Chapter 39สักพักชายหนุ่มผิวสีแทนในเสื้อยืดกับกางเกงยีนส์แบบง่ายๆ ก็เดินกลับออกมาหาคนที่ยืนรอตนอยู่ “เอ่อ... ขอโทษที่ปล่อยให้รอ เชิญทางนี้ครับ” เขาผายมือไปยังทางเดินภายในบ้าน ก่อนจะเดินนำออกไปก่อนโดยไม่พูดอะไรอีก
ตฤณชำเลืองมองคนที่เดินตามมาอยู่หลายครั้ง ความขุ่นเคืองที่มีอยู่นั้นจางหายไปแทบจะภายในชั่ววินาทีที่ได้สบสายตากัน เขาไม่เคยนึกฝันมาก่อนเลยว่าเจ้านายจะดั้นด้นมาถึงที่บ้านไร่แห่งนี้ด้วยตนเอง หมายความว่า... เจ้านายก็แคร์เขาอยู่บ้างเหมือนกันใช่มั้ย
แต่เดี๋ยวก่อน! เจ้านายของเขาคือคุณนภเกตน์นะ อย่าเพิ่งดีใจไปเลยไอ้ตฤณ เดี๋ยวมีเงิบอีก
ตฤณลังเล จนต้องถามออกไปเพื่อความมั่นใจ “คุณน... เอ่อ หัวหน้า มีธุระอะไรด่วนรึเปล่าครับ”
“เปล่า” ร่างโปร่งตอบไปสั้นๆ ห้วนๆ ทั้งที่ตัวเขาเตรียมคำพูดมาตั้งมากมาย จดโพยไว้ยาวเป็นหางว่าว แต่ไม่รู้ทำไมพอเห็นหน้ากันแล้ว กลับพูดอะไรไม่ออกเสียอย่างนั้น
เมื่อคำตอบที่ได้รับไม่ได้ชัดเจนนัก ตฤณเองก็ชักรู้สึกเกร็ง ยิ่งเมื่อนึกย้อนไป เขาเองก็ทั้งโกรธทั้งเหวี่ยงใส่นภเกตน์ไว้มากเหมือนกันนะ ร่างสูงเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องสำหรับใช้รับรองแขกผู้มาเยือน มือหยาบดันบานประตูเข้าไปภายในแล้วจึงหันมาหาคนที่หยุดยืนอยู่ทางด้านหลัง “หัวหน้าไปนั่งรอบนโซฟาก่อนนะครับ ผมจะไปสั่งคนงานให้เอาน้ำดื่มมาให้” ชายหนุ่มผิวสีน้ำผึ้งเริ่มคิดจะถอยออกไปตั้งหลัก
“เอ่อ...” หากพอร่างสูงหันหลัง มือขาวก็คว้าแขนแกร่งไว้ทันที “มีที่ไหนสะดวก... คุยกันตามลำพังหน่อยได้มั้ย”
ตฤณหันกลับมาสบสายตากับอีกฝ่าย มาแบบนี้ใจเขาก็ชักหวั่นๆ นะ จะคุยเรื่องอะไร... เรื่องที่เขารุกหนักจนถูกถีบตกโซฟา เรื่องโลชั่นกับถุงยางหลากสีหลายกลิ่น เรื่องผู้หญิงที่ชื่อนีนี่ที่ได้ยินว่าเป็นคู่หมั้นคู่หมายของเจ้านาย เรื่องที่เขาหงุดหงิดจนเก็บอารมณ์ไว้ไม่อยู่ในห้องน้ำ หรือที่มานี่จะมาเก็บค่าซ่อมประตูห้องน้ำกันวะ แต่ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร การที่เจ้านายเดินทางมาถึงเลยนี่ อาจจะไม่ใช่เรื่องน่ายินดีสำหรับเขาสักเท่าไรซะแล้ว
“ถ้าไม่รังเกียจ... ไปห้องผมมั้ยครับ” ร่างสูงถอนหายใจหนักๆ
สีหน้ากังวลของผู้ช่วยทำให้เจ้านายกลับคิดไปอีกแบบ เขานึกว่าตฤณยังคงโกรธเคืองเรื่องที่ถูกเขาถีบจนกลิ้งตกโซฟาตอนจังหวะสำคัญ แต่ก็เดินตามอีกฝ่ายไปเรื่อยๆ ขึ้นบันไดไปถึงชั้นสาม จนถึงห้องใหญ่บนชั้นนั้น
“ห้องของผมเองครับ” มือหยาบเปิดประตูแล้วผายมือให้ร่างโปร่งเดินเข้าไปก่อน จากนั้นจึงเดินตามเข้าไปช้าๆ
ภายในห้องมีเตียงหลังใหญ่ มีชั้นหนังสือที่เต็มไปด้วยหนังสือการ์ตูนมากมาย โต๊ะหนังสือตัวเขื่องกับพื้นไม้ถูกขัดจนขึ้นเงา ตรงบานหน้าต่างมีโซฟาขนาดเล็กสำหรับหนึ่งคนนั่งพร้อมกับที่วางขา มีโต๊ะตัวเล็กๆ และหมอนกับเบาะรองนั่งสำหรับนั่งๆ นอนๆ กับพื้น ตรงมุมห้องมีกระถางต้นไม้ที่ใบเป็นสีเขียวเงางาม ซึ่งเห็นได้ชัดว่าถึงแม้ร่างสูงจะไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านหลังนี้ แต่ห้องของเขาก็ถูกดูแลรักษาไว้เป็นอย่างดี
นภเกตน์ยืนตัวลีบอยู่ด้านหลังบานประตู ขณะที่เจ้าของห้องเดินไปปิดหน้าต่างในห้องแล้วเปิดเครื่องปรับอากาศ เขาหลือบมองชายหนุ่มเจ้าของห้องพลางกำมือแน่น “คุณตฤณ ยังโกรธผมอยู่เหรอ”
ตฤณหันขวับกลับมาหาเจ้านาย “โกรธ? ผมควรจะถามคำถามนี้กับคุณมากกว่า” แล้วเสตาหลบ “เรื่องวันนั้น ผมขอโทษ”
“ผมเอง... ก็ต้องขอโทษ”
หัวใจของร่างสูงเจ็บแปลบ เพราะเจ้านายไม่ใช่คนที่จะพูดคำขอโทษง่ายๆ แล้วขอโทษเขาเรื่องอะไร เรื่องที่ไม่ได้บอกว่ามีคนรักอยู่แล้ว หรือเรื่องที่ถีบเขาตกโซฟากัน “หัวหน้า...”
“เรียกนภเหมือนเดิมสิ” ร่างโปร่งก้มหน้าหลุบตาต่ำ รู้สึกว่าใบหน้าของตนร้อนผ่าวราวกับถูกไฟลน “เรื่องวันนั้น ผมผิดเอง เป็นเพราะผมยังไม่คุ้น เอ่อ... คงต้องใช้เวลาอีกสักนิดในการปรับตัวและยอมรับความสัมพันธ์ของเรา”
“คุณ...” ...เดี๋ยวก่อนนะ ขอเรียบเรียงความคิดก่อน เจ้านาย คุณนภ
ขอโทษ ไม่คุ้น ความสัมพันธ์ของเรา อะไรยังไงวะเนี่ย
“ผมเป็นผู้ชายทั้งแท่งมาตลอดยี่สิบสามปี แต่แล้วก็มามีแฟนเป็นผู้ชายแบบนี้ แล้ว... แล้วจู่ๆ คุณก็ทำแบบเมื่อวันนั้น ไอ้ของในถุงพวกนั้น มันทำให้ผม...” ใบหน้าหวานซับสีเลือด เขานิ่งไปทั้งๆ ที่ยังพูดคาไว้แบบนั้น
ตฤณครางอือ เขาเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวได้ว่าร่างโปร่งกำลังพูดถึงอะไร แต่เพียงแค่นั้นก็มากพอที่จะทำให้หัวใจที่เหี่ยวแห้งกลับมาสดชื่นและเต้นระส่ำได้อีกครั้ง “เรื่องของคืนนั้น... มันก็จริงอย่างที่คุณนภคิดล่ะครับ ผมอยากให้คุณประทับใจในตัวผม ผมสาบานได้ว่าผมไม่ได้วางแผนไว้ก่อนว่าเราจะต้องมีอะไรกันลึกซึ้งแค่ไหน แต่ผมก็ไม่อยากโกหกว่าผมหวังที่จะมีความสัมพันธ์ทางกายกับคุณ เพราะผมรักคุณ...” ตฤณพูดเสียงอ่อย “แต่ของในถุงนั่น ไอ้แหลมมันเตรียมมาให้ด้วยความหวังดี ผมไม่ได้เตรียมมาเพราะคิดแต่เรื่องอย่างว่าเท่านั้นนะครับ”
“คุณนภอาจไม่เข้าใจ แต่สำหรับผม ความรักมาควบคู่กับการผูกพันทางร่างกาย เพราะผมรักคุณ ผมถึงได้อยากกอด อยากจูบ...”
“เข้าใจสิ” นภเกตน์เอ่ยตอบ หัวไหล่สั่นน้อยๆ เขากำมือแน่นแล้วก้าวเข้าไปจนชิดร่างสูง “ผมเองก็มีความรู้สึกเหมือนกับคุณนั่นล่ะ”
“ฮะ!” ร่างสูงอ้าปากค้าง นึกอยากจะหันไปเอาหัวโขกกำแพงแรงๆ สักสิบครั้งเพื่อให้มั่นใจว่าไม่ได้ฝันไป “...มะ... หมาย... หมายความว่า...”
ร่างโปร่งจับมือหยาบขึ้นมาวางบนแผ่นอก เพื่อให้อีกฝ่ายได้รับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนของหัวใจที่กำลังเต้นระรัว “ผมก็... รัก... คุณตฤณนะ”
ตฤณไม่อยากเชื่อสองหูของตนเลยด้วยซ้ำ ปากที่อ้าค้างไว้เล็กน้อยในตอนแรก เปลี่ยนเป็นอ้ากว้างราวกับอุโมงค์ “ดะ... เดี๋ยว เดี๋ยวก่อนครับ... คุณนภ แล้ว... แล้ว... ผู้หญิงที่ทำงาน...”
“หืม? นีนี่... นันท์ลินีไงล่ะ เธอเป็นน้องสาวของผม ผมเคยบอกคุณตฤณแล้วนี่ ว่ามีน้องสาวน่ะ”
“แต่... แต่ว่า... ผมได้ยินว่าเธอเป็นหลานสาวของท่านประธานบริษัทSE Interior”
“ใช่ ท่านประธานบริษัท SE Interior เป็นน้าของผม อาพีรพัฒน์รับเลี้ยงผม ส่วนนีนี่ น้าภาคินเป็นคนรับไปเลี้ยง” นภเกตน์สวมกอดร่างสูงไว้หลวมๆ แล้วยืดตัวขึ้นแนบจูบเรียวปากหยักเพียงแผ่วเบา เขาบดคลึงเล็กน้อย ใช้ปลายลิ้นไล้วนตรงริมฝีปากบนสลับล่าง ก่อนจะส่งเข้าไปทักทายลิ้นเรียวในโพรงปากอุ่น ร่างโปร่งกระชับริมฝีปากแน่นขึ้นทีละน้อย พร้อมกับใส่ความรู้สึกในหัวใจตนเข้าไปกับจุมพิตนั้นด้วย สองลิ้นเกี่ยวกระหวัดหากันอย่างเชื่องช้า เปลี่ยนเป็นรูดรั้งแนบแน่น จนกระทั่งความชุ่มฉ่ำไหลล้นออกมาจากตรงมุมปาก จูบลึกซึ้งอยู่เนิ่นนาน ทั้งสองจึงค่อยๆ ผละออกจากกัน “เชื่อรึยัง ว่า... ไม่ใช่คุณที่คิดไปเองคนเดียว”
ร่างสูงยืนนิ่งราวกับโดนสาปให้เป็นหิน “อา... ผมฝันไปแน่ๆ”
นภเกตน์ซบใบหน้าลงบนไหล่กว้าง “แต่ผม... ผมขอเวลาให้กับความ
สัมพันธ์ของเราอีกสักนิด มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะปรับตัว”
ตฤณโอบตอบ “ผมเข้าใจครับ ผมขอโทษที่เร่งรัดคุณในตอนนั้น ผมสัญญาว่าจะรอ จนกว่าคุณนภเกตน์จะยอมรับผมได้”
“ขอบใจ” แขนเรียวเคลื่อนขึ้นไปโอบรอบลำคอใหญ่ แล้วดึงเข้ามาหาตัว เขาเงยหน้ารับจุมพิตหวานลึกล้ำ สองลิ้นร้อนกอดเกี่ยว ริมฝีปากกระชับเข้าหากันครั้งแล้วครั้งเล่า ดวงตากลมโตปิดลงอย่างต้องการปล่อยกายปล่อยใจให้กำซาบความสุขในยามที่สองใจสื่อถึงกัน
“ผมตกใจมากนะ ที่จู่ๆ คุณก็ยื่นใบลาแบบนั้น” นภเกตน์เอ่ยชิดเรียวปากหยักที่ตนเพิ่งจากมา
ร่างสูงแต้มจูบเบาๆ แล้วแตะหน้าผากของตนกับหน้าผากของอีกฝ่าย “ผมขอโทษ ขอโทษที่ทำตัวไร้เหตุผล ขอโทษที่ไม่ได้บอกเหตุผลของการลากับคุณ ใจหนึ่งผมเป็นห่วงแม่มาก เพราะคนงานโทรมาบอกว่าเกิดอุบัติเหตุ ส่วนอีกใจ... จะเรียกว่าผมงอนคุณนภก็ได้”
นภเกตน์หัวเราะ พลางยกมือขึ้นบิดแก้มทั้งสองข้างของคนตรงหน้า “เขาว่าคนมีลักยิ้มจะขี้งอน ท่าจะจริง”
“ผมเข้าใจผิดไปเต็มๆ ตอนนั้นโกรธจัดจนลืมนึกถึงไปเลยว่าคุณนภมีน้องสาว ผมเองก็ยังไม่เคยหึงใครจนหน้ามืดแบบนี้เลย”
“หึง... เหรอ”
“จู่ๆ ก็มีผู้หญิงที่ไหนไม่รู้มานัวเนียกับแฟนผม ไม่หึงก็แปลกแล้วล่ะครับ” ชายหนุ่มเจ้าของอ้อมกอดอบอุ่นประคองมือขาวขึ้นไว้บนฝ่ามือ เขาก้มลงจุมพิตเบาๆ แล้วเงยหน้าขึ้นประสานสายตากับร่างโปร่ง “...รัก... นะครับ”
นภเกตน์ยิ้มรับแบบเขินๆ พร้อมกับพยักหน้าว่าเข้าใจ
“ผม... อยากรู้เรื่องเกี่ยวกับตัวของคุณนภให้มากกว่านี้ คราวหน้าจะได้ไม่เข้าใจผิดอีก”
“คราวหน้าก็ถามซะก่อนจะโกรธสิ”
“อื้อ... ก็ยังอยากให้คุณนภเล่าเรื่องของคุณบ้างอยู่ดี” ริมฝีปากหยักขบกัดใบหูขาวอย่างหยอกเย้า เคลื่อนไปแต้มจูบอย่างแผ่วเบาบนจุดสีน้ำตาลที่ตรงใต้หางตา ไล้ริมฝีปากสลับพรมจูบไปตามแก้มนุ่ม ผ่านบริเวณสันกราม แล้วไปหยุดซุกไซ้ลำคอระหง
ร่างโปร่งรู้สึกราวกับมีกระแสไฟฟ้าแล่นแปลบเข้ามาจากจุดที่อีกฝ่ายฝากรอยสัมผัส เขาย่นคอเล็กน้อยแล้วขยำเสื้อของตฤณเอาไว้ในมือแน่น
มือหยาบกดเคล้นไปบนแผ่นหลังบางโดยไม่รู้ตัว เขากดร่างโปร่งให้เข้ามาแนบชิดกับร่างกายกำยำ พลางสูดดมกลิ่นกายหอมละมุนของอีกฝ่าย หากนั่นทำให้เขารู้สึกว่าควบคุมตนเองได้ยากเข้าไปทุกที “อือ...” ก่อนที่นภเกตน์จะคิดว่าเขาหื่นใส่อีก มือหยาบก็รีบดันไหล่เล็กทั้งสองข้างออกจากตัว
“คุณตฤณ?”
“คือ... คุณนภหิวมั้ยครับ ผมไปหาอะไรมาให้กินสักหน่อยดีกว่า” ตฤณตอบเลี่ยง “อื๋อ” ร่างสูงเบิกตาโพลง เมื่อตนเองถูกผลักไปยืนชิดบานประตูใหญ่ จากนั้นเจ้านายก็ตามเข้ามาประกบจูบ ขณะที่มือขาวๆ ปลดกระดุมกางเกงยีนของตนออกช้าๆ
นภเกตน์ย่อเข่าลงตรงหน้าร่างสูง เขาดึงกางเกงยีนส์และกางเกงชั้นในของอีกฝ่ายลง ปลดเปลื้องท่อนเนื้อร้อนให้หลุดจากพันธนาการทั้งปวง มือขาวเกาะกุมแล้วรูดรั้งมันเบาๆ จนมันขยายขนาดเต็มล้นฝ่ามือนุ่ม
“อา... คุณนภ เดี๋ยวๆ” ตฤณกัดฟันกรอด เพราะเขารู้สึกดีมากเหลือเกิน ร่างกายก็ช่างตอบสนองกับสัมผัสของมือนุ่มอย่างว่าง่าย
“ผมจะทำให้คุณบ้าง” นภเกตน์ไม่สนใจคนที่พยายามผลักตนออกห่าง เขาสูดหายใจเข้าปอดลึก ใบหน้าหวานโน้มเข้าไปไล้เลียส่วนปลายที่เริ่มมีหยดน้ำใสๆ จากนั้นจึงเข้าครอบครองแก่นกายผงาดด้วยริมฝีปาก ซึ่งมันใหญ่โตจนโพรงปากอุ่นนุ่มโอบอุ้มเอาไว้ได้ไม่หมด แล้วจึงเริ่มขยับศีรษะช้าๆ เขาเม้มริมฝีปากให้กระชับแน่น ค่อยๆ รูดจากโคนสู่ปลาย และเพิ่มความเร็วขึ้นทีละน้อย
ภาพเจ้านายที่รักคุกเข่าอยู่ตรงหน้า แล้วปรนเปรอความสุขให้โดยไม่รังเกียจ ส่งผลให้ตฤณร้อนผ่าวไปทั้งร่าง เขาแทบจะปลดปล่อยความสุขออกมาทันทีที่ลิ้นเล็กๆ สีชมพูแตะลงเบาๆ ตรงปลายส่วนร้อนที่เปียกชุ่ม “อา...” เขาจิกเล็บกับบานประตูเพื่อระบายอารมณ์ หากเมื่อร่างโปร่งห่อริมฝีปากแน่นเข้า ก็ยิ่งเสียวซ่านจนแทบจะทนไม่ไหว
“คุณนภ อะ!” สะโพกหนาขยับเข้าหาโพรงปากร้อนตามอารมณ์ที่พุ่งขึ้นสูง ปลายนิ้วหยาบสอดแทรกเข้าไปในกลุ่มของเส้นผมสีน้ำตาล พลางดันศีรษะเล็กเข้าหาตัวเป็นจังหวะถี่กระชั้น เขาจ้องมองการกระทำของคนรัก พลางเงี่ยหูฟังเสียงของท่อนเนื้อร้อนที่สัมผัสกับความชื้นแฉะ ซึ่งช่วยกระตุ้นให้สุขจนถึงขีดสุดเร็วยิ่งขึ้น ตฤณกัดฟันกรอด
“อื้ม!” เขาฉีดพ่นน้ำรักไว้ในกระพุ้งแก้มนิ่มที่รอรับอยู่
“อื้อ...” นภเกตน์บ่นพึมพำ เขากลืนของเหลวสีขุ่นทั้งหมดลงไปในลำคอ แล้วแลบลิ้นเล็กๆ เลียรอบริมฝีปาก “...รสชาติประหลาด... อ๊ะ!”
ตฤณดึงแขนเรียวให้ยืนขึ้นแล้วประกบจูบเรียวปากที่เพิ่งส่งมอบความสุขให้กับตน พลางสอดลิ้นเข้าไปควานวน ดูดซับรสชาติหวานละมุนจากทุกซอกมุมอย่างกระหาย สลับขบดึงกลีบปากนุ่มอย่างมันเขี้ยว สองแขนรวบเอวบางไว้แนบกาย
“อื้อ” นภเกตน์ทุบแผ่นอกกว้างเบาๆ จากนั้นจึงผลักตัวเองออกเล็กน้อย “จะบ้ารึไง ผมเพิ่งทำแบบนั้นให้คุณไปเองนะ”
ร่างสูงยิ้มกริ่ม “ก็อยากลองชิมว่ารสชาติประหลาดจริงมั้ย”
ผู้เป็นนายขมวดคิ้ว “งั้นทีหลังไม่ทำเองเลยล่ะ”
“โธ่ ผมก้มถึงซะที่ไหนล่ะครับ” ผู้ช่วยตัวดีก็ยังคงเถียงข้างๆ คูๆ
ริมฝีปากสีแดงราวกับลูกเชอรีเม้มแน่นอยู่ชั่วอึดใจ ก่อนดวงตากลมใสจะช้อนขึ้นมอง “แล้ว... รู้สึกดีมั้ย”
“ที่สุดในโลกเลยล่ะครับ” ตฤณกระซิบตอบชิดใบหูนิ่ม แล้วลูบไล้แผ่นหลังบางช้าๆ เขายิ้มอย่างสุขใจที่อีกฝ่ายยอมยืนอยู่นิ่งในอ้อมกอดของตน
นภเกตน์ปล่อยร่างกายไปตามความต้องการของตนเอง ใบหน้าหวานซบลงบนหัวไหล่กว้างพร้อมกับโอบตอบร่างสูงไว้อย่างหลวมๆ เขาฟังเสียงหัวใจเต้นหนักๆ อยู่สักพัก จึงพูดขึ้น “ถ้างั้น... เรากลับกรุงเทพฯ ด้วยกันได้มั้ย”
“แฟนมาตามถึงนี่จะไม่กลับได้ยังไงกันล่ะครับ” ตฤณรีบตอบ “เดี๋ยวจะลงไปบอกลาพ่อแม่แล้วก็กลับเลย”
“คุณแม่... จะว่าเอารึเปล่า ยังไม่ครบวันที่คุณลาไว้เลย”
“ไม่ว่าหรอกครับ แม่ไม่ได้เป็นอะไรมาก แข็งแรงอย่างกับหินผาออกอย่างนั้น ที่สำคัญผมอยากกลับพร้อมกับคุณนภ” ร่างสูงยิ้มจนแก้มบุ๋ม
ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนจ้องลึกเข้าไปในนัยน์ตาสีเข้ม ในสายตาของเขามีเพียงผู้ชายธรรมดาๆ คนนี้เท่านั้น คนที่ซื่อสัตย์และจริงจังกับความรัก คนที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของตน และเป็นคนที่มีแต่ความเข้าใจให้กับตนเสมอมา “งั้นก็แล้วแต่คุณตฤณก็แล้วกัน” เขาเอ่ยก่อนจะสวมกอดอีกฝ่าย
ตฤณรู้สึกอยากจะหยุดเวลาเอาไว้เช่นนั้นอีกนานๆ สำหรับเขาแล้ว เจ้านายช่างน่ารัก น่าทะนุถนอมมากขึ้นทุกวัน ขนาดเพิ่งได้เจอกันไม่นาน เขายังหลงรักเจ้านายได้มากถึงเพียงนี้
“คุณนภ”
“หืม”
ใบหน้าหล่อเหลาโน้มเข้าไปกระซิบ “ไปพบพ่อแม่ผมด้วยกันนะ”
นภเกตน์เบิกตาโพลง “หา!” แต่พอตั้งหลักได้ก็กลัวว่าอาการตกใจของเขาจะทำให้ตฤณใจเสีย เขาทำหน้าเลิ่กลั่ก “เอ่อ คือผมว่า... มันเร็วจัง ผม...”
ร่างสูงหัวเราะ “ขอแค่ให้พ่อแม่ได้รู้จักคุณนภในฐานะผู้จัดการก็ได้ครับ แค่นั้นผมก็พอใจแล้ว” ก่อนจะขยิบตาให้ร่างโปร่ง “ส่วนฐานะผู้จัดการหัวใจผม ปิดไว้ก่อนก็ได้ครับ”
“คุณตฤณ” มือขาวขยุ้มเสื้อของเจ้าของอ้อมแขนแข็งแกร่งไว้ แววตาใสสั่นไหว
“แต่คราวหน้าผมขอแนะนำคุณนภในฐานะแฟน... นะครับ”
นภเกตน์ไม่อาจขัดรอยยิ้มของคนรักได้หรอก เขาหลุบตาลงต่ำแล้วพยักหน้า “อืม ตกลง”
TBC~*
ใกล้จบแล้วแหละตะเอง 5555555555555 ก็คุณนภลงทุนง้อขนาดนี้แล้วนี่นาาาา
เรื่องนี้มีภาคต่อนะคะ เดี๋ยวฮัสกี้จะเอามาลงต่อกันเลย ชื่อว่า "ยังเบลอ" ค่ะ เป็นช่วงชีวิตของน้องนภกับพี่ตฤณหลังอาการเบลอ แต่ก็ยังเบลออยู่ (เอ๊ะ ยังไงฟะ) 5555555555
สำหรับฉากอัศจรรย์ของสองหนุ่มที่หลายๆ คนรออยู่ คงจะต้องรอไปจนถึงภาคยังเบลอนะคะ แหะๆ คริๆ หลอกให้รอไปเรื่อยๆ #วิ่งหลบรองเท้า
[สปอยล์] ตอนหน้าหวานนะ เตรียมชาเขียวไว้จิบระหว่างอ่านด้วยค่า 55555
ขอบคุณนักอ่านที่น่ารักทุกคนมากค่า