A moment in Siam กาลครั้งหนึ่ง ณ สยาม [แจ้งข่าวจ้า] P.111
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: A moment in Siam กาลครั้งหนึ่ง ณ สยาม [แจ้งข่าวจ้า] P.111  (อ่าน 1159920 ครั้ง)

lazewcielo

  • บุคคลทั่วไป
เรื่องเศร้าที่ว่านั่นเรื่องของตัวเองใช่มะหมอออออออ

ออฟไลน์ CheeTah

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 516
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-3
เง้ออ

อยากให้หวานๆบ้างอะไรบ้างนะ

แต่แบบนี้ก้อน่ารักไปอีกแบบ :impress2:

ออฟไลน์ Loin_diciz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 245
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
ชอบงานเขียนคุณเซ็งเป็ดมากๆเลย  :impress2:

มันอ่านแล้วไม่หวานเลี่ยน  o13 อ่านแล้วเพลินและติดมากๆ  :o8:

จะมีขัดๆก็ตรงสรรพนามของตัวละครนิดหน่อย แต่สงสัยเราคงคิดมากไปคนเดียว  o22

มาต่อเร็วๆนะคะ ชอบเรื่องนี้มาก อิอิ อ่านไปก็หวังว่าขอจบสวยๆ

ว่าแต่พี่หมอ คนที่ตอนต้นเรื่องเนี่ยเค้าจะหลับมามีบทอีกป่าวเนี่ย ดูมีใจในเจ้าบ้าอยู่นะ  o18

LifeTime

  • บุคคลทั่วไป
 :sad11:
เรื่องอันไดรือที่หมอปีร์จะเล่า ที่ทั้งเศร้าและเป็นเรื่องจริง ???
ปล. คิดถึงไอ้แดง  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ ease supsnerv

  • Darker Than Ever
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 271
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-0
เง่อ กำลังฟังเจ้าบ้าเม้าท์เพลินเลยเชียว รอหมอปีย์เล่าต่อ ต้องหาเสื่อมาปูแล้วหล่ะ

ออฟไลน์ celegana

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
หมอปีย์จะเล่าเรื่องอะไรน้าาา อยากรู้ๆๆๆๆ

