจากในครัวท่าทางฉุนๆ ทำให้ผมต้องรีบกดปุ่มปิดโทรทัศน์ที่กำลังดูอยู่และเดินเข้าไปในครัว ตรงส่วนที่เป็นโต๊ะอาหารอย่างว่าง่าย มีกลิ่นฉุนกึ๊กจนผมแทบสำลัก นึกสังหรณ์ใจว่าวันนี้คงไม่ได้กินอาหารอร่อยๆแน่ เมื่อมองเห็นสีสันของกับข้าวในจาน ดูเหมือนวันนี้จะมีผักเพียงชนิดเดียวที่ทำเป็นอาหารหลัก ผมมองอาหารสองสามอย่างที่อยู่บนโต๊ะ สีเขียวๆแดงๆ ของมันชวนให้สงสัย

“อะไรน่ะ .....หน้าตาพิลึก”

“อันนั้นยำเมียเบื่อ ผัดเมียระเหี่ยใจ และไข่ต้ม...”

คนพูดยังคงทำหน้าง้ำ เท้าสะเอวมองจ้องผมไม่วางตา ราวกับว่า ถ้าผมบ่นอะไรออกมา เป็นต้องได้เจอฤทธิ์ของเจ้าเด็กแซ่บแน่

“มีอาหารชื่อนี้ ด้วยเหรอ ตลกจัง แล้วนี่ใช้ผักอะไรมาผัดอ่ะ”

“มะเขือยาว อันที่ชื่อยำเมียเบื่ออ่ะ คือ ยำมะเขือเผา ส่วนผัดเมียระเหี่ยใจก็ใช้มะเขือเหมือนกัน เขาตั้งชื่อล้อเลียนไงรู้ไว้ด้วย ไอ้พวกสามีไร้น้ำยา มีแค่มะเขือเผาติดกายใช้การอะไรไม่ได้ ชิส์ อย่าถามมาก กินไปเถอะ อาหารพวกนี้มันเหมาะกับนายแล้วอ่ะ”
เจ้าเด็กแสบทำหน้ากวนประสาท เหมือนสะใจที่แอบด่าผมทางอ้อมได้ แต่ด่าแบบนี้ มันเข้าตัวเขามากกว่าจะด่าผมนะ นึกยังไงมาว่าผมเป็นมะเขือเผา ผมยังมีอารมณ์มีความรู้สึกอยู่นะเฟ้ย นี่ถ้าไม่ใช่เพราะตอนแต่งงานได้ทำสัญญากันไว้ว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกันทางเพศจนกว่าเด็กนี่จะเข้ามหาวิทยาลัย นายควิลล์ไม่มีทางได้มาทำปากดีกับผมเป็นแน่ ฝากไว้ก่อนเถอะ ให้โตกว่านี้ก่อน จะทำให้ปากดีๆนั่นเปล่งเสียงร้องครางแทนการบ่นด่าเลยคอยดู

ผมตักอาหารเข้าปาก แล้วก็แทบจะคายสิ่งที่กินเข้าไปออกมา ด้วยรสชาติที่เผ็ดร้อนจนปากผมเกือบจะไหม้ แต่เมื่อเห็นคนตรงหน้าจ้องตาแป๋ว ผมก็ต้องกล้ำกลืนเคี้ยวอาหารเหล่านั้นลงคอจนหมด จะให้เด็กบ้านี่รู้ไม่ได้ ว่าผมได้รับทุกขเวทนาจากการกลั่นแกล้งของเขา ไม่อยากให้ควิลล์รู้สึกสมหวังที่แกล้งผมได้ผล เพราะจะทำให้เขายิ่งได้ใจ และแกล้งผมหนักขึ้น ถ้าจะต้องอยู่ด้วยกันต่อไป นิสัยแย่ๆของควิลล์จำเป็นต้องได้รับการแก้ไข มิฉะนั้น ชีวิตของเราสองคนคงไม่มีทางได้พานพบกับความสุขเป็นแน่

“อร่อยไหมตาเฒ่า”

“อร่อยสิ อร่อยมาก คราวหลังทำให้เผ็ดกว่านี้อีกนะ ตอนนี้ฉันหัดทานของเผ็ดจนเก่งแล้ว อ้อ…เวลาพูดกับสามีตัวเองน่ะ พูดให้เพราะกว่านี้หน่อยสิ จะมาเรียกว่าตาฒ่งตาเฒ่าได้ไง ให้เกียรติกันหน่อยนะ ทีฉันน่ะ ยังไม่เรียกนายว่า “ไอ้เด็กเมื่อวานซืน” เลย เราสองคนพูดจากันดีๆก็ได้นี่นา คนไทยน่ะเป็นคนจิตใจดี และอ่อนน้อมถ่อมตนไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่แสดงให้เห็นสักหน่อยล่ะ ว่าที่เขาพูดมาน่ะเรื่องจริง”

ผมสอนเด็กหนุ่ม ควิลล์ทำหน้าง้ำ ท่าทางไม่พอใจที่ถูกดุ แต่ก็เหมือนยอมรับอยู่ในที

“ก็อยากจะพูดดีด้วยอยู่หรอก แต่คนบางคนก็ไม่น่าจะพูดดีด้วยสักเท่าไหร่ โกหก ปลิ้นปล้อน หลอกลวง”

“ว่าฉันหรือเปล่า”

“ก็ใช่นะสิ นายไม่ใช่เหรอที่ไปหลอกพี่กวี จนเขาต้องกลับบ้านไปก่อนไม่รอฉันน่ะ”

“อ๋อ แค่นี้น่ะเหรอ ที่ทำให้โมโหโทโสขนาดนี้ ทำไมล่ะ ฉันก็แค่พูดความจริงว่านายต้องทำงานที่ฉันให้ คงจะกลับมืด ก็แค่ไม่อยากให้รอเท่านั้น นายอยู่บ้านเดียวกับฉัน เรากลับด้วยกันก็ได้ นายกวีต้องเข้าใจด้วยนะ ว่านายแต่งงานเป็นเมียฉันแล้ว ขืนมายุ่งมาเกาะแกะ ก็ทำตัวไม่ต่างอะไรกับชู้ หรือว่านายชอบให้เป็นแบบนี้”

ผมย้อนถามควิลล์ เขาทำหน้าง้ำหนักขึ้นกว่าเดิม พูดเสียงงอนๆ ก่อนจะเดินปึงปังขึ้นห้องนอนโดยไม่ยอมแตะต้องอาหาร

“ไม่ชอบทั้งคำว่า “ชู้” และคำว่า “เมีย” นั่นแหละ อย่ามาเรียกให้ได้ยินอีกนะ ฉันเป็นของนาย โดยไม่ได้เต็มใจ ถูกข่มขืน ฉันไม่ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ฉันยอมแต่งงานกับนายเพราะพ่อแม่ฉันดันหัวโบราณ เขาคงลืมไป คิดว่าฉันเป็นลูกผู้หญิง ที่เมื่อเสียตัวให้ใครก็ต้องอยู่กับคนๆนั้น แต่เอาเถอะ มันก็ดีเหมือนกัน เพราะฉันจะได้ถือโอกาส เรียนรู้การใช้ชีวิตคู่ และการปรนนิบัติใครบางคน เพื่อที่ว่าวันข้างหน้า หากว่าเราเลิกกัน ฉันจะได้ทำอย่างนั้นกับคนที่ฉันรัก ดังนั้นอย่าได้เข้าใจผิดอะไรเกินเลย ฉันไม่ได้หลงใหลได้ปลื้มนายจนนิดเดียว นายฝรั่งขี้นก คนไทยก็ต้องเหมาะสมกับคนไทยเท่านั้น ไม่ใช่กับคนต่างชาติอย่างนาย”

เออหนอ กีดกันเชื้อชาติกันด้วย ทำไมเหรอ ฝรั่งอย่างผมรักคนไทยไม่ได้หรือไง หรือฝรั่งอย่างผมมันไร้หัวใจ รักใครไม่เป็น แล้วไอ้ที่ผมมาติดอยู่ที่เมืองไทยนี่ ไม่ใช่เพราะหลงรักคนไทยหรอกหรือ สู้อุตส่าห์ตามหนุ่มไทยรักแรกของผมมา หวังว่าจะได้อยู่ร่วมกัน แต่แล้วเขาก็จากผมไปมีคนอื่น แถมซ้ำยังเอาเงินผมไปจนหมดเกลี้ยง ไม่เหลือให้กลับประเทศได้เลย ต้องวิ่งเต้นหางานทำ จนสามารถมีเงินมีทองซื้อบ้านได้ แต่แทนที่ผมจะกลับบ้าน ผมก็ดันหลงเสน่ห์เมืองไทย เสียจนอยากจะตั้งรกรากอยู่ที่นี่ และหารักแท้กับหนุ่มไทยสักคน ไม่นึกเลยว่าตัวเองจะต้องมาลงเอยกับเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ เป็นลูกศิษย์ของผม แถมซ้ำเขายังไม่ค่อยชอบขี้หน้าผมอีกด้วย ไม่รู้ว่าจะเป็นแบบนี้ไปอีกนานสักเท่าไหร่ ความสัมพันธ์แบบไม่ตั้งใจอย่างนี้มันมีโอกาสจะก่อให้เกิดรักแท้บ้างหรือเปล่านะ


abcd

  • บุคคลทั่วไป
 :laugh: รักแบบตกกะไดพลอยโจนนน ยังกะหนังไทยเยย เอิ๊กๆๆๆ

tae

  • บุคคลทั่วไป
“นี่ ตาลุงฝรั่ง นอนเผื่อแผ่คนอื่นด้วยสิ เว้นที่ให้เขาบ้าง นอนเต็มเตียงอยู่ได้คนเดียว เป็นผู้ใหญ่เสียเปล่า ไม่มีน้ำใจเลย”

กำลังนอนสบายอยู่ดีๆ เสียงควิลล์ก็ดังขึ้นข้างเตียง ไม่พูดเปล่า เจ้าตัวก้าวขึ้นมานอนด้วยหน้าตาเฉย จากนั้นก็กระชากผ้าห่มจากผมไปห่มตัวเองคนเดียว อะไรเนี่ย ห้องก็ห้องผม เตียงก็เตียงผม ไหง เจ้านี่มาเจ้ากี้เจ้าการแบบนี้ในห้องคนอื่นล่ะ ห้องตัวเองก็มีแต่ไม่ยอมไปนอน อ้างว่าสามีภรรยาต้องนอนด้วยกัน แต่ที่จริง เพราะกลัวผีเป็นชีวิตจิตใจมากกว่า

เจ้าเด็กตัวแสบชอบทำตัวซ่าส์ก๋ากั่น ไม่กลัวใคร แม้กระทั่งผม ปากก็จัด เอาแต่ใจตัวเองที่สุด แต่อันที่จริงก็เก่งเฉพาะกับคนด้วยกันเท่านั้น กับภูตผีปีศาจ เจ้านี่กลัวหงอ เคยได้ยินจากปากแม่ของเขาตอนที่ไปสู่ขอว่า ควิลล์เป็นเด็กที่ขี้กลัวความมืด กลัวที่แคบ และกลัวผีมาก เพราะตอนที่อยู่กับคนเลี้ยง ควิลล์ซนอยู่ไม่สุข พี่เลี้ยงไม่รู้จะจัดการกับเด็กดื้ออย่างไร เลยเอาเรื่องผีขึ้นมาขู่ แล้วก็หลอกเสียจนควิลล์กลัวด้วยการเล่าเรื่องราวชวนขนหัวลุก และชอบเปิดหนังผีให้ดู จนเป็นความกลัวฝังใจติดมาจนโต พอตกกลางคืนจะอยู่คนเดียวไม่ได้ แต่ความที่เป็นเด็กแสบ เลยไม่อยากให้ใครรู้เรื่องนี้เพราะเกรงจะถูกคนอื่นหาว่าตาขาว แม้กระทั่งกับผม เขาก็จะไม่แสดงท่าว่ากลัวให้เห็น เวลาจะมาอาศัยเตียงผม ก็จะอ้างโน่น อ้างนี่ เพื่อหาเหตุมานอนด้วย เล่นเอาผมเข้าใจผิดตอนแรก คิดว่าเด็กนี่ อยากจะมีอะไรกับผม ตอนหลังถึงรู้ว่าเจ้าเด็กนี่ แค่ไม่อยากนอนในห้องตัวเองเพราะกลัวการอยู่คนเดียว

ผมไม่เคยนอนหลับเป็นสุขเลย เพราะหมอนี่นอนดิ้นยังกับอะไรดี บางครั้ง แข้งขาของเขา ก็พาดมาอยู่บนหน้าท้องของผมบ้าง มีอยู่ครั้งหนึ่งผมตื่นขึ้นมา เจอเท้ายันอยุ่เต็มใบหน้า ส่วนหัวกลับลงไปอยู่ข้างล่างตรงปลายเท้าของผม การนอนอาละวาดของเขาทำให้ผมต้องคอยระมัดระวังตัวอยู่ตลอดเวลา ขืนนอนขี้เซาไฟไหม้ยังปลุกไม่ตื่น อาจจะเจอขาฟาดเอาคอหักได้ หรือไม่ก็หลับตายไปเลย จนบางครั้งผมต้องรวบตัวเจ้าเด็กแสบนี่ เข้ามากอดไว้ในวงแขน นั่นแหละ เขาถึงสงบ แถมบางทีก็แอบนอนซุกอยู่กับอกของผมด้วย จนผมอยากจะละเมิดสัญญาที่ให้ไว้กับพ่อแม่ของเขาแล้วลักหลับคนนอนข้างๆให้รู้แล้วรู้รอดไป

“นี่ๆๆ นายควิลล์ ทำตัวเป็นเด็กมีมารยาทหน่อยสิ มาอาศัยนอนบนเตียงเขา ก็ต้องพูดจากันให้เพราะๆ แล้วผ้าห่มน่ะมันของฉัน ต้องมาแบ่งกันห่มบ้าง อย่าเห็นแก่ตัว”

ผมบ่นเขาเสียงดัง จากนั้นก็ดึงผ้าห่มจากเขามาห่มให้ตัวเองด้วย ควิลล์มองหน้าผมตาปริบๆ คงไม่นึกว่าผมจะกล้าดุเขา เพราะตามปกติผมจะปล่อยให้เขาขึ้นมาบนเตียงผมตามใจชอบโดยไม่ว่าอะไร แต่คราวนี้ต้องว่ากันบ้าง เพราะยิ่งไม่ว่า ยิ่งเอาแต่ใจ ไม่ขออนุญาต ไม่ขอโทษเลยสักนิดที่ทำตัววุ่นวายในห้องและบนเตียงของคนอื่น
_________________
“ก็ทำไมล่ะ ฉันเป็นเมียนาย ก็มีสิทธิ์มานอนเตียงเดียวกับนายได้สิ จะบ่นอะไร แค่นี้ทำเป็นงกไปได้”

คนปากดียังหาเรื่องมาเถียงจนผมอดนึกขำไม่ได้ เมื่อสองวันก่อน ตอนที่งอนผม ยังประกาศกร้าวว่าไม่ชอบให้ผมเรียกเขาว่า “เมีย” แต่คราวนี้กลับพูดออกมาหน้าตาเฉย ความที่อยากจะเอาชนะ คงทำให้ลืมคิดหน้าคิดหลังถึงสิ่งตัวเองได้พูดออกไป เจ้าหนูนี่จะเอายังไงกันแน่นะ ตกลง จะเป็นหรือไม่เป็นเมียของผมกันล่ะ

“แล้วเมียที่ไหนกันโวยวายใส่สามีตัวเองตลอด นอนก็ไม่เรียบร้อย เตะถีบคนอื่นทั้งคืน ใครจะไปนอนด้วยได้ ถ้าอยากให้คนอื่นนอนเป็นเพื่อนด้วย ก็นอนให้สงบเสงี่ยมกว่านี้หน่อยสิ”

ผมเห็นควิลล์หน้าแดงก่ำ เมื่อผมพูดจบ คงนึกอายที่ตัวเองทำให้เจ้าของเตียงนอนหลับไม่เป็นสุข แต่เจ้าหนูจอมแสบไม่ค่อยจะยอมรับอะไรง่ายๆ เขามักจะหาทางเฉไฉไปเรื่องอื่น เพื่อกลบเกลื่อนความละอายต่อความผิดของตนเอง

“ก็อยากกรนทำไมล่ะ ฉันเลยถีบให้รู้ตัวไง ว่ารบกวนคนอื่นมากไปแล้ว เสียงดังยังกับมีรถไฟมาวิ่งสัก 10 ขบวน”

เว่อร์น่า ผมคิด ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก ยอมรับว่าผมเป็นคนที่นอนกรน แต่ไม่เคยมีใครบ่นว่าเสียงดังสนั่นหวั่นไหว มีแต่เจ้านี่แหละ ที่ใส่สีใส่ไข่ ซะจนผมนึกรังเกียจตัวเอง และแอบสงสัยว่า แฟนชาวไทยของผม เลิกราไปเพราะผมนอนกรนหรือเปล่านะ เฮ้อ ช่างมันเถอะ ป่วยการจะไปคิด ถึงอย่างไร ผมกับเขาก็เลิกกันไปแล้ว ชีวิตผมยังคงต้องเดินหน้าต่อไป ด้วยการอยู่ร่วมกับหนุ่มน้อยคนนี้ นึกไปนึกมา ผมก็ว่า เราสองคนนี่เหมาะสมกันดี คนหนึ่ง ก็นอนกรน จนคนที่อยู่เคียงข้างไม่พอใจ อีกคนก็นอนดิ้นไปดิ้นมา อยู่ไม่สุข หรือว่านี่เป็นบัญชาของสวรรค์ที่ให้ผมได้มาพบคนรู้ใจ ที่แตกต่างกันทั้งวัย และความคิด แต่กลับเป็นส่วนผสมที่ลงตัวเหลือเกิน

“นี่....นอนเถอะลุง จะคิดมากไปทำไมกับคำพูดของเด็กๆ ระวังหัวจะล้าน หน้าจะเหี่ยวไปมากกว่านี้นะ เอางี้ พรุ่งนี้ จะทำอาหารจืดๆให้สักอย่างหนึ่ง เป็นการตอบแทนที่ให้มานอนในเตียงด้วยก็แล้วกัน อยากกินอะไรก็บอกตอนเช้านะ จะได้ทำได้ทัน อย่ามานึกกระทันหันล่ะ ข้าวของมันจะไม่เหลือให้ซื้อ เดี๋ยวจะอดกิน”

เจ้าของใบหน้าขาวๆกับดวงตาเรียวยาวขยับปากสั่งผมให้นอนได้แล้วด้วยเสียงห้วนๆที่พยายามให้ดูดุ แต่ ยังไม่ทันที่จะได้เห็นผลงานของตัวเองว่าสั่งแล้วผมทำตามหรือไม่ ตัวคนพูดก็ผล็อยหลับไปก่อนอย่างง่ายดาย ผมนอนตะแคงข้างมองดูเขา พลางยิ้มอย่างนึกเอ็นดูนายควิลล์ เด็กหนอเด็ก ให้อวดเก่งขนาดไหนก็ยังเป็นเด็กอยู่วันยังค่ำ เจ้าเด็กบ้านี่ ถึงจะดูยียวนกวนประสาท แต่บางทีก็น่ารักดีพิลึก
“เป็นไงบ้างคะ คุณเจฟ นายควิลล์เขาแผลงฤทธิ์อะไรให้คุณปวดหัวบ้างไหม”

หญิงวัยกลางคนหน้าตาสะสวย การแต่งกายสง่าสมวัยเอ่ยปากถามผมทันทีที่พาลูกชายสุดที่รักของเธอกลับมาเยี่ยมบ้าน ควิลล์ไม่ได้อยู่บริเวณนั้น ออกไปเที่ยววิ่งเล่นซุกซนกับน้องหมาทั้ง 10 ตัวของเขา ส่งเสียงกันให้ขรมตั้งแต่ปากซอย ยันท้ายซอยที่แยกเข้ามาในหมู่บ้าน แยกไม่ออกว่าอันไหนเสียงคน อันไหนเสียงสุนัข

“ก็มีบ้างครับ คุณป้า แต่โดยรวมก็น่ารักดีครับ”

