อิอิ ต่อเลยน้า ตามให้ทันเน้อ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ห้วงรัก:16/risk/ฝ่าวงล้อม
การที่หัวหน้าหน่วยบาดเจ็บสร้างความหวั่นใจให้แก่ทุกคนในหน่วยเป็นอันมาก เพียงแต่ไม่มีใครพูดออกมา ธีรเดชที่คอยปฐมพยาบาลผู้กองภานุทำหน้ากังวล เพราะบาดแผลของผู้กองเริ่มอักเสบ ส่วนผู้กองรังสรรค์ที่ก้าวขึ้นมาเป็นผู้บังคับบัญชาการแทนนั้น ย่นหน้าเมื่อเห็นน้ำกับอาหารไม่เพียงพอต่อการประทังชีพ
“จะเอาไงดีครับผู้กอง จะให้จ่าแม้นออกไปหาอาหารไหมครับ”
จ่าแม้นที่นั่งเงียบกริบมานานเสนอ แต่ผู้กองรังสรรค์ส่ายหน้า
“มันเสี่ยงเกินไป ผมไม่อยากให้ทางฝ่ายเราเสียทีทางฝ่ายนั้นอีกแล้ว”
หมวดอานุภาพคว้าปืนทำหน้าจริงจัง
“แล้วจะปล่อยให้เราทั้งหมดอดหรือครับ หากอ่อนแรงเราจะเอาอะไรไปสู้อีกฝ่าย เป็นอย่างนี้ก็ตายหมู่สิครับ ให้ผมกับจ่าออกไปเถอะ”
ชายหนุ่มบ่นพึม สีหน้าเคร่งเครียดปรากฏเต็มสีหน้า ก่อนที่จะตัดสินใจลงไป ผู้กองรังสรรค์ขอเวลาขบคิดสักเล็กน้อย เจ้าขิ่นที่คอยแอบเฝ้ามอง มันบ่นพึมพำว่าทางฝ่ายทหารไทยโง่ เด็กหนุ่มนั่งขัดสมาธิ เฝ้ามองทิวไม้เขียวชอุ่มบนคาคบไม้มะค่า มันเอนหลังนอนอย่างสบายใจเฉิบ วางกล้องส่องทางไกลลงบนอก รอเวลาเข้าไปช่วยเหลือ เด็กหนุ่มคิดถึงพี่ไผ่ ปานนี้จะเป็นไงบ้างนะ คิดพลางหลับตา จนกระทั่งยามเย็นเข้ามาเยี่ยมกราย เจ้าขิ่นลงจากคาคบไม้ด้วยความว่องไวดุจลิง มันซุ่มอยู่รอบนอกฐานของพวกโจรกะเรี่ยง ศพของเจ้าเคราะห์ร้ายยังอืด อีกฝ่ายยังไม่สงสัยโชคดีไปสำหรับเจ้าขิ่น เด็กหนุ่มหอบกระบอกไม้ไผ่บรรจุน้ำมาสามกระบอก รักษาฝีเท้าไม่ให้ลำไผ่กระทบกัน มันค่อยๆเลาะตามแนวที่เจ้าพวกโจรไม่ค่อยรักษาความปลอดภัยแอบหลังพุ่มไม้เมื่อได้ยินคำถามของอีกฝ่าย
“ทำไมคนของเราหายไปหนึ่งคน มึงไปตามมันสิ”
เสียงค้านอย่างเบื่อหน่ายก็ดังขึ้น
“ช่างหัวมันประไรเล่า มันคงถูกเสือขบหัวตายแล้วมั้ง เห็นมันออกไปหาของป่า เออ หรือไม่ก็ทะเลอทะร่าถูกไอ้ทหารไทยฆ่าตายแล้วมั้ง”
เสียงหัวเราะร่วน เห็นเป็นเรื่องตลก หูของเด็กหนุ่มได้ยินเสียงดังผลัวะชัดเจน ไอ้คนที่ปากหมาคงถูกต่อยแน่ๆ
“กูไม่ได้ใช้ให้พวกมึงมาพูดเล่น ไอ้ห่ะ มึงออกไปตามมันมา มึงรู้ไหมถ้าหากมึงทำงานไม่เสร็จ พวกมึงจะถูกฆ่าทิ้ง”
เจ้าคนที่พูดเล่นเงียบกริบ รีบลนลานออกมา เจ้าขิ่นเห็นท่าไม่ดี เด็กหนุ่มจึงรีบออกจากที่ซ่อน แล้วมาทางค่ายของเหล่าทหารไทยที่นั่งหมดอาลัยตายอยากเพราะทางหัวหน้ารองไม่อนุมัติคำสั่ง จ่าแม้นเขี่ยไฟที่เริ่มราเชื้อ ผู้กองธีรเดชนำผ้าเปื้อนเลือดแช่น้ำ สีหน้าของผู้กองหนุ่มอิดโรย หมวดอานุภาพนั่งเคี้ยวต้นหญ้าหลังพิงต้นไม้ใหญ่ ผู้กองรังสรรค์ลุกขึ้น
“เรื่องนี้ขอให้ผู้กองตัดสินใจดีๆเถิดครับ”
จ่าแม้นกล่าวอีกครั้ง แต่ผู้กองรังสรรค์ก็ปฏิเสธเช่นเคย
“บอกแล้วผมไม่อยากเสี่ยง”
เสียงพูดคุยลอยไปถึงหูเจ้าขิ่น เด็กหนุ่มรู้สึกเห็นใจอยู่หรอก แต่ทำไงได้ล่ะ มันวางกระบอกน้ำไว้ตรงคาคบไม้ พอให้เจ้าพวกทหารไทยมองเห็นได้ แล้วรอฟังสถานการณ์ต่อไป เสียงก็จ่าชราก็ดังขึ้นอีก เจ้าขิ่นสนใจฟัง มันลืมไปว่า ทางเจ้าโจรกะเรี่ยงส่งคนให้มาดูเพื่อนของมัน ขณะนี้มันเดินมาทางเด็กหนุ่ม เจ้าขิ่นมัวแต่ฟังทางเหล่าทหารไทยคุยกัน จนกระทั่งเสียงย่ำใบไม้ดังกรอบแกรบ เจ้าขิ่นหันไปมอง แล้วหน้าเสีย
...ชิ เข้ามาขัดจนได้....
เสียงเหยียบใบไม้ดังกรอบสะท้อนในความเงียบ เหล่าทหารไทยหันมองล่อกแลก เจ้าขิ่นถอนใจฮึดฮัด เป็นมันที่ต้องจัดการเจ้าตัวยุ่งยากอีกแล้ว ดังนั้นเด็กหนุ่มก็หลบหายไปเงียบๆ
“ผู้กองครับ เสียงนั้นอาจจะเป็น...”
หมวดอานุภาพว่า รังสรรค์กางแขนกั้น ชายหนุ่มหยิบปืนพกขึ้นมา ตรวจดูลูกกระสุน
“อย่าเพิ่งกะโตกกะตากไป...เงียบ...ผมจะออกไปดูเอง”
ชายหนุ่ม เดินช้าๆ สายตาเหลือบมองทั่วทิศ ค้นหาตนตอ แล้วต้องประหลาดใจเมื่อเห็นกระบอกน้ำ เขานั่งลงมองรอยเท้าที่ลบเลือนหาย จ่าแม้นอดทนไม่ไหวลุกขึ้นมาดู
“นี่มันน้ำนี่ครับ”
จ่าชรากล่าวอย่างดีอกดีใจ กำลังจะหยิบขึ้นมาดูด้วยความลืมตัว แต่รังสรรค์ก็ห้ามไว้ก่อน
“อย่าเพิ่งแตะต้องครับจ่า อาจจะมียาพิษเจือปน”
จ่าแม้นชะงักมือ แล้วถอนใจอย่างเสียดาย
“โธ่เอ้ย อุตส่าห์มีน้ำต่อชีวิตแท้ๆ แล้วใครนำมาให้ล่ะ”
จ่าชราตั้งคำถาม ผู้กองหนุ่มส่ายหน้า
“ผมก็ตอบไม่ได้ เดี๋ยวผู้กองได้ยินเสียงอะไรไหม?”
ทั้งสองเงี่ยหูฟัง ดวงตาอ่อนล้าของจ่าแม้นมองใบหน้าของผู้กองหนุ่ม
“ได้ยินครับ มันดังจากทางนั้น เดี๋ยวผมไปดูเองครับ”
จ่าแม้นไม่รั้งรอ ชายชราวิ่งเหยาะๆไปทางที่เกิดเสียงแล้วต้องผงะ เมื่อเห็นซากศพสองร่าง อีกร่างหนึ่งเริ่มเน่าเฟะส่งกลิ่นอวล ส่วนอีกร่างดูเหมือนเพิ่งตายหมาดๆ ลำคอถูกมีดปาดเหวอะหวะ เสียงของชายชราทำให้ผู้กองหนุ่มวิ่งไปดู แล้วงงเป็นไก่ตาแตก เหลียวมองรอบๆตัว
“นี่มันคืออะไร ใครเป็นคนจัดการพวกนี้ จ่ารึ”
จ่าแม้นส่ายหน้านิ้วแกร่งชี้มาทางศพที่เริ่มเน่า
“อันนี้ยังพอให้คำตอบได้ แต่ศพนี่สิ ประหลาดจริงๆ”
คนที่ฆ่าเจ้าโจรกะเรี่ยงเคราะห์ร้ายซุ่มเงียบๆ มือของเจ้าขิ่นชุ่มไปด้วยเลือด มันปาดเหงื่อ เกือบไปแล้วเชียว เด็กหนุ่มซุ่มดูบุคคลทั้งสองสนทนากัน
“นั่นสิครับ ไอ้เจ้าเคราะห์ร้ายนี้คงถูกผู้กองภานุฆ่าทิ้ง แต่ว่าเจ้านี่ มันยังไงกัน จ่าว่ามันจะเกี่ยวกับเรื่องน้ำนั้นไหมครับ ”
จ่าแม้นส่ายหน้า ดวงตาปรากฏความไม่เข้าใจอยู่เต็ม
“ผมก็ไม่ทราบ ผมว่าเรากลับไปคุยที่ค่ายเถอะครับ ปล่อยไอ้โชคร้ายสองตัวนี้ไว้เถอะครับ”
ทั้งสองต่างรีบเร่งกลับฐาน จมูกยังได้กลิ่นซากศพอยู่ไม่คลาย พอทหารไทยกลับไป เจ้าขิ่นก็ออกจากที่ซ่อน รู้ดีว่าหากอยู่นานไป อาจจะซวยแทนได้ ดังนั้นมันจึงหลบไปยังที่ซ่อนเดิม ภารกิจหนึ่งมันทำสำเร็จแล้ว มันจึงค่อยมั่นใจขึ้นมาบ้าง
---------------------------------------------