มาต่อไวๆนะคะ   o13

altctrldelete

  • บุคคลทั่วไป
เหมือนจะลางไม่ดีไงชอบกล

ออฟไลน์ เซ็งเป็ด

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 596
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +602/-2
“เรื่องอะไรเหรอ หมอ เล่าให้ฟังหน่อยสิ” ผมทำตาโต
“เจ้าสนใจรึ”
“เออดิ ชอบๆ”
“เจ้าเคยได้ยินชื่อ เจ้าแม่อยู่หัวศรีสุดาจันทน์หรือไม่” เขาถาม
ผมพยักหน้า เพราะชื่อนี้เคยอยู่ในหนังไทยเรื่องหนึ่งและยังอยู่ในหนังสือประวัติศาสตร์อีกหลายต่อหลายเล่ม
“แล้วเจ้ารู้อันใดเกี่ยวกับเจ้าแม่บ้างรึ”
“ก็เอ่อ เป็นสตีที่มาจากราชวงศ์อู่ทอง แล้วก็ลอบมีสัมพันธุ์กับพันบุตรศรีเทพ คนเฝ้าหอพระ แล้วก็” ผมพยายามระลึกชาติอย่างหนัก
“แล้วก็ลอบปรงพระชนท์พระเจ้าอยู่หัว........................รู้แค่นี้แหละ”  แต่จนปัญญาจริงๆ
“แต่ตามที่เรารู้มาจากจารึกแผ่นศิลานั้น เจ้าแม่ศรีสุดาจันทน์หาได้สืบเชื้อสายมาจากราชวงศ์อู่ทองไม่
ตามประวัติเดิมพระนางเป็นแต่เพียงแค่ลูกคนสามัญยากจนแสนเข็ญ บิดามารดาอยู่ที่หมู่บ้านนาเกลือปากน้ำเจ้าพระยา  เมืองพระประแดง เดิมชื่อบัวผัน”
ชักสนุกแล้วสิครับ สิ่งที่หมอปีย์เล่าให้ฟังมันต่างจากที่ผมเรียนและรับรู้มา
“เหรอ”
“อืม” หมอปีย์พยักหน้าและยังพายเรือต่อ ใจจริงนั้นผมอยากจะช่วยพาย แต่พายไม่เป็นกลัวจะทำเรือล่ม
“เมื่อคราที่บัวผันเกิดนั้น ก็เกิดนิมิตหมายที่เป็นลางมิเป็นมงคล นั่นก็คือ พอตกฟากก็เกิดแผ่นดินไหว ต่อมาเกิดไฟไหม้ทั้งหมู่บ้านวอดวายไปเกือบหมด พอครบอายุโกนผมไฟก็เกิดฟ้าผ่าลงมาที่ต้นไม้หักโค่นทับบ้าน”
“โห เรื่องแบบนี้ชั้นไม่เคยรู้มาก่อนเลยนะนี่ แต่ว่า ฟังดูมันเกินจริงไปหน่อยนะ คนอะไรจะเจอแต่เรื่องแย่ๆ”
“มิได้เลวไปหมดดอก ในความอัปยศนั้น บัวผันกลับมีสิ่งมหัสจรรย์เกิดขึ้นกับตนเองที่พิเศษกว่าหญิงอื่น นั่นคือนางมีกลิ่นกายที่เย้ายวนที่ชายใดเข้าใกล้มักจะลุ่มหลง นางมีน้ำใสๆไหลออกมาจากร่าง น้ำที่ไหลออกมานั้นมีกลิ่นหอมคล้ายดอกพิกุลแห้ง เมื่อลองชิมดูก็พบว่าหอมหวานเหมือนน้ำตาลสด ทำให้นางนั้นมักมี แมลงผึ้ง แมลงภู่ แมลงชันโรง แมลงวันมารุมตอม เมื่อนางร้องไห้เสียงนางจะไพเราะเหมือนเสียงแตรสังข์ เมื่อเหงื่อนางออก กลิ่นเหงื่อนั้นจะหอมเหมือนข้าวใหม่ กลิ่นตัวธรรมดาจะเหมือนดอกชมมะนาด”
“โห นั่นคนหรือน้ำยาปรับผ้านุ่มวะ” ผมฟังแล้วอกคิดว่าเหลือเชื่อไม่ได้
“อีกทั้งเมื่อนางโตขึ้น ความงามของนางก็เป็นที่เลื่องลือไปทั่วแคว้นจนพระเจ้าแผ่นดินสนพระทัย เรียกเข้าเฝ้า และเรื่องราวที่เหลือก็ตามอย่างที่เจ้าได้ยินมานั่นหล่ะ”
“ตกลงเรืองนี้เป็นเรื่องจริงเหรอ” ผมถาม
“มีบันทึกไว้หลายตำรา ต่างบันทึกไว้ตรงกัน ยกเว้นชาติกำเนิดของนาง”
“อ๋อ แล้วทำไมนายถึงบอกว่าน่าสงสารหล่ะ” ผมถามเมื่อไม่เข้าใจว่าท้าวศรีสุดาจันทน์นั้นน่าสงสารตรงไหน
“น่าสงสารสิ เจ้าลองตรองในมุมของนางดู นางรักพันบุตรศรีเทพมากเพียงใด ถึงขนาดยอมทุรยศ ทำผิดลอบปลงพระชนม์พระเจ้าอยู่หัว อีกทั้งยังกล้าที่จะกระด้างกระเดื่อ่งกับขุนนางที่เคยมีอำนาจ ด้วยสองมือของหญิงคนเดียวอย่างนาง ถ้ามิใช่เพราะความรักดอกหรือ ถึงทำให้นางกล้าถึงเพียงนี้”
“แต่สุดท้ายนางก็ต้องได้รับกรรมที่นางก่อ” ผมสรุป
“ถูกต้อง เจ้าแม่อยู่หัวศรีสุดาจันทน์และพันบุตรศรีเทพถูกซุ่มยิงขณะเสด็จทางเรือเดินทางไปคล้องช้าง ทั้งหมดสิ้นพระชนม์เพลานั้นเอง โดยที่ พันบุตรศรีเทพเป็นกษัตริย์ได้เพียง ๔๒ วัน และมิได้ถูกยอมรับให้เป็นกษัตริย์  ร่างอันเปลือยเปล่าของพระนางถูกนำไปโยนให้แร้งกินที่วัดกะไดอิฐเพื่อประจานความชั่ว เมื่อผู้คนเห็นร่างอันเปลือยเปล่าของพระแม่ความลับอีกข้อก็เปิดเผยนั่นคือ นางหาได้มีเส้นโลมา (ขนตรงอวัยวะเพศ) เกลี้ยงสะอาดเตียนโล่ง เรื่องราวพวกนี้เป็นเรื่องประหลาดสำหรับยุคสมัยนั้น พระเจ้าแผ่นดินองค์ใหม่จึ่งสั่งให้จารึกไว้ในศิลาแผ่นหนึ่งติดไว้ที่ฐานพระเจดีย์แดงวัดกะไดอิฐพร้อมทั้งปูมหลังของพระนางเพื่อไว้ประจาน ซึ่งนั่นเองคือที่ที่เราศึกษา” เขาเล่าเสียยาวเหยียด
“อ๋อ มันก็สาสมกับสิ่งที่พระนางทำแล้วนะ” ผมฟังแล้วก็อดหดหู่ไม่ได้
“เจ้ามิควรตัดสินใครผิดถูกเยี่ยงนั้น พ่ออัชย์ คนเราทุกคนต่างมีเหตุผลของตนเองเป็นที่ตั้ง พระนางทำไปด้วยเหตุเพราะความรัก เจ้ามิเข้าใจดอกว่าความรักบันดาลได้ทุกสิ่ง จะให้ดีให้ชั่วก็ล้วนแล้วแต่ทำได้” เขาย้อนผม
“แหม จะพูดอย่างนั้นก็ไม่ถูกนะเว้ย อย่างน้อยพระนางก็น่าจะรู้ผิดชอบชั่วดีบ้าง” ผมไม่ยอม เถียงกลับไปราวกับกำลังโต้คารม
“แสดงว่าเจ้ามิเคยรักใครอย่างปักใจมาก่อน”
ผมนิ่งสะอึกกับคำถามที่หมอปีย์ย้อนมา  ถึงในสมองจะค้านอยู่ริกๆ แต่ในใจกลับตอบหมอปีย์ไปอย่างหมดใจว่า “ไม่เคย”
“มันไม่เกี่ยวกับความรักนะเว้ย เรื่องนี้ มันเกิดจากความมักใหญ่ใฝ่สูง ตัณหาราคะ จากที่ชั้นอ่านเรื่องราวของพระนางมา พระนางเองก็ทำกรรมไว้กับใครหลายต่อหลายคน”
“ป่วยการณ์จะต่อล้อต่อเถียงกับเจ้าแล้วเจ้าบ้า เอาเป็นว่าเรื่องนี้หาได้มีใครถูกใครผิดไม่ ไว้เจ้ารักใครสักคนอย่างหมดใจ แล้วจะเข้าใจตัวพระนางศรีสุดาจันทน์ และตัวเรา” เขาพูดพลางยกไม้พายสลับมาพายอีกฟากหนึ่ง
“ใสเจีย เสียใจ คนอย่างชั้นไม่มีทางเข้าใจเรื่องแบบนั้นหรอก เพราะชั้นไม่มีหัวใจ” ผมหัวเราะ ตั้งใจจะล้อเล่น แต่กลับทำให้หมอปีย์หน้าเจื่อน
“เราก็พอจะรู้” เขาบ่นเสียงอ่อย แต่ผมก็ได้ยิน


