ตอนนี้เป็นเวลาแปดโมงครึ่งตอนเช้า หลังจากเพิ่งได้นอนไปตอนหกโมงแล้วตื่นมากินอาหารเลยนั้น เป็นเรื่องที่เหี้ยมากจริงๆ ตอนนี้ผมอยู่ที่โรงอาหารคณะอักษรฯ คณะเพื่อนบ้านของผม หน้าแทบจะจุ่มลงไปในก๋วยเตี๋ยวอยู่แล้ว ข้างๆกันมีไอ้กายที่นอนหลับฟุบคาโต๊ะอยู่ ส่วนเป๊กนั่งเหม่อหมุนขวดเอ็มร้อยอยู่ข้างๆกัน ไอ้ถั่วกำลังท่องสคริปต์อย่างหมกมุ่น ไอ้อั้ม ไอ้ชิน ไอ้เป้ ก็มีสภาพเป็นซอมบี้ไม่ต่างกันไป
นั่งหลับในกันไปครึ่งชั่วโมง ก็ได้เวลาเข้าไปนำเสนองานตามเวลานัดเก้าโมงเช้า ผมหอบโมเดลเดินตามเพื่อนๆเข้าไปในลิฟท์ แยกกับกายที่ชั้นห้า เพราะมันต้องไปที่ภาคของมัน อันที่จริงจะว่ามันหวิวๆในใจที่จะได้เจอกฤษฎ์ในรอบอาทิตย์หรือเปล่าก็คงจะใช่ แต่เอาความจริง ผมเบลอจนแทบไม่รับรู้อะไรแล้วมากกว่า
เราเดินเข้าไปนั่งในห้องบรรยายชั้นเจ็ดกันอย่างพร้อมเพรียง เก้าอี้สโลปท่าทางน่านอนทำให้พวกผมแทบจะตาปิด แต่ก็ยังมีเรื่องให้ตื่นเต้นเมื่อโมเดลของไอ้อั้มเสือกหักตรงคาน เวรตะไลจริงๆ บอกแล้วว่าอย่าชุ่ยๆ สุดท้ายต้องซ่อมเอากาวแปะกันให้วุ่น สุดท้ายพอเวลาล่วงไปประมาณสิบนาทีหลังจากเริ่มคลาส เจ้าของวิชาก็เดินเข้ามาในห้องในที่สุด
กฤตฎ์ที่ผมไม่ได้เจอมาเกือบอาทิตย์ยังเป็นคนเดิม เขาเหมือนเดิม ทั้งเครื่องแต่งกาย ใบหน้าที่ตัดแต่งจอนและเคราเป็นทรงเดิมด้วยตัวเองแทบทุกเช้า เขาสวมแว่นกรอบดำบ้างไม่สวมบ้าง อย่างวันนี้เขาก็ไม่ได้สวมมา เขาสวมยีนส์กับเสื้อเชิ้ตสีอ่อน กับแจ็คเก็ตยีนส์ พอเขาเดินมาประจำที่โต๊ะหน้าห้อง พวกผมเกือบสี่สิบคนก็ยืดตัวตรงแทบจะทันที
จริงๆคาบเช้านำเสนอแค่ครึ่งเดียวเท่านั้นครับ คิวผมคือคาบเช้า ส่วนที่เหลือนำเสนอคาบบ่ายซึ่งส่วนใหญ่ไม่มีเรียนกันในวันจันทร์ ซึ่งการนำเสนอคาบเช้ามันก็ดีมากครับ ลอยตัวกลับไปนอนสบายเลย
กฤตฎ์เดินไปเปิดไมค์หน้าห้องก่อนเคาะสองสามทีด้วยท่าทางเป็นธรรมชาติ เขามีลุคเท่ๆที่ทำให้สาวๆคลั่งไคล้และชอบเขา เขาทั้งเซอร์ หล่อ บุคลิคดี เก่ง และรวย นั่นสิ...ทำไมเขาเพอร์เฟ็กต์แบบนี้กันนะ
ผมนั่งกอดอกนิ่ง เป๊กเหลือบมองผมก่อนเลิกคิ้ว ผมไหวไหล่นิดหน่อยก่อนเหยียดปากออก
“วันนี้ผมจะไม่ให้เซ็นต์ชื่อนะครับ จะเช็คชื่อตามลำดับการนำเสนอไปเลยจะได้ไม่เสียเวลา ใครคิวแรกออกมาเลยครับ”
เขาประกาศ ก่อนเหลือบมองหน้าผมนิดหน่อย ผมรู้ว่าเขามองผม แต่ผมก็ทำเป็นไม่สนใจมากนัก ผมมองหน้าเขาตอบนิดหน่อย ก่อนเบือนหน้าหนี...
คิวแรกเป็นเพื่อนผู้หญิงที่ท่าทางงานจะเสร็จตั้งแต่อาทิตย์ก่อนแล้วก็เป็นได้ แป้งเป็นตัวเก็งเกียรตินิยมเหรียญทองอันดับหนึ่งของภาคเลยครับ งานของเธอก็อลังการไม่แพ้กัน มิดเทอมคราวนี้เป็นโทรเจ็กต์เรื่องบ้านสำหรับพักอาศัยครับ เธอนำเสนอได้ดีทีเดียวในรูปแบบบ้านชั้นเดียวสไตล์คันทรี่ที่ลงตัวกับไลฟ์สไตล์คนเมือง โมเดลเองก็เนี้ยบเหมือนกัน กฤตฎ์หมุนโมเดลของแป้งไปมา หน้าตาดูพึงพอใจ ผมรู้ได้อย่างไรน่ะหรือครับ...ก็เวลาเขายกมุมปากแบบนั้น แสดงว่าเขาพอใจอะไรสักอย่าง ก็เหมือนกับที่เขาทำในครั้งแรกที่เราได้เจอกันอย่างเป็นส่วนตัวนั่นแหละ
แป้งจบการนำเสนอในเวลาไม่ถึงสิบนาทีดี ในขณะที่โต๊ะข้างหน้าผม ไอ้อั้มก็สาละวนกับการกู้ชีพโมเดลมัน ดูท่าจะพังกว่าเดิมจนเป๊กต้องยื่นมือไปช่วย รอบนี้ไอ้อั้มทำเปรี้ยวตีนด้วยการลงชื่อรอบเช้าเป็นอันดับต้นๆด้วย ผมล่ะอยากจะหัวเราะตอนที่ไปดูลำดับนำเสนอที่แปะไว้หน้าห้องกฤตฎ์
ผมลงไว้ก่อนหน้าไอ้เป๊ก ซึ่งนั่นก็คืออันดับที่สิบต้นๆ หลังจากที่ไอ้อั้มออกไปนำเสนอพร้อมเหงื่อท่วมหน้าเรียบร้อยแล้ว อีกสองคิวถัดมา ก็ถึงคิวผมเสียที
ไอ้เป๊กตบไหล่ผมเบาๆเป็นเชิงให้กำลังใจ ก่อนมันจะทำเปรี้ยวอีกคนด้วยการฉวยเอาโมเดลผมไปถือเอาไว้เอง มันยักคิ้วกวนตีนก่อนเดินนำลงไป ผมได้แต่ส่ายหัวไปมาเบาๆก่อนเดินตามมันลงไปตามขั้นบันได
เป๊กเดินเอาโมเดลผมไปวางไว้ที่ด้านหน้าห้อง มันนั่งลงที่หน้าโต๊ะคอมก่อนตั้งศอกขึ้นเท้าคาง ผมที่เดินตามลงไปเหลือบสายตาสบกับกฤตฎ์นิดหน่อยก่อนที่จะเดินไปหาเป๊ก
“นี่งานใคร?” หมอนั่นเลิกคิ้วเมื่อเห็นผมยืนอยู่ข้างเป๊ก ไอ้เป๊กหาววอดยียวนก่อนยกมือขึ้นสองข้าง
“งานพิชชาครับ ผมแค่ช่วยถือลงมาให้ ช่วงนี้พิชชามึนๆ อกหักมา แต่ไม่ต้องห่วงนะครับ มีแฟนใหม่แล้ว” ไอ้เป๊กไม่ใช่คนพูดมาก แต่คราวนี้แม่งพูดมากจนผมแทบหลุดหัวเราะ ในขณะที่เพื่อนทั้งห้องหัวเราะพรืดออกมาแล้ว ท่าทางกวนตีนนั่นก็ด้วย ทำเอาผมแทบขำพรืดแต่ก็เกร็งหน้าเอาไว้ กฤตฎ์ดูไม่สบอารมณ์แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ผมเดินไปต่อแฟลชไดรฟ์ก่อนหยิบไมค์ขึ้นพูด
“สวัสดีครับ พิชชา 081 ครับ วันนี้จะนำเสนอบ้านในฝันของผมเองนะครับ ซึ่งจริงๆแล้วเป็นรูปแบบบ้านริมน้ำครับ...ก็คือ...”
“เดี๋ยว ที่ผมอนุมัติไปไม่ใช่โปรเจ็กต์นี้ที่คุณกำลังนำเสนอนี่” กฤตฎ์ท้วง ผมยิ้มอย่างใจเย็นเพราะเดาไว้อยู่แล้ว ก็เล่นแก้จนไม่มีชิ้นดีเลยนี่ (แม้ว่าโมเดลจะใช้วิธีปรับๆเอาก็ตามทีเถอะ) ผมพยักหน้าเบาๆ
“ใช่ครับอาจารย์ ผมเปลี่ยนโฉมไปจนแทบจะจำไม่ได้เลยล่ะครับ เอาจริงๆก็คือผมสบายใจที่จะทำโปรเจ็กต์นี้มากกว่าน่ะครับ ส่วนคะแนนก็แล้วแต่อาจารย์จะตัดเลยก็แล้วกันครับ”
ผมยิ้มเย็น เหลือบตามองไอ้เป๊กที่เหมือนจะแอบหัวเราะอยู่ด้านบน ผมนำเสนอโปรเจ็กต์ผมไปอย่างใจเย็น บ้านหลังนี้ของผม ปรับเปลี่ยนครั้งแรกจากจินตนาการ และครั้งที่สองจากไอเดียบ้านของแยมที่โฟล์คพาผมไป มันเจือไปด้วยกลิ่นอายของความรู้สึก ความอบอุ่น เป็นโมเดลที่ต่อให้ผมอดหลับอดนอนทั้งอาทิตย์ ผมก็ยังยินดีและพอใจกับการสร้างผลลัพธ์ของมัน...
ผมนำเสนอจนจบพร้อมกับเสียงปรบมือตามมารยาทของเพื่อนร่วมชั้น ผมเดินผ่านหน้ากฤตฎ์ไปโดยไม่มองหน้าเขา เขาต้องไม่พอใจแน่ๆ เพราะผมไม่ใช่น้ำชาผู้ว่านอนสอนง่ายของเขาอีกต่อไปแล้ว...
ไอ้เป๊กยิ้มให้ผมตอนที่ผมทรุดตัวลงนั่งข้างๆมัน
“สบายใจไหมมึง?”
“อืม สะใจดี” ผมตอบ ก่อนที่มือถือจะส่งเสียงออกมา เป็นเพราะคนต่อไปกำลังจะเริ่มนำเสนอ ทำให้ทั้งห้องเงียบ และเสียงโทรศัพท์ของผมจึงกลายเป็นเป้าสนใจ
กฤตฎ์เองก็เหลือบตามองขึ้นมาด้วย ผมยิ้มกวนๆนิดหน่อยก่อนชูมือถือของผมขึ้นคล้ายกับว่าจะสารภาพผิด แต่รู้ไหมผมตั้งใจกวนตีนกฤตฎ์ล้วนๆ หลังจากผมปิดเสียงเสร็จ ก็เหลือบดูหน้าจอ พบว่าเป็นไลน์จากโฟล์ค
ผมสไลด์หน้าจอเปิดเข้าไปดูก่อนหลุดยิ้มออกมา เมื่อเป็นหน้าไอส่งจูบมาให้ด้วยแอคเค้าท์ไลน์ของโฟล์ค เจ้าตัวมันจะรู้ไหมเนี่ยว่าโดนเพื่อนเอามือถือมาเล่น รูปถัดมาเป็นรูปแยมยืนผูกจุกน่ารักน่าชังอยู่หน้าเตา อีกภาพเป็นภาพนินยืนเปลือยท่อนบนอวดรอยสักดูดบุหรี่อยู่ที่ระเบียงริมน้ำ ติดกับห้องครัว พร้อมชูนิ้วกลางมาให้ด้วย
FOLK : เช้านี้กับ แยม แฟมมิลี่~~~
FOLK : นินฝากขอโทษอ่ะน้ำชา นินไม่รู้ว่าเราส่งรูปให้น้ำชา
FOLK : ขอโทษที่ชูนิ้วกลาง 555
ผมอ่านก่อนหัวเราะเบาๆแล้วตอบ
Namcha : 5555 นี่ตื่นกันแล้วเหรอ
FOLK : คุณผู้กำกับ คุณผู้ช่วยผกก. แล้วก็คุณตากล้อง ยังนอนกันอยู่เลย
FOLK : เขาแคนเซิลคลาสเช้าของวิชาคณะ อาจารย์ประชุม
FOLK : เมื่อเช้าไปเดินตลาดกับแยม นิน มา
FOLK : ปลาสดตัวเบ้อเริ่ม เดี๋ยวเย็นนี้กินหมูกะทะกัน
FOLK : นินจะทำปลาย่างด้วย อิอิ นินทำปลาย่างอร่อย
Namcha : อ้อ เดี๋ยวตามไปนะ
FOLK : น้ำชาทำอะไรอยู่
Namcha : เสนองานอ่ะ
FOLK : อู้ว งั้นไม่กวนล่ะ บุยยย
Namcha : BYEEE
“มึงไปไหนวะบ่ายนี้” ผมหันไปถามเป๊กหลังจากปิดหน้าจอเรียบร้อยแล้ว เป๊กนั่งโยกเก้าอี้ไปมาด้วยท่าทางสบายๆ
“เอารถไปทำแฟริ่งมั้ง มึงจะกลับคอนโดกูเปล่า เอาบัตรไปเปิดไป” เป๊กเสนอ แต่ผมส่ายหัว
“ไม่อ่ะ กูไปหาโฟล์ค” ผมตอบด้วยใบหน้าที่เกร็งนิ่งสุดขีด ไอ้เป๊กเหล่ตามองผมก่อนเหยียดปาก
“ครับ”
“มึงอย่าล้อกูดิ”
“ไอ้สัด ยังไม่ได้ล้ออะไรสักคำ” มึงไม่ล้อ มึงก็แสยะยิ้มล้อกูอยู่แล้วนี่
ผมนั่งเล่นในห้องจนถึงเที่ยง กะว่าเที่ยงจะออกไปทันที จะไปแวะซื้ออะไรติดมือไปให้เพื่อนๆโฟล์คด้วย เห็นบอกว่าจะเข้าไปบ้านเตช่วงเที่ยงๆ น่าจะพอดีกัน
พอเที่ยงปุ๊ป ผมก็เด้งตัวออกจากเก้าอี้พร้อมกับคนอื่นๆทันที ทุกคนมีแพลนเดียวกันว่าจะนอนหลับข้ามวันข้ามคืนอย่างเลือดเย็น ผมเก็บโมเดลของผมกะจะเอาไปทิ้งไว้ที่สตูฯก่อนแล้วเดี๋ยววันไหนให้โฟล์คเอารถมาขนกลับไป
เพื่อนๆเริ่มทยอยกันออกจากห้องไปแล้ว ผมกับเป๊กก็เช่นกัน ในขณะที่ผมหอบโมเตรียมออกไปจากห้องนั้น เสียงประกาศไมค์ก็ดังขึ้น ทำให้ผมชะงักขาที่จะเตรียมก้าวออกไป
“เดี๋ยวพิชชามาพบผมด้วยนะ”
ผมหันไปมองคนพูด กฤตฎ์จ้องผมนิ่ง ก่อนหันกลับไปคุยกับนักศึกษาหญิงสองสามคนที่คงเข้าไปปรึกษาเรื่องผลงาน เป๊กหันมามองผมก่อนพยักเพยิด ผมไหวไหล่เบาๆ
“กูรอด้านนอกนะ”
“อืม ได้...เดี๋ยวถ้ายังไงกูโทรไป”
“โอเค”
เป๊กเดินออกไปรอที่นอกห้อง ในขณะที่ไอ้ถั่ว ไอ้อั้ม ก็กระโดดโลดเต้นมาหาผมทันที มาสมน้ำหน้าว่าผมโดนเรียกเพราะเปลี่ยนโปรเจ็กต์เองตามใจชอบ (ทั้งๆที่ผมรู้ดีว่าเขาเรียกไปทำไม) แต่เอาจริงๆผมว่าพวกนี้มันบ้าครับ ดีใจส่งงานทัน ไม่ติดเอฟแล้ว
ผมรอจนนักศึกษาหญิงออกไปจากห้อง รอจนไม่เหลือใครในห้องแล้ว นอกจากผม- กับเขา ผมกดโทรศัพท์บอกโฟล์คว่ากำลังจะไป เสียงฝีเท้าของกฤตฎ์ที่เขามาใกล้เรื่อยๆทำให้ผมต้องละสายตาจากหน้าจอมือถือไปสนใจเขา
กฤตฎ์- หรืออาจารย์ของผมหอบแฟ้มไว้ด้วยหนึ่งมือ ก่อนที่เขาจะหยุดอยู่ตรงหน้าผม เขาจ้องหน้าผมนิ่ง ผมเองก็จ้องหน้าเขากลับนิ่งๆเช่นกัน
“น้ำชา คุยกันหน่อยไหม?”
เขาเปิดประโยคเหมือนที่ทำเป็นประจำ ผมเลิกคิ้ว มองหน้าเขา
“นี่เราไม่ได้คุยกันอยู่เหรอครับ?” ผมย้อน
“น้ำชา อย่ากวน”
“ผมถาม” ผมจ้องเขาเขม็งอย่างไม่ยอมแพ้ กฤตฎ์ถอนหายใจเบาๆ ก่อนเอ่ย-
“ขอโทษ...”
เขาพูดขึ้นเบาๆ นั่นทำให้หัวใจผมกระตุก ผมเม้มปากแน่น แล้วค่อยๆเบือนหน้าหนี ท่าทีเข้มแข็งที่แสดงออกไปก่อนหน้านี้ถูกทำลายลงไม่เหลือซากใดๆ ผมรู้สึกเหมือนดวงตาสั่นระริก เช่นเดียวกับหัวใจ
“ขอ-ขอโทษอะไร” ผมย้อนถามกลับ พยายามควบคุมเสียงไม่ให้สั่น แต่ไม่มีประโยชน์เลย
“ขอโทษที่พูดไปแบบนั้น วันนั้น... ที่ไม่ติดต่อไปเพราะฉันยุ่งมาก ไลน์ไปนายก็ไม่ตอบเลย ฉันไม่ได้โทรไปเพราะคิดว่าเราคงไม่มีวันคุยกันรู้เรื่องแน่ๆ และฉันก็กลัวนายจะไม่ยอมคุย”
“.........รู้ก็ดีนี่” ผมตอบทั้งยังเบือนหน้าหนี
“น้ำชา อย่าเพิ่งกวน”
“ผมไม่ได้กวน!” ผมสวนกลับแทบจะทันที กฤตฎ์ถอนหายใจเบาๆ แทบจะยอมแพ้ เขาควรจะยอมแพ้เหมือนที่แล้วๆมาสิ เหมือนคราวนั้นที่เขายอมแพ้กับความสัมพันธ์ของเราไปแล้ว
“ฉันขอโทษ...ขอโทษจริงๆนะน้ำชา” เขาย้ำ
“อาจารย์ต้องการอะไรกันแน่?” ผมถาม พยายามควบคุมตัวเองไม่ให้สั่น “พูดมาตรงๆให้จบๆกันไปเลย”
“ไม่จบได้ไหม?” เขาถาม ทอดเสียงออดอ้อน คำอ้อนวอนที่ทำเอาผมใจกระตุก ระคนเจ็บปวดและบิดเบี้ยวไปพร้อมๆกัน
“ไม่จบ? ทั้งๆที่อาจารย์คิดจะแต่งงานกับผู้หญิงเนี่ยนะ บ้า-บ้าไปแล้ว!” ผมสบถลั่น
“ไม่แต่ง-ไม่แต่งแล้ว น้ำชา” เขาเอื้อมมือมายื้อข้อมือผม ยกโมเดลของผมวางลง ก่อนรั้งตัวผมไว้ ผมพยายามขืนตัว แต่แทบไม่ได้ผล “ฉันชอบนายจริงๆนะน้ำชา วันที่ฉันเคยบอกมันอาจจะดูไม่มีน้ำหนัก ตลอดเวลาฉันไม่ได้ให้ความหมายกับมันหรือเรื่องของเรามากนัก จนนายไป-”
“........”
“ฉันรู้แล้วว่าการมีนายอยู่ด้วยกันมันดี-ดีมากจริงๆน้ำชา” กฤตฎ์พูด เขาจ้องตาผมนิ่ง ผ่านม่านน้ำตานั้น ทุกอย่างพร่ามัวไปหมด...
“ผมมองไม่เห็นคุณเลยกฤตฎ์”
“น้ำชา”
“ปล่อยเถอะ”
“น้ำชา...”
“ปล่อยผมก่อนได้ไหม ผมขอร้อง” ผมเอ่ย พยายามยกมือปาดน้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุด “จะให้ผมลืมทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นมันทำไม่ได้หรอกนะ ผมไม่มั่นใจอะไรในตัวคุณแล้ว ถ้าสักวันคุณบอกว่าจะแต่งงานอีกล่ะ ถ้าคุณจะไปอีกครั้ง-”
“น้ำชาอยากได้เวลามากแค่ไหน”
“ผมไม่รู้” ผมส่ายหน้าทั้งน้ำตา และดึงข้อมือออกมาในที่สุด
“ฉันจะรอ”
เขาบอก จ้องตาผมอย่างหนักแน่นและดูมั่นคง มันเหมือนกับคราวที่แล้วๆมาที่เขาเคยทำกับผม และผมก็เชื่อเขามาตลอด ผมส่ายหัว คว้าโมเดลหิ้วออกมาอย่างรวดเร็ว ผมสาวเท้าไวๆเดินไปออกที่ประตูด้านหน้า ไม่แม้แต่จะเหลียวหลังกลับมามองกฤตฎ์ที่อาจจะตามมา หรือไม่ก็ตามที...
ผมปาดน้ำตาลวกๆระหว่างที่เข้าไปในลิฟท์ โชคดีที่มันมีแค่ผมคนเดียวผมเลยสามารถที่จะร้องไห้ออกมาได้อย่างไม่อายใคร ผมพิมพ์หาเป๊กบอกว่าให้ไปก่อน ในขณะที่น้ำตาก็ยังไม่หยุดไหล ผมไล่หาเบอร์โฟล์คเพื่อจะกดโทรออก แต่ก็หาไม่เจอ ไม่เจอเลย ทั้งๆที่ทุกครั้งที่ผมต้องการมัน มันมักจะมาถูกที่ ถูกเวลาเสมอ
ในที่สุดผมก็กดโทรออกหามันจนได้ แต่ไม่มีสัญญาณตอบรับ ไม่มีโฟล์คที่ปลายสาย
ไม่มี.
tbc.
พรุ่งนี้จะลงล่ารักฯนะคะ ขอบคุณที่ติดตามกันนะคะ
ตอนนี้เป็นไงคะ T____T อึดอัดใช่ไหมล่ะ อ่านแล้วอยากด่าก็ด่าได้เลยค่ะ (ด่ากฤตฎ์นะ อย่าด่าไคลี่ กรั่กๆ)
ฝากเพจด้วยนะคะ ด้านล่างนี้เลยค่า
V
V
V
V
จะมีลงSide-Storyต่างๆไว้ให้อ่านพอกรุบกริบใจนะคะ (ซึ่งจะไม่ได้ลงในบอร์ดจ้า เป็นเรื่องเสริมๆเอาไว้มโนเล่น อิอิ) ขอบคุณที่มาอยู่ด้วยกันค่ะ
เจอกันตอนหน้าค่า (จริงๆแล้วจะทำตัวรุนแรงกว่านี้ด้วยการส่งน้ำชาไปกินข้าวกับกฤตฎ์ในตอนนี้ แต่กลัวคนอ่านเกลียด เอาแค่คุยกันจนชาหวั่นไหว ไคลี่ก็แทบจะโดนประณามละ
)