Imprison 27: พูดคุย “..เหี้_ยแม่ง..จังไร..”เสียงสถบก่อนด่าดังอยู่ใกล้ๆหูไม่ได้ลดความรุนแรงลงแม้แต่น้อย แม้ว่าไอ้เนมจะนั่งคุดคู้อยู่กับซอกแบบน่าอนาถ..
“ อยู่ดีไม่ว่าดี กัดกันยังกับหมา..” เสียงบ่นนั่นยังตามมาหลอกหลอน ทำให้ผมต้องเอาหน้าซุกเข่ามากกว่าเดิม สมองเริ่มคิด และถามตัวเองว่า ตกลงตะกี้เนี่ย กูไปทะเลาะกับชาวบ้านเรื่องอะไรว่ะ หรือว่าเกรียนแตกเพราะความเครียด เพราะโดนยึด..อุ๊บส์..
“..แล้วตกลงพวกมึงทะเลาะกันเรื่องอะไร..” นั่นน่ะสิครับ..ผมก็ยังสงสัยตัวเอง..
“ ไม่มีไร แค่ด่าพ่อล้อแม่กันเฉยๆ..” คนที่โดนผมชกซึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่ใกล้ๆตอบหน้าตาเฉยอย่างไม่แยแส แต่พอผมหันไปมอง กลับถลึงตาใส่..อึก...ขอโทษก๊าบบบบ ผมไม่ทำแล้ว ตอนนั้นมันลืมตัว.
“..ควาย..เพราะอีแบบนี้สิพ่อแม่มึงถึงโดนล้อ..” โอ้ย...เจ็บว้อย..
“ พี่ก็เลิกพูดเรื่องพ่อแม่ซะทีสิ..” ผมหน้าบูด เคืองเรื่องบิดามารดาเหนือสิ่งอื่นใด ด่ากูยังพอคบ แต่ด่าพ่อแม่ที่เคารพคบไม่ได้ (เอ๊ะ สโลแกนคุ้นๆ)
“ อย่าให้มีอีกน่ะพวกมึง..”
“............ “ ตาดุๆนั่นมองหน้าผมวืด จนต้องสะดุ้ง แต่คนพูดก็หันไปทางอื่น ไม่สนใจ..
“..ชิ...เพราะแบบนี้ไง ถึง..”
“ ไอ้เมฆ !!!!!!!! “ เสียงตวาดนั้นดังลั่นจนแก้วหูแทบแตก ผมสะดุ้งเฮือกมองไอ้พี่โตที่ยืนจังก้าด้วยดวงหน้าเครียดเข้มน่ากลัว ตาดุๆคู่นั้นฉายแววโมโหโกรธาและเคืองเสียจนแทบตัวสั่น แววตาคู่นั้นมันน่ากลัวจนมองแล้วยังอดสะท้านไม่ได้ แม้จะรู้ว่าไม่ได้มองมาที่ผม แต่ยังไงมันก็ยังชวนผวาอยู่ดี..
“..ไปล่ะ...” คนโดนตวาดนั่งจ้องตากับไอ้พี่โตสักพักก็ยักไหล่แล้วเดินจากไป ทิ้งผมให้ตัวสั่นงันงกอยู่คนเดียว ไม่สิ อยู่กันหลายคนอยู่หรอก แต่มันก็เหมือนอยู่คนเดียวนี่เอง เพราะคนที่โดนตีนน่ะ..มันกูคนเน้ !!
“....นิสัย...แม่ง..” เสียงสถบใกล้ๆหูทำให้ผมชะงัก หันมามองหน้าคนพูด ที่ยืนค้ำหัวอยู่..
“..อ่าว....” ผมอุทานงงๆเมื่อเห็นคุณท่านยืนจังก้า มาได้ไง(ว่ะ)
“ มองหน้าทำไม?? “ พี่วิทย์ถามผมพลางเดินอาดๆไปนั่งที่เดิมที่เมฆเคยนั่ง ก่อนนั่งหันไปมองหน้าพี่กันย์ที่ยังอยู่ที่เดิม..