เรือแล่นเรื่อยๆ ผ่านบ้านเรือนที่ตั้งติดริมน้ำ บ้านทุกหลังล้วนมีกระไดยื่นลงมาในน้ำ และพวกเขาก็ใช้ท่าน้ำตรงนั้นเป็นที่อาบน้ำ ไม่ว่าจะทำอะไร ก็เอาน้ำจากที่นั้น ผมจึงไม่แปลกใจที่ครั้งหนึ่งประเทศไทยเคยประสบกับโรคห่าครั้งใหญ่
นอกจากบ้านเรือนที่ปลูกติดแม่น้ำแล้ว วัดวาอารามก็เรียงรายมากมายเต็มไปหมด สีทองอร่ามราวกับเมืองฟ้าเมืองสวรรค์ ชาวบ้านยุคนี้ศรัธทาในพระพุทธศาสนามาก มีอะไรก็ถวายวัดหมด
ผมโชคดีหน่อยที่เรือนหมอปีย์อยู่ใกล้เขตพระนคร แต่เรือนแม่รำพึงที่หมอจะพาไปนี่สิ อยู่ไกลออกไปถึงบางพระโขนง ที่นั่นเปลี่ยว และเต็มไปด้วยต้นจาก แม่น้ำก็คดเคี้ยว ถ้าต้องผ่านกลางคืน ผมคงขี้ขึ้นสมองแน่ เพราะนึกถึงผีแม่นาค
“แถวนี้คือพระโขนงเหรอหมอ” ผมถาม
“ใช่”
“โห ไม่น่าเชื่อนะ ว่าที่แบบนี้ อีกร้อยกว่าปีจะมีแต่คอนโด ตึก รถไฟฟ้า” ผมนึกในใจ




“””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””

เช้าแก่ๆเราทั้งสองก็มาถึงท่าน้ำหน้าเรือนของแม่รำพึง ทันทีที่เรือเทียบท่า และผมกับหมอก้าวขึ้นเรือน สิ่งแรกที่ผมได้กลิ่นก็คือ กลิ่นอบไทยหอมฟุ้งมาแต่ไกล ที่เรือนนั้นมีลานกว้างวางกระด้งตากดอกไม้นานาชนิด ทั้งกระดังงา จำปี มะลิ  และอื่นๆที่ผมไม่รู้จักอีกหลายชนิด
ใต้ถุนเรือนมีขวดแก้วขนาดต่างๆวางเรียงรายอยู่เต็มไปหมด
“อ้าว หมอ มาแล้วหรือเจ้าคะ เมื่อวานอ้ายสนมันเดินหลังลายมาแจ้งอิชั้น ไม่รู้ว่าไปโดนผู้ลงหวายมา
อ้อ ไม่นึกว่าหมอจะมาเอาเช้าป่านนี้” เสียงทักทายเจื้อยแจ้วดังมาจากบนเรือน
ผมหันขวับไปทางหมอปีย์ทันทีที่ได้ยินว่าสนหลังลาย
“นายทำอะไรสน” ผมเค้น แต่หมอนั่นหลบตาแล้วก็บ่ายเบี่ยงไม่ตอบได้แต่อมยิ้มแล้วเดินขึ้นเรือนไป


“แม่รำพึง นี่พ่ออัชย์ ญาติห่างๆของชั้น พ่ออัชย์นี่แม่รำพึงสหายวัยเยาว์” แล้วเขาก็หัวเราะ
ผมนึกในใจ นี่ตกลงกูเป็นอะไรกับมึงกันแน่

แม่รำพึงเป็นหญิงสาวที่ดูเรียบร้อยกิริยามารยาทก็นุ่มนิ่มตามแบบสตรีไทยของแท้ เธอแต่งกายอย่างปราณีตแม้อยู่บ้าน จะพูดจะเดินก็ดูงามสง่า แม้แต่หัวเราะยังต้องเอามือปิดปาก
หันมานึกภาพหญิงไทยยุค 2011 ฮ่าๆๆๆ
“น้ำปรุงนี่จะเป็นน้ำหอมใสๆสีเขียว ขวดเล็กมิต้องใช้เยอะก็ฟุ้งไปทั้งบาง ส่วนน้ำอบไทยนั้นเป็นน้ำขุ่นๆสีเหลือง ต้องเทคราละมากโขจึงจะหอมใช้ประหน้าประตัวหน้าร้อน ชื่นใจดีแท้” แม่รำพึงเดินอธิบายให้ผมฟังอย่างละเอียด
ผมเองก็ตั้งใจฟังเพราะอยากรู้ความเป็นมาเป็นไป เผื่อเอาไปใช้กับร้านอาหารไทยได้ อีกอย่างใช้แต่น้ำหอมเมืองนอกขวดเป็นพัน มารู้ของไทยๆแบบนี้บ้างก็ดีเหมือนกัน
“น้ำปรุงนี่ต้องใช้ใบเนียม พิมเสน ชะมดเช็ด แลหัวน้ำหอม ผสมกัน ใบเนียมทำให้น้ำปรุงเป็นสีเขียว ใช้เหยาะผ้าเช็ดหน้า คอเสื้อ  ติดทนนานนัก ส่วนน้ำอบไทยนั้น ต้องใช้น้ำฝนสะอาด ใช้ดอกกระดังงาลนไฟลอยแล้วอบด้วยเครื่องหอมแบบไทยๆ มีผิวมะกรูด กำยาน น้ำตาลทรายแดง พิมเสนใส่ในตะคัน จุดไฟให้เป็นควันแล้วปิดฝาอบไว้หลายๆวันจนน้ำเหลืองแลหอมฟุ้ง ก็เป็นอันใช้ได้”
แม่รำพึงเดินพาผมชมวิธีการทำแต่ละขั้นตอน เธอเล่าว่าทั่วทั้งบางนี้ น้ำอบน้ำปรุงของเธอมีชื่อเสียงที่สุด ถึงขนาดส่งเข้าไปในวังก็มีเหมือนกัน
วันนั้นผมได้ความรู้มากมายเกี่ยวกับน้ำหอมไทย
เกือบเที่ยงแล้ว แม่รำพึงชวนผมกับหมอปีย์ทานข้าวเสียด้วยกันที่บ้าน ผมขออาสาไปเป็นลูกมือแม่รำพึงทำกับข้าว
เธอเป็นหญิงไทยที่มีเสน่ห์จริงๆ ทุกครั้งที่เธอเดินมักมีกลิ่นหอมดอกไม้อ่อนๆโชยมาเสมอเพราะที่ปลายผมนั้นมีดอกจำปาผูกติดไว้  อีกทั้งกริยาท่าทางก็ดูละเมียดละไม การแต่งกายก็ปราณีต บ้านช่องก็สะอาดเอี่ยม นี่หละมั้งที่เขาเรียกว่า
“งามอย่างไทย”


“เจ้ามักคุ้นกับหมอนานแล้วรึ” รำพึงถามขณะที่ผมกำลังช่วยเด็ดดอกโศกสีแสดที่มักจะบานในหน้าหนาว
“ก็” ไม่รู้จะตอบอย่างไร ความจริงผมกับหมอนั่นรู้จักกันไม่ถึงเดือน แต่ทำไมถึงเหมือนกับว่ารู้จักกันมาเสียเนิ่นนาน
“นานแล้ว” ผมตอบ
“อ๋อ ข้ามิเคยเห็นหมอปีย์เคยเล่าให้ฟัง แลไม่ค่อยจักได้ยินว่าหมอจะมีเกลอ” เธอทำหน้าสงสัย
“ทำไมเหรอ ตอนเด็กๆหมอนั่นไม่มีคนคบเหรอ” ผมถามขณะที่หยิบดอกโศกขึ้นมาดมกลิ่นหอม
“มิใช่เยี่ยงนั้นดอก พ่อ เมื่อครั้งหมอปีย์ยังเยาว์นั้น ต้องระเหเร่อร่อนตามแม่ไปบางนู้นบางนี้มิเป็นหลักแหล่ง ด้วยพ่อของหมอนั้นเป็นพวกแขกเปอร์เซียตาสีฟ้า ในสมัยนั้นหลวงท่านทรงมิให้ชาวสยามออกเรือนกับพวกนอกประเทศ ท่านเกรงว่าพวกนั้นจักมาหาความลับเอากับชาวสยาม” เธออธิบาย
“อ๋อ”
“หมอปีย์ก็เลยต้องอยู่มิเป็นหลักแหล่ง”
“แล้วรำพึงรู้จักหมอนั่นได้ยังไง”
“ฉันรู้จักหมอปีย์ก็คราที่มาอยู่กับหลวงจรัสแล้ว แกน่าสงสารนัก อยู่กับหลวงท่านได้ไม่นาน พ่อแม่ก็มาด่วนจากด้วยโรคห่า หลังจากนั้นมา หมอปีย์ก็มิใคร่จะปราศรัยเหมือนเด็กทั่วไป เอาแต่เก็บตัวอ่านตำรับตำรา ฉันนั้นตามย่าไปเอาสมุนไพรที่บ้านหลวงจรัสบ่อยๆ เลยคุ้นเคยกันดี”
ผมพยักหน้า พอนึกภาพความสัมพันธุ์ของสองคนนี้ออก
“เจ้าเป็นเกลอกับหมอก็ดีแล้ว จักได้ดูแลหมอแกเสียบ้าง เพราะแกนั้นมักดูแลแต่ผู้อื่น ผู้ใดได้ไข้ได้ป่วยมาก็มาหาแกนี่หล่ะ หายกลับไปทุกคน ชาวบ้านนับถือแกโข แต่แกก็มิใคร่จะออกไปสมาคมกับผู้ใด”
“อืม เหรอ แล้วเขาเอ่อ แบบว่า อายุขนาดนั้นแล้วไม่มีแฟน เอ่อ ชั้นหมายถึงผู้หญิงที่หมายปองอ่ะ มั้งเหรอ” ผมอ้อมแอ้มถาม
“โอ้ย พ่อ” หล่อนหัวเราะออกมา ก่อนจะปิดปาก “มีสิทำไมจักไม่มี มีมากด้วย สาวๆทั้งบางนี้ บางไหนล้วนแล้วแต่เคยเขียนเพลงยาวไปให้หมอปีย์กันทั้งนั้น แต่แกก็มิเห็นจักสนใจผู้ใด ฉันเคยถามแก เพราะเห็นว่าผู้ชายรุ่นราวคราวเดียวกันเขาออกเย้าออกเรือนกันไปหมดแล้ว แกบอกฉันว่า แกรอนางในฝันอยู่ ฉันนี้ หัวเราะจนปวดท้อง” พูดแล้วเธอก็หัวเราะออกมาอีก

“คุยกันใดกันรึ หัวร่อกันออกรสเชียว” หมอปีย์เดินเข้ามา
“อ๋อๆ ปล่าวๆ” ผมรีบแก้ตัว “ เรากำลังคุยกันถึงเอ่อ ถึง  ดอกโศก..............................”



อาหารมื้อนั้นแม่รำพึงแกงส้มต้มกะปิดอกโศกกับปลาช่อนแห้งให้พวกเรากิน ฝีมือของเธอนั้นอร่อยเด็ดทีเดียว ผมขอให้เธออธิบายสูตรอย่างละเอียด พยายามจำทุกรายละเอียดที่เธอบอกจนขึ้นใจ
เธอบอกว่าดอกโศกนั้นหากินง่ายในหน้าหนาว กลิ่นหอมกินได้ทั้งใบและดอก ใบอ่อนสีขาวเอามาจิ้มหลน หรือกะปิคั่วก็อร่อย รสชาติของดอกโศกจะออกเปรี้ยวนิดฝาดหน่อย
“เป็นอย่างไรล่ะพ่อ กินเสียเกลี้ยงถ้วยทีเดียว” รำพึงถามขณะที่ผมกำลังเทน้ำแกงจากถ้วยใส่จานก่อนจะเอามือคลุก
“อร่อยมากเลยรำพึง อร่อยจริงๆนะ อย่างนี้น่ะ ถ้าอยู่สมัยชั้นน่ะ เปิดร้านได้สบาย”
“สมัยเจ้า???” รำพึงทำหน้าสงสัย
“อ้อ อย่าไปถือสาหาความเลยแม่ เจ้านี่สติมิค่อยจักเต็มบาท ตั้งแต่จมน้ำมาครานั้นก็พร่ามเพ้อมิเป็นภาษา” หมอปีย์เร่งแก้ตัวให้พัลวัน แต่ฟังคำแก้ตัวของมันแล้วนั้น เหมือนมันหลอกด่ากันเลย
“อ้อ”
“รำพึงนี่ฝีมือทำอาหารเด็ดขาดไปเลยนะ” ผมพูดไปพลางขณะที่ข้าวเต็มปาก “นี่หากใครได้เป็นเมียนะ คงสบายไปทั้งชาติเลย” ผมพูด
“ฉันน่ะมิใคร่จะมีดอก พ่ออัชย์ รอให้หมอปีย์แกหาไปก่อน มีเมื่อไหร่แล้วฉันถึงจะมี” แล้วเราทั้งสามคนก็หัวเราะขึ้นมาพร้อมๆกัน
หมอปีย์จ้องตาผมก่อนจะส่งยิ้มให้เป็นภาษาที่อาจซับซ้อนสำหรับคนอื่น.............แต่สำหรับผม ผมว่าผมเข้าใจมัน

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
เมื่อไหร่พ่ออัชย์จะเข้าใจหมอปีย์สักที หรือเข้าใจแต่พยายามเบี่ยงประเด็น แอร๊ยยยส์

ออฟไลน์ Anonymus

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-1
เฮ้อ! :เฮ้อ: สงสารเจ้าอัชย์  อิหลักอิเหลื่อแท้ พ่อหมอก็เล่นมาฝากรัก  แต่เขาก็ดันมีคู่ตุนาหงันอยู่แล้ว

แถมยังเป็นชายเหมือนกัน  ขีดคั่นทางสังคมก็ยิ่งมาก  จะทำอะไรได้จริงมะ 

ไม่รับรักเขาก็ว่าใจร้าย  รับรักก็ช้ำในตายเอง  อัชย์เอ๊ย.... :เฮ้อ:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ konnarak

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +182/-0
พ่ออัชย์ จะทำยังไงต่อไปน่าาาาา  คิดไม่ออกจิงๆๆ

ผมว่าพ่ออัชย์ รู้เเล้วเเหละว่าหมอปรีย์ คิดไร เเต่ทำเป็นมองไม่เห็น    :เฮ้อ:  คอยๆคิดละกัน