ผมตอบไปตามความเป็นจริง เจ้าหนูควิลล์แสบไปหน่อย แต่อยู่ด้วยก็ทำให้ไม่เหงา

“อื้ม คิดไว้แล้วไม่มีผิด หนูควิลล์ เขาเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของครอบครัว ร่างกายไม่ค่อยจะแข็งแรงมาตั้งแต่เด็ก เขาน่ะรีบร้อนมาเกิดตั้งแต่ยังไม่ทันครบ 9 เดือนดี คงอยากออกมาดูโลกเร็วๆ เลยติดนิสัยใจร้อนออกมาด้วย เอาแต่ใจตัวเอง ถูกขัดใจไม่ได้ พ่อแม่ก็ตามใจ ยิ่งเห็นป่วย ก็ยิ่งโอ๋ จนเสียคน ดื้อรั้นไม่ฟังใคร พอเขาแต่งงาน ป้าก็หวังว่า เขาจะมีคนที่เข้าใจเขา แล้วช่วยกล่อมเกลานิสัยของเขาให้ดีขึ้นมาหน่อย ยังไงก็ฝากน้องไว้คนหนึ่งนะ เอ็นดูเขาบ้าง หนักนิดเบาหน่อยก็อภัยให้น้องนะ ถ้าดื้อก็ดุได้ ตีได้ป้าไม่ว่า ขอเพียงให้ดูแลให้เขามีความสุขก็พอ”

แม่ของควิลล์สั่งเสียยืดยาว ราวกับฝากฝังลูกสาวไว้กับลูกเขยที่มาแต่งงานด้วย ผมก็บ้าจี้รับปาก ทำตัวเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดีต้องดูแลภรรยาวัยละอ่อน จะทำไงได้ล่ะ ดันไปข่มขืนลูกเค้า เด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ เขาไม่เอาเข้าคุกก็บุญแล้ว

“นี่ควิลล์หายไปนานแล้วนะ ลองออกไปดูหน่อยสิคะ เจ้าลูกคนนี้นี่ ซนไม่รู้จักเวล่ำเวลาจริงๆ ได้เวลาทานข้าวแล้วยังไม่ยอมกลับมาอีก โตป่านนี้แล้ว ครอบครัวก็มี ยังจะทำตัวเป็นเด็กๆอีก กลับมาจะเขกกระโหลกเลยคอยดู”

ผู้เป็นแม่บ่นกระปอดกระแปดจนผมต้องยิ้มออกมา รู้แล้วว่าเจ้าตัวแสบของผมขี้บ่นและซ่าส์เหมือนใครผมอาสาแม่ของควิลล์ไปตามตัวลูกลิงน้อยเพื่อนำสู่อ้อมอกของผู้เป็นแม่ เดินออกไปจนกระทั่งถึงสวนสาธารณะขนาดใหญ่ตรงต้นซอยจึงพบควิลล์นั่งอยู่ริมสระน้ำกับเด็กหนุ่มคนที่มาหาควิลล์ที่ห้องเรียน นายกวี พี่ชายซึ่งเป็นคนรักเก่าของเมียผม เขามาได้อย่างไรกัน แถมยังแอบมากุ๊กกิ๊กหยอกล้อกันอย่างสนิทสนมลับหลังผมเสียอีก แบบนี้ยอมไม่ได้แล้ว ถึงจะไม่ได้รักชอบเด็กนี่นักหนา แต่ลูกผู้ชายฆ่าได้หยามไม่ได้ ผู้ที่ยุ่งเกี่ยวกับเมียชาวบ้านมีโทษสถานเดียวคือตาย แต่เนื่องจากเป็นเด็ก และเป็นนักเรียนของผม แถมซ้ำยังเป็นพี่ชายของควิลล์อีกด้วย ผมเลยลดโทษให้ครึ่งหนึ่ง เอาแค่เดินไปด่าก็พอ

abcd

  • บุคคลทั่วไป
อ้างถึง
ผมอาสาแม่ของควิลล์ไปตามตัวลูกลิงน้อยเพื่อนำสู่อ้อมอกของผู้เป็นแม่ เดินออกไปจนกระทั่งถึงสวนสาธารณะขนาดใหญ่ตรงต้นซอยจึงพบควิลล์นั่งอยู่ริมสระน้ำกับเด็กหนุ่มคนที่มาหาควิลล์ที่ห้องเรียน นายกวี พี่ชายซึ่งเป็นคนรักเก่าของเมียผม เขามาได้อย่างไรกัน แถมยังแอบมากุ๊กกิ๊กหยอกล้อกันอย่างสนิทสนมลับหลังผมเสียอีก แบบนี้ยอมไม่ได้แล้ว ถึงจะไม่ได้รักชอบเด็กนี่นักหนา แต่ลูกผู้ชายฆ่าได้หยามไม่ได้ ผู้ที่ยุ่งเกี่ยวกับเมียชาวบ้านมีโทษสถานเดียวคือตาย แต่เนื่องจากเป็นเด็ก และเป็นนักเรียนของผม แถมซ้ำยังเป็นพี่ชายของควิลล์อีกด้วย ผมเลยลดโทษให้ครึ่งหนึ่ง เอาแค่เดินไปด่าก็พอ


แอบหึงนี่นา เอิ๊กๆๆ คนปากม่ายตรงกะจายยย มีการลดโทษให้กึ่งนึงด้วย กรั่กๆๆ

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
ตามอ่านทันแว้วววว  หนุกมากมาย  คุณแม่ควิลล์ตลกดีอะ  พูดซะให้เป็นแม่ศรีเรือนเลย   :try2:

รออ่านต่อจ้า  :yeb:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
โครงเรื่องเหมือนหนังไทยเลยน้า แต่ก็สนุกดีจ้า  :yeb:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






peang

  • บุคคลทั่วไป
ชอบๆๆๆ   :like6:  เรื่องแนวนี้ โดนใจสุดๆ

ขอสมัครเป็นแฟนคลับนาย ควิลล์ ด้วยคนน๊า  ชอบมากมาย  :angellaugh2:

ลุ้นๆให้มีฉาก กุ๊กกิ๊กๆ  :haun1:  เหอๆๆๆๆ

 :yeb:  สู้ๆนะ  รออ่านอย่างใจจดใจจ่อเลยกั๊บป๋ม

peang

  • บุคคลทั่วไป
 :serius2:  ผ่านมาจนครบ 1 สัปดาห์เต็ม  ยังไม่มีอะไรเลยอ่า   :monkeysad: 

รอ ชั้นรอเธออยู่  แต่ไม่รู้เธออยู่หนใด  เธอจะมา เธอจะมาเมื่อใด.........

ได้แค่นี้แหละ ผ่านมาเป็น10 ปีละ  จำได้แค่นี้เอง

 :impress:  รีบมาไวๆ น๊า   

tae

  • บุคคลทั่วไป
“แอบมาจู๋จี๋กันอยู่ตรงนี้เอง ไม่กลับบ้านกลับช่องเลยนะ คนอื่นเขารอกินข้าวอยู่นะ”

“จะกลับกันอยู่แล้ว”

เด็กแสบซ่าส์ลุกขึ้นยืน พลางผิวปากเรียก บรรดาน้องหมาของเขาที่วิ่งเล่นอยู่แถวนั้นให้มารวมตัวกัน นายกวีลุกขึ้นบ้าง มองหน้าผมอย่างกล้ากลัวๆ พอผมถลึงตาใส่ เขาก็รีบหลบไปอยู่ด้านหลังของนายควิลล์ เชอะ นี่น่ะเหรอ คนที่จะมาเป็นคู่แข่งของผม อ่อนแอแบบนี้จะปกป้องเด็กดื้ออย่างเจ้าควิลล์ได้อย่างไร มีแต่จะให้เจ้าหนูนี่คอยดูแลสิไม่ว่า นายควิลล์เห็นผิดเป็นชอบไปได้อย่างไร ไม่ได้การแล้ว ผมต้องหาแผนที่จะแยกคนทั้งคู่ออกจากกัน ในขณะที่พากันเดินกลับบ้าน ผมก็พูดขึ้น

“เดี๋ยวทานข้าวเสร็จ ก็ล่ำลาแม่ แล้วเตรียมตัวกลับบ้านได้เลยนะ”

“ทำไมล่ะ พรุ่งนี้หยุดชดเชยไม่ต้องไปเรียนนี่”

ควิลล์ถามอย่างสงสัย

“ไม่ต้องไปโรงเรียน แต่นายก็มีนัดเรียนพิเศษกับฉันไม่ใช่เหรอ วิชาภาษาอังกฤษไง นายน่ะมันอ่อนด้านภาษา ทั้งที่มีสามีฝรั่ง แต่ก็ยังพูดไม่คล่อง ดังนั้น ถ้าอยากได้งานดีๆ ต้องพูดภาษาให้เป็น ...”

“แต่ฉันไม่ได้นัดนายนะ...”

“ถูกต้อง นายจึงต้องขอบคุณฉันไง ที่เสียสละเวลาว่างเพื่อให้นายได้พัฒนาตัวเอง”

“ประสาท ร้อยวันพันปีไม่เคยใจดี คราวนี้มาแปลก”

นายควิลล์พูดอย่างหมั่นไส้ แต่ไม่ได้ปฏิเสธอะไร ผมยิ้ม รู้สึกสะใจที่แผนการของตัวเองสำเร็จ อย่างน้อยๆ เจ้าเด็กซ่าส์ก็จะไม่ได้เจอหน้านายกวีในวันพรุ่งนี้ ผมก็ไม่ต้องทนเห็นภาพบาดตาบาดใจอีกต่อไป

tae

  • บุคคลทั่วไป
เสียงท่องศัพท์ยานคางที่ดังติดต่อกันระยะหนึ่งได้เงียบเสียงลงไปแล้ว ผมเดินไปยังห้องรับแขกที่เด็กแสบนั่งท่องศัพท์อยู่ก็พบร่างเพรียวบางนอนเหยียดยาวไปตามขนาดของโซฟา นัยนต์ตาปิดสนิท มีเฮดโฟนครอบอยู่ที่ศีรษะ หนังสือพจนานุกรมคำศัพท์ภาษาอังกฤากางอยู่บนหน้าอก ผมส่ายหัวเมื่อเห็นสภาพของคนตรงหน้า เจ้าเด็กบ้านี่พอให้ท่องคำศัพท์ภาษาอังกฤษทีไร เป็นต้องนอนหลับทุกที เหมือนว่าเจ้าบรรดาคำแต่ละคำที่อยู่ในหนังสือจะเป็นยานอนหลับชั้นดีให้กับเขา
ผมมักจะเคี่ยวเข็ญให้ควิลล์เรียนรู้คำศัพท์ไปพร้อมๆกับการฝึกสนทนา ผมว่าผมไม่ได้สอนอะไรยากๆให้กับเขา ส่วนใหญ่จะเป็นสิ่งที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เขาจะได้ใช้ได้คล่อง แต่ดูเหมือนว่าเจ้าเด็กบ้านี่จะคอยหาเรื่องอู้อยู่ได้ตลอดเวลา ทำเป็นกระตือรือร้นต่อหน้าผม แต่ลับหลังก็ซนเป็นลิงเป็นค่างน่าหมั่นไส้ยิ่งนัก

เอื้อมมือไปสะกิดก็ไม่ยอมตื่นลองตะโกนเรียกดังๆข้างหูก็ยังคงนิ่งเฉย ผมลองเขย่าตัวเพื่อปลุกให้ตื่น ก็สัมผัสเข้ากับความร้อนในตัวของเขา นายควิลล์ของผมคงโดนไข้เล่นงานเสียแล้ว ตัวร้อนจี๋เลย พอสังเกตใกล้ๆก็เห็นว่าปากของเขาแตกระแหงเป็นเกล็ด เนื้อตัวสั่นเทา มีเสียงครางเบาๆว่าหนาวแว่วมาให้ได้ยิน

เมื่อรู้แน่แล้วว่าควิลลืไม่สบายมาก ผมก็เลยช้อนร่างบางนั้นขึ้นมาอุ้ม แล้วพาไปนอนที่ห้องของผม ห้องของเขาไม่ได้ใช้นอนมานานแล้ว ตั้งแต่นายควิลล์ดูหนังผีแล้วเกิดกลัวขึ้นมา เขาฉวยโอกาสจองที่นอนบนเตียง โดยที่ผมต้องระเห็จลงไปนอนกับพื้นห้อง เพราะเขานอนดิ้น เตะถีบแรงมาก

หลังจากวางร่างเด็กหนุ่มลงบนเตียง ผมก็เดินไปเปิดตู้ควานหาผ้าขนหนูเอามาชุบน้ำเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้เขา

ตอนที่ผมถอดเสื้อยืดที่เขาใส่ออกจากตัว เพื่อทำความสะอาดร่างกายให้กับเขา ควิลล์ก็จับมือผมไว้แน่น ผมสะดุ้ง นึกว่าควิลล์แกล้งอำผม แต่เมื่อพิจารณาคนที่นอนอยู่ ก็รู้ว่าเขาทำออกไปโดยไม่รู้ตัว พิษไข้ทำให้ควิลล์เริ่มเพ้อ

“อย่าไปใหนนะ อยู่ด้วยกันนะ อย่าไปไหนนะ อยู่ด้วยกันก่อน”

เขาพร่ำซ้ำๆซากๆ ผมจับมือเขามากุมไว้ แล้วพูดกับเขาเบาๆที่ข้างหู ว่าผมไม่ไปไหน จะอยู่เป็นเพื่อนจนกว่าจะหายไข้ เด็กหนุ่มยิ้มอย่างแห้งแล้ง จากนั้นก็ผล็อยหลับไป โดยที่มือข้างหนึ่งยืดมือผมไว้แน่น

กว่าจะเช็ดตัวให้เด็กหนุ่มเสร็จ และปลุกให้ลุกขึ้นทานยาก็เล่นเอาทุลักทุเลพอสมควร เพราะควิลล์ไม่ยอมปล่อยมือจากผม คงกลัวว่าจะถูกทิ้งไว้คนเดียว มันเลยทำให้ผมจัดการกับเนื้อตัวของเขาค่อนข้างลำบาก พอสวมเสื้อผ้าให้ควิลล์เรียบร้อย ผมก็ล้มตัวลงนอนเคียงข้างเขา

คนป่วยนอนนิ่งเงียบ ไม่ดิ้นเหมือนตอนที่เป็นปกติ สงสัยไข้ที่ขึ้นสูงเล่นงานเขาจนสิ้นฤทธิ์ สักพักเขาก็กลิ้งตัวเข้ามาซุกผม ตัวสั่นเทาเหมือนลูกนก ครางให้ได้ยินว่าหนาว ผมเลยดึงร่างนั้นมากอดในวงแขน เด็กหนุ่มเบียดตัวเข้ามาจนชิด เนื้อตัวร้อนรุมของเขาแทบจะลวกผิวเนื้อของผม ทว่าผมกลับกอดเขาไว้แนบแน่น ไม่ได้ผลักไสแต่อย่างใด นายควิลล์เวลาไม่สบายดูน่ารักกว่าตอนที่ร่างกายแข็งแรงเป็นไหนๆ อย่างน้อยเขาก็ไม่ถีบผมตกเตียงเวลานอนอยู่ด้วยกัน ผมยิ้มให้กับตัวเอง จากนั้นก็ปิดเปลือกตาลง และหลับไปในที่สุด

tae

  • บุคคลทั่วไป
“นี่ตาเฒ่า กินข้าวเสร็จแล้วทำไมไม่ช่วยเก็บถ้วยชามไปล้าง ไปนั่งดูทีวีอยู่ได้”

เสียงตะโกนข้ามห้องมาดังลั่นทำให้ผมถึงกับสะดุ้ง เอาแล้วไหมล่ะ พอหายดี ก็ฤทธิ์มากเชียว รู้งี้ไม่ช่วยพยาบาลจนหายหรอก

“มาแล้ว นี่อย่าตะโกนดังนักสิ ไม่อายคนอื่นหรือไง แล้วฉันก็เป็นสามีนายน่ะ ต้องให้บอกกันกี่ครั้งว่าควรจะต้องให้เกียรติกันบ้าง”

“ชิส์ สามีอะไร คนเห็นแก่ตัว เราเป็นครอบครัวกันก็ต้องช่วยเหลือกันสิ ไม่ใช่ว่ากินอย่างเดียว แล้วก็ไปนั่งชี้นิ้วให้คนอื่นทำ ฉันเป็นเมียนายนะ ไม่ใช่ทาสรับใช้ มีอะไรก็ต้องแบ่งเบาภาระกันบ้าง ถ้านายอยากสบายนัก ก็ไปหาคนอื่นมาเป็นเมียเถอะ ถ้าจะอยู่ด้วยกันกับฉันก็ต้องช่วยกันทำงานบ้าน”

คนพูดยืนเท้าสะเอวว่าผมฉอดๆ ผมมองคนตรงหน้าที่กำลังทำท่าโมโหโทโส แล้วก็อดเคืองนิดๆไม่ได้ หนอยตัวกระเปี๊ยกเดียว อายุก็น้อยกว่า เป็นเมียผม แถมซ้ำยังมีฐานะเป็นลูกศิษย์ของผมด้วย แต่ยังมายืนว่าผมอย่างไม่เกรงใจ ดวงตาเรียวรีมองจ้องผมตอบอย่างไม่ลดละ ท่าทางเหมือนกับเตรียมพร้อมจะมีเรื่องได้ทุกเวลา เห็นแล้วหมั่นไส้นัก

แบบนี้จะเอาไว้ได้ไงเนี่ย ต้องสั่งสอนกันสักหน่อยแล้ว ผมเดินพรวดเดียวถึงตัวเจ้าเด็กแสบ จากนั้น ก็จับควิลล์แบกขึ้นพาดบ่า เมียวัยรุ่นของผมทั้งดิ้น ทั้งทุบหลังผมจนเจ็บไปหมด แต่ผมก็แข็งใจอุ้มนายควิลล์ไปจนถึงห้องนอน แล้วโยนโครมลงบนเตียง จากนั้นก็โถมตัวลงไปหา ปล้ำกอดจูบพัลวัน ควิลล์ตัวเล็กนิดเดียว เมื่ออยู่ภายใต้ร่างของผม แต่มีหรือที่เขาจะยอมง่ายๆ ควิลล์ดิ้นรนขัดขืนด้วยการเตะถีบข่วน จิก ทุบผมสารพัดเท่าที่เขาจะทำได้และจังหวะจะเอื้ออำนวย ผมจึงต้องอาศัยความที่ตัวใหญ่กว่าพละกำลังมากกว่าสยบเขา ผมเอาตัวหนาหนักทาบทับร่างเขาไว้ จากนั้นก็ใช้มือแข็งแรงทั้งสองข้าง ตรึงแขนของควิลล์ไว้เหนือหัว เมื่อเด็กหนุ่มไม่สามารถหลุดรอดเงื้อมือของผมได้ ผมก็เปิดฉากรุกรากเต็มที่

ผมจูบซุกไซร้ไปทั่วใบหน้าของเด็กหนุ่ม ดอมดมกลิ่นเนื้อที่หอมยั่วจมูก หลีกเลี่ยงที่จะไม่จุมพิตกับเขาโดยตรง เพราะกลัวว่าลิ้นจะขาด เลยเสไปจูบแถมซอกคอของเด็กหนุ่มเสีย ร่างน้อยๆ ภายใต้ตัวผมสั่นระริก ผมรู้ว่าควิลล์ยังไม่ประสีประสากับเรื่องพวกนี้ เขาเป็นของผมก็จริง แต่ก็ด้วยความบังเอิญ และเขาก็ไม่ได้มีสติรับรู้อะไร เพราะถูกวางยาจนเบลอไปหมด ครั้งนี้จึงเป็นครั้งแรกที่เขาถูกล่วงเกินทั้งที่ยังมีสติ

เสียงร้องไห้กระซิกดังแว่วมาให้ได้ยิน ตอนแรกผมนึกว่าผมหูฝาด แต่เสียงนั้นก็ดังขึ้นมาเรื่อยๆ ผมเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นใบหน้าขาวนั้นมีสีเรื่อ คิ้วขมวดมุ่น จมูกแดงก่ำ มีน้ำใสๆไหลรินออกจากดวงตาที่ปิดสนิทนั่น ผมหมดอารมณ์ทันที ความยั้งคิดกลับคืนมาอีกครั้ง

นี่ผมกำลังจะลงมือข่มขืนเจ้าหนูนี่อีกครั้งหนึ่งละหรือ ทั้งๆที่สัญญาไว้กับพ่อแม่เขาแล้วว่าจะไม่หักหาญน้ำใจลูกชายสุดที่รักของพวกเขา ควิลล์ยังไม่พร้อมที่จะมีอะไรกับผมอีก เขาเพิ่งจะอายุ 15 ยังเด็กเหลือเกินที่จะแปดเปื้อนมีมลทิน ที่สำคัญผมเป็นครูของเขาด้วย ผมกำลังล่วงเกินลูกศิษย์ของตัวเอง

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
หุหุ เริ่มมีหึงหวงกันบ้างแล้ว  :haun5:  :yeb:

abcd

  • บุคคลทั่วไป
 :try2: ตาควิลล์เอ๊ยยย  เกือบจะโดนเช็คบิลแล้วมั๊ยล่ะ ปากเก่งดีนัก เอิ๊กๆๆๆ  :kikkik:

tae

  • บุคคลทั่วไป
เห็นน้ำตานั่นแล้วอดจะใจหายไม่ได้ ควิลล์เป็นเด็กเข้มแข็ง น้อยครั้งนักที่ผมจะเห็นน้ำตาของเขา เด็กหนุ่มจะไม่ร้องไห้ นอกจากจะอยู่ในช่วงที่อ่อนแอจริงๆ ดังนั้นการที่เขาร้องไห้ออกมา นั่นแปลว่า ผมได้ทำร้ายจิตใจของเขาจนเกินกว่าที่จะทนแล้ว

