
โยว่ โยว่ มาเกทับแต่เช้า
**************************************************************
รณวีย์ วิ่งเข้าห้องพักตัวเองเก็บของลวกๆเท่าที่จำเป็นที่จะต้องติดตัว อย่างอื่นค่อยแวะมาเก็บทีหลัง ไม่ไหวล่ะ ต่อให้ไม่เจอกันนานแค่ไหน เขาก็ยังจำใบหน้าคมคายของการินทร์ได้ไม่ลืมเลือนมันเป็นใบหน้าที่เข้ามาหลอกหลอนทุกครั้งที่เขาเกิดเหงาหรือเหม่อ
จิตใจของเขายังไม่พร้อมที่จะเจอคนๆนี้คนที่ทำให้เขารู้จักคำว่แอบรักมันเป็นยังไง
ผู้ชายแอบรักผู้ชายด้วยกันมันน่าอายน้อยอยู่ซะเมื่อไหร่ล่ะ ยิ่งกับคนที่เป็นหัวโจกแกล้งเขาอย่างการินทร์ด้วยแล้ว ถึงรักให้ตายเขาก็ไม่ขอเจอหน้าอีก
เมื่อทุกอย่างถูกจับยัดลงเป้คู่กาย เจ้าของเป้จึงไม่รอช้าที่จะรีบออกจากที่พัก อุตส่าห์เป็นคนล่องหนมานานหลายปี ก็ยังมีคนในอดีตตามมาเจอจนได้
“จะไปไหน รณวีย์”
ไม่ได้มาแค่เสียงแต่คนถูกเรียกรู้สึกได้ถึงแรงกระชากที่ต้นแขน ชายหนุ่มหันไปมองอย่างตกใจก่อนที่หัวใจจะหล่นวูบไปที่ตาตุ่มเผลอครางออกมาเบาๆ
“การินทร์”
.
.
.
.
.
.
ตาสองคู่มองสบกันได้ซักพักก็ต้องรีบต่างคนต่างเมินหนี เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของคนที่ตามมา
“ มีอะไรกันหรือเปล่าครับ “
ปลายภู เอ่ยถามเมื่อวิ่งตามมาจนถึงสองหนุ่มชาวกรุง ในใจคิดไปในสิ่งที่ตาเห็น
จับมือถือแขนกันซะด้วย มันชักจะยังไงแฮะ
“ ไม่มีอะไรครับคุณภู แมสเซนเจอร์ มาตามเอาต้นฉบับน่ะครับ “
คนโดนจับเป็นคนตอบ มันเป็นคำตอบที่เล่นเอาคนจับสะอึก
เล่นอย่างนี้เลยนะเอ็งไอ้วี
ในความคิดการินทร์อยากจะเขกกะบาลสั่งสอนคนใกล้ตัวอย่างที่เคยทำในวัยเรียนตอนที่เจ้าตัวกล้าหือกับเขา
มันน่านัก มายัดเยียดให้จินตกรภาพเขียนฝีมือดีอย่างเขาเป็นแมสเซนเจอร์ ซักป๊าบดีมั๊ยเนี่ย
“ ปล่อยได้แล้ว ไม่ต้องกลัวจะไม่ได้หรอกต้นฉบับ เขียนเสร็จไปเป็นชาติแล้ว “
รณวีย์ยังคงเล่นละครหลอกตาคนที่วิ่งตามมาสมทบ
จะให้บอกว่าไอ้นี่เป็นเพื่อนสมัยเรียนน่ะเหรอ เกิดมันไม่ยอมรับขึ้นมาก็หน้าแหกกันพอดี สมัยเรียนยิ่งสนิทกันมากอยู่
เออหนอหัวใจจู่ๆก็ประชดตัวเองขึ้นมาซะงั้น
“ จบเป็นชาติแล้วอยู่ไหนล่ะงาน “
การินทร์ตามน้ำเล่นตามบทจนคนเขียนบทต้องค้อนควับ แต่ไม่ทันที่จะแย้งอะไรก็เหมือนว่าคนยืนดูจะเชื่อไปซะก่อน
“ งั้นก็ตามสบายครับ ทีแท้ก็คนกันเอง ผมปลายภูนะครับเจ้าของ ภูปลายสาย ยินดีที่ได้รู้จักและยินดีต้อนรับแมสฯ ที่น่าจะขยันที่สุดในประเทศไทย “
ประโยคหลังที่ปลายภูแนะนำตัวและเรียก การินทร์ ว่าแมสฯ ได้อย่างสนิทปาก ทำเอาเจ้าตัวเคืองขึ้นมาหน่อยๆ
เจ้าของภู โธ่เอ้ย รายได้จากภาพเขียนผมมันก็ไม่ได้น้อยไปกว่าคุณเท่าไหร่หรอก
นั่นแค่คิด การินทร์ไม่อาจที่จะพูดอย่างนั้นออกไปได้ หน้ากากของมนุษย์มันก็ใช้สวมได้ตอนนี้แหละ
“ ครับ ยินดีเช่นกัน ที่นี่อากาศดี อาชีพอย่างผมคงไม่ได้มาสัมผัสมันได้ วันๆส่งแต่เอกสาร ตามแต่เอกสาร ถือว่าเป็นโชคดีนะครับที่ ผมได้มาตามทวงงานของนักเขียนดังถึงที่นี่ “
ไม่ใช่แค่สวมหน้ากากการเข้าสังคม การินทร์ยังงัดเอานิทานเรื่องเด็กเลี้ยงแกะมาประยุกต์ใช้ได้อย่าน่าทึ่ง ตบท้ายด้วยการประชดประชันคนข้างตัว
นักเขียนดัง แหวะ นิยายเพ้อฝันทั้งนั้น
เหม่อมองแค่ดวงดาว ตีบทเศร้าเคล้าสายฝน คนอกหักคุยก็มักจะคุยกับสายลมรู้เรื่อง โอย จะบ้าตาย เขียนเข้าไปได้ยังไง
“ ถ้างั้นผมก็ขอตัวนะครับ เดี๋ยวผมจะให้คนจัดหาห้องพักให้ก็แล้วกัน บริการฟรีครับสำหรับคนของคุณวี “
ปลายภูเปิดยิ้มเมื่อหันไปมองคนที่การินทร์นึกประชดประชันเมื่อครู่
อารมณ์หมั่นไส้แล่นเข้ามาทักทายชายหนุ่มที่สวมบทแมสฯจำเป็นขึ้นมาทันที
“ ผมพอจะมีเงินจ่ายค่าห้องพักครับคงไม่จำเป็นใช้เครดิตใคร ”
ชายหนุ่มสวนขึ้นทันที รณวีย์ถึงกับหน้าชาเริ่มที่จะจับอารมณ์เพื่อนเก่าได้ นายนี่ยอมให้ใครมาพูดจาเชิงดูถูกได้ที่ไหน อยู่เฉยไม่ได้แล้วสิเรา
“ ขอบคุณในความหวังดีนะครับคุณภู ยังไงมีอะไรผมจะไปแจ้งคุณภูเองละกัน “
ไล่คนได้แบบผู้ดีมากเลยนายวีเอ้ย ช่วยไม่ได้มันจำเป็น
“ครับ งั้นก็ติดต่อผมได้ตลอดนะครับหรือว่าผ่านทางไอ้อ่องหรือเฟื่องฟ้าก็แล้วแต่คุณวีจะสะดวก “
ปลายภูเดินจากไป รณวีย์จึงหันมาแว้ดใส่การินทร์
“ เขาเป็นเจ้าของที่นี่นะกานต์ น้ำใจที่คนอื่นมอบให้หัดรับเอาไว้ซะบ้าง “
…..เหมือนอย่างที่ฉันเคยให้นาย…..
หยุดดดด!!!…อย่าหลุดปากออกไปเด็ดขาดรณวีย์
แน่นอนว่าชายหนุ่มสั่งตัวเองได้การินทร์จึงไม่ได้รับฟังอะไรๆที่เขาไม่เคยรู้
“ ทำไมต้องรับ ในเมื่อไม่ต้องการ “
จิตรกรหนุ่มเถียง เดี๋ยวเหอะกล้ามาสั่งสอนคนอย่างเขาเดี๋ยวได้รื้อฟื้นอดีต
รื้อฟื้นอดีต ใช่แล้ว งู
ชายหนุ่มก้มมองสำรวจขาซ้ายตัวเอง กางเกงยีนส์สีซีดถูกพับไว้แล้วครึ่งเข่า ผ้าสีขาวสะอาดที่พันไว้ตรงข้อเท้าทำให้เขาไม่เห็นปากแผลที่โดนฉก
“ มันไม่ใช่งูพิษหรอก ”
รณวีย์เอ่ยขึ้นดุๆเมื่อเห็นคนตรงหน้านั่งลงพยายามแกะผ้าออกสงสัยว่าเจ้าตัวจะดูรอยเขี้ยวอย่างที่เคยเรียนมา
“ยุ่ง”
การินทร์ เงยหน้าขึ้นตวาดเมื่อรู้สึกว่าคนพูดจะอ่านการกระทำเขาออก
“ ก็แล้วนายจะไปแกะผ้าออกทำไมเดี๋ยวแผลก็โดนฝุ่นโดนน้ำไม่อยากหายหรือไง “
ทำไมถึงพูดออกไปเชิงห่วงใยแบบนั้น คนพูดก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน แต่ดูท่าว่าคนฟังจะยอมปล่อยมือออกจากปมผ้าแล้วลุกขึ้นมายืนมองสบตาเขา
“ อะไร “
รณวีย์ถามเมื่อการินทร์เอาแต่จ้องตาเขา
….เขินนะโว้ย……
“ ขี้ตา เต็มเลย “
ไม่พูดเปล่า การินทร์ใช้สองนิ้วจิ้มเอาไปที่ตาคนที่รอคำตอบจากเขาจนเจ้าตัวหน้าหงาย
จะให้มาทำซึ้งกับไอ้ตุ๊ดวีกลัวงูนี่น่ะเหรอ เมินซะเถอะ
คนจิ้มตาเดินผ่านหน้าเข้าไปในบ้านพักแล้ว รณวีย์แทบจะแทรกพื้นดินหนีด้วยความอาย สองนิ้วรีบจัดการเขี่ยที่ตาตัวเอง
ว่างเปล่า ไม่มีสิ่งแปลกปลอมติดออกมาซักนิด ไอ้นี่มันอำไม่เลิกไม่ลา ชายหนุ่มคิดแล้วก็เคืองจึงรีบก้าวฉับๆตามเพื่อนเก่าเข้าไปในบ้านพัก
“ Real love story จนกว่าฟ้าจะมีเวลา เวลา ลมเหงา ฯ “
เสียงดังฟังชัดของการินทร์ที่ยืนอ่านอะไรซักอย่างในมือ แน่นอนว่าเจ้าของห้องรู้ว่ามันคืออะไรจึงกระโจนเข้าไปแย่งคืนมันมาถือไว้ในมือตัวเอง
“มันคืออะไรทำไมต้องหวงแบบนั้นด้วย”
การินทร์เอ่ยถามอย่างอยากรู้
“นิยายทางอินเตอร์เนท”
คนหวงตอบ
“แล้วทำไมต้องหวงขนาดนั้นด้วย”
“ไม่ได้ห่วงแต่ให้เกียรติคนเขียน อย่างนายอ่านไปก็ไปด่าเขาเปล่าๆ”
“อืม เข้าใจแล้วล่ะ เพราะคนเขียนนั่นมันก็เพ้อเจ้อเหมือนนายใช่มั๊ย”
“อย่าตัดสินคนอื่นทั้งๆที่ยังไม่รู้จัก”
“งั้นก็เอามาให้อ่านสิจะได้รู้จัก”
รณวีย์ไม่สนใจคนขอ จัดการยัดสิ่งที่เจ้าตัวต้องการลงเป้ตัวเอง
เรื่องอะไรจะให้นายนี่อ่านเรื่องราวชาวเกย์ มันจะเข้าถึงได้ซักกี่บทกันเชียวในเมื่อมันก็แค่คนทะโมนกะล่อนเจ้าเล่ห์คนนึง นิยายนี่คนเขียนอุตส่าห์ถ่ายทอดออกมาอย่างยากลำบาก ทำไมจะต้องให้คนที่ไม่เห็นค่าอ่านมันด้วย
เขาก็เป็นคนเขียนหนังสือก็ย่อมที่จะเข้าใจในความรู้สึกของคนเขียนหนังสือเหมือนกันคำพูดแต่ละคำประโยคแต่ละประโยคใช่ว่าจะจับวางได้ง่ายๆอย่างใจนึก การที่จะสื่อสารให้คนอ่านเข้าใจในอารมณ์และเหตุการณ์ที่สร้างขึ้นมันเหมือนปอกกล้วยเข้าปากซะเมื่อไหร่ ไหนจะเรื่องภาษา เรื่องเว้นวรรคตอน หรือแม้กระทั่งคำที่เขียนถูกเขียนผิด สารพัดที่ต้องระวัง กว่าจะผ่านไปได้แต่ละขั้นตอนนี่เลือดแทบคลั่งในสมอง แต่กำลังใจจากคนอ่านมันก็ช่วยบรรเทาอาการนั้นได้มากโขอยู่ อืม เจ้าของผลงานในเป้นี้ก็คงจะไม่ต่างจากเขาหรอก บางทีก็น่าชื่นชมกว่าเขาเสียอีกนิยายทางอินเตอร์เนทที่ไม่ได้อะไรตอบแทนจากการกลั่นมันสมองถ่ายทอดเลยซักนิด ผิดกับเขา งานจะเดินก็เมื่อเงินน่าสนใจ
“ นายมาที่นี่ทำไม “
รณวีย์เอ่ยถามในที่สุดในสิ่งที่เริ่มจะสงสัย แววตาคนโดนถามแปรเปลี่ยนไปจากเดิมทันที
แวบนั้นคนถามเห็นมันเศร้าหม่น
การินทร์ ก็ตอบไม่ได้ว่าทำไมเขาเลือกที่จะมาหาคนอย่างรณวีย์
ผู้ชายอกหัก ดันมาหาผู้ชายด้วยกัน มันแปลกๆ
ชีวิตหลังจากจบมัธยม รณวีย์หายไปจากกลุ่ม เป็นคนเดียวที่ไม่เคยไปร่วมงานคืนสู่เหย้าเลยซักปี
ไม่มีใครรู้ว่าคนๆนี้อยู่ที่ไหน จากวันนั้นถึงวันนี้เกือบเจ็ดปี ที่รณวีย์ไม่ติดต่อใครเลย ไม่ว่าจะเขาที่ถือว่าเคยสนิทกัน หรือเพื่อนในห้องคนไหน
ไม่มีใครรู้ความคิดของรณวีย์
“ วีเขาเป็นนักเขียนแล้ว นี่ไงหนังสือเขา เขาไม่ค่อยกลับมาบ้านหรอก เขาบอกว่าเขียนงานขายอิสระหาเลี้ยงตัวก็สนุกดี เขียนที่ไหนก็ได้ถึงเวลาก็เอาไปเสนอสำนักพิมพ์ซื้อก็ขายไม่ซื้อก็เก็บไว้อ่านเล่น เขียนเล่มใหม่ไปเรื่อยๆ แต่ก็น้อยนะที่งานเขาจะขายไม่ได้เพราะไม่เห็นเขาจะมาวุ่นวายกับที่บ้านเรื่องเงินๆทองๆเลย “
มันเป็นคำบอกเล่าที่เขาได้จากครอบครัวของเจ้าตัว
น่าแปลกเขาเพิ่งจะสนใจที่จะตามหาคนๆนี้เมื่อปีที่แล้วนี่เอง
เพราะอะไร แค่อกหักจากผู้หญิงที่คบกันตอนเรียนมหาลัย อย่างงั้นเหรอ
แล้วทำไมเขาต้องคิดถึงรณวีย์ หรือเพราะคำพูดนี้
“หนังสือเขาดีนะอ่านแล้วทำให้คนอกหักหายเครียดได้เหมือนกันมันไม่ได้เป็นเรื่องรักๆใคร่ๆไร้สาระ”
มันเป็นคำพูดของบอกอเจ้าของลิขสิทธิ์หนังสือสองสามเล่มของรณวีย์ที่เขาถือโอกาสเข้าไปสนทนาด้วย
“คือผมอยากจะเจอคนเขียนน่ะครับ”
“คงยากนะเพราะคนนี้เขาปฏิเสธที่จะเป็นคนของสำนักพิมพ์ใด นานๆเขาจะมาเสนองานที และพี่ก็รับซื้อทุกเรื่อง”
“ก็ถ้าเขามาอีกก็แจ้งผมได้มั๊ยครับ”
“โทษนะคะ ที่ต้องถาม เป็นอะไรกับเขาหรือเปล่าคะเพราะเขาไม่ชอบให้เปิดเผยข้อมูลส่วนตัวหรือที่อยู่ให้ใครทราบ เนี่ยจดหมายแฟนคลับจะทับสำนักพิมพ์พี่พังอยู่แล้ว เรียกร้องกันจังว่าอยากรู้จักเขา”
“ผมเป็นเพื่อนสมัยเรียนเขาน่ะครับ พอดีมีเพื่อนในกลุ่มเรากำลังอกหักคิดฆ่าตัวตายเพื่อนผมคนนี้น่าจะช่วยได้”
เขาไม่ได้โกหก เพื่อนในกลุ่มก็คือเขานั่นแหละ ความรักมันไม่ได้สวยงามเลยซักนิด ผิดเหรอที่เขาเรียนจบแล้วเลือกที่จะเป็นจิตรกรอย่างที่เขาอยากเป็น ผู้หญิงของเขาที่คบกันมาตั้งแต่ปีหนึ่งถึงเลือกที่จะจากเขาไป
“เป็นทำไมนักวาดรูป ใช่ว่าจะหาเงินสร้างฐานะได้”
เพียงฝน ผู้หญิงที่เขารักบอกกับเขาอย่างนั้นเมื่อเขาบอกถึงอาชีพที่เขาเลือกทำ หลังจากผิดหวังจากงานออฟฟิสมาหลายแห่ง ด้วยเหตุผลที่เขาไม่ชอบ
“ก็ไม่แน่นะฝนถ้าเราฝีมือดีก็ขายได้เยอะนะ”
“แล้วกานต์มั่นใจในฝีมือตัวเองเหรอ”
“กานต์จบมาทางนี้ฝนก็รู้”
“แล้วไงจบทางนี้ก็ใช่ว่าฝีมือจะดีกันทุกคน”
“แต่กานต์ชอบมันนะ”
“มากกว่าฝนงั้นเหรอ”
“มันไม่เหมือนกันนะฝน อย่าพาลสิครับ”
“อ๋อนี่หาว่าฝนพาลเหรอ ฝนรับไม่ได้หรอกนะที่จะให้แฟนตัวเองมานั่งขีดๆเขียนไร้อนาคตแบบนี้”
“แล้วฝนจะเอาไง”
“ฝนถือว่ากานต์ท้าฝนนะ”
“กานต์ไม่ได้ท้าแต่คนรักกันมันก็ต้องเข้าใจกันสิหรือฝนคิดอะไรอยู่”
ตอนนั้นบรรยากาศเงียบเขาจำได้ และสุดท้าย เพียงฝนก็เลือกที่จะไปจากเขา ความปวดร้าว ความเศร้า จึงเข้ารุมเร้าเขาอยู่พักนึงก่อนที่เขาจะตั้งหน้าตั้งตาฝึกปรือฝีมือตัวเองและสุดท้ายเขาก็ทำได้
งานของเขาขายได้ทุกชิ้นในราคาที่สูงพอตัวแต่เขาก็ใช่ว่าจะลืมเพียงฝน ภาพของเขาดีขึ้นในสายตาคนรักเก่า แต่
…..เขาก็แค่คนรักเก่า…….