สักพักบานประตูห้องก็เปิดออก อิซาโอะเดินเข้ามาแล้วส่งนามบัตรกับเงินให้เด็กหนุ่มอีก “มีคนฝากมาให้เพียบเลย ขายดีนะเนี่ย สดๆ ซิงๆ แบบนี้”
“หวา! ผมไม่เอาแล้ว!” เร็นปัดมือของอีกฝ่ายออก หากอิซาโอะก็คว้าข้อมือเขาไว้แล้วยัดธนบัตรใส่ให้
“เอาไปเถอะน่ะ ทำงานก็ต้องได้เงิน”
“ผมแค่ออกไปนั่งเฉยๆ”
“นั่นแหละ ก็เรียกว่าทำงานแล้ว... เงินที่นายได้มานี่แค่ทิปเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้นนะ”
เร็นคลี่ธนบัตรออกดู แล้วเบิกตาโพลง... เพราะเพียงแค่ชั่วเวลาสั้นๆ ที่เขาออกไปนั่งปั้นจิ้มป้นเจ๋อพูดคุยกับแขกหญิงชาย เขาได้ทิปมาเป็นเงินหลายหมื่นเยน
“น่าสนใจใช่มั้ยล่ะ” อิซาโอะก้าวเข้าไปนั่งกระแซะเด็กหนุ่ม
“อย่าแกล้งเด็กมันมาก แม่มันไม่สบาย มันจำเป็นเว้ย” เคนจิติงเพื่อน เขาก็นึกสงสารเร็นอยู่หรอก จากนิสัยของเด็กหนุ่ม เขาก็พอรู้ว่าอีกฝ่ายไม่สามารถทำงานโฮสต์แบบนี้ได้ เขารู้จักเด็กหนุ่มมานาน ตั้งแต่สมัยมารดายังทำงานได้ เร็นเคยมีแฟนผู้หญิงหลายคน หากก็เลิกรากันไปในช่วงหลังที่เด็กหนุ่มเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยและทำงานพิเศษเป็นประจำ
“ต้องใช้เงินเท่าไหร่”
“...ผมอยากได้สองล้านเยนโดยเร็วที่สุด” เร็นพูดเสียงแผ่ว
“อย่างช้าๆ ทำงานสักสองสามเดือนก็น่าจะได้แล้ว แต่ถ้านายได้ขึ้นเป็นโฮสต์อันดับหนึ่ง ก็คงใช้เวลาน้อยกว่านั้นเยอะ” อิซาโอะตอบ
เร็นขมวดคิ้ว... เขารักมารดา อยากให้เธอหายป่วย อยากให้เธอสบาย แต่อนาคตของเขา... เขาจะไม่สามารถกลับเข้าทีมเบสบอล ไม่สามารถเดินตามความฝันได้อีกต่อไป เพราะคนที่มีประวัติการเป็นโฮสต์นั้น จะไม่ได้รับการพิจารณาเข้าทีมเบสบอลอาชีพโดยเด็ดขาด
“นายเคยนอนกับผู้หญิงใช่มั้ย”
“หือ? ...อะ... เอ้อ เคย... ครับ”
“ผู้ชายไม่น่าจะเคยสินะ”
เด็กหนุ่มสะดุ้งโหยง “เฮ้ย!”
อิซาโอะหัวเราะ “มีเซ็กส์ทางนี้น่ะ...” เขาสอดมือเข้าไปภายในกางเกงของเด็กหนุ่ม แล้วบีบสะโพกเบาๆ “อื้อหือ... แข็งปั๋งเชียว นายเป็นนักกีฬาสินะ”
“ว้าก!” เร็นกระเด้งตัวลุกขึ้นพรวด แล้วกระโจนไปนั่งข้างๆ เคนจิ
“อย่าแกล้งเด็กมันนักซี่! เอ้า! ไม่ทำก็ไม่ทำ กลับละกัน” เคนจิหันไปโอบไหล่หนาด้วยความสงสาร “ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนไป”
เร็นจ้องอิซาโอะอย่างหวาดๆ ก่อนจะวิ่งปรู๊ดออกไปที่ห้องเปลี่ยนเสื้อข้างๆ กัน ซึ่งอิซาโอะก็ลุกตามออกไปทันที
“เฮ้ยๆ จะไปไหน” เคนจิคว้าแขนเพื่อนไว้
อิซาโอะดึงแขนออก “จะลองไปกล่อมเด็กมันดู ไม่ทำอะไรหรอกน่ะ” แล้วก้าวฉับๆ ออกจากห้องไป
บานประตูห้องเปิดออกผาง พอเร็นเห็นว่าใครตามเขาเข้ามาก็ถอยกรูดไปยืนชิดกับผนัง ใบหน้าของเขาซีดเผือด “เข้ามาทำไมพี่!”
อิซาโอะยืนพิงกำแพงข้างๆ บานประตูพลางกอดอก “ไม่อยากลองบ้างเหรอ”
“ละ... ลองอะไรครับ”
“เซ็กส์กับผู้ชายไง”
“ผมไม่มีรสนิยมแบบนั้น” เร็นตอบเสียงเข้ม
อิซาโอะพูดกลั้วหัวเราะ “รู้สึกดีนะ... ถ้าลองแล้วจะติดใจ”
“เจ็บตูดตายห่า ผมไม่ไหวหรอกครับ...” เด็กหนุ่มรีบถอดเสื้อแล้วใส่เสื้อของตนกลับ
“เตรียมตัวดีๆ ก็ไม่เจ็บหรอก แรกๆ มันก็จะฝืดแล้วก็คับ แต่ถ้านายรู้วิธี มันก็จะสนุก” อิซาโอะก้าวเข้าไปทางที่เร็นยืนอยู่อย่างเชื่องช้า ราวกับไฮยีน่าที่เตรียมตัวจะตะปบเหยื่อ
เร็นถอยหลังหนีไปจนชิดผนังห้อง ก่อนชายหนุ่มจะก้าวเข้ามาประชิดตัว “พี่... จะทำอะไร”
“จะทำให้ดูว่ามันไม่ยาก” อิซาโอะยิ้มกริ่ม เขาเบียดส่วนกลางร่างกายของตัวเองกับร่างกายเด็กหนุ่ม ใช้มือลูบไปบนแผ่นอกกว้าง จากนั้นจึงวาดแขนโอบรอบลำคอใหญ่แล้วโน้มลงมา “มันก็แค่เซ็กส์...” อิซาโอะแนบจูบเรียวปากบางแค่เพียงภายนอก
ดวงตาคมกริบเบิกโพลง แต่ก่อนที่จะผลักชายหนุ่มออก อิซาโอะก็คว้าข้อมือเขาไปตรงหน้า แล้วใช้ปลายลิ้นไล้เลียนิ้วเขาจนชุ่ม “จะทำอะไร... ผมไม่...”
อิซาโอะปลดกางเกงของตนเองออกอย่างคล่องแคล่ว ตามด้วยจับมือของเด็กหนุ่มสอดเข้าไปในกางเกงทางด้านหลัง “ลองดูสิ ก็ไม่ต่างจากของผู้หญิงนักหรอก” และก่อนที่เร็นจะดึงมือออก อิซาโอะกดนิ้วเด็กหนุ่มเข้าไปในร่องสะโพกของตน “อื้ม... นิ้วนายร้อนชะมัด”
เร็นอ้าปากค้าง เขากระชากมือออกแล้วผลักชายหนุ่มออกไปสุดแรง “ผมขอตัวก่อน” จากนั้นจึงวิ่งออกจากห้องไปคว้าตัวเคนจิซึ่งกำลังยกถ้วยน้ำชาขึ้นจิบ แล้ววิ่งออกไปจากบริเวณร้านโดยเร็วที่สุด
สองหนุ่มไปหยุดหอบหายใจอยู่บนฟุตบาทห่างจากแหล่งท่องเที่ยวในยามค่ำคืนออกไปเล็กน้อย เร็นคว้าแขนเคนจิจะเดินต่อ แต่อีกฝ่ายรั้งไว้ “เฮ่ย ขอพักก่อน พี่ไม่ได้เป็นนักกีฬาอย่างเอ็งนะว้อย แล้วดูซิ รีบอะไรนักวะ พี่หยิบถ้วยชาเขาติดมือมาด้วยเลยเนี่ย!”
“เออ! จริงสิ!” เด็กหนุ่มนึกถึงนิ้วที่เพิ่งถูกพาไปผจญภัยมาหมาดๆ แล้วก็ขนลุก เขาคว้าถ้วยชานั้นมาเทลงในฝ่ามือ
“ทำอะไรของเอ็งวะ”
“ล้างมือสิพี่! เห็นว่าผมอาบน้ำรึไงล่ะ!” เร็นถูมือสลับไปมา ตามด้วยเช็ดกับเสื้อ “ขอโทษนะพี่ แต่เรื่องงานนั่น ผมขอคิดดูก่อน...”
เคนจิส่ายหน้าไปมา ก่อนจะเริ่มก้าวออกไปช้าๆ “พี่สิต้องขอโทษเอ็ง... ขอโทษนะ ที่พามาที่แบบนี้ แต่นี่เป็นวิธีที่เอ็งจะหาเงินได้เร็วที่สุด”
“ครับ ผมเข้าใจ”
เคนจิตบไหล่หนาเบาๆ “คิดให้ดี... ถ้าเอ็งตัดสินใจจะก้าวเข้าไปแล้ว ก็คงจะถอนตัวลำบาก อนาคตของเอ็ง... ถ้าจะเป็นโปรฯ ก็ควรจะเลี่ยงข่าวฉาวไว้หน่อยนะ”
เร็นพ่นลมหายใจออกหนักๆ “...ผมรู้... แต่ว่าแม่... ก็สำคัญกับผมมาก” เขายิ้มบาง “อีกอย่าง โอกาสของผมก็แทบจะไม่มีแล้ว เงินจะซื้อถุงมือเบสบอลยังไม่มีเลย ฮะๆ”
“น่าเสียดาย เอ็งเคยไปแข่งถึงโคชิเอ็งแล้วแท้ๆ ได้ทุนด้วย ถ้าเป็นโปรฯ ได้ อนาคตเอ็งกับแม่จะได้อยู่อย่างสุขสบายแน่ๆ”
“มันเป็นประสบการณ์ที่ดีนะพี่... แล้วนั่นก็ทำให้ผมได้ทุนเรียนมหาลัยอย่างนี้”
เคนจิสงสารเร็นจับใจ แต่ตัวเขาเองก็ไม่ได้มีเงินทองมากมายอะไรนัก เงินเป็นล้านที่เร็นต้องการนั่น ขนาดคนมีงานประจำยังหาเก็บได้ยากเลย โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ที่มีค่าใช้จ่ายสูงอย่างโตเกียวด้วย
ทั้งสองเดินห่างออกไปจากย่านท่องเที่ยวในยามค่ำคืนทีละน้อย จนถึงสถานีรถไฟจึงแยกย้ายกันเดินทางกลับไปยังที่พักของตน
เร็นต้องนั่งรถไฟผ่านหลายสถานีกว่าจะถึงสถานีในแถบอะพาร์ตเมนต์ชานเมืองที่เช่าไว้ เขาโชคดีที่ยังทันรถไฟขบวนสุดท้าย แล้วก็ไม่ต้องนอนแถวข้างถนน สองขาพาเจ้าของก้าวเดินไปอย่างเอื่อยเฉื่อย ท่ามกลางอากาศที่เย็นกว่าในเวลากลางวันมาก ภายในศีรษะยังคงคิดทบทวนอย่างเป็นกังวลถึงเรื่องมารดาและอนาคตของตน
สายลมเย็นเฉียบพัดผ่านมาเป็นระลอกๆ ให้รู้สึกหนาวเหน็บ เด็กหนุ่มได้ยินเสียงของโซ่ชิงช้าเสียดสีกันขณะที่เดินผ่านสนามเด็กเล่นขนาดย่อมที่ตั้งอยู่ก่อนจะถึงอะพาร์ตเมนต์ที่พัก เขาหยุดยืนมองชิงช้าแกว่งไกว ก่อนจะเดินเข้าไปนั่งลงบนม้านั่งของชิงช้าตัวนั้น แล้วโยนกระเป๋าเป้หนักอึ้งไว้บนพื้นทราย
สองมือหยาบกร้านจากทั้งการทำงานหนักและจับไม้เบสบอลยกขึ้นกอบกุมใบหน้า พลางย้อนนึกไปถึงเมื่อครั้งที่เขายังเป็นเด็ก มารดาที่กลับมาจากการทำงานเหน็ดเหนื่อย แต่ก็ยังพาตนเองมาเล่นกับเพื่อนๆ ในสนามแห่งนี้ จากนั้นจึงกลับไปห้องพักแล้วทำอาหารเย็นร่วมกัน
...มารดาเสียสละมาเพื่อเขามากมายเหลือเกิน
ร่างสูงเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าในยามค่ำคืน ซึ่งในคืนจันทราค่อนดวงเช่นนี้ หมู่ดาวส่วนใหญ่ ถูกบดบังไปด้วยแสงสีนวลของดวงจันทร์ เขาปิดตาลงช้าๆ ให้สายลมเย็นโลมไล้ใบหน้าคมสัน พยายามนึกไปถึงสิ่งที่ทำให้จิตใจสงบลงได้บ้าง... เสียงเพลงบทสวดจากในโบสถ์ดังแว่วขึ้นมา ก่อนภาพของเทวดาที่มีผมสีทองเป็นลอน ดวงตาสีเขียวเปล่งประกายจะปรากฏขึ้นภายในศีรษะ รอยยิ้มบนภาพวาดนั้นทำให้หัวใจของเขาสงบลง แล้วพอจะยิ้มสู้กับชะตากรรมของตนเองได้บ้าง
เร็นเอื้อมไปหยิบกระเป๋าเป้ แล้วล้วงนามบัตรหลายๆ ใบ ที่ยัดใส่ไว้ขึ้นมาพิจารณาดู เขาหรี่ตามองข้อความบนนามบัตรเพราะแสงจากเสาไฟมีเพียงสลัว สักพักก็วางมือลง เงยหน้าขึ้นมองดวงเดือนที่ประดับอยู่บนฟากฟ้าอันไกลโพ้นพร้อมถอนหายใจ แล้วหยิบนามบัตรขึ้นมาดูอีกครั้ง ทำแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมา ทว่าก็ต้องชะงัก เมื่อรู้สึกถึงฝีเท้าที่ก้าวเข้ามาทางตนช้าๆ ใบหน้าหล่อเหลาหันขวับไปทางต้นเสียงทันที
เบื้องหน้าของเด็กหนุ่มมีผู้ชายที่น่าจะอายุสักสามสิบปลายๆ ใส่ชุดสูทเรียบหรูยืนอยู่ ใบหน้าเคร่งขรึม ดวงตาที่แม้จะใส่แว่นปิดบังไว้ แต่ก็ยังฉายแววดุดัน เขาเดินมาหยุดอยู่ไม่ห่างจากเร็นนัก
“มีธุระอะไรกับผมรึเปล่า” เร็นขมวดคิ้ว
ริมฝีปากของชายคนนั้นเผยอออกเล็กน้อย แต่แล้วก็ปิดลงสนิทพร้อมอมยิ้ม “ขอนั่งด้วยคนได้มั้ยครับ คุณคิมุระ เร็น” จากนั้นจึงก้าวไปนั่งลงบนม้านั่งชิงช้าข้างๆ กัน
“คุณรู้จักผมงั้นเรอะ” เด็กหนุ่มจ้องมองอีกฝ่ายอย่างระแวง เขาไม่แน่ใจว่าเคยพบกันกับอีกฝ่ายที่ไหนมาก่อนหรือเปล่า
“รู้จักสิครับ อืม... คุณคิมุระจบจากนิชิไฮ ผลการเรียนไม่ได้ดีเลิศอะไร แต่เป็นนักกีฬาเบสบอลดีเด่นที่เคยไปแข่งถึงโคชิเอ็งมาแล้ว ปัจจุบันศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยเฮเซ ด้วยทุนการศึกษาสำหรับนักกีฬา” ชายหนุ่มยิ้มเย็น หากดวงตาของเขายังคงดูดุดันไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย “แต่ตอนนี้ตกอับ ต้องลาพักจากทีมเบสบอลเพราะคุณแม่ไม่สบาย... ผมคงไม่ต้องระบุลึกลงไปใช่มั้ยครับ ว่าคุณแม่ของคุณเป็นโรคอะไร อยู่ที่โรงพยาบาลไหนและต้องใช้เงินค่าผ่าตัดเป็นจำนวนเท่าไหร่ แล้วคุณไปทำงานอะไรที่ไหนบ้าง เพื่อให้มีเงินใช้จ่ายในแต่ละวัน”
เร็นลุกขึ้นพรวด “คุณเป็นใครกัน! ต้องการอะไรกันเนี่ย!”
มือที่เย็นเฉียบยื่นออกไปคว้าแขนของเด็กหนุ่มไว้ “นั่งลงก่อนสิครับ”
เด็กหนุ่มเบือนหน้าหนี แต่แล้วก็ถอยหลังกลับไปนั่งลงบนม้านั่งชิงช้าอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก
ชายหนุ่มในชุดสูทขยับแว่นของเขาเล็กน้อย จากนั้นจึงเอื้อมมือไปดึงนามบัตรทั้งหมดในมือของเร็นออกมา เขาฉีกนามบัตรเหล่านั้นเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วโยนให้ปลิวไปในอากาศ “...ผมมีข้อเสนอดีๆ ที่คุณจะปฏิเสธไม่ลง”
TBCเรื่อง "เงาจันทร์ในม่านหมอก" นี้ เป็นอีกเรื่องในซีรี่ส์นิยายที่ฮัสกี้ใช้เค้าโครงมาจากปกรณัมกรีกนะคะ (เรื่องแรกคือ อะโฟรไดต์ เรื่องที่สองคือ แกนีมีด ที่อยู่ในห้องนิยายจบแล้วของเล้าค่ะ) ส่วนจากปกรณัมเรื่องไหนนั้น เมื่อบอกชื่อไปหลายๆ คนคงจะร้องอ๋อออออ ฮ่าๆ เรื่องนี้ใช้เค้าโครงของ ไซคีกับอีรอส (Psyche & Eros) ค่ะ
ชื่อของตัวละครในเรื่องอาจจะจำยากสักหน่อย เพราะฮัสกี้มโนให้เนื้อเรื่องเกิดขึ้นในประเทศญี่ปุ่น (ที่ต้องเป็นญี่ปุ่นเพราะพระเอกของเราเป็นนักกีฬาเบสบอลน่ะเองค่ะ) แต่ชื่อพระเอก คิมุระ เร็น คงจำไม่ยากเนอะ เรามาท่องกัน สามสี่~
ฮัสกี้ขอฝากเรื่องนี้ไว้ในอ้อมอกชาวเล้าอีกเรื่องนะคะ ขอบคุณมากค่ะ ขอกำลังใจโหน่ยยยยน้า
ปล. มาอีดิตช้างเผือกออกแล้วค่ะ ขอบคุณที่ทักนะคะ 5555555 พอดีฮัสกี้อ่านมาจากเว็บกีฬา หยิบมาใช้โดยไม่ทันคิด ช้างเผือกนี่มันต้องของไทยสิ 55555 ขออภัยในความผิดพลาดค่ะ
แล้วแวะมาเม้ามอยกับฮัสกี้ที่เพจนะคะ husky's page