มาต่อกันเลยคร๊าบบบบ พี่น้องทุกท่าน
ขอบคุณที่ให้กำลังใจติดตามกัน หน้าม้าทั้งหลาย กร๊ากกกกก
เอาไปคนละจุ๊บๆๆ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ผมตื่น มาแต่เช้า ลุกขึ้นมาอาบน้ำ แล้วให้ไอ้หมี ไปส่งที่ ศาลารอรถหน้ามหาวิทยาลัย ถึงบ้านประมาณเที่ยงครับ แต่บ้านเงียบไม่มีใครอยู่เลย สงสัยไปที่โรงพยาบาลกันหมด เอาของไปเก็บซักพักเสียงโทรศัพท์ ผมก็ดัง อีฟโทรมา
“ย่าเปงงัยบ้าง อีฟ ดีขึ้นยัง ” ผมรับสายโดยที่ยังไม่ได้ยินเสียงของอีฟ
“ถึงบ้านยัง ”
“อืม ถึงแล้ว ซักพักแหละ ย่าเปงงัยบ้าง ”
“ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว แต่หมอให้นอนที่นี่ไปก่อนรอดูอาการอ่ะ เดี๋ยวอาจะไปรับไอซ์ที่บ้าน ”
ซักพักอามารับผมที่บ้านไปโรงพยาบาล ผมรีบเดินตามอาไปยังตึกผู้ป่วย พอเข้าไปในห้องเห็นย่าที่เตียง มีแม่กับอีฟนั่งอยู่ข้าง ๆ
“หวัดดี คับแม่ ย่าเป็นงัย ”
“ ดีขึ้นกว่าเดิม แล้วทานข้าวมายัง ทานแล้วคับ อาพาไปทานแถวๆนี้แหละ แล้วหมอบอกว่าย่าเป็นไรคับ ”
“รอหมอ วินิจฉัยอยู่อ่ะ แต่เห็นบอกว่าความดันสูงมาก ”
“เดี๋ยว พรุ่งนี้ ไอซ์มานอนเฝ้าย่า กับอาล่ะกัน เอาเสื้อผ้ามาด้วยน่ะ”
“คับ ผมอยู่จนถึงเย็นแล้วก็กลับบ้าน”
เช้าวันใหม่ ผมเปลี่ยน แม่กับ อีฟ มาพักที่บ้านโดยมีผมกับอาเฝ้าย่าที่โรงพยาบาล ภารกิจผมก็ป้อนข้าว ป้อนน้ำ ป้อนยา เอาฉี่ อิ ไปทิ้ง ยอมรับว่าเหนื่อยครับ ช่วงนั้นเข้าออกโรงพยาบาลประมาณ 1 อาทิตย์ เห็นคนป่วยมากมาย รู้สึกปลงกับชีวิตครับ ชีวิตเราก็เพียงเท่านี้ มีเกิด แก่ เจ็บ ตาย ครับ ไม่รู้จะถึงเราวันไหน คงต้องรีบทำอะไรที่ยังไม่ทำดีกว่า จะได้ไม่เสียดายวันเวลาที่ผ่านมา (คิดดี น่ะเนี่ย หะหะ) แล้ววันนั้น เป็นวันที่ผมกลับจากโรงพยาบาล โดยที่แม่กับอีฟ เฝ้าย่า แล้วโทรศัพท์ผมก็ดัง
“ว่า งัย อีฟ ”
“ไอซ์ ” เสียงอีฟ เหมือนคนร้องไห้
“ย่าเสียแล้ว ไอซ์ ”
เป็นข่าวร้าย ครั้งที่ 2 ในชีวิตผมที่ได้ยินมา ครั้งแรกผมเสียปู่ไป ครั้งนั้น ผมร้องไห้นานมาก ยอมรับว่ารับไม่ได้กับข่าวที่ได้ยิน เพราะครอบครัวผมค่อนข้างใหญ่สนิทกันมาก โดยเฉพาะปู่กับย่า เพราะท่านเลี้ยงเรามาด้วย แต่ครั้งนี้ผมไม่ร้องครับ แต่รู้สึกใจหาย และเป็น 2 ครั้งที่ผมไม่ได้เห็นท่านสิ้นใจ
