Chapter 26รถยนต์ของบริษัท NS เคลื่อนออกจากสำนักงานใหญ่ของบริษัทดาต้าโปรไปช้าๆ จากนั้นก็แวะจอดที่ร้านขายยาตามที่เจ้านายสั่ง นภเกตน์ลงไปซื้อยาพร้อมน้ำดื่มด้วยตนเอง แล้วนำกลับมาส่งให้คนที่ทำท่าป่วยกระเสาะกระแสะ น่าจับส่งห้องไอซียูซะเต็มที
“ปวดหัวมากรึเปล่า”
“มากเลยครับ โอย...” ตฤณโอดครวญ แล้วเอนหลังพิงเบาะรถอย่างอ่อนแรง
“จะแวะไปโรงพยาบาลมั้ย”
ชายหนุ่มส่ายหน้ารัว “ไม่ล่ะครับ แค่นี้พักสักหน่อยเดี๋ยวก็หาย”
“ก็ตามใจ... ถ้างั้นกินยาก่อนก็แล้วกันนะ” มือขาวส่งยาพร้อมน้ำให้กับผู้ช่วย แล้วจ้องมองจนมั่นใจว่าชายหนุ่มผิวสีแทนกลืนลงท้องไปจนหมด
ระหว่างทางคนขับรถลอบมองเจ้านายทั้งสองอยู่เป็นระยะๆ เขานึกประทับใจที่ตฤณช่างทุ่มเทกับบทคนป่วย เล่นได้สมบทบาทจริงๆ ถึงจะไม่เข้าใจว่าทำไมต้องแกล้งป่วยก็ตามที แต่ก็คิดว่าคงอยากจะเรียกคะแนนสงสารจากผู้จัดการละมั้ง
สองข้างทางมืดลงทีละน้อย ปลายฟ้าที่มีตึกสูงใหญ่บดบังมีลำแสงสีส้มบางๆ ฉาบอยู่ทางด้านหลัง บนท้องถนนในยามนี้โล่งกว่าทุกที ใช้เวลาไม่นาน รถยนต์ก็เคลื่อนเข้าไปจอดในที่จอดรถของบริษัท NS
ตฤณเปิดประตูรถแล้วก้าวออกไปช้าๆ เขาหันไปบอกกับคนขับรถด้วยเสียงแหบแห้ง “ขอบคุณครับพี่...”
ร่างโปร่งรีบลงจากรถแล้ววนไปอีกข้างเพื่อช่วยประคองอีกฝ่าย “...คุณตฤณคงขับรถกลับบ้านไม่ไหวแน่”
“เดี๋ยวผมนอนที่ออฟฟิศนี่แหละครับ พรุ่งนี้จะได้ไม่ต้องเสียเวลาขับรถนาน...”
ฟันซี่เล็กกัดลงบนริมฝีปากอวบอิ่มอย่างครุ่นคิด... เขาจะเป็นเจ้านายที่ใจร้ายไปมั้ย? ก็ในเมื่อตฤณป่วยขนาดนี้... จะหาอาหาร หายารับประทานได้อย่างไร แถมอยู่ตัวคนเดียว ใครจะดูแล เขาทั้งเป็นห่วงและเป็นกังวล จนสองมือขาวกระชับท่อนแขนแกร่งไว้แน่น
“คุณนภ?” ร่างสูงพยายามทำหน้าให้น่าสงสารมากที่สุด เขาทำเป็นเดินลากเท้าไปอย่างเชื่องช้า คล้ายว่าอ่อนแรงจนแทบจะล้มลงได้ทุกเมื่อ
“...ผมจะปล่อยคนป่วยไว้แบบนี้ได้ยังไง...”
ร่างสูงยิ้มบาง “แค่นี้สบายมากครับ ขอบคุณคุณนภมากที่วันนี้อุตส่าห์สละเวลาพักผ่อนมาช่วย”
นภเกตน์จ้องมองเข้าไปในดวงตาสีเข้ม ก่อนจะพรูลมหายใจออกมายาว “...คุณตฤณไม่สบายมากขนาดนี้... ไปพักที่ห้องผมก่อนละกัน”
ทันทีที่ได้ยินคำพูดที่ตนรอคอยมานานแสนนาน ตฤณก็แทบจะหลุดเซิ้งออกมาเดี๋ยวนั้น แต่ยังหรอก! เขาต้องทำตัวให้น่าสงสาร น่าเห็นใจ และดูเป็นพระเอกแสนพระเอกมากกว่านี้อีกสักหน่อย
“จะดีเหรอครับ คุณนภไม่ชอบ... อย่าลำบากเลย”
มือขาวกระตุกแขนเรียวอย่างไม่เบานัก จนเจ้าของท่อนแขนนั้นเซมาตามแรงดึง “...แรงจะเดินยังไม่มี... ไปๆ กลับขึ้นรถ” ผู้เป็นนายทั้งลากทั้งจูงผู้ช่วยให้เดิมตาม โดยไม่ทันสนใจรอยยิ้มตรงมุมปากของอีกฝ่าย
“เดี๋ยวพาผมกับคุณตฤณไปส่งที่คอนโดฯ ก่อนนะครับ”
“คะ... ครับ” คนขับรถเหลือบมองชายหนุ่มผิวสีน้ำผึ้งอย่างงุนงง... นี่แกล้งป่วยเหมือนไปมั้ย เขาจะเชื่อว่าป่วยจริงแล้วนะเนี่ย!
รถยนต์คันเดิมกลับรถออกไปอย่างเชื่องช้า ขับออกไปนิดเดียวก็เข้าเทียบจอดตรงทางเข้าคอนโดมิเนียมสุดหรู ซึ่งเมื่อรถจอดสนิท นภเกตน์ก็รีบก้าวออกมาก่อน แล้ววนไปช่วยประคองผู้ช่วยที่สุดแสนจะน่าสงสารลงมา เขาช่วยถือกระเป๋าใส่แล็ปท็อปให้เสร็จสรรพ ก่อนจะหันไปบอกกับคนขับรถ “ขอบใจมาก กลับไปพักได้แล้วล่ะ” แล้วจึงพยุงตฤณเดินเข้าไปในตึก
“ขอโทษนะครับ ที่ต้องรบกวนคุณนภแบบนี้...”
“.....” ร่างโปร่งไม่ตอบอะไร เขาเพียงแค่ประคองผู้ช่วยเดินไปช้าๆ ระหว่างนั้นก็คิดไปพลาง ว่าที่เขายอมให้ตฤณมาค้างคืนด้วยนี่ เป็นเพราะอยากอยู่ใกล้ๆ หรือแค่เป็นห่วงในฐานะเจ้านายกันแน่
ตฤณพยายามซ่อนรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ พร้อมกับแกล้งซบไหล่ ซุกซอกคอผู้เป็นนายอยู่หลายครั้ง... ถ้าผลออกมาเป็นแบบนี้ ก็คุ้มค่าที่พวกเขาไม่ได้เจอกันมาหลายวัน
“วันนี้ได้กินอะไรรึยัง” เจ้านายถามขึ้นขณะพาร่างสูงเข้าไปในห้อง แล้วเดินไปตามทางเดิน จนถึงห้องที่อยู่ด้านในสุด
“...กินขนมปังจากร้านสะดวกซื้อไปแล้วครับ”
นภเกตน์ถอนหายใจ ผู้ช่วยหน้าแมวนี่ไม่เปลี่ยนเลย ทุ่มเทกับงานจนไม่สนใจสุขภาพ เป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อครั้งที่ทำงานร่วมกันวันแรกแล้ว เขาเปิดประตูห้องออก ก่อนจะพาอีกฝ่ายเดินเข้าไปภายใน “คุณตฤณนอนพักก่อนแล้วกัน เดี๋ยวผมจะทำซุปร้อนๆ ให้”
ภายในห้องมีเตียงหลังเบ้อเริ่ม กับเครื่องเสียงและโทรทัศน์ชุดใหญ่ ที่ตรงฝั่งเดียวกับประตูห้องมีตู้เสื้อผ้าแบบ walk-in ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับบานหน้าต่างอีกฝั่ง
ตฤณซ่อนความตื่นเต้นเอาไว้ไม่มิด เขาไม่นึกว่าจะมีวันได้เห็นห้องนอนของร่างโปร่งด้วยซ้ำ “...ห้องนอน... ของคุณ...”
นภเกตน์ประคองร่างสูงไปนั่งลงตรงปลายเตียง เขาช่วยถอดเสื้อสูทและปลดเนกไทออกให้ จากนั้นก็ผลักไหล่กว้างเบาๆ เป็นเชิงบอกให้นอนลง “นอนซะ”
นัยน์ตาคมกริบเบิกโพลง “จะดีเหรอครับ”
“...ผมจะให้คนป่วยนอนโซฟาได้ยังไงกัน” มือขาวหยิบผ้าห่มมาคลุมให้ “นอนไปก่อนนะ ผมจะไปทำอาหาร เดี๋ยวจะมาปลุกให้กินยา” ผู้เป็นนายเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย หากแววตาสั่นไหวจนผู้ช่วยตัวดีเริ่มรู้สึกผิด
“ขอโทษนะครับ” ...ไม่ได้ตั้งใจจะหลอกให้เข้าใจผิด แต่เขาก็แค่อยากอยู่ใกล้ๆ กับเจ้านายเท่านั้น
“อืม”
ปัง... เมื่อบานประตูห้องปิดลงสนิท ร่างสูงก็ลุกพรวดขึ้นนั่ง แล้วถอนหายใจหนักๆ หลายๆ หน
“เอาไงดีวะเนี่ย” ...ถ้าเขาสารภาพผิดตอนนี้ มีหวังโดนเจ้านายกระทืบให้ทะลุลงไปถึงชั้นหนึ่ง ได้ป่วยจริงสมใจแน่ แถมคงจะยิ่งโดนโกรธ แล้วก็อาจจะไม่ได้มาเหยียบที่นี่อีก เมื่อนึกดังนั้น ร่างสูงก็เรียกวิญญาณนักแสดงเข้าประทับร่าง เขาลุกขึ้นจากเตียงแล้วกระโดดไปมาสลับเต้นส่ายเป็นว่าว ทั้งโยกศีรษะและสะโพกอย่างหนักหน่วง เพื่อให้อุณหภูมิของร่างกายเพิ่มขึ้นและเหงื่อออกมากที่สุด
จนกระทั่งได้ยินเสียงฝีเท้าเดินมาหยุดที่หน้าห้อง ชายหนุ่มผิวสีแทนก็กระโดดขึ้นเตียงพร้อมกับซุกตัวไว้ใต้ผ้าห่ม
บานประตูห้องค่อยๆ เปิดออก จากนั้นนภเกตน์จึงเดินเข้ามา ในมือขาวถือถาดใส่อาหารซึ่งส่งกลิ่นหอมฉุย เขาวางถาดนั้นลงบนหลังตู้เล็กๆ ตรงหัวเตียง แล้วโน้มใบหน้าเข้าไปหาคนที่นอนซุกผ้าห่มอยู่บนเตียง
“คุณตฤณ ตื่นมากินอาหารก่อน” มือขาวเขย่าไหล่กว้างเบาๆ
ตฤณยันตัวลุกขึ้น แล้วเอื้อมมือมาจับมือของผู้เป็นนายไว้ “...อืม... ผมหลับไปนานแค่ไหนกันเนี่ย”
“ไม่นานหรอก... แต่มือคุณร้อนมาก สงสัยจะมีไข้สูง... ลุกไหวมั้ย” ร่างโปร่งนั่งลงบนเตียงแล้วประคองหลังอีกฝ่ายให้ลุกขึ้น “เหงื่อออกจนชื้นหมดเลย...”
“เพราะยาที่กินเข้าไปทำให้เหงื่อออกเยอะน่ะครับ แต่ผมไม่ปวดหัวแล้วล่ะ... ขอบคุณคุณนภมากนะครับ”
ดวงตาสีเข้มฉ่ำหวาน กับรอยยิ้มจนแก้มบุ๋มนั่น ทำให้หัวใจของนภเกตน์เต้นไม่เป็นส่ำ เขายิ้มน้อยๆ ตอบอีกฝ่าย ก่อนจะหยิบชามซุปส่งให้ “กินก่อน”
“แล้วคุณนภจะไปไหนน่ะครับ”
“...ผมจะไปเอาผ้ามาช่วยเช็ดตัวคุณให้” ขาเรียวพาเจ้าของก้าวเดินออกไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหายแวบเข้าไปในห้องอาบน้ำ แล้วกลับออกมาพร้อมกับผ้านุ่มที่ชุบน้ำเปียกหมาดๆ ในมือ
ตฤณไม่เคยนึกฝันว่าเขาจะมีวันได้รับการเอาใจใส่จากเจ้านายถึงเพียงนี้ ใจคิดอยากจะป่วยจนโคม่าไปอีกสักสัปดาห์เลย ถ้าไม่ติดโพรเจกต์สำคัญอยู่ละก็นะ ชายหนุ่มตักซุปอุ่นๆ ใส่ปาก ซุปซึ่งเขาคิดว่าอร่อยแบบที่ไม่เคยได้ลิ้มรสมาก่อน “อร่อยที่สุดเลยครับ”
“กินได้แบบนี้แสดงว่ายังไม่ป่วยหนักเท่าไหร่น่ะสิ” นภเกตน์นั่งลงบนเตียงข้างๆ กัน เขารอให้ตฤณรับประทานอาหารไปสักพัก และเมื่ออีกฝ่ายวางชามซุปลง เขาจึงค่อยใช้ผ้านุ่มในมือซับตามกรอบหน้าและลำคอให้ “เดี๋ยวคุณตฤณเปลี่ยนใส่เสื้อผ้าของคุณที่ผมยืมมาคราวนั้นแล้วกัน เพิ่งซักมาพอดี” ปลายนิ้วเรียวช่วยปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตอีกฝ่ายออกทีละเม็ด แล้วถอดเสื้อออก
มือขาวใช้ผ้าเช็ดไปเบาๆ ตามร่างกายสีแทนที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ ซึ่งทำให้อีกฝ่ายหัวใจเต้นตูมตาม จนต้องยกมือขึ้นประกบหลังมือนุ่มไว้ “ผมทำเองดีกว่าครับ” ...เดี๋ยวความหื่นจะปะทุออกมาทำให้เจ้านายตกใจ
“อืม” ร่างโปร่งชักมือกลับ จากนั้นก็ลุกไปหยิบเสื้อที่แขวนไว้ในตู้เสื้อผ้ามาส่งให้ “เปลี่ยนเสื้อแล้วนอนซะ”
ทว่าพอเจ้านายหมุนตัวเดินออกไป ตฤณก็รีบคว้าข้อมือขาวไว้ “คุณนภจะไปไหนน่ะครับ”
“ผมจะไปนอนข้างนอก”
“ผมไปเอง”
“จะบ้ารึไง คนป่วยนอนเตียงน่ะถูกแล้ว”
“ไม่ดีกว่าครับ แค่นี้ผมก็เกรงใจคุณนภจะแย่แล้ว” ...ก็ในเมื่อความจริงแล้วเขาไม่ได้ป่วยสักหน่อย!
นภเกตน์หัวเราะเบาๆ “...จะมาเกรงใจอะไรตอนนี้ เมื่อก่อนเห็นช่างตื๊อจะตาย”
“ถ้างั้น... แบบไม่ต้องเกรงใจ คุณนภก็นอนด้วยกันกับผมละกันนะครับ”
“ฮะ?” เจ้านายชะงัก
“ผมสัญญาว่าจะนอนเฉยๆ ผมป่วยแบบนี้ ถึงอยากจะทำอะไรก็คงทำไม่ได้... นี่ๆ เอาหมอนข้างกั้นกลางไว้นะครับ”
“....”
พอเห็นเจ้านายทำหน้าลังเล ตฤณก็ยื่นคำขาด “ถ้าคุณจะไปนอนข้างนอก ผมจะไปด้วย”
ร่างโปร่งสบสายตากับดวงตาคมกริบอยู่ครู่ใหญ่ ท่าทางจริงจังของอีกฝ่ายทำให้เขาต้องพรูลมหายใจออกมาหนักๆ “...ก็ได้ คุณใส่เสื้อซะ กินยาแล้วก็นอนไปก่อนละกัน ผมจะไปอาบน้ำก่อน”
“ครับ” ร่างสูงยิ้มกว้าง เขาคว้าเสื้อตัวใหม่ขึ้นมาใส่ หยิบยาใส่ปากพลางดื่มน้ำตาม แล้วเอนหลังลงนอนอย่างว่าง่าย ดวงตาสีเข้มมองตามเจ้าของแผ่นหลังบางที่เดินตรงไปยังห้องอาบน้ำ “แล้วรีบมานอนไวๆ นะครับ”
นภเกตน์หันกลับมาส่งยิ้มให้ “อืม”
...โอย น่ารักจนจะบ้า สมองเบลอหมดเลยกู หรือว่าจะป่วยจริงๆ เข้าซะแล้ววะเนี่ย... มือหยาบยกขึ้นวางบนแผ่นอกเหนือหัวใจตน เขารู้สึกได้ถึงก้อนเนื้อที่เต้นแรงๆ จนเหมือนจะระเบิดออกมาจากในอก
“ผมชอบคุณมากจนถอนตัวไม่ขึ้นซะแล้ว” ...แล้วแบบนี้จะทำยังไงกับชีวิตต่อไปดีวะเนี่ย
ตฤณนอนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย เพียงแค่แป๊บเดียว ร่างโปร่งบางในชุดนอนแขนขายาวก็เดินออกมาจากห้องอาบน้ำ กลิ่นหอมบางเบาลอยกรุ่น จนคนที่นอนอยู่บนเตียงเริ่มกระสับกระส่าย... เขาควรจะลุกขึ้นหรือทักอะไรให้เจ้านายรู้ว่าตัวเขายังไม่หลับดีมั้ย
นภเกตน์เดินฉับๆ ไปนั่งลงบนเตียงอีกฝั่ง “คุณตฤณ หลับไปรึยัง”
ร่างสูงไม่กล้าแม้แต่จะเปิดตาขึ้น เขากลัวเหลือเกินว่าเมื่อได้เห็นใบหน้าน่ารักของเจ้านาย เขาจะลืมตัวทำอะไรต่อมิอะไรลงไป เดี๋ยวเจ้านายก็จับได้ว่าไม่ได้ป่วยจริงกันพอดี
เมื่อไม่ได้ยินคำตอบ ผู้เป็นนายจึงเอนหลังลงนอน แล้วพลิกตัวหันหน้าออกจากฝั่งที่ผู้ช่วยนอนอยู่
เวลาผ่านไปอีกพักใหญ่ ร่างสูงจึงลืมตาขึ้นแล้วหันไปสำรวจคนที่นอนอยู่อีกฝั่งของหมอนข้าง นภเกตน์นอนนิ่งไม่ขยับเขยื้อนอยู่ในผ้าห่ม ดูท่าคงจะหลับไปแล้ว เขาค่อยๆ พลิกตัวไปทางที่อีกฝ่ายนอนอยู่ ระมัดระวังไม่ให้เกิดเสียง แล้วจ้องมองลำคอระหงกับบางส่วนของหัวไหล่ที่เผยออกมาจากเสื้อนอนคอกว้าง ใจนึกอยากจะขยับเข้าไปจูบผิวขาวตรงหน้าแรงๆ หลายๆ ที
เฮ้อ....
...นอนเถอะ ไอ้ตฤณ! ได้นอนด้วย ได้อยู่ใกล้ขนาดนี้ก็ดีถมไปแล้ว งานวันพรุ่งนี้ยังกองรออยู่อีกเยอะ ทำใจเถอะมึง! ชายหนุ่มผิวสีน้ำผึ้งบอกกับตัวเอง จากนั้นจึงพยายามข่มตาให้หลับลง
TBC~ก้าวหน้าาาาา ได้เข้าห้องนอนผู้จัดการแล้ววว การใช้มารยามันดีอย่างนี้นี่เอง 5555 #พี่ตฤณไม่ได้กล่าว
ขอบคุณทุกคนที่แวะมาอ่านนะค้า ฮัสกี้ขอฝากเรื่องใหม่ของฮัสกี้อีกเรื่องน้า เรื่องนี้เป็นแนวรักวัยเรียน ใสๆ ค่า --> "เหนือเมฆ"
แล้วก็ ตอนนี้นิสรีนกับเงาจันทร์ในม่านหมอกจบแล้วค่า เปิดพรีแล้วด้วยน้า ถ้าหากสนใจ ติดตามรายละเอียดได้ในเพจของฮัสกี้ค่า