(ตะแน๋วกิ๋วกิ้ว) รออยู่เลย โทษตะแน๋วมาช้าละกันนะมูมู่

YO_OY ชีวิตเส้นทางแห่งความรักของทุกคนไม่ได้เหมือนกัน บางคนสวยงาม บางคนเต็มไปด้วยขวากหนาม

หมูพูห์ เอามาม่าละกันชอบ แต่เด่วนี้กินไม่ได้แล้วหง่ะ แพ้ผงชูรสไปแล้วเศร้า

shell ยังไม่ถึงไหนเลยครับ ตอนนี้เศร้าเท่าไหร่ เตรียมคูณ 100 เข้าไปเลยครับ

GobGab อ่าจายอ่อนเลยเห็นแววตาดำๆเด็กน้อย เอิ้กๆ

Aki_Kaze อืมพูดเป็นนัย ยังไม่ค่อยเก็ต แต่อืมดีแล้วหล่ะที่ไม่เข้าจาย น่าจะไม่ค่อยดีป่าวหวา

*****************************************************************************************************************
กุมภาพันธ์ ของปีเตอร์ คอป
[wma=300,50]http://f1.podcast.blog.webs-tv.net/upload2/new/e/e/a/eead8016b7c106b9153ec8acc1bbecfb.mp3[/wma]
*************************************************************
*****************************************************************************************
.............ขอให้รักเรานั้นนิรันดร….....( 7 )
ความรักของผมเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งในชีวิต
รักครั้งแรกของผมมาเร็วเกินไป….แต่รักครั้งสุดท้าย กลับมาสายเกินกว่าผมจะรู้ตัว
-------------------------------------------------------
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้นผมก็รีบตื่นแต่เช้าเพื่อเดินทางไปสมทบกับเพื่อนคนอื่นๆ ที่โรงเรียน การเข้าค่ายในครั้งนี้จะแยกกันระหว่างลูกเสือและเนตรนารีโดยพวกลูกเสือจะต้องไปเข้าค่ายที่โรงเรียนต่างอำเภอ ในขณะที่กลุ่มเนตรนาทีจะไปเข้าค่ายที่โรงเรียนสตรีแห่งหนึ่งในตัวเมือง
พวกเรามารวมหมู่กันที่บริเวณหน้าเสาธงซึ่งคงเป็นโชคดีที่ผมกับทีมได้อยู่กันคนละหมู่กัน อย่างน้อยผมก็คงพออาศัยเวลา 2 วัน 1 คืนนี้หลบหน้าทีมและไปทำใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นได้
อันที่จริงผมก็แอบคิดว่าต่อให้เราต้องอยู่หมู่เดียวกันก็คงไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะทีมก็คงไม่มาตอแยอะไรกับผมอีกในเมื่อเขามีพี่ดาวอยู่แล้วทั้งคน ในขณะที่ผมเองก็คงไม่มีหน้าไปพูดกับเขาอีกแล้ว
ถึงแม้ผมจะรู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่ได้อยู่คนละหมู่กับทีม แต่คงเป็นโชคร้ายที่คนที่กลับมาอยู่หมู่เดียวกับผมกลับเป็น “บาส”
“ว่าไงบี คืนนี้มีใครนอนเป็นเพื่อนหรือยัง”
บาสเริ่มบทสนทนาที่ส่อถึงเจตนาลามกอันเป็นนิสัยเสียที่แก้ไม่หายของเขาในขณะที่เรากำลังนั่งรถบัสไปที่ค่ายด้วยกัน
“มี ไม่มีแล้วยังไง” ผมพยายามตอบอย่างเก็บอาการแม้จะเหลืออดกับพฤติกรรมของนายคนนี้เต็มทน
“อ้าวก็ถ้าไม่มี เราจะได้ไปนอนเป็นเพื่อนไง เผื่ออยากได้เพื่อนแก้หนาว” ว่าแล้วเขาก็เอาไหล่เข้ามาชิดกับผมให้มากขึ้น
