
สวัสดีครับคนอ่านทุกท่าน
เมื่อคืนนอนหลับเต็มที่ ตื่นมาสมองปลอดโปร่ง
ทำให้วันนี้เป็นวันดีอีกวันของผมครับ
พักผ่อนกันให้เพียงพอนะครับ
จะได้ตื่นมารับมือกับทุกสถานการณ์
(ดูดี มีสาระแปลกๆ...อิอิ)
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

นาฬิกาของคนรักกัน
“ความจริงก็เพิ่งเจอกัน ห่างกันแค่ไม่นานสักเท่าไหร่
ใจมันกลับกระวนกระวาย ตั้งแต่ตอนลับตาจากเธอนั้น
มองอะไรก็เห็นหน้าเธอ แต่เอื้อมมือไปไม่ถึงกัน
คำว่าเหงาเข้ามาเริ่มงาน ทำให้ฉันหวั่นไหว”
“ถ้าให้รอถึงพรุ่งนี้ แล้วคืนนี้หัวใจจะทำไง
กลัวมันจะทนไม่ได้ อาจขาดใจเสียก่อนจะพบกัน
เพียงนาทีที่ต้องรอคอย รู้ไหมมันช่างยาวนาน
นาฬิกาของคนรักกัน ช่างเดินช้า
เพียงนาทีที่เราไกลห่าง ความคิดถึงก็เข้ามาหา
คิดถึงสัมผัส คิดถึงสายตา และคำว่ารักจากเธอ”
“ใจเธอนั้นคิดยังไง ถ้าคืนนี้มีเพียงเธอกับฉัน
อยากให้เรากระซิบรักกัน ใช้เวลาร่วมกันทุกนาที” (กะลา)
http://www.youtube.com/watch?v=OHN9jv2V0wE----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

วันแห่งการรอคอยของผมและครอบครัว
วันรับปริญญาของผม
โดยไม่ต้องร้องขอ เฮียมี่อาสาทำทุกอย่างที่แกจะทำได้
ตั้งแต่จัดหารถตู้สำหรับญาติพี่น้องของผม
ใครต้องการไป-กลับก็จัดรถรับส่งถึงบ้าน
ใครต้องการพักค้างก็จัดหาโรงแรมที่พัก
อาหาร เครื่องดื่ม บริการไม่ขาดตกบกพร่อง
ดูแลผู้สูงอายุที่ค่อนข้างจุกจุกจู้จี้ตามวัย
ยิ้มแย้มแจ่มใส แก้ปัญหา จนทุกอย่างลุล่วงไปได้ด้วยดี
ไหนจะจัดหาช่างภาพมาบันทึกภาพแห่งความทรงจำ
หอบหิ้วข้าวของประดามี ทั้งของขวัญ ตุ๊กตา ช่อดอกไม้
“เฮียหล่ออะ ใจเฮียหล่อมาก”
เจ๊นิดที่เป็นลูกมือของเฮียมี่สรุปเมื่อจบงาน
“แหะ แหะ ใจนิวก็หล่อ”
“โพล๊ะ แกหน่ะหลบๆเลี่ยงๆ ชั้นเห็นนะ”
เจ๊นิดตบหัวไอ้นิวไปหนึ่งที
จริงๆก็เหนื่อยกันถ้วนหน้าแหละครับ
ลูกๆหลานๆก็ช่วยกันคนละไม้คนละมือ
แต่เฮียเป็นพ่องาน
“ขอบคุณครับเฮีย”
ผมยกมือไหว้ขอบคุณแกเมื่ออยู่กันสองคน
“ขอแค่เรายิ้มให้เฮีย อย่าทำหน้าบึ้ง
แค่นี้เฮียก็ยอมทุกอย่างแล้วครับ”
เฮียจับมือผมที่พนมอยู่ไว้
“เฮียเหนื่อยมากมั๊ยอะ”
หน้าเฮียเพลีย อ่อนล้า ก็น่าอยู่หรอก
พวกอากู๋ อาอี๊บ้านผมใช่ย่อย
ไหนจะญาติทางพ่ออีก ยังไม่รวมเพื่อนฝูงคนรู้จักอีกจำนวนหนึ่ง
แต่ละคนก็แต่ละความคิด คนนั้นจะเอาอย่างนั้น คนนี้จะเอาอย่างนี้
เฮียแกคงจะหมุนรอบตัว กว่าจะทำตามความต้องการของแต่ละคน
“ไม่หรอกครับ...สำหรับที่รักของเฮียไม่มีคำว่าเหนื่อยหรอกครับ”
เฮียหอมแก้มผมทีนึง แล้วยิ้มกว้าง
ก็ตั้งแต่ครั้งที่ผมไม่พอใจ เรื่องพี่จูนที่มานัวเนียเฮียของผมนั่นแหละ
ผมเลือกที่จะไม่พูดถึง เฮียก็ไม่พูด ต่างคนต่างทำเฉยกับเรื่องนี้
แต่ผมก็ยังมึนตึงกับแก แรกๆแกก็พยายามเอาใจ
พอนานเข้าก็เลยไม่หวานชื่นเหมือนเดิม
มันมีอะไรบางอย่างที่ขวางกั้นอารมณ์ความรู้สึกของเรา
ประกอบกับ เป็นช่วงสอบของผม
ลากยาวมาจนถึงวันรับปริญญา
แกดีกับผมขนาดนี้ผมก็จะทำลืมๆไปก็แล้วกัน
ของขวัญรับปริญญาส่วนใหญ่เป็นช่อดอกไม้กับตุ๊กตาครับ
ส่วนญาติผู้ใหญ่ก็เป็นเงินขวัญถุง รวมๆกันแล้วก็มากโข
เจ๊นิดให้ปากกายี่ห้อดัง ราคาแพง
ไอ้นิวให้กระเป๋าสตางค์
ที่ชอบที่สุด...แหวนจากเฮียครับ
แหวนทองคำขาวเกลี้ยงๆ มีเพชรเม็ดเล็กๆฝังอยู่ตรงกลาง
ผ่านช่วงเวลาดีๆไปสักพัก

ช่วงที่ผมทั้ง low down and drop ก็มาถึง
เริ่มจาก....
สมัครงานไปหลายที่ ที่อยากได้ก็ไม่เรียกตัว
ที่ได้ก็ไม่ตรงใจ ทั้งไกลทั้งเงินเดือนต่ำกว่ามาตรฐาน
จะด้วยเกรดผมก็คงไม่ผิด
หักลบค่าเช่าบ้าน กับค่าครองชีพ
คงเหลือเงินเก็บ เดือนละพัน สองพัน
ถ้าพักคอนโด ค่ารถก็มากโข
สภาพผมก็คงจะทรุดโทรมเกินวัย
บ้านผมที่ต่างจังหวัดก็จะหมดสัญญาเซ้งปีหน้า
แถวบ้านผมเขาจะเซ้งกันที10-20ปี
จ่ายเงินก้อนใหญ่เป็นค่าเซ้งให้เจ้าของตึก
รายเดือนก็ยังต้องจ่ายนะครับ แต่ไม่มาก
ค่าเซ้งหลักแสนเลยครับ
ครั้งที่แม่เซ้งรอบแรก 2แสน รายเดือน3000บาท
ครั้งนี้ถ้าจะต่อสัญญาค่าเซ้ง5แสน รายเดือน5000บาท
แล้วมติที่ประชุม
ยังจำกันได้มั๊ยครับ เรื่องใหญ่ๆในครอบครัว ต้องเข้าที่ประชุม
มติเป็นเอกฉันท์...ไม่ต้องต่อสัญญา
ให้แม่ย้ายมาอยู่บ้านใหญ่ อยู่กับอาม่า(แม่ของแม่)
บ้านใหญ่เป็นของอาม่าแต่ยกให้อากู๋ที่เป็นลูกชายคนโต
บ้านใหญ่อยู่อีกฟากของตลาดครับ
เป็นอาคารพานิชย์3ชั้น3คูหา ตีฝาห้องทะลุกันหมด
ด้านหน้าขายของพวกเครื่องเขียน แบบเรียน ขายดีครับ
ร้านใหญ่มีครบทุกอย่างเหมือนพวกศึกษาภัณฑ์
ชั้น2-ชั้น3 เป็นห้องนอน มีหลายห้องมากครับ
แต่ก่อนตอนแม่ผมเด็กๆ ก็อยู่กับอากง อาม่าที่นี่
ตอนนี้ห้องไหนไม่มีคนก็ใช้เป็นห้องเก็บของที่มีมากมาย
ตามขั้นบันไดยังมีของวางเลยครับ
บ้านใหญ่...สมาชิกในตอนนี้มีแค่ อากู๋ เมียแก อาม่า แค่3คน
ลูกๆมีครอบครัวแล้วก็แยกย้ายกันไป
คงเป็นเพราะแกมีแต่ลูกสาว แกรักผมกับไอ้นิวครับ
สมาชิกที่เหลือ ก็มีแม่ครัว1คน แม่บ้าน1คน
ลูกจ้างช่วยขายของ4คน เป็นผู้หญิง3คน ผู้ชาย1คน(ทำหน้าที่ส่งของครับ)
พี่แม่บ้านจะคอยดูแลอาม่าด้วยครับ
หากแม่มาอยู่ด้วย พี่ศรีก็มาด้วย
ทีนี้ก็จะมีคนช่วยขายของ ช่วยดูแลอาม่า
แม่ก็ไม่เหงา อาม่าก็มีความสุข
พี่ศรีหน้าตาแกพอออกสู่สายตาคนภายนอกได้แล้วครับ
เฮียมี่เป็นธุระพาแกไปทำศัลยกรรมตอนที่เฮียเรียนแพทย์
พาพี่ศรีไปพบอาจารย์หัวหน้าแผนก โชคดีที่อาจารย์แกเมตตาสงสาร
รับพี่ศรีเป็นคนไข้ เป็นกรณีศึกษา
ไม่ถึงกับเหมือนคนปกตินะครับ
แต่ก็ไม่สะดุดตา
ใครเห็นก็คิดว่าแกเป็นคนปากแหว่งเพดานโหว่
ระยะรองานผมก็ช่วยแม่ขายของ
มีเวลาเกือบปีก่อนย้ายไปบ้านใหญ่
วันหนึ่งผมไปถ่ายรูป เพื่อใช้สมัครงาน
ของเก่าใช้จนหมดโหลยังไม่ได้งานที่ต้องการ
ยอมรับว่าคิดมาก ถ้ายังไม่ได้งาน
คงต้องไปเป็นลูกจ้างขายของร้านอากู๋
ที่ร้านถ่ายรูปของเฮียปาน ทายสิครับว่าผมเจออะไร
เฮียปานนั่งคุยหยอกล้ออยู่กับผู้หญิงคนหนึ่ง
แกตกใจ เมื่อเห็นหน้าผม
“หน่อย มาได้ไงเนี่ย”
แกรีบปล่อยมือที่กุมกันอยู่กับผู้หญิงคนนั้นทันที
“ผมมาถ่ายรูปครับ”
ผมตอบแกเสียงราบเรียบไม่บ่งบอกอารมณ์
เฮียแกเข้ามาจะจับมือผม แต่ผมชิงกอดอกเสียก่อน
ไม่รู้สิ ไม่พอใจ น้อยใจมั๊ง
ถึงแกจะไปงานรับปริญญาของผมก็ตาม
แต่แกกลับมาบ้าน ทำไมไม่บอกไม่ไปหาผมมั่ง
เฮียแนะนำให้ผมรู้จักกับพี่ก้อย ก็ผู้หญิงคนที่นั่งหยอก
จับมือถือแขนกันนั่นแหละครับ
แกบอกว่าเป็นแค่เพื่อนที่เรียนวิศวะมาด้วยกัน
ผมไม่เชื่อหรอก อีกไม่นานก็คงเลื่อนมาเป็นแฟน
จะโกรธเฮียแกก็โกรธไม่ลง ยิ่งพี่ก้อยแกพูดจาดี ผมยิ่งรู้สึกแย่
ของเล่นที่เราไม่เล่นแล้ว ทิ้งๆขว้างๆ แต่พอมีคนจะเอาไป
เราก็ไม่อยากให้ ผมว่า...ผมหวงแก
กลับบ้านด้วยความเซ็งเล็กๆ
“หน่อย แกไปช่วยอาอึ้มข้างบ้านทีนะ เห็นแกตามหาอยู่”
ก้าวเข้าร้านแม่ก็สั่งให้ผมไปหาแม่เฮียพีท
อารมณ์ยังไม่คงที่ ไม่อยากเจอหน้าใคร
“อีกแป๊บได้มั๊ยแม่ ผมกลับมาเหนื่อยๆอยู่อะ”
“ไม่ได้ๆ ผู้ใหญ่เรียก เหนื่อยแค่ไหนก็ต้องไป”
เข้าไปในร้านแก เฮียพีทไม่อยู่
“มาๆ อาหน่อย มาช่วยอาอึ้มที อาพีทมันไม่อยู่”
“ทำอะไรครับอาอึ้ม”
บนโต๊ะมีกระดาษ มีซองสีแดงๆวางเต็มโต๊ะ
กล่องขนมมงคลของคนจีนกล่องสีแดงๆ
วางเกลื่อนทั้งบนโต๊ะ เก้าอี้ ที่พื้น
แถมยังที่อยู่ในกล่อง วางหลบมุมอยู่อีกกองโต
“ขนมหมั้นอาพีทไง อ้าวลื้อยังไม่รู้เหรอ”
ผมอ้าปากหวอ ทำหน้างง
“หมั้นกะใครครับ”
เสียงผมแหบแห้งเหมือนหมดแรง
วันเดียวผมเสียของเล่นไปถึง2ชิ้น
เฮียพีทแกทำพี่ไก่เบนโลครับ
พี่ไก่แกเป็นลูกสาวคนเดียวของเถ้าแก่โรงพิมพ์แถวๆบ้านเฮียมี่
อาอึ้มแกดีใจครับ ได้สะใภ้ถูกใจแถมมีหลานมาให้ทันใช้
ผมต้องช่วยแกเขียนรายชื่อแขก จัดขนมของหมั้น บัตรเชิญงานแต่ง
น่าโมโหเฮียพีทจริงๆเลย
หนีผมไปแต่งงาน แล้วผมยังจะต้องมาช่วยจัดการให้อีก
“เฮียพีทไปไหนอะครับ”
อดถามอาอึ้มไม่ได้ ดูสิปล่อยให้แม่ทำหลังขดหลังแข็ง
“อีพาอาไก่ไปลองชุดแต่งงานในเมือง
แล้วคงจะเลยไปเที่ยวห้างดูหนังกัน”
อ๊ากกกกกกกกกกกก

วันนี้ไม่ใช่วันของผม
แต่....
มีวันแย่ก็ต้องมีวันดีถูกมั๊ยครับ
พระเจ้าไม่ได้ทอดทิ้งผมเลยทีเดียว
“หน่อย ได้งานรึยัง”
เจ๊อ๋องมาหาผมที่ร้านครับ
“เอ้อ ก็รอๆอยู่อะครับ”
อายก็อาย หางานทำไม่ได้
“ไม่ต้องรอแล้ว ไปช่วยงานที่บ้านเจ๊เลยแล้วกัน”
โดนมัดมือชกจากเจ๊อ๋อง
และแรงทั้งผลักทั้งดันจากคนรอบข้าง
“ไปทำงานกับเจ๊อ๋องก็ดีหน่อย ใกล้บ้านด้วย งานก็ไม่หนัก”
เจ๊นิดคนแรก
“อย่างเฮียหน่อย ต้องอยู่ใกล้หูใกล้ตาผู้ใหญ่อะถูกแล้ว
จะได้ไม่นอกลู่นอกทาง”
ไอ้นิวครับ ได้ข่าวว่าชั้นเป็นพี่แกนะ(โว๊ย)
“ทำงานที่นี่แหละ แม่จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง”
แม่ผมพูดไปน้ำมูกน้ำตาไหลไป
แม่รักผมห่วงผมขนาดนี้เลยเหรอ...ซึ้งจริงๆ
“ศรี วันหลังเราอย่าใส่พริกให้มันมากนักสิ
ซี๊ด..เผ็ดจนปากเปิกพองหมดแล้ว”
อ้าว....นึกว่าร้องไห้อาลัยอาวรณ์ผม..แหงะ
“ถือว่าช่วยงานครอบครัวนะครับ แม่เฮียก็แก่แล้ว
เจ๊อ๋องคนเดียวดูแลไม่ทั่วถึง”
เฮียมี่เอาความสัมพันธ์ของเรามาเป็นตัวแปร
ผมเหรอจะกล้าขวางมติมหาชน
งานที่ร้านเฮียไม่ยากครับแต่เยอะ
แม่เฮียกับเจ๊อ๋องก็เอ็นดูผมเหมือนลูกหลาน
เงินเดือนรับมากกว่าอัตราปริญญาตรี
กินฟรี โบนัสก็ได้ ไหนจะของฝากที่มีมาบ่อยๆ
พอผมอยู่เจ๊อ๋องแกก็มีเวลาออกไปเปิดหูเปิดตาบ้างอะครับ
เวลาเฮียมาผมก็ค้างอยู่กับเฮียที่บ้านหลังร้าน
แม่ก็ไม่ว่าอะไรคิดว่าผมทำงานเสร็จช้า
เลิกดึกก็ให้นอนที่บ้านเฮีย
แล้ววันโลกแตกของผมกับเฮียก็มาถึงโดยไม่ทันตั้งตัว
กลางดึกคืนวันเสาร์
คืนนั้นฝนตกพรำๆ เหมาะแก่การนอนเป็นอย่างมาก
หลังกิจกรรมเข้าจังหวะ
เฮียกับผมเผลอหลับไปทั้งชุดวันเกิด
นอนกอดก่ายกันใต้ผ้าห่มผืนหนาผืนเดียวกัน
“ก๊อกๆ”
ไม่มีใครขยับตัว หรือขานรับ
เสียงเคาะประตูไม่ดังมาก
จากเสียงฝนที่มันดังกว่า ทำให้ไม่มีใครได้ยิน
“แกร๊ก”
“แช๊ะ”
ประตูเปิดออก
ตามมาด้วยแสงสว่างจากหลอดไฟบนเพดาน
ผมกับเฮียผลุดลุกนั่งเกือบพร้อมกัน
หน้าตาตื่น ผมเผ้ายุ่งเหยิง
ลำตัวท่อนบนเปลือยเปล่าทั้งคู่
ผ้าห่มช่วยปกคลุมท่อนล่างไม่ให้อุจาดตา
“แม่”
เฮียเรียกด้วยความตกใจ
“.....”
ผมพูดไม่ออก ตัวชาดิก
“ไอ้มี่”
แม่เฮียตวาดเสียงดังกลบเสียงฝน
“เวร...”
เจ๊อ๋องทำตาเหลือกมองเพดานห้อง

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ตอนหน้าเซอร์ไพรส์หนักเข้าไปอีกครับ
แม่เฮีย.....จะรับลูก(สะใภ้)แบบผมได้หรือไม่
แล้วแม่ผม.......จะรับลูก(เขย)แบบเฮียได้มั๊ย
ผมเท่านั้นที่จะบอกคุณได้
อ้าว
ก็มันเป็นเรื่องของผมนี่นา....แหะ แหะ
ว่าแต่อยากรู้กันแล้วสิครับ
เจอกันตอนหน้าครับผม

คำเตือน
ชื่อตอนกับเนื้อเรื่อง..เนื้อหา อาจไม่เกี่ยวข้องกัน
เป็นความชอบส่วนตัวล้วนๆครับผม
