“เดินไหวมั้ย”พอกินเสร็จ จนหนังท้องตึงก็พากันเดินเรียบถนนมา มือข้างหนึ่งของธนพัฒน์ถือเสื้อสูท ส่วนอีกข้างถูกจับจูงให้เดินตามเช่นเดิน อดจ้องมองท้องฟ้าไม่ได้ ไม่มีลูกโป่งแล้ว
“น่า เดี๋ยวซื้อให้ใหม่”รามิเรสพูดดักเห็นอีกคนจ้องมองเหมือนมองลูกโป่ง
“ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร”รับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ไม่อยากจะเสียฟอร์มด้วยการแสดงออกว่าเสียดายลูกโป่งนั่น
“แล้วเดินไหวมั้ย”
“ไหว”ปากก็บอกไหว แต่เงื่อก็เริ่มผุด เสื้อเชิ้ตตัวบางเริ่มชื้นเหงื่อจนเห็นข้างในลางลาง
“ไปรถรางดีกว่า มาพอดี ไปกันเถอะ”พูดจบก็ฉุดให้ได้เสียเหงื่อเพิ่มวิ่งตามไปดักป้ายหน้าให้ทันรถรางที่วิ่งมา
ขึ้นรถได้ก็ถึงกับหอบ โชคดีที่ได้นั่ง ก้มหน้าก้มตายกผ้าเช็ดหน้าขึ้นซับเหงื่อที่ผุดบนใบหน้า ทำให้รามิเรสได้ภาพแอบถ่ายเพิ่มอีกใบ
พอลงรถก็เดินมาอีกไม่นานก็เห็นเป็นสถาปัตยกรรมโบราณใหญ่ยักษ์มีคนมากมายเดินไปมา มีเสาต้นใหญ่อยู่ด้านหน้าหลายต้น พอเดินเข้าไป ก็เห็นแสงกว่างส่องมาจากด้านบน เงยหน้าขึ้นก็แสงอาทิตย์ที่สาดมาจากเบื้องบน นึกไม่ถึงว่าคนสมัยก่อนจะสร้างอะไรได้ขนาดนี้
“วิหาร แพนธีออน สวยมั้ย”รามิเรสถาม จากเบื้องหลัง
“ครับ”รับสั้นๆ แล้วเดินสำรวจเหมือนเป็นคนนำทางเสียเอง
คล้อยบ่ายรามิเรสจูงมือธนพัฒน์มาหยุดที่ร้านของเล่นขนาดใหญ่ เดินเข้าไปเจ้าของร้านก็ยิ้มรับทักทายกับรามิเรสอย่างดิบดี
“รออยู่นี่นะ”รามิเรสบอก แล้วเดินตามเจ้าของร้านไปยังหลังร้าน
ทิ้งให้ธนพัฒน์สำรวจร้านของเล่นเต็มไปด้วยของเล่นเก่าใหม่มากมาย เดินไปโซนของเล่นใหม่ ดูไปเรื่อยๆก็นึกถึงลูกของน้องสาว
สงสัยต้องซื้อไปฝากบ้าง ไม่ได้เจอกันมาหลายเดือนตั้งแต่วันครบรอบวันตายน้องสาว พาลให้นึกถึงหน้าของขาวๆของคนที่เป็นน้องเขย
ใบหน้าขาวที่มักมีรอยยิ้มให้เสมอ รอยยิ้มที่น่าหลงใหลจ้องมองกี่ครั้งก็ไม่อาจละสายตา รอยยิ้มที่ดูเหมือนไม่มีอะไรแต่ก็แฝงไปด้วยความเศร้าทำให้ดูท่าปกป้อง อีกนัยน์หนึ่งก็น่าครอบครอง จะว่าเขาหลงรักคู่ชีวิตของน้องสาวก็ว่าได้
ถ้าหากเจอกันเร็วกว่านี้ ความรักที่เกิดขึ้นมาก็อาจจะมีทางเป็นไปได้มากกว่านี้ มากกว่าต้องมาสมบทบาทพี่เขยที่แสนดี
ธนพัฒน์จ้องมองประตูหลังร้านที่ไม่เปิดออกสักที ได้แต่สงสัยว่าทำไมไปนาน แต่ก็ไม่กล้าไปตามหรือออกไปไหนนอกจากเดินวนไปวนมา ถือโอกาสสำรวจของเล่นมากมายในร้าน
ความจริงก็ไม่ได้รีบอะไร ดีเสียอีก ของเล่นมากมายน่าสนใจ บางชิ้นก็เคยเห็นตั้งแต่เด็ก บางชิ้นก็ไม่เคยเห็น
อดใจไม่ไหวเลยหยิบตระกร้ามาใส่รถบังคับคันไม่ใหญ่ไม่เล็กเป็นของฝากให้หลานตัวเล็ก ตั้งใจว่าจะซื้อให้หลาน แต่ทำไมอดไม่ได้ที่จะหยิบของที่อยากได้ในวัยเด็กใส่ตะกร้ามาหลายชิ้น
“อ่าว ซื้อด้วยเหรอ”รามิเรสเดินออกมาก็ทัก เห็นของเล่นเต็มตะกร้า