“.........” ผมได้แต่นิ่งเงียบไม่มีปฏิกิริยาอะไร สำหรับคนประเภทนี้ต่อให้โวยวายหรือตอบโต้อะไรที่รุนแรงกลับไปก็คงไม่ได้ผล และดูเหมือนผมจะเลือกวิธีที่ถูกต้องเพราะบาสเองก็สงบปากสงบคำลงในทันที
“มีอะไรกับไอ้ทีมมันหรือเปล่า”
คำถามที่บาสเอ่ยขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยทำให้ผมอดตกใจไม่ได้
“ปล่าวนี่ ทำไมเหรอ”
ผมพยายามเก็บอาการ และพยายามนึกให้ออกว่าเขากำลังจะมาไม้ไหน เขาซึ่งถือเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของทีมจะรู้เรื่องอะไรระหว่างผมกับทีมบ้าง ทีมจะเคยพูดหรือเล่าเรื่องราวระหว่างผมกับเขาให้บาสฟังบ้างมั้ย แต่เมื่อคิดอีกทีผมก็คิดว่าคงเป็นไม่ได้เพราะถ้าหากเขาพูดไปก็เท่ากับเปิดเผยให้คนอื่นรู้นะสิว่าเขาเป็น “เกย์” เขาคงไม่กล้าถึงขนาดนั้นหรอก และดูเหมือนสิ่งที่ผมคิดจะถูกต้อง
“ปล่าว ก็เห็นไม่ค่อยคุยกันเหมือนเคย แต่ก็อย่างว่าล่ะน๊า คนกำลังมีความรัก มันก็คงต้องเอาเวลาไปให้เมียมันหมด จะมามัวสนใจเพื่อนฝูงได้ไง ดีนะเนี้ยที่เขาแยกลูกเสือกับเนตรนาทีไปคนละที่ ไม่งั้นคืนนี้คุณน้องดาวต้องเสร็จไอ้ทีมแน่ เอ๊ะหรือว่าอาจจะเสร็จไปแล้วมั้ง”
ผมอดรู้สึกเจ็บแปลบกับคำพูดของบาสไม่ได้จึงเอาแต่นั่งนิ่งเงียบแล้วแกล้งทำเป็นหลับไปตลอดทางจนไปถึงที่พัก
หลังจากพวกเราใช้เวลาที่ครูฝึกมอบให้อย่างน้อยนิดในการจัดเก็บสัมภาระ พวกเราก็ต้องรีบวิ่งกลับมารวมหมู่กันอีกครั้งเพื่อเตรียมตัวสำหรับการเดินทางไกลด้วยเท้าและเข้าฐานต่างๆที่เตรียมไว้ซึ่งต้องใช้เวลาตลอดทั้งวัน
ในช่วงเวลาที่มีการเดินทางไกลและต้องเข้าฐานต่างๆ ที่มีตั้งแต่ระดับง่ายไปจนถึงขึ้นยากลำบากนั้น ผมอดรู้สึกไม่ได้ว่าบาสได้เข้ามาวนเวียนอยู่ใกล้ ๆ ผมตลอดเวลา และเขามักจะเป็นคนที่ยื่นมือมาช่วยเหลือในเวลาที่ผมตกที่นั่งลำบาก หรือมีปัญหาทุกครั้ง
จนแม้กระทั่งครั้งนึงเขายังถึงกับเสนอขอช่วยถือสัมภาระที่หนักอึ้งของผมให้ทั้งๆ ที่เขาก็ต้องถือของเขาอยู่แล้ว 1 ใบ เมื่อเห็นว่าผมเริ่มจะไม่ไหวกับการแบกกระเป๋าใบนั้น
ความเป็นห่วงเป็นใยที่บาสมีให้ผมตลอดทั้งวันนั้นไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกขอบคุณหรือไว้ใจเขามากขึ้น ในทางตรงกันข้ามผมกลับรู้สึกว่า “คืนนี้ ผมคงต้องระวังตัวให้มากขึ้นเป็นพิเศษ” รวมทั้งอดคิดไม่ได้ว่าคงจะดีกว่ามากถ้าคนที่มาดูแลเอาใจใส่ผมในวันนี้จะเป็น “กอล์ฟ” หรือ “ทีม” แทนที่จะเป็น “บาส”
ในช่วงเย็นหลังจากที่พวกเราหุงหาอาหารทานกันด้วยตัวเองจนเสร็จสิ้นแล้ว ก็ได้เวลาของกิจกรรมรอบกองไฟซึ่งสำหรับผมถือเป็นกิจกรรมที่น่าเบื่อและไม่มีอะไรพิเศษนอกจากการแสดงที่แต่ละกลุ่มละกองงัดกันออกมาโชว์ซึ่งบางครั้งทำให้ผมอดรู้สึกง่วงไม่ได้ จนเมื่อถึงเวลาจบจากกิจกรรมรอบกองไฟผมจึงเป็นคนแรกๆที่รีบลุกออกมาจากที่นั้นแล้วกลับไปยังห้องนอน
ห้องเรียนของนักเรียนได้ถูกแปลสภาพเป็นห้องนอนชั่วคราวให้กับพวกเรา ผมจึงต้องนอนบนพื้นห้องที่อย่างน้อยก็มีเสื่อปูลาดเป็นทางยาวไว้ให้ ผมพยายามจับจองที่นอนที่มั่นใจว่าได้ถูกประกบด้วยเพื่อนที่ไว้วางใจได้ 2 – 3 คนและพยายามดูว่าที่นอนของตัวเองนั้นได้อยู่ห่างจากที่นอนของบาสในระยะพอสมควรแต่เพื่อให้มั่นใจสุดๆ ผมจึงแสร้งทำทีเป็นอ่านหนังสือเพื่อรอให้เห็นก่อนว่าบาสได้นอนลงในที่นอนของตัวเองอย่างเรียบร้อยแล้ว
ผมนั่งคอยว่าเมื่อไหร่บาสจะกลับมานอนจนกระทั่งมีเพื่อนขอปิดไฟในห้อง ผมก็ยังไม่เห็นวี่แววของนายคนนี้จนใจหนึ่งก็อดคิดไม่ได้ว่า หรือว่าเขาจะหาคนอื่นเป็นเหยื่อได้แล้ว ผมจึงตัดสินใจล้มตัวลงนอนแต่ในวินาทีนั้นเองที่ผมได้ยินเสียงของบาสที่กำลังเดินคุยกับใครคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้องซึ่งนั่นทำให้ผมต้องลุกขึ้นนั่งทันทีเพราะเสียงที่กำลังคุยเข้ามาในห้องกับบาสนั้นเป็นเสียงที่ผมคุ้นเคยเป็นอย่างดี
“เฮ้ยพวกเรา คืนนี้ไอ้ทีมมันขอมานอนที่นี่ด้วยว่ะ”
บาสพูดดังจนทั่วทั้งห้องได้ยินแต่ดูเหมือนขณะที่พูดเขาจะตั้งใจหันมามองทางผมเป็นพิเศษ แต่ในขณะเดียวกันผมกลับสังเกตว่าทีมกลับหันไปมองทางอื่นโดยไม่หันมามองผมแม้แต่หางตา
ดังนั้นผมจึงล้มตัวลงนอนอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นักแม้ในใจจะอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมทีมต้องย้ายมานอนที่ห้องนี้ด้วย
เช้าวันต่อมาผมค่อยๆลุกขึ้นอย่างงัวเงียเนื่องจากความเหน็ดเหนื่อยจากกิจกรรมเดินทางไกลเมื่อวานทำให้ผมหลับสนิทตลอดทั้งคืน แต่เมื่อผมค่อยๆลุกขึ้นก็ต้องประหลาดใจอย่างที่สุดเมื่อเห็นทีมกำลังนอนหลับอุตุอยู่ที่ปลายเท้าผม
จะเป็นความตกใจ ความสงสัย หรืออะไรก็แล้วแต่ทำให้ผมรีบลุกขึ้นแล้วเดินข้ามร่างของทีมที่นอนหลับสนิทอยู่ออกมานอกห้องอย่างกระวนกระวาย
แต่ก่อนที่ผมจะคิดอะไรไปมากกว่านั้นก็พอดีมีเสียงประกาศเรียกให้ทุกคนลงไปรวมตัวกันที่สนามหน้าเสาธงในอีก 10 นาทีเพื่อออกกำลังกายยามเช้า ผมจึงรีบกลับเข้าไปในห้องอีกครั้งเพื่อไปหยิบแปรงสีฟัน และก็พบว่าทีมได้ตื่นเรียบร้อยแล้ว
ผมเดินเข้าไปหยิบแปรงสีฟันและยาสีฟันในห้องออกมาโดยพยายามไม่หันไปมองเขาแล้วรีบออกมาจากห้องนั้นให้เร็วที่สุด
ตลอดเช้าวันนั้นสติของผมกระเจิดกระเจิงไม่มีชิ้นดีเมื่อพยายามคิดยังไงก็คิดไม่ออกว่าทำไมทีมถึงต้องมานอนที่ปลายเท้าผมทั้งๆที่ภายในห้องยังมีที่อีกเหลือเฟือที่เขาจะไปนอนตรงไหนก็ได้ รวมทั้งอดแปลกใจอีกไม่ได้เมื่อเห็นทีมมาทานข้าวเช้า และ ร่วมกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ด้วยการเก็บขยะกับหมู่ของผมทั้ง ๆที่หมู่ของเขาต้องไปรับผิดชอบอีกสถานที่หนึ่งซึ่งคงเป็นโชคดีที่อาจารย์ไม่ได้เข้มงวดกับกิจกรรมในวันนี้นัก
ตลอดเวลาที่ทีมมาร่วมกิจกรรมกับหมู่ของผมไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมใด เขาก็ยังแสดงอาการเหมือนเดิมคือไม่มีท่าทีสนอกสนใจผมแต่อย่างใด เขาพยายามทำเหมือนว่าผมไม่มีตัวตนอยู่ในโลกนี้ซึ่งนั่นทำให้ผมต้องทนดูพฤติกรรมนี้อย่างเจ็บปวด
ความรู้สึกไม่สบายเพราะตากน้ำค้างมาเมื่อคืนแถมยังต้องมาเก็บขยะอยู่กลางแดดเปลี้ยงอย่างนี้ทำให้ผมเริ่มรู้สึกเหมือนจะเป็นไข้ รวมทั้งมีอาการคลื่นเหียนเหมือนอยากจะอ้วกออกมาจนเพื่อนที่อยู่ใกล้กันต้องถามขึ้นมาด้วยความห่วงใย
“บี เป็นอะไรหรือเปล่า หน้าซีดเชียว”
“ไม่รู้สิ เหมือนอยากจะอ้วกน่ะ ขอตัวเดี๋ยวนะ”
พูดจบผมก็รีบปลีกตัวออกมาจากกลุ่มเพื่อนๆ แล้วเดินไปยังสวนป่าที่มีร่มไม้หนาทึบด้านหลังโรงเรียนแล้วค่อย ๆ นั่งลงบนม้านั่งในสวนอย่างอ่อนแรง
“ อะไรเนี้ย แค่คืนเดียวก็ท้องแล้ว ก็อยากสำส่อนไปนอนกับใครพร่ำเพรื่อก็อย่างเงี้ย ใครเป็นพ่อเด็กล่ะ ไอ้ตั้ม ไอ้ปอ หรือว่าติดมาตั้งแต่ไอ้กอล์ฟ ผัวเก่า ”
ประโยคถากถางของทีมที่ตามผมมาทำให้ผมต้องลุกขึ้นและยืนมองเขากลับไปอย่างไม่สามารถจะตอบโต้อะไรได้
ผมยอมรับว่าในเวลานั้นผมไม่ได้รู้สึกโกรธต่อสิ่งที่เขาเพิ่งพูดออกมา ความรู้สึกผิดในสิ่งที่ผมเคยทำลงไปทำให้ผมได้แค่รู้สึกน้อยใจ และเสียใจที่ผู้ชายคนนี้ได้ทำร้ายจิตใจของผมไม่หยุดหย่อน ไหนจะคำพูดเสียดสีว่าผมเป็นคนสำส่อน ไหนจะท่าทีห่างเหินเหมือนเป็นคนไม่รู้จัก ไหนจะเรื่องของเขากับสาวสวยอย่างพี่ดาว
ความอัดอั้นตันใจที่ผมอยากจะระบาย อยากจะสารภาพว่าผมเสียใจแค่ไหนกับเรื่องที่เกิดขึ้น บวกกับความน้อยใจและเสียใจในสิ่งที่เขาทำกับผมมาตลอดนั้นทำให้น้ำตาอุ่นๆ ของผมเริ่มไหลลงมาอาบแก้มอย่างไม่สามารถจะห้ามได้
ในนาทีนั้นเองที่ทีมทำสิ่งที่ผมไม่คาดคิดเมื่อเขาก้าวเข้ามาแล้วกระชากตัวผมเข้าไปสวมกอดไว้
ด้วยความสูงของเขา ทำให้ศีรษะของผมไปอยู่ได้แค่ระดับอกของเขาเท่านั้น ในตอนนั้นเองที่ผมรู้สึกเหมือนร่างทั้งร่างกำลังถูกพันธนาการไว้ด้วยสองแขนที่แข็งแกร่งของผู้ชายคนนี้และดูเหมือนว่ามันกำลังรัดรึงผมแน่นขึ้นและแน่นขึ้น จนผมรู้สึกได้ถึงเสียงลมหายใจที่หนักหน่วงของเขาพร้อมๆกับความอบอุ่นที่บรรยายไม่ถูกซึ่งกำลังแผ่ซ่านไปทั่วทุกอณูในร่างกายของผม
นานเท่านานที่ผมภาวนาขอให้ได้อยู่ในอ้อมกอดของเขาอย่างนี้โดยจะไม่ร้องขออะไรอีก จนกระทั่งผมได้สัมผัสถึงหยดน้ำตาของทีมที่เริ่มไหลลงมาพร้อมกับคำพูดที่ผมไม่มีวันลืมเลยชั่วชีวิตนี้
“ทีมทำอะไรผิด ทำไมบีถึงต้องทรมานทีมแบบนี้......จะให้ทีมต้องเจ็บปวดอีกแค่ไหน บีถึงจะพอใจ..... บอกทีมมาสิ ..บอกมา......จะให้ทีมทำยังไงกับบีดี….”
------------------------------------------------