“..มาอยู่ทำไมตรงนี้..?..” ว่าแล้วก็ยกตีนขึ้น ทำท่าจะถีบซะงั้น ได้ข่าวว่าเขาเคยทำแผลให้น่ะครับพี่ แล้วจะว่าไปพี่นั่นแหละมาอยู่ในหลืบนี่ได้ยังไง หรือมาเพราะติดร่างแหหนีผู้คุมเมื่อกี้
“..แผลหายรึยัง..?... “ รายนี้ก็หลบแล้วออกปากถาม พี่กันย์ครับ ช่างมีจิตวิญญาณของการเป็นหมอที่ยอดเยี่ยมอะไรเช่นนี้ เมื่อกี้กิ๊ก..เอ้ย เมฆเจ็บก็ปลอบเมฆ ตอนนี้เจอพี่วิทย์ก็ถามอาการอีก ช่างมีน้ำใจ จนไอ้คนที่โดนหลอกซ้ำหลอกซากอย่างผมอดคิดไม่ได้ว่ามันดูตอแหลชอบกล อะแฮ่ม..หรือว่าผมจะฉลาดขึ้นแล้ว..ถึงได้รู้จักสังเกตสังกา..หึหึ
“ เรื่องของกู..อย่ายุ่ง..” พี่วิทย์ว่าพลางสถบใส่ ไม่สนใจรายนั้นที่ยังมองอยู่เลย ก่อนจะตวัดตาขวางๆใส่พี่กันย์ที่ยังอยู่ที่เดิม..
“..ไอ้เหี้ยนี่..มาเสือกอะไรตรงนี้ว่ะ จะไปหาเมียมึงหรือไปหาควายที่ไหนก็ไปสิ!!..” หืม...และดูประชดแบบหวังผลชอบกล..
“..ขอโทษทีแล้วกัน..” พี่กันย์ว่าพลางยิ้มออกมา..แบบเครียดๆ...เครียดจนผมนึกว่าฝืนยิ้ม นี่มันอะไรกันว่ะเนี่ย แค่ผมทะเลาะกับเมฆแค่นิดหน่อย ทำอาเฮียหลายท่านเกรียนแตกเลยเหรอ หรือไปเหยียบตาปลากันตอนไหนว่ะ???
...หรือจะมีอะไรในกอไผ่ ที่ไม่มีใครรู้...
“..แล้วก็.... “ พี่กันย์ว่าพลางหันหน้ามามองผม สีหน้าเครียดๆนั่นยังไม่หายไป จนผมขนลุกเยือก..
“ เนมครับ...ว่างๆก็ขอพี่ตรวจนิ้วบ้างน่ะ “ชก”คนอื่นไปเมื่อกี้ ไม่รู้ว่าจะเป็นอะไรรึเปล่า..”
เฮือก....
ได้แต่มองตามแบบไม่มีสิทธิ์เอ่ยอะไรทั้งนั้น ชิบหายแล้วววววว นี่ผมไปหาเรื่องเด็กพี่?น้องพี่? สุดที่รัก..เอิ่ม..หมายถึงคนสนิทของพี่..เพราะแบบนี้ใช่มั้ย เลยมาเหวี่ยงใส่ผมแบบนี้น่ะ.. แล้วไอ้คำพูดที่ว่าให้ไปตรวจนิ้ว หวังว่าจะไม่หักนิ้วผมทิ้งน่ะเว้ย...
“..เอาแล้วไง...ไปเหยียบหางมันซะได้..โถๆ ไอ้ควายน้อยๆๆ..”พี่แม้กยิ่งตอกย้ำพลางขยี้หัวเกรียนๆของผมอย่างมันส์มือ อย่าพูดได้ม้ายยยย สยองอยู่น่ะเว้ยเฮ้ย..
“..มึงอย่าพูดสิ..เดี๋ยวไอ้คนแถวนี้จะสะเทือน..ใจ....” ไอ้พี่โตพูดด้วยสีหน้ายิ้มเยาะ ดูมีความสุขลั้นลาผิดกับตอนที่ตะโกนคอมโบ้ใส่เมฆเมื่อกี้ลิบลับ..ประชดใครครับ..หรือจะเป็นไอ้คนที่กำลังทำท่าเหมือนจะเอาเศษไม้ในมือทิ่มลูกตาใครซักคน ที่นั่งข้างๆผมนี่..
“..ไอ้พวกนี้..มึงออกไป..” คนพูด”ข้างๆ” ผมบอก ฟังใกล้ๆยังได้ยินเสียงกัดฟันกรอดๆสีหน้าที่ผมเคยบอกว่าน่ารักแบบกวนๆ บัดนี้ไม่เหลือเค้าความกวนไว้สักนิดมีแต่สีหน้าโมโหปนขัดใจที่แสนชัดเจน ตวัดสายตามองพวกผม แล้วเค้นเสียงหนักๆ
“..ไม่ได้ยินเหรอพวกมึง..กุมีเรื่องจะพุดกับลูกพี่มึง..สองคน เข้าใจมั้ย???..”
และแล้วผมก็ถูกลากออกมาโดยพลัน...
.......Oh bad Guy!! รักร้ายๆของผู้ชายในคุก.......
ภายในซอกหลืบอาคารทรงสูงในเรือนจำแห่งนี้ สถานที่เงียบๆ..ไร้สรรพเสียงกลับมีชายหนุ่มสองคนนั่งเงียบกันอยู่ ฝ่ายหนึ่งยังนั่งอยู่ที่เดิม ส่วนอีกคนที่ตัวสูงกว่าก็เอนกายพิงผนังปูนสากๆและเต็มไปด้วยคราบหยากไย่นั่น...
“..ตกลงมีอะไร..?..” ออกปากถามก่อนเรียบๆ..
“..ไอ้เหี้ยนั่นเป็นอะไร?..หรือมึงคุมคนไม่อยู่ว่ะ??..” ถามพลางเงียหน้ามาสบตา อีกฝ่าขมวดคิ้วยุ่งอย่างอารมณ์เสียทันควัน.
“..ทำไมหน้าไหนมันมีแต่พูดแบบนี้กัน?..กูปล่อย ไม่ได้หมายความว่ากูคุมไม่ได้ ไอ้สัด !! “
“..แล้วมาด่ากูทำพ่_อ มึงเรอะ !! “ วิทย์ได้รับคำตอบแล้วด่ากลับทันควัน “ ทุกทีก็ไม่เห็นบ้าแบบนี้ อะไรเข้าสิงมึงว่ะ??หรือที่มึงโดนเรียก..จะจริง.. “
“..ข่าวเร็วชิบหาย..” ร้องเฮอะในลำคอราวกับจะเยาะเย้ย..
“..เหี้ย..มันคงเป็นแค่ข่าวลือหรอก ถ้าพรรคนี้มึงจะไม่ทำตัวแปลกๆน่ะ ไอ้โต..” เจ้าตัวว่าพลางขมวดคิ้ว ปัดก้นลวกๆแล้วยืนประจันหน้าอย่างเป็นการเป็นงานขึ้น
“..ตั้งแต่เรื่องไอ้เนม..แล้วยังเรื่องนี้อีก..” เจ้าตัวบ่น พลางถอนใจเฮือก..
“ รู้งี้กูจัดการแต่แรกยังจะดีซะกว่า..เห็นมึงคุมไอ้เมฆอยู่ เลยนึกว่าจะได้..แต่ทำไมเป็นแบบนี้ว่ะ..”
“..ถ้าให้มึงไปจัดการไอ้กันย์ มึงจะเอาอยู่งั้นสิ ? “ โตถามแล้วเหยียดยิ้ม..
“..ไอ้โต !!! มึงอย่ามากวนโอ้ยกู...กู....”
“..พอ....เรื่องมึง...กูรู้..เรื่องกู...มึงก็รู้...ทั้งมึงทั้งกูก็ไม่ได้เชื่อง ไม่จำเป็นต้องทำทุกอย่างตามที่ถูกสั่ง..แค่ทำ”เหมือน”จะทุกอย่าง แค่นั้น..” ร่างสูงกว่าสรุป แล้วหันไปมองหน้าอีกฝ่ายที่นิ่งไป แววตาปั่นป่วนของคนถูกจ้องสงบลง พร้อมกับหัวเราะเครียดๆ..
“ แต่ไอ้ที่บอกขี่หลังเสือแล้วลงไม่ได้นี่ท่าจะจริง..”
“..ให้มึงจัดการไอ้เนม หรือให้กูจัดการ สุดท้ายกูก็จะส่งไอ้เมฆไปไอ้กันย์อยู่ดี..”
“..นี่มึงยังไม่จบ..มึงส่งมันไปแล้วจะมาบอกกูทำไม เปลี่ยนเหี้ยอะไรได้มั้ยว่ะ แล้วอย่ามาทำท่าเหมือนกูอะไรมันมากขนาดนั้น ..สมองกูมี ศักดิ์ศรีกูก็มี..ไม่ใช่ควายที่จะถูกคนอื่นจูงจมูกเอาง่ายๆ !!! “วิทย์หน้าบึ้ง โวยใส่คนพูดอย่างไม่พอใจ ไอ้เรื่องที่เขาจะรู้สึกอะไรยังไงกับใคร มันไม่ใช่เรื่องที่คนอื่นต้องยุ่ง ไม่ต้องมาทำท่าเป็นห่วงเป็นใย เขาไม่ได้โง่ ไม่ได้บ้าขนาดจะถูกใครหลอกใช้ ไอ้เรื่องที่รู้สึกกับไอ้เรื่องตัวเองเป็นน่ะมันขัดกันใช่ไหม..เขารู้ แต่เมื่อถึงเวลาลงมือ เขาทำได้แน่นอน.. ไม่ใช่เรื่องที่ใครจะต้องมาสมเพช !!..
“..กูไม่เชื่อใจไอ้เมฆ..” โตถอนใจ พูดออกมาเรียบๆเมื่อได้ยินคำพุดของอีกคนเข้าหู..เขาไม่ได้มองหน้าอีกฝ่าย เพราะบางที อาจจะได้เห็นอะไรที่ทำให้เขาไม่มั่นใจ จึงพอใจจะฟังแค่เสียง..ที่เหมือนจะมั่นใจนั่น..ก็พอ
“..ทำไม...”
“..ตอนแรกกูจะใช้ไอ้เนม..แต่มึงก็เห็น..” คนพูดส่งเสียงขึ้นจมูกฮึ..ยักไหล่ “..มันเป็นคนโง่...ที่ยังไง..ก็โง่อยู่ดี..ก็ไม่เคยคิด ว่าจะได้เจอคนโง่แบบนั้น..เฮ้อ...อุตส่าห์จะเอาไว้ใช้งาน แต่มันทำตัวของมันเอง ในเมื่อไม่ยอมลง กูก็จะส่งไปให้นายซะ..”
“...........”
“..เรื่องไอ้เมฆ กูพอรู้..ว่ามัน”เคย” กันมาก่อน..เพราะอย่างนั้น กูเลยอยากให้คนอื่นไป แต่..ขนาดมึงแล้วยังไร้หวัง..เอ๊ะๆ..โทษที..กูไม่พาดพิง..” คนพูดยกมือกันเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายทำท่าจะโวยอีก รอยยิ้มที่มีขึ้นดูขบขันปนสมเพช กับคนไม่สามารถจัดการตัวเองได้..
“..ไอ้เนมยิ่งแล้วใหญ่..สนิทแล้วได้เหี้ยอะไร ยังควายโดนหลอกมานานเป็นชาติไม่รู้ตัว..”
“ มึงเลยใช้ไอ้เมฆ แล้วไง..พลาด?..”
“ ไม่พลาด..แต่กูไม่ไว้ใจ..” โตบอกเสียงเข้ม นัยน์ตาคู่คมหรี่ลงช้าๆ ยามครุ่นคิดคำพูดที่จะออกจากปาก..
“..ตอนแรกก็เหมือนจะดี..แต่นานไป..ก็อย่างที่มึงเห็น มันถือตัวว่าทำงาน มันคิดว่าไม่พลาด แต่มันไม่เคยรู้..ว่าตัวเองโดนหลอกใช้..”
“..มึงรู้..” วิทย์ฟังแล้วเอ่ยปากถาม..
“..ถึงกูจะคุมคนไม่ได้ แต่กูก็ใช้คนเป็น “
“..เหี้ยนี่ อย่ามาประชด..แล้วไง มึงจะทำอะไร เอาคนของกูไปมั้ยล่ะ..?..”
“ จะทำอะไรได้ว่ะ..หรือมึงจะลงทุนเอง..?..” โตบ่น พลางออกปากกระเซ้าคนตรงหน้า ที่ไม่วายส่งสายตากราดมาใส่อีกรอบ..
“..แล้วมึงจะเอาไง..”
“..เอาคนของมึง ไปจับตาดู..” โตเอ่ยเรียบๆ “..เรื่องไอ้เมฆ เดี๋ยวกูจะจัดการเอง เหมือนมันจะโดนพวกไอ้สรจัดการนี่ ไอ้เบิร์ดบอกกูแล้ว..ส่วนเรื่องหมากัดกัน..ช่างมันเถอะ..ไอ้เมฆก็ไม่ได้ใส่ใจ..ส่วนไอ้เนม..มันก็ทำได้แค่นั้น..”
“..เออ..” รับคำก่อนจะเอนตัวพิงกำแพง เอาปลายเท้าเขี่ยดินช้าๆ.. ก่อนจะเงยหน้าขึ้นเมื่อนึกอะไรได้..
“ นี่...ตอนแรก..ที่มึงจัดการไอ้เนม..ไหนว่าลากไปให้ไอ้ปื้ด ทำไมจู่ๆถึงปล่อย ไม่เหมือนมึงเลยนี่หว่า ไอ้คนที่แค่มีอะไรเคืองนิดๆหน่อยๆก็...เหอะ...”
“..จะคุมคน..มันต้องรู้จักวิธี เล่นให้ตายแล้วได้อะไร..” โตบอกเรียบๆ “ แล้วเรื่องนี้อีกก็เหมือนกัน กูอยากเล่นให้หนักกว่านี้หรอก แต่ไอ้เหี้ยกันย์..สันดานชอบชุบมือเปิบ ถ้ากูพลิกไม่ทันป่านนี้ก็ไปลอยคอร่วมกับไอ้พวกนั้นแล้ว ไอ้ควายนั่นยิ่งโง่ๆอยู่ ปล่อยให้ไอ้กันย์สุมไฟสิเป็นเรื่อง...”
“..หึ... “ วิทย์พ่นลมออกจากจมูกแรงๆ “ ไอ้เหี้ยนั่นก่อเรื่องจริงน่ะ..ตกลงมันจะลากไอ้เมฆกับไอ้เนมไปด้วย ..เรื่องไอ้เมฆ ..มึงต้องระวัง ส่วนเรื่องไอ้เนม..รายนั้นไม่รอดมือมึงมั้ง..”
“ กูทดสอบมาแล้วว่ะ ว่าพอสัตว์มันออกจากไข่ คนที่มันเห็นหน้าคนแรก จะเป็น”แม่”..”
“ ..อยากเป็นแม่คนเหรอว่ะ????...”
“.สัด...ไปหาผัวซะมึง....”
“..มึงจะมาอะไรกับกูนักว่ะเรื่องนี้เนี่ย???.. “ วิทย์ร้องถามห้วนๆ..อย่างไม่พอใจ ทำไมมีแต่คนคิดว่าเขามันอ่อนแอ จนตัดสินใจอะไรไม่ได้...
“..ก็มึงมันดูออกง่าย..” โตเลิกคิ้ว บอกเรียบๆ..
“..มีแต่พวกชอบเสือกเท่านั้นล่ะที่รู้..” วิทย์สวนขวับแบบไม่ยอมแพ้
“..แล้วไง ถ้าไม่รู้เกิดทำอะไรพลาดไป ได้ยุ่งตาย..”
“..เชี่ย...วันนี้มึงก็พูดชื่อไอ้เด็กนั่นหลายคนแล้วเหอะ..” อีกคนหาเรื่องมาอย่างไม่ยอมแพ้..จ้องตาคนฟังที่หันมามองหน้า..
“...แล้วไง...”
“...............” วิทย์ฟังแล้วได้แต่เงียบ ไอ้ห่านี่แม่งไม่สะเทือนสักนิด..แต่กูว่ามันต้องมีอะไรสิน่า.
“..พรุ่งนี้กูจะไปเจอป๋า..กูจะบอกให้มึงไปจัดการเรื่องอื่นเทน..”
“..ไอ้โต...มึง...”
“..ไม่ใช่มึงไม่มีน้ำยา..แต่มึงดูออกง่ายเกินไป..มันตบตามึงได้ แต่มึงตบตามันไม่ได้ และ...มึงก็ไม่คิดจะทำ..”
“.............” คำกล่าวนั้นทำให้ผู้ฟังนิ่งเงียบ..
“..กูขอเตือน..มึงทำได้แค่สั่ง อย่าลงไปจัดการเอง...ลูกน้องมึงต้องมารายงานกู..มึงไปจัดการอย่างอื่นซะ..”
“..เฮ้ย !!! ..นี่มันอะไรของมึง???...” วิทย์ร้องลั่น สีหน้าไม่พอใจอย่างยิ่งยวด กับคำพุดนั้น หน้าชาไปทั้งแถบกับคำปรามาส..
“..กูคิดว่ากูรู้จักมึง..ดีพอที่จะให้มึงทำแบบนั้น..” โตเอ่ยเรียบๆ.. “ สาเหตุที่มึงติดคุก..ไม่ใช่เพราะเรื่องแบบนี้รึไง..ในฐานะเพื่อนที่รู้จักกันมา เรื่องนี้กูจะจัดการเอง มึงถอยไปอยู่ห่างๆซะ..”
“..คิดว่ากูเป็นตัวเอกหนังน้ำเน่ารึไงว่ะ..ที่ต้องมาหนักใจเรื่องแบบนี้จนสุดท้ายก็พลาดน่ะ..?..” วิทย์ถอนใจเฮือก สบตาคนพุดอย่างหนักแน่น “..ถ้ามึงคิดว่าตัวเองโตขึ้นจากตอนนั้น กูก็เหมือนกัน..ถึงกูจะดูออกง่ายแบบที่มึงว่า แต่ถ้าเลือกระหว่าง..ความอยู่รอดของกู กับไอ้เหี้ยที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกัน แค่ถูกใจนิดๆหน่อยๆคนนั้น..กูเลือกตัวเองอยู่แล้ว..”
“..แต่ก็เอาเถอะ..นั่งบนภูดูหมากัดกันก็สบายดี..”
“ ระวังกระดูกปลิวมาโดนหัวก็แล้วกัน..”
ร่างของคนตัวสูงใหญ่กว่าเดินดุ่มออกจากซอกนี้ไป วิทย์มองตามเงาร่างนั้นในหัวก็ครุ่นคิดถึงคำพูดที่ได้ฟังมา นึกโมโหตัวเองที่กลายเป็นไอ้โง่ในสายตาคนอื่น เพราะเรื่องไร้สาระเรื่องเดียว...
“...ทำยังกับกูเป็นสาวน้อยไปได้..สำหรับกู..จะรักแค่ไหนกูก็ฆ่าได้ทั้งนั้นแหละ..ที่มึงเห็นมันยังไม่พอรึไง..?..” เขาคิดไปถึงเหตุการณ์ที่ตรึงอยู่ในสมอง วันที่เขารังเกียจจะนึกถึงมันเป็นที่สุด เพราะแค่คิด ความรู้สึกสะอิดสะเอียนก็จะแล่นมาถึงคอหอย..
..ภาพของหญิงสาวที่เขารักกำลังกอดกกกับเพื่อนสนิทที่สุด ทำให้สติขาดสะบั้น ปืนสั้นที่เคยใช้เพื่อป้องกันโจร บัดนี้กลับกลายมาเป็นอาวุธสังหาร ยิ่งฟังเสียงร่ำไห้ร้องขอของพวกมันแล้วยิ่งหนวกหุ มองภาพคนที่เขารักทั้งสองคนกำลังอ้อนวอนแล้วยิ่งสะอิดสะเอียนนัก ยิ่งรักมาก..รักมากเท่าไหร่ เขาก็บรรจงจรดปลายกระบอกปืนลงในปากของคนๆนั้นมากเท่า มองแววตาที่แสนรักหลงเป็นครั้งสุดท้าย..เสียงห้ามเสียงโวยวายไม่มีผล..ยามที่เขาเหนี่ยวไกปืนช้าๆและมองภาพผู้หญิงที่เขารัก เบิกตากว้างนอนฟุบจมกองเลือด ข้างๆร่างของเพื่อนรักที่รอยกระสุนปรากฏที่หน้าผาก..
....เพราะรักมาก..จึงไม่อาจยอมรับ ไม่อาจทนทาน การทรยศ การหักหลัง..
....เพราะรักมาก..จึงเหนี่ยวไก ปลิดชีวิตให้สองคนนั้นได้ไปเคียงคู่กันในที่ๆไม่มีเขาอยู่อีกต่อไป..
...เพราะรักมาก..จึงยินดี ที่จะส่งทั้งสองคนไปนรก..และพาตัวเองมาอยู่ในที่แบบนี้..
กรรมเหรอ? เขาไม่รู้หรอกว่ามันจะมีรึเปล่า เพราะไม่เห็นว่ามันจะมีตัวตนให้พบ..ถ้าคิดว่ามันจะเป็นอะไรได้ในชีวิต อาจจะเป็นเรื่องที่เขาไม่เคยมีความสุขเมื่อรัก หรือคิดจะรักใครสักคนกระมัง..
แสงอาทิตย์ยามเย็นสาดส่องเข้ามา สาดมาปะทะสายตาของเขาจนแสบตาขึ้นมากะทันหัน ก็คงเพราะแบบนี้ล่ะมั้ง ถึงแสบตาจนน้ำตาไหลอาบแก้ม แม้เขาจะนึกสงสัยตัวเองที่มันเลอะกว่าทุกทีก็ตาม...
.......Oh bad Guy!! รักร้ายๆของผู้ชายในคุก.......
จบตอนแล้ว..เห็นมั้ยว่าช่วงนี้ไรท์เตอร์ขยัน..(ได้ข่าวว่าลาสอบไปชาตินึงแล้ว)
เรื่องของเรื่องคืออ่านไม่รู้เรื่อง จะนักธรรมโทธรรมเอก ก็ยังไม่สันทัดภาษาบาลีอยู่เช่นเดิม ฮ่วย
ตอนนี้สงสารวิทย์จังเลยน้า..สรุปแล้วก็หลงรักพี่กันย์อย่างที่หลายคนคาดแหละค่ะ...แต่เรื่องพี่กันย์คิดยังไง..อันนี้ก็ยังเป็นปริศนา...
แล้วเรื่องพี่โตกับวิทย์ ทั้งสองคนมีนายคนเดียวกันค่ะ แต่จะคุมคนละกลุ่ม กระทาสองนายนี้เคยรู้จักกันมาก่อน เลยรูเรื่องอะไรๆของกันและกันไม่น้อย ส่วนเนม เหมือนจะฉลาดขึ้น แต่ไปๆมาๆก็เหมือนเท่าเดิมอยู่ดีฉลาดขึ้นสิย่ะ..
ปอลอ..เรื่องก๊อปนิยาย จบแล้วค่ะ จำเป็นต้องโหดเพราะเกินจะทนจริงๆ นานไปยิ่งเสียสุขภาพจิต เลยจบลงด้วยประโยคคำพูดสั้นๆง่ายๆ หลังจากให้เพื่อนผู้ชาย(มั้ง) รับโทรศัพท์ แล้วบอกว่า
เพื่อน// “..สวัสดีครับ คุณXXX ใช่มั้ยครับ นี่สน.XXX ครับ..คุณXXมาขอลงบันทึกประจำวัน..”
Me// “..น้องค่ะ อย่าคิดว่าคนที่เขียนนิยายแบบนี้ จะเป็นคนดีสิค่ะ..ถ้ามึงไม่หยุดมึงเจอคุกแน่ !!!
..ไรท์เตอร์ใจดีน่ะค่ะ..แต่แค่กับคนที่ดีด้วยน่ะค่ะ...^ ^