ความคิดที่จะสั่งสอนให้เจ้าเด็กปากกล้ารู้จักว่าจะต้องปฏิบัติตัวอย่างไรเมื่ออยู่ต่อหน้าสามีของตัวเองต้องสะดุดหยุดลง ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วก็ลุกขึ้นจากตัวเขา แต่แล้วผมก็รู้ว่าความสงสารของผมให้กับคนผิดเสียแล้ว เมื่อสองเท้าของควิลล์ยกขึ้นถีบผมเต็มพุงในจังหวะที่ไม่ทันตั้งตัว จนหงายหลัง ควิลล์รีบลุกลงจากเตียง แล้ววิ่งปรู๊ดไปที่ประตูห้อง กระชากมันเปิดออกแล้วเหวี่ยงปิดมันลงดังปัง ทิ้งให้ผมนั่งจุกพูดไม่ออกอยู่กลางห้อง

เจ็บใจนัก เจ้าเด็กบ้า มีเล่ห์มารยาเกินตัว ไอ้ผมก็นึกว่า เขาจะเสียใจจริงๆที่ผมทำร้ายเขา แต่ที่ไหนได้ ผมกลับเป็นฝ่ายถูกเด็กหลอก เขาไม่ได้กลัวผมสักนิด แต่เขาสู้ผมด้วยการใช้พละกำลังไม่ได้ จึงต้องใช้น้ำตาเพื่อให้ผมใจอ่อน แล้วผมก็ดันหลงกล จนต้องเจ็บตัวในภายหลัง ผมสาบานในใจว่า ครั้งหน้าผมจะไม่ใจอ่อนกับเด็กแสบนั่นอีกแล้ว จะปล้ำทำเมียอีกครั้ง ฉีกสัญญาทิ้งไปเสียเลย ดูสิจะทำอะไรได้ ถ้าผมทำให้เขาติดใจได้ ขี้คร้านจะเชื่อฟังผม แล้วปฏิบัติตัวอ่อนโยนมากกว่านี้ ผมหมายมั่นปั้นมือจะทำอย่างนั้นจริงๆ ขณะที่กุมท้อง แล้วเดินไปเข้าห้องน้ำ

ดึกแล้ว ผมนอนอยู่บนเตียงกว้างแต่เพียงลำพัง ควิลล์ไม่ได้มานอนด้วย เขาหนีเข้าห้องไปตั้งแต่ตอนเย็นที่เกิดเรื่องกัน แล้วไม่ออกมาอีกเลย คงกลัวว่าผมจะปล้ำเขาอีกกระมัง ผมเลยต้องลงไปล้างถ้วยชามอันเป็นหน้าที่ของตัวเอง และกวาดถูบ้าน ซึ่งเป็นหน้าที่ของเขาอย่างเรียบร้อย
ตามปกติ ก่อนจะนอนในแต่ละวัน เจ้าเด็กแสบจะมานั่งๆนอนๆอยู่แถวหน้าจอทีวี เอาซีดีหนังมาดู หรือไม่ก็ไปขลุกอยู่หน้าคอมทั้งเล่นเกมส์ และ แชตกับเพื่อนฝูง วันไหนคิดลมก็จะนั่งอยู่อย่างนั้น ดึกแค่ไหนก็ไม่ยอมหลับยอมนอน จนผมต้องไปลากออกมาจากหน้าเครื่อง ถ้าพูดกันไม่รู้เรื่อง ผมก็ขู่ว่าจะให้การบ้านภาษาอังกฤษเยอะแยะ เขาจะได้ไม่มีเวลามานั่งทำเรื่องไร้สาระ เจ้าเด็กนั่นก็จะงอนป่องๆเดินเข้าห้อง ซึ่งแน่นอน ต้องเป็นห้องของผม ซึ่งเขายึดเตียงนอนไปเป็นของตัวเองนานแล้ว

แต่วันนี้เด็กหนุ่มไม่มานอนที่ห้องเหมือนเคย ขลุกอยู่ในห้องของตัวเองอย่างเงียบเชียบ จนน่าแปลกใจ ไม่รู้เขาเข้าไปทำอะไร นานขนาดนั้น ตามปกติ อยู่คนเดียวได้ไม่เกินครึ่งชั่วโมง ก็ต้องเผ่นออกมาแล้ว แต่นี่กล้าอยู่คนเดียว มาเกือบ สี่ชั่วโมงแล้ว สงสัยคงจะโมโหผมจริงๆ

ผมล้มตัวลงนอนบนเตียง รู้สึกไม่ชินที่ต้องนอนบนนั้นทั้งๆที่มันเคยเป็นที่นอนของผมมาตั้งนานแล้ว ทว่าตั้งแต่ควิลล์มายึดเอาไปเป็นที่นอนของตัวเอง ผมก็ต้องระเห็จมานอนที่พื้นตลอด วันนี้ได้ยึดที่นอนกลับมาเป็นของตัวเอง แต่ผมกลับรู้สึกแปลกๆยังไงพิกล พยายามข่มตาตัวเองยังไงก็หลับไม่ลง ในที่สุดผมก็ลองเอาผ้ามาปูนอนบนพื้นห้อง แล้วก็ลงไปนอน ความคุ้นเคยเดิมๆเริ่มมาเยือน ผมมองไปบนเตียง จินตนาการภาพเด็กหนุ่มนอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนนั้น อดยิ้มออกมาไม่ได้ ผมปิดเปลือกตาลง รู้สึกง่วงงุนขึ้นมาทันที

tae

  • บุคคลทั่วไป
ยังไม่ทันที่ผมจะได้หลับตามที่ต้องการ โทรศัพท์มือถือของผมก็ดังขึ้น ใครกันนะโทรมาป่านนี้ นี่มันใกล้จะตีหนึ่งแล้ว มีเรื่องอะไรถึงจะรอให้ถึงวันพรุ่งนี้ไม่ได้ ผมหยิบโทรศัพท์มาดู ก็ต้องแปลกใจเมื่อคนที่เรียกเข้ามาคือนายควิลล์เด็กแสบที่ผมกำลังนึกถึงอยู่พอดี โทรมาทำไมกันละนี่ ห้องก็อยู่ใกล้กันแค่นี้ เดินมาคุยกันก็ได้ ไม่เห็นจะต้องโทรเข้ามาให้เปลืองเงินเลย

“นอนหรือยัง ตาเฒ่าลามก”

แหงะ...อะไรเนี่ย โทรมารบกวนเวลานอนของชาวบ้านยังไม่พอ ยังมาทำเสียงกวนประสาทใส่เขาอีก ผมจงใจหาวดังๆให้ได้ยินเข้าไปในโทรศัพท์ และกรอกเสียงแข็งๆลงไป

“จะนอนแล้ว มีอะไรว่ามา”

“ห้ามนอนนะ”

“เอ๊ ยังไงกัน ....คนจะนอน มาห้ามทำไม แล้วนี่ไม่นอนหรือไง มัวแต่ฟุ้งซ่าน คิดถึงรสจูบเมื่อตอนเย็นจนนอนไม่หลับน่ะสิ โทรมานี่อยากให้ไปช่วยทำให้หลับใช่ไหม”

ผมยียวนกลับไปบ้าง แต่ปลายสายแหวกลับมา

“ใครจะไปคิดถึงลีลาห่วยแตกแบบนั้น แก่เสียเปล่า แต่ไร้น้ำยา แหวะ คิดแล้วจะอ้วกแตก ไปฝึกปรือมาใหม่เถอะลุง อาจจะมีคนมาหลงบ้าง แต่อย่ามาทำกับฉันเด็ดขาด ถ้าไม่อยากหลุดหายไปทั้งพวง”

ดูพูดเข้าสิ แหมมันน่าจับมาปล้ำเสียให้เข็ด อุตส่าห์ใจเย็นลงแล้วนะ ว่าจะไม่ทำเพราะนึกสงสาร แต่เจ้านี่กลับมากวนประสาทอีก

“นี่ถ้าจะโทรมาเพื่อด่าละก็ แค่นี้คงพอแล้วมั๊ง ฉันจะนอนล่ะ”

“บอกว่าห้ามนอนก็ห้ามนอนสิ”

“ทำไมอีกเล่า นี่มันดึกแล้วนะ พรุ่งนี้ก็มีสอนด้วย นายก็ควรจะนอนได้แล้ว เดี๋ยวตื่นสายไปไม่ทันโรงเรียนเข้ากันพอดี”

“นอนไม่หลับนี่”

“ทำไมถึงนอนไม่หลับอีกล่ะ”

“.....”

“กลัวผีอีกล่ะสิ ใช่ไหม”

ผมเดา เงียบแบบนี้คงไม่อยากยอมรับว่าตัวเองกลัว

“มานอนที่ห้องนี้ก็ได้ เตียงนายยังว่างอยู่ มาได้เลย”

“.....”