อยากให่รักกันเร้วๆๆๆๆๆ


 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ ~prince™~

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +161/-2
อัซย์จูงมือหมอปีย์โดดน้ำกลับปัจจุบันด้วยกันเลย ง่ายดี  :laugh:

Zymphoniz

  • บุคคลทั่วไป
เป็นกลังใจให้หมอปีย์ เจ้าบ้ารับรักหมอเสียทีเถิด
คนอ่านรู้สึกสงสารหมอเหลือเกิน  :z3:

ออฟไลน์ KOWPOON

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 175
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
ไปเจอเพลงนี้มา นึกถึงเรื่องนี้เลย  :L1: :L1: :L1: :L1:

เราข้ามเวลามาพบกัน
http://www.youtube.com/embed/s5AJSdYhWfQ

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
ตามอ่านตามลุ้นกันมาโดยตลอด พร้อมด้วยความเห็นใจหมอปีย์มาก
อัชย์ดูเหมือนจะเข้าใจรู้ความนัยๆอยู่เหมือนกัน แต่ทำไมแกล้งเฉไฉไปซะทุกที
ลุ้นๆๆๆ รอๆๆๆต่อไปค่ะ

cotone

  • บุคคลทั่วไป
ตอนจบนั่นคือการส่งรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความรักหรือเปล่าน่ะ อร๊างงง  :-[

งานนี้แม่รำพึงคงต้องรออีกนานล่ะ ดูเหมือนหมอปีย์คงไม่มีวันได้เจอนางในฝันไปทั้งชาติ เจอก็แต่นายในฝันเนี่ยแหละค่า :laugh:

ออฟไลน์ kyoya11

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4680
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +340/-12
ลุ้น ๆ
สงสารก็แต่หมอปีย์ ก็นายอัชย์เล่นไม่รู้เรื่องรู้ราว เอ๊ะ! หรือแกล้งไม่รู้ก็ไม่ทราบ
แบบนี้หมอปีย์ต้องมีท้อแหงๆ
รอตอนต่อไปจ้า^^

ออฟไลน์ iota

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +83/-2
บรรยากาศชวนเศร้าๆ ยังไงไม่รู้
ตั้งแต่ความฝันของพ่ออัชย์ล่ะ :dont2:
+1 สร้างเสริมกำลังใจครับ

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
หูย..หมอกำลังส่งสายตาให้นางในฝัน
นางในฝันก็ีรีบๆเข้าใจและตอบรับไมตรีของหมอปีย์เร็วๆด้วยเถิด

SuMoDevil

  • บุคคลทั่วไป
เฮ้อ พ่ออัชย์ คิดอะไรอยู่น้อออ

รู้ก็บอกว่ารู้ แต่ปลายทางจะเป็นยังไงก็คุยกันให้เข้าใจไม่ดีกว่าเร้อออ
:เฮ้อ:

ปล.แก้คำผิดให้นะคร้าบ  ท่าทางวันนี้จะรีบพิมพ์รีบลงมาก อิอิ

อ้างถึง
“ก็เอ่อ เป็นสตรีที่มาจากราชวงศ์อู่ทอง แล้วก็ลอบมีสัมพันธ์กับพันบุตรศรีเทพ คนเฝ้าหอพระ แล้วก็” ผมพยายามระลึกชาติอย่างหนัก
“แล้วก็ลอบปลงพระชนม์พระเจ้าอยู่หัว........................รู้แค่นี้แหละ”  แต่จนปัญญาจริงๆ
อ้างถึง
“มิได้เลวไปหมดดอก ในความอัปยศนั้น บัวผันกลับมีสิ่งมหัศจรรย์เกิดขึ้นกับตนเองที่พิเศษกว่าหญิงอื่น
อ้างถึง
ป่วยการจะต่อล้อต่อเถียงกับเจ้าแล้วเจ้าบ้า เอาเป็นว่าเรื่องนี้หาได้มีใครถูกใครผิดไม่ ไว้เจ้ารักใครสักคนอย่างหมดใจ แล้วจะเข้าใจตัวพระนางศรีสุดาจันทน์ และตัวเรา”
อ้างถึง
ผมพยักหน้า พอนึกภาพความสัมพันธ์ของสองคนนี้ออก
อ้างถึง
“อืม เหรอ แล้วเขาเอ่อ แบบว่า อายุขนาดนั้นแล้วไม่มีแฟน เอ่อ ชั้นหมายถึงผู้หญิงที่หมายปองอ่ะ มั่งเหรอ” ผมอ้อมแอ้มถาม
อ้างถึง
“มีสิทำไมจักไม่มี มีมากด้วย สาวๆทั้งบางนี้ บางไหนล้วนแล้วแต่เคยเขียนเพลงยาวไปให้หมอปีย์กันทั้งนั้น แต่แกก็มิเห็นจักสนใจผู้ใด ฉันเคยถามแก เพราะเห็นว่าผู้ชายรุ่นราวคราวเดียวกันเขาออกเหย้าออกเรือนกันไปหมดแล้ว แกบอกฉันว่า แกรอนางในฝันอยู่ ฉันนี้ หัวเราะจนปวดท้อง”
อ้างถึง
“อ้อ อย่าไปถือสาหาความเลยแม่ เจ้านี่สติมิค่อยจักเต็มบาท ตั้งแต่จมน้ำมาครานั้นก็พร่ำเพ้อมิเป็นภาษา” หมอปีย์เร่งแก้ตัวให้พัลวัน แต่ฟังคำแก้ตัวของมันแล้วนั้น เหมือนมันหลอกด่ากันเลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ watwong

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-0
หมอทำใจหน่อยนะ ก็ชอบผุ้ชายเพลย์บอยเอง หมอต้องหัดควบคุม และหัดข่มขืน ฮ๋าๆๆๆ ล้อเล่น

Regina_1

  • บุคคลทั่วไป
อย่าเพิ่งถอดใจนะหมอปีย์...อุตส่ารอมานานขนาดนี้แล้ว
พ่ออัชย์นี่ก้อนะ...แหม๊...จะซึนอีกนานมั้ยคร๊า าาา...หมอปีย์เค้าก้ออุตส่าเปิดอก เปิดใจ สารภาพไปซะหมดเปลือก หมดไส้ หมดพุง ขนาดนั้นแล้วอ่ะ...แล้วยามใดพ่อจะรู้ใจตัวเองซะทีล่ะเนี่ย...แง่ง งงง

...อ้ายสน...โดนหวายลงหลังจริงๆด้วยอ่ะ...โอ๊ว ววว หมอปีย์ท่าจะหวงและห่วงพ่ออัชย์มากเลยนะเนี่ย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-04-2011 12:10:27 โดย Regina_1 »

ออฟไลน์ indy❣zaka

  • กระซิกๆ เบื่อดราม่า...
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +625/-26
แล้ว รัก มันจะช่วยอะไรได้มั๊ยเนี่ย
หมอก็มีคู่หมั้น แล้วจารีตสมัยนั้น อัชก็ไถตลอด

แล้วจะได้ลงเอยกันมั๊ยเนี่ย  :z3:

t-unseen

  • บุคคลทั่วไป
ยิ่งอ่าน ยิ่งลุ้น ลุ้นตลอดกลัวอยู่ๆ พ่ออัชย์  แว๊บบบไปปัจจุบันอีก :o12:
ตอนนั่งเรือก็กลัวเหอะ  :m15:


ออฟไลน์ zombi

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-5
“เราก็พอจะรู้”

 :เฮ้อ: เจ้าบ้าทำร้ายจิตใจหมอปีย์อีกแล้ว

ฉันว่าหมอจับกดไปเลยจะดีกว่า ถ้ารอให้เจ้าบ้ารู้สึกตัวสงสัยจะมีเวลาหวานกันได้ไม่นาน

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
หมอปีย์ต้องลุยกว่านี้แหละ สู้ๆ หน่อย

ออฟไลน์ VICTORY

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 787
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-1
คุนหมอปีย์รอนางในฝัน ตอนนี้ก็เจอแล้วนี่

เจ้าชายแกงจืด

  • บุคคลทั่วไป
หมอปีย์ สู้ๆ  พ่ออัชย์ทำไม่รู้ไปงั้นแหละ

มีรักก็ต้องมีหวัง   :call:


ออฟไลน์ O[]OVampire

  • เพียงเธอสบตา...แทบลืมหายใจ เพียงเธอ...จากไป...ตราบชั่วลมหายใจ ...ไม่ลืม
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-0
อุปสรรคเยอะมากๆ ขอให้ผ่านมันไปได้ด้วยดีเถอะนะ

ออฟไลน์ suginosama

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 611
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-1
ทั้งหมอทั้งพ่ออัชย์ต่างเก็บงำความในใจทั้งคู่เลย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด