
วันนี้ไอ้หน่อยพิมพ์นิยายได้ถึงสามตอนครับ
แต่ที่รักงอนตุ๊บป่องนอนหลับไปแล้ว...อิอิ
รู้สึกเหมือนเงาหัวจะหายไปวุ๊ย

ชายผ้าเหลือง
ก่อนจะไปถึงชายผ้าเหลือง
ผมขอพูดถึง.......“งานสังคม” ก่อนนะครับ
งานสังคมคืออะไรเหรอครับ
งานที่ทำเพื่อสังคมส่วนรวม
หรืองานที่นายสังคมทำ
เอ...หรืองานที่ครูสั่งในวิชาสังคมกันนะ
เฮ่ย...ช่างมันเหอะครับ
อากาศร้อนแล้วเพี้ยน อิอิ
งานสังคมของผม คือ
งานแต่งงาน งานศพ งานขึ้นบ้านใหม่
งานบวช งานวันเกิด งานเกษียณอายุ งานแซยิด
งานเลี้ยงรุ่น งานสังสรรค์ งานเกิดอยากจะกิน
สารพัดสารเพ ทั้งหมดทั้งมวล
เราเรียกมันรวมๆว่า....งานสังคม
สำหรับผมกับเฮียมี่
เรามีความคิดเห็นตรงกันเป๊ะๆว่า
งานสังคมแบ่งแยกเป็นสองประเภท คือ
งานสุข และ งานเศร้า
งานสุขนั้น ชื่อก็บ่งบอกอยู่แล้วว่า
เจ้าของงานและผู้มาร่วมงานมีความสุข
อาทิเช่น งานแต่งงาน งานวันเกิด
คนที่ไปร่วมงานก็มักจะต้องแต่งเนื้อแต่งตัว
ให้เอิกเกริกเหมาะสมกับงาน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าของงาน
งานเศร้าล่ะครับ
หนีไม่พ้นงานศพ
ไม่ว่าจะสวด จะฝัง จะเผา ก็ตาม
ผมกับเฮีย
งานสุข เราไปครับ หากไม่ติดธุระใดๆ
แต่ไม่ซีเรียสมากแล้วแต่ความสัมพันธ์
รักมากเราก็ควงคู่กันไป
รักปานกลางหรือรักน้อยหน่อย (มิใช่หน่อยน้อยน้า)
ก็แล้วแต่อารมณ์ของผม
เฮียแกไปอยู่แล้วครับ ตามหน้าที่การงาน
และความเป็นผู้หลักผู้ใหญ่
(เค้าป่าวว่าเฮีย..อายุเยอะเน้อ)
งานสุข หากเรามีโปรแกรมอยู่ก่อนแล้ว
เช่นจะไปเยี่ยมแม่ผม
เราก็จะแวะไปสักนิด
หรือไม่ก็แจ้งเจ้าของงานไปว่าติดธุระ
แต่สำหรับงานเศร้า
เราจะให้ความสำคัญมากถึงมากที่สุด
ไม่ป่วยไม่ไข้ลุกไม่ขึ้น
เจ้าภาพจะต้องได้เห็นหน้าหล่อๆของเฮีย
และหน้าแบ๊วๆซีดๆของผม
นอกจากไปงานอย่างตั้งใจและเต็มใจแล้ว
ต้อง"สำรวม"ครับ
การไปงานเศร้าไม่ได้สักแต่ว่า
แค่ใส่ชุดดำไปงานเท่านั้นครับ
สิ่งที่ผมไม่ชอบใจเลยคือ
การไม่สำรวมหรือไม่ให้เกียรติ
ผู้เสียชีวิตและเจ้าภาพงาน
ไปงานใส่ชุดดำจริง
แต่แต่งหน้าทาปากแดงแจ๋
สวมใส่เครื่องเพชรสะท้อนวูบวาบ
ชุดดำที่ใส่ก็ใช้ผ้ามันเลื่อมเป็นประกาย
เปิดหน้าเปิดหลังสั้นเต่อ
ไม่ผิดหรอกครับ แต่ไม่ถูกกาลเทศะ
อีกอย่างที่สำคัญก็คือ
การซักไซ้ไล่เรียงรายละเอียดของการสูญเสีย
คนตายอายุเท่าไหร่ ตายยังไง
ตายที่ไหน สั่งเสียรึป่าว ลางสังหรณ์มีมั๊ย
ทะเบียนรถ อายุ พ.ศ.เกิด
(อาเจ๊คนถามแกจะไปแทงหวยครับ)
ผมสองคน อ้าว ผมมีสองคนเหรอ...คริคริ

ผมกับเฮียจะเข้าไปทักทายเจ้าภาพ
ด้วยประโยคที่คัดสรรมาแล้วว่า
“เสียใจด้วยนะครับ ท่านไปสู่สุขคติแล้วครับ”
“สู้ๆนะครับ ขอเป็นกำลังใจให้”
“เสียใจได้แต่อย่านานนักนะครับ
คนข้างหลังที่ต้องดูแลยังรอคุณอยู่”
“อย่าเพิ่งท้อแท้นะครับ เหนื่อยนักก็พักก่อน”
“หาเวลาพักสักนิดนะครับ
ยังมีเรื่องต้องทำอีกมากมาย”
“ดูแลตัวเองด้วยนะครับ
อย่าให้ล้มเจ็บไปเสียก่อน”
“อย่าโทษตัวเองเลยครับ
คุณทำดีที่สุดแล้ว”
ทำนองนี้แหละครับ
ที่เราพูดกับเจ้าภาพเวลาไปงานศพ
แล้วนั่งสำรวมสงบๆฟังพระสวด
ไม่เล่นมือถือ ไม่เม้าท์มอย
ทักทายคนรู้จักพอประมาณ
ไม่หัวเราะยิ้มแย้ม ไม่เล่าเรื่องโจ๊ก
ผมนั่งข้างๆเฮีย ต่างคนต่างฟังพระสวด
บางช่วงบางตอนที่พระไม่ได้สวดไม่มีพิธีการใดๆ
เราก็จะนั่งทบทวนตัวเอง
การมางานเศร้ามีข้อดีคือ
ทำให้เรามีสติไม่ประมาทครับ
และยังจะทำให้ได้คิดตระหนัก
เห็นคุณค่าของคนที่นั่งอยู่ข้างๆเรา
เราไม่ได้สูญเสียคนที่เรารักไป
เหมือนเจ้าภาพของงาน
เรายังมีโอกาสมอบสิ่งดีๆทำสิ่งดีๆให้แก่กัน
รีบเถอะครับ
ทำเสียตอนที่ยังมีโอกาสทำ

******************************************************
สาระเยอะไปล่ะ
เอาไม่มีสาระมั่งดีกว่า
ผมรู้ว่าคุณชอบ คริคริ
“เฮียหน่อย...บัตรเชิญครับ”
ไอ้น้องบอยมันยื่นซองจดหมายรักให้ผม
ทำไมไม่ไลน์มาฟ๊ะ ชาวบ้านรู้กันหมดเบย
“เฮ๊ยยย ม่ายอาววว
คนเขาไม่ว่างมีแฟนแล้ว
ไม่คิดมีกิ๊ก ถึงจะหล่อก็เหอะ”
ผมคนดีมีศีลมีธรรมนะครับ ไม่ใช่คนใจง่าย
(แต่ได้ไม่ยาก..เฉพาะที่รักคร้าบ)
“เฮ้อเฮียหน่อยนะเฮียหน่อย มโนไม่เลิก
ผมจะลาบวชครับ
เชิญเฮียกับเฮียหมอไปร่วมงานด้วยครับ”
“ว๊าหลงดีใจ...เย๊ยยยย จะบวช”
บวช...บวชมันก็ต้องโกนหัวโกนคิ้ว
หวายๆๆๆ ไม่หล่อแล้วเอ็ง ชิส์
“ผมเลยยี่สิบมาหลายปีแล้วครับ
อยากบวชให้พ่อกับแม่เกาะชายผ้าเหลืองครับ”
ไอ้น้องบอยมันตอบผมแล้วทำหน้าเอือมๆ
“เกาะมัยอ่าาา...”
เคยมั๊ยครับ
เวลาเด็กเอ๊าะๆขบเผาะ หน้าตาดีหุ่นเซี๊ยะ
มาให้ลวนลามทางสายตา
ไอ้เราก็อยากกวนโอ๊ยมันซะงั้น
“เฮียหน่อยครับ...”
หน้าบึ้งจุง
“คร้าบบบบ น้องบอย”
ซะหน่อย
“ผมไปทำงานดีกว่า
ฝากเชิญเฮียหมอด้วยนะครับ”
มันว่าแล้วมันก็ไป...ทำงาน
เฮ๊ยยยย
แล้วใครจะทำงานแทนน้องมันล่ะ กำ

*******************************************
“ทำไรกันเนี่ย
ห่อของขวัญกันเหรอ วันเกิดใครอ่ะ”
ผมเดินชิวตัวปลิวเข้ามาในร้านกาแฟตอนหลังเที่ยง
เด็กร้านทั้งสี่ ฮีสอง..ชีสอง...
สุมหัวกันที่หลังเคาน์เตอร์
เจริญล่ะ ลูกค้าไม่มีสักคน
เดือนนี้ยอดยิ่งตกๆอยู่ด้วย
เดี๋ยวให้ใส่หัวหมีออกไปโบกเรียกลูกค้าหน้าร้านซะดีมั้ง
ว่างเกิ้น ลูกน้องกรู
“สวัสดีครับเฮียหน่อย”
“สวัสดีค่ะเฮียหน่อย”
สี่เสียงประสานกัน
แต่ไม่มีใครเงยหน้ามาดูผมเลย
“ช่างเต๊อะ...พิมพ์นิยายดีก่า”
ผมเข้ามาในห้องส่วนตัว
นั่งพิมพ์นิยายก๊อกๆแก๊กๆ
จิ้มจึ๊กๆจนเมื่อยนิ้ว
น้ำส้มหมดไปหนึ่งแก้ว
ลุกไปฉี่สองรอบ
ผายลมไม่นับ ไม่ได้กินถั่วอ่ะครับ
เงยหน้าขึ้นมาดูโลกภายนอก
ม๊อบฮีแอนด์ชียังไม่สลายตัวครับ
ผมนั่งมองพวกน้องมันอย่างจับผิดพฤติกรรม
เฮ้อ...ไอ้น้องบอยนี่มันหล่อจุง
ไอ้น้องนายมันก็ปราดเปรียว
วันก่อนยุให้มันเต้นบีบอยให้ดู
โห...แข็งอ่า...แข็งแรงอ่า
อย่ามองผมว่าหัวงูนะครับ
ผมเอ็นดูเด็ก(ชาย) ผิดตรงไหนครับ
มีเสียงลอยมาว่า...
ผิดทั้งหมดนั่นแหละ
คิดแต่ละอย่าง ไม่กามก็เสื่อม อิอิ
กามวันละนิด จิตแจ่มใส
ถ้ากามทั้งวันล่ะ...
เค้าก็เพลียอ่ะดิ...ถามด้าย

ลูกค้าเดินเข้ามาแล้วสองคนถ้วน
อืมมมม มีคนออกไปต้อนรับ
มีคนตามไปรับออร์เดอร์
อีกคนเตรียมชง(กาแฟ)
อีกคนรอออกบิล
ใช้ได้วุ๊ย
ที่ร้านจะมีเซ็นเซอร์เวลาคนเข้าออกครับ
จะได้ไม่ต้องคอยชะเง้อเหลือบมองประตู
ให้คอยืดคอยาว
***************************
เผลอแป๊บเดียวเหลือบดูนาฬิกา
ใกล้สี่โมงเย็น
โห...พิมพ์นิยายสามชั่วโมงเต็มแน่ะ
นานกว่าดูหนังอีกครับ
เวลาดูหนัง อ่านนิยาย เขียนนิยาย
มันเหมือนผมหลุดไปอีกโลกหนึ่ง
โลกที่ผมอยากทำ อยากเป็นอะไรก็ได้
ไม่มีผิดถูก ไม่มีใครจับจ้อง
ปลดปล่อยฝุดๆ
ผมเดินนวยนาด(เดินไงวุ๊ย)ออกมาข้างนอก
เฮ้อ...ยังเกาะกลุ่มเป็นก้อนกลม
เอ๊ะ...รึว่า
พวกมันจะ.....อร๊าย...ด้วยดิ(ปลงกับความคิดตัวเอง)
“เฮียหน่อยจะทานอะไรมั๊ยคะ
น้ำ ขนม รึว่าวุ้นน้ำแดงส่ายนมดีคะ..คริคริ”
เอิ่มมม จะดีเหรอตะเอง
เก็บนะโอม..โนม..ไปส่ายบ้านใครบ้านมันดีป่ะ
แต่ถ้าส่ายข่ายล่ะก็นะ
ตรงนี้เวลานี้ ได้เลย จัดห้าย
“ม่ายอ่ะ กลัวเสียวววว...ฟัน”
ตอนลากเสียงก็สาดสายตาไปทางน้องบอยกระจึ๋งนึง
“แล้วนี่ยังห่อของขวัญกันไม่เสร็จอีกเหรอ
ใครเกิดมากมายก่ายกองกันเชียว”
“ฮะ ฮะ ฮ่า”
พวกมันหัวเราะพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย
“ไม่ใช่ห่อของขวัญค่ะเฮียหน่อย
พวกหนูช่วยกันพับเหรียญโปรยทานน่ะค่ะ”
น้องเปิ้ลแคชเชียร์พี่ใหญ่ในกลุ่ม
เป็นตัวแทนชี้ทางสว่างให้ผม
“เหรียญโปรยทาน”
“ใช่ค่ะเฮียหน่อย พับไม่ยากหรอกค่ะ เพลินดี”
น้องแอนชูอะไรสักอย่าง แล้วยื่นส่งมาให้ผมดู
“อ้าว...แล้วที่เป็นพลาสติกใสๆเหลืองๆ
รึว่ากระดาษอะไรนั่นล่ะ
มันไม่ใช่ที่เขาโปรยทานงานบวชเหรอ”
ผมคุ้นๆว่ามันแค่เอาพลาสติกมาห่อเหรียญ
แล้วบิดเป็นเกลียวหลายๆรอบ
ไม่ให้เหรียญมันหลุดออกมานี่นา
“โหย เฮียหน่อย
นั่นมันยี่สิบปีที่แล้วมั๊งครับ
ยุคนี้มันไม่ฟินแล้วแบบนั้นน่ะ”
ไอ้น้องนายมันทำหน้าราวกับว่า
“ไม่รู้ไรมั่งเลยลุง”
“ก็ชั้นมันคนห่างวัดนี่นา
คนจีนอ่ะ ลูกครึ่งด้วย
เกาหลีสไตล์อ่ะ ยูวโน้ว”
เสียตังค์ไม่ว่าเสียหน้าไม่ได้ครับ...ไอ้หน่อยไม่ยอม
“ผมขอโทษครับเฮีย
ที่เอามาให้พี่ๆน้องๆช่วยทำในเวลางาน”
ไอ้น้องบอยยกมือไหว้ผม
โถ...พ่อคุณ ช่างมีมารยาท
ไม่เหมือนไอ้พวกนี้..เชอะ
“ไม่เป็นไรหรอกบอย
คนเราใช่จะบวชกันบ่อยๆ”
ผมตอบกลางๆอ่ะครับ
เดี๋ยวจะว่าเลือกปฏิบัติ
“ว่าแต่เฮียหน่อยบวชรึยังครับ”

ฝันดีทุกคนครับผม จูบุ๊ จูบุ๊

(กระดึ๊บๆเข้าไปนอน)