“ไอซ์ แม่ฝากบอกอากับพ่อด้วย ว่าให้เตรียมบ้านให้เรียบร้อยประมาณ บ่าย 2 จะนำศพไปที่บ้าน”
“อืม ได้ ” ผมรีบไปบอกอากับพ่อโดยที่รอที่บ้านย่า
บ้านผมกับบ้านย่าไม่ห่างกันมากครับ ผมจำได้ว่าวันนั้นฝนกำลังโปรยลงมาตลอด ผมกับอาและพ่อ เตรียมสถานที่เรียบร้อยรอ ศพย่ามาประกอบพิธีที่บ้าน แล้วเวลาบ่าย 2 รถโรงพยาบาลก็มาถึง และนำร่างย่าขึ้นมาที่บ้าน ผมเห็นย่านอนนิ่ง ขอให้ท่านหลับไปอย่างสบาย ต่อจากนั้นผมกับอีฟทำการเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ย่า หวีผม ทาแป้ง แล้วน้ำตาผมอยู่ดี มันก็ไหลออกมา เป็นสายไม่หยุด โดยที่ผมควบคุมมันไม่ได้เลย แม่ กับพ่อเลยให้ผมออกมาข้างนอก ผมจำไม่ได้ว่านานเท่าใดที่ผมหยุดร้อง และกลับเข้าไปอีกครั้งซึ่งตอนนี้ มีเพียงโลงศพ และรูปย่าตั้งที่กลางบ้าน โดยครอบครัวผมตั้งศพเพื่อสวดอภิธรรมประมาณ 3 วัน โดยวันเผาผมบวชหน้าไฟ ให้ย่า มีพี่ชาย พ่อ อา และหลาน อีกหลายคน ถือเป็นการตอบแทนพรคุณครั้งสุดท้ายให้กับท่าน พอเสร็จจากงาน ผมก็โทรกลับไปที่คณะ
“หมี ที่ คณะเป็นงัยบ้างว่ะ ”
“ตอนนี้ กำลังยุ่งว่ะ น้องมาเยอะล่ะ แล้วย่าแกเป็นงัยบ้างว่ะ ”
“ย่าข้า เสียแล้ว งานเพิ่งเสร็จวันนี้แหละ เดี๋ยวพรุ่งนี้ ข้าจะกลับล่ะ ”
“อืม เสียใจด้วยน่ะ ไม่ต่องรีบกลับมาก็ได้ทางนี้ มีเพื่อนช่วยเยอะล่ะ”
“ไม่เป็นไร หรอก ทางนี้ก็เรียบร้อยแล้วเหมือนกาน เดี๋ยวพรุ่งนี้เจอกัน บาย”
“เออ บาย ”
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
วันต่อมา อากับพี่ชายผม ขับรถไปส่งอีฟกับผม โดยที่ไปส่งอีฟที่หอพักก่อนเพราะผมกับอีฟ ไม่ได้เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันครับ พอส่งอีฟเสร็จก็ไปส่งผมต่อ ซึ่งผมจำได้เลยว่าตั้งแต่มาเรียนที่นี่ พ่อกับแม่ มาส่งเข้าหอพักครั้งเดียวครั้งที่ผมเรียนที่นี่วันแรก แล้วก็ไม่เคยมาอีกเลย (ไม่ใช่ไม่รักผมน่ะครับ แต่ท่านบอกว่า ไกล ขี้เกียจขับรถ ดูดิ พ่อแม่ผมรักผมจิงๆ )
นานๆ จะมีรถมาส่งถึงที่ผมก็เลยขนสัมภารก เอ้ย สัมภาระ มาซะเยอะเลย ทั้งของกินของใช้กะไม่ซื้อเลยครับ เพราะมาอยู่หอแล้วต้องบริหารเงินเองทั้งหมด ถ้าฟุ่มเฟือยก็ทานมาม่าตอนสิ้นเดือนทุกที มันเป็นช่วงที่ตกระกำลำบาก กันหมดแหละสำหรับเด็กหอในอย่างพวกผม (หอใน= หอในรั้วมหาลัย , หอนอก = หอนอกมหาลัยครับ)
โดยปกติแล้วรุ่นพี่จะต้องออกไปอยู่หอนอกน่ะ แต่ผมถือว่าเป็นเด็กกิจกรรมอ่ะครับ ก็เลยได้สิทธิพิเศษ อีกอย่าง หอนอกก็แพงด้วย ค่าน้ำ ค่าไฟ จ่ายเอง แต่หอในฟรี ครับ ฟรี ใช้ได้ตามสบาย แต่เค้ามีกฎห้ามนำเครื่องใช้ไฟฟ้าเข้ามาใช้ จำพวก ทีวี ตู้เย็น ไมโครเวฟ แต่สำหรับผมกฎมีไว้แหก หะหะ มีครบครับ ที่บ้านมีไรขนมาให้หมด เพื่อความสบายของผมเอง หะหะ แต่ก็พยายามไม่ให้อาจารย์หอพักรู้น่ะครับ (เป็นแบบอย่างที่ดีของรุ่นน้องน่ะเนี่ย )
ผมให้อา กับพี่ขนของขึ้นมาช่วย โดยที่ห้องของผมอยู่ชั้น 4 ซึ่งก็สูงพอสมควร ที่ลำบากอากับพี่เพราะมันไม่มีลิฟ ของก็เยอะขนคนเดียวลำบากแย่เลย
“ไอ้ ไอซ์ ทำไมห้องแก มันอยู่สูงอย่างนี้ แกน่าจะย้ายลงมาชั้น 2 หรือไม่ก็ 1 น่ะ ” เสียงไอ้โอมห์ พี่ผมเองแหละ มันบ่น ระหว่างที่มันกำลังถือกระเป๋าเสื้อผ้าผมขึ้นมา
“อยู่ ชั้น 4 นี่แหละดีแล้ว ปลอดภัยดี ถ้าอยู่ชั้นล่าง เกิดมีคนมาย่องเข้าห้องผมก็ซวยดิ ยิ่งหน้าตาดีด้วย รุ้ไหมว่าน้องพี่อ่ะ hot ขนาดไหนที่นี่อ่ะ สาวๆติดตรึม “ ผมโม้ให้โอมห์ฟัง
“พอ เถอะ จะอ้วก ชมตัวเอง อยู่ได้ ไหนบอกว่าสาวเยอะ ติดต่อให้บ้างดิ “ หม้ออีกล่ะ พี่ผม
“ ไม่ อ่ะ เดี๋ยวผมจะบาป “ ตัดโอกาสมันขนาดผมยังไม่ได้ มันก็ต้องไม่ได้ หะหะ
“หอนี้ ไม่มีหรอกมันหอชาย หอหญิงอยู่ด้านหลังโน้น ไปหาเอาเองไป อ่ะ ถึงแล้วข้างหน้าอ่ะเลี้ยว ซ้ายห้องแรกอ่ะ ”
มาถึงห้องผม ห้องว่างเปล่า ครับเพราะรูมเมทผมยังไม่มาส่วนใหญ่แล้วเค้าจะมากันก่อนวันเรียนวันเดียวครับ ผมต้องมาก่อนเพราะพวกกิจกรรมต้องมาช่วยงานรับน้องด้วย
“อ่ะ วางตรงนี้แหละคับ ขอบคุณอามากคับที่ขึ้นมาส่ง ”
“อ้าว จะไม่ขอบใจข้าซักคำ เหรอ ไอ้ไอซ์ พี่ก็ขนขึ้นมาเหมือนกันน่ะ” ดูมันทวง ขอบคุณจากผม
“ไม่อ่ะ ถือเป็นหน้าที่ของพี่ชาย อ่ะ ที่ต้องขนของช่วยน้องชายหน้าตาดีดี อย่างผม ”
“เออ ขอบใจ ที่ขนมาส่ง แล้วจะกลับเลยป่ะเนี่ย เดี๋ยวจะถึงบ้านค่ำน่ะ ” ได้ทีไล่เลยครับ
“แหม ไอ้นี่ พอช่วยเสร็จก็ไล่กลับเลยน่ะ ใจคอจะไม่ชวนอาไปทานข้าวเหรอเนี่ยมันเที่ยงแล้วน่ะ” สงสงสัยมันจะหิวจัด
“ อืม จริงด้วย เที่ยงแล้วนี่หว่า อาเดี๋ยวจะพาอาไปทานร้านในเมืองอร่อยมากๆคับ ” ที่จริงผมก้ไม่เคยทานหรอกแต่เห็นบรรยากาศดี น่านั่งทาน และผมก็อยากไปทานนานแล้ว ดีๆ ไม่เสียตังค์ด้วย
“ ไป ดิ อาก็หิวข้าวตั้งนานล่ะ เห็นไอซ์ กับโอมห์ถียงกันอยู่ก็เลยไม่กล้าบอก หะหะ ”
พวกเรา 3 คน ขับรถมาถึงร้าน คนเริ่มเยอะล่ะ เป็นร้านอาหารติดแม่น้ำครับ โชคดีที่มีที่ว่าง ริมน้ำพอดี เราสั่งกับข้าวมาเยอะมาก อาหารก็ทยอยมาทีละอย่างตอนนี้เต็มโต๊ะไปหมดครับ แล้วก็ถึงเวลาที่รอคอย เราทานกันโดยแทบจะค่อยคุยกันเลย ทานไปนั่งดูแม่น้ำไปเพลิน ดี ใช้เวลาไม่นานครับ อาหารทั้งหมดก็สลายหายไปในพริบตา กินเก่งกันทุกคนเลยทีเดียว เวลาล่วงมาบ่าย 2 อากับโอห์มขับรถ มาส่งผมที่หอพัก
“ขอบคุณมากครับที่มาส่ง ขับรถกลับดีๆน่ะครับ ” อากับพี่ผมต้องขับรถกลับกรุงเทพเนื่องจากบ้านอาอยู่ที่นั่น และพี่ทำก็ต้องกลับไปทำงานด้วย
“ถึง บ้านแล้วโทรมาบอกด้วยน่ะ โอห์ม ” ผมสั่งพี่ผม เหมือนผมเป็นพี่มัน ซึ่งผมกับโอห์มอายุห่างกัน 2 ปี แต่เราเรียนไล่เลี้ยกัน เพราะผมกับอีฟ เข้าเรียนก่อนอายุอ่ะครับ ก็เลยทำให้เราสนิทกันเหมือนเพื่อนกันอ่ะครับ
อืม ลืมบอกไปครับ เราไม่ใช่มีกันแค่ 3 คนน่ะครับยังมีน้องคนเล็กอีกคน ชื่อ เอฟ คับ ตระกูล อ. ทั้งนั้น แต่อย่าพึ่งไปพูดถึงเลย วีรกรรมมันเยอะ
“อืม เดี๋ยวโทรมาบอก ใครเป็นพี่ เป็นน้องกันแน่ว่ะ ”
“แหม เดี๋ยวจะหาว่าไม่เป็นห่วงอีก ”
“ไปเถอะ มันแต่มาถียงกันเดี่ยวก็ค่ำกันพอดี ” อาพูดตัดบทขึ้นมาก่อน
“ ครับ เดินทางปลอดภัยครับ ” ผมไหว้อาแล้ว พี่กับอาผมก็ขับรถออกไปจากหอพักผม
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
แล้วผมก็รีบวิ่งขึ้นไปห้องเพื่อที่จะเก็บข้าวของที่เพิ่งขนมา มันเยอะใช้ได้เลยครับ เพราะครั้งแรกที่มาก็ไม่ค่อยได้เอาไรมาเท่าไหร่ พ่อกับแม่ให้เพิ่มซื้อเอง
ระหว่างที่กำลังรื้อของ เสื้อผ้าแขวนเข้าตู้นั้น ก็มีรุ่นน้องเดินขึ้นมาบนชั้น สงสัยจะขึ้นมาเก็บของ อ้าว อยู่ตรงข้ามห้องผมด้วย ซวยแล้วตรู จะมาอยู่ทำไมว่ะเนี่ย ปกติเด็กใหม่จะอยู่ชั้น 5 นี่หว่า สงสัยมาเยอะล้นลงมาชั้น 4 จะทำงัยดีหว่า ด้วยอาการที่กำลังคิดเลยปิดประตูห้องก่อนครับ เดี๋ยวน้องเห็นครับ
อ๋อ ลืมบอกไปครับ ว่าผมเป็นพี่ สตาฟเชียร์คณะด้วยคับ (ทำหลายอย่างครับแบบว่า คนมีความสามารถอ่ะ หะหะ อย่าว่ากาน) จะต้องเก็บเนื้อเก็บตัวไม่สุงสิงกับน้องครับ เพราะเราต้องว้ากน้องช่วงเข้าเชียร์ (ช่วงนั้น ระบบว้ากยังมีอยู่ครับ)
ผมเก็บของเสร็จเรียบร้อยแล้วรู้สึก ร้อนมากๆครับ ฝนน่าจะตกลงมาให้อากาศเย็นๆหน่อย ผมเลยตัดสินใจเปิดประตูห้องออก โดยสังเกตแล้วว่าน้องห้องตรงข้ามไม่มีแล้ว หยิบหมวกใส่หัวโดยปราศจากผมสักเส้น กลายเป็นไอ้โล้นซ่า ไปแล้วครับผม
พอเห็นว่าทางสะดวกก็เลยเดินไปยังระเบียงของหอพัก (ซึ่งจะมีระเบียงขนาดกว้างเพื่อรับลมชมวิว ของมหาวิทยาลัยผม ตรงระเบียงผมจะชอบมายืนเวลากลางคืน และชอบเอาหนังสือมาอ่านตรงนี้เพราะลมเย็น รู้สึกปรอดโปร่ง ความรู้จะได้แล่นเข้าสมองเร็ว ๆ หะหะ )
ผมก้าวพ้นประตูยังไม่ถึง 3 ก้าวก็มีเสียงตะโกนมาจากห้องฝั่งตรงข้าม (ที่ต้องใช้คำว่าตะโกนก็แพราะ หอผมจะมีลักษณะเหมือนเลข 8 อะนาล็อกคับ จะเป็นช่องว่างตรงกลาง 2 ช่องคับ โดยจะมีทางเชื่อมตรง 3 ทาง คือระเบียงข้างหน้าที่ผมชอบมาอ่านหนังสือ ระเบียงตรงกลางที่ติดกับห้องผม และระเบียงห้องน้ำรวมซึ่งจะมีทั้งสองฝั่ง ครับ )
“พี่ครับ พี่ ” เสียงมาจากห้องฝั่งตรงข้ามผมเองครับ
“ใคร เรียกว่ะ” ผมลองหันโดยใช้สายตาที่ซ่อนใต้หมวกมองไปยังเสียงที่เรียกมาครับ เป็นน้องปีหนึ่ง 2 คน ครับ ใส่ชุดนักศึกษายืนอยู่หน้าห้อง ขณะที่ผมหันไปน้องเค้ายิ้มมาทางผม แต่ผมคิดว่าคงไม่ได้เรียกผมหรอก ผมเดินไปทางระเบียงต่อ
“ พี่ พี่คนนั้นน่ะครับ ” อ้าวมันเรียกตรูนี่กหว่าแล้วมัน จะเรียกตรูทำไมเนี่ย ผมทำเป็นไม่ได้ยิน เดินหน้าต่อไป ผมรู้สึกว่ารอดแล้วครับ คงไม่ตามมาหรอก
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++