...จันทร์จ้าว...บทพิเศษ Christmas…again and again. (๒๔ ธ.ค. ๖๔/หน้าที่ ๖๙)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ...จันทร์จ้าว...บทพิเศษ Christmas…again and again. (๒๔ ธ.ค. ๖๔/หน้าที่ ๖๙)  (อ่าน 743750 ครั้ง)

ออฟไลน์ jomyingg

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อ่านจบแล้วค่ะ ชอบมากๆๆๆๆ  :-[ :-[
อย่างแรกที่ชอบเลยคือภาษาค่ะ รู้สึกพอดี ไม่แปลก เข้ากับยุคสมัยดีด้วย แล้วก็ชอบบรรยากาศในเรื่องมากๆ รู้สึกร่มรื่น อบอุ่นดีค่ะ5555
ชื่อของทุกๆคนในเรื่องก็ชอบ โดยเฉพาะชื่อจันทร์จ้าว ความหมายก็ดีด้วย แล้วก็แพ้ความอ่อนโยนของคุณหมอมากๆ สามารถหาแบบนี้ได้ที่ไหนคะะ อ่านเรื่องนี้แล้วอบอุ่นหัวใจดีมากเลยค่ะ มีความสุขมากกก แล้วก็ชอบการเป็นเจ้าของชีวิตร่วมมากเลยค่ะ ทำไมน่ารักขนาดนี้ อ่านแล้วเขินม๊ากกก
ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆให้ได้อ่านนะคะ  :กอด1:
ป.ล. จะตามไปอ่านนิยายของคุณนักเขียนทุกๆเรื่องแน่นอนค่ะ  :mew1:

ออฟไลน์ Cloudnine

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 730
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
เคยอ่านรอบนึงนานมาแล้ว แต่ตอนนั้นอ่านไม่จบ
มาคราวนี้ตั้งใจอ่านทุกตัวอักษรเลย รู้สึกเต็มอิ่มมาก
เรื่องนี้ไม่ได้เน้นเฉพาะความรักของพระเอกนายเอก แต่มีหลายคู่ให้ลุ้น มีอุปสรรคให้ตื่นเต้น
ด่านที่ว่าน่าจะยากคือพ่อนายเอกที่เป็นตำรวจ แต่พลิกล็อกที่ไม่ได้ยากอะไรและซึ้งใจในคำสอนด้วย ชอบบบบ
ขอบคุณนักเขียนนะคะ นิยายสนุกมาก ภาษาดี คำผิดน้อยมากจนแทบไม่มี

 :pig4: :กอด1: :L1: o13

ออฟไลน์ ชายกุมภ์

  • ชายกุมภ์
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 23
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ตอนแรกสองจิตสองใจจะอ่านเรื่องนี้นะครับ เพราะเปิดมาเป็นพีเรียด เลยเดาว่าต้องดราม่าระทมทุกข์ เดินเรื่องอืดๆแน่นอน แต่ผิดคาดเลย ดำเนินเรื่องกระชับ ภาษาสวย ดราม่าก็มีเหตุมีผลพอเหมาะพอเจาะดีจัง เหมือนคุณบัวตั้งใจเขียนมาตั้งแต่วางโครงเรื่องแล้ว

ที่ชอบที่สุดคือคาแรกเตอร์ 'ชายรักชาย' ที่คุณบัวเขียนครับ สังเกตมาจากเรื่องก่อนๆด้วย คุณบัวให้เกียรติตัวละครมาก ไ่ม่เคยเขียนให้นายเอกกลายเป็นสาวน้อยแสนหวานเหมือนนักเขียนหลายท่าน มันทำให้เห็นว่าคุณเขียนด้วยความใส่ใจและเข้าใจจริงๆ

มีความสุขที่ได้อ่านอะไรแบบนี้ ขอบคุณครับ

ออฟไลน์ Maeo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ชอบเรื่องนี้มากค่ะ
ใช้ภาษาได้ดี
บรรยายได้ดี เห็นภาพตามเลยค่ะ
 :pig4:

ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 694
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0

ออฟไลน์ numin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 67
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เพราะคิดถึงคุณจันทร์ เลยต้องกลับมาอ่านอีกรอบ ยังไงเรื่องนี้ก็ยังเป็นที่หนึ่งในใจเราเสมอ^^

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8
จันทร์จ้าว
BY: Dezair
…………………………
บทพิเศษ คนก่อเรื่อง


บ้านเรือนไทยรักษพิพัฒน์ที่เคยครึกครื้นด้วยบุตรธิดาทั้ง ๔ ของท่านนายพลเดชและคุณหญิงผกา บัดนี้ เหลือเพียงเจ้าของเรือนผู้อาวุโสและนภาสรวง เพราะทั้งอาทิตย์และดารารัษมีต่างแต่งงานย้ายออกไปอยู่ที่อื่น ส่วนจันทร์จ้าวนั้นรักสบาย ยังอาศัยที่บ้านเช่าสีเขียวอ่อนใกล้วังฉัตร แต่กระนั้นเจ้าตัวก็มักจะพา ‘เพื่อน’ แวะเวียนมาที่นี่เสมอ ที่เห็นเป็นประจำก็คือหมอภวัตนั่นเอง



                คุณหญิงผกามองดวงหน้าของนายแพทย์หนุ่มอย่างชื่นชม นายแพทย์ภวัตเป็นชายหนุ่มที่สุภาพ กิริยาเรียบร้อยและเป็นมิตร ไม่น่าแปลกใจที่แม้คราแรก จันทร์จ้าวจะไม่ถูกชะตาด้วย แสดงอิทธิฤทธิ์ร้ายกาจหลายหน แต่สุดท้าย กลับสนิทสนมกลมเกลียวกันยิ่งกว่าใคร



                “คนไข้คนหนึ่งที่ผมรักษาจนหายดีนำมากำนัล นี่ก็ปันส่วนให้คุณๆพยาบาลทั้งหลายไปแล้ว คุณสมฤดีก็เลยแนะนำให้นำมาที่นี่ เห็นว่าคุณนภาเธอทราบวิธีจัดการกับพวกผลไม้ให้เก็บไว้รับประทานได้นานๆ”



                “ขอบใจคุณหมอมาก ถ้าหากแม่นภาทำเสร็จแล้ว จะให้คนนำไปฝาก แกทำพวกของเชื่อมของแช่อิ่มอร่อยอย่าบอกใครเชียวล่ะ นายฝรั่งไม่เคยทาน พอได้ลองทานฝีมือแกเข้าเป็นติดใจขอติดไม้ติดมือกลับบ้านเป็นกระติกๆเชียว”



นายแพทย์หนุ่มยิ้มจางรับ แต่ไม่ตอบกระไร เขาเหลือบตามองไปรอบเรือนหมายจะหาใครบางคนที่อยากพบ คุณหญิงผกาเห็นสายตานั้นเข้าพอดีก็คิดเอาว่าคนที่ภวัตอยากเจอคือธิดาคนโตของหล่อนที่อยู่ในบทสนทนาเมื่อครู่นี้



                “แม่นภาไม่อยู่หรอก แกไปตลาดเมื่อสักครู่นี่เอง แต่ประเดี๋ยวเดียวก็กลับ วันนี้เห็นว่าจะทำแกงขี้เหล็กเนื้อย่าง พ่อจันทร์น่ะ จู่ๆนึกอะไรไม่ทราบอยากจะทานขึ้นมา แม่นภาเลยลำบากต้องตามใจปากพี่ชาย ถ้าอย่างไร คุณหมออยู่รับประทานด้วยกัน จะได้ชิมฝีมือแม่นภาสักหน่อย นี่ดิฉันก็ไม่เคยทานแกงขี้เหล็กฝีมือแกเหมือนกัน แต่คงจะอร่อยใช้ได้ อย่างที่บอก แกเก่งเรื่องกับข้าวกับปลาจะตายไป”



ท่านนายพลเหลือบตามองภรรยา ดวงหน้าแช่มชื่นของคุณหญิงนั้น ท่านดูออกทีเดียวว่าคิดจะจับคู่ให้แก่นภาสรวง



                “พ่อจันทร์อยู่ที่ซุ้มหลังเรือนแหน่ะ คุณหมอไปคุยกับพ่อจันทร์เถอะ เจ้าบุญเอ๊ย! พาคุณหมอไปพบคุณจันทร์หน่อย” นายพลเดชตัดบท เด็กชายผู้เป็นหลานของตาพ่วงคลานอย่างสงบเสงี่ยมเข้ามาใกล้ ก่อนจะพาร่างสูงลงจากเรือนไป คุณหญิงผกามองจนลับตาแล้วจึงหันมาพูดกับสามีด้วยความหวังล้นปรี่



   “คุณหมอเธอสนใจเรื่องของแม่นภาอยู่เหมือนกันนะคะคุณพี่ สงสัยงานนี้จะได้เขยเป็นหมอ! ว้าย! คุณพี่! เป็นอะไรไปคะ?!!” ท่านนายพลไอโคลกตาเหลือก เพราะเผลอกลืนขนมเม็ดขนุนลงคอโดยไม่ทันเคี้ยว ก็จะเพราะอะไรเสียอีก ถ้าไม่ใช่เพราะคำพูดเมื่อครู่ของภรรยา



   ‘สงสัยงานนี้จะได้เขยเป็นหมอ’



   ชายวัยปลายผู้รับรู้เรื่องราวเป็นอันดี เหลือบมองภรรยาที่เจ้ากี้เจ้าการเรียกเด็กรับใช้มาช่วยทุบหลังทุบไหล่สามีผู้กำลังมีอาหารติดคอ



   ...คุณหญิงช่างไม่รู้อะไรเสียเลย บ้านรักษพิพัฒน์มีเขยเป็นหมอนานแล้ว เอ?...หรือจะเรียกว่ามีสะใภ้เป็นหมอถึงจะถูก?...



   ท่านนายพลไอพลางคิดสะระตะพลาง ด้วยเพราะไม่อาจล่วงรู้ว่าหมอที่ตนกำลังคิดถึงนั้นมีสถานะเป็นลูกเขยหรือลูกสะใภ้นั่นเอง


..................................


   นภาสรวงกลับมาจากตลาดด้วยอานิสงส์ของเรย์มอนด์ อดัมส์ที่เป็นสารถีไปรับไปส่ง และแน่นอนว่านายฝรั่งก็ย่อมต้องร่วมโต๊ะอาหารกลางวันด้วย วันนี้ที่บ้านเรือนไทยรักษพิพัฒน์จึงมีแขกเพิ่มขึ้นมาอีก ๓ คน ได้แก่จันทร์จ้าว หมอภวัตและเรย์มอนด์ อดัมส์



   “เป็นอย่างไร คุณหมอ รสชาติพอใช้ได้ไหม” คุณหญิงผกาตั้งคำถามกับนายแพทย์หนุ่มหลังจากเขาลิ้มลองแกงขี้เหล็กเนื้อย่างฝีมือธิดาคนใหญ่ของรักษพิพัฒน์เป็นอย่างแรก



   “อร่อยมากครับ แกงนี้เป็นของโปรดผม”



คนฟังทำตาโตราวกับมีความหวัง



   “จริงหรือ?! ตายจริง ไม่คิดว่าแม่นภาจะรู้ใจคุณหมอเสียด้วย” หล่อนพูดแล้วหันมองธิดาที่ยังดูฉงนกับสายตาหยอกเย้าของมารดา ทว่านายพลเดชผู้รับรู้ความคิดของภรรยาก็ถึงกับทำสีหน้าลำบากใจ ดูเหมือนภรรยาของท่านจะจับคู่ผิดฝาผิดตัวเสียแล้ว



   “แม่นภาน่ะทำอาหารได้หลายอย่าง แต่ละอย่างก็อร่อยทั้งนั้น คุณหมอชอบทานเนื้อไหมคะ แกงเขียวหวานเนื้อฝีมือแม่นภา ลองว่าทำทีหนึ่ง ต้องตักแจกไปทุกบ้าน จะว่าไปก็ไม่ได้ทำนานแล้วนะ แม่นภา”



ประโยคหลังคุณหญิงหันมาถามธิดา นภาสรวงได้แต่รับคำเบาด้วยความสงสัย ว่าเหตุใดหัวข้อบทสนทนาที่โต๊ะอาหารในวันนี้จึงกลายเป็นเรื่องของหล่อน



   “เป็นเย็นวันนี้เลยดีไหม คุณหมอจะได้อยู่รับประทานอาหารเย็นด้วย วันนี้คุณหมอว่างทั้งวันใช่ไหมคะ” คุณหญิงผการุกหนัก ด้วยหวังว่าหมอภวัตจะติดใจรสมือธิดาของหล่อน หากได้เขามาเป็นเขยอีกคน คราวนี้คงมีแต่คนอิจฉาตาร้อนเพราะเขยสะใภ้แต่ละคน ล้วนมีหน้ามีตาในสังคมทั้งสิ้น



   คนทั้งโต๊ะได้แต่มองหน้ากัน ในขณะที่คุณหญิงผกากำลังยิ้มแย้มแจ่มใส ท่านนายพลกลับมีสีหน้าเหนื่อยหน่ายและระอาใจ นภาสรวงตื่นตระหนก เรย์มอนด์ อดัมส์เคร่งเครียดและเป็นกังวล หมอภวัตอึดอัด ส่วนจันทร์จ้าวผู้มีความคิดเปิ่นอยู่เสมอกลับยิ้มกว้างอย่างถูกใจ ดวงตากลมใหญ่วิบวับยามปรายสายตามองนายแพทย์หนุ่มที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับตน



   “จริงด้วย หมอชอบทานเนื้อ แกงเขียวหวานเนื้อฝีมือนภาน่ะอร่อยอย่าบอกใคร เรย์เคยทานยังติดใจ จริงไหม” เจ้าของลักยิ้มที่แก้มซ้ายพูดแล้วเหลือบมองนายฝรั่งผู้มีสีหน้าไม่สู้ดี หากจะสู้ดีก็คงไม่ไหว เพราะคุณหญิงผกาดูจะชื่นชมนภาสรวงคู่รักของเขาให้หมอภวัต จันทร์จ้าวเองก็เป็นคู่รักของคนที่กำลังถูกคุณหญิงหมายตาให้คู่กับน้องสาว แต่เหตุไฉนยังมีสีหน้าสนุกสนาน เรย์มอนด์ไม่เข้าใจเพื่อนชาวไทยคนนี้ของตนเลย




   “แล้ววันนี้ผมก็ทราบมาว่าหมอว่างทั้งวัน...” ประโยคต่อมาของจันทร์จ้าวทำเอาคุณหญิงยิ้มกว้าง แล้วรีบพูดอย่างไว




   “ถ้าอย่างนั้นก็ดีน่ะซี! แม่นภาจะได้แสดงฝีมือแกงเขียวหวานเนื้อให้คุณหมอได้ชิม แล้วนี่นะ คุณหมอเธอนำผลไม้มาให้แยะเชียว หล่อนก็จัดการแช่อิ่มเสีย เสร็จเมื่อไรจะได้นำไปฝากคุณหมอ คุณหมอวางใจได้ แม่นภาน่ะ เรื่องกับข้าวกับปลาไม่เป็นสองรองใคร ใครได้ไปเป็นเมียตบเมียแต่งล่ะก็ จะต้องสบายไปทั้งชีวิต!”



จันทร์จ้าวขำพรืดอย่างอดไม่ไหว ในขณะที่ทุกคนในโต๊ะหน้าซีดเผือดกันเป็นทิวแถว แต่กระนั้นเสียงหัวเราะของเขาก็ทำให้คุณหญิงหันมาสนใจมากกว่าจะสนใจสีหน้าของผู้ร่วมโต๊ะคนอื่น




   “ทำมาเป็นหัวร่อนะพ่อจันทร์ แม่พูดอะไรผิดรึ”



คนเพียงคนเดียวที่กำลังยิ้มแย้ม จับจ้องมองชายหนุ่มอีก ๒ ที่นั่งอยู่อีกฝั่งของโต๊ะ หมอภวัตสบตาเขาดุๆ ส่วนเรย์มอนด์มองเขาอย่างไม่ชอบใจ ทว่าเขากลับนึกสนุกเสียจนไม่เกรงคำดุและไม่กลัวเพื่อนโกรธ




   “คุณแม่พูดไม่ผิดหรอกครับ ผมเองก็เห็นด้วยว่านภาน่ะทั้งเรียบร้อย ทั้งทำอาหารอร่อย งานในบ้านไม่ขาดตกบกพร่อง...แหม...เหมาะกับ ‘หมอภวัต’ จริงๆนะครับ” เขาพูดแล้วหัวเราะอย่างชอบใจ คุณหญิงพลอยหัวเราะไปด้วย แม้จะถูกใจกับคำพูดของบุตรชายหัวแก้วหัวแหวน แต่หล่อนเป็นมารดาของฝ่ายหญิง จะออกตัวก็จะกลายเป็นงามหน้า เลยต้องไว้ท่าเสียบ้าง



   “พ่อจันทร์ก็พูดไป เรื่องอย่างนี้น่ะต้องให้เจ้าตัวเขาเลือก จริงไหมคะคุณหมอ”



คนถูกถามพูดไม่ออก นึกสงสารนภาสรวงผู้กำลังหน้าแดงสลับซีด นึกเกรงใจนายฝรั่งที่นั่งอยู่ข้างๆ และที่สำคัญคือนึกเข่นเขี้ยวคนสนับสนุนอย่างจันทร์จ้าว



   “เรื่องหนุ่มๆสาวๆเขาน่ะคุณหญิง ว่าแต่พ่อเรย์ เรื่องสอนภาษาอังกฤษให้พวกเด็กวัดน่ะว่ายังไร รวบรวมสมัครพรรคพวกได้หรือยังล่ะ ฉันจะได้ลองไปสอบถามกับวัดแถวนี้ให้” ท่านนายพลเห็นสีหน้าผู้ร่วมโต๊ะแต่ละคนก็หาทางชักชวนเปลี่ยนเรื่อง ที่น่าสงสารที่สุดก็เห็นจะเป็นนายฝรั่งรายนี้ที่ถึงกับหมองไปถนัดเมื่อภรรยาของท่านสนับสนุนนภาสรวงให้คนอื่น ส่วนที่น่าตีที่สุดเห็นจะไม่พ้นบุตรคนรองอย่างจันทร์จ้าวที่หัวเราะชอบใจ แต่เมื่อถูกภวัตจ้องมากๆเข้า เสียงหัวเราะก็ดังแต่เพียงในคอ ทว่าดวงตากลมใหญ่ยังคงมีแววระยิบระยับอยู่นั่นเอง



   อย่างนี้เห็นทีท่านควรจะสนับสนุนหมอภวัตบ้าง...สนับสนุนให้ตีบุตรชายคนนี้ของท่านให้หนักๆ จะได้ไม่ก่อเรื่องสร้างปัญหาอีกอย่างไรล่ะ


........................

   ภวัตมีมารยาทมากพอที่จะอยู่ร่วมรับประทานอาหารกลางวันและเย็น แต่กระนั้นสีหน้าของเขาก็มีแววลำบากใจ ในขณะที่นภาสรวงหน้าซีดเซียว ส่วนเรย์มอนด์ อดัมส์นั้นอาการหนักที่สุด อ้างธุระสำคัญและขอตัวกลับไปทันทีที่จบมื้อกลางวัน



   ส่วนคนแผลงที่นึกสนุกอย่างไรไม่ทราบเป็นนายท้ายให้คุณหญิงผกาสนับสนุนนภาสรวงกับหมอภวัตยังคงไม่รู้ร้อนรู้หนาว ยิ้มแย้มแจ่มใสจนผู้เป็นบิดายังขัดใจ



   “คืนนี้พ่อจันทร์จะค้างที่ไหน” ตอนที่กำลังดื่มกาแฟและทานของหวานหลังมื้อค่ำ ท่านนายพลก็หันมาถามบุตรชายคนรองเจ้าของลักยิ้มบุ๋มที่แก้มซ้าย จันทร์จ้าววางแก้วกาแฟลงแล้วเหลือบมองมารดาที่กำลังคุยกับหมอภวัต



   “คืนนี้วันเสาร์ รับปากคุณแม่เอาไว้ว่าจะค้างที่นี่ครับ”



   “พ่อว่าพ่อจันทร์ควรกลับไปนอนที่บ้านเช่า”


บุตรชายคนรองเลิกคิ้วพลางหันกลับมามองบิดา ท่านนายพลนึกระคายในอกเล็กน้อยที่ต้องจุ้นจ้านวุ่นวายกับเรื่องของลูกหลานในลักษณะนี้ แต่หากไม่ยุ่ง เห็นทีเรื่องจะแย่



   “กลับไปพร้อมคุณหมอ” นายพลเดชออกปาก



   “แต่ว่า...” จันทร์จ้าวจะท้วง ทว่าบิดาไม่ปล่อยให้เขาพูดจบ



   “ไม่รู้หรือว่าก่อเรื่องให้คุณหมอโกรธ”



เพียงเท่านั้นคนท้วงก็ได้แต่เงียบ จันทร์จ้าวหันกลับไปมองยังนายแพทย์หนุ่มที่แม้จะยังนั่งคุยกับมารดาของเขาอย่างสุภาพเรียบร้อย แต่คนสนิทเช่นเขามีหรือจะดูไม่ออกว่าหมอภวัตผู้มีมนุษยสัมพันธ์ดีเยี่ยมเงียบขรึมไปตั้งแต่เขา ‘ก่อเรื่อง’



   เมื่อบุตรชายคนรองไม่พูดกระไร ท่านนายพลจึงหันไปพูดเสียงดังเป็นปกติให้ได้ยินกันทั้งโต๊ะ



   “คุณหมอ คืนนี้พ่อจันทร์จะกลับไปค้างที่บ้านเช่า ถ้าอย่างไรฝากติดรถกลับไปด้วยได้ไหม”



ดวงตาดุทว่าเรียบเฉยของนายแพทย์หนุ่มเหลือบมาสบตากับดวงตากลมใหญ่ของจันทร์จ้าวแค่วูบเดียว ก่อนที่จะหันกลับไปทางนายพลเดช



   “ครับ” เป็นการรับคำที่สั้น กระชับ มีรอยยิ้มเจือที่มุมปาก ทว่าไม่ได้บ่งอารมณ์ยินดีเลย ไหนจะการมองเพียงวูบเดียวอย่างเมื่อครู่นี้อีก คนก่อเรื่องชักใจหาย เริ่มรู้สึกตัวว่าเรื่องที่ก่อกำลังบานปลายก็เวลานี้



   “อะไรกัน! วันนี้วันเสาร์ พ่อจันทร์จะรีบกลับไปค้างบ้านเช่าทำไม” คุณหญิงผกาหันมาถามเสียงแหว ด้วยเพราะบุตรชายหัวแก้วหัวแหวนรับปากว่าจะกลับมาค้างทุกคืนช่วงปลายสัปดาห์ หล่อนจึงยอมให้ย้ายไปอยู่บ้านเช่าสีเขียวอ่อนใกล้วังฉัตร แต่วันนี้กลับจะไม่ทำตามที่รับปากเสียนี่



   “พรุ่งนี้พ่อจันทร์ต้องเข้าสำนักงาน อยู่ที่นั่นจะสะดวกกว่า” นายพลเดชเอ่ยกับภรรยา



   “พรุ่งนี้ก็วันอาทิตย์ ใครที่ไหนทำงานวันอาทิตย์!” คุณหญิงผกาเถียงอย่างไม่ชอบใจ สมบัติพัสถานที่หล่อนและสามีหาเอาไว้ มีพอให้บุตรธิดาทั้ง ๔ ใช้จ่ายไปได้ตลอดชีวิต การทำงานอย่างหามรุ่งหามค่ำไม่เว้นแม้แต่วันเสาร์อาทิตย์จนเบียดบังเวลาที่จันทร์จ้าวจะได้อยู่กับหล่อน จึงไม่ใช่เรื่องที่คุณหญิงพอใจนัก



   “คุณหมอก็ทำงานวันอาทิตย์ออกบ่อยไป” ท่านนายพลอ้างภวัต ทำเอาภรรยาค้อนขวับ



   “คนเราเจ็บป่วยไม่เลือกเวลา คุณหมอทำงานวันเสาร์อาทิตย์ก็ไม่ผิดหรอกค่ะ แต่พ่อจันทร์ไม่เห็น...”



   “พ่อจันทร์ค้าขาย คนเราจะซื้อจะขายก็ไม่เลือกเวลาเช่นกัน” พอท่านนายพลว่ามาเช่นนั้น คุณหญิงผกาก็จนใจจะเถียง ได้แต่หันหน้าหนีไปทางอื่น จันทร์จ้าวจึงต้องคลานเข้าใกล้แล้วโอบพะเน้าพะนอ



   “คราวนี้ผมต้องเข้าสำนักงานด่วนครับคุณแม่ ไว้พรุ่งนี้ผมทำงานเสร็จแล้ว จะซื้อขนมฝรั่งกลับมาฝากคุณแม่ด้วยดีไหมครับ เจ้านี้อร่อยมากทีเดียว มีขายวันละไม่มาก ถ้าไปเช้าหน่อยคงทันซื้อ” คุณหญิงผกานั้นแพ้ลูกล่อลูกชนของบุตรชายคนนี้มาแต่ไหนแต่ไร ไม่ต้องยกขนมฝรั่งหารับประทานยากมาอ้าง หล่อนก็พร้อมจะตามใจเสมอ



   “พ่อจันทร์จะมาสักกี่โมงกัน”



   “คงจะเสร็จก่อนเที่ยง แล้วผมจะรีบมา”



   “แม่จะให้แม่จรวยเตรียมกับข้าวกับปลาไว้ พ่อจันทร์อยากทานอะไรล่ะ”



   “อยากทานกะปิหลนฝีมือคุณแม่มากกว่าครับ” เจาะจงว่าเป็นฝีมือคุณหญิงผกาเท่านั้น คนเป็นมารดาก็ใจอ่อนวูบ ได้แต่พยักหน้ายินยอมให้จันทร์จ้าวไปค้างที่บ้านเช่าและรับปากจะทำกะปิหลนให้รับประทานไปในคราวเดียวกัน


.....................................


   รถยนต์ของนายแพทย์หนุ่มเคลื่อนตัวออกจากบ้านเรือนไทยรักษพิพัฒน์ในตอนที่ฟ้ามืดแล้ว ภายในรถเงียบจนจันทร์จ้าวใจคอไม่ดี เหลือบมองสารถีที่เอาแต่มองตรงไปตามถนนแล้วก็ตัดสินใจเป็นฝ่ายชวนคุยเสียเอง



   “เอ่อ...หมอว่า...ผัดเปรี้ยวหวานวันนี้เป็นอย่างไรบ้าง” ถามแล้วก็อยากกัดลิ้นตัวเองนัก เพราะรู้สึกว่าเป็นการชวนคุยที่เปิ่นอย่างไรชอบกล



   ภวัตเหลือบกลับมามองวูบเดียว ก่อนจะกลับไปมองตรงอีก



   “ก็อร่อยดีนี่ครับ”



   “อ้อ...” จันทร์จ้าวรับคำแล้วเงียบไปอึดใจหนึ่ง ก่อนจะโพลงขึ้นมาอีกครั้ง “แล้วพรุ่งนี้ หมอเข้าเวรไหม ผมจะได้ซื้อขนม...” ยังถามไม่ทันจบ รถยนต์ก็เลี้ยวเข้าจอดที่หน้าบ้านเช่าสีเขียวอ่อนแล้ว คราวนี้ภวัตหันมามองคนที่นั่งข้างเขามาตั้งแต่ออกจากเรือนไทยรักษพิพัฒน์ ทว่าก็แค่มอง ไม่พูดกระไร



   เจ้าของรอยยิ้มที่มีลักยิ้มข้างแก้ม แย้มยิ้มไม่ออก สายตาของอีกฝ่ายบอกให้เขารู้ว่าคราวนี้นายแพทย์หนุ่มผู้ใจเย็นเป็นน้ำแข็งกำลังโกรธเขา



   “เอ่อ...ขอบคุณที่มาส่ง”



เพราะรู้ดีว่ากำลังถูกโกรธ จันทร์จ้าวไม่คิดว่าเขาควรจะอยู่ในรถนานกว่านี้ ชายหนุ่มหันไปเปิดประตู ทว่าเสียงของสารถีดังขึ้นเสียก่อน



   “หากหมดสนุกกับสิ่งที่ทำแล้ว ก็ไปขอโทษคุณนภากับคุณเรย์มอนด์ด้วยนะครับ”



ดวงตากลมใหญ่หันกลับไปมองคนพูด ภวัตยังมองตรงมาที่เขา แต่สีหน้าเรียบเฉยราวกับรูปปั้น



   “เข้าใจที่ผมพูดไหม”



   “ผมก็แค่หยอกเล่นน่ะหมอ”



   “คนที่คุณหยอก เขาสนุกกับคุณหรือครับ”



จันทร์จ้าวอ้าปากจะเถียง แต่นายแพทย์หนุ่มกลับพูดขึ้นก่อน



   “ผมคนหนึ่งที่ไม่สนุก” คราวนี้คนจะเถียงเลยได้แต่อ้าปากค้าง ภวัตเบือนสายตามองออกไปทางอื่น



   “ขึ้นบ้านได้แล้วครับ ข้างล่างยุง...” ยังพูดไม่ทันจบ ประตูรถถูกปิดดังปังใหญ่ ชายหนุ่มหันกลับมามองข้างกายอีกทีก็พบเพียงความว่างเปล่า เขารีบหันมองออกไปด้านนอกก็เห็นแค่แผ่นหลังไวๆของคนรักเดินหนีเข้าบ้านไปแล้วเรียบร้อย



   นายแพทย์หนุ่มถอนหายใจยาวแล้วทำได้เพียงเอนหลังพิงพนักอย่างหนักอก

.........................


   นภาสรวงตื่นแต่เช้า เตรียมอาหารสำหรับใส่บาตรและอาหารเช้าแล้ว ก็ลงมือแช่อิ่มผลไม้ที่หมอภวัตนำมาฝากเมื่อวาน พอคิดถึงเรื่องเมื่อวาน หญิงสาวก็ถอนหายใจพรู หล่อนรู้ดีว่าเนื้อแท้ของจันทร์จ้าวเป็นคนรักสนุก บางครั้งก็กลายเป็นเล่นแผลง อย่างเช่นครั้งนี้



   “ชงกาแฟให้พี่สักแก้วได้ไหม” เสียงดังจากข้างหลัง ทำเอาหญิงสาวต้องหันมอง เจ้าของเสียงคือชายหนุ่มผู้พี่ที่ก่อเรื่องเอาไว้เมื่อวาน



   “พี่จันทร์ ไหนว่าจะมาตอนเที่ยงอย่างไรล่ะคะ”



แม้จะเป็นหนึ่งในคนที่ถูกแกล้ง แต่นภาสรวงก็ไม่ถือโทษโกรธเคือง หล่อนกลับนึกห่วงใยด้วยซ้ำที่เห็นจันทร์จ้าวแวะมาที่เรือนไทยรักษพิพัฒน์ก่อนเวลามากโข



   “ก็...พี่...อยากมาคุยกับนภา”



   “คุยหรือคะ”



   “แต่ขอกาแฟก่อนได้ไหม”



   “ค่ะ น้องชงให้นะคะ” นภาสรวงวางมือจากการหมักดองแช่อิ่มผลไม้เพื่อไปต้มน้ำร้อน จันทร์จ้าวไม่ได้ยืนรอที่ครัว เพราะเขาเห็นคนรับใช้ ๒-๓ คนกำลังเตรียมอาหาร จึงเดินเลี่ยงออกไปนั่งที่โต๊ะใต้เรือนแทน



   รออยู่อึดใจหนึ่ง หญิงสาวเดินออกมาหา โดยมีคนรับใช้ถือถาดกาแฟร้อนหอมกรุ่นและของว่างตามมาด้วย



   “พี่จันทร์ทานอะไรมาหรือยังคะ ทานแต่กาแฟตอนท้องว่างจะปวดท้องเอา”



   “แค่กาแฟ ไม่ปวดหรอกหน่า” จันทร์จ้าวไม่ได้ฟังคำเตือนเสียเท่าไร เขาหยิบแก้วกาแฟเป็นอย่างแรก



   “คุณหมอเธอจะดุเอานะคะ” คำเตือนที่ ๒ ของนภาสรวงทำให้คนยกแก้วกาแฟขึ้นจรดริมฝีปากถึงกับชะงัก



   “จะดุอะไรพี่นักล่ะ” เปรยอย่างอัดอั้น แต่มืออีกข้างกลับเอื้อมไปดึงจานของว่างมาวางใกล้ตัว และก่อนที่กาแฟจะได้ลงท้อง จันทร์จ้าวก็หยิบของว่างเข้าปากไปหนึ่งชิ้น



   เป็นอันว่าคำเตือนใดๆที่คนดื้อรั้นจะหยุดฟังก็เห็นจะต้องมีชื่อนายแพทย์หนุ่มผู้นั้นเข้ามาเกี่ยวข้อง



   หญิงสาวยิ้มจาง จันทร์จ้าวเป็นคนเอาแต่ใจ ถูกตามใจจนเคยตัว หมอภวัตเองก็เป็นหนึ่งในคนตามใจเหล่านั้น แต่ก็เป็นหมอภวัตคนนี้อีกเช่นกันที่กล้าขัดใจคนเอาแต่ใจจนเคยตัวคนนี้ แถมอยู่หมัดเสียด้วย



   “คุณหมอเธอหวังดีกับพี่จันทร์”



   “แต่บางทีก็ดุไม่เข้าเรื่อง” โดยเฉพาะเรื่องเมื่อวาน ใครๆก็รู้ว่าเขาเพียงแค่หยอกล้อเท่านั้นเอง ความสัมพันธ์ระหว่างเขาและภวัตเป็นเช่นไร ทั้งนภาสรวงและเรย์มอนด์ อดัมส์ก็ทราบแก่ใจ เขาไม่ได้คิดจะจับคู่นภาสรวงกับภวัตจริงๆเสียหน่อย



   “ถูกดุเรื่องอะไรมาล่ะคะ” นภาสรวงถาม สีหน้าไม่สบอารมณ์ของผู้เป็นพี่นั้นแสดงออกชัดแจ้งว่าคงมีเรื่องบาดหมางกับนายแพทย์หนุ่มผู้นั้นเป็นแน่



   ดวงตากลมใหญ่เหลือบมองน้องสาว ก่อนจะเสกลับลงมองกาแฟในถ้วยตรงหน้า



   “ก็เรื่องเมื่อวานน่ะซี”



   “เรื่องเมื่อวาน?”



   “เรื่องนภากับคุณหมออย่างไรล่ะ” หญิงสาวชะงักไป แต่ไม่ทันพูดอะไร ผู้เป็นพี่ก็ระบายความในใจออกมาเสียก่อน



   “นภาทราบใช่ไหมว่าพี่เพียงหยอกเล่น”



   “ทราบค่ะ”



   “แต่หมอหาว่าคนอื่นไม่สนุกด้วย อะไรกัน! ไม่มี sense of humor เอาซะเลย!” แม้จะถูกสั่งให้มาขอโทษ แต่กลายเป็นว่าจันทร์จ้าวมาหาที่ระบายอารมณ์เสียแล้ว



   “อารมณ์สนุกของแต่ละคนไม่เหมือนกัน จริงอยู่ว่าเรื่องที่พูดเมื่อวาน ให้อย่างไรก็ไม่มีทางเกิดขึ้น แต่ก็ยิ่งต้องระวังให้มาก เพราะ...ยังมีคนที่ไม่ทราบว่าเรื่องที่พูดนั้นไม่มีทางเป็นไปได้”




จันทร์จ้าวนิ่งไปเล็กน้อย ด้วยเพราะเข้าใจดีว่าคนที่นภาสรวงจงใจไม่ระบุคือใคร



   “เมื่อเช้า คุณแม่ให้น้องทำแกงเลียง เพราะจะชวนคุณหมอมารับประทานอาหารเที่ยงที่นี่ แล้วยังให้น้องเร่งมือทำของแช่อิ่มเพราะจะได้นำไปฝากที่โรงพยาบาลวันพรุ่งนี้” นภาสรวงพูดด้วยน้ำเสียงเบาแผ่ว หนักอกกับการถูกมารดาเร่งรัดคาดหวัง



   “พี่จันทร์คะ เรื่องสนุกของพี่...คงมีแต่พี่ที่หยุดได้”



   จันทร์จ้าวนิ่งงัน ไม่แน่ใจว่าเรื่องสนุกของเขา จะยังพอ ‘หยุด’ ทันหรือไม่


.................................


   คุณหญิงผกาเป็นคนโทรศัพท์ไปชวนนายแพทย์หนุ่มมารับประทานอาหารกลางวัน แต่โชคดีเหลือเกินที่ภวัตติดคนไข้อาการหนักต้องอยู่โยงจึงปฏิเสธไป คุณหญิงยอมวางสายแต่ก็บ่นอุบที่คนซึ่งหล่อนหมายตาให้มาเป็นเขยดูจะไม่ค่อยมีเวล่ำเวลาเป็นส่วนตัวเสียเท่าไร



   “ดูเถอะ วันๆเอาแต่รักษาคนเจ็บคนป่วย แล้วจะได้แต่งงานอายุเท่าไร” คุณหญิงผกาบ่นในโต๊ะรับประทานอาหาร แม้วันนี้จะมีลูกชายหัวแก้วหัวแหวนมาร่วมโต๊ะด้วย แต่ก็ยังขัดใจที่หล่อนชวนคุณหมอภวัตไม่สำเร็จ



   จันทร์จ้าวชะงักไป มือที่กำลังจะตักกะปิหลนถึงกับวางช้อนลง เขาขยับตัวเล็กน้อยแล้วเอ่ย



   “คนเราเจ็บป่วยกันทุกวันนี่ครับ หมอก็ต้องทำงานหนักเป็นธรรมดา”



   “แต่ทำงานจนอายุปูนนี้แล้วยังไม่แต่งงานก็เกินไปนะพ่อจันทร์ คุณหญิงจิตต์ไม่มีปากเสียงก็คงจะไม่กล้าพูดอะไรที่ลูกคนใหญ่ไม่แต่งงาน แต่ท่านศักดิ์นี่สิ! ปล่อยให้คุณหมอไม่แต่งงานแต่งการอย่างนี้เห็นจะแปลก!”



   “ไม่เห็นจะแปลก คนสมัยนี้ไม่แต่งงานก็มีออกถม” ท่านนายพลเดชแย้ง



   “นั่นซีครับ ผมคน ๑” จันทร์จ้าวสำทับด้วยการยกตนเอง ทำเอาคุณหญิงผกาถึงกับเบิกตา



   “พ่อจันทร์ก็ไม่คิดจะแต่งงานอย่างคุณหมอรึ?!” แม้ใจจะทั้งหวงทั้งห่วง แต่คุณหญิงผกาก็ไม่คิดว่าบุตรชายคนรองผู้นี้จะอยู่เป็นพ่อพวงมาลัยลอยตามลมให้ใครหยิบดอมดมได้ตามอำเภอใจ



   บุตรชายคนรองนิ่งไปอึดใจหนึ่ง เหลือบมองบิดาและนภาสรวงผู้รู้เห็นการไม่แต่งงานของเขาและหมอภวัต



   หาใช่ ‘ไม่คิดจะแต่งงานอย่างคุณหมอ’ แต่ทั้งเขาและภวัตต่างไม่คิดจะแต่งงานกับใคร เพราะคนที่คิดจะแต่งงานด้วย ไม่อาจทำพิธีเป็นที่รับรู้แก่สังคมได้



   “ผม...อยู่อย่างนี้ก็ดีแล้วไม่ใช่หรือครับ หากแต่งงานก็ต้องดูแลครอบครัว คงจะกลับมาให้คุณแม่ดูแลผมทุกวันหยุดไม่ได้...” คุณหญิงผกาฟังแล้วก็พูดไม่ออกด้วยเพราะหากจันทร์จ้าวแต่งงานและย้ายออก มีครอบครัวต้องดูแลจนไม่อาจแวะเวียนกลับมาให้หล่อนดูแลเหมือนเวลานี้ ก็คงไม่ต่างอะไรกับเมื่อครั้งที่บุตรชายคนนี้ไปเรียนต่อต่างประเทศเป็นปีๆ



“...หมอเอง...ก็คง...มีเรื่องที่อยากดูแลอยู่แล้ว ก็เลยไม่คิดจะแต่งงาน...เอ่อ...อย่างเรื่องคนไข้อย่างนี้...” จันทร์จ้าวพูดต่อ



“แล้วคุณหมอเธอจะไม่อยากมีคนมาดูแลบ้างหรือ ใจคิดแต่จะอยากดูแลคนไข้อย่างเดียวเลยหรือไร” คุณหญิงผกาไม่พูดเรื่องบุตรชายแต่งงาน แต่ก็ยังไม่วายเสียดายหากภวัตไม่คิดจะแต่งงานแต่งการจริง



บุตรชายคนรองชะงักเป็นครั้งที่เท่าไรก็ไม่ทราบ แต่คำว่า ‘คนมาดูแล’ นั้น ให้อย่างไรก็ไม่อาจเป็นเขา



เวลานี้ ชายหนุ่มเพิ่งนึกขึ้นได้ ตลอดเวลาที่ผ่านมา คนที่ดูแลคือภวัตมากกว่าเขาที่วันๆเอาแต่เรื่องสนุก และครั้งหลังสุดเรื่องสนุกก็กลายเป็นเรื่องที่ทำให้ภวัตโกรธเสียอีก



“หมอ...ก็...ก็คงอยาก...” ...มี...



เขาได้แต่ตอบเสียงแผ่ว ใครบ้างเล่าไม่อยากมีคนดูแล จันทร์จ้าวยังชอบอกชอบใจที่ภวัตคอยห่วงใย แต่เป็นฝ่ายเขาเองต่างหาก ที่ไม่เคยดูแลภวัตได้อย่างที่ภวัตทำให้เขาบ้างเลย



“นั่นซี! ถ้าคุณหมอเธอแต่งงานล่ะก็จะมีคนคอยดูแล อย่างแม่นภา...” คุณหญิงผกายังไม่วางความคิดที่จะสนับสนุนธิดาผู้ยังไม่แต่งงานของหล่อน ทว่าไม่ทันจะพูดจบท่านนายพลก็เอ่ยขัด



“เธอก็คงมีคนดูแลเธออยู่แล้วล่ะ” นายพลเดชกล่าว แล้วเหลือบตาไปสบสายตากับบุตรชายคนรอง ก่อนจะหันกลับมามองภรรยา



“อายุปูนนี้แล้ว ทั้งยังทำงานหนัก แต่ก็ยังอยู่อย่างนี้ได้ ไม่ดิ้นรนหาพิธีรีตองอะไร เธอคงดูแลตัวเองได้ดีในระดับหนึ่ง หรือมิเช่นนั้นก็คงมีคนดูแลเธอแล้ว จึงอยู่สุขสบายทั้งที่ทำงานหนัก” ท้ายประโยคท่านนายพลเสมองลงจานข้าว ด้วยเพราะแม้จะรับรู้ความสัมพันธ์ของนายแพทย์หนุ่มกับบุตรชายคนรองของท่าน แต่ให้อย่างไรก็ยังเป็นเสี้ยนระคายในใจ



แต่...ความสุขของลูกย่อมมาก่อนสิ่งใด



“คุณพี่พูดราวกับว่าคุณหมอมีคู่รักที่ไม่แต่งงานอย่างนั้นล่ะ หรือจะแอบมีบ้านเล็กบ้านน้อยแยะแบบท่านศักดิ์กันคะ” คุณหญิงผกาถามซอกแซกตามประสาคนอยากรู้



“เธอจะมีหรือเธอจะไม่มี ก็เป็นเรื่องของเธอ แต่ถึงหากเธอไม่มี ฉันก็ไม่เห็นด้วยที่จะจับคู่คุณหมอกับแม่นภา นิสัยใจคอไม่ใช่คนช่างพูดทั้งคู่ ตบแต่งกันไปบ้านได้เงียบเป็นป่าช้า มีปัญหาอะไรขึ้นมาก็คงพากันเงียบ สุดท้ายคงเรื้อรังเป็นคู่ผัวเมียมองหน้ากันไม่ติด หล่อนคิดว่าดีหรือ” ท่านนายพลเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา พลางมองภรรยา คุณหญิงผกาพลอยพูดไม่ออก เพราะถึงแม้หมอภวัตจะเป็นคนมีมนุษยสัมพันธ์ดี แต่เขาก็ไม่ใช่คนชอบเริ่มบทสนทนา ส่วนมากจะเป็นผู้ฟังที่ดีมากกว่า



“ทานข้าวเถอะ แกงเย็นหมดแล้ว” แล้วก็เป็นท่านนายพลที่ปิดบทสนทนาว่าด้วยเรื่องการจับคู่นภาสรวงและหมอภวัต แล้วหลังจากนั้น คุณหญิงผกาก็ไม่เอ่ยเรื่องนี้กลางโต๊ะอาหารอีกเลย


...............................
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-08-2018 19:29:32 โดย Dezair »

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8


เพราะเป็นเย็นวันอาทิตย์ จันทร์จ้าวจึงไม่ได้ค้างที่บ้านเรือนไทยรักษพิพัฒน์ เขาไม่ได้กลับไปที่บ้านเช่าสีเขียวอ่อน แต่เลยไปยังโรงพยาบาลที่หมอภวัตทำงานอยู่พร้อมด้วยกระติกผลไม้แช่อิ่มที่แม้รสชาติจะยังไม่กลมกล่อมนัก แต่เขาก็อ้างกับมารดาว่าจะยกไปให้หมอภวัตเก็บไว้ก่อน เพราะเย็นนี้มีเรื่องต้องปรึกษา



ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งหิ้วกระติกผลไม้แช่อิ่มเดินเข้ามาในตึกโรงพยาบาลที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คน เขากวาดตามองไปรอบ ก่อนจะพบพยาบาลสาวผู้เป็นเพื่อนสนิทกับน้องสาวแฝดของเขา



“คุณสมฤดี” สมฤดีหันมอง ก่อนจะยกมือไหว้ แม้หล่อนจะยิ้มให้แต่สีหน้าก็ดูกังวลที่พบจันทร์จ้าวที่โรงพยาบาล



“คุณจันทร์ มาที่นี่ ไม่สบายหรือคะ”



“เปล่าหรอกครับ ผม...มาพบหมอภวัต”



“อ๋อ คุณหมอเธออยู่ที่บ้านพักแหน่ะค่ะ วันนี้เธอดูแปลก ไม่ค่อยยิ้มไม่ค่อยพูดนะคะ” สมฤดีรายงานตามที่เห็น หล่อนรู้จักจันทร์จ้าวมาแต่เล็ก พอจะรู้นิสัยใจคอคนชอบก่อเรื่อง อย่างน้อยรายงานไปก่อน เจ้าตัวอาจจะไม่ก่อเรื่องกับคุณหมอมากนัก



ทว่าสำหรับคนที่ก่อเรื่องเป็นนิจ มาคราวนี้รู้ตัวแล้วว่าจะก่อเรื่องอีกไม่ได้



เจ้าของดวงตากลมใหญ่เพียงยกยิ้มแทนคำขอบคุณ แล้วหมุนตัวเดินออกจากโรงพยาบาลไปยังบ้านพักแพทย์ทางด้านหลัง



ละแวกบ้านพักค่อนข้างเงียบ เสียงฝีเท้าที่เหยียบลงกับใบไม้แห้งบนพื้นทำให้คนที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่เฉลียงหน้าบ้านต้องเงยหน้ามอง



ดวงตาของเจ้าของบ้านพักและแขกผู้มาเยือนสบกัน ราวกับเวลาหยุดเดิน ต่างคนต่างมองสบกันอยู่อย่างนั้นก่อนจะเป็นฝ่ายจันทร์จ้าวก้าวเท้าเดินเข้าไปหาก่อน



“ผลไม้ที่หมอยกไปให้เมื่อวาน นภาแช่อิ่มแล้ว ผมเลยยกมาให้”



“ขอบคุณครับ” ภวัตตอบเรียบ วางหนังสือลงข้างตัว ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปรับ



“ยังทานวันนี้ไม่ได้หรอกนะ ต้องทิ้งไว้สัก ๒-๓ วัน”



“ครับ” ยังคงเป็นการตอบอย่างเรียบ ไม่บอกอารมณ์ ไม่ค่อยยิ้มไม่ค่อยพูดอย่างที่สมฤดีว่าไว้



“หมอ...ทานอะไรหรือยัง” จันทร์จ้าวยังคงทำใจดีสู้เสือ แม้เสือตัวที่ว่าจะไม่คำรามดุดัน แต่นิ่งสงบอย่างนี้ น่ากลัวเสียยิ่งกว่า



“ทานแล้วครับ” เป็นอีกครั้งที่คำตอบของภวัตนั้นเรียบเฉย ทั้งยังปิดหนทางให้อีกฝ่ายได้ใช้เป็นข้ออ้างในการคืนดีเสียอีก



จันทร์จ้าวเม้มปากเล็กน้อย เขาอยากหาเวลาที่จะได้พูดคุยกันอย่างเป็นส่วนตัว แต่สิ่งที่ทำอยู่ ณ ขณะนี้คือการยืนอยู่หน้าบ้านพักแพทย์ ที่แม้จะมีต้นไม้พุ่มไม้บดบังสายตาแต่ก็ไม่เป็นที่รโหฐาน จะเข้าไปคุยในบ้าน เจ้าของบ้านก็ไม่ชวนสักคำ คนตั้งใจมาปรับความเข้าใจเลยชักใจฝ่อ



ไม่สิ...อย่างไรก็ต้องคุยกันให้รู้เรื่อง



“วันนี้...หมอมีคนไข้อาการหนักไหม” หากไม่มี เขาจะได้ชวนออกไปนั่งรถรอบเมืองสักหน่อย การได้อยู่ด้วยกันเงียบๆในที่ที่มีแค่เพียงสองคน บรรยากาศอาจพอเป็นใจให้พูดคุยกันได้สะดวกมากขึ้น



“ก็มีอย่างทุกวันครับ” เป็นอันว่าก็คงออกไปไหนไม่ได้ เพราะต้องอยู่ประจำโรงพยาบาล



จันทร์จ้าวจนใจจะหาทางปรับความเข้าใจ เขาถอนหายใจเบา รู้สึกว่าวันนี้คงไม่ใช่วันของเขา



“ถ้าอย่างนั้น...ผมกลับก่อนดีกว่า แล้วอย่าลืมทานล่ะ” ร่างโปร่งเอ่ยเสียงแผ่ว ไม่มีทีท่าของคนรักสนุกที่ทำเรื่องแผลงอย่างเมื่อวานอีกแล้ว



ภวัตมองแผ่นหลังของคนที่อุตส่าห์มาหาเขาถึงที่ ดูจากสีหน้าเมื่อครู่ก็รู้ว่าจันทร์จ้าวมาที่นี่เพื่ออะไร เรื่องนำผลไม้แช่อิ่มมาให้นั่นเป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น



“คุณจันทร์...” เขาเอ่ยเรียก เพียงเท่านั้นเจ้าของชื่อก็หันกลับมามอง



“...ผมจะไปส่ง” ภวัตกล่าวก่อนจะหมุนตัวเดินกลับเข้าบ้านเพื่อนำกระติกผลไม้แช่อิ่มและหนังสือเข้าไปเก็บ ปิดบ้านแล้วพาจันทร์จ้าวไปยังรถยนต์ของตน



   ทีแรกก็เดินกันอย่างเงียบๆ แต่พอขึ้นรถปิดประตูแล้ว คนช่างพูดก็อดไม่ไหว



   “ผมไม่ได้จะกลับบ้านหรอกนะ”


นายแพทย์หนุ่มนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะเหลือบมองคนพูดที่ทำตาใสหันมามองเขา



   “แล้วคุณจะไปไหนครับ”



   “นั่งรถเล่น...” ภวัตถอนหายใจกับคำตอบยียวนหาเรื่อง ทว่าประโยคถัดมาของคนข้างกายทำให้เขาชะงัก



   “หมอ...ไปเป็นเพื่อนผมหน่อยได้ไหม” คนถูกชวนหันมองคนพูด คราวนี้ดวงตากลมใหญ่กำลังมองตรงมาที่เขาอย่างอ้อนวอน



   ...แล้วแบบนี้จะทำใจแข็งได้อย่างไรกัน...



   ไม่มีคำตอบจากหมอภวัต นอกจากการพารถยนต์ของตนเองออกจากโรงพยาบาล


....................................


   รถยนต์ของภวัตเคลื่อนตัวไปตามถนน ช่วงแรกเป็นถนนจอแจเต็มไปด้วยผู้คนและรถรา แต่ชั่วขณะต่อมา รถยนต์ก็เริ่มเข้าสู่ถนนที่ค่อนข้างเงียบสงบ



   ไม่มีรถคันอื่นร่วมทาง ทั้งในรถยังมีเพียง ๒ คน จันทร์จ้าวตัดสินใจเป็นฝ่ายพูดก่อน



   “ผม...ทำให้หมอโกรธใช่ไหม”



   “ถ้าเป็นคุณจะโกรธไหมครับ”



   “ก็!...ก็ต้องดูก่อนว่า...ว่าทำไปเพราะหยอกเล่นหรืออะไร นี่ผมก็แค่หยอกเล่นนะหมอ”



   “ความรู้สึกของผมเป็นเรื่องหยอกเล่นหรือครับ” ถูกย้อนถามเข้าแบบนี้ คนเถียงเก่งก็หัวชนฝาไม่ออก



   “ม...ไม่ใช่...”



   “ไหนจะคุณนภากับคุณเรย์มอนด์อีก คุณได้ไปขอโทษพวกเธอหรือยัง” นอกจากจะเถียงไม่ออกแล้ว คราวนี้จันทร์จ้าวพูดไม่ออกด้วย เพราะถึงแม้จะพูดคุยทำความเข้าใจกับน้องสาวแล้ว แต่เขาก็ยังไม่ได้ขอโทษหล่อน เพราะเอาแต่กังวลเรื่องภวัตเป็นอันดับ ๑



   “ผ...ผมลืม...แต่! แต่ผมคุยกับนภาแล้ว นภาเข้าใจผม ส่วนเรย์...หมอไม่ต้องห่วง วันพรุ่งนี้ผมจะรีบขอโทษเรย์ทันทีที่เจอหน้า”



บอกภวัตว่าไม่ต้องห่วง แต่เวลานี้จันทร์จ้าวกลับห่วงภวัตที่สุด



   ...ห่วงว่าจะยังไม่หายโกรธ...



   “หมอ...ผมผิดที่คิดแต่เรื่องสนุก แต่...ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำให้หมอโกรธ ผมขอโทษ”



ทั้งๆที่ทำใจแข็งมาได้ตั้งนานสองนาน แต่แค่คำพูดไม่กี่ประโยคของคนข้างกาย หัวใจของคนฟังก็ไม่อาจทนเฉยได้อีก



   หินกร่อนเพราะลม ใจภวัตก็กร่อนเพราะจันทร์จ้าวเช่นกัน



   ทว่า...แม้จะไม่เหลือหัวใจแข็งแกร่งเอาไว้ต่อต้านคำพูดของคนก่อเรื่อง แต่นายแพทย์หนุ่มก็ยังพอจะทำหน้าเฉยเอาไว้ได้


   และจันทร์จ้าวคนก่อเรื่องก็มองเห็นเพียงสีหน้าเรียบเฉยของภวัตในความมืดสลัวเท่านั้น


   “หมอ...หายโกรธผมเถอะ ผมจะไม่ทำอีกแล้ว จะไม่ยกหมอให้ใคร จะไม่แนะนำใครให้หมอ”



   “เพราะอะไรครับ”



   “หือ?”



   “เพราะอะไร คุณถึงจะไม่ยกผมให้ใคร และไม่แนะนำใครให้ผม” เป็นคำถามที่คนถูกถามรู้สึกเหมือนน้ำท่วมล้นคอ ริมฝีปากขยับขึ้นลงเหมือนจะพูด แต่หาเหตุผลเท่าไร นักเรียนนอกแสนฉลาดคนนี้กลับมีเหตุผลเพียงข้อเดียวที่คิดออก



   ...เพราะหมอเป็นของผม...



   แต่เรื่องแบบนี้...พูดตอนนี้จะดีหรือ



   “เอ่อ...ห...หมอก็...ก็รู้อยู่แล้ว...”



   “ผมยังไม่ทราบครับ” ภวัตยังคงตีสีหน้าเรียบเฉย และเอาแต่มองถนน ราวกับว่าหากจันทร์จ้าวไม่ตอบคำถามของเขา ความโกรธเคืองในใจก็จะไม่มีวันมลาย



   คนก่อเรื่องที่ถูกกดดันให้ตอบถึงกับเม้มปากด้วยไม่รู้ว่าจะพูดไปดีหรือไม่ แล้วจู่ๆสารถีก็เอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบ



   “ช่างเถอะครับ...” เป็นการตัดบทที่ทำเอาจันทร์จ้าวใจหายวูบ จากเมื่อครู่ที่เม้มปากด้วยไม่รู้จะพูดดีหรือไม่ เวลานี้คงต้องตัดสินใจเสียที



   “หมอเป็นของผม” ริมฝีปากของภวัตกระตุก ทว่าเขาก็อาศัยความมืดสลัวสลายมันไปอย่างรวดเร็ว



   อาการเงียบและเอาแต่มองถนนยังคงทำให้คนก่อเรื่องใจฝ่อ แต่จะให้พูดนอกเหนือจากนี้ คนพูดเก่งอย่างเขาก็นึกคำไม่ออกขึ้นมาเสียดื้อๆ



   “ผ...ผม...”



   “ไม่ใช่แค่ตัวผมที่เป็นของคุณ แต่โปรดระลึกเอาไว้ว่าความรู้สึกของผมก็เป็นของคุณ ผมยกให้คุณหมดแล้ว โปรดอย่ายกมันให้ใคร หากคุณไม่ต้องการ โปรดคืนกลับมาที่ผม” คนที่พูดคำตอบคำและเอาแต่เงียบมาตั้งแต่พบหน้ากันที่บ้านพักแพทย์ จู่ๆก็พูดยาวขึ้นมา และเป็นการพูดยาวที่ทำให้จันทร์จ้าวยิ่งพลอยพูดไม่ออกยิ่งกว่าเดิม ได้แต่รับคำอ้อมแอ้มเพราะหลาบจำแล้ว



   “เข้าใจไหมครับ”



   “เข้าใจแล้ว”



   “เข้าใจว่าอย่างไรครับ ทวนให้ผมฟังที”



   “ก็...เข้าใจว่าอย่ายกความรู้สึกของหมอให้ใครอีก” นายแพทย์หนุ่มหันมองคนทวนคำพูดของเขาแล้วเผยรอยยิ้มจางอย่างที่ทำเอาคนใจฝ่อรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก



   “หมอหายโกรธผมแล้วใช่ไหม” จันทร์จ้าวรีบถาม



   “ครับ” เพียงเท่านั้น คนที่นั่งเกร็งจนตะคริวแทบกินก็ผ่อนคลายเอนหลังพิงพนักอย่างโล่งอก ตอนนั้นเองที่หนุ่มนักเรียนนอกเพิ่งได้มีโอกาสมองออกไปนอกรถ ดวงตากลมใหญ่กะพริบปริบๆ



   “เอ?..หมอ...” เพราะความมืดสลัวของ ๒ ข้างทาง ทำให้ไม่คุ้นทาง แต่ก็คุ้นมากนักว่านี่ไม่ใช่ทางไปยังบ้านเช่าสีเขียวอ่อนที่อยู่ใกล้วังฉัตร



   “ครับ?”



   “เอ่อ...หมอ...ไม่ได้พาผมไปบ้านเช่าหรือ”



   สิ้นคำถามนั้น รถยนต์ของนายแพทย์หนุ่มก็เลี้ยวเข้าจอดที่หน้าตึกแถว จันทร์จ้าวมองลอดออกจากหน้าต่างกระจกแล้วกะพริบตาปริบๆ ก่อนจะเหลือบสายตามาที่สารถี



   ภวัตไม่ได้พาเขาไปส่งบ้านเช่า แต่กลับพามาที่ตึกแถวซึ่งภวัตซื้อเอาไว้...สำหรับพวกเขา



   นายแพทย์หนุ่มหันมาสบตาคนถาม แต่ยังเงียบ ทว่าก็ทำเอาคนก่อเรื่องร้อนตัวได้



   “ผมขอโทษหมอแล้วนะ” เจ้าของดวงตากลมใหญ่รีบออกตัว



   “ขอโทษแล้วน่ะใช่ครับ แต่ยังไม่ได้ง้อ”



   “หา?!” คนก่อเรื่องถึงกับร้องเสียงหลง ทว่าภวัตยังคงนิ่งเฉยและสงบ ดวงตาคมคู่นั้นจับจ้องจันทร์จ้าวไม่กะพริบ


   “ทำให้ผมโกรธ ก็ต้องง้อผมด้วย”


หนุ่มนักเรียนนอกซึ่งเคยเพลย์บอยจนคนพูดกันทั้งเมืองได้แต่อ้าปากค้าง ใครเล่าจะคาดคิดว่านายแพทย์หนุ่มเจ้าของรอยยิ้มมิตรภาพผู้นี้กำลัง ‘ทวง’ เรื่องไม่เป็นเรื่องจาก...คู่รัก


“ก็!...ก็เมื่อกี้ ผมง้อ...”


   “เมื่อครู่นี้ คุณขอโทษครับ ไม่ใช่ง้อ”


   “แล้ว...แล้วหมอจะให้ผมง้อยังไงล่ะ?!” ภวัตยกยิ้มจางที่มุมปาก ดวงตาคมมีแววประหลาดเรืองรองใต้ความสลัวยามจับจ้องคู่รักของตน


   “เข้าไปคุยกันข้างในเถอะครับ”


   “เดี๋ยวหมอ...” จันทร์จ้าวรีบคว้าแขนเอาไว้ก่อนที่คนข้างกายจะหนีลงจากรถ แต่ภวัตผู้เยือกเย็นก็ยังคงสุขุมและสุภาพเช่นเคย เขาตบมือของตนลงบนมือขาวแผ่วเบา



   “ผมไม่ใช่คนใจแข็งหรอกครับ ไม่ต้องกังวลไป” นายแพทย์ทิ้งท้ายเอาไว้เพียงเท่านั้น ก่อนจะเปิดประตูลงจากรถ แล้วอึดใจต่อมาจันทร์จ้าวก็ลงจากรถ เจ้าตัวมองเขาแล้วเม้มปาก ดูท่าคงจะรู้ชะตากรรมตนเองแน่แล้ว ก่อนจะยอมเดินก้มหน้างุดนำเข้าไปในตึกแถว โดยมีนายแพทย์หนุ่มเดินตามหลัง



   รถยนต์ของภวัตยังคงจอดอยู่ที่ริมถนน ในขณะที่ประตูบานเฟี้ยมของตึกแถวถูกปิดเข้าหากัน



   คืนนี้...คนชอบเล่นแผลงจะได้รู้ว่าไม่ควรก่อเรื่องให้ภวัตโกรธ


   เพราะนอกจากจะต้องขอโทษภวัตแล้ว ยังต้อง ‘ง้อ’ ด้วย!


จบ

สวัสดีวันพฤหัสค่ะ

ตอนพิเศษมาแบบนี้ก็แสดงว่ายังไม่มีเรื่องใหม่นั่นเอง แหะๆ (หัวเราะแห้งกับชะตาชีวิตช่วงนี้)

ช่วงนี้บัวคิดถึงคุณจันทร์กับหมอ ก็เลยเอามาลงให้ทุกคนคิดถึงกันบ้าง กระจายๆความคิดถึงกันค่ะ ฮ่าฮ่า

ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ คนคิดถึงถามไถ่ คนถามหางานใหม่ๆ บัวอยู่ในช่วงเปลี่ยนวิถีชีวิต ยังจัดเวลาให้ลงตัวไม่ได้ ถ้าทำได้ จะเอาเรื่องใหม่มาลงค่ะ แต่ถ้ายังไม่ได้ ก็จะพยายามเอาตอนพิเศษของเรื่องเก่าๆมาลงนะ

ขอบคุณพื้นที่บอร์ดด้วยค่ะ

แล้วเจอกันใหม่ค่ะ

ออฟไลน์ manami1155

  • ~I Still Love You~
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1749
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +99/-1
ฮืออออออออออ
ไม่คิดเลยว่าจะได้อ่านเรื่องของคู่นี้อีก
คูมหมอกับน้องจันทร์

น้องจันทร์ยังแก่นเซี้ยวเหมือนเดิม
แต่ก้อยังออดอ้อน งอนง้อได้น่ารักเหมือนเดิม
เอาจริงหมอแพ้ตั้งแต่เห็นคุณจันทร์หิ้วปิ่นโตมาแล้วละ
แต่ทำฟอร์ม อยากเห็นคนดื้อง้อ

ขอบคุณคุณบัวมากนะคะ
หายคิดถึงคู่นี้ไปได้เยอะเลย
ถ้าคุณบัวคิดถึงอีกก้แต่งอีกนะคะ
เราจะตามอ่านไปเรื่อยๆเลย

ออฟไลน์ jaja-jj

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 547
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-3

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ KKKwanGGG

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2

ออฟไลน์ kinjikung

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2940
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-8
จันทร์เจ้านิสัยเสียขี้แกล้งไม่หายซักที โดนหมอโกรธไปเต็มๆ หมอให้ง้อยันเช้าไปเลยนะคะ นี่ถ้าเอา ถ้วยฟู จันทร์เจ้า จอมขวัญ ศวิล มาอยู่ด้วยกันรู้สึกเหมือนโลกจะแตก  555

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
เอ็นดูคุณจันทร์..ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษจ้า  :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Pepor

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 396
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-3
อยากรู้วิธีง้อของจันทร์จ้าวค่ะ  :hao3:

ออฟไลน์ bew_yunjae

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 260
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
 :โอ๊ยยยย คิดถึงคู่นี้มากเลยค่ะคุณบัว แงงงงง หมอไม่เล่าเพิ่มเหรอคะ
หลังประตูบานนั้นคุณจันทร์จะง้อยังไง  :hao6: :hao6:

ออฟไลน์ Bejae

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-2
โอ้ยยยยยยยคิดถึงคุณจันทร์กับคุณหมอมากกกกกกกกกกค่ะ ได้แต่อ่านหนังสือวนไปเป็นสิบๆรอบ ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษนะคะ งานนี้คุณจันทร์คงจะหายซ่าบ้าง หมอภวัตเอาอยู่จริงๆ

ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 694
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
คิดถึงคุณหมอกับจันทร์มาก ๆๆๆๆ
ดีใจที่เห็นตอนพิเศษมาอัพ สุดจะกรี๊ดดดดดด !! :hao7:  :hao7:

ว่าแต่ว่าเค้าง้อกันแบบไหนเหรอคะ ?!??
คือ...ไม่เจอหมอกับจันทร์นานแล้ว
เลยอยากอยู่ใกล้ๆ ให้หายคิดถึงอ่ะค่ะ
โปรดเปิดประตูบานเฟี้ยวของตึกแถวให้เราเข้าไปส่องที !!!  :ling1: :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
จันทร์จ้าวเฮ้วจนได้เรื่องเลย

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
คุณจันทร์น่าตีจริงๆเลย

ออฟไลน์ Gokusan

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +269/-1
โอย...ท่านนายพลยอดคุณพ่อ กราบบบบ
เหมือนเป็นยีนส์แห่งความเข้าใจและมองความสุขในชีวิตเป็นเรื่องหลักที่ถ่ายทอดกันมา คือดีย์~~~

เห็นคุณจันทร์ก็พาลคิดถึงของขวัญ และคนมาปราบก็ดูจะ...เหมือนกันเชียวค่ะ อิอิ

ก่อเรื่องเอง ง้อเอง เป็นปกติเนาะ ^^

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
คุณจันทร์ ~ ซนจริงเชียว ตีๆๆๆให้ก้นลายเลยค่ะคุณหมอ   :hao6:  คิดถึงคุณหมอกับคุณจันทร์เหมือนกันค่ะ ดีใจนะคะที่คุณบัวแวะมาลงตอนพิเศษให้  :mew1:

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
ไม่เจอกันนานยังน่าหยิกเหมือนเดิมเลยนะคุณจันทร์

ออฟไลน์ Fish129

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 746
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-3
หมอ

เรื่องนี้หมอคือที่สุดอ่ะ

ออฟไลน์ JUST_M

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0

มองจันทร์จ้าว จะเห็นของขวัญ ลางๆ 5555แสบพอกัน

ออฟไลน์ มนุษย์บิน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 407
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
โธ่เอ็นดูหนูจันทร์เขานะคะ 55555555 หมอนี่หมอจริงๆคือเอาอยู่หมดกำราบขั้นสุดส่วนคุณหญิงควรรู้ได้แล้วค่ะว่าจับผิดคู่แล้วมาเป็นแม่นางเอกในละครกันค่ะจะสนุกมากคอนเฟิร์มจากแม่ยกของขวัญ

ออฟไลน์ Enzetsune

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ละมุนเหมือนเดิม >~<

ออฟไลน์ ขอบฟ้าสีจาง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เด็กดื้อต้องจับฟาดก้นค่ะคุณหมอ  :z1:

ออฟไลน์ Charmy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 114
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ q.tr

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
คนที่ปราบคนแสบแบบจันทร์จ้าวได้คงมีแค่หมอภวัตนี่แหละ  :m20:

ออฟไลน์ gemgems

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 47
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
บังคับให้มาง้อกันถึงบ้านนี้ หุหุ สงสารคุณจันทร์ซะแล้วสิ 555555555

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด