ตอนที่ 3 : เมาแล้วหื่น
“ว่าแต่พวกมรึงนึกครึ้มไรขึ้นมาวะ วันนี้ถึงกินกันเยี่ยงราชาบ่อน้ำมันอย่างนี้”
ก็แต่ละอย่างที่ไอ้แม็คมันทำให้กินแกล้มเหล้าล้วนแต่หรูๆทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นต้มยำกุ้งตัวโตสีสดน่ากิน ปลาช่อนลุยสวนจานใหญ่ หมูมะนาวพร้อมผักสดแช่น้ำแข็งเย็นเจี้ยบ ให้ตายเถอะครับพี่น้อง ขี้เหล้ากันเหลือหลาย ผมไม่ต้องรบกวนให้เพื่อนๆที่รักทั้งหลายช่วยตอบแล้วเพราะพี่เอยกขบวนอบายมุขเข้ามาเต็มอัตราศึก ทั้งเบียร์ทั้งเหล้า โซดา น้ำแข็งอีกบานตะไท
“กุให้ตังค์ไอ้แม็คมันไปซื้อมาทำเองแหละ ก็มรึงเจือกดัดจริตไม่ไปกินกันที่ร้านนี่วะ”
พี่รหัสของผมคนนี้ถึงจะปากเสียแต่จิตใจดีครับ ผมเข้าไปช่วยพี่เอขนของไปวางบนโต๊ะแต่ยังไม่ทันจะถามไถ่อะไรกันมากมาย พี่ป้องก็โผล่หน้าเข้ามาในบ้านพร้อมกับไอ้สามตัวข้างบ้าน ไอ้แซ็ค ไอ้ปิงปองกับไอ้บูมครับ
“พี่เอามันสามตัวมาด้วยทำไม ผมไม่ถูกกับมันพี่ก็รู้”
ไอ้นิคผู้ไร้สามัญสำนึกครับ ด่าออกไปโต้งๆแบบไม่ไว้หน้ารุ่นพี่ แต่โชคดีที่พี่ป้องแกใจใหญ่ใจกว้างประดุจดั่งมหาสมุทรแปซิฟิคไม่เคยถือสาผม
“เอาน่าไอ้นิค เด็กวิดวะเหมือนกันจะกัดกันไปทำไม อีกอย่างกุก็เป็นพี่เทคมรึงแล้วกุก็เป็นพี่รหัสไอ้บูมมันอีก นี่เท่ากับว่าพวกมรึงสองคนเป็นญาติกันนะ”
ทฤษฎีบทไหนของพี่ป้องผมก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าความมั่วนิ่มของพี่แกทำเอาผมหมดอารมณ์เถียงเลยครับ
เอาวะ ทนๆไปสักวัน
“เอาน่าๆมรึงอย่าคิดเล็กคิดน้อย ไประเบิดกระจกบ้านคนอื่นเขาแล้วก็เลิกบ้าสักที”
ไอ้สาดดดดแม็ค มรึงด่ากุ ผมหันไปตาขวางใส่แต่ยังไม่ถึงขั้นอาละวาดครับ ก็เพื่อนกันจะบ้าไปทำไม แค่ออกอาการฮึดฮัดไม่สบอารมณ์เล็กน้อยตามประสาคุณชายถูกขัดใจแล้วกระดกเหล้าเข้าปากแก้เซ็ง
พอนาฬิกาตีบอกเวลาสองทุ่มตรง วงเหล้าที่ไม่ต้องสำรองที่นั่งล่วงหน้าก็ถูกตีตั๋วเรียบไปแล้วสิบที่นั่งคือไอ้แซ็ค ไอ้ปิงปองกับไอ้บูมข้างบ้าน ไอ้แม็ค ไอ้โก้กับผม พี่เอ พี่ป้อง ไอ้ตะวัน สุดท้ายคือพี่แคลร์หวานใจผมที่แอบงอนเล็กน้อยเพราะผมติดลมเหล้านอกจนต้องให้เธอต้องติดรถมากับพี่ป้อง
นั่งก๊งนั่งกรึ่มได้พักใหญ่จู่ๆไอ้บูมมันก็เอ่ยปากขอโทษผม ท่าทางมันจะโดนพี่ป้องอบรมมาอย่างดี พอมันขอโทษ ผมก็ใจกว้างพอครับ ลูกผู้ชายอย่างเราๆ กล้าทำ กล้ารับ กล้าขอโทษและก็กล้าให้อภัย ไม่คิดเล็กคิดน้อยติดใจเอาความกันให้เสียเวลาทำมาหากินไปเปล่าๆปลี้ๆ
แผนการใช้เหล้าเชื่อมสัมพันธไมตรียังคงใช้ได้กับทุกชาติทุกภาษา แต่ต้องแน่ใจนะครับว่าเมาแล้วจะไม่ปากเสียเหมือนผม ไม่งั้นจากกระชับมิตรอาจกลายเป็นสร้างศัตรูเพิ่มเข้าไปอีก
“ไอ้เชน เพิ่งจะโผล่หัวมาได้นะมรึง” ไอ้ปิงปองทักเพื่อนมันเสียงเริ่มยานคาง
มาอีกตัวแล้วครับ ไอ้คนข้างบ้านที่ไม่ได้มาร่วมขบวนการทวงลูกบอลคืนในวันนั้น แต่ก็มันนี่แหละครับที่มีปัญหาและคดีความกับลูกซัลโวของผมที่สุด จนเหม็นหน้ากันไม่หายถึงตอนนี้
อ่ะโด่ ไอ้ผู้ชายคิดเล็กคิดน้อย ไม่แมนเลยให้ตาย
เรื่องไอ้เชน ผมก็เพิ่งรู้เรื่องจากปากไอ้แซ็คมันเมื่อกี้นี่เองว่า กระจกข้างบ้านที่ผมฟรีคิกบอลเข้าไปเป็นกระจกห้องไอ้หน้าหล่อมัน ไอ้แซ็คทำตัวเป็นนกกระปูด ปูดเรื่องเพื่อนมันให้ผมฟังอีกว่า
ตอนนั้นไอ้เดือนคณะหน้าหล่อแต่โคตรเก๊กนี่ มันกำลังเข้าด้ายเข้าเข็มรอบเช้ากับหญิงของมันอยู่ครับ พอผมเตะบอลเปรี้ยงโดนกระจกโป้ง ด้วยแรงควาย 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมงของผม ลูกบอลมันทะลุหน้าต่างลอยไปโดนหน้าผากไอ้เชนเต็มๆ จนหัวปูดเป็นมะนาวหมดท่าคาอกสาว มันก็เลยอาฆาตแค้นฝังหุ่นผมไม่หาย เห็นมั้ยครับว่ามันไม่แมนเลย
“งานกุเพิ่งเสร็จ”
ไอ้เชนตอบสั้นๆไม่ขยายความให้เสี่ยงต่อระดับความเก๊กที่คงกลัวจะลดลง ร่างสูงเป็นเปรตวัดสุทัศน์ญาติห่างๆกับเปรตวัดกู้ของมันเบียดผมแทบตกม้านั่ง แมร่ง หาเรื่องกุซึ่งหน้า ผมออกอาการตาขวาง น้ำลายยืด คันปากอยากเห่ากรรโชก
“เชี้ยนิ หาเรื่องกุเหรอวะ”
“กุนี่นะหาเรื่องมรึง เมาแล้วก็กลับไปกินนมนอนไป๊ อย่ามาอาละวาดให้คนอื่นเขาเสียอารมณ์”
“มรึงนึกว่าแน่นักเหรอวะ ไอ้ไส้เดือนคณะ”
เจออย่างนี้ก็ของขึ้นสิครับ ไอ้หน้าหล่อนี่มันกล้าดียังไงถึงด่าผม อย่างนี้มันต้องสำแดงเดชไอ้คุณชายนิคเสียหน่อย บอกแล้วว่าฉายานามนี้ไม่ใช่จะได้มากันง่ายๆ ผมดัดแปลงตำแหน่งเดือนฯของไอ้เชนเล็กน้อย คว้าคอเสื้อกระชากจนกระดุมเสื้อเชิ้ตขาวมันหลุดเสียงดังคว้าก พร้อมกับมือเล็กๆของสุดที่รักผมเข้ามายื้อไว้
“นิคใจเย็นๆสิ ทะเลาะกันอย่างนี้พี่ไม่สนุกนะ”
ที่รักขอไว้เลยต้องสนองหน่อยครับ ผมละมือจากไอ้หน้าหล่อแต่กวนตรีนแล้วนั่งลงเหมือนเดิม
คนอื่นๆเลยพากันถอนใจโล่งอกยกนิ้วให้พี่แคลร์ที่ปรามผมได้ ไอ้ปิงปองรีบเทเหล้าเอาใจเพิ่มให้คุณชายบ้าเลือดเหมือนเป็นเกอิชาส่วนตัว เพื่อไม่ให้บรรยากาศในวงเหล้าต้องเหม็นบูด ผมเลยพยายามไม่หันไปมองหน้าไอ้เชน เพราะเดี๋ยวเชื้อบ้าในตัวผมจะกำเริบขึ้นมาอีก
นั่งร่ำสุรากันไปจนถึงตีสามกว่าๆเสียงบรรเลงกีตาร์จากไอ้บูมก็แผ่วลงจนเงียบกริบ ไอ้แม็ค ไอ้โก้ ไอ้ปิงปอง พร้อมใจกันหมอบกระแตฟุบโต๊ะไปเรียบร้อย ไอ้แซ็คก็ลุกไปเข้าห้องน้ำแล้วหายหัวไปเป็นชาติคาดว่าคงนอนกอดชักโครกแทนหมอนข้างอยู่ ส่วนพี่ๆที่เคารพทั้งสองก็กอดคอกัน นอนกอดขวดเหล้าเป็นอาหารให้ยุง ลำบากผมต้องชักลากทั้งรุ่นพี่ทั้งไอ้เพื่อนๆเข้าไปนอนในบ้านก่อนจะเป็นไข้เลือดออกไปกันหมด ปาร์ตี้คืนนี้เลยต้องจบลงด้วยสี่ต่อสี่แฟมิลี่เกมส์ เมาหลับแบบหาทางกลับบ้านไม่ถูกกันหมดแปดคน ยกเว้นก็แต่ผมกับไอ้หน้าหล่อปากกวนส้นนี่แหละครับที่ยังนั่งดวดเหล้ากันต่อแบบไม่มีใครยอมใคร
“นิค พี่ง่วงแล้ว ไปส่งพี่ก่อนแล้วค่อยกลับมาต่อนะ” พี่แคลร์ยิ้มหวานกระซิบเบาๆอยู่ข้างหู
ถึงจะคอทองแดง แต่กินผสมกันทั้งเหล้าทั้งเบียร์มาตั้งแต่ตะวันยังไม่ตกดินยันถึงตีหนึ่งก็เสียศูนย์ได้เช่นกันครับ เมาครับเมา เมาสุดตรีน เมาแบบได้ใจ
“งั้นผมไปหยิบกุญแจรถก่อนนะครับ ไม่เอาๆ พี่แคลร์ไปกับผมดีกว่า สาวๆสวยๆอยู่แถวนี้คนเดียวไม่ค่อยปลอดภัย”
ผมยิ้มหวานเช่นกัน แต่ต่างกันที่ตาเยิ้มฉ่ำด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ในเลือด แฟนสาวคนนี้ก็แสนรู้ใจเดินตามผมขึ้นบ้านไปหยิบกุญแจรถอย่างว่าง่าย แต่ยังไม่ทันจะได้กุญแจผมก็ได้จูบกลับมาแทน
กลิ่นหอมอ่อนๆจากตัวพี่แคลร์พร้อมกับริมฝีปากนุ่มนิ่ม ทำเอาเพลินไปเลยครับ เรายืนแลกจูบกันที่บันไดแบบไม่เกรงใจผีบ้านผีเรือนอยู่ครู่ใหญ่ผมก็ได้ยินเสียงอะไรตก แต่หันไปมองก็ไม่เห็นมีอะไรนอกจากซากศพพวกขี้เหล้านอนอืดไม่รู้เรื่องกันอยู่หน้าทีวี
“พี่แคลร์รอผมอยู่นี่นะครับ เดี๋ยวมา”
ผมให้พี่เขาออกไปนั่งรอที่โซฟาแล้วก็เดินเอียงๆเซๆขึ้นบันไดไป สงสัยคืนนี้จะไม่ได้กลับบ้านแน่
คิดแล้วก็ยิ้มคนเดียวอย่างครึ้มอกครึ้มใจ ก็แฟนผมเธอน่ารักนี่ครับ ใครจะอดใจไหว ผมจำได้ว่ากุญแจรถอยู่บนโต๊ะหัวเตียงก็เลยไม่ได้เปิดไฟให้เกิดภาวะโลกร้อนเพิ่มขึ้น มะงุมมะงาหราคว้ากุญแจขึ้นมา เป็นจังหวะเดียวกับที่มือคู่หนึ่งเอื้อมมากอดผมจากทางด้านหลัง
“ไปหอพี่แคลร์ดีกว่านะครับ แถวนี้ไอ้เพื่อนผมมันเยอะ เดี๋ยวมันจะขึ้นมากวน”
ผมเสียงพร่าเมื่อมือที่กอดเอวอยู่เลื่อนเข้าไปในเสื้อแล้วลูบไล้อยู่กับแผ่นอกของผมพร้อมกับริมฝีปากร้อนๆกดลงที่ท้ายทอยด้านหลัง
หมดเลยครับ ความอดทนหมดลงจนต้องหันไปคว้าตัวเธอเข้ามาจูบร้อนแรง ผมผลักอีกฝ่ายเบาๆลงบนเตียงทั้งที่ยังจูบคลอเคลียอยู่กับริมฝีปากของเธออยู่ไม่ห่าง แต่เดี๋ยวก่อน พี่แคลร์ไม่ได้ตัวโตเป็นหมีควายป่าห้วยขาแข้งอย่างนี้นิ แล้วพี่แคลร์ก็คงไม่แรงม้าแรงช้างถึงขั้นเปลี่ยนเป็นฝ่ายกดผมลงกับที่นอนแล้วจูบไม่ให้หายใจหายคอ แถมยังพยายามถอดเสื้อผมออกอย่างนี้แน่
คิดได้อย่างนี้ไอ้คุณนิคก็ตาเหลือกสิครับ ผมดิ้นอยู่สักพักกว่าจะหลุด ด้วยอาการพุ่งหลาวไปกดเปิดสวิตช์ไฟอย่างรวดเร็ว
“ไอ้เชน มรึงทำเชี้ยไรของมรึงเนี่ย”
เสียงไอ้นิคโหยหวนเมื่อไฟฟ้าสว่าง สำนึกได้ว่า กุจูบกับผู้ชายไปแล้ว โอ้วววว ม่ายยยยย
“555 แมร่ง ทำหน้าควายงงเลยนะมรึง เป็นไงล่ะปากเสียๆอย่างมรึงมันต้องเจออย่างนี้แหละ”
ควายงงบ้านบิดามรึงน่ะซี้ ผมยังไม่ทันจะหายอึ้ง ไอ้หน้าหล่อมันก็โถมเข้ามากอดจูบลูบคลำอีกรอบ คราวนี้มือไม้มันยั้วเยี้ยเลื้อยเข้ามาในเสื้อไม่พอ มืออีกข้างมันยังทำท่าจะจับผมถอดกางเกงอีก เชี้ยนี่
“เป็นไงล่ะมรึงไอ้หน้าสวย โดนกุจูบล่ะเคลิ้มเลยนะมรึง” ไอ้เชนมันเซเล็กน้อยเมื่อถูกผมฟันศอก
“เคลิ้มป้อมรึงสิ ไอ้สาดดดด มรึงออกจากห้องกุไปเลยนะไอ้เชน ก่อนที่มรึงจะโดนเตะไข่แตก ไอ้เวนนี่เมาแล้วหื่นไม่ดูตาม้าตาเรือ”
ผมด่าลั่นแล้วถีบเข้าที่ท้องมันโครมใหญ่ กลิ่นแอลกอฮอล์จากตัวมันพร้อมกับอาการตาฉ่ำเสียงยานเป็นเทปโดนแดด ทำให้ผมสันนิษฐานว่าพฤติกรรมอุกฉกรรจ์ที่มันลวนลามทางเพศ (เดียวกัน) เมื่อครู่ น่าจะเกิดขึ้นเพราะอาการเมา !
มันไม่สนคำด่าเลยครับ พอโดนผมแจกบาทาจนหัวทิ่มลงบนเตียง มันเลยเอาหน้ามุดเข้าไปในผ้าห่มทั้งถีบทั้งเตะยังไงมันก็ไม่ยอมลุก จนผมชักจะเหนื่อย เอาวะ ปล่อยให้มันนอนไปก่อนเพราะผมยังมีธุระประปังกับแฟนสาวอยู่อีก นี่ถ้าไม่ใช่เพราะพี่แคลร์กำลังรออยู่ข้างล่างล่ะก้อ....มรึงได้จูบฝ่าบาทากุต่อแน่
TBC**
ป.ล.ขอบคุณพวกพี่ด้วยก๊าบ..ที่เข้ามาอ่าน...

และแสดงความยินดีด้วย....เปงอะไรที่ยิ่งใหญ่มากๆๆๆ

สู้ต่อไป..อาราชิ....

(เกี่ยวมะนิ)
