
ปวดท้องอะ แต่ค่อยยังชั่วแล้วหล่ะเฮ้อ...

ที่จริงอยากลง ให้หมดๆไปเลยอะ

แต่ว่ากลัวมันเต็มพรืด เลยค่อยๆลง
ก็ไม่อยากมีภาระ อะความจริง กะเขียนแค่นิดเดียวนะ แต่พอได้เขียนแล้ว กำ แหละ จะย่อไม่ได้ซะด้วยสิ

ก็เลยเอาแบบเต็มๆเลยแบบนี้แหละ
*********************************
คืนวันนั้นก็ผ่านพ้นไป โดยที่ผมก้อลืมเรื่องน้องเนยไปซะสนิท ปกติผมก้ไม่ได้สนใจใยดีใครได้นานอยู่แล้วอะนะ...จนเย็นๆวันศุกร์มั้ง วันพรุ่งนี้ผมต้องไปกับทริปอีกแล้ว...ก้มีโทรศัพท์เบอร์แปลกๆโทรหาผม ปกติถ้าเป็นเบอร์ไม่คุ้นผมจะไม่รับ แต่วันนั้นไม่รู้นึกอะไรขึ้นมาถึงรับ
“ฮาโหลครับผม” ผมกรอกเสียงลงไปขณะที่ตาก้อไล่มองบัญชีร้านไปที่ละตัว.
*พี่โม..น้องเนยนะครับพี่..ยุ่งปล่าวครับ.* น้องเนยพูดมาน้ำเสียงเกรงอกเกรงใจมากมาย
“อ้าว ว่าไงเรา...มีเบอร์พี่ด้วยเหรอ” คือผมนี้ก็บ้าอะครับ ...
คือนิสัยเจี้ยๆอะ คือถ้าใครไม่ขอก็ไม่ให้อะเบอร์....ซึ่งน้องเนยรึจะกล้าขอ ก้เคยคิดว่าทำไมไม่โทรไปคุยกับมันวะถ้าเป็นห่วงพอมานึกอีกที กำ กูไม่มีเบอร์น้องมัน ถ้าจะโทรไปถามพวกพี่ๆเพื่อนๆในทริป ก็อายเค้าเปล่าๆ สนิทกับน้องมันยังกะอะไรแต่เจือกไม่มีเบอร์น้องมัน อับอายครับ เลยช่างแม่มเหอะ
*เนย ขอ น้องน้อยมาอะ...พี่โม ยุ่งไหม * ยังคงถามคำถามเดิมซ้ำมา
“ไม่ครับ ไม่..มีอะไรรึเปล่าครับ” ผมตอบน้องเนยไปเบาๆพร้อมกับวางมือจากงานที่ทำ..
*ก็มี เรื่องจะปรึกษาอะครับพี่..เยอะเลย...* น้องเนยทำเสียงกลุ้มๆ ...
“ครับ..พี่ฟังอยู่...” คราวนี้ตั้งอกตั้งใจเลยหล่ะ
*เอ่อ..คือ..พี่โมครับ..พรุ่งนี้พี่โมไปทริปรึเปล่าครับ...*
“ครับ ไปครับ...ทำไมเหรอ” ผมถามน้องเนยออกไปน้ำเสียงสงสัยเล็กๆ..
*พี่ไปแน่นะครับ งั้นเนย..จะรอคุยกับพี่พรุ่งนี้นะครับพี่โม...เนยกลุ้มใจมากเลยไม่รู้จะทำไง...แต่เนยอยากคุยกับพี่ตัวต่อตัวมากกว่าอะครับ...*
“ครับๆได้ๆ..ใจเย็นๆก่อนก็แล้วกันนะเนย พรุ่งนี้ค่อยคุยกัน..” ผมพุดตอบน้องมันไปเบาๆ...แล้วกดวางสายไป
.เกี่ยวกับเรื่องพี่เอกรึเปล่าวะ ขออย่าให้มีอะไรที่เลวร้ายเกินเยียวยาเลย..เฮ้อ...
**************
ไปทริปวันนี้ไอโมตั้งใจมากว่าจะเจอน้องมันแต่ก็ไม่เจอ ขึ้นรถบัสไปก็ไม่มี ...อยากจะรู้เต็มแก่ว่ามันเกิดอะไรขึ้น บรรยากาศในรถอึมครึมมากเลยครับ
“มีอะไรกันเหรอพี่..ทำไมวันนี้ดูแปลกๆวะ..” ผมถามพี่ว่านขึ้นเบาๆหลังจากที่ขึ้นไปนั่งเบาะหลังข้างๆกับพี่ว่านเรียบร้อย..
“มึงโง่จริงหรือแกล้งโง่วะไอโม..” พี่ว่านไม่ตอบแต่กลับสวนกลับจนผมจุกเลย
“อ้าว เรื่องไรอะ..ผมจะตรัสรู้ไหมเนี๊ยะ” รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเฉยเลยครับ มาหาว่ากูโง่ซะงั้นแม่มเอ้ย ไม่คิดว่าเป็นพี่นะ เตะปากแม่มไปแหละ..คนยิ่งรมณ์หดหู่อยู่
“เมื่อตอนเย็นไอเนย มันต่อยปากพี่เอก” แค่นั้นเองที่พี่ว่านพูดและไอโมก็เงียบ
“กูว่ามึงน่าจะรู้บ้างนะ ว่า..จริงๆเรื่องมันเป็นไง” พี่ว่านพูดขึ้นมาลอยๆอีกครั้ง
และไอโมก็เงียบไปอีกครั้งเหมือนกัน นี้เรื่องมันไปกันใหญ่แล้วนะเนี๊ยะ
“แล้วเนยหล่ะพี่..มันไปไหนแล้ว..เฮ้อ.” ผมถามพี่ว่านไปเบาๆ พร้อมกับถอนหายใจไปหนึ่งเฮือก
“ไม่รู้หว่ะ..เห็นขับ มอไซต์มากับเพื่อน..เฮ้อ” พี่ว่านพูดเบาๆแล้วถอนหายใจเหมือนกัน..
“แล้วไมมันถึงไปต่อยปากพี่เอกหล่ะ” ถามพี่ว่านอีกครั้ง ห่วงน้องมันมากมายไม่รู้จะเป็นไงบ้าง ผมว่าคนอย่างไอเนยไม่เหลืออดจริงๆมันคงไม่ทำ
“หึหึ..พี่เอกมันเชี่ย ไงมึง...กูไม่รู้นะเว้ย ว่ามันได้ไอเนยจริงรึเปล่าแต่แม่ม..เมื่อวานมันแดกเหล้า แล้วมันเสือกปากเสีย ไปคุยว่าเอาเงินฟาดหัวไอเนย แล้ว..หึหึ..มันหาว่าไอเนยจน แล้วยังง่ายอีก..” พี่ว่านพูดแล้วมองหน้าผมนิ่งๆ หน้าพี่ว่านก็แค้นพอๆกะผม
“ผม..” ผมพูดไม่ออก
พูดได้แค่นั้นจริงๆ สงสารน้อง ถึงมันจะจริง หรือไม่จริงก็ตาม แต่พี่เอกก็ไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะพูดแบบนี้..มันหยามกันเกินไป
“กูเข้าใจ กูรู้ว่ามึงคิดอะไรอยู่..เอาเถอะมึง...กูก็ไม่รู้จะทำไงเหมือนกัน..” พี่ว่านเอามือตบบ่าผมแปะๆ
แล้วจากนั้นผมกับพี่ว่านก็นั่งกันเงียบๆ พร้อมกับที่อิเจ๊คำหล้าและคนอื่นในกลุ่มผมทยอยกันขึ้นรถมาทุกคนมีสีหน้าเดียวกัน คือ เครียด พูดไม่ออก หดหู่....
แต่ตัวผมกลับมีความรู้สึกผิดติดตามมาด้วย หลายครั้งแล้วที่น้องมันอยากจะคุยด้วยอยากปรึกษา แต่ผมไม่เคยเลยซักครั้งที่จะอยู่รับฟัง ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ผมเคยบอกน้องเนยหลายครั้ง ว่าถ้ามีปัญหาอะไรปรึกษาผมได้ตลอดเวลา แต่ดูผมสิเบอร์โทรก็ไม่ให้น้อง เวลาน้องอยากคุยผมก็ลืม...เหมือนมีก้อนอะไรมีจุกอยู่ทีคอหอย...แล้วนี้พอเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นไอเนยมันจะเป็นยังไง...
รถมาถึงที่จัดงาน ทุกคนทยอยลงรถ ไม่เห็นพี่เอกในทริปวันนี้ คงกลับไปแล้วหล่ะมั้ง คงจะอายเหมือนกันหล่ะคงไม่คิดว่า เด็กท่าทางปวกเปียกอย่างไอเนยจะกล้าต่อยปากมันเข้า ต่อหน้าผู้คนนับร้อย..ก็สมควรอยากปากเสียดีนัก
เนยเอ้ยจะเป็นไงบ้างวะ ไอน้อง...เป็นห่วงมึงหว่ะ...
จนเมื่องานเกือบจะเลิกแล้วความหวังที่จะเจอไอเนยก็หมดสิ้นลงไปด้วย...
“โอ๊ะ...เฮ้ย...” ขณะที่ผมเดินออกจากห้องน้ำที่อยู่ห่างจากที่จัดงานพอสมควร
ก็มีมือเย็นๆปริศนายื่นมาจับที่แขนผมแล้วกอดไว้แน่น.....
“พี่โม...เนยเอง” เสียงสั่นๆ อู้อี้อยู่กับแขนผมพูดขึ้นมา
ทำให้ผมต้องดึงมันเข้ามากอดด้วยความโล่งอกอย่างสุดใจ...ไม่ใช่ญาติพี่น้องไม่ใช่เพื่อนเป้นแค่คนบังเอิญรู้จัก ไม่เข้าใจทำไมถึงได้เป็นห่วงเป็นใยมันนัก...
“เป็นไงบ้าง...ทำไมใจร้อนงี้หือเนย..” ผมถามมันไปเอามือลูบหลังไอเนยมันไปด้วย...
แล้วจัดการลากมันออกมาจากอาคารจัดงานแล้วเดินตรงไปยังลานจอดรถ ที่มีรถจอดอยู่หลายคัน ผมพาเจ้าเนยเดินไปยังรถตู้ของบริษัท(ที่พวกผมจัดทริปกันอยู่นั้นแหละ)
“พี่เหน่ง ขอไปนั่งคุยกันในรถหน่อยนะพี่..” ผมพูดกับพี่เหน่งคนขับรถของบริษัทซึ่งพี่เหน่งก็พยักหน้ารับแล้วเปิดประตูรถตู้ให้ผมกับไอเนยเข้าไปนั่งคุยกัน
“อะ..ว่ามา..” พอผมเข้าไปนั่งในรถตู้ก็หันหน้าเข้าหาเนยที่ตอนนี้เข้ามานั่งอยู่ข้างๆผม..เนยเงยหน้าขึ้นแล้วมองผมอย่างชั่งใจ...
“พี่โมรู้เรื่องแล้วใช่ไหม...เรื่องที่เนย...ต่อยพี่เอก” เนยพูดขึ้นมามองหน้าผมอย่างหวาดๆ...
“อือ..พี่รู้แล้ว...แล้วไงครับ..” ผมถามน้องมันไปเบาๆ..ไม่อยากให้มันเกร็ง
“พี่โม ถึง เนย จะลำบากขนาดไหน ถึงจะไม่มีกิน แต่เนย ไม่เคยคิดจะขายตัวนะพี่” น้องเนยมันมองหน้าผมนิ่งๆ แววตาเด็ดเดี่ยว...คว้ามือผมไปจับไว้แน่น
“พี่คงไม่คิดว่าเนย จะทำอย่างที่พี่เอก เค้าพูดใช่ไหมครับ...ที่เนยทำไป เนยก็แค่อยากทวงศักดิ์ศรีของเนยคืนเท่านั้น...และเนยก็เอาเงินที่เนยยืมมาคืนเค้าไปแล้วด้วย”
“ตั้งแต่เด็กจนโต แม่เนยสอนเนยมาตลอดให้รักนวลสงวนตัว..”น้องเนยมันมองหน้าผมอย่างอายๆ จับมือผมพลิกไปพลิกมา
มาถึงตรงนี้ผมก้อยิ้มๆอะนะ ....พ่อแม่น้องเนยคงรู้มาแต่ไหนแต่ไรว่าลูกเป็นยังไง และก็คงยอมรับกันได้ถึงได้เลี้ยงและอบรมลูกมาแบบนี้....
“ตกลงเนยเอาเงินเค้ามาจริงๆใช่ไหม” ผมถามกลับไป พยายามทำเสียงให้ราบเรียบทีสุด
น้องเนยมองหน้าผม..ก้มหน้ามองมือตัวเองที่จับมือผมอยู่...แล้วจึงค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองผมแล้วยิ้มนิดๆ...
“ใช่ เนย เอาเงินพี่เค้ามาจริงๆ...” เนยพูดแล้วก้มหน้ามองมือตัวเองเหมือนเดิม..
“มีอะไรนอกจากนี้อีกไหม...ถ้าเนยอยากบอกอยากเล่าให้พี่ฟัง เนยก็ต้องเล่าให้หมดเข้าใจไหมครับ..ถ้าจะไม่เล่า ก็คือไม่ต้องเล่าเลย..พี่ไม่ว่าอะไรน้องเนยอยู่แล้ว” พูดเสียงเรียบๆเช่นเคย แล้วยิ้มให้น้องเนยนิดๆเพื่อให้รู้ว่าผมไม่โกรธถ้าจะไม่เล่า
“ครับ เนยจะเล่าทุกอย่าง เนยไม่อยากให้พี่เข้าใจเนยผิด...เนยหาโอกาสคุยกับพี่มาตลอด แต่ว่า..เนยไม่มีโอกาสเลยเบอร์โทรพี่เนยก็ไม่มี..เนย.....ไม่รู้จะทำยังไง” น้องเนยมันหยุดพูดแล้วเงยหน้าขึ้นมามองหน้าผมแล้วจ้องตากับผมเขม็ง
“เงินค่าเทอมเนยไม่พอ..เนยหาไม่ทัน...เนยไม่รู้จะทำยังไง จะไปขอเบิกจากที่ทำงานก่อนก็ไม่ได้.เเนยพึ่งออกจากงาน.”
“เดี๋ยวๆๆ...ทำไมถึงออกจากงาน...” ผมทะลุกลางปล้องถามน้องเนยขึ้นมาเพราะน้องเนยค่อนข้างที่จะชอบที่ทำงานของตัวเองมาก
“เนย..มีเรื่องกับ..รูมเมทเนย...ที่หอพักบริษัทหน่ะ...”
“ทำไม” ผมถามขึ้นมาอย่างสงสัย
“เค้าจะปล้ำเนย..เนยก็เลย..เตะและก็ต่อยมันด้วยแล้วเนยก็หนีมา...”เนยพูดน้ำเสียงเฉยๆเหมือนกับเป็นเรื่องปกติ..
“เป็นแบบนี้บ่อยหรือเนย...เนยถึงพูดเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา” ผมถามเนยขึ้นมาอย่างสงสัย..
“ก็บ่อยๆอะพี่..พวกนั้นหน่ะ คงคิดว่าเนยเหมือนคนไม่มีแรง จนด้วย คงไม่มีทางสู้มั้ง.... แต่เนยหน่ะ..ไม่มีพ่อนะพี่ พ่อตายมานานแล้ว เนยอยู่กับน้องกับแม่ เนยต้องเป็นหัวหน้าครอบครัว เนยต้องทันคนต้องเรียนรู้วิธีเอาตัวรอด ไม่งั้นเนยก็อยู่ไม่ได้...” ผมพยักหน้าหงึกๆอย่างเข้าใจนั้นสินะ ถ้าไม่เก่งถ้าไม่แกร่งถ้าไม่อดทน ก็คงต้องตกเป็นเบี้ยล่างเค้าตลอด..
“แล้วตอนที่เนย..หาเงินไม่ทัน เนยก็กลุ้มเครียดด้วย คิดกันหัวแทบแตกกับเพื่อน เนยยืมตังค์เพื่อนมาแล้วแต่ก็ยังไม่พอ พอพี่เอกเค้าโทรมาชวนเนยไปเที่ยว เนยบอกเนยไม่อยากไปเนยไม่มีอารมณ์ พี่เค้าก็ถาม เนยก็บอกแค่ว่าตอนนี้เนยต้องหาเงินไปจ่ายค่าเทอม พี่เอกเค้าก็เลยบอกว่าจะให้เนยยืมตังค์...” น้องเนยพูดแล้วก็เงียบไปนิดนึง
“เนยไม่ได้ไร้เดียงสาขนาดนั้น ทำไมเนยจะไม่รู้ว่า พี่เค้าต้องการอะไรตอบแทนจากเนย...เพื่อนเนยก็ไม่อยากให้เนยรับ แต่ว่า..จะให้เนยทำยังไง เนยก็เลยตกลงยืมตังค์จากพี่เค้า แต่เนยก็บอกเพื่อนว่าเนยสามารถเอาตัวรอดได้ เนยไม่ยอมให้พี่เค้าทำอะไรเนยหรอก เนยแค่อยากยืมตังค์ไม่ได้จะเอามาฟรีๆ ไม่ได้จะเอาตัวเข้าแลก..ถ้าเนยจะทำแบบนั้น เนยทำมานานแล้ว...” เนยพูดน้ำเสียงมั่นคงผิดกับหน้าตาน่ารักน่าทนุถนอมนั้น
“ครับพี่เข้าใจ” ผมพูดขึ้นมาเบาๆอย่างต้องการให้กำลังใจน้อง..
“วันนั้นพี่เค้าก้อโอนตังค์ให้เนย...พอเนยได้ตังค์มาก็เอาไปจ่ายค่าเทอมหมด..โล่งใจได้ไม่เท่าไหร่ วันต่อมาพี่เค้าก็โทรมาว่าเลิกเรียนแล้วให้ออกไปหา เนยไม่อยากไปแต่ก็ต้องไปก็ เพราะเนยถือว่าพี่เค้าเป็นผู้มีพระคุณ..พี่เค้าก็แค่พาเนยไปกินข้าวแล้วก็คุยกันเฉยๆ.. ตอนนั้นเนยคิดว่าเนยไม่น่าคิดมากเลย พี่เค้าไม่ได้คิดอะไรกับเนยซะหน่อยพี่เค้าแค่อยากช่วยเนยเฉยๆ...” ผมฟังเนยไปก้พยักหน้ารับเนยเป็นพักๆ และแอบแย้งอยู่ในใจหน้าอย่างไอพี่เอกไม่มีคำว่าบริสุทธิ์ใจหรอกน้อง
“แต่ว่าตอนที่พี่เค้าขับรถมาส่งหน่ะ พี่เค้าบอกว่าอยากจ้างเนยไปอยู่เป็นเพื่อนแม่พี่เค้า พี่เค้าต้องบินบ่อยๆแม่เค้าอยู่บ้านคนเดียวพี่เค้าเป็นห่วง ถ้าได้เนยไปอยู่เป็นเพื่อน... เค้าจะได้สบายใจ พอดีว่า..คนดูแลคนเก่าต้องกลับบ้านต่างจังหวัด” พอไอโมได้ยินเท่านั้นแทบอยากหัวเราะให้ฟันหลุดเลยครับเพื่อนๆ โหยคิดได้ไงมุขนี้ กะเลี้ยงต้อยชัดๆ แล้วเอาแม่มาอ้าง
“พี่เค้าจะให้เงินเดือนเนยเดือนละ 5000 ค่ากินค่าอยู่ไม่ต้องจ่าย เงินนั้นหน่ะเป็นของเนยเน้นๆเลย...ถ้านะพี่โม ถ้าพี่เค้าไม่ได้เป็นแบบเนย เนยจะไม่คิดมากเลยที่จะรับ แต่นี้ ก็อย่างที่รู้ๆ...ถ้าเนยไปก็เท่ากับเนยไปให้พี่เค้าเลี้ยงเนยนะสิ...แบบนั้นไม่ดีแน่ๆ....แต่พี่เค้าบอกว่าสงสารเนยอยากให้เนยอยู่ดีกินดี ไม่อยากให้ไปลำบากตลอนหางานทำ เนยก็พูดไม่ออก จะปฏิเสธก้ไม่กล้าก็เลย...ได้แต่ปัดๆพี่เค้าไปว่าขอเวลาคิดก่อน”....เฮ้อ...เล่นบทพ่อพระเชียวนะพี่เอก...
“และตอนนั้นพอดีเพื่อนเนย ได้งานทำที่อู่ ใกล้บ้านเนย เค้าต้องการเสมียนด้วย เพื่อนเนยก็เลยบอกให้เนยไปสมัคร เนยก็เลยได้ทำงานที่นั้น ...เนยโทรไปบอกพี่เค้าว่าเนยได้งานทำแล้ว..พี่เค้าก็ไม่ว่าอะไร เนยบอกพี่เค้าว่าถ้ายังไงเดี๋ยวเงินเดือนออกเนยจะค่อยๆทยอยเงินใช้หนี้ พี่เค้าก้อบอกว่าไม่ต้องรีบ”
‘ก๊อกกกก ก๊อกกกกก’
ผมกำลังตั้งใจฟังน้องเนยเล่าถึงกับสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูรถเบาๆ สองสามที พอมองออกไปก็เห็นผู้ชายคนนึงยืนอยู่ตรงประตูรถนี้เอง
“เพื่อนเนยเองพี่เดี๋ยวนะครับ เค้าคงเป้นห่วงเนยหน่ะ...” น้องเนยพูดกับผมแล้วหลบตาท่าทางอายๆ..ไอโมก็นะ..เพื่อนหรือแฟนหนอ..จากตอนแรกที่ไม่สนใจพอเห็นท่าทางน้องเนย ไอโมก็หูกระดิกหางสั่นดิ๊กๆด้วยความอยากรู้
**********************************

*******************************