
ขอฦโทฝา นะคะ ที่หายไปนานไม่มาลงตอนพิเศษให้สักที คราวนี้มาลงตอนพิเศษต่อให้จนจบเลย ค่ะ
ราตรีประดับดาว
ตอนพิเศษ : ยัยละมุดของตาก้อง ?
ทิวานอนอ่านหนังสือโดยนอนราบหนุนศีรษะกับท่อนขาของสนธยา ใบหน้ามนแย้มยิ้มน้อย ๆ เมื่ออ่านหนังสือเล่มที่มานะพยายามสั่งซื้อมาจากต่างประเทศ เป็นหนังสือเกี่ยวกับการวิเคราะห์โครงสร้างพืชแต่ละชนิดซึ่งในหนังสือนั้นเป็นข้อมูลความรู้ที่ทิวาจำเป็นต้องใช้ในแล็ปอยู่ทุกวัน ๆ
สนธยามองใบหน้าของคนอารมณ์ดีนอนอ่านหนังสือโดยหนุนตักเขาอย่างเอ็นดู มองจากด้านบน...ขนตาเป็นแพสีน้ำตาลอ่อนมองดูงามกว่าสมัยเจ้าตัวยังอายุเพียงรุ่น ๆ อีกทั้งเครื่องหน้าของคนที่โตเต็มที่นั้นหมดจดงดงามจนคนมองยังต้องเหลียวหลังจนบางทีสนธยาเองยังต้อง ‘ระงับ’ อารมณ์อย่างเต็มที่เวลาที่ทิวาไปที่โรงพยาบาลแล้วโดนทั้งหมอ ทั้งพยาบาลมองตามจนตาเยิ้ม...
“ ไม่เอา...ไม่เล่นด้วยแล้ว โกรธแล้ว...ก้องนิสัยไม่ดี ”
เสียงเด็กหญิงโวยวายพร้อม ๆ กับเสียงวิ่งตึง ๆ ตรงมาทำให้ทั้งทิวาและสนธยาต้องเหลียวไปมอง ‘ลูกสาว’ ที่วิ่งหนีเข้าไปในห้องครัว ซึ่งถ้าทำอย่างนั้นก็เป็นอันรู้กันว่า...เข้าไปร้องไห้
พอเด็กหญิงวิ่งหายเข้าไปในครัว ทิวาก็ตั้งท่าจะลุกขึ้นไปหาลูก แต่สนธยากลับยิ้มบาง ๆ รั้งไว้ไม่ให้ตามไป...ทำเอาทิวาต้องส่งสายตาเป็นเชิงถามอย่างไม่เข้าใจ จนสนธยาโบ้ยใบ้ให้หันไปดูเด็กชายที่วิ่งตามเข้ามาติด ๆ
ตาก้องวิ่งตึง ๆ ตามเข้ามาก่อนทำท่าจะเลี้ยวเข้าไปในครัว แต่ทว่าเมื่อใบหน้าของเด็กชายโผล่เข้าไปก็กลับถูกห่อขนมปังฟาร์มเฮ้าส์โยนโปะเข้าหน้าแบบพอดิบพอดี
“ อย่าร้องสิ...ละมุด ”
เด็กชายพยายามเยี่ยมหน้ามองเด็กหญิงที่ร้องไห้สะอื้นอยู่ในห้องครัวโดยไม่กล้าโผล่เข้าไปทั้งตัว โดยตาก้องได้แต่ถือห่อขนมปังฟาร์มเฮาส์ทำหน้าหมอง ๆ พลางแก้ตัวอ่อย ๆ
“ ที่ก้องเรียกตัวเองว่าละมุด...นั่นก้องไม่ได้ล้อให้อายนะ แต่ก้องเห็นว่า...เรียกแล้วน่ารักดี เอ่อ...ก้องไม่ให้คนอื่นเรียกหรอกนะ ใครเรียกนอกจากก้องนะ...ก้องจะไปไล่เตะมันให้หมดเลยดีไหม? ”
ฟังเด็ก ๆ ง้อกันเองก็น่ารักดี...สนธยายิ้มให้คนตัวเล็กกว่าก่อนที่จะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้ม ๆ หวาน ๆ แต่มีแววเย้า
“ เด็ก ๆ เล่นกัน...เดี๋ยวก็ง้อกันเองละ เรากำกับดูอยู่เฉย ๆ ก็พอแล้วละนะ อีกอย่างลูกเราก็ไม่ใช่เด็กโมโหร้ายอะไร ก็แค่งอน ๆ ที่โดนล้อเอาเท่านั้นเอง ดูเอาสิ...ขนาดจะหาของปาออกมานั่นยังอุตส่าห์หาขนมปังแผ่นของชอบตาก้องมาปาใส่เจ้าตัวอีกนะดูสิ หึ หึ หึ ”
“ ถึงจะรู้ว่าทั้งลูกเราแล้วก็ทั้งตาก้องจะไม่ใช่เด็กโมโหร้าย แต่...ถ้าเราช่วยกันคุยและอธิบายกับลูกจะดีกว่าไหม ? ”
สนธยายิ้มพราย...เพราะทิวาเป็นคนอ่อนโยน บางทีการกระทบกระทั่งกันของคนรอบข้างมักมีผลกับเจ้าตัวอยู่เสมอ เพราะสังเกตได้ว่าเมื่อคนรอบตัวทะเลาะทุ่มเถียงกันทิวาจะเริ่มทำสีหน้าเหมือนไม่ค่อยสบายใจ แล้วยิ่งเกิดการขึ้นเสียงทำลายข้าวของก็จะยิ่งเพิ่มความเครียดให้กับคนตัวเล็กอีกเป็นเท่าตัว
“ ไม่เป็นไร...ก็ดูกันก่อนสิ เราเป็นพ่อเป็นแม่มีหน้าที่ปกป้องดูแลเขาก็จริง แต่บางทีก็ให้เขารู้จักแก้ปัญหากันเองบ้างน่าจะดีกว่านะวา อีกอย่างลูกเราก็15 แล้วนะ การที่แกไม่ได้ไปไหนแล้วก็เล่นแต่กับตาก้องน่ะก็ไม่ได้หมายความว่าอายุของแกจะลดลงเหลือเท่าตาก้องนะวา บางที...ยัยมุจก็ควรจะต้องคิดอะไรเป็นผู้ใหญ่แล้วก็ให้อภัยในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ บ้าง ตาก้องก็ 8 ขวบแล้ว...ไม่ใช่ว่าจะยังเล็กแล้วพูดกันไม่รู้เรื่อง ”
ถึงจะกังวล...แต่สุดท้ายทิวาก็ค่อยผ่อนลมหายใจลง สนธยาจึงยิ้มเอาใจก่อนจะโอบเอวคนตัวเล็กกอดไว้เบา ๆ ชวนกันยืนแอบฟัง...เด็ก ๆ เค้าง้อกันบ้าง
“ ทำไมต้องเรียกว่าละมุด ? มุจอายนะก้อง...ไปพูดให้น้ำหวานได้ยินทำไม ? ”
เด็กชายเริ่มหน้าเสีย...นึกได้ว่าน้ำหวานเป็นเด็กนิสัยไม่ดีเรื่องการพูดมากคนหนึ่ง เผลอ ๆ พรุ่งนี้เด็กแถวบ้านได้ล้อเรื่องนี้กันหมดซะละมั้ง
“ ก้องขอโทษ...อย่าโกรธนะ ก้องไม่ให้คนอื่นพูดเด็ดขาดเลย ถ้า...ถ้าใครเรียกละมุดนอกจากก้องนะ ก้องจะไปเตะมันเองดีไหม? ”
เด็กชายทำท่าเอาจริงเอาจัง ในขณะที่เด็กหญิงค่อยหยุดร้องไห้...หันมาพูดหน้างอ ๆ
“ น้ำหวานชอบล้อคนอื่น...เป็นคนนิสัยไม่ดี แต่ก้องที่ไปเตะคนอื่นก็คงแย่กว่าน่ะแหละ เพราะงั้นไม่ต้องหรอก...ใครจะเรียกยังงั้นก็ปล่อยเค้าไป ”
ผู้ปกครองสองคนที่แอบฟังอยู่ค่อยถอนใจอย่างโล่งอก เมื่อเด็กหญิงตอบเหมือนจะปลงได้...ว่าล้อคนอื่นกับไล่เตะคนอื่นก็เลวร้ายไม่แพ้กัน เพราะงั้นอย่าทำจะดีกว่า อย่างที่พ่อสนว่า...ลมปากไม่ทำหัวใครแตก ใครอยากพูดก็ปล่อยมันไป เดี๋ยวมันเหนื่อย...มันเก๊าะเลิกพูดเอง
“ โล่งอกไปเนาะพี่สน... ”
ทิวาทำท่าถอนใจก่อนที่คนตัวโตจะก้มลงหอมแก้มคนในอ้อมแขนทีหนึ่งด้วยความมันเขียว
“ ลูกเราน่ะงอนอาการคล้าย ๆ คนแถวนี้แหละ...งอนแบบน่ารัก ๆ ดีนะ หึ หึ หึ เห็นท่าพี่ต้องสอนวิชาง้อให้ตาก้องมั่งแล้ว...ไม่งั้นเดี๋ยวพองอนหนีกันเข้าครัวหมดเดี๋ยวจะง้อกันไม่ถูก ”
พูดจบก็ไม่รอให้โดนคนตัวเล็กออกอาการงอน สนธยาก็ก้มลงซุกหน้าลงกับไหล่บางก่อนจะพูดอ้อนเบา ๆ
“ แต่...ตอนนี้พี่อยากงอแงมั่ง ไม่รู้วาจะง้อมั่งไหม ”
“ ไม่ง้อ!! ”
ทิวาตอบทันที...ทำเอาสนธยาหน้าจ๋อย ก่อนที่ทิวาจะดึงแก้มคนตัวโตกว่าจนสนธยาร้องออกมาเบา ๆ และพอคนตัวสูงคลายวงแขนปั๊บ...ทิวาก็เดินหนีไปในบ้านเสียเฉย ทำให้สนธยาต้องตามไปง้อพร้อมกับร้องบอกเสียงอ่อน ๆ
“ วาใจร้าย... ”
// ก็เรื่องอะไรจะง้อ...ง้อทีไรก็โดนตะล่อมทุกที ขืนยอมง่าย ๆ ก็เหมือนโยนปลาย่างใส่ปากแมวตัวโตปะไรล่ะ!!//