[เรื่องสั้น]@ตั้งแต่ตอนไหนที่หันมาชอบผู้ชายด้วยกัน?@
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องสั้น]@ตั้งแต่ตอนไหนที่หันมาชอบผู้ชายด้วยกัน?@  (อ่าน 19738 ครั้ง)

ออฟไลน์ ๛ナーリバス๛

  • ~~~๛NaaribuS๛~~~ ~ [TBL-081-588]
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +898/-26
    • NaaribuSS
อ้างถึง
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
 







ขออีดิทเนื้อหา รู้สึกไม่ชอบชื่อเรื่องอ่ะ ขอเปลี่ยนชื่อเรื่องและขอรีไร้ท์แป๊บ
[
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-05-2012 22:32:00 โดย ๛ナーリバス๛ »

ออฟไลน์ ๛ナーリバス๛

  • ~~~๛NaaribuS๛~~~ ~ [TBL-081-588]
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +898/-26
    • NaaribuSS

Music started @ตั้งแต่ตอนไหนที่หันมาชอบผู้ชายด้วยกัน?@

    >เวอร์ชั่นรีแล้ว แต่ถ้ามีตรงไหนอ่านแปร่งๆ เตือนได้นะคะ<



   เคยมีคนถามคุณบ้างไหม?

   ว่าตั้งแต่ตอนไหนที่หันมาชอบผู้ชายด้วยกัน?

   ผมเคยได้ยินคนตอบมาว่า “ตั้งแต่เกิด” ผิดนะ ...น่าจะตอบว่า “ตั้งแต่จำความ” ได้น่าจะดีกว่า

   ส่วนตัวผมเองก็ยังนึกไม่ออกเหมือนกันว่ามันเริ่มตั้งแต่ตอนไหน แต่มาเริ่มคบผู้ชายจริงๆ จังๆ ก็ตอนม.ปลายนี่เอง

   จุดเริ่มต้นคือ ผมชอบร้องเพลงมาตั้งแต่เด็กแล้ว แต่แปลกที่ผมไม่ชอบเล่นดนตรี ผมว่ามันดูวุ่นวาย ยุ่งยากและต้องใช้ความพยายามมาก ก็เลยไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน 

    แต่พอขึ้นม.ปลายก็เริ่มเข้าชมรมดนตรี ได้มีโอกาสขึ้นเวทีร้องเพลงกับเขาบ้าง แต่ก็โดนพื่อนๆ ด่าว่าร้องเพลงได้อย่างเดียวแต่เล่นดนตรีไม่เป็นมันเก่งไม่จริงและดูไร้ประโยชน์ยังไงก็ไม่รู้ ก็เลยพยายามฝึกเล่นกีตาร์ให้เป็น (เพราะมันเบสิคสุด) และมีประโยชน์ถ้าจะใช้แต่งเพลง แต่ก็ฝึกๆ หยุดๆ เพราะเล่นแรกๆ มือซ้ายที่จับคอร์ดนิ้วมันช้ำจนเจ็บ กว่าจะคล่องก็เกือบครึ่งปี แต่ก็ไม่ถึงกับเก่งมาก

   ช่วงที่เป็นนักร้องของโรงเรียน ก็คิดนะว่าตัวเองป๊อบพอสมควร ถ้าขึ้นแสดงทีไรก็ได้ดอกไม้หรือของขวัญเยอะกว่าคนอื่นทุกที ผมมักจะชอบอวดกับเพื่อนคนอื่นเสมอ จนกลายเป็นที่หมั่นไส้ของหลายๆ คน จนพวกมันชอบรุมกัดผมบ่อยๆ

   “มึงได้เปรียบนี่ที่เสียงดีสุด นักร้องนำก็ต้องดังสุด ป๊อบสุดอยู่แล้ว” อาร์ที่เป็นมือกลองพูดขึ้น

   “เกี่ยวเหรอ? ไม่ใช่เพราะคนดูเขาชอบกูมากสุดหรอกเหรอ?” ผมเถียงขาดใจ

   “เกี่ยวดิ ก็นักร้องนำมันสำคัญสุดของวงนี่นา แล้วก็ได้ยืนตรงกลางตลอดการแสดง ก็ต้องแฟนเยอะสุดอยู่แล้ว ทั้งๆ ที่ความจริงนอกจากร้องเพลงแล้วมึงแม่งทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง เล่นดนตรีอื่นก็ไม่เป็นเล่นกีตาร์ก็ง่อยๆ” เอสมือคีย์บอร์ดพยักหน้าเห็นด้วย

ฟังแล้วเจ็บจี๊ด เล่นลากปมด้อยเรื่องนี้มาพูดจนผมอดเคืองไม่ได้ แต่จะเถียงก็ไม่ออกเพราะมันคือเรื่องจริง เลยได้แต่เบี่ยงประเด็นไปว่า

   “กูว่าที่มีคนชอบกูที่สุด ไม่ใช่เพราะก็เป็นนักร้องนำอะไรหรอก แต่เป็นเพราะกูหล่อสุดในวงต่างหาก!!”

   แค่นั้นก็ไม่มีใครเถียงอะไรนอกจากเสียงแหวะตอบกลับมา

   ผมเชิดหน้าด้วยความมั่นใจตัวเอง ก็ทำไมอ่ะ กูหล่อ กูเสียงดี แค่นี้ก็กินขาดแล้ว จะมาเอาอะไรมากกว่านั้นล่ะจริงไหม?

   
   ผมยังคงขี้เกียจ... และเอาแต่ใจตัวเองต่อไป ถือว่าตัวเองเสียงดี ถึงจะซ้อมน้อยที่สุดแต่ก็ไม่เคยทำอะไรให้ผิดหวัง ถึงจะเล่นกีตาร์ได้ไม่ดี ก็เนียนทำเป็นพักให้คนอื่นเล่นแทน แค่ร้องเพลงได้ก็พอแล้ว ผมไม่แคร์คำพูดและสายตาของเพื่อนคนอื่นๆ หรอก ผมรู้ว่าพวกมันอิจฉาที่มีคนชอบผมมากกว่า สาวๆ ที่พวกมันหมายตาก็พากันมาปลื้มแต่ผม พอทำอะไรไม่ได้ก็มาคอยแขวะ หาเรื่อง ขี้แพ้ชวนตี 

   คนที่ผมชอบที่สุดในวงคือคิว เขาเป็นผู้ชายที่ตัวเล็กที่สุด ขยันที่สุด เก่งที่สุดในวงแต่ไม่เคยอวดตัวเองเลย คิวเล่นดนตรีได้หลายอย่างมาก ที่จริงคิวเป็นมือเบส แต่บางช่วงที่ชมรมมีคนเยอะ คิวก็เปลี่ยนไปเล่นอย่างอื่นได้ดีไม่แพ้กัน แต่ตอนหลังที่มีน้องคนหนึ่งที่เล่นเบสเก่งๆ เข้ามา คิวก็เปลี่ยนมาเล่นกีตาร์แทนเพื่อซัพพอร์ทผมที่พลาดอยู่บ่อยๆ

   หลายวันแล้วที่ผมเห็นเขานั่งอยู่ในห้องชมรมคนเดียวโดยที่คนอื่นกลับไปหมดแล้ว ขะมักเขม้นกับอะไรบางอย่างอยู่ ผมอยากเข้าไปถามแต่ก็ยังเขินๆ เลยเดินเข้าไปหาเหมือนจิ๊กโก๋กวนๆ

   “ทำอะไรวะ ทำไมยังไม่กลับอีก...” ผมถามลอยๆ ทำเหมือนถามไปอย่างนั้นแหละไม่ได้สนใจอะไรมาก อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ผม ดูเป็นมิตรมากกว่าทุกๆ คนในวง

   “แต่งเพลงอยู่น่ะ พีอยากร้องไหม?” เขาตอบด้วยสีหน้าและแววตาอันเปี่ยมสุข แล้วถามกลับ

   “จะให้กูร้อง? แล้วเพราะหรือเปล่าล่ะ? ถ้าเพราะก็อาจจะร้องก็ได้” ผมตอบอย่างหยิ่งๆ

   “ไม่ต้องห่วงน่า... ต่อให้เพลงมันเหี้ยแค่ไหน ถ้าพีร้อง.... ต้องเพราะแหงอยู่แล้ว” คิวตอบกลับมา ผมคลายสีหน้าหยิ่ง แล้วทรุดกายลงนั่งที่เก้าอี้ข้างๆ เขา

   ผมรู้สึกชอบเขามากจริงๆ ในฐานะเพื่อนร่วมวงนะอย่าคิดกันไปไกล ก็คิวมักแสดงออกว่าเขาชอบเสียงร้องของผมมาก เขาไม่เคยทำท่าไม่พอใจหรืออิจฉาเวลาเห็นใครมอบดอกไม้หรือของขวัญให้ผม ไม่เคยขุดเอาข้อเสียหรือปมด้อยของผมมาแขวะหรือทับถมเลยสักครั้งเดียว (แม้ที่จริงมันจะมีเยอะมากก็ตาม) เขาเป็นคนเก่งที่ไม่เคยอวดเบ่งกับใคร และยินดีเป็นเบ๊ทำงานจิปาฐะในชมรมโดยไม่เอ่ยปากบ่นเลยสักคำ

    “แต่งถึงไหนแล้ว ขอดูหน่อย...” ผมก้มหน้าลงไปมองกระดาษที่มันแต่งเพลงที่มีทั้งเนื้อร้องและคอร์ดกีตาร์ มีรอยขีดฆ่าเต็มไปหมดจนรกและอ่านยาก

   “ยังไม่เสร็จดีหรอก ยังเหลืออีกท่อนนึง เดี๋ยวเราร้องไกด์ให้ก่อนนะ” คิวบอกอย่างดีใจที่ผมแสดงว่าสนใจเพลงที่เขาแต่งทั้งๆ ที่ยังอ่านไม่รู้เรื่องเลยก็ตาม

    ในที่สุดเขาก็เริ่มต้นเล่นกีตาร์เป็นท่อนอินโทร ซึ่งฟังแล้วเพราะดี ผมตั้งใจฟังเขาร้องไกด์ด้วยเสียงสั่นๆ เขาอาจตื่นเต้นมากก็ได้ เมื่อต้องร้องในคีย์ที่ต่ำและสูงเสียงของเขาก็ขาดหายไปเป็นบางช่วง มีทั้งแปร่ง ทั้งผิดคีย์  เมื่อจบเพลงผมก็ยิ้ม

   “ดนตรีโคตรเพราะอ่ะ แต่ร้องไม่ได้เรื่องเลย ฟังผิดคีย์ แล้วเสียงก็หายไปตั้งหลายจุด” ผมวิจารณ์อย่างไม่เกรงใจ แต่ก็ยิ้มอย่างอารมณ์ดี

   “ช่วยไม่ได้นี่ ก็เราตั้งใจแต่งเพลงนี้ให้พีร้อง คีย์ก็เลยสูงอ่ะ ลำพังตัวเราร้องเพลงที่ร้องยากขนาดนี้ไม่ไหวหรอก” เขายอมรับออกมาอย่างหน้าชื่นตาบาน

    นั่นทำให้หัวใจของผมกระตุก... มันดีใจนะที่มีใครตั้งใจทำอะไรสักอย่างให้ แถมยังออกปากชมอีกว่า ผมสามารถร้องเพลงยากๆได้ดี ทั้งๆ ที่ไม่มีใครพูดแบบนี้บ่อยนัก การที่ผมเสียงดี มันก็แค่นั้น มีแต่คนเห็นว่าเป็นพรสวรรค์เพียงอย่างเดียว แต่มันอยู่กับคนผิด คนที่ร้องเพลงได้ดีแต่เล่นดนตรีไม่เอาไหนอย่างผมกลายเป็นคนที่เพื่อนๆ ในวงเกลียดแบบเงียบๆ

    หลังจากวันนั้น...ผมมักจะกลับบ้านช้ากว่าปกติ เพราะช่วยคิวแต่งเพลง (ช่วยให้คำปรึกษาเรื่องเนื้อร้อง ช่วยเรียบเรียงเล็กน้อย) ได้กลับบ้านพร้อมกันก็ได้คุยกันมากขึ้น สนิทกันมากขึ้น จนในที่สุดคิวก็แต่งเพลงเสร็จ

ระหว่างที่เขาแต่งเพลง ผมก็ช่วยเล่นกีตาร์นะ แต่บางทีก็มั่วเป็นประจำ คิวไม่เคยต่อว่า หรืออารมณ์เสียเสียเลยสักครั้ง มีแต่ยิ้มให้แล้วบอกให้ลองเล่นใหม่ มันทำให้ผมเกิดความเกรงใจ และไม่ชอบเป็นภาระ คิวทำให้ผมตั้งใจฝึกดีดกีตาร์มากขึ้น จนเล่นเพลงนี้ได้คล่องเพราะคิวบอกว่าจะเสนอให้ร้องเพลงนี้ถ้ามีการแสดงครั้งต่อไป

    หลังการแสดงครั้งหลังสุดที่ผมเล่นกีตาร์ได้ปกติไม่มีที่พลาด ฟีดแบ็กจากเพื่อนร่วมวงก็กลับมาดี

แม้จะไม่มีใครในวงเอ่ยชมสำหรับวันนี้ ที่ผมรู้สึกว่าแสดงได้ดีกว่าทุกวันแต่ก็ไม่มีใครตำหนิต่อว่า ถือเป็นการยอมรับมันกลายๆ แต่ผมมองว่าพวกมันคงคิดว่า เป็นเรื่องสมควรอยู่แล้วที่จะต้องหัดทำอะไรที่มันเจ๋งๆ และไม่เป็นภาระวงก็เป็นได้ คนที่ยิ้มให้ผมและเอ่ยปากชื่นชมโดยไม่มีฟอร์มเลยมีแต่คิวคนเดียว

   “เก่งมากเลยพี วันนี้เจ๋งมากเลย” เขาบอกแล้วตบไหล่ผมที่สูงกว่า รอยยิ้มของเขาสดใสและเป็นธรรมชาติมาก

    “ขอบใจ แต่คิวเจ๋งกว่านะ...” ผมตอบ เพราะคนที่ผิดมาตลอดแล้วเพิ่งมาดี ไม่ควรได้รับคำมากเท่าคนที่ทำได้ดีมาตลอดและยังคงดีสม่ำเสมอจริงไหม?

    ผมละสายตาจากใบหน้าขาวๆ ที่ดูเหนื่อยๆ แต่เปี่ยมสุขลงไปที่ดอกไม้หลายดอกในมือเขา คิวป๊อบน้อยที่สุดในวงด้วยความที่เป็นผู้ชายตัวเล็กเลยดูไม่เท่เหมือนสมาชิกคนอื่นๆ ที่สูงใหญ่ หน้าเข้ม ส่วนผมถึงจะขาวมากก็ไม่ได้ออกบอบบางเท่าไรยังมีหนวดพรอมแพรมให้ดูแมนกับเขาบ้าง ทุกคนก็ยังเป็นที่ชื่นชอบในหมู่สาวๆ ยกเว้นคิวที่มักจะได้ดอกไม้จากหนุ่มมากกว่าสาว เคยนึกสงสารที่อย่างนั้น แต่ตอนนี้กลับรู้สึกแปลกๆ ไปแทน
   

   วันวาเลนไทน์แรกของม.ปลาย ผมได้รับขนม ดอกไม้ ของขวัญเยอะมากอย่างไม่น่าเชื่อ

   ตอนหมดวันผมหิ้วถุงช็อกโกแล็ตกลับบ้านโดยไม่สนใจมองหน้าใครครับ  แต่จู่ๆ ก็มีคนมาเดินข้างจนแขนเวลาแกว่งมันแอบโดนกัน ผมหันไปมองหน้าคิวที่ยิ้มแก้มบุ๋มให้

   “เอ่อ....คือ...” มันทำท่าจะพูดอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมขมวดคิ้ว

   “อะไร มัวแต่อ้ำอึ้งอยู่ได้”

   “คือเรามีเรื่องจะบอก” เขาทำหน้าซีเรียส ใบหน้าขาวๆ เกิดแดงก่ำขึ้นมาเฉยๆ

“อะไร?? กูคงไม่ได้ลืมรูดซิบกางเกงหรอกนะ?” ผมรีบก้มลงสำรวจความเรียบร้อยของตัวเองทันทีเมื่อเห็นแก้มมะเขือเทศของเขา

    “เปล่าๆ ไม่ใช่ๆ” เขารีบส่ายหน้า หน้าที่แดงอยู่แล้วยิ่งแดงหนักขึ้นไปอีก

   “มีอะไรก็ว่ามาดิ”

   “คือ....คือมีคนเขาชอบพีอ่ะ แล้วเขาก็ฝากช็อกโกแล็ตมาให้พีด้วย” โห....กว่ามันจะพูดจบ....ทั้งหน้าแดง ทั้งติดอ่าง ทำอย่างกับสารภาพรักด้วยตัวเองอย่างนั้นแหละ ไอ้ผมก็พลอยลุ้นไปกับเขาด้วย...

   เหอะ!! อุตส่าห์ตื่นเต้น...ที่แท้ก็.... “คนอื่นฝากมา” ก็ไม่รู้ว่าผิดหวังอะไรเหมือนกันสิน่า

   ผมพยักหน้าแล้วหยิบกล่องแอลฟี่ที่มันยื่นมาแตะไหล่ทำท่าจะโยนใส่ถุงกระดาษรวมกับของอย่างอื่นที่ได้มา

   “เดี๋ยวๆ พี.... คืออย่ารวมกันได้ไหม... แบบว่าคนให้เขาอยากให้พีได้กินน่ะ” อะไรของมันอ่ะ? เรื่องมากจริง ของตัวเองก็ไม่ใช่ ไม่รู้จะอะไรขนาดนั้น

   “เหรอ?... ก็ได้..งั้นแกะให้หน่อยสิ มือไม่ว่างอ่ะ” ผมบอกแล้วเอื้อมไปหยิบกระเป๋าหนังสือ ถุงของขวัญของมันมาถือไว้

   คิวแกะช็อกโกแล็ตเสร็จแล้ว ผมก็ก้มลงไปกินทั้งๆ ที่สองมือยังถือของทั้งหมดไว้ เลยดูเหมือนคิวป้อนผม

   “คำเดียวพอนะ กินเยอะเดี๋ยวสิวขึ้น” ผมบอก และมันพยักหน้า

   “อือ... ไม่เป็นไร แค่นี้คนให้เขาก็ดีใจมากแล้ว งั้นที่เหลือเราขอล่ะกัน...” เขาบอกแล้วกินช็อกโกแล็ตชิ้นเดียวกันที่เหลือคนหมด ด้วยรอยยิ้มที่เป็นธรรมชาติอย่างเดิม

   “เอ้อ... ดูคิวใส่ใจคนให้ช็อกโกแล็ตจังเลยเนอะ หรือว่าแอบชอบเขาแต่เขาไม่รู้”

   “เปล่าๆ ไม่ใช่หรอก” คิวปฏิเสธแล้วก็หัวเราะ แต่ทำให้ผมรู้สึกแปลกใจไม่หาย มันโหวงเหวงในใจชอบกลเลย แค่นึกว่าคิวอาจจะชอบเธอมากเสียจนยอมทำทุกอย่างให้เธอสบายใจ แม้แต่การเอาช็อกโกแล็ตมาให้ผู้ชายอีกคนที่เธอชอบ ทั้งที่ความจริงคิวอาจจะอยากได้มันมากก็ได้ ถึงขอกินต่อจากผม มันดูเป็นความรักที่เศร้าจัง....

   “แล้วคนนั้นเขาน่ารักป่ะล่ะ” ผมแย้บถามไปอย่างนั้นเอง แค่อยากเห็นหน้าเธอคนนั้นของคิว แต่ไม่รู้จะพูดยังไง

   “ไม่รู้ดิ คงน่ารักมั้ง แต่อาจจะไม่ตรงเสป๊กพี....”

   “ถ้าไม่เจอก็ไม่รู้หรอกว่าตรงหรือเปล่า...ว่าแต่ชื่ออะไรล่ะ มีเบอร์ป่ะ” ผมเนียนถามกลับไปแต่ทำให้คิวนิ่งอึ้งและมองหน้าผมเหมือนตกใจ

    ผมเองก็ตกใจตัวเองเหมือนกัน....เพราะตอนนั้นผมไม่ได้นึกเลยว่า อาจจะทำให้เขาเสียใจก็ได้ที่ผมทำท่าจะไปจริงจังกับผู้หญิงคนเดียวกัน ผมลืมนึกเลยนะว่าจากที่คนในวงไม่มีใครชอบผมอยู่แล้ว ผมอาจจะทำให้คิวเกลียดผมไปด้วยอีกคน ผมไม่ได้คิดเยอะขนาดนั้น ก็แค่นึกอยากจะแซวเล่น

    “ไม่มีก็ไม่เป็นหรอก กูพูดเล่นน่ะ” ผมตอบออกไปเพราะไม่อยากทำให้คิวเข้าใจผิดมากไปกว่านี้ แต่คิวกลับส่ายหน้า เขาถอนใจเฮือกใหญ่ก่อนจะบอกว่า
   




   “มีสิ.... 08-456-xxxx  ชื่อคิวนะ”
   
   
TBC
……………………………………………………………….

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-04-2012 13:16:45 โดย ๛ナーリバス๛ »

ออฟไลน์ jannie

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 782
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-0
จากที่จะปิดกลายเป็นได้สารภาพแบบเนียนๆ เลย ชอบจังช่วงวัยใส

ออฟไลน์ lunarinthesky

  • ~ My Cutie Candy... ~ Meow
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +83/-0

ออฟไลน์ TONG

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2535
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-4
คิวสุดยอดไปเลยนะเธอ ตีเนียนได้โล่ไปเลย

ออฟไลน์ Lemon_Tea

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1641
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-2
อุ๊ยตาย แจกเบอร์ให้งี้
เจ้าตัวก็ดีใจแย่สิ

โยนช็อกโกแลตทั้งหมดลงื้น
หิวคิวไม่กนในวันวาเลนไทน์ทันที^^

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
คิว เนียนตามน้ำไปเลยนะเนี่ย

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
ให้คะแนนความกล้าน้องคิวเต็มสิบ

ออฟไลน์ ๛ナーリバス๛

  • ~~~๛NaaribuS๛~~~ ~ [TBL-081-588]
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +898/-26
    • NaaribuSS
ตอนที่สอง

   +++Q+++

เพราะฉันเพิ่งบอกรักไป และเขาก็รับฟังทุกอย่างทุกถ้อยคำ
    เหมือนความฝัน แต่ฉันเองก็ไม่อาจแน่ใจ
   พรุ่งนี้เรื่องของเราจะสุขหรือแสนเศร้า
   จึงวอนขอดาวให้ช่วยบอกที....


    ผมพยายามแล้ว... พยายามที่จะไม่กระโตกกระตากให้เขารู้ความรู้สึก เพราะรู้ว่าโลกแห่งความจริงไม่ได้สวยงามอย่างในนิยาย และไม่ได้ง่ายดายเหมือนในความฝัน... แต่เมื่อโอกาสมาถึงแล้วใครเล่าจะไม่ไขว่คว้า อย่างน้อยแม้ไม่ได้อะไรกลับมา แต่ก็ดีใจที่ยังได้บอก....แต่เมื่อตัดสินใจบอกออกไปแล้วแทนที่ทุกเรื่องราวความหนักอกหนักใจจะหายไป มันกลับยิ่งทับท้นท่วมทวีกว่าเดิมอีกหลายเท่า...

    ระหว่างที่ผมรอคำตอบของเขาอย่างมีความหวัง มันทั้งสุขและเศร้าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่แล้วมันก็เจ็บจุกจนแทบทนไม่ไหว เมื่อสุดท้ายผมกลับไม่ได้คำตอบที่เป็นถ้อยคำตอบรับหรือปฏิเสธออกมาตรงๆ หากแต่พีกลับตอบกลับมาด้วยการกระทำแทน

   พีไม่ได้มาห้องชมรมหลังเลิกเรียนเหมือนเมื่อก่อนแล้ว แรกๆ ผมคิดเข้าข้างตัวเองไปว่าเขาอาจจะเขิน  ไม่อยากอยู่กับผมสองต่อสองหรือยังคิดไม่ตกว่าควรจะทำตัวอย่างไรดี จนกระทั่งเห็นว่าพีกลับบ้านกับผู้หญิงคนเดิมติดกันทุกๆ วันถึงได้เข้าใจ ว่าเรื่องของเราเป็นไปไม่ได้

   ...พีไม่ได้ชอบผู้ชายเหมือนผม...

   จนกระทั่งเข้าช่วงสอบ พวกเราต้องงดกิจกรรมชมรมเพื่ออ่านหนังสือ ผมและพีเองก็อยู่คนละห้องจึงแทบไม่ได้เจอหรือติดต่อกันอีก ผมได้แต่บอกตัวเองให้ทำใจยอมรับว่าควรอยู่ห่างๆ เขาให้มาก เพื่อความสบายใจของทั้งสองฝ่าย และควรตัดใจให้ได้โดยเร็ว แต่มันไม่ง่ายดายและรวดเร็วขนาดนั้น

   หลังสอบสองวันผมจึงส่งข้อความไปให้พีหนึ่งฉบับว่า

   ฟังรายการ......อยู่หรือเปล่า?

คืนนี้เราขอเพลงให้พีด้วยนะ

   ฝันดีนะครับ
   


   .............................

   ช่วงปิดเทอมเป็นช่วงที่ดูเหมือนจะสบายที่สุดเพราะไม่ต้องไปเรียน ที่บ้านไม่ได้เคร่งถึงขนาดจะส่งผมไปเรียนพิเศษกวดวิชา จึงอยู่แต่กับบ้าน เล่นดนตรี แต่งเพลงไปเรื่อยเปื่อย...

    ได้เจอเพื่อนๆ อีกครั้งก็เป็นช่วงสงกรานต์นั่นแหละครับ พอดีที่บ้านอาร์มีบ้านพักใกล้ชายหาดที่ จ. ระยองพอดีก็เลยชวนกันไปเล่นน้ำสงกรานต์และค้างที่นั่นสักคืน...

   เพราะความเหงาที่ไม่ได้เจอเพื่อนมานานทำให้ตอบตกลงไปโดยไม่ได้ถามสักคำว่ามีใครไปบ้าง แต่ก็เดาเอาว่าพีอาจจะไม่ได้ไปด้วย เขาคงอยากไปเที่ยวกันแฟนมากกว่า...

   
   เมื่อเวลานัดมาถึง กลับไม่ได้เป็นอย่างที่คิด อาร์ขับรถกระบะแค๊ปสองประตูมารับ นอกจากอาร์ (คนขับรถ) เอส เพื่อนในชมรมดนตรี ทีม เบล โซนเพื่อนในห้องแล้วพีเองก็มาด้วย จากบ้านพวกเราไปถึงบ้านพักของอาร์ก็ไกลพอสมควร จึงไม่มีใครอยากไปนั่งหลังรถให้ร้อนแดด ข้างหลังจึงมีแต่ถังใหญ่ (สำหรับใส่น้ำเล่นสงกรานต์) นอนแน่นิ่งและสัมภาระสำหรับค้างคืน ส่วนผู้โดยสารยัดตัวเข้าไปอยู่หน้ารถกันหมด แต่ผู้ชายสี่คนยัดกันตรงช่วงแคปก็นั่งสบายอยู่ แต่ถ้ามีคนที่ห้าก็แน่นเกินไป ผมที่อาร์มารับเป็นคนสุดท้ายก็คิดหนักว่าจะยัดตัวเข้าไปเบียดอีกคนยังไงดี ประกอบกับพีที่นั่งข้างหน้าไม่ยอมโยกเบาะแคปให้ผมเข้าไป

   “ข้างหลังสี่คนก็เบียดแล้ว คิวนั่งหน้ากับพีไปเถอะ” เอสที่นั่งอยู่ข้างหลังบอก ทำให้ผมถอนใจเฮือก หันไปมองหน้านิ่งของพีที่ขยับตัวจะให้ผมเข้าไปเบียดที่เบาะหน้า ก็รู้สึกกระอักกระอ่วนใจอยู่

   “ถ้ารถเต็มเราไม่ไปก็ได้ พวกนายไปกันเถอะ” ผมตัดปัญหาเมื่อเห็นว่ารถคันนี้คงไม่มีที่เหลือพอสำหรับผม

   “เฮ้ยได้ไง ไปด้วยกันเถอะ คิวตัวเล็กนิดเดียวคงไม่หนักมากหรอก นั่งตักพีมันไปแป๊บเดียวก็ถึงแล้ว พอเข้าตลาดก็ค่อยไปนั่งข้างหลังกัน” อาร์ยังคะยั้นคะยอไม่เลิก ไม่ยอมออกรถถ้าไม่มีผมไปด้วย

    “งั้นถ้าลำบาก เรานั่งหลังก็ได้” ผมเสนออีกทางหนึ่งอย่างน้อยไปนั่งร้อนข้างหลังรถก็ยังดีกว่านั่งตักพีไปแหละ เพราะมันคงทรมานไม่ต่างจากถูกต้มในกระทองแดงเท่าไรนัก

   ผมถอยหลังออกจากช่วงประตูรถเพื่อไปนั่งหลังรถอย่างที่พูด พร้อมๆ กับที่พีลุกขึ้นตามมา แล้วปิดประตูรถ ผมหันไปมองหน้าพีที่ยืนอยู่ข้างๆ มองมือของเขาที่จับข้อมือผมเอาไว้แล้วบีบเบาๆ

    “พีลงมาทำไม” ผมถามพลางเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ

    “ถ้าคิวจะนั่งหลังรถจริงๆ เราจะนั่งเป็นเพื่อนเอง” ผมชะงักค้างกับคำพูดของเขา เคยคิดว่าการที่มีผมอยู่ใกล้อาจจะทำให้เขาลำบากหรือรำคาญใจจึงไม่คิดว่าคำพูดนี้จะหลุดออกมาจากปากของเขาได้ และผมคงไม่ใจร้ายพอจะลากพีให้ออกมาตากแดดร้อนๆ ข้างหลังด้วยกันได้ จึงต้องยอมขึ้นไปนั่งเป็นตุ๊กตาหน้าตักแทน

แค่สองชั่วโมงระหว่างการเดินทางข้ามจังหวัดแต่กลับยาวนานมากกว่าร้อยปีแสงในความรู้สึก ผมไม่รู้ว่าตัวเองหนักแค่ไหนและยิ่งไม่รู้ว่าจะทำให้คนข้างล่างเมื่อยหรือปวดขาหรือเปล่าจึงนั่งเกร็งตลอดทาง

    “ไม่ต้องเกร็งก็ได้นะ กูไม่หนัก” เสียงพีดังอู้อี้อยู่ข้างหลัง แต่ไม่ได้ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นเพราะทุกครั้ง ที่เขาขยับขาเปลี่ยนอิริยาบถก็พลอยหายใจไม่ทั่วท้องขึ้นมาทุกที

    ระหว่างนั้นมันเกิดความรู้สึกสับสนและไม่เข้าใจขึ้นว่าเขาต้องการอะไรกันแน่ เขาน่าจะรู้ว่าช่วงเวลาที่ผ่านมาเขาทำให้ผมเสียใจแค่ไหนกับความเปลี่ยนแปลงไปของเขา แล้ววันนี้จะมาทำเป็นดีด้วยทำไม


   
   อาร์พาพวกเราไปที่บ้านพักก่อนเพื่อเอากีตาร์ เต็นท์และของอื่นๆ ไปเก็บแล้วเตรียมตัวออกไปเล่นน้ำ ทันทีที่ถึงที่พักผมก็รีบเปิดประตูและออกจากรถอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะรุ้สึกว่าเป็นภาระให้พีมากเกินไปแล้ว

   “พี มึงรีบๆ ลุกดิวะ กูจะลง” เสียงเอสตะโกนโวยวายอยู่ในตรงที่นั่งแคปพลางเขย่าเบาะเก้าอี้ไปมาเหมือนเด็ก

   “ใจเย็นดิวะ กูเหน็บกิน!!” พีตอบ ทำเสียงโอดโอย

   “ฮ่าๆ สมน้ำหน้า” เสียงเอสหัวเราะเยาะแล้วค่อยๆ ขับออกจากรถทางด้านคนขับ

   ผมยังคงไม่ขยับตัวตามเพื่อนคนอื่นๆ เข้าไปชมบ้านแต่ยืนมองพีที่กำลังนวดขาตัวเองคลายความเมื่อยขบ  และเมื่อพีลงจากรถผมก็เข้าไปประคองแขนเขาราวกับอีกฝ่ายพิการเดินลำบาก พีเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ซึ่งผมรู้สึกว่าไม่ได้เห็นมานานจนดูเป็นของหายาก ผมอดดีใจไม่ได้ที่ได้เห็นมันและจะเก็บสะสมไว้ในความทรงจำตลอดไป....


    หลังจากเก็บของเรียบร้อยและสำรวจบ้านพักครู่ใหญ่ พวกเราทุกคนยกเว้นอาร์ที่เป็นคนขับออกไปนั่งที่กระบะหลังรถ หลังแวะทานข้าวซื้ออุปกรณ์ได้แก่ขันน้ำ แป้ง ดินสอพอง น้ำแข็งมือ (เอามาใส่ถัง) ซื้อน้ำใส่ถังจนเต็มเราก็วนรถสาดน้ำแถวๆ ตลาดแล้วไหลไปตามทางเลียบชายหาด ซึ่งเพราะเป็นวันแรกของเทศกาล รถจึงไม่ได้ติดมากมายอะไรนักยังพอเคลื่อนไปได้เรื่อยๆ

   เพื่อนๆ แลดูสนุกสนานเฮฮาปาจิงโกะกันน่าดู บางทีก็ลงจากรถไปปะแป้งสาวข้างถนน ตัวผมไม่ได้ไปไหนเอาแต่ยืนเกาะถังน้ำคอยสาดสู้รถคันที่ขับผ่าน ยิ่งโดนน้ำเย็นๆ เพราะใส่น้ำแข็งมือลงไปด้วยแล้วล่ะก็โดนสาดแต่ละทีร้องซี้ดเหมือนโดนเข็มตำยิ่งต้องตักน้ำเย็นในถังตัวเองสาดคืนเป็นการแก้แค้น

   ฟิ้ว....ปุ

   สาดน้ำอย่างเมามันในอารมณ์จนขันกระเด็นไปตกอยู่ข้างล่าง

   ผมขยับตัวจะกระโดดลงจากรถวิ่งไปเก็บขันแต่ใครอีกคนรั้งแขนไว้เสียก่อน เพราะรถที่จอดนิ่งสนิทเพราะการจราจรติดขัดเมื่อครู่เริ่มเคลื่อนตัวอีกครั้ง

   “ขอบใจ” ผมหันไปบอกเจ้าของมือนั้น ปรากฏว่าเป็นพีนั่นเอง รอยยิ้มกว้างของผมจางเล็กน้อยพร้อมกับก้มหน้าลง

   “อื้อ...ระวังหน่อย” เขาตอบแค่นั้นแล้วไม่ได้พูดอะไรอีก

   รถเคลื่อนที่ไปได้ไม่ไกลนักก็หยุดลงอีกครั้ง พีปล่อยแขนผมแล้วโดดลงจากรถไปเก็บขันมาให้จนได้ ผมยื่นมาไปรับด้วยอาการเขินเล็กน้อย

เฮ้อ...ทั้งที่เป็นแค่น้ำใจเล็กน้อยเท่านั้นไม่รู้ว่าจะดีใจอะไรนักหนาสิเรา....
   

   รถเคลื่อนตัวช้าๆ ผ่านไปเกือบชั่วโมงได้ จึงสามารถหาที่จอดรถได้สำเร็จ เอสหิ้วเสื่อข้ามถนนไปปูที่ว่างตรงชายหาดมีคนนั่งกินลมชมวิว กินอะไรกันมากมาย

   “สั่งไก่ย่างกับตำไทยปูพริกสองเม็ดให้กูด้วยนะ เดี๋ยวกูมา” พีบอกอาร์ที่กำลังจะไปซื้อหาของกิน

   “สั่งให้อย่างเดียวแต่ไม่เลี้ยงโว้ย เอาตังค์มาด้วยอย่าเนียน” อาร์บอกแบมือขอเงินยิกๆ

   “งกชิบหาย...” พีบ่นพลางส่งกระดาษอัรมีค่าสีแดงสดให้อาร์ไปหนึ่งใบ

   “ขอบใจที่ชม” อาร์บอกกวนๆ แล้วเดินเลี่ยงไป

   “คิว...ไปเป็นเพื่อนซื้อหมวกหน่อยสิ” พีหันมาชวนแล้วไม่รอคำตอบจับมือผมลากไปซะเฉยๆ ผมเดินตามเขาไปเหมือนคนสติไม่อยู่ร่องกับรอยเอาแต่มองแขนตัวเองแล้วก็หน้าร้อนผ่านขึ้นมาซะอย่างนั้น...

    ขอร้องล่ะถ้ารู้ความรู้สึกกันแล้วและไม่ได้คิดเหมือนกัน ก็อย่ามาทำแบบนี้ให้ใจเต้นหน่อยเลยได้ไหม?     

    “อยากซื้อไปเล่นที่บ้านชะมัด....” พีบ่น ทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมองตามสายตาของเขา ที่พามาหยุดอยู่ข้างๆ รถคันใหญ่ที่มีของอยู่เต็มคัน พีกำลังมองอ่างอาบน้ำเล็กๆ ที่ทำจากยางเป่าลม ผมมองตามแล้วอดยิ้มไม่ได้ โตป่านนี้แล้วยังอยากเล่นอะไรเป็นเด็ก ตัวโตขนาดนี้ขืนลงไปน้ำก็กระฉอกออกหมดพอดี
 
   “ร้านนี้ก็มีหมวกนี่นา เอาอันนี้แล้วกันเนอะ” พีพูดเองเออเองแล้วสวมหมวกสานลงมาบนหัวผม แล้วหันไปจ่ายเงิน

   “ทำไมไม่ใส่เองล่ะ” ผมถามขึ้นมา

   “ฝากหน่อยไมได้เหรอ เดี๋ยวค่อยเอาคืน” ผมส่ายหน้าน้อยๆ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร


   เดินกลับมานั่งกินข้าวเหนียวส้มตำ ไก่ย่าง คอหมูย่างที่แหว่งไปเยอะแล้วกับเพื่อนที่สวาปามสลับกับไปเล่นน้ำ

   “โห...บอกให้ซื้อเผื่อ เสือกไม่เหลือไว้ให้กูเล้ย” พีบ่นพลางส่ายหน้า แต่ไม่มีใครสลด

   “เดี๋ยวไปซื้อเพิ่มก่อนนะ” เขาหันมาบอกแล้วเดินออกไป

   “อาร์ชวนยังไง พีถึงยอมมาด้วย” ผมหันไปสอบถามอาร์ที่นั่งเคี้ยวปีกไก่อยู่ข้างๆ


   “ทำไมล่ะ ค่าน้ำมันก็ไม่ต้องเสีย ค่าที่พักก็ไม่ต้องออก ทริปดีๆ ขนาดนี้มีที่ไหน” อาร์ว่า

   “แค่แปลกใจ นึกว่าพีจะไปเที่ยวกะแฟนซะอีก”

   “ฮ่าๆ คิวตกข่าว มันเลิกไปแล้วนี่”

   “จริงอ่ะ? ทำไมล่ะ” ผมทำหน้าตกใจเพราะไม่รู้มาก่อน

   “จะไปรู้มันเหรอ อยากรู้ถามมันเองสิ” อาร์ตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก

   “แต่กูรู้... ไอ้พีมันเป็นเกย์มันเลยโดนทิ้งไง” โซนพูดแทรกขึ้นมาด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ

      พรวด!! ผมสำลักไก่ย่าง ไอโขลกขึ้นมาทันที

   “ทำเป็นรู้ดีนะมึง เอาเรื่องจริงสิ ไม่ใช่โคมลอย” อาร์ตบกระบาลโซนไปทีอย่างหมั่นเขี้ยว

   “เอ๋า ก็แล้วทำไมจะไม่จริง ก็แฟนไอ้พีเขาว่าไอ้พีมันกบจำศีลไม่มีน้ำยาเอาผู้หญิง สงสัยเป็นเกย์แหงๆ”

   “ฮ่าๆ เมื่อก่อนเคยได้ยินแต่กินในที่ลับไขในที่แจ้ง เดี๋ยวนี้ถ้าไม่กินในที่ลับกลับเป็นเกย์แน่ๆ ซะงั้น” อาร์หัวเราะ “กูว่าเชื่อไม่ได้ว่ะ สงสัยโกรธที่ไม่โดนฟันซะทีเลยหาเรื่องปล่อยข่าวทำลายชื่อเสียงมากกว่า ถ้าแม่งเป็นเกย์จริงๆ พวกเราน่าจะต้องเคยหน้าเมียมันมั่งแหละวะ” อาร์วิเคราะห์เจาะลึกเล่นเอาผมหน้าซีดเผือด ท้ายที่สุดก็ยังไม่รู้ว่าเรื่องเป็นยังไงมายังไงกันแน่อยู่ดี

   แต่ผมว่าถ้ามีข่าวลือแบบนี้ออกมาผมอาจจะมีส่วนทำให้เป็นอย่างนั้นก็ได้

   หรือว่า....ที่พีกลับมาทำดีด้วยเพื่อทำให้ผมหลงตายใจแล้วตลบหลังแก้แค้นที่ผมเป็นต้นเหตุให้เลิกกับแฟนแถมยังโดนเข้าใจผิดว่าเป็นเกย์  o22



   คิดมากไปมั้ง คงไม่บ้าบอขนาดนั้นหรอกน่า.....  :เฮ้อ:
   

   “คิว.....เล่นน้ำทะเลกัน”  ผมสะดุ้งเฮือก หลุดจากภวังค์แล้วหันมาตามเสียง เอสตัวเปียกมะล่อกมะแล่กเพราะเพิ่งขึ้นจากทะเลชักชวนให้ลงไปเล่นน้ำด้วยกัน

   “ไม่เอาอ่ะ กลัว”

   “กลัวอะไร?” เอสถาม

   “ว่ายน้ำไม่เป็น” ผมตอบกลับไป โดยไม่รู้เลยว่าพลาดไปแล้วเมื่ออีกฝ่ายหันไปยิ้มเจ้าเล่ห์กับอาร์...แล้วร่างของผมก็ลอยขึ้นเพราะอาร์กับเอสช่วยกัน คนหนึ่งยกไหล่ อีกคนยกขาพาไปทางทะเลแล้วก็......

   ตู้ม..... ตามด้วยเสียงหัวเราะชอบอกชอบใจ

โอ๊ย....สาบานเถอะว่าอยู่ ม.ปลายกันแล้วเล่นอะไรอย่างเด็กประถม....

    พอทิ้งผมลงน้ำเสร็จไอ้สองตัวนั่นก็เดินลงทะเลไปเล่นตรงส่วนที่ลึกกว่านี้ เพราะระดับน้ำที่โยนลงมาไม่ได้ลึกอะไรนัก  ผมตะเกียกตะกายลุกขึ้นนั่งให้พ้นน้ำได้สำเร็จ แต่ไม่วายมีคลื่นมากระแทกอีกลูก....

   “แค่กๆ” ผมไอซ้ำซาก เพราะสำลักน้ำ หูอื้อ ตาลายไปหมด

    “อยากเล่นน้ำก็ไม่บอก” เสียงที่คุ้นเคยลอยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงหยอกเย้าแกมหัวเราะ ผมเงยหน้าขึ้นแยกเขี้ยวใส่เจ้าของเสียงนั่นเพราะอารมณ์ไม่ดีเท่าไรนัก

   “รอนี่แป๊บนะ” พีว่าแล้ววิ่งขึ้นไปที่ชายหาดแล้วกลับมาพร้อมห่วงยางอันใหญ่

   “ขึ้นมาสิ เดี๋ยวพาไปเที่ยว”

   “ไม่เอาหรอก กลัว” ผมส่ายหน้าอย่างหวาดๆ ทันที

   “กูไม่ทำมึงตกหรอกน่า” อีกฝ่ายยังเซ้าซี้แต่เมื่อเห็นผมไม่ขยับเขยื้อนอีกฝ่ายก็ถือวิสาสะอุ้มผมขึ้นจากน้ำแล้ววางบนบนห่วงยางแล้วไสลงไปในทะเล

   “พี....ไม่เอา อย่าแกล้งเราสิ เรากลัว”

   “ไม่ได้แกล้งซะหน่อย... พามาเล่นน้ำเฉยๆ ” เขาบอกแล้วยังคงลากผมให้ลึกลงเรื่อยๆ ผมหลับตาปี๋จนห่วงยางหยุดนิ่งน้ำอยู่ที่คอของพีและเท่ากับว่าถ้าผมตกลงไปน้ำคงเกือบมิดหัว

   สงสัยเรื่องที่ผมคิดคงจะจริงแล้วล่ะ พีคงแค้นเรื่องอะไรสักอย่างเลยหาทางแก้แค้นอยู่

   “เราขอโทษ....ปล่อยเราไปเถอะ สัญญาว่าต่อไปจะไม่วุ่นวาย ไม่เข้าไปใกล้ ไม่เซ้าซี้กวนใจแล้ว” ผมบอกออกไปในที่สุดด้วยความกลัวจนตัวสั่น

   “พูดอะไรของมึงเนี่ย ขอโทษอะไร” พีถามกลับมา ทำหน้างง

   “พีเพิ่งเลิกกับแฟนใช่ไหมล่ะ”

    “ถ้าใช่แล้วไงล่ะ?”

   “คงไม่ใช่เพราะเราหรอกใช่ป่ะ?” ผมถามเสียงอ้อมแอ้ม

   “หึ...ถ้าใช่แล้วจะรับผิดชอบไหมล่ะ?”

   “.........” ผมเงียบพูดไม่ได้ออก จะให้รับผิดชอบยังไงล่ะ

   “เอ้าเงียบ ไม่ตอบ เดี๋ยวก็ทิ้งไว้นี่เลยนี่” พีขู่แล้วทำท่าจะทิ้งผมล่องลอยอยู่บนห่วงยางคนเดียวจริงๆ

   “พีอย่าเพิ่งไป ....” ผมร้องแล้วพยายามดึงเสื้อเขาไม่ได้ว่ายน้ำหนี จนห่วงยางเอียง ตัวเองร่วงไปข้างล่างแทน

   “เฮ้ย.... ลงมาทำไม” พีโวยวายพยายามดึงผมให้ลุกขึ้นแต่ผมกลัวจมน้ำจนเอาแต่กอดคอเขาแน่น

   “ยืนสิคิว ยืนดีๆ น้ำไม่ลึกสักหน่อยเห็นไหม....” พีบอกพยายามแกะมือผมออกจากคอ ครู่ต่อมาผมจึงตั้งสติได้แล้วลองยืนดู น้ำลึกไม่ถึงอกผมด้วยซ้ำ

   “โธ่เอ๊ย กระต่ายตื่นตูมจริงๆ” พีบ่นแล้วหัวเราะ

   “ก็ตอนแรกน้ำมันถึงคอพีนี่” ผมพยายามแก้ตัว

   “ก็พีหดขาแล้วเกาะห่วงยางไว้นี่ ไม่สังเกตเลยเหรอ?” พีอธิบาย ทำผมหน้าแดงเพราะความอายที่ไม่ได้มองอะไรบ้างเลยเอาแต่โวยวายอย่างเดียว

   พีว่ายน้ำไปหยิบห่วงยางที่ลอยไปอีกทางแล้วย้อนกลับมายื่นให้ผมเกาะ จึงทำให้รู้ว่าน้ำทะเลเบามากเมื่อเอามือเกาะห่วงยางแล้วปล่อยตัวตามสบายขาก็ลอยขึ้นไม่ติดพื้นซะแล้ว

   “พีไม่กล้าเสี่ยงพาคิวไปลึกทั้งๆ ที่รู้ว่าคิวว่ายน้ำไม่เป็นหรอกน่า เป็นอะไรขึ้นมาไม่มีปัญญาทำใช้” 

   “ก็เราไม่รู้นี่นา....” ผมตอบเสียงอ่อย

   “ชิ....เสียแผนหมดเลย” พีว่าทำหน้าขัดใจ

   “แผน? นั่นไงว่าแล้วเชียว... กำลังวางแผนจะแกล้งเราเพื่อแก้แค้นอยู่จริงๆ ด้วย” ผมว่าทำท่ารู้ทัน

   “ใช่ซะที่ไหนเล่า แค่จะถามอะไรหน่อย กะจะขู่ว่าถ้าไม่ตอบจะไม่พาเข้าฝั่งเท่านั้นเอง”

    พีเนี่ยนะมีเรื่องจะถามผม พีอยากรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับผมล่ะ? ตอนนี้ผมต่างหากที่มีเรื่องที่อยากรู้เกี่ยวกับพีเต็มไปหมด

   “จะถามอะไรเหรอ? ว่ามาสิ ถึงไม่ได้ขู่อะไร ถ้าพีถามคิวตอบได้หมดแหละ”

   “อืม....งั้นขอถามจริงๆ อ่ะว่าคิวชอบเราเหรอ?” อ้าว....เฮ้ย!! ผมก้มหน้าลงทำหน้าอายๆ

   “........ อย่าถามทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วได้ไหมล่ะ?” ผมบอกเสียงเบา

   “รู้อะไรล่ะ ถ้ารู้แล้วจะถามเหรอ?” สรุปว่าจะให้สารภาพรักใหม่อีกเหรอ? แล้วไงล่ะ คราวนี้ต้องร้องเพลงดาวอีกกี่รอบถึงจะได้รับคำตอบ เฮ้อ....

   “ก็ช็อกโกแล็ตวันวาเลนไทน์ แล้วเบอร์โทรที่เราให้อีก ยังไม่ชัดอีกเหรอว่าเราคิดยังไง?” ผมตอบเสียงดังแต่ก้มหน้าเอาหัวซบห่วงยาง

   “จริงเหรอ เราคิดว่าคิวล้อเล่นซะอีก..”

   อ้าว....ซะงั้น!!  เอาความเศร้าของผมคืนมานะ  :serius2:


   “มีอะไรจะถามอีกไหมจะได้ขึ้นฝั่ง ถึงตรงนี้ไม่ลึกแต่เราก็ไม่ชอบอยู่ดี....” ผมตัดบทด้วยความเซ็งจิต

   “โอเคๆ คำถามสุดท้ายแล้ว คิวเป็นแบบนี้มานานหรือยัง”

   “เป็นแบบไหน?”

   “คิวรู้ตัวว่าชอบผู้ชายตั้งแต่ตอนไหน? นานหรือยัง”

   “สำคัญมากนักเหรอ?” เมื่อผมคิดถึงคำตอบของตัวเองแล้วก็ต้องหน้าแดงขึ้นมาทันทีจนไม่อยากตอบ

   “ไม่สำคัญหรอก... ก็แค่อยากรู้ เผื่อจะเอามาตัดสินใจว่าจะตอบคิวยังไงแค่นั้นแหละ แต่จะไม่บอกก็ได้นะ จะได้คิดนานๆ เปิดเทอมค่อยตอบดีป่ะ”  ทำมาเป็นเล่นตัว รู้ล่ะสิว่าผมอยากฟังคำตอบจะแย่อยู่แล้ว....

    เปิดเทอมเลยเหรอ? นานไปมั้ง

   “ตอบก็ได้....แต่พีต้องสัญญามาก่อนนะว่าถ้าตอบแล้วจะไม่หัวเราะ” ผมยื่นเงื่อนไข

   “ฮ่าๆ ขนาดนั้นเชียว สัญญาๆ ตอนไหนเหรอที่คิวหันมาชอบผู้ชายด้วยกันน่ะ”







   “ก็.......ตั้งแต่ได้รู้จักพีนั่นแหละ”
.........................................................

   หนีความเครียดมาแต่งอะไรเบาๆ บ้าง  :m15:
   ได้มาอีกตอนเพราะอิทธิพลสงกรานต์
ว่าจะเขียนสั้นๆ ไปๆ มาๆ ยาวทุกที
   ตอนหน้าคงจบแล้วล่ะเรื่องนี้ เพราะเรื่องไม่ซับซ้อนอะไร
 :กอด1: :L2: :pig4: :กอด1:

 :bye2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-04-2012 11:13:40 โดย ๛ナーリバス๛ »

ออฟไลน์ หมอตัวเปียก

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1875
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ $VAN$

  • Moderator
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +307/-6
น่ารักกิ๊บกิ้วมากเรยยย :-[ บวกๆไป
คิวตรงๆใสๆ จริงใจดี
พีหายไปมีแฟนอยู่นาน ไปตกผลึกความคิดมาเหรอจ๊ะ

ออฟไลน์ TONG

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2535
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-4
นึกว่าจะไม่าแล้วนะเนี่ย ตามลุ้นต่อจ้า

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
คิวนี่น่ารักจริง ๆ ตรงไปตรงมาดี

ออฟไลน์ ๛ナーリバス๛

  • ~~~๛NaaribuS๛~~~ ~ [TBL-081-588]
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +898/-26
    • NaaribuSS
ขุดไว้ก่อน เดี๋ยวมาลงให้คืนนี้.....





ขอบคุณรีล่างนะคะ เข้ามาอ่านตั้งแต่ยังไม่ได้เปลี่ยนหัวเรื่องเลย  :L2: :กอด1:
 
(พอดี ย้ายเครื่องพิมพ์แต่ขี้เกียจเซพใส่แฟลชไดรฟ์ เลยโพสเอาเลยง่ายดี)

V
V
V
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-04-2012 01:59:47 โดย ๛ナーリバス๛ »

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
โถ่เพราะพีเข้าใจผิดในเนื้อหาไปเยอะนี่เอง

ออฟไลน์ ๛ナーリバス๛

  • ~~~๛NaaribuS๛~~~ ~ [TBL-081-588]
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +898/-26
    • NaaribuSS
   ตอน จบซะที

 
+++P++++   
 


       
      

0-8-4-5-6 .........

     นั่งมองเบอร์โทร10หลักนั่นซ้ำไปซ้ำมา
       ให้ตายเถอะ  หมายความว่าไงวะ

        08-456-xxxx  ชื่อคิวนะ

        จำได้ว่าขอเบอร์สาวแล้วมันให้เบอร์ตัวเองมาทำไมเนี่ย ...
   

        วันต่อมา...

       “เฮ้ย....โอ ถ้ามีคนมาขอเบอร์คนที่มึงชอบ มึงจะให้เปล่าวะ?” ผมเอ่ยถามความข้องใจนั้นกับโอ...เพื่อนสนิทที่สุดในห้อง

       “ห่า.... อย่าว่าแต่ให้ กูจะต่อยเอาด้วยซ้ำ” อีกฝ่ายตอบกลับมา ทำท่าง้างหมัดประกอบ
    แม่ง นักเลงฉิบหาย

       “เฮ้ย แต่กูแกล้งขอเล่นๆ นะเว่ย ไม่ได้อยากได้จริงๆ ซะหน่อย” ผมรีบแก้ตัว

        “มันก็แล้วแต่คน ว่าเขาสนิทกับมึงมากแค่ไหน รู้หรือเปล่าว่ามึงพูดเล่น และที่สำคัญเลือดร้อนแค่ไหน ว่าแต่มึงไปกวนตีนใครมาวะ”

       “คิวอ่ะ จำได้ไหม ผู้ชายตัวเล็กๆ ที่อยู่ในวงกูไง”

       “อ๋อ....โธ่เอ๊ย นึกว่าใคร ตัวเท่าลูกหมา หน้าก็จืด ถ้ากูเป็นมันน่ะ กูยอมให้เลยแหละ เพราะจะจีบก็แพ้ จะต่อยกันก็แพ้ เออ...ว่าแต่มันให้มาป่ะล่ะ?”

       “ให้.... แต่ให้เบอร์ตัวเองนะ”

       “...........................” โอทำหน้าเอ๋อ แล้วก็ไม่พูดอะไรอีก

       “ทำไมเงียบวะ?? บอกกูทีดิ ว่าที่มันให้เบอร์ตัวเองมาน่ะ แปลว่าอะไร?”

        “โถ่....ไอ้โง่ แปลว่ามันเกลียดมึงไง มึงรู้ว่ามันชอบแล้วไปยังอยากจะไปแย่งผู้หญิงของมันอีก มันก็เลยให้เบอร์ตัวเองมากันท่า ถ้ามึงโทรไป มันด่ามึงเละแน่ ป่านนี้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟแล้วมั้ง”  ทีนี้มันพูดเป็นต่อยหอย

       จริงดิ.....

       ซวยแล้วไหม แค่นี้ก็มีแต่คนพากันเกลียดทั้งวงแล้ว

        ถ้าโดนคิวเกลียดไปอีกคน ผมจะเหลือใครวะเนี่ย

        ผมจะหาทางบอกมันยังไง ว่าผมไม่ได้ตั้งใจจะแย่งผู้หญิงของมันจริงๆ นะ.....

.....................................................................


       หลายวันแล้วที่ไม่ได้ไปชมรม เพราะสู้หน้าคิวไม่ติด พร้อมๆ กับที่เริ่มคบผู้หญิงคนใหม่ที่ส่งจดหมายสารภาพรักมาเมื่อวันวาเลนไทน์ เธอชื่อจี สวยน่ารักเชียวล่ะ เรานั่งคุยกันตอนพักกลางวัน กลับบ้านด้วยกันตอนเย็น ไปเที่ยวกันบ้างก่อนกลับบ้านเหมือนคู่รักทั่วๆ ไป ทุกอย่างเหมือนจะไปด้วยดี แต่ทำไมรู้สึกเหมือนอะไรบางอย่างมันขาดหายไปก็ไม่รู้.... 

        ที่แย่กว่านั้น... คือไม่รู้ว่ามันคืออะไร....
   

         ตั้งแต่วันนั้นผมก็ยังไม่ได้คุยกับคิวอีกเลยจนกระทั่งสอบเสร็จ เข้าสู่ช่วงปิดเทอมหน้าร้อน วันนั้นผมไปเที่ยวกับจีและแวะไปส่งเธอที่บ้านก่อน พอกลับมาถึงบ้านแล้วเพิ่งเห็นข้อความที่คิวส่งเข้ามา   


            ฟังรายการ......อยู่หรือเปล่า?
        คืนนี้เราขอเพลงให้พีด้วยนะ
           ฝันดีนะครับ   


   
       รายการ.......

       ผมดูนาฬิกาแล้วพบว่ารายการนั้นจบลงไปพักหนึ่งแล้ว หลังจากนั้นจีก็โทรมาพอดี

       “เออ...เมื่อกี้จีกลับมาบ้าน มีคนขอเพลงให้พีด้วยนะ” จีพูดขึ้นมา

        “หา?.....” ผมทำเสียงตกใจ ใส่ทันที

       “ล้อเล่น ไม่รู้คู่เกย์ที่ไหนขอเพลงให้กัน....” จีว่าพลางหัวเราะ

       “รู้ได้ไงล่ะว่าเขาเป็นเกย์”

       “คงไม่มีผู้หญิงที่ไหนชื่อคิวหรอก เอ๊ะ หรือจะมีผู้หญิงชื่อพี” จีพูดอย่างเป็นเป็นเรื่องตลก ถ้ารู้ว่า จุดไต้ตำตอสงสัยขำไม่ออก

       “แล้ว.... เขาขอเพลงอะไรเหรอ?....” ผมถามเสียงอ่อย

       “ไม่บอก... พีจะอยากรู้ไปทำไมอ่ะ? เค้าไม่ได้ขอให้พีซะหน่อยนี่”

       จะบอกว่าใช่ออกไปเลยก็ใช่ที่ และไม่ว่าจะหลอกถามยังไงจีก็ไม่ยอมปริปากบอกเลยว่าคิวขอเพลงอะไรให้ผม....

        ทำเอาคืนนั้นนอนไม่หลับเลยคราวนี้ โคตรค้างคาอ่ะ แต่ผมก็ไม่กล้าโทรไปถามเจ้าตัวหรอกนะครับ ถ้าจะโทรไปถามแค่ว่าขอเพลงอะไรให้เหรอก็ประหลาดๆ อยู่เนอะ...



        หลายวันต่อมามีโอกาสไปเที่ยวกับจีอีกครั้ง.... แต่รู้สึกจะเป็นเดทที่แสนเลวร้ายเพราะตื่นสายแถมรถติด เลยไปช้าตั้งครึ่งชั่วโมง พอผมไปถึงก็เห็นจีกำลังแจกเบอร์หนุ่มอยู่กับตาเลย พอพูดเข้าหน่อยก็อ้างว่าให้เฉยๆ ไม่ได้คิดอะไร คงนึกว่าผมเป็นควายมั้งครับ ผมก็เลยขอเลิกเอาง่ายๆ ทีนี้เธอก็คงโมโห ด่าผมซะเละ บอกว่านอกจากหล่อแล้วอย่างอื่นก็ไม่มีอะไรดีเลย ผมล่ะฉุนขาดเลย ไม่เคยเจ็บใจเท่านี้มาก่อน แค่นั้นยังไม่พอ....

       “เรารู้นะว่าที่จริงแล้วพีก็คงอยากหาเรื่องเลิกกับเรามาตั้งนานแล้วอ่ะ เพราะความจริง พีไม่ได้ชอบผู้หญิง”

       “หา?” ผมร้องออกมาอย่างงงสุดชีวิตว่าจีเอาที่ไหนมาพูด

       “เราเห็นข้อความในโทรศัพท์พีแล้วนะ ทีแรกเรานึกว่าชื่อเหมือนกันเฉยๆ ที่ไหนได้...” จีหยุดแค่นั้น ทำหน้าเหมือนรังเกียจอะไรสักอย่าง ซึ่งนั่นคือผมเอง

       “แล้วไง? ก็แค่ขอเพลง” เพลงอะไรก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ... “จะมาเหมาว่าเราเป็นเกย์ไม่ได้หรอกนะ”

        “เพื่อนทั่วไป เขาคงไม่ขอเพลง “อย่างน้อย” ให้กันหรอกมั้ง รึพีว่าไง”   
 

   หา?? คิวขอเพลง “อย่างน้อย” ให้ผมเนี่ยนะ...


มีใครบางคนให้คำนิยามว่ารักคือความทุกข์
แตกต่างจากฉันที่มองว่ารัก....คือความสุข
อาจจะเหนื่อยบางครั้งอาจจะเจ็บบางที แต่ก็ยิ้มได้เรื่อยมา
อาจจะต้องผิดหวังก็ไม่เป็นไร



ไม่ต้องห่วงน่า... ต่อให้เพลงมันเหี้ยแค่ไหน ถ้าพีร้อง.... ต้องเพราะแหงอยู่แล้ว

ช่วยไม่ได้นี่ ก็เราตั้งใจแต่งเพลงนี้ให้พีร้อง

เก่งมากเลยพี วันนี้เจ๋งมากเลย

คือ....คือมีคนเขาชอบพีอ่ะ แล้วเขาก็ฝากช็อกโกแล็ตมาให้พีด้วย

ไม่รู้ดิ คงน่ารักมั้ง แต่อาจจะไม่ตรงเสป๊กพี....

08-456-xxxx  ชื่อคิวนะ


อย่างน้อยฉันเคยได้รักเธอ รักโดยการไม่หวังอะไร
ก็รู้ฉันเองมันยังไม่ใช่ ไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น
อย่างน้อยฉันได้เรียนรู้ ได้เข้าใจ ทุกนาทีที่ฉันมีเธอ
รักคือความสุขที่ยิ่งใหญ่ และมีความหมายมากมายจริงๆ
    ความพยายามจะทำเพื่อเธอ...จะขอทำต่อไป
   แค่เพียงรอยยิ้มของเธอส่งมาก็ชื่นใจ
   หากในวันพรุ่งนี้เธอจะตอบตกลง คงจะคุ้มค่ามากมาย...
   แต่ถ้าต้องผิดหวังก็ไม่เสียใจ....



         [เพลงประกอบ... อย่างน้อย: big ass]

…………………………………………………………………………………………..
   

    ถ้ามีใครสักคน มองมา....
   เขาคงนึกว่าเราเป็นคนรักกัน...


   ก็ผู้ชายสองคนลอยคอคุยกันอยู่ในน้ำทะเล...ไม่ยอมเข้าฝั่ง เนื้อหาใจความก็แปลกประหลาดพิสดารขนาดนี้

    “ตอนไหนเหรอที่คิวหันมาชอบผู้ชายด้วยกันน่ะ”

   “ก็ตั้งแต่ได้รู้จักพีนั่นแหละ”

   แล้วดูคำตอบสิ... ผมว่าคิวแมนมากๆ ผิดกับลักษณะภายนอกของเขาโดยสิ้นเชิง

   ผมชอบคิวมากเลย คิวที่ตรงไปตรงมา ไม่เคยโกหกกับความรู้สึกตัวเอง มีแต่ความจริงใจมอบให้คนอื่นอยู่เสมอ....

   หลังได้รับคำตอบที่เพิ่งบอกไปแล้วแท้ๆ ว่าจะถามเป็นคำถามสุดท้าย แต่มันก็อดไม่ได้จริงๆ ที่จะถามต่อด้วยความสงสัยใคร่รู้

   “เพราะอะไรล่ะ เราหล่อเหรอ?” ผมถามกลับทำหน้ากวนๆ คนถูกถามส่ายหน้าหวือ

   “เรื่องนั้นก็ด้วย แต่ไม่ใช่เรื่องเดียวหรอกนะ”

   “แล้วมีอะไรอีกล่ะ...ข้อดีของเราก็มีอยู่ข้อเดียวมาตั้งนานแล้วนี่...” ทั้งๆ ที่เคยภูมิใจ แต่ตอนนี้กลับขัดใจขึ้นเฉยๆ คนเรามองกันแค่หน้าตาอย่างเดียวจริงๆ เหรอ? อย่างนี้ถ้านานวันเข้าแก่เฒ่าไปจนหมดหล่อหมดสวยก็เลิกรักกันแล้วสิ

   “ไม่หรอก... นอกจากหล่อแล้วอ่ะ พีเสียงเพราะนะ เวลาได้ยินเสียงพีแล้วมันทำให้เราสบายใจ” อืม...ข้อนั้นก็พอใช้ได้ แต่....

   “งั้นถ้าวันไหนเราร้องเพลงไม่ได้ คิวจะยังชอบเราอยู่ไหม?” เกรียนเนอะ แต่มันคิดอย่างนั้นจริงๆ นี่นา...

   “ไม่รู้สิ เพราะทุกวันนี้ ต่อให้พีไม่ได้ร้องเพลงหรือไม่ได้พูดอะไรเลยสักคำ แค่เรามองเห็น แค่รับรู้ว่าพีอยู่ใกล้ๆ ก็ทำให้เราก็มีความสุขแล้วล่ะ”

    คิว...นายแมนมาก...

    รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังโดนจีบอยู่เลยอ่ะ คิดแล้วมันแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้สิ...

    ช่างเถอะ ใครจีบใครก่อนก็ช่าง ถ้าสุดท้ายผลลัพธ์มันจะออกมาเหมือนกัน

   “ถ้าเราตอบปฏิเสธ เราจะยังเป็นเพื่อนกันอยู่ไหม....”

   “เป็นสิ สัญญาว่าจะเหมือนเดิม พีจะเป็นคนพิเศษของเราเหมือนเดิม....”

   คารมคมคาย....เหลือกินจริงๆ

   ทอดสะพานให้ขนาดนี้ จะไม่ข้ามไปก็ใช่ที่.....หึ...หึ....

   ผมขยับเดินเข้าไปใกล้เขามากขึ้น ย่อเข้าให้ระดับความสูงเกือบเท่าๆ กับคิวที่ลอยคออยู่ระดับเดียวกับห่วงยางอันใหญ่

   “คิว แต่เราไม่เคยชอบผู้ชายว่ะ” ผมพยายามอธิบายสิ่งที่ตัวเองคิดตอนนี้

   “อื้อ... เราเข้าใจ ขอโทษที่ทำให้ลำบากใจนะ ต่อไปเราจะ....” เขาพูดรัวๆ แม้ว่าหน้าจะเศร้าแต่ก็พยายามฝืนยิ้ม

   “เดี๋ยวดิ ฟังให้จบก่อน เราจะบอกว่าเราไม่เคยชอบผู้ชายเลยตัดสินใจยาก... เอ่อ....ขอเวลาเราหน่อยได้ไหม” ผมรีบถาม เขาหันมองผมด้วยสีหน้าตัดพ้อ...

   “ได้สิ....” เขาก้มหน้าตอบ หมวกสานที่ใส่อยู่บังไม่ให้เห็นหน้าว่าเป็นแบบไหน

    “เราขึ้นฝั่งได้ยัง?” เขาถามอีก น้ำเสียงเหมือนไม่พอใจอะไรบางอย่างจนผมใจเสีย

    “ได้ แต่ขอหมวกหน่อยสิ คิว....”

   “เอาไปสิ” เขาว่าแล้วถอดหมวกสานที่ผมซื้อมาแต่ให้อีกฝ่ายใส่ไว้ส่งมาให้โดยไม่มองหน้า แต่ผมไม่ได้จะเอามาใส่หรอกครับ ผมเอามาบังใบหน้าของเราอีกฝั่งหนึ่งของห่วงยางไม่ให้คนอื่นเห็นต่างหาก

    ท่ามกลางแสดงแดด สายลม ท้องทะเล ริมฝีปากสองคู่กำลังสัมผัสกัน

     คนตัวเล็กกว่าค่อยๆ พริ้มตาที่เบิกโพลงลงเรื่อยๆ ริมฝีปากคลี่ออกรับปลายลิ้นที่รุกรานอย่างไม่ประสีประสา แต่กลับดึงดูดและเร้าอารมณ์อย่างประหลาด

    อืม..... ทะเลหวานมันเป็นอย่างนี้เองเนอะ...
    ทำไงดีล่ะ ชักเริ่มติดใจในรสสัมผัสเสียแล้ว.... 

   เพราะรู้สึกถึงมือเล็กๆ ที่ขยุ้มเสื้อผมเสียแน่นประกอบกับคลื่นที่ซัดเข้ามาทำให้ผมจำต้องละจากความริมฝีปากคู่นั้นอย่างแสนเสียดาย พอลืมจาขึ้นก็เห็นอีกฝ่ายเอาปลายนิ้วแตะปากตัวเองอยู่ดวงตากลมโตจ้อมาอย่างไม่เข้าใจ

   “ก็ไหนบอกว่าไม่ชอบผู้ชายไง แล้วทำไมถึง....” คิวถามกลับมา หูตาแดงเถือกไปหมด ไม่รู้เพราะน้ำทะเล แดด หรือจูบกันแน่ แต่มองแล้วก็น่ารักดี

    น่ารักดี..... ถ้าจะรักก็คงไม่ผิดหรอกใช่ไหม?

   “ก็ไม่เคยชอบมาก่อน แต่...กำลังคิดว่าจะชอบตอนนี้ไง ไม่ได้เหรอ?”

   คิวนิ่งทำหน้าเหมือนไม่เชื่อ เพราะมันอาจจะง่ายดายและรวดเร็วเกินไปจนอีกฝ่ายตั้งรับไม่ทันก็ได้

   ผมว่ามันเป็นอย่างนั้นแหละ แต่บางครั้งความรักอาจจะไม่จำเป็นต้องใช้เวลาหรือทำให้ยากลำบากอะไร

   เราใช้แค่หัวใจ กับความรู้สึกก็น่าจะพอแล้วนี่

   ผมไม่รู้เหมือนกันว่าชอบคิวแล้วมันจะเป็นยังไงต่อไป แต่เวลาอยู่กับคิวแล้วผมมีความสุข แค่นั้นก็น่าจะพอแล้วล่ะ


   อย่างน้อยฉันเคยได้รักเธอ รักโดยการไม่หวังอะไร
    ก็รู้ฉันเองมันยังไม่ใช่ ไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น
    อย่างน้อยฉันได้เรียนรู้ ได้เข้าใจ ทุกนาทีที่ฉันมีเธอ
    รักคือความสุขที่ยิ่งใหญ่ และมีความหมายมากมายจริงๆ
   


   “ได้.....” นั่นคือคำตอบรับสั้นๆ ของคิว แต่ทำให้หัวใจพองโต...

    ผมทิ้งหมวกลงน้ำ ปล่อยห่วงยางที่ยึดไว้เมื่อครู่ออกแล้วขยับไปกอดคิวไว้แน่น....











    “พีไม่เคยชอบผู้ชายมาก่อนก็จริง.... แต่จะชอบตั้งแต่ตอนนี้....
และสัญญาว่าจะชอบผู้ชายคนนี้....ตลอดไป”



The end
 
.......................

เฮ้อ... กว่าจะจบได้!! เกือบตาย...

จากใจเลยนะ เรื่องสั้นเขียนยากมากมาย.... เพราะนิไม่รู้จะมัดยังไงไม่ให้เรื่องมันบานปลาย ออกนอกทุ่ง ปกติเขียนแต่เรื่องยาว พอตั้งใจจะเขียนเรื่องสั้นทีไรมันก็เผลอยาวทุกทีเลย....จนต้องเอาคำว่าเรื่องสั้นออก ฮา

เรื่องนี้ตอนเขียนพล็อตกระเจิดกระเจิงไปหมดเลย มีแก้ไขซ้ำไปมา (รีไรท์จนงง)
ถ้าหากมีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยคุณผู้อ่านด้วยนะคะ (หวังว่ามันคงไม่รักกันง่ายไป เพราะถ้าไม่รักกันง่าย มันก็คงไม่สั้น ฮ่าๆๆ)

ปล. จบแบบใสๆ ก็โอเคเนอะ คงไม่มีใครอยากอ่าน NC ใช่ป่าว? ฮาๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-04-2012 01:57:30 โดย ๛ナーリバス๛ »

ออฟไลน์ gupalz

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4911
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +604/-20
น่ารักจัง แต่ถ้านิจะแถม nc ก็โอเคอยู่นา 555

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
อ่านแล้วก็ลุ้น
โล่งอก ที่คิวสมหวัง

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9405
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
น่ารักอ๊า :-[
ใสๆ วัยมัธยมแบบนี้น่ารักจังเลยค่ะ ชอบๆๆๆๆ
กดบวกและลุ้น NC (กร๊ากก ไหนบอกชอบใสๆ :laugh:)

ออฟไลน์ naiin

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +141/-9

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16

ออฟไลน์ rinia

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 136
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-1

ออฟไลน์ lazat.mchub

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0

flawless

  • บุคคลทั่วไป
ใสๆ ไร้สาร น่ารักดี บางทีอ่านนิยายน่ารักๆ มันก็ชุ่มชื่นหัวใจได้นิ...
ขอบคุณมากค่ะ ^ ^

ออฟไลน์ MiSS-U

  • {^o^} {^3^}
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2800/-11
น่ารักใสๆชอบค่ะ

เพิ่งสังเกตว่าชื่อพระนาย  คือ  พีคิว  ชื่อใกล้ชิดขนาดนี้

ไม่รักได้ไงเนอะ  (พยายามให้เกี่ยวกัน  :laugh:)

 :pig4: เรื่องน่ารักๆเรื่องนี้ค่ะ

ปล.แต่ถ้ามี nc ใสๆอีกสักตอนจะดีมากเลย

ออฟไลน์ Lemon_Tea

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1641
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-2
คิวกล้าดี ^^
เฮ็อ ก็ลงตัวกันสักที

ออฟไลน์ $VAN$

  • Moderator
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +307/-6
อ้างถึง
หวังว่ามันคงไม่รักกันง่ายไป เพราะถ้าไม่รักกันง่าย มันก็คงไม่สั้น ฮ่าๆๆ
ก็ไม่ง่ายไปหรอก คิวแอบรักและส่งมอบความหวังดีให้มาตั้งนาน พีเองก็ตีความผิดๆอยู่นาน
จบน่ารักดี มีเอาหมวกบัง อิอิ กุ๊กกิ๊กหวานแหวว
 :pig4:

ออฟไลน์ Anonymus

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-1
น่ารักกกกกกกกกกก :m3:

สั้นๆ ง่ายๆ นุ่มๆ แต่ได้ใจไปเต็มๆ น้องคิวมันน่ากอด แค่จิ้นตามก็อิจฉาพีแล้ว :m1:

Tiamo_jamsai

  • บุคคลทั่วไป
 :กอด1:  กอดคนเขียนหนึ่งที่ด้วยความรัก    บอกตามตรงนะค่ะ หลงรักผู้ชายชื่อคิวววววววววว :impress2: :impress2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-04-2012 16:59:25 โดย Tiamo_jamsai »

ออฟไลน์ jiki

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1567
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +175/-2
น่ารักอ่ะ จะว้าไป ไม่ได้อ่านใสๆมาสักพักแล้วนะ พอมาอ่านแล้ว ย้อนวัยดีแฮะ น่ารักๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด