
มาแล้วครับ
โต๊ะไหนสั่งมาม่าครับ
ไม่ต้องกลัวนะ
จะเร็วจะช้า
มีมาม่าพอสำหรับทุกคน
สนใจจะเบิ้ลมั๊ยหล่ะครับ
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

บอกแล้ว....ความสุขมักอยู่กับผมไม่ได้นาน
คนเดียวไม่เหงาเท่า3คน
“รอนานไหม เฮียซื้อขนมมาให้ครับ”
“ขอบคุณครับ”
ยื่นมือมารับ บังคับไม่ให้มันสั่นจนผิดสังเกต
“เหนื่อยเหรอครับ หน้ามุ่ยเลย”
เอื้อมมือมาลูบแก้มผมเบาๆ ทะนุถนอม
พยายามไม่บิดหน้าหนีให้สงสัย
“หน่อย...เปิดเก๊ะหน้ารถหยิบของให้เฮียหน่อยครับ”
พูดยิ้มๆ ส่งสายตาเยิ้มๆ
เปิดเก๊ะหน้ารถตรงหน้า
สายตามองเข้าไป กล่องกำมะหยี่สองกล่องสองสีวางเคียงคู่กัน
“กล่องสีน้ำเงินครับ ส่งมาให้เฮียเลย”
หยิบกล่องส่งให้ตามสั่ง ไม่วายชำเลืองดูกล่องสีแดงข้างๆ ขนาดเท่าๆกัน
ปิดเก๊ะแล้วหันกลับไป
“สำหรับสุดที่รักของเฮียครับ”
อ้อมอกอุ่นๆเข้ามาชิด จนได้กลิ่นหอมอ่อนๆ
ยามเฮียยื่นแขนอ้อมมาติดตะขอให้ที่ต้นคอด้านหลัง
ความเย็นของโลหะที่ทาบทับกลางอก
กลับแผดเผาราวกับจะมอดไหม้
เฮียมี่จับสร้อยคอ จูบลงเบาๆตรงจี้
“หัวใจรักของเฮีย ฝากไว้กับเรานะครับ”
น้ำตาไหลออกมา ไร้เสียงสะอื้น
กัดริมฝีปากข่มอารมณ์
ถ้า...ถ้าเป็นก่อนหน้านี้
ก่อนหน้าที่จะรับโทรศัพท์
คงจะซาบซึ้ง ปลาบปลื้ม กับทั้ง สิ่งของและคำพูด
ทำไมนะ ทำไมโง่ได้ขนาดนี้
แค่คำพูดหวานๆ ของที่เน้นให้เห็นความหมายแอบแฝง
จะแต่งจะเติมยังไงก็ดูดี ดูสื่อเข้าไปถึงก้นบึ้งหัวใจ
คนโง่ที่ง่ายแสนง่าย
คิดจะหาย ก็หายไป
คิดจะมาหาก็มาได้
เพียงถ้อยคำกินใจ กับข้าวของเล็กน้อย
ผมก็ให้อภัยได้ทุกสิ่งอย่าง
ไม่น่าปล่อยตัว ปล่อยใจ จนดูไร้ค่า ไร้ราคา
เฮียทำเหมือนผมเป็นเด็ก เป็นของตาย
โกรธขึ้นมาก็มาเอาใจ
แล้วอย่างนี้ ผมจะเป็นอย่างไรต่อไป
แล้วแต่เฮียจะหยิบยื่นใช่ไหม
เสียงออดอ้อนจากปลายสายที่ได้ยินยังติดหู
น้ำคำที่เอื้อนเอ่ยบอกได้เลยว่าสนิท คุ้นเคย กันมาก
ราวกับใกล้ชิดไปมาหาสู่กันมานาน
ผมเสียอีก โทรฯไปหาก็คุยได้แค่2-3ประโยค
ครั้นจะรอให้โทรฯมาก็รอเก้อ
จะพบเจอแต่ละทีแสนยาก เมื่อก่อนระยะทางเป็นอุปสรรค เป็นข้ออ้าง
ไม่เคลือบแคลงสงสัย รักที่สุด ไว้ใจที่สุด
วันนี้ ตาที่เคยมืดบอด กลับสว่าง
หูที่เคยเงียบดับ ได้ยินแจ่มชัด
“ไม่ชอบเหรอครับ หืม”
เชยคางผมที่ก้มงุดอยู่เพื่อปิดบังสีหน้าอ่อนล้า
สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ปั้นยิ้มบนใบหน้า
เอาสิ ผมจะพลิกกลับให้หน้าหงายเลยทีเดียว
แรงแค้นของคนแพ้
ทำร้ายผมร้ายแรงแค่ไหน ต้องได้รับกลับไปไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน
ตอนนั้นยอมรับว่าขาดสติ
หากมีเหตุผล ไต่ถาม และยอมรับฟัง
เรื่องราวในวันนั้นคงไม่บานปลายจนถึงกับต้องเลิกรากัน
“ชอบ ชอบมาก ชอบจนไม่อยากเสียไป”
พูดพร่ำเพ้อออกมาด้วยความสับสน
“มุขเยอะนะเรา แล้วร้องไห้ทำไมครับ”
เช็ดน้ำตาให้ด้วยความอ่อนโยน
“ฮะ ฮะ ยังไม่ชินอีกเหรอเฮีย นี่แหละตัวผม”
หัวเราะฝืนๆกลับไปกลบเกลื่อน
“ชอบแล้วเก็บรักษาไว้ด้วยนะครับ คนดี ฟอด ฟอด”
“ด้วยชีวิตเลยครับ”
เสียงสั่น ริมฝีปากเต้นระริก
เสจับปลายสร้อยขึ้นมาดู
อักษรภาษาอังกฤษ ตัวเดียวกับที่ติดอยู่ที่คอนโซล
ตัวเขียนอ่อนช้อย
ปลายตัวอักษรเกาะเกี่ยวกันไว้
ปลายหางตัว M เกี่ยวกระหวัดรัดแน่นอยู่กับ ปลายด้านหัวของตัว N
ทั้งสายสร้อยทั้งจี้ทำมาจากทองคำขาว(แพลทินัม)
“ทองคำขาว..หนักแน่น ไม่ผุกร่อนง่าย ไม่ว่าผ่านไปนานแค่ไหน น้ำหนักจะอยู่คงเดิม”
เสียงกระซิบข้างหูพร่ำเพ้อความหมายมากมาย
แปลกใจ ไม่หวามไหว ไม่ซาบซึ้งเหมือนที่เคยเป็น
หัวใจด้านชา คำพูดสื่อไปไม่ถึงเสียแล้ว
“หน่อย...หน่อย”
“คะ..ครับ เฮียว่าไงนะครับ”
“เป็นอะไรไป ทำไมใจลอยหล่ะ ไม่ชอบรึไง”
น้ำเสียงไม่พอใจ ทิ้งแผ่นหลังลงกับพนักพิง สีหน้าหงุดหงิด
“ชอบสิ ทำไมจะไม่ชอบ”
ทำตัวตามปกติ แสร้งไม่เห็นความขุ่นเคือง
“ใช่สิ ไหนเลยจะสู้เกียร์ไอ้ปาน”
พาลถึงคนที่ไม่ได้เกี่ยวข้อง
“บอกให้คืนมันไป ยังไม่คืนอีก”
บ่นงึมงำ กับเรื่องคาใจ
เกียร์ของเฮียปาน เป็นเรื่องบาดใจของเฮียมี่
เพราะเฮียปานแกไม่ยอมรับคืน
“ให้แล้วให้เลย ใส่ไม่ใส่ก็เรื่องของเรา”
“โธ่เฮีย ของสำคัญขนาดนี้ เฮียเก็บไว้ให้คนที่เฮียรักเถอะนะ”
“ก็เราไง คนที่เฮียรัก”
“เอ้อ..แต่ผม..”
“รู้ ไม่รักตอบก็ไม่ได้ว่าอะไร”
“ผมขอโทษ”
“ความรักไม่มีผิดถูก จะผิดก็ผิดที่เฮียมาช้า”
“เอ้อ”
“เก็บความรักของเฮียไว้นะ”
“แล้วถ้า....”
“เกียร์อันนี้ สำหรับความรักครั้งแรกของเฮีย หากมีครั้งต่อไปก็ไม่มีเกียร์เหลือให้
เพราะเฮียเต็มใจยกให้เราไปแล้ว”
เกียร์ยังอยู่กับผมครับ
ถึงแม้ปัจจุบันก็ยังอยู่ เก็บไว้อย่างดี ไม่เคยเอาออกมาใส่
แตไม่ต้องสงสารเห็นใจแฟน(เมีย)แกนะครับ
พี่ก้อยแกมีเกียร์ของแกเอง...แกเป็นเพื่อนนศ.วิศวะของเฮียปาน
เพื่อนกัน สนิทกัน คบกันไป คบกันมา กินกันเอง...อิอิ(ไม่มีใครเอา)
...ไอ้เด็กเลว..ว่าเขา...
“เอ้อ เมื่อกี้มีสายเข้านะ”
เปลี่ยนเรื่องให้พ้นเรื่องคาใจ
“อืม”
เฮียมี่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดดู
ถ้าตาไม่ฝาด ผมว่าผมเห็นแกยิ้ม
“ไม่โทรฯกลับเหรอ เผื่อมีธุระ”
“ไม่ต้องหรอก ไม่มีอะไร”
เก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกง
“ใครเหรอ”
อยากตบปากตัวเอง จะอยากรู้ให้มันได้อะไรขึ้นมา
ถ้ามีอะไร เฮียคงบอกผมเอง
“เพื่อนหน่ะ มันโทรฯมาทวงรายงาน”
“ผู้ชายหรือผู้หญิง”
คำว่าเพื่อนทำให้ผมสงสัย
“ผู้ชายสิ มีอะไรเหรอ”
หันหน้ามามองผมแบบจับผิด แกคงไม่รู้หรอกว่าผมกดรับสายไป
มันขึ้นแต่เบอร์ที่ไม่ได้รับสาย
“ปะ ปล่าว แค่อยากรู้ว่าผู้หญิงเขาเรียนหมอกันรึป่าว”
คำแก้ตัวงี่เง่าสิ้นดีเลยผม
“มันก็มีผู้หญิงทุกอาชีพนั่นแหละ”
“ไม่ต้องมีคำบรรยายใดๆสักคำให้ลึกซึ้ง
ไม่ต้องบรรยายอะไรให้สวยเลิศเลอ”
เสียงเพลงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ของเฮียดังขัดจังหวะ
แกหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกง
มองหน้าจอสลับกับหน้าผม
ผมพยักหน้าเป็นเชิงให้รับสาย
“ครับ”
“$#&*^%#$.....”
เสียงปลายสายดังเล็ดรอดออกมาให้ได้ยิน เสียงพูดเจื้อยแจ้ว
ฟังออกครับว่าเสียงผู้หญิง ท่าทางจะพูดเก่งน้ำไหลไฟสว่าง
“ครับ เพิ่งเสร็จธุระ ขอโทษครับ”
“$#&*^%#$.....”
เสียงปลายสายลดโวลุ่มลง เปลี่ยนเป็นเสียงหวานๆ”
“รับมาเรียบร้อยแล้วครับ เดี๋ยวเอาไปให้นะครับ”
พลันคิดไปถึงกล่องกำมะหยี่สีแดงในเก๊ะหน้ารถ
มือผมเย็นเฉียบ หัวสมองมึนงงราวกับโดนทุบ
หน้าชาเหมือนโดนตบแรงๆซ้ำๆจนไม่รู้สึกเจ็บ
“รอเดี๋ยวนะ”
เฮียเอามือปิดโทรศัพท์ไม่ให้เสียงที่คุยกับผมดังลอดเข้าไป
เปิดประตูออกไปคุยต่อข้างนอก
ภาพเฮียยืนยิ้มคุยโทรศัพท์อยู่นอกรถทำผมหายใจไม่ออก
คุยไป ปลายเท้าก็เขี่ยเศษก้อนหินเล็กๆตรงที่ยืนอยู่
ถ้าไม่รู้ ใครเห็นก็ต้องเดาได้ว่าคุยอยู่กับคนสำคัญ
กริยาราวกับแรกรัก
10 นาทีผ่านไป ไม่มีวี่แววว่าจะยุติ
ใจผมเต้นแรง อารมณ์โมโหถึงขีดสุด ความโกรธถึงจุดเดือด
“จะไปไหน หน่อยๆ จะไปไหน เดี๋ยวๆ”
คิดว่าผมจะเปิดประตูรถลงไปต่อว่าเหรอครับ
ปล่าวเลย ผมเปิดประตูรถแล้วเดินลิ่วออกไป
จะไปทางไหนก็ยังไม่รู้ กระเป๋าก็ไม่ได้หยิบออกมา
“เดี๋ยวจะไปไหน แค่นี้ก่อนนะครับ ครับๆ แป๊บเดียว”
ประโยคห้วนๆในตอนแรกพูดกับผม คนที่เรียกว่าที่รัก
ประโยคต่อมาพูดกับคนในสายที่ผมไม่รู้จัก
ลากผมกลับมาที่รถ หลังจากกดปิดการสื่อสาร
ผลักผมเข้าไปนั่งแล้วเดินอ้อมไปขึ้นรถด้านคนขับ
“เป็นบ้าอะไรขึ้นมา ห๊ะ”
เงยหน้ามามองแบบไม่เชื่อหูตัวเอง
คำพูดแสบสันต์ เชือดเฉือนเข้าไปถึงข้างในอก
“ถามว่าเป็นอะไร จะไปไหน”
น้ำเสียงลดความกระด้างลง เมื่อผมนิ่งเฉย
“โอ๊ยเจ็บ...”
“โทษที”
เฮียปล่อยมือที่บีบต้นแขนผมแรงๆก่อนหน้านั้น
คำขอโทษที่เย็นชา...สำหรับผม ผมที่เป็นคนรัก
น้ำตาปริ่มๆขอบตา กระพริบตาถี่ๆเอาไว้
อย่าทำตัวให้น่าสมเพชกว่านี้เลย”
“เป็นอะไรไป เฮียถามทำไมไม่ตอบ”
เสียงนุ่มกลับมาเหมือนเดิม น้ำเสียงแสดงความห่วงใย
“เอ้อ จะไปห้องน้ำอะ”
“แล้วก็ไม่บอก ไปสิครับ เฮียรอในรถนะ”
เปิดประตูก้าวออกไปตั้งหลัก เดินไปทางห้องน้ำ
อดหันกลับมามองไม่ได้
ในระยะมองเห็น
คนในรถหยิบโทรศัพท์มาคุยอย่างเพลิดพลิน
ราวกับก่อนหน้า ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ล้างหน้านับสิบๆครั้ง จนหน้าชา
จนตรอก จะหันหลังกลับหรือจะยืนหยัด
รวบรวมสติให้กลับมา
ใช้เวลาไปไม่น้อย
กลับมาที่รถ
“ครับๆ บายครับ”
ทันทีที่เปิดประตู ทันได้ยินประโยคร่ำลา
“เสร็จแล้วเหรอ พร้อมเดินทางรึยังครับ”
ยิ้มแย้ม หยอกเย้า เหมือนเดิม
แต่ผม...ไม่เหมือนเดิม
“รีบเหรอครับ”
“อืม เพื่อนมันโทรฯมาตามหน่ะ”
“เพื่อนคนเมื่อกี้เหรอ”
เฮียขับรถออกจากปั๊ม คงไม่ทันสังเกตว่าเสียงผมแหบๆ
“ไม่รู้จะตามอะไรนักหนา ก็จะไปอยู่แล้ว”
เลี่ยงที่จะตอบคำถาม
“เพื่อนผู้หญิงรึปล่าว”
รู้ทั้งรู้ว่าโกหก แต่อยากให้แน่ใจว่าไม่ได้คิดไปเอง
“ผู้ชายสิ ถามทำไม”
“ปะ ปล่าว..ไม่มีอะไร”
เอื้อมมือไปเปิดเพลงกลบเกลื่อน
“ฟังเพลงนะเฮีย ผมของีบแป๊บนึง”
“ครับๆ ถึงแล้วจะปลุก”
ลูบหัวผมเบาๆ แล้วหันไปมองทาง

“เหงา ยิ่งกว่าตอนที่ไม่เหลือใคร
ยิ่งเห็นทั้งเค้าและเธอก็ยิ่งเหงา
เหมือนมาอยู่เป็นแค่ส่วนเกิน ระหว่างเธอและเขา
เพิ่งรู้คนเดียวไม่เหงาเท่าสามคน” (เม จิระนันท์)
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
มีความรักต้องหนักแน่น
มีแฟนต้องหมั่นเอาใจ
หนักนิดเบาหน่อยพร้อมให้อภัย
สามีจะต้องการอะไร
ตามใจกันเข้าไป
ไหนๆก็ไปไม่รอด...อิอิ

วันนั้นต่างคนต่างแรง
เฮียมี่ยังเคืองเรื่องเกียร์ แถมสร้อยที่ให้ผมก็ไม่ใส่ใจ
ผมเองเริ่มหวาดระแวง เฮียไม่ชี้แจงให้เคลียร์
เพลียใจ ทำให้เสียเวลาไป
นานหลายปี
ช่วงนั้นยังไม่รู้แจ้งว่าเฮียไม่ได้ชอบผู้หญิงครับ
ย้อนกลับไปคิด
ถ้าเป็นผู้ชายจริงๆ น่าห่วงกว่านะครับ

ถ้าทันดึกๆจะมาลงอีกตอนนะครับ
ถ้าไม่ทัน
มาวันอาทิตย์เย็นๆค่ำๆ..ก่อน4ทุ่ม..ครับผม
สุขสันต์วันหยุด
ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ และบทกลอนครับ
