ขอบคุณครับ พี่ มูมู่น้อย

โน้ตขออนุญาตต่อเลยแล้วกันนะคร้าบบบบ..

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พิรุณากลับเข้าที่พักของตัวเอง เขาใช้การ์ดเสียบลงไปครู่หนึ่ง รอให้ไฟสีเขียวที่ประตูกระพริบครู่หนึ่งแล้วจึงเปิดประตู มือบางๆนั้นพยายามแกะเครื่องช่วยฟังออกจากหู เขาไม่ชอบใส่มัน มันทำให้เวลาเดินไปไหนมาไหนคนมักมองเสมอ เขาอยากเป็นเหมือนกันอื่นที่ปรกติ ด้วยเหตุนี้เองทำให้เขามีนิสัยอีกอย่างหนึ่งคือ ชอบเดินกลืนหายไปกับฝูงชน การโดนกลืนหายเข้าไปในฝูงชนแบบนั้นทำให้เขารู้สึกตัวเองก็เหมือนคนอื่นๆทั่วๆไปที่เดินกันขวักไขว่ตามท้องถนน พิรุณาเสียบคีย์การ์ดลงหลังจากปิดประตูห้องแล้วทำให้ไฟภายในห้องสว่าง ห้องนี้เป็นห้องพิเศษเพราะเป็นห้องเดียวที่ใช้คีย์การ์ด ห้องพักอื่นๆนั้นใช้ระบบสั่งงานด้วยเสียงทั้งหมด ซึ่งการเปล่งเสียงเป็นสิ่งที่เขาทำไม่ได้
หูของเขายังคงได้ยินอยู่บ้างโดยอาศัยอุปกรณ์บางอย่าง หากแต่ก็น้อยเต็มทีเมื่อเทียบกับคนปรกติ แต่สาเหตุของการณ์สูญเสียการได้ยินที่น้อยคนนักจะรู้คือ การรักษาผิดพลาด เมื่อตอนเด็กๆเขามีไข้ขึ้นสูง โลกทั้งโลกดูจะหมุนขว้างและว่างเปล่า ขณะนั้นเขาอยู่ในเมืองเล็กๆซึ่งห่างไกลจากความเจริญมากนัก ผู้ดูแลของเขาจึงพาไปสถานพยาบาลเล็กๆแห่งหนึ่ง เมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้งพิรุณาก็พบว่าเขาไม่อาจได้ยินเสียงใดๆได้อีก โลก..ช่างเงียบสงัดราวกับโลกทั้งใบมีเขาอยู่เพียงผู้เดียว จนเมื่อเขาอายุได้9ขวบ หลังจากสูญเสียครอบครัวอุปถัมภ์ไปในอุบัติเหตุ มีเพียงเขาคนเดียวที่รอดมาได้ เขาจึงถูกส่งต่อไปอีกหลายบ้านอุปถัมภ์จนหยุดลงที่โบสถ์เล็กๆแห่งหนึ่งในเยอรมัน ที่นั่นเองทำให้เขาได้พบกับซิสเตอร์อลิซ เธอเป็นคนไทย ซึ่งเขาไม่ทราบด้วยเหตุใดเธอถึงมาอยู่ที่นี่ แต่ดวงตาที่ทอดมองเขาช่างอ่อนโยนและอบอุ่น เธอสอนภาษาไทยให้กับเขา และสนับสนุนให้เขาได้เรียนหนังสือเหมือนเด็กอื่นๆ รวมทั้งสนับสนุนในพรสวรรค์ของเขาด้วย
พิรุณาทิ้งกายลงนอนบนเตียงทั้งๆที่ยังไม่ถอดเสื้อคลุมตัวนอกออกเลย ความเหน็ดเหนื่อยของทั้งสัปดาห์ถาโถมอย่างไม่ปราณี ในไม่กี่อึดใจต่อมาลมหายใจของเขาก็ทอดยาวสม่ำเสมอเข้าสู่ห้วงนิทราแทบจะในทันทีโดยไม่อาจ รับรู้ถึงการมาของใครบางคน ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ผมสีทองผู้มีนามว่า ‘เคน’ โผล่หน้าเข้ามาในห้อง พิรุณาเป็นคนให้คีย์การ์ดเขาไว้เอง บอกว่ามีอะไรให้มาหา เขาไม่ได้มีอะไรหรอกแค่อยากมาหาเท่านั้น
เมื่อเขาเข้าไปถึงห้องด้านในจึงพบว่าพิรุณากำลังหลับ ร่างบางๆนั้นนอนนิ่งทั้งที่ไม่ถอดเสื้อตัวนอกออกด้วยซ้ำ ไหนจะรองเท้าอีก เคนเดินเข้าไปใกล้ร่างที่หายใจสม่ำเสมอนั้นก่อนจะค่อยๆจับที่ขาแล้วถอดรองเท้าให้อย่างเบามือเกรงว่าร่างบางๆนั้นจะตื่น ปรกติพิรุณาเป็นคนตื่นง่ายเมื่อตื่นแล้วก็จะไม่หลับอีก แต่สำหรับวันนี้คงจะเหนื่อยมาก ไหนจะคอนเสิร์ตไหนจะเรื่องฟ้องร้อง แต่เรื่องหลังคงไม่ต้องห่วงเพราะทนายของพิรุณาเป็นญาติของเขาเอง ท่านเป็นทนายฝีมือฉกาจท่านบอกว่าเรื่องฟ้องร้องไม่ต้องห่วงท่านจะจัดการให้ ป่านนี้หมายศาลคงร่อนไปแปะหน้าบ้านมันแล้ว สมน้ำหน้า คนชั่วๆมันต้องโดนแบบนี้
*********************************************
ธีรธรปิดประตูห้องตัวเองเบาๆก่อนจะนั่งลงที่โต๊ะทำงานแล้วลูบหน้าผากอย่างเหนื่อยๆ วันนี้หลังจากกลับจากคอนเสิร์ตเขาต้องเอารันดามาหย่อนไว้หน้าบ้านก่อนจะรีบกลับไปที่ทำงาน คุณลีโทรมาแจ้งว่ามีเอกสารสำคัญที่เขาต้องลงชื่อ และซูเปอร์วีไอพีอีกคนอยากขอเข้าพบเขา ซูเปอร์วีไอพีคนนี้คือ คริสติน่า มิลเลอร์ ทายาทสาวสวยของกลุ่มบริษัทใหญ่ในอเมริกา การทำให้หล่อนขัดใจไม่น่าจะส่งผลดี เพราะเขาเพิ่งเจรจาธุรกิจกันไปกับมิลเลอร์ผู้พ่อ ผู้ที่ขึ้นชื่อว่ารักลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนคนนั้นอย่างกับอะไรดี เขายอมรับว่ามิลเลอร์ผู้พ่อเป็นคนที่มีความสามารถทางธุรกิจสูงและน่าเคารพยกย่อง แต่สำหรับลูกสาวเขายังออกความเห็นไม่ได้ เพราะยังไม่เจอตัวจริงด้วยตัวเอง แต่ได้ข่าวว่าหล่อนก็ ‘ฉาว’ พอดู อย่างสาวสังคม
‘บอสคะ สั่งการผ่านลีดีกว่าค่ะ วันนี้บอสยุ่งๆ กลับบ้านพักผ่อนเถอะนะคะ’เขาพยักหน้าทำตามที่คุณลีบอกทั้งที่ยังงงอยู่ว่าทำไมเลขาสาวถึงได้คะยั้นคะยอนัก คือสั่งการตามที่สมควรก่อนจะกลับ ระหว่างลงลิฟท์พร้อมกับคุณลี ลิฟท์ก็หยุดลงที่ชั้น37 ร่างบางระหงในชุดที่เรียกได้ว่าหลุดมาจากนิตยสารแฟชั่นก็ก้าวเข้ามา
‘อ้าว คุณลีแอน นี่คงเป็นเจ้านายคุณสินะคะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ’ มือเรียวขาวที่ไว้เล็บยาวสีแดงเข้ากับชุดยื่นตรงมาข้างหน้าให้เขา ดวงหน้าสวยที่ถูกตกแต่งด้วยเครื่องสำอางยิ้มให้ ดวงตาแพรวพราว ราวกับจะบอกให้รู้ว่า
ฉันสนนายอยู่นะ รีบๆรับไมตรีซะ
‘ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ’ ธีรธรเองก็ดูเหมือนจะรู้ถึงความนัยน์ของสายตานั้น จึงแย้มริมฝีปากยิ้มบ้าง อย่างที่น้องๆที่บ้านเรียกว่ายิ้มพิมพ์ใจ
ก็ทีไอ้หน้าสวยมันยังทำได้ ทำไมเราจะทำไม่ได้ ดวงหน้าเรียวของฝ่ายถูกจับมือซับสีเลือดขึ้นจางๆแต่เพราะเมคอัพทำให้แทบมองไม่เห็น
โธ่...บอส ลีพยายามเตือนแล้วแท้ๆนะคะ คราวหลังอย่ามาให้ลีเป็นไม้กันสุนัข หรือพนักงานรถไฟเชียวนะ
ธีรธรนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แล้วนึกขันสีหน้าของเลขาสาว เขารู้ว่าหล่อนคิดอะไร เพราะถ้าลองเขาทอดไมตรีให้สาวใดล่ะไม่เคยพลาด ก็ได้คุณลีนี่แหล่ะที่คอยเป็น ไม้กันหมา พนักงานรถไฟสับรางให้ทุกทีไป ลองเป็นแบบนี้ล่ะก็ไม่แคล้วคุณลีก็เดือดร้อน พรุ่งนี้จะหาอะไรไปขอโทษหล่อน หรือจะลองหาเป็นเพลงเพราะๆให้สักเพลงท่าจะดีนะ บอสหนุ่มคิดได้อย่างนั้นจึงเปิดคอมพิวเตอร์ตรงหน้าก่อนจะเปิดเวบเซิร์ชเอนจิ้นชื่อดังขึ้นมาแล้วพิมพ์
“บัวขาว”
******************************************
พิรุณาเพิ่งบินกลับมาจากการกลับไปจัดการเรื่องคดีฟ้องร้อง ทันทีที่เยี่ยมหน้าเข้ามาในห้องก็พบเคนรออยู่แล้ว เคนไม่ได้พักที่โรงแรมแห่งนี้ แต่พักอยู่โรงแรมใกล้ๆกันนี่เอง พอเขารู้ว่าวันนี้พิรุณาจะกลับจึงเข้ามานั่งรอในห้อง วันนี้เขามีข่าวดีมาบอกพิรุณาด้วย บ้านที่พิรุณาซื้อไว้เป็นสตูดิโอตอนนี้ตกแต่งเสร็จเรียบร้อยแล้ว ของทุกอย่างจากบ้านเดิมกำลังส่งมาทางแอร์เมลล์ รวมทั้งของพิเศษบางอย่างด้วย เขาเองก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดพิรุณาถึงชอบเมืองนี้นัก ถึงขนาดยอมย้ายมาจากที่เก่าซึ่งเขาเองเห็นว่ามันก็ดีอยู่แล้ว
‘กลับมาแล้ว เคนมารอตั้งแต่เมื่อไหร่’พิรุณาส่งภาษามือให้ก่อนจะหยิบเอกสารสำคัญที่ใช้ในการเดินทางไปเก็บ
‘มารอตั้งแต่บ่าย’
‘ทำไมรีบมานัก กว่าเครื่องจะลงก็ตั้งห้าโมง นี่มันทุ่มสิบห้าแล้วไม่เบื่อหรือ’
‘ไม่เบื่อหรอก วันนี้มีไอ้นี่มาด้วย’ เคนชูสิ่งที่อยู่ในมือให้พิรุณาดู จริงๆแล้วเคนเป็นนักดนตรีเหมือนๆกันกับพิรุณา หากแต่เขาเล่นเชลโล เมื่อหลายปีก่อนก็เคยออกอัลบัมของตัวเอง แต่ต่อมาด้วยธุรกิจของทางบ้านเขาจึงไม่อาจเล่นดนตรีเป็นงานหลักได้อีก
‘ฉันมีข่าวดีกับข่าวร้าย อยากฟังอย่างไหนก่อนล่ะ’ เคนส่งภาษามือให้พิรุณา พิรุณายิ้มแล้วชูนิ้วชี้และนิ้วโป้งทั้งสองข้าง แล้วส่งภาษามือกลับ
‘ข่าวดีแหง๋อยู่แล้ว’ เคนหัวเราะ
‘บ้านนายที่ทำสตูดิโอน่ะ แต่งเสร็จพร้อมอยู่แล้ว พรุ่งนี้ของๆนายจากบ้านเก่าคงส่งมาถึงแล้วล่ะ’
‘เยี่ยม ฉันจะได้โบกมือลาห้องนี้เสียที’
‘ไหงงั้น ทุกทีนายบอกว่าห้องโรงแรมดีกว่าบ้านตัวเองไง’
‘ห้องนี้มันก็ดีวิวก็สวย แต่ชั้นเบื่อบอสของที่นี่น่ะ เจอหน้ากันทีไรต้องได้เรื่องทุกที’
‘นายตามเกี้ยวขอคนเขาอยู่ไม่ใช่หรือไง’
‘มันก็ใช่แหล่ะนะ แต่คุณปองน่ะยังไม่ยืนยันว่าจะมาทำงานให้ฉันหรือเปล่า ตอนนี้ก็เลยต้องรอคุณปองตัดสินใจได้ก่อน’
‘แล้วถ้าไม่ได้ตัวคุณปองล่ะ?’
‘ก็ต้องหาคนใหม่น่ะสิถามได้’พิรุณาทำหน้าเซ็งๆก่อนจะนั่งลงบนเตียงนุ่ม เคนมองคู่สนทนาอย่างเอ็นดู
‘แล้วข่าวร้ายล่ะ?’ เคนสบตาคนถามอยู่ครู่หนึ่ง
‘พรุ่งนี้ฉันต้องกลับแล้ว’
‘ถามอย่างได้ไหม รองประธานบริษัทอย่างนาย ต้องยื่นหนังสือขอลางานหรือเปล่า?’ เคนยิ้มขำกับคำถามของเพื่อนตัวเล็ก
‘ไม่ต้องยื่นเอง แต่ต้องบอกเลขา กับขออนุญาตท่านประธาน แต่ต้องดูช่วงเวลาด้วย ถ้ายุ่งมากก็หนีเที่ยวไม่ได้หรอก’
‘อายุปูนนี้แล้ว ยังจะต้องขออนุญาตพ่ออีกหรือเนี่ย’
‘นายเองถ้าเบื่อวงการนี้แล้วก็บอกนะ ฉันจะให้ดูแลเรื่องกฎหมายให้บริษัทน่ะ’
‘ใครเขาจะรับผู้พิการทางหูอย่างฉันไม่ทราบ’เคนตบหัวที่มีเส้นผมสีดำประกายน้ำตาลแดงอย่างเอ็นดู
‘นายก็เรียนนิติมาแถมพ่วงท้ายด้วยเกียรตินิยม บริษัทก็ของที่บ้านฉันยังไงก็ต้องรับล่ะนา’ เคนยิ้มอย่างเอื้อเอ็นดูให้พิรุณา เขาพบพิรุณาครั้งแรกที่หอสมุดของมหาวิทยาลัย ระหว่างเขากำลังเดินเลือกหนังสือ เขาเห็นใบหน้าเล็กๆขาวๆที่ผลุบโผล่อยู่ฝั่งตรงข้ามแล้วนึกสนใจ ตอนแรกเข้าใจผิดว่าเป็นผู้หญิงเสียด้วยซ้ำ
‘ถ้าไม่ได้นายฉันก็ไม่จบ’
‘หิวข้าวแล้วไปหาอะไรกินกันเถอะ’ เคนส่งภาษามือให้พิรุณา
‘ ดี วันนี้นักดนตรีไส้แห้งจะเป็นเจ้ามือเลี้ยงเอง’ ทั้งคู่หัวเราะ ก่อนจะพอกันลงไปหาอะไรทาน
******************************************
‘บอสคะ คุณพิรุณาแจ้งว่าจะขอยกเลิกสัญญาเช่าห้องพักแล้วนะคะ เห็นว่าบ้านที่ซื้อไว้เสร็จแล้วก็เลยจะย้ายออกน่ะค่ะ’ธีรธรฟังเลขาสาวคุณแม่ลูกหนึ่งพูด บางอย่างในใจมันหวิวๆ
‘อือ...ก็จัดการตามที่เขาขอสิคุณลี อ้อ บอกคุณปองด้วย’
‘ค่ะ’เลขาสาวรับคำก่อนจะกลับออกไป ธีรธรเอนกายพิงพนักเก้าอี้ พลางนิ่งคิดบางอย่าง
“บอสคะคุณมิลเลอร์ขอพบค่ะ”เสียงจากอินเตอร์คอมเรียกให้เขาตื่นจากภวังค์ความคิด
“ครับ” ครู่หนึ่งร่างเพรียวในชุดรัดรูปและดูจะคว้านลึกไปสักนิดก้าวเข้ามาในห้องทำงานด้วยดวงหน้าสวยที่แต่งแต้มด้วยเมคอัพยี่ห้อดังอย่างประณีต หล่อนสวยเสมอทุกเวลาไม่ว่ามันจะแดดร่มลมตกขนาดไหนก็ตาม ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนรอรับหล่อนด้วยใบหน้าหล่อเหลาที่แย้มยิ้มน้อยๆ
“ดูเหนื่อยนะคะวันนี้”สาวสวยเอ่ยทัก พลางเดินอ้อมโต๊ะมาดันชายหนุ่มให้นั่งลงกับเก้าอี้
“ดูเหมือนว่าฉันจะไม่ใช่ซูเปอร์วีไอพีคนเดียวของที่นี่นะคะ”
“ครับ มีอีกคน กำลังจะเช็คเอาท์น่ะครับ”
“ใครกันคะ?” เธอถามขณะที่กึ่งนั่งกึ่งยืนอยู่โต๊ะ ส่งสายตาหวานเชื่อมให้ชายหนุ่มตรงหน้าอย่างพึงใจ
“คุณพิรุณา”เสียงที่เรียกชื่อใครบางคนห้วนลงอย่างไม่ตั้งใจ หญิงสาวยิ้ม
“น่ารักดีนะคะ วันก่อนเห็นออกไปกินข้าวกับใครก็ไม่ทราบ หล่อทีเดียว”นิ้วเรียวยาวสัมผัสที่ใบหน้าชายหนุ่มอย่างย่ามใจก่อนจะโน้มหน้าลงไปใกล้
“ครับ”
“แหม เย็นชาจังทำไมไม่ชวนคริสตี้คุยบ้างละคะ หรือว่าอยากทำอย่างอื่นมากกว่า”ชายหนุ่มยกริมฝีปากยิ้มน้อยๆที่มุมปาก เป็นภาพที่ตรึงใจหญิงสาวตรงหน้าน่าดู เธอโน้มหน้าเข้าไปใกล้ขึ้นอีกจนสัมผัสถึงลมหายใจของกันและกัน เธอมองริมฝีปากน่าจูบของฝ่ายตรงข้ามอย่างสุดจะห้ามใจ ทันใดนั้นประตูก็เปิด เด็กหนุ่มสองคนยืนตะลึงกับภาพตรงหน้า คนหนึ่งคือปอง ส่วนอีกคนคือพิรุณา ปองรีบใช้มือควานหาลูกบิดประตูอย่างสะเปะสะปะอยู่พักหนึ่งก่อนจะคว้าได้แล้วพยายามจะปิด
“ไม่เป็นไรหรอกจ๊ะ ฉันจะไปแล้ว”คริสติน่า ยิ้มให้หนุ่มน้อยทั้งสอง ก่อนจะลอบหอมแก้วชายหนุ่มเบาๆทีหนึ่ง
“ฉันไปนะคะ” แล้วร่างงามนั้นก็กรายออกประตูไป
“เข้ามาสิ”บอสหนุ่มสั่ง พิรุณาและปองมองหน้ากันเหมือนพยายามเรียกสติให้เข้าร่าง ธีรธรมองภาพนั้นอย่างขำๆ
“มีอะไรหรือ?” นานกว่าธีรธรจะได้คำตอบเพราะทั้งสองพยายามตั้งสติอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนพิรุณาจะส่งภาษามือ
“คุณพิรุณาว่า คุณคงทราบแล้วว่าผมขอเลิกสัญญาเช่าห้องที่ทำไว้สามเดือน”บอสหนุ่มพยักหน้ารับทราบ
“เราจะคืนเงินให้”
“แล้วก็เรื่องผม บอสคงเห็นเรื่องที่ผมเขียนมาร้องเรียนครั้งที่สามนี้แล้วนะครับ ผมโดนลูกค้าบางรายตามรังควาญถึงบอสจะห้ามเขาเข้าโฮสต์คลับ แต่เขาก็ยังตามผมอยู่ผมคิดว่าเขาอันตรายเกินกว่าจะปล่อยไปอย่างนี้ อย่างน้อยก็ต่อน้องสาวผม”ธีรธรฟังแล้วพยักหน้า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น มันเกิดขึ้นทุกยุคทุกสมัยนั่นแหล่ะ หลายครั้งที่เขาเสียงโฮสต์ดีๆไปเพราะคนพวกนี้
“คุณปองคิดว่าจะทำยังไง?”
“ผม...จะไปทำงานให้คุณพิรุณาสักพัก”ปองส่งภาษามือให้พิรุณา ทันทีที่พิรุณาทราบก็ยิ้มกว้างอย่างดีใจแล้วกอดคนนั่งข้างๆแน่น ไม่ทันเห็นสีหน้าคนที่นั่งอยู่หลังโต๊ะว่าหน้างอเป็นม้าหมากรุก
“จะไปเมื่อไหร่ล่ะ?”
“สัปดาห์หน้าครับ ยังไงก็ต้องไปเรียนภาษามือก่อนอีกสองสัปดาห์ ถึงจะไปทำงานให้คุณพิรุณาได้”
“อือ ตกลงกับนายจ้างเขาให้ดีล่ะ”
“ครับ” ปองยิ้มกว้างไม่แพ้พิรุณา จริงๆแล้วเขาเองถูกใจพิรุณาอยู่ไม่น้อยเนื่องจากคุยถูกคอ และดูจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้
“แต่เย็นนี้อย่าลืม ว่าเธอต้องรับแขก เขาจองตัวเธอมาสามเดือนแล้ว”
“ครับ”
“ไปเตรียมตัวเถอะ” ปองลุกขึ้นอย่างสุภาพก่อนจะส่งภาษามือให้พิรุณา แล้วออกไป พิรุณาก็ลุกขึ้นบ้าง
“จะไปไหน”เสียงขวางของธีรธรทำให้พิรุณาหยุดแม้หูจะไม่อาจได้ยิน ดวงตาเรียวสวยด้วยนัยน์ตาสีน้ำตาลออกแดงปะทะกับนัยน์ตาสีม่านราตรีอย่างมีคำถาม ไม่มีรอยยิ้มแตะแต้มที่ริมฝีปากอย่างที่ส่งให้ปองเลยแม้แต่น้อย
“นั่งก่อนเถอะ” บอสหนุ่มผายมือไปที่เก้าอี้ พิรุณาจึงนั่งลงตามเดิม ธีรธรหยิบกระดาษขาวธรรมดาแผ่นหนึ่งขึ้นมาแล้วใช้ดินสอเขียนข้อความลงไป
ผมทราบว่าคุณมีเพื่อนมาพักด้วยบ่อยๆ
พิรุณามองตัวหนังสือในกระดาษอย่างสงสัย
มีเพื่อนมาพักด้วย...เพื่อนก็ เคน แล้วยังไง....พิรุณาหยิบกระดาษโน้ตสีนวลๆที่ใช้ประจำขึ้นมาแล้วเริ่มเขียนบ้าง
ใช่ครับเพื่อนของผมมาเยี่ยมบ่อยๆ แต่ไม่ได้พักด้วยกัน ทางบริษัทเขาจองที่พักไว้ให้อีกที่หนึ่งแล้ว
นัยน์ตาสีม่านราตรียังคงจับจ้องทุกกริยาของคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างพิจารณา เหมือนไม่ค่อยเชื่อในสิ่งที่พิรุณาบอก
ดูคุณไม่เชื่อในสิ่งที่ผมบอกเลยนะ
ผมไม่ต้องการให้โรงแรมของผมเป็นแหล่งที่มาของข่าวฉาวๆ คาวๆ อย่างที่พวกศิลปินเขาทำๆกัน
แทบจะทันทีที่รับกระดาษมาอ่านข้อความ พิรุณารู้สึกตัวว่าโกรธมากจนมือสั่นไปหมด นัยน์ตาคู่สวยวาวโรจน์ด้วยเพลิงโทสะที่ร้ายกาจ ในหัวใจตะโกนก้องว่าสิ่งที่ผู้ชายตรงหน้านี่ทำ เป็นการดูถูกเขาอย่างมาก หยาบคาย หยาบคายที่สุด!! พิรุณาผุดลุกขึ้นอย่างหมดสิ้นซึ่งความอดทนใดๆ ต่อให้เรื่องถึงโรงถึงศาลก็ช่าง แต่เขาจะไม่ยอมให้ทำแบบนี้กับเขา ธีรธรเห็นพิรุณาโกรธจนตัวสั่นก็ยิ้ม มุมปากเหยียดเยาะ นั่นยิ่งทำให้เพลิงสุมในอกพิรุณายิ่งแรงกล้าขึ้น บอสหนุ่มลุกขึ้นบ้างอย่างไม่รีบร้อนเดินอ้อมโต๊ะทำงานตัวใหญ่มาทางร่างบางๆที่กำลังสั่นด้วยโทสะแรงกล้า มือบางที่สั่นอย่างน่ากลัวเขียนข้อความบางอย่างในกระดาษ
แล้วทีคุณล่ะ ผู้หญิงคนเมื่อกี้ที่แทบจะเอาตัวใส่พานถวายคุณล่ะ อย่างนั้นไม่เรียกว่าฉาว อย่างนั้นหรือ?
มือบางๆขยำกระดาษใบเล็กปาใส่หน้าธีรธร บอสหนุ่มเริ่มมีโทสะพลุ่งพล่าน ตลอดชีวิตที่ผ่านมาไม่เคยมีใครกล้าทำอย่างนี้กับเขา นัยน์ตาดำสนิทคมกล้าวาววับด้วยโทสะที่ไม่แพ้ร่างโปร่งๆบางๆตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย เมื่อเขาอ่านข้อความก็ยิ่งโมโห พิรุณาชูกระดาษอีกใบขึ้นให้เขาอ่าน
ผมไม่ใช่ญาติคุณ หรือคนในบังคับของคุณ ผมจะทำอะไรก็เรื่องของผม ไม่เกี่ยวกับคุณ
พิรุณาทิ้งกระดาษใบนั้นลงกับพื้นอย่างไม่ไยดี จ้องนัยน์ตาของคู่สนทนาอย่างแรงกล้าท้าทายไม่แพ้กัน พอเห็นว่าเรื่องควรจะจบลงตรงนี้ อย่างน้อยๆก็ควรจะรักษาน้ำใจรันดา เด็กสาวคนนั้นไว้ เธอคงรู้สึกไม่ดีถ้ามีข่าวเขาไม่ถูกกับพี่ชายของเธอ พิรุณาหันกลับเตรียมจะออกจากห้องทำงานไปเสียให้สิ้นเรื่อง ทันใดนั้นมือใหญ่ที่แข็งแรงราวกับคีบเหล็กก็จับต้นแขนแล้วดึงอย่างแรงให้หันกลับไป พิรุณาเม้มริมฝีผากบางด้วยความโกรธแค้น ยังไม่ทันที่เขาจะทำอะไรไปได้มากกว่านั้น ริมฝีปากอุ่นก็กดลงบนกลีบปากบางของพิรุณา เขาพยายามเบี่ยงกายหลบ ทั้งผลักทั้งทุบ แต่ก็ดูเหมือนว่า แขนที่โอบอยู่รอบกายนั้นจะแข็งแรงเกินไป พิรุณาถูกดันให้กึ่งนั่งกึ่งยืนพิงโต๊ะทำงานตัวใหญ่ มือใหญ่อีกข้างจิกดึงให้ดวงหน้าสวยเงยหน้าขึ้นรับริมฝีปากร้อนๆได้ถนัดยิ่งขึ้น พิรุณาพยายามหลบเลี่ยงแต่ก็ไม่สามารถหลบไปไหนได้ เขารู้สึกตัวเองหายใจไม่ทันจึงเผยอปากขึ้นเพื่อช่วยให้หายใจได้ ทันใดนั้นลิ้นอุ่นร้อนก็แทรกเข้ามาตักตวงความหอมหวานอย่างหิวกระหาย ร่างบอบบางในวงแขนแกร่งดูจะหมดสิ้นเรี่ยวแรงลงในทันที ธีรธรยิ้มอย่างได้ใจ มือควานหาบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกงตัวเอง มันคือมือถือยี่ห้อดังเขากดไปที่โหมดถ่ายภาพทันที เสียงแชะ!เบาๆดังขึ้นโดยที่พิรุณาไม่รู้ตัว
ระหว่างที่บอสหนุ่มกำลังถ่ายรูปต่อไปนั้น โดยไม่ทันระวังตัว หมัดๆหนึ่งจากคนที่คิดว่าสิ้นฤทธิ์ไปแล้วต่อยเข้าอย่างจัง เขารู้สึกถึงรสเลือดที่ในปาก เจ้าของหมัดยืนหอบน้อยๆ นัยน์ตาสีน้ำตาลออกแดงนั้นแทบจะเปลี่ยนเป็นสีแดงจัดจ้องมองมาอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ พลางยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดริมฝีปากนั้นแรงๆ จนแดงช้ำหนักกว่าเดิม ก่อนจะกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกไปจากห้องทำงาน ผ่านหน้าคุณลีไปอย่างรวดเร็วราวลมพัด เลขาสาวเอียงคอมองภาพที่เพิ่งเห็นเมื่อครู่อย่างสงสัย ก่อนจะลุกไปเคาะห้องเจ้านายแล้วเปิดเข้าไป
“มีอะไรหรือเปล่าคะบอส ดิฉันเห็นคุณพิรุณาหัวเสียออกไป”เธอมองบอสของตัวเองที่ยืนอยู่ข้างหน้าต่าง แสงสีส้มของพระอาทิตย์ยามเย็นที่ลอดมู่ลี่เข้ามาทำให้ห้องแลดูเป็นสีส้มไปหมด
“ไม่มีอะไรหรอกคุณลี เย็นแล้วคุณกลับไปก่อนเถอะ “ เสียงบอสหนุ่มเรียบเฉย ตรงข้ามกลับท่าทางหุนหันของพิรุณาโดยสิ้นเชิญ เธอจึงรับคำก่อนจะถอยออกไปแล้วปิดประตูให้เรียบร้อยดังเดิม
“นี่สิถึงจะฉาว” ธีรธรพึมพำ พลางเปิดดูรูปที่ถ่ายไว้หลายชอต เกือบทุกชอตที่เห็นหน้าพิรุณาชัดเจน แต่มีเพียงบางชอตเท่านั้นที่เห็นหน้าเขาด้วย แล้วคิดไปว่า ถ้าส่งภาพเหล่านี้ให้สำนักพิมพ์ละก็พรุ่งนี้คงได้เห็นพาดหัวข่าวหราทุกฉบับแน่ แต่แล้วก็รู้สึกเจ็บแปรบขึ้นมาตรงที่โดนต่อย
“เห็นตัวเล็กๆหมัดหนักเหมือนกันนะเนี่ย”ชายหนุ่มลูบหน้าตัวเองป้อยๆ
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
จบตอนสองแล้วหวังว่าคงชอบกันนะคร้าบบ..