“เสร็จแล้วเหรอครับ”ถามไปตามมารยาท อดเสียดายที่ออกมาเร็ยวกว่าที่คิด
“อืมเสร็จแล้ว”รามิเรสยิ้มชูกล่องของเล่นที่ใส่ถุงเรียบร้อย
ธนพัฒน์เองก็คงต้องพอแค่นี้ เดินไปวางตระกร้าลงเค้าเตอร์ให้เจ้าของร้านคิดเงิน ตั้งใจจะหยิบบัตรเครดิตขึ้นมาจ่าย
พอล้วงไปในเสื้อสูทก็ไม่มี พลิกอีกด้านก็ไม่เจอ จำได้ว่าใส่เอาไว้ พอในกระเป๋ากางเกงก็ไม่เจอเหมือนเดิมไม่ว่าจะหน้าหลัง
จึงหันไปหารามิเรสที่ก้มๆเงยเงยมองโมเดลรถโบราณอยู่ที่ชั้นอย่างอารมณ๋ดี ไม่ตั้งใจจะรบกวน แต่ก็ต้องทำ เลยเอื้อมมือไปจะสะกิดก็ รู้สึกแปลก จะเขย่าก็ไม่ใช่ เลยดึงชายเสื้อกระตุก เรียกความสนใจ
“มีอะไรเหรอ”รามิเรสถามใบหน้าสงสัย
“กระเป๋าเงินหาย เอ่อ”ธนพัฒน์อึกอัก นึกเขินอาย ไม่เคยยืมเงินใคร
“งั้นเหรอ งั้นเดี๋ยวผมจ่ายเอง”พูดจบรามิเรสก็ยื่นบัตรให้เจ้าของร้าน เสร็จก็ส่งถุงของเล่นถุงใหญ่ให้ธนพัฒน์
“ชอบของเล่นรึไง”รามิเรสถามหลังเดินออกมาจากร้าน
“ปะ ป่าว ซื้อให้หลาน”ตริงๆแล้วของหลานน่ะชิ้นเดียว นอกนั้นของตัวเอง แต่ก็กลัวจะหลุดฟอร์ม
“ไปไหนต่อดี”รามิเรสถาม ไม่ได้ต้องการคำตอบ เพราะคิดอยุ่ว่าอีกคนคงไม่อยากเรียกร้องอะไร ยิ่งเรื่องเที่ยวนี่ฝัน
“ไปโคลอสเซียมได้มั้ยครับ”ผิดคาด คำตอบที่ไม่คิดจะได้รับตอบมาทำให้รามิเรสหันมามองใบหน้าเรียบหลุบตามองถุงของเล่น
“ได้สิขึ้นบัสไปก็ถึง”รามิเรสเดินนำไปยังป้ายรถเมย์
“ดะเดี๋ยวก่อนครับ”ธนพัฒน์ส่งเสียงเรียกรั้งมือที่ถูกจับจูงเอาไว้
“อะไรเหรอ”
“ผมขอดูตรงนั้นสักครู่”ธนพัฒน์ชี้นิ้วไปที่แผงที่วางกับพื้น บนแผงเต็มไปด้วยสร้อยคอและสร้อยข้อมือทำจากมือ ไม่ซ้ำแบบ นึกถึงคนใบหน้าขาวของกุ้ยช่ายขึ้นมา จำได้ว่าฝ่ายนั้นชอบสร้อยข้อมือเอามากๆ เห็นว่าเก็บสะสม
ว่าแล้วก็นั่งยองๆลงเลือกดู รามิเรสเองก็ยืนอยู่ข้างๆ คนขายมองหน้าธนพัฒน์ยิ้มให้อย่างเป็นมิตร พลางชี้ที่สร้อยข้อมือเพื่อแนะนำ เป็นสร้อยข้อมือหนังสีน้ำตาลถักเป็นลายต่างๆ หลายเส้นนำร้อยกับหินสี เห็นดังนั้นจึงได้ชี้ไปที่สร้อยเส้นที่คนขายพยักหน้า แล้วชูนิ้วสองนิ้วว่าเอาสองเส้น แต่คนขายพยักหน้าพูดอะไรที่ไม่เข้าใจ จึงมองหน้ารามิเรส
“เขาบอกว่า เป็นงานแฮนเมด มีเส้นเดียว”
“งั้นเหรอ”รับคำอย่างเสียดาย เลยเลือกเส้นใหม่ที่คิดว่าคนรับต้องชอบมาอีกเส้น เงยหน้ามองรามิเรสเป็นเชิงจ่ายให้ก่อน
เรื่องกระเป๋าเงินที่หายไป ยังคิดไม่ตก ได้แต่คิดว่าลืมไว้ในกระเป๋าเอกสารก็เป็นได้ กลับไปค่อยว่ากัน
*************************
เอาเข้าจริงนะ เขียนพัฒน์ง่ายกว่ากุ้ยช่ายอีก
เพราะคาแรคเตอร์พัฒน์ไม่ค่อยพูด
ยังไงก็อย่าพึ่งเบื่อนะค่ะกุ้ยช่ายเสร็จแน่ค่ะ แต่รอกันนิ้สสสสส
อย่าพึ่งทิ้งคนเขียนเลยนะค่ะ

ถ้าไม่มีคนอ่านคนเขียนไม่รู้จะเขียนให้ใครอ่าน
แนะนำติชมได้เต็มที่ค่ะ อยากพัฒนาตัวเอง
ปอลอ. เรื่องเที่ยวโรมเนี่ย มโน ล้วนๆค่าาาา
อยากไปแต่ไม่เคยไป