แน่ะ ทำเป็นเงียบอีก หรือว่ากลัวเหตุการณ์เมื่อเย็นนี้

“ฉันไม่ปล้ำนายหรอกน่ะ อย่ากลัวเลย”

“จริงนะ ...เป็นผู้ใหญ่แล้วพูดคำไหนคำนั้น ถ้านายทำอะไรฉัน จะไม่นับถือนายอีกต่อไป”

“เอออน่า .....ถ้าไม่เชื่อใจกัน ก็ไม่ต้องมา.....”

tae

  • บุคคลทั่วไป
ผมตัดบทด้วยความหมั่นไส้ ทำมาเป็นกลัวผม ทั้งที่ตัวเองก็เอาตัวรอดได้ แถมซ้ำยังเล่นงานผมเสียอีก ผมต่างหากล่ะ ควรจะเป็นฝ่ายกลัวเจ้านั่น เกิดขวางหูขวางตาผมขึ้นมา กระทืบผมม้ามแล่บ ตับแตกไปจะว่าไง

“จะไปเดี๋ยวนี้ เปิดประตูห้องไว้รอด้วย แค่นี้แหละ”

ควิลล์วางหูไปแล้ว ผมอดยิ้มไม่ได้ เด็กบ้า กวนประสาทที่สุด แต่เวลามีเจ้านี่อยู่ด้วย ก็สนุกไปอีกแบบ ผมหยุดความคิดคำนึง เมื่อได้ยินเสียงตบประตูปังๆ ผมเดินอย่างขี้เกียจ ตรงไปเปิดประตู ทันทีที่เห็นหน้าผม ตัวแสบก็โวยวายใส่ ว่าทำไมไม่ยอมเปิดรอไว้ ผมก็บอกว่าเพิ่งวางหูเมื่อครู่นี้ ยังไม่ทันเดินไปเปิดเลย แสดงว่าเขารีบวิ่งออกมาเพราะกลัวผีน่ะสิ ถึงมาเร็วขนาดนั้น ควิลล์หน้าคว่ำ ไม่ตอบอะไร ผลักผมออกไปให้พ้นทาง จากนั้นก็กระโจนขึ้นเตียง ชักผ้าห่มมาคลุม แต่ยังไม่วายขู่ผมฟ่อๆ ว่าถ้าผมล่วงเกินเขา ผมตายแน่ จากนั้นก็ซุกหน้าลงกับหมอน ภายในเวลาไม่นานนักเขาก็หลับไป

“เฮ้อ...เด็กหนอเด็ก”

ผมพึมพำเบาๆ ก่อนจะล้มตัวลงนอนข้างๆเตียง ตาจับจ้องที่ร่างบางที่นอนดิ้นไปมาอยู่บนนั้นแล้วก็ยิ้มให้กับตัวเอง ผมคิดว่าควิลล์ดูน่ารักดีในสายตาผม ถึงเขาจะแสบไปหน่อย แต่เขาก็ทำให้ผมรู้สึกมีความสุขเวลาอยู่ใกล้ๆเขา ผมไม่อยากละสายตาจากภาพตรงหน้าเลย แต่ความง่วงที่จู่โจมเข้ามาทีละเล็กละน้อย ทำให้เปลือกตาผมหนักอึ้ง ในที่สุดผมก็หลับตามภรรยาของผมไป

ผมมองควิลล์ที่ยื่นปินโตเถาใหญ่ให้ผมงงๆ ช่วงหลังๆมานี้ ควิลล์จะทำอาหารกล่องให้ผมไปทานที่โรงเรียนเป็นประจำ เมนูก็ตามแต่อารมณ์ของเขา บางวันก็เป็นข้าวผัด บางวันก็เป็นข้าวสวย แล้วก็กับอีกสองสามอย่าง วันไหนถ้าอารมณ์ดี ก็จะทำจำพวกแซนวิซไส้ต่างๆให้ผม แต่ไอ้ทำมาให้โดยใส่ปิ่นโตเถาใหญ่แบบนี้ยังไม่เคยเลย หรือว่าในนั้นจะมียาพิษกันนะ ถึงมาทำเป็นใจดี ทำอาหารให้ผมซะเยอะแยะ สงสัยยังโกรธที่ผมไล่ปล้ำเขาเมื่อวานนี้

“รับไปซี้......ตาเฒ่าเจ้าเล่ห์ อาหารกลางวันของนายน่ะ”

“ทำไมมันเยอะจัง”

ผมยังไม่วายสงสัย ว่าทำไมควิลล์ถึงใจดีขนาดนั้น หรือว่าจะขุนผมให้อ้วน จนกระทั่งเป็นเบาหวานตาย หรือไม่ก็ไขมันอุดตันในเส้นเลือด ใช่แหงๆเลย มาแผนสูงแฮะ ถึงจะคิดแบบนั้น ผมก็ยื่นมือไปรับมาอยู่ดี

“ทำเยอะ ก็บ่น ทำน้อยก็บ่น คนอุตส่าห์ตั้งใจทำให้กิน จะเอาหรือเปล่า ถ้าไม่เอาก็คืนมา จะได้เอาไปฝากยามที่โรงเรียน เอาไปแบ่งให้น้องหมากิน”

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






abcd

  • บุคคลทั่วไป
เหอะๆๆ ละครเด็ด7สี มีพ่อแง่แม่งอนกันด้วย ตบจูบๆ  :haun5:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
หุหุ ถึงจะกลัวผีแต่ก็ยังอุตส่าห์มีฟอร์มเน้อ

tae

  • บุคคลทั่วไป
ดูพูดเข้าสิ เอาสามีไปเปรียบเทียบกับน้องหมา ยกให้มีความสำคัญเท่ากันอีก เฮ้อ เรื่องอะไรจะเอาไปให้หมากินล่ะ ฝีมือนายควิลล์อร่อยน้อยเสียเมื่อไหร่ ตอนนี้ผมกินแล้วก็เริ่มติดใจอาหารไทยๆฝีมือเขาแล้ว ผมกอดปิ่นโตไว้แน่น ราวกับว่ามันเป็นของรักของหวงที่จะไม่ยอมให้ใครมาพรากจากไปไหน

“ทำอะไรให้กินบ้างล่ะ”

“มีปลาหมึกผัดน้ำพริกเผา ข้าวสวย หมูทอดกระเทียมพริกไทย ไข่ตุ๋นเห็ดหอม กับขนมหวาน วันนี้ฉันทำอาหารไม่เผ็ดมาก ออกหวานนิดหน่อย นายทานได้”

คนพูดยืนกอดอก ยิ้มแก้มแทบปริ ผมมองใบหน้าที่มีรอยยิ้มนั้นอย่างตะลึงงัน จะมาไม้ไหนกันเนี่ย ปกติไม่เคยยิ้มแย้ม ท่าทางใจดีแบบนี้มาก่อน หรือว่าจะหลอกให้ตายใจ และฆ่ากันในภายหลัง ดูรายการอาหารแต่ละอย่างสิ ชวนให้ไขมันมาสะสมตามลำตัวเหลือเกิน แต่แหม เอ่ยชื่อมาแต่ละอย่าง ชวนให้น้ำลายสอจัง เอาวะตายเป็นตาย อาหารอร่อยแบบนี้ผมสู้ใจขาดดิ้น ก็หลงเสน่ห์ฝีมือทำอาหารของเจ้าเด็กนี่แล้วนี่นา

“ทำไมใจดีจัง ทำให้กินตั้งเยอะแยะ”

อดสงสัยไม่ได้ จึงถามซ้ำ คิ้วเข้มบนใบหน้าขาวๆ ขมวดเข้าหากันอีกครั้ง

“ก็ไม่มีอะไรมากหรอก อย่าสงสัยไปหน่อยเลย แค่จะขอบใจที่นายให้ฉันนอนบนเตียงทุกครั้ง โดยไม่กวนเท่านั้นแหละ อย่าคิดไปไกลว่าฉันนึกพิศวาสนายล่ะ เพราะมันไม่มีทางจะเกิดขึ้นหรอก.... แบร่”

ควิลล์แลบลิ้นปลิ้นตาหลอก ก่อนจะยืนหัวร่องอหาย เมื่อผมทำหน้าเอ๋อๆ เมื่อฟังสิ่งที่เขาพูดจบ ผมมองคนตรงหน้า ที่ทำท่าราวกับขำผมเสียเต็มประดา แต่ความคิดล่องลอยไปไกล เมื่อไหร่นายนี่จะพูดแล้วก็คิดถึงผมในแง่ดีนะ เขาไม่ชอบขี้หน้าผม เ พราะผมไปข่มขืนเขา หรือว่าเขาเห็นว่าเราแตกต่างกันจริงๆ จนไปด้วยกันไม่ได้ แต่แรกผมก็รู้สึกแย่ที่โดนจับแต่งงานกับเด็กคนนี้ นึกในใจว่า ถ้าเป็นไปได้จะหาเรื่องหย่าขาดจากเขาให้เร็ววัน ไม่สนใจการทำสัญญาบ้าบอที่ให้ไว้กับพ่อแม่เขา ว่าจะดูแลเด็กคนนี้อย่างดี แต่หลังจากอยู่กันไปหลายเดือนเข้า ผมก็ชักไม่แน่ใจว่าผมอยากทิ้งเขาหรือเปล่า ตรงกันข้าม เวลาที่ควิลล์พูดถึงเรื่องราวความไม่เหมาะสมของเราทีไร ผมอดน้อยใจไม่ได้สักที การที่เขาไม่ต้องการผม มันทำให้ผมรู้สึกแย่เหลือเกิน

“นี่เป็นอะไรไปน่ะ ตาเฒ่า เห็นนอนลืมตาค้างอยู่นั่นแหละ”

เสียงแหวที่ดังขึ้นจากคนที่นอนอยู่บนเตียง ปลุกให้ผมตื่นจากภวังค์ ให้ตายเถอะนี่ผมเก็บเรื่องของนายตัวแสบมาคิดจนทำให้นอนไม่หลับเลยหรือนี่

“คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยน่ะ ว่าแต่เราเถอะ ทำไมยังไม่นอนสักทีล่ะ”
“นอนไม่หลับ......”

tae

  • บุคคลทั่วไป
เพราะอะไรเหรอควิลล์ ผมถามในใจ นายคิดอย่างเดียวกับฉันจนกระทั่งนอนไม่หลับหรือเปล่านะ

“นายว่า บ้านทุกหลังนี่ จะมีวิญญาณสิงสถิตย์อยู่ไหม แล้วคนเรานี่จะสามารถเห็นผีได้ทุกคนหรือเปล่า”

ชิส์ ที่แท้ก็กลัวผี หลงนึกดีใจว่านายควิลล์จะคิดแบบผมบ้าง ฝันลมๆแล้งๆอีกแล้วตู

“ไม่หรอก บางบ้านอาจจะมี แต่ไม่ใช่ทุกบ้านที่จะเจอเหตุการณ์สยองขวัญแบบนั้นน่ะ”

พูดเหมือนปลอบ ทั้งที่จริงอยากขู่ให้กลัวใจแทบขาด

“งั้นเหรอ แล้วบ้านหลังนี้นายซื้อมานานหรือยัง เคยเช็คประวัติดูบ้างไหม”

คนพูดถามเสียงเบาเหมือนกับกระซิบ ราวกับกลัวว่าใครจะได้ยิน ผมยังต้องเงี่ยหูฟัง จึงจะเข้าใจความหมายที่เขาพูด

“ก็ไม่เก่ามากนะ เป็นบ้านมือสอง ซื้อต่อมาจากครอบครัวหนึ่งที่กำลังร้อนเงิน แต่ไม่ได้เช็คประวัติของบ้านหรอก เห็นว่าราคามันถูกดี เลยซื้อน่ะ ทำไมเหรอ”

“เปล่าหรอก ....แค่อยากรู้อ่ะ ....”

“นอนเถอะไม่มีอะไรหรอก”

“.......”

เด็กหนุ่มไม่ตอบอะไร ผมเห็นดวงตาเรียวยาวนั้นปิดลง สักพักเปลือกตาก็เปิดขึ้นมาใหม่ เขาจ้องผมเขม็ง

“นี่นี่นี่ บนเตียงยังมีที่ว่างน่ะ นายนอนตรงพื้นน่ะ มันคงไม่ค่อยสบาย มานอนด้วยกันเถอะ”

ให้ตายเถอะ ผมเกือบจะหัวเราะออกมาดังๆให้กับคำเชิญชวนของภรรยาตัวแสบของผม สงสัยจะกลัวผีจัดไม่กล้านอนบนเตียงคนเดียว เลยหาเหตุที่จะชวนผมให้ไปนอนด้วย ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นจะใส่ใจว่าผมจะนอนยังไง สบายหรือเปล่า ควิลล์มักจะเอาแต่ใจตัวเอง และทำทุกอย่างตามอำเภอใจ โดยไม่สนว่าผมจะเห็นด้วยหรือไม่ ซึ่งผมก็ยอมให้เขาทุกที เพราะเห็นเป็นเด็กกว่า และเพราะอะไรบางอย่างในใจที่สั่งให้ผมเอ็นดูเขามากกว่าจะนึกรังเกียจสิ่งที่ควิลล์ทำ

ถึงจะรู้ว่าคนข้างบนกลัวจัดจนนอนไม่ได้แล้ว แต่ผมก็ไม่คลานขึ้นเตียงไปโดยง่าย คราวนี้ผมอยากแกล้งควิลล์บ้าง เลยบอกไปว่านอนข้างล่างเริ่มชินแล้ว รู้สึกสบายดีด้วย เด็กหนุ่มทำท่าฮึดฮัดไม่พอใจ ที่ผมไม่ยอมไปหาเขาตามคำชวน แต่ความมีทิฐิมานะ ทำให้เด็กหนุ่มไม่ง้อผม เขาพลิกตัวหันหลังให้ และชักผ้าห่มคลุมโปง ผมหัวเราะในใจ คิดว่าจะไปได้สักกี่น้ำ เริ่มต้นนับ ในใจ

“1-2-3-4-5-6......”
_________________

tae

  • บุคคลทั่วไป
ยังไม่ทันจะครบ 10 ควิลล์ก็ลุกขึ้นนั่ง มองผมตาโต จากนั้นก็คว้าหมอนหนุนหัว หมอนข้าง และผ้าห่มเอาไว้ในมือ ก่อนจะเลื่อนตัวลงมานอนบนพื้นข้างๆผม พอเห็นรอยยิ้มรู้ทันของผมเข้า เขาก็เชิดหน้าขึ้นทำท่าหยิ่งๆ พูดแก้ตัวไปน้ำขุ่นๆเกี่ยวกับการกระทำของตัวเอง

“ลองนอนกับพื้นดูบ้าง เขาว่าพื้นแข็งๆ มันดีกว่านอนบนที่นอนอ่อนนุ่ม ทำให้ไม่ปวดเมื่อยเนื้อตัวด้วย หลีกไปหน่อยสิ แบ่งที่ให้คนอื่นเขาบ้าง งกอยู่ได้”

อธิบายเสร็จ ก็วางหมอนแหมะลงกับพื้น ควิลล์ล้มตัวลงนอน แต่เอาเท้ายันผมให้เขยิบออกห่าง ทำท่าทางเหมือนคนพาล ยิ่งเห็นผมยิ้มไม่ยอมหุบ เขาก็ยิ่งเกเรใส่ ผมขี้เกียจต่อกร เลยกระเถิบตัวออกไป แล้วหันหลังให้เขา สักพักหนึ่ง หลังของผมก็อุ่นขึ้น เมื่อร่างบางๆขยับเข้ามาจนชิด ผมนิ่งอยู่ชั่วอึดใจเพื่อรอให้เด็กแสบเบียดตัวเข้ามามากเข้า จากนั้นผมก็พลิกตัวกลับ แล้วใช้แขนโอบกอดควิลล์ไว้แนบแน่น น่าแปลกที่เด็กหนุ่มไม่ขัดขืน กลับซบศีรษะไว้แนบกับหน้าอกของผม ใบหน้าอ่อนเยาว์นั้นดูสงบเหลือเกิน ควิลล์หลับไปแล้วด้วยความอุ่นใจในอ้อมแขนของผม เขาคงหายกลัวไปชั่วขณะ ผมเห็นรอยยิ้มน้อยๆระบายอยู่ที่ริมฝีปากของเขา หน้าขาวๆดูงดงามชวนให้ตะลึง จนผมยั้งใจไม่อยู่ต้องจูบที่หน้าผากมนนั่น คนในอ้อมกอดของผมเพียงขยับตัวเล็กน้อย แต่ไม่มีทีท่าดิ้นรนอะไร ผมเลยย่ามใจ ก้มลงจูบที่ปากของเขา แล้วก็หยุดไว้แค่นั้น มโนธรรมในจิตใจคอยเหนี่ยวรั้งไม่ให้ผมทำอะไรกับเด็กที่อายุเพียงแค่ 15 ถึงเขาจะเป็นเมียผม แต่เขาก็เป็นลูกศิษย์ด้วย ผมไม่อยากทำให้ควิลล์เสื่อมศรัทธาในตัวผมไปมากกว่านี้

ดึกแล้ว ควิลล์ยังไม่กลับมาบ้านเลย ไปไหนก็ไม่ยอมบอก ผมโทรเข้ามือถือเจ้าเด็กแสบนั่นก็ไม่ยอมรับ ทำให้ผมรู้สึกคับข้องใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น เลิกเรียนแทนที่จะตรงเข้าบ้านเลย กลับเถลไถล มาถึงเมื่อไหร่ จะตีให้ก้นลาย แล้วค่อยซักฟอก ผมนึกถึงบทลงโทษต่างๆที่จะใช่เล่นงานเขา ผ่านไปหลายชั่วโมง ผมคิดวิธีการที่จะทำให้ควิลล์สำนึกได้มากมาย แต่ทว่าจิตใจผมกลับร้อนรุ่มด้วยความเป็นห่วง เนื่องจากมันผิดเวลาไปมากแล้ว แต่ก็ยังไม่มีวี่แววของเขาให้เห็น

กำลังจะโทรศัพท์ไปหาพ่อแม่เขาที่บ้าน เพื่อถามว่าลูกชายเขาไปที่นั่นหรือไม่ ออดที่หน้าประตูรั้วก็ดังขึ้น ผมชะเง้อไปมองผ่านประตูกระจกไปยังหน้าบ้าน ก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งอยู่ที่ประตูรั้วด้านนอก ผมเดินออกไปดูด้วยความสงสัย แล้วก็ต้องอุทานด้วยความตกใจเมื่อเห็นคนทั้งหมดนั้น

ลูกศิษย์ของผม 2-3 คน กำลังหิ้วปีกเด็กหนุ่มร่างบอบบางผิวขาวสะอาดสะอ้านที่ตอนนี้เลอะเขรอะไปด้วยฝุ่นและคราบเลือด ใบหน้าบวมช้ำ เสื้อผ้าหลุดลุ่ย ผมเผ้ายุ่งเหยิง ถึงจะอยู่ในสภาพที่เละเทะขนาดนั้น แต่ผมก็จำภรรยาวัยรุ่นของผมได้ดี ร่างของควิลล์โงนเงน ทรงกายแทบจะไม่ไหว ดีที่มีคนช่วยประคองให้ ไม่งั้นเขาคงล้มกลิ้งอยู่หน้าบ้านผมแล้ว

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
หุหุ เด็กเอ๋ยเด็กน้อย ท่าทางจะกลัวผีขนาดหนัก  :kikkik:  :kikkik:
อย่างนี้ก็เข้าทางพระเอกเลยซิ  :haun5:

ออฟไลน์ Lucifer

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
แหงะ เกิดอารายขึ้น  :pigscare2:






แหะๆ มาต่อเร็วๆ นะคับ
.
.
.
 :like2: :like2: :like2:

meemewkewkaw

  • บุคคลทั่วไป
เรื่องสนุกดีครับ ขอตามอ่านด้วยคนนะครับ :yeb:

ว่าแต่เกิดอะไรขึ้นกับควิลล์ล่ะเนี่ย

tae

  • บุคคลทั่วไป
“เกิดอะไรขึ้นเนี่ย พวกเธอไปทำอะไรกันมา แล้วทำไมนายควิลล์ถึงเป็นแบบนี้”

เสียงของผมดังเกือบเป็นตะคอก ขณะที่รับร่างของควิลล์มากอดไว้แนบอก ตาแข็งกร้าวกราดมองเด็กนักเรียนที่อยู่ตรงหน้า พวกนั้นพากันหลบสายตาผม ทุกคนอ้ำอึ้งอึกอัก ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา ผมถามพวกเขาซ้ำ พวกเขาก็ยังคงเงียบ เหมือนกับว่ากลัวอะไรสักอย่าง จังหวะที่ผมจะคาดคั้นเป็นครั้งที่สาม เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น ผมหันไปมอง ก็เห็นนายกวี ผู้มีใบหน้าบวมปูด เหมือนคนที่ถูกต่อยเดินแหวกเพื่อนที่ยืนอยู่ข้างหน้า 2-3 คนออกมา

เมื่อกี้ เขาคงแอบอยู่หลังนักเรียนพวกนั้น คงไม่กล้ามาเผชิญหน้ากับผมสักเท่าไหร่ เพราะผมเคยขู่เขาเรื่องที่แอบพาเมียผมไปเที่ยว คราวนี้มีเรื่องกันมาเสียด้วย เลยยิ่งทำให้ไม่กล้าสู้หน้า แต่พอผมซักถามเพื่อนเขาโดยสวมบทโหด เจ้าเด็กกวี ศัตรูหัวใจของผมก็เลยต้องออกมาแสดงความรับผิดชอบ เขาพูดกับผมด้วยเสียงตะกุกตะกัก

“เอ้อ เรามีเรื่องกับเด็ก ม.6 ลูกอาจารย์ใหญ่ครับ เขามาหาเรื่องเราสองคนก่อนครับ”

ข้อมูลแค่นี้ไม่เพียงพอต่อความอยากรู้อยากเห็นของผมหรอก หลังจากที่ผมพาควิลล์ไปนอนพักในห้องลงมือทำความสะอาดบาดแผลและหายามาทาให้เรียบร้อยแล้ว ผมก็บังคับให้นักเรียนสองสามคนนั่นเล่าให้ฟังถึงเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น

นายกวีเป็นคนเปิดปากเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟังว่า ควิลล์เคยมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับเด็กนักเรียนชั้น ม.6 ซึ่งเป็นรุ่นพี่ของเขา เนื่องมาจากเจ้าเด็กคนนั้นทำท่าว่าชอบควิลล์ แต่เจ้าแสบของผมไม่ยอมเล่นด้วย เนื่องจากลูกอาจารย์ใหญ่คนนี้ ชอบอาศัยบารมีของพ่อทำตัวกร่าง หาเรื่องชาวบ้านไปเรื่อย กับควิลล์ก็ปะทะคารมกันบ่อยๆ แต่เด็กซ่าส์แบบควิลล์ไม่เคยยอมลงให้ถึงแม้จะเป็นรุ่นพี่ก็ตาม แถมยังเคยหักหน้าให้ได้อายหลายครั้ง ลูกอาจารย์ไม่พอใจเลยหาทางกลั่นแกล้งควิลล์เรื่อยมา

จนกระทั่งเมื่อตอนเย็นก็สบโอกาสเหมาะที่จะลงมือ ลูกอาจารย์ใหญ่กับพวกไปเจอกวีกับควิลล์หลังโรงเรียน ทั้งคู่นัดกันไปหาเพื่อนของควิลล์ซึ่งป่วยไม่สามารถมาโรงเรียนได้ ควิลล์ตั้งใจจะเอาเลคเชอร์ไปให้ ทางไปบ้านเพื่อนของควิลล์ ต้องเดินผ่านหลังโรงเรียนซึ่งสองข้างทางจะมีบางช่วงซึ่งเปลี่ยว และควิลล์กลัวผีไม่กล้าไปคนเดียว จึงชวนกวีไปเป็นเพื่อน แต่แทนที่จะเจอผี กลับเจออันธพาลสี่ห้าคนสะกดรอยตามมา ลูกอาจารย์ใหญ่เป็นฝ่ายหาเรื่องก่อนโดยการด่าว่าที่ควิลล์ไม่สนใจเขา เพราะไปรักไอ้แย้แห้งอย่างกวี แถมซ้ำยังพูดอีกด้วยว่าเขารู้ว่าควิลล์กับครูสอนภาษาอังกฤษเป็นอะไรกัน แถมซ้ำดูถูกควิลล์ว่าขายตัวให้ฝรั่ง ควิลล์ทนไม่ได้ เลยต่อยหน้าคนปากกล้านั่น และหลังจากนั้นการตะลุมบอนก็เกิดขึ้น กวีกับควิลล์พวกน้อยกว่า จึงโดนรุมทำร้ายจนสะบักสะบอม ดีที่มีพวกเพื่อนๆแอบใช้ทางลัดหลังโรงเรียนเป็นที่มาแอบสูบบุหรี่มาเจอเข้าพอดี เลยช่วยไว้ได้

ผมฟังเรื่องจากปากนายกวีด้วยความโมโห นึกโกรธเจ้าเด็กลูกอาจารย์ใหญ่ที่บังอาจมาทำให้ภรรยาของผมได้เจ็บ แถมซ้ำยังทำตัวเป็นพวกสอดรู้สอดเห็นอีกด้วย แบบนี้ต้องได้เจอดีแน่ เด็กนิสัยไม่ดีแบบนี้ จะปล่อยให้ทำตัวเป็นอันตรายกับคนอื่นได้อย่างไร ถึงจะเป็นลูกหลานอาจารย์ใหญ่ หรือเจ้าของโรงเรียนผมก็ไม่กลัว คนทำผิดก็ต้องได้รับโทษใช่ว่ามีอำนาจแล้วจะทำอะไรก็ได้ตามใจ ใครแตะต้องไม่ได้ เห็นทีผมต้องยื่นมือเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เสียแล้ว
_________________

tae

  • บุคคลทั่วไป
เขาเข้าไปช่วยและพาควิลล์มาส่งที่บ้าน ถึงจะซาบซึ้งใจ แต่ผมก็ไม่วายที่จะสั่งสอนเด็กพวกนั้นเรื่องการทำผิดคือแอบไปสูบบุหรี่หลังโรงเรียน อบรมสั่งสอนยกใหญ่และกำชับไม่ให้ทำอีกก่อนไล่กลับบ้าน ใจจริงอยากไปส่งพวกนั้นเป็นการตอบแทน แต่ไปไม่ได้เพราะเป็นห่วงควิลล์ ผมจึงให้พวกเขาเรียกรถแท็กซี่กลับบ้านกัน จากนั้นผมก็กลับขึ้นห้องนอนเพื่อไปดูอาการของตัวแสบ ไม่รู้เจ้าเด็กบ้านั่นจะเป็นไงบ้าง โดนซ้อมขนาดนั้นคงเจ็บน่าดู

เจ้าตัวแสบของผมสงสัยจะเป็นไข้อีกแล้ว ควิลล์ป่วยบ่อยมาก ที่จริงร่างกายของเขาอ่อนแอแบบที่แม่เขาเคยบอก ทว่าควิลล์เป็นคนดื้อ ชอบฝืนสังขารตัวเอง ทำตัวเข้มแข็งไม่กลัวใคร เวลาเจ็บตัวมาแต่ละที เขาก็เป็นไข้ทุกครั้ง คราวนี้ก็เช่นกัน นายควิลล์ตัวร้อนเป็นไฟ

ผมจัดการลาป่วยให้เขา เพื่อจะได้ไม่มีปัญหาเรื่องการหมดสิทธิ์สอบ จากนั้นผมก็ดำเนินการแก้แค้นให้กับควิลล์ทันที ผมเข้าพบกับอาจารย์ใหญ่ ซึ่งดูแลรับผิดชอบโรงเรียนนี้ แจ้งให้เขาทราบว่าลูกชายของเขาทำตัวอย่างไร ตอนแรกอาจารย์ใหญ่ ไม่เชื่อหาว่าผมใส่ร้ายลูกชายของเขา แต่เมื่อผมยืนยันด้วยการพาพยานที่รู้เห้นมาชี้แจงให้ทราบ แกก็ทำหน้าจืดเจื่อน ถึงกระนั้นแกก็รับไม่ได้ ที่ครูสอนภาษาอังกฤษผู้น้อยอย่างผม อาจหาญไปฟ้องเรื่องลูกเพื่อให้แกต้องรับผิดชอบ แต่ผมไม่แคร์ คนทำผิด ก็ต้องว่ากันไปตามผิด จะมาปิดบังซ่อนเร้นก็ใช่ที่ ถึงจะเป็นลูกคนใหญ่คนโตแค่ไหน ก็ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองก่อไว้ ผมยืนยันที่จะเอาเรื่องจนถึงที่สุด หากครูใหญ่ไม่จัดการอะไร ผมก็จะไปแจ้งความตามกฏหมาย

อาจารย์ใหญ่โกรธผมมาก แกรับปากส่งเดชว่าจะจัดการให้ ในเบื้องต้นผมยอมพอใจแค่นี้ก่อน ไม่อยากบีบคั้นแกมาก แค่มีลูกนิสัยไม่ดี ก็สร้างปัญหาแล้ว แต่ถึงกระนั้นผมก็พยายามระมัดระวังตัวเอง เพราะรู้ดีว่าแกไม่อยมปล่อยผมลอยนวลแน่

ลำดับต่อมาก็คือ ผมได้แจ้งให้อาจารย์ฝ่ายปกครองให้ช่วยตรวจสอบดูแลประตูรั้วด้านหลังโรงเรียน เพื่อกันไม่ให้เด็กนักเรียนไปใช้พื้นที่ทางด้านนั้นเป็นทางลัด เนื่องจากว่ามันเปลี่ยว และเกรงว่าจะเป็นอันตราย นอกจากนี้ ผมยังแสร้งร้องเรียนกับตำรวจว่าหลังโรงเรียนเป็นแหล่งส่องสุม อาจจะมีการซื้อขายยาบ้า หรือพวกมิจฉาชีพซุกซ่อนอยู่ และทำร้ายคนดีๆ รวมถึงนักเรียนที่ใช้ทางลัดด้านหลังโรงเรียนเพื่อกลับบ้านของตน วิธีนี้จะทำให้พวกเด็กเกเรไม่มีที่ใช้มั่วสุมทำสิ่งผิด นอกจากจะช่วยแก้แค้นให้ควิลล์แล้ว ยังช่วยเหลือเด็กดีๆไม่ให้ได้รับอันตรายอีกด้วย

ในชั่วโมงเรียนของผม ซึ่งลูกอาจารย์ใหญ่ กับเพื่อนต้องเข้าเรียนด้วย พวกนั้นพากันหาเรื่องป่วนผม นับตั้งแต่วันที่ถูกครูใหญ่เรียกไปตำหนิต่อหน้าผม และควิลล์ กับคนที่อยู่ในเหตุการณ์ เจ้าเด็กนั่นถูกตามใจจนเคยตัว และไม่พอใจที่ผมทำให้เขาถูกพ่อดุ เขาจึงหาเรื่องตลอดเวลาอยู่ในชั่วโมง
แต่ผมไม่ยอมแพ้เด็กบ้าพวกนี้หรอก ผมยกเอาเรื่องคะแนนและการมีสิทธิสอบมาขู่ และให้การบ้านเยอะๆ ตอนแรกพวกเขาแอนตี้ไม่ยอมทำ วันไหนมีสอบ ก็เดินออกจากห้องเฉยๆ หรือไม่ก็ส่งกระดาษเปล่า ท้าทายกันแบบนี้ มีหรือจะรอด ผมไม่ว่าอะไรพวกเขาตั้งหน้าเก็บคะแนนไปเรื่อยๆ และรายงานผลให้หัวหน้าภาควิชาทราบเป็นระยะว่าผมกำลังทำอะไรอยู่ รวมถึงแจ้งให้อาจารย์ใหญ่ทราบด้วย ผมไม่ฟ้องว่าลูกเขาไม่เข้าเรียน และไม่สอบวิชาของผม รวมถึงมาป่วนด้วย แต่ให้เขาเห็นเองจากสมุดรายงานผลคะแนน ให้พ่อแม่จัดการลูกดื้อๆไม่ตั้งใจเรียนเสียบ้าง ตามใจลูกซะจนเคยตัว ผลก็เลยออกมาเป็นแบบนี้ เกกมะเหรก เกเร สร้างความเดือดเนื้อร้อนใจให้กับคนอื่นไปทั่ว
_________________

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด