hello! SUNSHINE [ตะวันร้าย..ที่รัก]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

โพลล์

คุณปลื้มตัวละครไหนมากที่สุด?

ซันนี่
ซินเซียร์
ไอ้เอี้ยฟ้า
ไอ้บ้ากาย
อิเมย์บี

ผู้เขียน หัวข้อ: hello! SUNSHINE [ตะวันร้าย..ที่รัก]  (อ่าน 1235333 ครั้ง)

ออฟไลน์ sirikanda28

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1759
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +117/-3

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
กายเท่ชะมัด
แม้จะโดนเสียบพุงปางตายก็ยังเท่

ออฟไลน์ myd3ar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-4
ก็คิดอยู่แล้วกายว่าต้องชอบ1 ในแฝดนี่แน่เลย

จากตอนได้กุหลาบหิน ยิ่มใหญ่เลย

ที่แท้ก็มีเบื้องหลังกันอย่างนี้นี่เอง 5555

ยิ่งอ่านยิ่งชอบอ่ะเรื่องนี้ ฟ้าน่ารักมากๆ

มึน ได้น่ารักดี ชอบๆๆๆๆ   :กอด1:

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4

JangBouyoung

  • บุคคลทั่วไป
กรี๊ดดดดดดดดดด :-[ แต่จะเป็นของใครนั่นน่ะสิ่ปัญหาใหญ่หล่ะ ชอบจังเลยยยยเรื่องนี้ ทำให้คิดหนัก เพ้อหนัก มโนหนักได้อีกกกก จะสมหวังตามคู่ที่คิดไว้ หรือว่า จะพลิกล็อคก็ไม่รู้ สู้ๆน้าาาา กอดคนแต่ง :กอด1:

KiissHy

  • บุคคลทั่วไป
หลงฟ้าประทานจังเลย><!!!!!!!!!!!!!! ย้ากกกกกกกกกก น่ารักกกกกกกก

แม้ตอนแรกๆจะเลวๆก็เหอะ แต่โอ้ยยยยยยยย แพ้ โม้เอ้?มากกกกกกกกก

ตอนอยู่กับซันนี่แล้วน่ารักอะ ชอบเวลาเรียกซันนี่ๆๆๆ

ชอบๆๆๆๆๆๆๆ หลงแล้ววววววว><!

แฮ่ๆๆๆ รีบมาต่อนะคะ

ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ Alone Alone

  • ขอตายในอ้อมกอดฮยอกแจ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0
ของซินแหงมๆ เพราะท่าทางเหมือนกายจะชอบซิน

(มั่วแบบเนียนๆ ฮ่าๆๆๆๆ)

ออฟไลน์ Whatever it is

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3960
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +380/-8
น่าจะของซินมั้ง ดูกายชอบซินนินา แต่ขอเม้นนิดว่า พระเอกมันมาจากดาวไหนนิ หน้ามึนมากๆ เหอะๆ

ออฟไลน์ Whatever it is

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3960
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +380/-8
ปล. ถ้าไอ้พระเอกไม่ไปข่มขืนนายเอกเราก่อน จะได้คะแนนความชื่นชมจากเราอีกล้นหลาม  :z6:

ออฟไลน์ White Raven

  • I'm beautiful in my way.~
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 270
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +779/-3
    • Fanpage
Chapter :: Special Sky :: พระอาทิตย์สีเทอร์ควอยซ์ (I) Part.2







หากแต่การเดินทางไม่ได้จบลงด้วยการพบกันของคนรักเสมอไป...


พวกคุณคิดว่ากำลังอ่านอะไรอยู่ล่ะ?


ไดอารี่ของ บริดเจ็ท โจนส์ งั้นเหรอ? ..ไม่ใช่นะ!


นี่มันไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องราวของความรักเลย(..อย่างน้อยก็ในตอนนั้น)


ถ้าจะมีสักเรื่องที่เหมาะกับผมก็คงจะเป็น ‘บันทึกน้ำตา 1 ลิตร’ ล่ะมั้ง แต่คงต้องมีการปรับเปลี่ยนนิดหน่อยเพื่อให้ผู้อ่านเห็นภาพได้มากขึ้น..คงเป็น ‘บันทึกน้ำเลือด 1 ลิตร’ ..ประมาณนั้น


ครับ ..การพบกันอีกครั้งของผมกับฝาแฝดมันเป็นอะไรที่ไม่ค่อยน่าประทับใจเอาซะเลย


ถ้าจะให้พูดชัดๆ ก็ ‘หายนะ’ นั่นแหล่ะครับ


จำได้ว่าวันที่ไปรายงานตัว.. ผมพยายามมองหาคนที่น่าจะเป็น


กานต์ระพี เฮย์เดน ..และมีฝาแฝดติดตามมาด้วย แต่ผมก็ไม่เห็นว่าจะมีใครสักคน


จนถึงวันเปิดเทอมวันแรกผมก็ยังไม่เห็นแม้กระทั่งเงาหัวของไอ้หมอนั่นเลย ผมชักใจแป้ว.. หรือว่ามันจะเปลี่ยนใจไม่มาเรียนที่นี่แล้ว?


ความรู้สึกห่อเหี่ยวหดหู่จู่โจมผมตั้งแต่วันแรกของการเป็นนักศึกษา ไม่ว่าอะไรก็ดูไม่น่าสนใจไปซะหมด จนพาลคิดไปว่า..ผมมาทำอะไรที่นี่กันแน่?


ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยใส่ใจเลยถ้าจะมีใครมาหาว่าผม..บ้า..


ผมมั่นใจว่าผมก็แค่เป็นตัวของตัวเองเท่านั้น แต่ตอนนี้ผมชักจะเห็นด้วยกับคนพวกนั้นแล้วล่ะ ท่าทางว่าผมจะบ้าจริงๆ ก็คนสติดีๆ ที่ไหนจะเอาใจของตัวเองไปผูกพันไว้กับคนที่ไม่รู้จักล่ะ? ..เห็นไหม? ผมต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ


ผมใช้ชีวิตเฟรชชี่ในสัปดาห์แรกหมดไปอย่างไม่ค่อยกระตือรือร้นเท่าไหร่ ได้รับเลือกให้เป็นเดือนคณะโดยไม่ถูกถามความสมัครใจ


และยังคงไร้เงาของฝาแฝด..


แต่พอเช้าวันแรกของสัปดาห์ที่ 2 ความซวยก็บังเกิดขึ้นกับผม ระหว่างที่ผมกำลังขับป้าซี(Honda C70)จะเลี้ยวเข้าคณะเพื่อไปรวมตัวกับปี 1 คนอื่นๆ ตามคำบัญชา(บ้าบอ)ของรุ่นพี่ จู่ๆ ก็มี BMW 325i สีดำ ใหม่เอี่ยม ไม่ทราบทะเบียน(รู้แต่ว่าป้ายแดงๆ) โผล่มายังไงไม่รู้ แล้วก็เลี้ยวหักเข้ามาตัดหน้ารถผมเฉยเลย จนผมต้องหักหลบลงไปนอนแอ้งแม้งในแปลงดอกไม้หน้าตึก


ขณะที่กำลังนอนมองท้องฟ้า นึกอิจฉาก้อนเมฆที่วันๆ ไม่ต้องทำอะไรแค่ลอยไปลอยมาอยู่นั้น ก็มีใบหน้าของคนสองคน โผล่เข้ามาบดบังทรรศนียภาพสีฟ้าขาวจนเกือบมิด


“เฮ้ นาย...ตายรึยัง?” หนึ่งในนั้นถาม


ผมก็ไม่รู้ว่ามันเอาฮาหรือว่าสงสัยจริงๆ? นี่ถ้าเกิดว่าผมตายจริงขึ้นมาแล้วผมจะตอบคำถามมันได้ไหมเนี่ย?


“ยังกระพริบตาได้นะ แต่ไม่เห็นขยับตัวเลย” อีกคนออกความเห็นบ้างหลังจากจ้องดูผมอยู่อึดใจหนึ่ง


ที่ยังไม่ได้ตอบอะไรเพราะผมมัวแต่มองสำรวจพวกมันสองคนอยู่น่ะ


คนแรกที่เป็นคนถามนั่นดูฝรั่งจ๋ามาเลย ผมถักเดทร็อคสีทองมัดรวบไว้ข้างหลัง มีผ้าคาดหน้าผากสีดำ ปิดมาจนถึงคิ้ว สวมหมวกยี่ห้อ นิว อีร่า(New Era) สีขาว(ปักรูปกุญแจซอล)ทับอีกที ใส่แว่นตากันแดดยี่ห้อกุ๊ชชี่(Gucci)สีดำปี๊ดปี๋ปิดมาเกือบครึ่งหน้า เห็นแต่ปลายจมูกเล็กๆ โผล่มา กับริมฝีปากสีชมพูอมส้มที่ด้านล่างซ้ายใส่จิลสีเงินด้วย ..อ้อ มีไฝตรงคอเม็ดนึง (นี่ผมดูละเอียดเกินไปหรือเปล่า?)


ส่วนอีกคนผมสีดำ ตัดซอย ยาวมาเกือบถึงไหล่ ส่วนหน้าเหมือนกับคนแรกเลย...คือเห็นแค่ปลายจมูกเล็กๆ โผล่มา กับริมฝีปากสีชมพูอมส้มที่ดูบางกว่าคนแรกเล็กน้อย ส่วนช่วงบนถูกแว่นกันแดดอันเบ้อเริ่มกรอบสีขาวเลนส์สีชายี่ห้อปราด้า(Prada)ปิดจนมิดเหมือนกัน เจาะหูไม่รู้กี่รูต่อกี่รู แถมที่ลิ้นก็เหมือนจะมีจิลอยู่ด้วย(เห็นแวบๆ) ..เอ้อ มีไฝเม็ดเล็กๆ ใต้ปากด้วย


ทั้งคู่อยู่ในชุดนักศึกษาเหมือนกับผม ความสูงก็น่าจะประมาณผมอีก


แล้ว...อยู่คณะผมด้วยหรือเปล่าอ่ะ?


“รึว่าสมองจะกระทบกระเทือน? ..เอาไงดี?”


“ปล่อยทิ้งไว้แบบนี้ก็ได้มั้ง? เดี๋ยวลุกได้ก็คงลุกไปเองแหล่ะ”


“ไม่ใจดำไปหน่อยเหรอ? เกิดตายขึ้นมาล่ะ? อุตส่าห์ได้กลับมาทั้งที ถ้าต้องถูกส่งไปอยู่อังกฤษอีกกูไม่เอานะ”


“ไม่หรอกน่า ไม่เห็นจะมีแผลตรงไหนเลย ..แต่ถ้าจะให้เอาไปรักษาคงไม่ได้ เงินที่เหลืออยู่ตอนนี้ไม่พอจ่ายค่าโรง’บาลให้ใครหรอก”


“ขอป๊ะป๋าเพิ่มดิ”


“คงได้เหอะ เพิ่งขอไปหยกๆ เอง ..ถ้าไม่มีหมาตัวไหนแรดอยากไปเล่นเซิร์ฟถึงบาหลีเราก็คงจะเหลือเงินมากกว่านี้แหล่ะ”


“จะบ่นทำไม? กูก็เห็นมึงสนุกจะตายไป สนุกจนลืมวันเปิดเทอมด้วยซ้ำ นี่ถ้าแบรี่ไม่โทรไปตามคงได้อยู่ต่อกันอีกวีคหรอก”


“อย่ามาๆ ไม่ใช่เพราะมึงจำผิดวันแล้วมาบอกกูต่อผิดๆ รึไง?”


“แล้วมึงจะเชื่อทำไมเล่า? ทำไมไม่ไปตรวจดูอีกที?”


“ก็เห็นว่ามึงเป็นพี่อ่ะดิ กูเลยเชื่อ ..กูไม่คิดนี่หว่าว่าจะมีพี่โง่”


“อ้าวๆ พูดงี้มาต่อยกันเหอะ ซันนี่?”


“จะเอาเหรอ?”


“เอ้อ.. โทษนะ” หลังจากที่พยายามหาทางแทรกอยู่พักใหญ่ ผมก็เห็นช่องในที่สุด


พอได้ยินเสียงคนข้างล่างอย่างผม พวกมันก็เลยหยุดเถียงกันแล้วก้มมาสนใจผมแทน


“ไม่ได้จะห้ามหรอก” ผมรีบออกตัว(กลัวพวกมันจะเข้าใจผิดคิดว่าผมอยากเป็นกรรมการ) “แต่ถ้าจะต่อยกันก็ช่วยขยับไปให้ห่างๆ ผมหน่อยได้มั้ย? คือผมไม่ค่อยแน่ใจว่ากระดูกท่อนไหนในร่างกายมันเสียหายไปบ้างรึเปล่าน่ะ ..ผมยังไม่อยากพิการซ้ำซ้อน”
ผมเห็นพวกมันมองหน้ากันเอง แล้วก็มองหน้าผม สลับไปสลับมาแบบนั้น ผมก็เลยคิดว่า...ไปดีกว่าว่ะ


“ขอผมขยับตัวหน่อยนะ” พอได้ยินผมพูดแบบนั้น มันสองคนก็เลยถอยห่างผมออกไป แม้หน้าตาจะยังดูไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ก็ตาม


ผมเริ่มจากขยับแขน...โอเค จากนั้นก็ขยับขา...อะฮ้า~ ดูเหมือนกระดูกของผมจะปกติดีทุกชิ้นครับพี่น้อง ด้วยความโล่งใจผมก็เลยลุกพรวดขึ้นยืนในคราเดียว


แต่เดี๋ยวก่อน..!


“โอ๊ะ โอ๊ะ โอ๊ะ...” ผมร้องตามจังหวะลั่นเปรี๊ยะๆ เสียวแปล๊บๆ แถวข้อเท้าขวา ก่อนจะล้มลงเพราะเสียสมดุลผมเลยต้องหาที่พึ่ง และที่อยู่ใกล้สุดก็คือไอ้เด็กฝรั่งหัวเดทร็อค


ผมยื่นสองมือไปหวังจะคว้าไหล่มันไว้เป็นหลักยึด แต่ไม่รู้เพราะมันตกใจหรือมันรังเกียจผู้ชายหน้าตาดีอย่างผมกันแน่ ยังไม่ทันที่มือผมจะถึงตัวมัน มันก็ยันโครมเข้าให้เต็มท้องน้อยๆ ของผม จนผมหงายหลังไปใส่ป้าซีที่นอนไม่ยอมลุกอยู่ แฮนด์ป้าทิ่มหลังผมเต็มๆ จนต้องแหกปากร้องจ๊ากลั่นคณะ ผู้คนผ่านไปผ่านมาแถวนั้นรีบกรูกันเข้ามาดูด้วยความตกใจว่ามีใครถูกเชือดทิ้ง..


แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นกับผมต่อจากนั้นก็คือ.. ผมถูกไอ้คู่หูแว่นกันแดดกระชากตัวปลิวเอาไปยัดใส่รถหรูสีดำที่พวกมันขับมาด้วยความไวแสงแบบไม่ทันตั้งตัว




หลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วโมงผมก็เดินโขยกเขยกออกจากโรงพยาบาลของมหาลัยพร้อมกับไม้ค้ำยันหนึ่งอัน และยาอีกห่อใหญ่


“แล้วจะเอาไงต่อ?”


“เอาไปไว้ที่เดิม?”


“โทษนะครับ ผมเป็นคนนะ...ถ้าเผื่อพวกคุณอาจจะลืม” ผมแทรกขึ้นเมื่อเห็นพวกมันสองคนปรึกษากันโดยไม่ถามความเห็นผมสักคำ “ไม่ใช่ของที่นึกจะเอาไปวางไว้ตรงไหนก็ได้นะเออ”


ได้ยินเสียงไอ้หัวเดทร็อคที่กำลังขับรถจิ๊ปากขัดใจ ส่วนไอ้ผมดำที่นั่งคู่กันมาเหลือบมองผมสลับกับคนขับนิดหน่อย ก่อนจะหันมายิ้มให้ผมและชวนพูดคุยอย่างเป็นมิตร


“พวกเราต้องขอโทษด้วยนะที่ขับรถไม่ทันระวัง นายเลยต้องเจ็บตัว เดี๋ยวค่ายากับค่าซ่อมรถเราจะออกให้นะ”


ผมโบกไม้โบกมือว่าไม่ถือสา ยังไงพวกมันก็อุตส่าห์พาผมมาหาหมอแล้วนี่นะ ผมไม่ติดใจอะไรหรอก แม้หนึ่งในพวกมันจะถีบผมอย่างไม่มีสาเหตุก็ตาม ส่วนค่าซ่อมรถก็ไม่เป็นไร เพราะปกติป้าซีของผมก็ขี่ไปซ่อมไปอยู่แล้ว ไม่เป็นไรหรอก ผมจ่ายเองดีกว่า
แต่แหม.. ถ้าจำไม่ผิดไอ้นี่ไม่ใช่เหรอที่บอกให้ปล่อยผมเอาไว้แบบนั้น เพราะไม่มีตังค์พาไปรักษาน่ะ? เปลี่ยนโหมดเร็วจริงนะ ดูเป็นคนดีขึ้นจมเลย..


“นายเป็นเด็กคณะวิศวะเหมือนกันเหรอ? ปีไหนล่ะ? พวกเราเป็นเด็กใหม่ พอดีติดปัญหานิดหน่อยเลยเพิ่งมาเรียนวันนี้เป็นวันแรกน่ะ” ไอ้ผมดำพูดต่อ


ปัญหาที่ว่าของมันก็คือลงจากกระดานโต้คลื่นไม่ได้งั้นสิ?


เมื่อกี๊กูได้ยินนะ.. สาระจริงๆ เลยพวกมึงนี่ เห็นชีวิตเฟรชชี่มหาลัยนี้เป็นอะไรน่ะ? รู้ไหมว่าหนึ่งอาทิตย์ที่พวกมึงโอ้หลั่นล้าอะโลฮ่าอยู่บาหลี พวกกูโดนรุ่นพี่นรกโขกสับกันขนาดไหน? ..เดี๋ยวเหอะ เดี๋ยวถึงคณะเมื่อไหร่มึงได้เจอดีแน่ฝรั่งเอ๋ย


“เด็กใหม่เหมือนกัน เรียนวิศวะโยธา..”


“งั้นก็เสคเดียวกับ ซิน เลยสิ!” ไอ้ผมดำร้องขึ้นทั้งที่ผมยังพูดไม่ทันจบ เอื้อมมือไปจับไหล่คนขับรถ ปากก็คุยกับผมต่อ “ซินเซียร์ ก็เรียนวิศวะโยธาเหมือนกัน ส่วนเราเรียนวิศวะคอม ..ชื่อ ซันชายน์ นะ จะเรียก ซัน เฉยๆ ก็ได้”


“เรา..สกาย เรียก กาย ก็ได้” ผมพยักหน้ารับรู้พร้อมทั้งบอกชื่อตัวเองบ้าง


แต่เดี๋ยวนะ! เมื่อกี๊มันพูดว่าไง? มันบอกว่าเรียนเสคเดียวกับผม ไอ้หัวเดทร็อคที่ชื่อ ซินเซียร์ นั่นเรียนเสคเดียวกับผม?
งั้นมันก็คือ..


“กานต์ระพี เฮย์เดน?” ทันทีที่ผมโพล่งออกไป ไอ้คนขับก็เหยียบเบรกจนผู้โดยสารหัวทิ่มไปตามๆ กัน


“รู้จักชื่อกู..เอ่อ..เรา..ได้ไง?” มันหันมาถามผม


“จะพูด ‘กู-มึง’ ก็ได้ แบบนั้นถนัดกว่า ..จะได้สนิทกันเร็วๆ ด้วย” ผมรีบบอกอย่างดีใจ


ในที่สุดพวกมันก็มา!!


ในที่สุดผมก็ได้เจอเจ้าของจี้พระอาทิตย์สีฟ้าอีกครั้ง(แม้จะยังไม่รู้ว่าเป็นคนไหนก็เถอะ) ผมเผลอเอามือจับจี้ที่อยู่ในเสื้ออย่างลืมตัว


ท่าทางว่าพวกมันคงจำผมไม่ได้ แต่ผมก็ไม่ได้หวังว่าพวกมันจะจำได้อยู่แล้ว(ขนาดผมยังจำพวกมันไม่ได้เลย) สองปีที่ผ่านมาผมเปลี่ยนไปเยอะเหมือนกัน ทั้งสูงขึ้น ตัวก็ใหญ่ขึ้น ทรงผมก็ไม่เกรียนเหมือนเดิมแล้ว ไม่แปลกหรอกที่จะจำไม่ได้ พวกมันเองก็เปลี่ยนไปอย่างไม่น่าเชื่อ ตัวสูงขึ้นมากจากตอนนั้นจริงๆ ไม่รู้ไปกินอะไรมา? หน้าตาก็ดูเหมือนจะเปลี่ยนไปด้วยมั้ง?


จำได้ลางๆ ว่าเมื่อก่อนดูคล้ายเด็กผู้หญิงมากกว่านี้หรือเปล่า?


แต่ผมต้องตื่นจากภวังค์ความหลังเพราะคำพูดของไอ้หัวเดทร็อคนาม ซินเซียร์


“ใครเค้าอยากสนิทกับมึง? ..แล้วตกลงว่ารู้จักชื่อกูได้ยังไง?”


ไม่รู้ว่าเพราะอยากสนิทกับผมแต่ซึน(เดระ) หรือนี่เป็นสันดานปกติของมันอยู่แล้วกันแน่ พอเห็นว่าผมอนุญาตเข้าหน่อยเลยพูดแบบไม่เกรงใจกันเลยว่ะ มันถูกไอ้ผมดำนาม ซันชายน์ (ที่ผมคิดว่าคงเป็น ตะวันฉาย เฮย์เดน ไม่ผิดตัวแน่) ฟาดที่ไหล่เบาๆ เหมือนต้องการจะปราม


“ก็มึงเป็นคนเดียวที่ยังไม่โผล่หัวมาเรียนทั้งที่ลงทะเบียนเอาไว้แล้วไง พวกอาจารย์ก็ถามถึงทุกวัน ใครๆ เค้าก็รู้จักชื่อมึงกันทั้งเสคแหล่ะ”


ผมไม่ได้โกหกหรอกนะ แต่เรียกว่า..บอกไม่หมด..จะถูกต้องกว่า ที่ผมไม่ได้บอกว่ารู้จักมันมาก่อนหน้านี้ตั้งสองปีแล้ว เพราะผมไม่รู้จะเริ่มพูดยังไงดีน่ะ


แปลกไหม? ทั้งที่เฝ้ารอคอยมาเป็นปี แต่พอได้เจอจริงๆ ผมก็ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไง? ผมจะแนะนำตัวเองไปเลยดีไหมว่าผมคือผู้โชคร้ายที่ถูกมีดเสียบในคืนนั้น? บอกว่าผมยังเก็บจี้พระอาทิตย์สีฟ้าเอาไว้กับตัวจนถึงทุกวันนี้? บอกว่าผมดีใจขนาดไหนที่รู้ว่าพวกมันจะมาเรียนที่นี่? ..ผมได้แต่นั่งคิดวนไปวนมา แต่ความจริงที่ว่าพวกเราไม่เคยรู้จักกันนั้นก็เข้ามาย้ำเตือนให้ผมสำนึกได้ และเลือกที่จะปิดปากเงียบเอาไว้


ใช่สิ..ตั้งแต่แรกแล้วพวกเราก็ไม่ได้รู้จักกันสักหน่อยนี่นา


..จริงๆ แล้วก็มีแค่ผมที่บ้าไปคนเดียว..


“เฮ้ย!!” เสียงฝาแฝดร้องลั่น จังหวะเดียวกับรถที่เพิ่งออกตัวต้องชะงักเพราะเบรกอีกครั้ง


ผมโงหัวขึ้นได้ก็พยายามมองหาว่าเกิดอะไรขึ้น..?


มีบางอย่างวิ่งเข้ามาขวางทางรถ และพอรถหยุดมันก็พุ่งตรงเข้ามาทุบกระจกฝั่งคนขับรัวๆ อย่างร้อนรน พวกแฝดมองหน้ากันอย่างขวัญผวา ลังเลว่าควรจะเปิดประตูลงไปไหม? ถ้าเปิดจะถูกสิงหรือเปล่า?


แต่ก่อนที่พวกมันจะตกลงกันได้ ผมก็เปิดประตูหลังพาสังขารพิการของตัวเองลงไปเจรจาก่อน


“อีกายยยยยย!! มึงยังไม่ตายจริงๆ ด้วย!” ทันทีที่เห็นผม ไอ้อาจ(ที่ตอนนี้กลายพันธุ์เป็น อีอาจ ไปแล้ว) เพื่อนตั้งแต่สมัยเด็กก็รีบกางแขนถลาเข้ามาหา แต่ผมเอาตีนที่มีเฝือกหุ้มของตัวเองยันพุงมันเอาไว้ทันก่อนมาถึงตัวได้ มันทำท่ากระฟัดกระเฟียดเล็กน้อย ก่อนจะพ่นความในใจต่อ


“มึงรู้มั้ยว่ากูตกใจแค่ไหนที่เห็นอีแก่ของมึงนอนตายอยู่ข้างทาง? มีคนเค้าบอกว่ามึงโดนบีเอ็มป้ายแดงสอยไป กูกำลังจะไปตามหาเลย แล้วนี่มึงเจ็บมากมั้ย? ตรงไหนบ้าง? ไปหาหมอมาแล้วเหรอ? เค้าว่ายังไงบ้าง? พิการตลอดชีวิตรึเปล่า? แล้ว..”


“พอๆๆ อีอาจ” ผมต้องรีบยกมือห้ามก่อนที่มันจะได้ตั้งคำถามไปมากกว่านี้ “กูก็เป็นแค่ที่เห็นนี่แหล่ะ ไม่มากไม่มาย พอกรุบกริบ”
“ยังจะมายิ้มอีก ทำกูใจหายใจค่ำหมด..” อีอาจทำค้อนปะหลับปะเหลือก


“แต่ดีแล้วที่มึงไม่ตาย หมอดูเพิ่งทักกูว่า ‘อย่าไปงานศพในช่วงนี้ เดี๋ยวจะมีอะไรไม่ดีตามกลับมา’ กูยังลำบากใจอยู่เลยว่าถ้ามึงตายแล้วกูจะทำไง? ไปงานศพเพื่อนรักไม่ได้นี่มันเจ็บปวดนะ” อีอาจพูดน้ำตาซึม กรีดกรายนิ้วหนาๆ ปาดน้ำที่หัวตาด้วยท่าทางดัดจริตเต็มที่


ผมก็ได้แต่ถอนหายใจ.. มึงนี่รักกูมากจริงๆ นะ อีอาจ ห่วงว่าจะไปงานศพกูไม่ได้ มากกว่าห่วงว่ากูจะตายซะอีก ซึ้งครับเพื่อนสาว..


“อุแม้เจ้า!” อีอาจถึงกับตาโตเมื่อหันไปเห็นสองพี่น้องแฝดลงจากรถมา


ไอ้ซินเซียร์ยังใส่แว่นกันแดดอยู่ แต่ไอ้ซันชายน์น้องมันถอดแว่นออกแล้ว เลยได้เห็นหน้าตาที่แท้จริงอย่างชัดเจน ทำเอาผมเผลอมองจนไม่รู้ว่าอีอาจมันขยับเข้ามาประชิดตัวตั้งแต่ตอนไหน ..น่ากลัวจริงๆ อีนี่


“ใครวะ อีกาย? หนังหน้าแมร่งงามไม่เกรงใจกะเทยเลย” เสียงกระซิบกระซาบข้างหูทำเอาผมผวา ..ถึงจะรู้จักมันมานานก็ใช่ว่าผมจะชินได้นะครับ ผมเลยขยับตัวถอยออกมาหน่อย ให้อยู่ในระยะปลอดภัยไว้ก่อน


“อีกคนก็เท้เท่.. เพื่อนมึงเหรอ? มันเป็นผัวเมียกันรึเปล่า? ถ้าไม่ใช่..ก็ช่วยแนะนำให้กูรู้จักมั่งดิ” มันพูดไปก็ยืนบิดไป สายตาชำเลืองมองสองคนนั้นด้วยท่าทางเอียงอาย


อยากจะเอากระจกให้มันส่องดูตัวเองเหลือเกิน เหอะๆ


“เออ ไอ้นี่ชื่อ ซันชายน์ อยู่เสคคอม ส่วนไอ้นั่นเรียนเสคเดียวกับกู ชื่อ ซินเซียร์ ..มันเป็นพี่น้องกัน” ผมก็ช่วยสงเคราะห์มันทำทานไป


ไอ้แฝดมองอีอาจเหมือนมองสิ่งมหัศจรรย์อันดับ 9 ของโลก เห็นแบบนั้นผมก็อ้าปากจะช่วยแนะนำอีอาจสักหน่อย แต่ไม่ทันครับ เพราะมันแหลนเข้าไปแนะนำตัวเองแล้ว


“หวัดดี ซันชายน์ ซินเซียร์ เราชื่อ เมย์บี อายุ 19 ปี ..โสดนะ” แล้วก็ยิ้มหวานหยดย้อย(ในความคิดของมันคนเดียว)ให้ไอ้แฝดอีกที


ผมเห็นไอ้ซินทำท่าเหมือนผะอืดผะอม ส่วนไอ้ซันก็ยิ้มแหยๆ เหมือนใครไปบังคับขืนใจให้มันยิ้มงั้นแหล่ะ



..แล้วไม่นานหลังจากนั้น อีอาจ ก็รู้ตัวว่ามันไม่มีหวังจะได้แอ้มไอ้สองคนนั้นหรอก สุดท้ายมันก็ตัดใจแล้วหันไปมองคนอื่นแทน


ส่วนตัวผม.. ช่วงแรกๆ ของการพิการขาหนึ่งข้าง ผมไม่สามารถขับป้าซีไปเรียนเหมือนเดิมได้ ไอ้ซันก็เลยสั่งให้พี่มันรับผิดชอบด้วยการคอยรับคอยส่งผมทุกวันจนกว่าข้อเท้าจะหาย เพราะยังไงก็เรียนด้วยกันทุกวิชาอยู่แล้ว ถึงไอ้ซินจะไม่เต็มใจแต่ก็ต้องยอมรับสภาพโดยดี เพราะไม่สามารถเถียงชนะน้องมันได้ (ผมก็เพิ่งเคยเห็นน้องสั่งพี่ได้นี่แหล่ะ)


ตัวไอ้ซันเองก็ลอยลำขับรถเต่าป้ายแดงของตัวเองมาเรียนคนเดียวอย่างสบายใจเฉิบ..


..ฝาแฝดไม่ได้โดนลงทัณฑ์จากรุ่นพี่อย่างที่ผมคิดไว้ ส่วนหนึ่งก็เพราะมี พี่ฌาน (ลูกพี่ลูกน้องของแฝด เดือนคณะและเดือนมหาลัยปี 2 ที่ไม่ว่าจะพูดจะทำอะไร ทั้งรุ่นพี่ทั้งอาจารย์ก็เห็นดีเห็นงามไปด้วยหมด) คอยตามแก้ตัวแก้ต่างให้พวกมันสองคนจนไม่มีใครคิดจะถือโทษ แม้เหตุผลที่พวกมันขาดเรียนจะไร้สาระแค่ไหนก็ตาม


และอีกส่วนหนึ่งก็เพราะหน้างามๆ กับยิ้มหวานๆ ของไอ้ซันที่ไม่ว่าจะเอาไปเสนอที่ไหน ใครๆ ก็ลืมโกรธหมด รุ่นพี่ไม่กล้าทำโทษ อาจารย์ก็เอ็นดู และเวลาเพียงไม่นานมันก็ได้ตำแหน่ง ‘ขวัญใจวิศวะ’ ไปครองแบบไม่ต้องทำอะไรมาก


ขณะเดียวกันพี่ชายฝาแฝดของมัน...ไอ้ซิน ก็เริ่มแผลงฤทธิ์เดชจนเป็นที่รู้จักกันทั่ว ทั้งเรื่องเจ้าชู้ เรื่องกวนตีน ปีนเกลียวรุ่นพี่ และที่ทุกคนขยาดที่สุดก็คือ เรื่องหวงน้องเกินเหตุของมันแหล่ะ ผู้หญิงมันไม่ว่านะ แต่ผู้ชายห้ามเข้าใกล้เด็ดขาด


ผมก็ไม่เข้าใจพฤติกรรมของพวกมันเหมือนกัน คนหนึ่งแจกยิ้มหวานทำให้คนอื่นๆอยากเข้าใกล้ แต่อีกคนคอยแยกเขี้ยวแง่งๆ ใส่คนที่ทำท่าจะเข้ามา..


แต่ถึงพี่มันเป็นแบบนั้นผมก็ไม่เห็นว่าไอ้ซันมันจะเดือดร้อน มันไม่เคยว่าอะไรพี่มันเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย ทั้งที่ไอ้ซินแทบจะทำให้มันไม่มีเพื่อนด้วยซ้ำ แต่มันก็ยังเฉยได้ เหมือนกับว่าลึกๆ แล้วตัวมันเองก็ไม่ต้องการคบใครเหมือนกัน แค่ไม่ได้แสดงออกมาให้ชัดเฉยๆ ..คนที่มันให้ความสนใจจริงๆ ก็มีแค่พี่มันคนเดียว


ยิ่งได้รู้จัก ผมก็ยิ่งรู้สึกว่าฝาแฝดคู่นี้แปลก.. ในสายตาของพวกมันมีเพียงกันและกันเท่านั้น เหมือนกับว่าโลกทั้งใบมีแค่พวกมันอยู่สองคน พวกมันไม่ต้องการคนเพิ่ม แล้วก็ไม่มีใครสามารถแปลกปลอมเข้าไปในโลกของพวกมันได้ด้วย..


นั่นทำให้ผมท้อมากในตอนแรกๆ ..มันไม่ใช่เรื่องของการตามหาเจ้าของจี้อีกต่อไปแล้ว แต่มันเป็นเรื่องของผมที่อยากจะสนิทกับฝาแฝด ผมอยากเป็นเพื่อนกับพวกมันจริงๆ อยากรู้จักพวกมันมากกว่านี้ อยากเข้าใกล้ตัวตนของพวกมันมากกว่านี้...แม้ผมจะไม่รู้เหตุผลและที่มาของความ ‘อยาก’ ที่ว่าก็ตาม


ความพยายามในช่วงแรกของผมนั้นล้มเหลวทั้งหมด.. ไม่ว่ายังไงผมก็ไม่ได้รับความไว้วางใจให้เข้าไปอยู่ในโลกของพวกมัน วลีที่ว่า ‘ตื๊อเท่านั้นที่ครองโลก’ ใช้ไม่ได้ในกรณีของฝาแฝด


ถึงไอ้ซันจะพูดคุยยิ้มแย้มกับผม แต่ผมรู้สึกได้ว่าไม่ต่างอะไรกับที่มันทำกับคนอื่นๆ เลย...ก็แค่การ ‘แสดง’ ฉากหนึ่งเท่านั้น ด้านไอ้ซินยิ่งไม่ต้องพูดถึง มันไม่เคยพูดจาดีๆ กับผมด้วยซ้ำไป



แต่ก็ดูเหมือนว่าฟ้าจะเห็นใจผู้ชายหน้าตาดีและมีอารมณ์ขันอย่างผมอยู่บ้าง..


วันหนึ่งขณะที่ผมกำลังจะกลับหอหลังจากเลิกเล่นบาสกับเพื่อนๆ พี่ๆ แล้ว ผมก็ได้ยินเสียงเอะอะดังขึ้นแถวข้างโรงยิม เดินไปดูก็เห็นคนกำลังมีเรื่องวิวาทกัน แบบ 4 รุม 1 ด้วย ปกติแล้วผมไม่ชอบยุ่งเรื่องของคนอื่นหรอก ผมมันพวกรักสงบอยู่แล้ว ไม่จำเป็นก็ไม่อยากมีเรื่องนัก ถ้าไม่ใช่เพราะไอ้หนึ่งเดียวที่ว่านั่นมันคือไอ้ตัวแสบซินเซียร์ล่ะก็ ผมไม่พาตัวเองวิ่งเข้าสู่สมรภูมิเป็นแน่แท้..
 



“ไหวมั้ย? เสือกไม่เข้าเรื่องนะมึงเนี่ย?” ไอ้ซินพูดแบบนั้นแล้วก็หัวเราะ “สารรูปดูไม่ได้เลย”


เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นมันหัวเราะแบบนี้ ปกติถ้าไม่ทำหน้ากวนบาทาเบื้องล่างหรือหัวเราะเลวๆ มันก็จะดูเฉยชามากเลย แต่พอหัวเราะแบบนี้แล้วมันดูเหมือนเด็กมาก ดูใสๆ ไม่มีพิษภัย และ.. ‘น่ารัก’


เสียงหัวเราะของมันฟังเพราะที่สุดเท่าที่ผมเคยได้ยินมา


ตอนนั้นผมคิดแบบนั้นจริงๆ นะ ผมเผลอมองจนลืมความเจ็บไปเลย


รอยยิ้มของมันช่างสว่างสดใสราวกับพระอาทิตย์...แต่เป็นพระอาทิตย์ที่มีสีฟ้า เย็นสบายตา น่ามอง


ไอ้ซินยื่นมือมาให้ผมที่นั่งหน้าปูด หัวโน ปากแตก หมดสภาพอยู่ที่พื้นหลังสงครามจบลงแล้ว ผมคว้าจับมือมันเพื่อดึงตัวเองลุกขึ้น ก่อนหน้านี้ผมก็เคยเรียนชกมวยมาบ้างเหมือนกัน แค่เอาไว้ป้องกันตัวน่ะ แต่ยอมรับเลยว่าฝีมือผมยังห่างชั้นกับไอ้ตัวแสบนี่หลายขุมนัก สงสัยว่าผมต้องไปร่ำเรียนวิชาการต่อสู้มาใหม่แล้วมั้ง ถ้ายังอยากจะคบกับพวกมันให้รอดเนี่ย ขยันมีเรื่องกันจริงๆ แฮะ


ตอนนั้นเองที่ผมสังเกตเห็นว่าคอมันมีสร้อยหนังสีดำ ห้อยจี้รูปพระอาทิตย์สีฟ้าเหมือนกับที่ผมมี เพราะกระดุมเสื้อช่วงบนของมันหลุดหายไปหลายเม็ด มันคงเห็นผมจ้องอย่างสนใจล่ะมั้ง เลยหยิบขึ้นมาชูให้ดู


“สวยใช่มั้ยล่ะ?” ไอ้ซินว่า “ป๊ะป๋ากูให้เอาไว้น่ะ”


ผมก็ได้แต่พยักหน้าตอบไป(ผมเลิกใส่จี้นั่นติดตัวตั้งแต่เจอพวกมันอีกครั้งแล้ว ผมถอดเก็บใส่กล่องเอาไว้ที่หอน่ะ แต่ก็ยังเอาออกมาดูสีมันทุกวันนะ คงเพราะมันกลายเป็นพิธีกรรมส่วนหนึ่งในชีวิตผมไปแล้ว) ..แต่ถ้าของไอ้ซินอยู่กับเจ้าตัว งั้นเป็นไปได้ไหมว่าอันที่อยู่กับผมจะเป็นของน้องมัน?


คนที่เข้ามาหาผมในห้องไอซียูคืนนั้นคือไอ้ซัน?


ผม...ก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าตอนนั้นรู้สึกยังไง? ผิดหวัง? ดีใจ?


ไม่รู้สิ..


“เค้าบอกว่าไอ้หินสีฟ้าๆ นี่จะช่วยให้กูคลาดแคล้วปลอดภัย แต่กูเชื่อว่ามือตีนกูต่างหากที่ช่วยให้กูปลอดภัย ทั้งๆ ที่ของกูหายไปแล้วนะ ซันนี่มันยังอุตส่าห์ถอดของตัวเองมาใส่ให้กูอีก มันบอกว่ากูชอบแส่หาเรื่อง สมควรใส่ติดตัวมากกว่ามัน ..กวนตีนมั้ยล่ะน้องกู?”


“ของมึงหายเหรอ?” ผมโพล่งถามด้วยความตื่นเต้นจนคนถูกถามได้แต่กระพริบตาปริบๆ คงตามอารมณ์ผมไม่ทัน แต่ก็ยังอุตส่าห์ตอบ


“ก็ไม่เชิง” มันยักไหล่ “กูให้คนคนหนึ่งไปน่ะ...ไม่รู้ว่ารอดรึเปล่า?” เสียงมันเบาลงในตอนท้ายคล้ายเสียใจ


ผมอยากตอบใจจะขาดว่า ‘รอด’ แถมยังมายืนแป้นแล้นอยู่ตรงหน้ามึงนี่ไง แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไงดี ก็เลยได้แต่ยืนแป้นแล้นต่อไป จนไอ้ซินเลิกคิ้วสงสัย ไม่เข้าใจในอาการกระดี๊กระด๊าหาสาเหตุไม่ได้ของผม


“มึงบ้าป่ะเนี่ย? ยืนยิ้มเรี่ยราดอยู่ได้” มันว่าผมก่อนจะเดินเกาหัวนำไปที่รถ


ผมเลยต้องรีบกระย่องกระแย่งตามมันไปพร้อมกับรอยยิ้มที่ยังเรี่ยราด(อย่างที่มันว่า)และความรู้สึกฟูๆ พองๆ คับแน่นอยู่ในอก จนน่ากลัวมันจะระเบิด ปุ้ง! ..ไปท่วมทุ่งข้าวสาลี แล้วกลายมาเป็นโกโกครั้นช์...อรั๊ยยยยย คิดอะไรอยู่เนี่ย สกาย? นอกจากนายจะมีปัญหาที่ระบบหัวใจแล้ว ยังมีปัญหาที่ระบบสมองด้วยอีกเหรอเนี่ย? ตายแล้วๆ~ (อ่านข้ามไปก็ได้นะครับ ย่อหน้านี้ผมขอเพ้อนิดนึง)


 

หลังจากวันนั้นอะไรๆ ก็ดูเหมือนจะดีขึ้น ไอ้แฝดยอมรับผมมากขึ้น แล้วก็ยอมให้ไปไหนมาไหนด้วยบ่อยขึ้น ไม่ใช่ว่าไอ้ซินมันประทับใจในความกล้าหาญชาญชัยของผมที่เข้าไปเป็นช่วยมันหรอกนะ แต่มันบอกว่า..ผมบ้าดี.. ฝีมือไม่มีแล้วยังเสร่ออยากเป็นฮีโร่อีก ไม่รู้ว่าใช้สมองหรือหัวไชเท้าคิด มันบอกว่าคนแบบนี้เพิ่งเคยเจอ แปลกและไม่เจียมตัวดี (..ผมว่ามันคงไม่แปลกใจขนาดนี้หรอก ถ้ารู้ว่าครั้งหนึ่งผมก็เคยเสร่อเอาพุงเข้าไปรับมีดแทนพวกมันมาแล้ว วะฮะฮ่าฮ่า)


และเมื่อไอ้ซินให้ความไว้วางใจผม ไอ้ซันก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะดูเหมือนมันพร้อมจะเชื่อทุกอย่างที่พี่มันบอกอยู่แล้ว


ไม่ใช่แค่ผมที่ฝาแฝดยอมสนิทด้วย แม้แต่ อีอาจ พวกแฝดก็ให้ความสนิทสนมด้วยเหมือนกัน ไอ้ซินบอกว่ามันฮาดี แปลกคนด้วย สรุปแล้วกลุ่มเราก็เลยมีกันสี่คน


พอสนิทกันมากขึ้นก็ทำให้ผมได้เห็นรอยยิ้มของไอ้ซินมากขึ้นด้วย ..แต่ยิ่งเห็นแทนที่จะรู้สึกเบื่อหรือชินชา ผมกลับรู้สึกอยากเห็นมากขึ้นไปอีกซะงั้น


ผมกลายเป็นคนโลภขึ้นมาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ตลอดช่วงชีวิตของผมนั้นเป็นคนเรียบง่ายมาก ผมไม่เคยร้องขออะไรที่มันต้องลำบากกายตัวเองเลยสักครั้ง..


แต่ตอนนี้ผมกลายเป็นคนโลภไปแล้วครับ และความโลภก็ทำให้ผมไม่เกี่ยงวิธีการด้วย แม้มันจะดูน่าอายแค่ไหนก็ตาม


ผมเลิกคิดหาเหตุผลมาอธิบายความรู้สึกประหลาดๆ ของตัวเองไปนานแล้ว คิดไปก็เท่านั้นแหล่ะ สู้เอาเวลามาคิดหามุขฮาๆ ไปทำให้ซินมันหัวเราะดีกว่า ถึงมันจะดูบ้าบอแต่ผมก็เต็มใจที่จะทำ


เมื่อก่อนนี้ผู้คนส่วนใหญ่ที่รู้จักผมมักจะมองว่าผมเป็นคนกล้าแสดงออก(หรือบางคนอาจจะบอกว่าผม..หน้าด้าน) แต่ตอนนี้คนพวกนั้นต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ ทุกคนต้องหันมามองผมในมุมใหม่หมด..


ผมกลายเป็น ‘นิว สกาย’ ผู้ชายที่ไปไกลเกินคำว่า ‘กล้า’ แต่เข้าขั้น ‘บ้า’ ไปเรียบร้อยแล้ว ..อย่างไม่ต้องสงสัยด้วย


ก็.. ตามสะดวกครับ ใครจะมองยังไงผมไม่สนใจอยู่แล้ว สิ่งที่ผมรู้แน่แก่ใจและเป็นเหตุผลของทุกการกระทำทั้งหมดก็คือ..ผมมีความสุขที่ได้ทำแบบนั้น และจนถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่เคยเบื่อที่จะทำแบบนั้นเลยด้วย


จากที่แค่อยากเห็น...ก็กลายเป็นละสายตาไม่ได้


ผมมักจะเหลียวหาเวลาที่ซินไม่ได้อยู่ข้างตัว และไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ผมไม่เพียงพอแค่รอยยิ้มของมัน..


..เหมือนผมจะอยากได้มากกว่านั้น


..เหมือนผมจะอยากได้ทั้งหมด..


..เหมือนผม...จะอยากครอบครองพระอาทิตย์ที่มีสีฟ้า..




เหมือนผมจะเป็นคนบ้าที่โลภที่สุดในโลกไปแล้วมั้งเนี่ย?









TBC.   :z2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-09-2012 11:26:52 โดย White Raven »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ White Raven

  • I'm beautiful in my way.~
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 270
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +779/-3
    • Fanpage
ไวท์ฯจะขอพูดเกี่ยวกับชื่อและสัญลักษณ์ของตัวละครหลักซักหน่อยนะคะ
(เผื่อมีบางคนไม่เข้าใจ เหมือนจะเข้าใจ สงสัย ปริ่มๆ หรือรู้แจ้งแล้ว..ก็แกล้งทำเป็นไม่รู้ และก้มหน้าก้มตาอ่านไปเถอะค่ะ(คนอ่านโบกหัวทิ่ม..ฮา))


hello! SUNSHINE หรือ ตะวันร้าย..ที่รัก
จริงๆแล้วไม่ได้หมายถึง ซันนี่ ที่เป็นคนเล่าเรื่องหลักแค่คนเดียวอย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่ ตะวันร้าย ในที่นี้ผู้แต่งต้องการจะสื่อถึง แฝด(นรก) นะคะ(แต่ก็อาจจะเน้นหนักที่ซันนี่หน่อย)


อย่างที่รู้กันว่าชื่อจริงของ ซินเซียร์ ก็คือ กานต์ระพี ซึ่งแปลว่า พระอาทิตย์อันเป็นที่รัก (ชื่อเล่นแปลประมาณว่า..จริงใจ, คนจริง)
ซิน ก็เลยเป็น พระอาทิตย์ที่จริงใจค่ะ  สดใส ร่าเริง แต่ไม่สามารถเปล่งแสงสว่างได้อย่างเต็มที่ เพราะมีเงามืดจากอดีตคอยติดตาม..


ส่วน ซันชายน์ หรือ ตะวันฉาย ทั้งชื่อจริง ชื่อเล่น ความหมายประมาณว่า พระอาทิตย์ส่องแสง(แสงอาทิตย์)
ซันนี่ จึงเป็น พระอาทิตย์ที่เจิดจ้าค่ะ แสงที่เปล่งออกมาทำให้ผู้พบเห็นถึงกับตาพร่า จนไม่สามารถมองเห็นความเป็นจริงที่ซุกซ่อนอยู่เบื้องหลังความสว่างไสวได้

ดังนั้นผู้แต่งก็เลยใช้สัญลักษณ์ พระอาทิตย์ เพื่อแทนตัวของ ฝาแฝด ค่ะ (ทั้งจี้ห้อยคอ และรอยสัก(ยังจำได้ไหม?))



และเมื่อมี ตะวัน ถึง 2 ก็ต้องมี นภา 2 เช่นเดียวกัน เพื่อความสมดุลของสรรพสิ่งค่ะ(ฮา)

นภาแรก ฟ้าประทาน คนนี้เป็นท้องฟ้ายามค่ำคืนค่ะ (..คืนเดือนมืดด้วย)
ก็เลยทั้งเหน็บหนาวและมืดมิด จนไม่สามารถมองเห็นสิ่งที่ซ่อนเร้นอยู่ภายใต้เงามืดได้
เลยต้องอาศัยพระอาทิตย์ที่ทั้งร้อนแรงและเจิดจ้า(แต่หาความจริงมิได้)อย่าง ซันนี่ ค่ะ เป็นคู่ที่เหมาะกันมากเลยทีเดียว


อีกคน.. นภารั่ว สกาย หรือ นายนภาภัตต์ แน่นอนว่าคนนี้คือท้องฟ้าในช่วงเวลากลางวันค่ะ
ทั้งสว่าง สดใส อบอุ่น และอ่อนโยน เหมาะที่จะคอยโอบอุ้มคุ้มครองพระอาทิตย์ที่เสียสมดุลอย่าง ซิน ที่สุดค่ะ


แต่....อย่าเพิ่งปักใจเชื่อผู้แต่งนะ เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้ในนิยายเรื่องนี้ค่ะ(ยิ้ม)


ความหมายของชื่อและสัญลักษณ์ของตัวละครหลักที่ผู้แต่งตั้งใจเอาไว้แต่แรกก็ประมาณนี้แหล่ะค่ะ
หวังว่าผู้อ่านจะติดตามและคอยเอาใจช่วยทั้งตัวละครและผู้แต่งไปจนกว่าจะจบเรื่องนะค้า ขอบคุณๆ~ :impress2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-09-2012 11:31:54 โดย White Raven »

ออฟไลน์ gupalz

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4911
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +604/-20
คนเขียนค่ะ ชอบนังเมย์บีมากกกก  อยากให้คนเขียนหาผู้ชายมาให้นางขบเคี้ยวเล่นบ้างจัง

Crossley

  • บุคคลทั่วไป
หึๆๆๆๆ  :-[
-----------
แก้อีกหน่อย
ความหมายชื่องามมาก!

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5
นภาแรก ฟ้าประทาน คนนี้เป็นท้องฟ้ายามค่ำคืนค่ะ (..คืนเดือนมืดด้วย) <<<<  :laugh:


 o13

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16

ออฟไลน์ Bowbonk

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-4

ออฟไลน์ Alone Alone

  • ขอตายในอ้อมกอดฮยอกแจ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0
นั่นไงๆๆๆๆๆ กายคู่ซิน  o13

(ครบคู่กันหมดแล้ว แฝดจะได้ไม่ต้องมางอนกันเองอีก) :-[

เมย์บีของอิชั้น บ่าวคนไหนจะได้ไปเนี่ย :laugh:

ออฟไลน์ april@tbl

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 279
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
รู้สึกมากกว่าเพื่อนมานานแล้วสินะ สกาย^^

ออฟไลน์ NONSENSE

  • เพ้อฝัน ไปวันวัน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 644
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-2
Hooooo  ความหมายดีมากๆเลย o13

อย่าง สกาย หาได้ที่ไหนอีกเนี่ย :กอด1:

ออฟไลน์ Still_14OC

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2041
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-7
ใจหล่อมาก สกาย นิยายตัวตนได้ใจสุดๆ กล้า จน บ้า ป๊าด คิดได้เนาะ


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Whatever it is

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3960
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +380/-8
ความหมายชื่อดีเนอะ กะแล้วว่าสกายต้องชอบซิน  :-[

Rhythm

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ myd3ar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-4
ชอบคืนเดือนมืดล่ะ

มึนๆ งงๆ กับเค้าดี 5555

KiissHy

  • บุคคลทั่วไป
กายซินนนนนนน ><!

ชอบเมย์บีจัง5555555555555555*

เรื่องนี้สุดยอดเลยยย  ย ยย ย

รีบมาต่อนะคะ

ขอบคณค่ะ

ออฟไลน์ numay

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-1

dawnthesky

  • บุคคลทั่วไป
เชียร์น้องเมย์บี ด้วยอีกคนได้ไหม.....นางฮาได้ใจมาก :laugh: แต่ก็รักเพื่อนสุดยอดเหมือนกัน (จากหลาย ๆ ตอน) หาคู่ให้นางเถอะ

ออฟไลน์ sirikanda28

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1759
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +117/-3

ออฟไลน์ oilzii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 611
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-0
สนุกมากกกกกกกก  :m11:
แอบหลงความอึนของฟ้าประทานซะแล้ว  :laugh:

ออฟไลน์ uknowvry

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-6
โอย...อิมเมจซันนี่ ..สวยมากกกกกก....เด็กผู้ชายเดี๋ยวนี้เค้าสวยกันขนาดนี้แล้วเหรอครับ.....ละลายนะ555+

ออฟไลน์ Nuclear

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 373
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
เชียร์ซิน- กาย วู้ๆๆๆ ในที่สุด ในที่สุดดดดดดด ..ฮ่าๆๆๆๆ มันก็เป็นอย่างงี้นี่เอง  :กอด1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด