Chapter 12“คุณตฤณ! เดินช้าๆ หน่อย!” นภเกตน์ยื้อข้อมือที่ถูกร่างสูงกึ่งลากกึ่งจูงเดินออกไปตามทางเดิน “จะไปไหน!”
ส่วนตฤณก็ไม่ได้สนใจ ระหว่างทางเขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรบอกกับธนากรให้จัดการดูแลลูกน้องเขาแทนด้วย เขาจะขอเวลาไปทำธุระส่วนตัวสักสองชั่วโมง
“อย่าพังห้องนะเว้ย” ธนากรตอบกลับมาอย่างห่วงๆ
“คุณตฤณ! จะพาผมไปไหน!”
“กลับที่พักของผมน่ะสิ”
เมื่อไปถึงรถที่จอดอยู่ มือหยาบก็เอื้อมไปเปิดประตูให้คนรักของเขาขึ้นไปนั่ง “เชิญครับ”
น้ำเสียงขรึมแบบนั้นทำให้นภเกตน์จำใจยอมทำตามไปอย่างว่าง่าย เขาก้าวขึ้นไปนั่งทำหน้ามุ่ย
ตฤณก้มลงรัดเข็มขัดนิรภัยให้ร่างโปร่ง จากนั้นจึงเดินวนไปนั่งตรงที่นั่งคนขับ
ดวงตากลมโตกวาดมองไปภายในตัวรถ รถยนต์ถึงจะดูใหม่เอี่ยม แต่ก็ไม่เหมือนเป็นรถส่วนตัวสักเท่าไหร่ “นี่รถใหม่ของคุณตฤณรึไง ไม่ได้อยากให้ผมรู้ไม่ใช่เหรอ”
ร่างสูงตอบเสียงเรียบ “ดูที่พวงกุญแจรถสิครับคุณนภ”
AVIS ...ชัดเลย
ใบหน้าน่ารักร้อนวูบ “รถ... เช่า...”
“ใช่ครับ ไอ้แหลมมันเช่าไว้ให้ขับสำหรับโพรเจคต์นี้ มีสองคัน” คนที่ขับรถอยู่ชำเลืองมองร่างโปร่งบางที่นั่งอยู่ข้างๆ กัน “ผมขอโทษที่ไม่ได้บอกเรื่องรถ ผมซื้อแล้วก็จริง แต่ยังไม่มีเวลาไปเอาเลยน่ะครับ ที่จริงก็ตั้งใจจะขับไปรับคุณนภให้เซอร์ไพรส์สักหน่อย”
นภเกตน์เบือนหน้าหลบ เขานิ่งเงียบไปชั่วครู่ แล้วพูดออกไปเสียงอ่อย ฟังดูราวกับเด็กกำลังสารภาพความผิด “ผมไปที่บ้านคุณตฤณมา”
“ไปบ้านผม?” ตฤณขมวดคิ้วพร้อมกับเหลือบมองร่างโปร่งอีกครั้ง “แล้วเจออะไรบ้างล่ะครับ มีแต่ฝุ่น... ถ้าผมรู้ว่าคุณนภจะมา ผมคงจะทำความสะอาดไว้ก่อน”
“ในรถของคุณตฤณ มีแผ่นพับโฆษณาบ้าน” หากคราวนี้พออีกฝ่ายได้ยินกลับนิ่งไป ใบหน้าสวยหวานเงยขึ้นช้าๆ “คุณตฤณไม่อยากอยู่กับผมแล้วเหรอ”
ตฤณขมวดคิ้วเข้าหากัน ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาหนักๆ “คุณนภครับ มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลยที่ผมจะไม่อยากอยู่กับคุณนภ แต่ผมไม่อยากเป็นปลิงเกาะคุณนภแบบที่เป็นอยู่”
“อย่าพูดเลย คุณตฤณไม่ได้อยากอยู่กับผมสักเท่าไหร่น่ะสิ เบื่อผมแล้วก็บอกกันตรงๆ”
มือหยาบหมุนพวงมาลัยพารถเข้าไปจอดในลานจอดรถหน้าเซอร์วิสอะพาร์ตเมนต์ พอดับเครื่องแล้วจึงหันมาทางนภเกตน์ “คุณนภพูดหาเรื่องกันแบบนี้เพราะมีคนใหม่แล้วอยากจะเขี่ยผมทิ้งรึไง”
“อย่าพาลนะ คุณตฤณไม่ยอมกินอาหารที่ผมทำ เลี่ยงไม่กลับบ้าน ใครกันแน่ที่จะทิ้งกัน”
“ที่ผมทำแบบนั้นเพราะคุณนภไม่สบายต่างหาก!” ตฤณตอบเสียงเข้ม “ผมไม่อยากให้คุณนภเหนื่อย ต้องฝืนตื่นเช้ามาทำอาหารเช้าให้ผม กลางวันก็ทำงาน เย็นก็ต้องทำอาหารอีก แล้วพอตกดึก... ผมก็ไม่ยอมให้คุณได้พักผ่อนง่ายๆ จนคุณนภไม่สบาย”
“อยู่ด้วยกันมาตั้งนานเคยเห็นผมไม่สบายมั้ยล่ะ! วันนั้นผมไม่สบายเพราะอาพีลากไปตากแดดตากฝนต่างหาก!”
“หา!” นัยน์ตาเรียวเบิกโพลง
เดี๋ยวก่อน! เดี๋ยวๆ นี่หมายความว่า เขาพลาดโอกาสจู๋จี๋กับคนรักไปเกือบเดือน จนตฤณน้อยเหี่ยวเป็นมะเขือเผา เพราะเข้าใจผิดว่าเป็นอย่างที่ไอ้แหลมด่างั้นเรอะ!
“ที่ผมทำอาหารให้คุณตฤณก็เพราะอยากทำ ไม่เคยฝืนสักหน่อย! คุณตฤณนั่นแหละ! ที่บอกว่ารักนักรักหนาน่ะเชื่อได้เหรอ ทิ้งให้ผมต้องอยู่คนเดียวทุกวัน! แถมยังทำอะไรลับๆ ล่อๆ ให้ผมต้องเป็นกังวลอีก”
ตฤณคว้าข้อมือขาว ทว่าอีกฝ่ายก็สะบัดหนี “คุณนภเดี๋ยวก่อนสิ ผมทำอะไรให้คุณเป็นกังวลกัน”
“ผมเห็นนะ คุณตฤณกับเด็กที่ชื่อเมฆนั่น! พากันมาถึงที่ห้องพักนี่”
“ไอ้เมฆมันมาสอนผมทำอาหาร! แล้วก็ไม่ได้อยู่กันแค่สองคนด้วย เพื่อนๆ มันก็มา!” มือหยาบดึงข้อมือขาวเข้าหาตัว “ไอ้เมฆมันรักพี่น้ำของมันจะตายไป แต่ที่สำคัญกว่านั้น คุณนภคิดว่าผมขอให้มันมาสอนผมทำอาหารเพราะอะไรกันครับ”
ร่างโปร่งชะงัก “.....”
“เพราะผมอยากทำอาหารให้คุณนภกินบ้าง ผมไม่อยากให้คุณนภเหนื่อยอยู่คนเดียว ไอ้ที่ผมจะซื้อบ้านน่ะ ก็เพราะอยากจะอยู่กับคุณนภ รถที่ซื้อใหม่ ก็เพราะไม่อยากให้คุณนภต้องทนนั่งรถเก่าๆ มันไม่ค่อยปลอดภัยด้วย ในใจผมมีแต่คุณนภ นึกถึงแต่คุณนภตลอดเวลา แบบนี้ยังมีอะไรให้ข้องใจในตัวผมอีกงั้นเหรอครับ” ตฤณดึงร่างโปร่งบางเข้ามาสวมกอด ในตอนแรกอีกฝ่ายก็ยังขืนๆ แต่ก็ยินยอมในที่สุด ใบหน้าหวานค่อยๆ ซบลงบนหัวไหล่กว้าง
“บ้านน่ะ ผมแค่ไปดูไว้เฉยๆ ยังไม่ได้ตัดสินใจ... เพราะมันจะเป็นบ้านของเรา ผมเลยคิดว่าจะพาคุณนภไปเลือกดีกว่า”
หัวใจดวงน้อยอ่อนยวบ จากนั้นจึงค่อยๆ ยกแขนขึ้นสวมกอดคนรัก “แต่คุณตฤณไม่เคยพูดถึงเลย...”
“ยังไม่มีโอกาสเลยน่ะครับ ช่วงนี้งานยุ่งๆ ด้วย”
“งั้นเหรอ”
“ผมเองก็ต้องขอโทษคุณนภเหมือนกันที่เก็บไว้เป็นความลับจนทำให้คุณต้องคิดมาก” ร่างสูงพ่นลมหายใจออกมาหนักๆ “แล้วแหวนที่ผมให้ล่ะครับคุณนภ ทำไมไม่ใส่”
“เอ้อ...”
ตฤณจับมือข้างซ้ายของคนรักขึ้นมาตรงหน้า “ไม่มีรอยแหวน แปลว่าคุณนภไม่ได้ใส่มานานแล้ว”
ดวงตาคู่สวยหลุบต่ำ ก่อนจะสารภาพความผิดออกไปเสียงอ่อย “ผมขอโทษ ตอนที่กลับไปค้างบ้านผมถอดออก เพราะนีนี่กับคุณยายชอบแซว แต่พอกลับมาจากที่นั่นก็มัวแต่ทำงานยุ่ง ผมเลยลืมหยิบมาใส่”
ร่างสูงผ่อนลมหายใจออกยาว “ค่อยยังชั่วหน่อย ผมนึกว่าคุณนภเขวี้ยงทิ้งไปแล้วซะอีก”
“ไม่มีทางหรอก” นภเกตน์เถียงทันควัน
“จริงเหรอ”
“ผมขอโทษนะ คราวหน้าจะไม่ถอดออกอีกแล้วล่ะ”
“สัญญานะครับ”
“อือ” ร่างโปร่งพยักหน้าหงึกหงักอย่างเชื่อฟัง ส่งผลให้อีกฝ่ายยิ้มกริ่มอยู่ในใจ
“แต่ว่าคุณนภ... ทำไมไปสนิทสนมกับไอ้น้ำได้ครับ รู้จักกันได้ยังไง ตั้งแต่เมื่อไหร่ ใกล้ชิดกันขนาดไหนถึงมีกลิ่นน้ำหอมติดตัวมาแบบนั้น” ตฤณเชยคางมนขึ้น “ผมหึงมากนะ รู้มั้ย”
นภเกตน์ขมวดคิ้ว ทำไมสถานการณ์ถึงแปรเปลี่ยนให้ตัวเขากลับกลายเป็นคนถูกไล่ต้อนไปได้ แม้ไม่ค่อยอยากจะสารภาพความจริงสักเท่าไหร่ แต่เขาก็จะไม่โกหกคนที่เขารักเด็ดขาด “คือ...”
“ครับ ผมรอฟังอยู่” ตฤณพูดเสียงเข้ม
แก้มนวลซับสีเลือด เขาอ้อมแอ้มตอบ “ก็รู้จักกันเพราะไปแอบดูคุณตฤณกับเมฆนั่นล่ะ ไม่ได้ใกล้ชิดอะไรกันหรอก เมื่อคืนผมนอนที่โรงแรมในพัทยา ส่วนน้ำหอมนั่นก็ยืมน้ำมาฉีด”
“ฮะ!”
“ผมก็หึงเป็นเหมือนกันนะ คุณตฤณกับเมฆอี๋อ๋อกันแบบนั้น ผมไม่ชอบ”
“โธ่ คุณนภ อี๋อ๋ออะไร อย่าพูดอะไรชวนคลื่นไส้แบบนี้สิครับ ผมรักคุณนภ ชอบทุกอย่างที่เป็นของคุณนภ ถึงคุณนภจะเป็นผู้ชายเหมือนกันกับผม แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะพิศวาสผู้ชายคนอื่นนะครับ!” ตฤณถอนหายใจยืดยาว “ไอ้น้ำก็เหมือนกัน มีแฟนแล้วยังมาอ้อล้อคุณนภของผม แวบนึงผมกลัวมากเลยรู้มั้ย ถ้าไอ้น้ำมันจีบคุณนภขึ้นมา ผมคงแพ้รูด”
“ผมก็เหมือนคุณตฤณนั่นแหละ” นภเกตน์เงยหน้าขึ้นประสานสายตากับคนรัก “ผมไม่ได้พิศวาสผู้ชายคนอื่นนะ ผมรักคุณตฤณคนเดียวเท่านั้น”
ตฤณอ้าปากค้าง จากนั้นจึงยกมือขึ้นตบหน้าตัวเองรัวๆ นี่เขาฝันไปหรือเปล่าวะ หรือว่าคุณนภไปรับประทานอะไรผิดมา
“คุณนภ” ชายหนุ่มผิวสีน้ำผึ้งยังช็อกไม่หาย
นภเกตน์ยืดตัวขึ้นกระซิบชิดใบหูอีกฝ่าย “เรียกนภเฉยๆ สิ เวลาเราอยู่ด้วยกัน เรียกนภเฉยๆ นะตฤณ นภอยากให้เราใกล้ชิดกันมากกว่านี้ นะ...”
ร่างสูงอยากจะวิ่งออกไปกรีดร้องให้ก้องอ่าวไทย พอกันทีกับความอดทน อดกลั้น อดอยากมานานแสนนาน หนึ่งวันยาวเหมือนหนึ่งปี เขาผละตัวออก ก้าวพรวดออกจากรถแล้ววิ่งวนมาเปิดประตูอีกฝั่ง
“ตฤณ” ใบหน้าสวยหวานเงยขึ้นมองท่าทางลุกลี้ลุกลนของอีกฝ่ายอย่างงงๆ
“เราขึ้นไปคุยกันบนห้องดีกว่านะ เอ้อ... นภ”
ริมฝีปากอิ่มคลี่ยิ้ม “อือ”
..
.....
..
“อื้อ! ตฤณ ใจเย็นๆ ก่อนสิ”
“ไม่เย็นแล้ว ตฤณจะขาดใจตายแล้วนะนภ” ร่างสูงเบียดคนรักชิดบานประตูห้องทันทีที่ทั้งสองก้าวเข้ามาภายใน แล้วก็ไม่เปิดโอกาสให้ร่างโปร่งได้พูดต่อ เขาจุมพิตปิดกลีบปากสีแดงสด สอดลิ้นเข้าไปกวาดต้อน เกี่ยวกระหวัดลิ้นเล็กอย่างหิวกระหาย สองมือลูบสัมผัสร่างกายที่ยังมีเสื้อผ้าขวางกั้น เขาดึงชายเสื้อเชิ้ตออกจากขอบกางเกงอย่างร้อนรน จากนั้นฝ่ามือหยาบจึงมุดเข้าไปสัมผัสผิวกายอุ่นที่เขาโหยหา
“อืม...” นัยน์ตาสีอ่อนหรี่ปิดลง แขนเรียววาดโอบไหล่หนา ปล่อยร่างกายให้เคลื่อนไหวไปตามแรงอารมณ์
เรียวปากหยักบดจูบจนริมฝีปากหอมหวานอย่างไม่รู้จักเบื่อ เขาเคลื่อนมือมาปลดกระดุมกางเกง พร้อมกับใช้ต้นขาเบียดบดตรงส่วนกลางร่างขาว ไม่นานกางเกงผ้าเนื้อดีก็ร่วงลงไปกองอยู่บนพื้น
พวกเขาได้ยินเสียงจูบชื้นเปียกชัดเจน แต่สองลิ้นก็ยังกอดเกี่ยวกันอย่างไม่มีใครยอมใคร จนหยาดน้ำใสไหลล้น กลิ้งลงไปตามลำคอระหง
ตฤณละริมฝีปากออก นัยน์ตาคมกริบเต็มเปี่ยมไปด้วยความปรารถนา เขาแลบลิ้นเลียรอบๆ เรียวปากช้าๆ ขณะเคลื่อนมือขึ้นมาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออก
มือยาวขยับมาสัมผัสส่วนร้อนภายใต้กางเกงผ้า ซึ่งมันแข็งขึงอัดแน่นอยู่ภายในนั้น ก่อนจะค่อยๆ รูดซิปลงเพื่อปลดปล่อยมันออกมา
ร่างสูงจับให้นภเกตหันหน้าเข้าหาบานประตู จากนั้นจึงย่อตัวลงนั่งบนเข่า “อ้าขาอีกนิดสิครับ”
“ตฤณจะทำ อะ... อื้อ!” ต้นขาขาวสั่นน้อยๆ เมื่อมือหยาบแหวกกลีบเนื้อแน่นออก แล้วสอดลิ้นเข้าไปให้ความชุ่มชื้นกับช่องทางเบื้องหลัง เขาพยายามจะขยับสะโพกหนี แต่ถูกอีกฝ่ายจับยึดเอาไว้แน่น “อะ ตฤณ... อา...”
ปลายนิ้วจิกลงบนบานประตูไม้เพื่อระบายอารมณ์ เขาก้มหน้าลง เมื่อเห็นว่าส่วนไวสัมผัสของตนตื่นตัวเต็มที่จนมีหยดน้ำใสปริ่มออกมา ไฟอารมณ์ก็ยิ่งโหมกระพือ
“ตฤณ พอ... พอแล้ว อ๊า!” ลิ้นเรียวที่สอดลึกสลับกับนิ้วยาวส่งผลให้ร่างขาวสั่นสะท้าน “ใส่เข้ามาสักที”
ร่างสูงพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ เขาเองก็อดทนไม่ไหวแล้วล่ะ มือหยาบจับให้นภเกตน์หันหน้าเข้าหากัน จับขาข้างหนึ่งยกขึ้นเกี่ยวเอวตนไว้ มืออีกข้างจับส่วนที่แข็งขึงและร้อนผ่าวกดแทรกเข้าไปในช่องทางที่ตระเตรียมไว้
“ซี้ด... อ่า...”
“อา ตฤณ อื้ม...”
ใบหน้าหล่อเหลาซุกซบตรงซอกคอขาว ไล่จูบลงไปยังแผ่นอก แล้วหยุดขบเม้มติ่งไตสีชมพูเบาๆ พลางขยับสะโพกเข้าออกอย่างเชื่องช้า
มือขาวขยุ้มเสื้อของร่างสูงไว้แน่น เขาเงยหน้าขึ้นเกยบานประตู ส่งเสียงครางหวานอย่างพึงพอใจ
ชายหนุ่มผิวสีแทนเพิ่มแรงสอดแทรกขึ้นทีละน้อย ใช้มือช่วยประคองสะโพกเล็กไว้ในขณะที่แนบประกบริมฝีปากสีแดงสดแล้วจูบอย่างเร่าร้อน
แขนเรียวเกี่ยวกอดลำคอใหญ่ไว้แน่น ร่างกายที่เสียดสีกันร้อนผ่าว เสียงบานประตูที่ถูกกระแทกดังกึงๆ เป็นจังหวะถี่รัวอยู่สักพักจึงค่อยๆ เงียบหายไป
ตฤณค่อยๆ วางร่างขาวลงบนเตียง ก่อนจะขยับขึ้นไปคร่อมทับ เขาจับข้อเท้าทั้งสองข้างแยกออกกว้าง พร้อมกับกระแทกสะโพกเข้าหาคนใต้ร่างเป็นจังหวะหนักๆ
เสียงครางอย่างสุขสมดังประสาน สองร่างที่ในยามนี้ไร้เสื้อผ้าอาภรณ์ใดๆ หลอมรวมกันเป็นหนึ่ง ผิวกายแนบชิด เม็ดเหงื่อผุดพราย
“อ๊า ตฤณ”
“นภ... อื้ม...”
ทั้งสองหอบหายใจหนักๆ กกกอดกันแนบแน่นอยู่ในอ้อมแขนของกันและกัน แล้วนิ่งค้างอยู่เช่นนั้น
“นภครับ ตฤณรักนภมากนะ รู้มั้ย” ร่างสูงกระซิบชิดใบหูขาว “วันนั้นที่นภใส่เสื้อของตฤณ ตฤณชอบมากเลยนะ”
นภเกตน์ปรือตาขึ้นแล้วยิ้มหวาน “จริงเหรอ”
“เอาไว้เรากลับคอนโดฯ กัน แล้วนภใส่อีกนะ”
“คิดดูก่อน”
“อ้าว ไหงงั้นล่ะ” ตฤณผงกศีรษะขึ้น
“ถ้านภเอาใจตฤณบ่อยๆ เดี๋ยวตฤณเบื่อ”
“ไม่มีวันเบื่อหรอก ไม่เชื่อจะทำให้ดู” ร่างสูงยิ้มกริ่ม แล้วเริ่มขยับสะโพกอีกครั้ง
“อื้อ...” มือขาวผลักไหล่หนาออกจากตัว เขาช้อนตาขึ้นมองอย่างออดอ้อน “เดี๋ยวสิ”
“ไม่เดี๋ยวล่ะ ตฤณอดทนมานานมากแล้วนะ แค่ครั้งสองครั้งไม่พอหรอก”
“แต่ว่า...” นภเกตน์หลุบตาลงต่ำ ขบริมฝีปากน้อยๆ แล้วเงยหน้าขึ้นประสานสายตากับนัยน์ตาสีเข้ม
“แต่อะไร” คนบนร่างขยับกายช้าๆ แต่พอได้ยินคำตอบจากอีกฝ่ายก็ต้องชะงักกึก
“ขอนภอยู่ข้างบนบ้างได้มั้ย”
ตฤณแทบจะหงายหลังลงไปเดี๋ยวนั้น วันนี้เขาคงจะไม่ได้กลับไปทำงานแน่แล้ว คงต้องโทรศัพท์ไปสั่งให้ลูกน้องกับไอ้แหลมเพื่อนรัก นอนมันที่ห้องเซิฟเวอร์แล้วล่ะ
TBC~
ฮือออ ดีใจกับคุณนภและพี่ตฤณด้วย คืนดีกันเลี้ยววว~
คราวนี้หวานใส่กันให้หนักๆ กว่าเดิมเลยนะ ฮริ้ววว
ยังเบลอจะจบแล้วค่า ตอนนี้กำลังเตรียมทำเล่มอยู่นะคะ โฆษณาไว้ก่อนเผื่อใครสนใจ
แต่แบบ... ตอนพิเศษยังไม่ได้เขียน
เหนือเมฆก็ยังเขียนไปไม่ถึงไหนอีก โฮรวววว ใครก็ล่าย จุดไฟแล้วเอามาแยงตูดฮัสกี้ที หงุง~
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามค่า รักมากมาย จุ๊ฟฟฟ