ตอนที่ 5 รายงานตัว
เช้าวันอาทิตย์คับ ไม่มีใครอยากจะตื่นเช้าๆหรอกคับ เมื่อนานนานจะได้ตื่นสายซักที เป็นโอกาสอันดีที่ผมจะได้นอนยาว เพราะเมื่อวานผมต้องมาตื่นเช้า เพราะโทรศัพท์ของเดช ก็คิดว่าเช้านี้ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นนะ จนโทรศัพท์ดังอีกแล้ว เวลาเดิมเป๊ะ แต่...ไม่ใช่หรอกคับ เพื่อนแม่โทรมาคับ ก็เลยนอนต่อไปจนถึงแปดโมง โทรศัพท์ก็เป็นของผม ผมถูกปลุกมาด้วยเสียงอันสดใสของเดช
“เฮ้ย ใหญ่ หวัดดี”
“อะไรอีกล่ะ”
“แปดโมงแล้ว ตื่นๆ นอนกินบ้านกินเมืองหรือไง”
“ไปหนักตรงไหนของมรึงเดช”
“โห ไอ้ใหญ่ เดี๋ยวนี้ก้าวหน้าเรียกมรึงกับผมเหรอ”
“ไม่ชอบคำหยาบเหรอ”
“เปล่าหรอก จริงใจดี เราชอบ”
“อ่อเหรอ เออโทรมามีไร”
“อ๋อ เราจะบอกว่า วันนี้เราต้องขับรถไปส่งของให้พ่อน่ะ ทั้งวันเลยแหล่ะ”
“เหรอ แล้วไงล่ะ”
“จะบอกว่า วันนี้คงไม่ได้โทรหาต่ายนะ แต่จะโทรหานายแทน”
“เพื่อ”
“เพื่อเราเป็นเพื่อนกันไงใหญ่ ใหญ่เป็นเพื่อนเดช เดชไปไหนเดชก็ต้องโทรบอกใหญ่ดิ”
ผมอึ้งไปซักพัก แล้วเดชก็พูดต่อ
“วันนี้ไม่ไปไหนเหรอ”
“ไม่อ่ะ ไม่ได้ไปไหน อยู่บ้านให้ที่บ้านชื่นใจบ้างเถอะ”
“รู้ป่ะว่าต่ายไปไหนมั่งวันนี้”
“เรียนพิเศษ” – ผมโกหกเดชคับ เพราะว่าต่ายบอกไว้เมื่อวานว่าวันนี้ต่ายจะอยู่บ้าน
“รอบไหนล่ะ ใหญ่รู้ไม๊ ”
“ไม่ได้ถาม”
“เป็นเพื่อนกันนี่ไม่รู้เลยเหรอ”
“อ่อ บางเรื่องเราก็ไม่ได้อยากรู้น่ะ เช่นเรื่องเวลาเรียนพิเศษ เราว่ามันไม่จำเป็นต้องรู้ว่าต่ายจะเรียนวันไหน เวลาไหน เพราะเราก็เป็นแค่เพื่อนต่าย ไม่ได้เป็นแฟนต่ายซักหน่อย”
“ก็ถ้าเราเป็นแฟนต่าย ใหญ่ แกก็ต้องรู้”
“เหรอ เฮ้อ แต่!! ยากหน่อยนะ แกอย่าลืมว่ามีไอ้ไม้ที่ห้องเราอีกนะ”
“นั่นไงล่ะ แกก็ช่วยเราจีบต่ายดิใหญ่”
“อ่ะเหรอ เออ เด๋วคิดดูก่อนละกัน”
“ไม่ต้องคิด ทำเลย เพื่อเรา”
“อ่อ เออมีไรอีกไม๊ เราปวดท้อง”
“อยู่บ้านทั้งวันใช่ป่ะใหญ่”
“ใช่ๆ ทำไมเหรอ”
“เผื่อเราจะได้โทรหานายไง จำไว้นะ ถ้าวันนี้นายออกไปไหน ให้โทรบอกเราด้วยนะ”
“เออ ไปละ ปวดท้อง”
ผมก็วางสายโทรศัพท์ไปคับ ไปเข้าห้องน้ำจริง ผมไม่ได้อ้างเพื่อวางสายหรอกคับ แต่ผมเองก็ขี้เกียจคุยคับ ง่วงอยู่เลยไม่อยากคุยกับใคร
เช้าวันอาทิตย์ อะไรจะสุดยอดเท่ากับการตื่นสายอีกล่ะคับ แต่ในเมื่อผมต้องถูกปลุกมาตอน 8 โมง เพราะโทรศัพท์เจ้ากรรม ผมก็เลยมาดูการ์ตูนแก้เซงคับ ก็นับว่าแก้เซงได้ดีทีเดียว ผมชอบดูการ์ตูนคับ ตั้งแต่จำความได้ผมก็ดูการ์ตูนแล้วคับ แต่ขึ้น ม.ปลายมาผมไม่ค่อยจะได้ดูแล้วคับ เพราะว่าผมต้องตื่นเช้าวันเสาร์ แล้วตื่นสายวันอาทิตย์ กว่าจะตื่นการ์ตูนก็จบพอดี แต่วันนี้ผมได้ดูคับ ดูจนจบก็อาบน้ำ กินข้าวเช้า+กลางวันในมื้อเดียว แต่ผมยังไม่ทันจะเอาข้าวเข้าปากโทรศัพท์ก็ดังอีกแล้วคับ พ่อผมไปรับสายแล้วก็บอกว่าคนชื่อเดชโทรมา ผมก็เดินไปรับอย่างหมดอารมณ์
“เดชมีไร”
“ตอนนี้เราขับรถอยู่ ไปส่งของให้พ่ออ่ะ” – ตอนนั้นยังไม่มีกฏหมายที่ว่าต้องใช้ Smalltalk ตอนขับรถคับ
“ส่งไรเหรอ”
“เสื้อผ้าทหาร แม่เราเป็นคนตัดชุดพวกทหารอ่ะ”
“งี๊ชุด ร.ด. ของแกก็ไม่ต้องซื้อดิ”
“ใช่ นอกจากไม่ต้องซื้อแล้ว บ้านเรายังมีอุปกรณ์เกี่ยวกับทหารภาคสนามอีกด้วยนะ สนเปล่า”
“ไว้เรียนปีสามค่อยซื้อละกัน”
“อะไรกัน ซื้อไว้เลยเนี๊ย เด่วปีหน้ามันขึ้นราคา”
“ไม่รู้จะรีบซื้อไปทำไม”
“เออ ว่าแต่ใหญ่ทำไรอยู่ล่ะ”
“กำลังจะกินข้าว ข้าวคำแรกยังไม่เข้าปากเราเลย”
“อ่อเหรอ ข้าวเช้าหรือกลางวัน”
“ข้าวเช้าบวกกลางวัน เช้าตื่นไม่ทัน”
“เฮ้ย มันไม่ดีต่อสุขภาพนะเว้ย”
จากนั้นผมโดนเดชสวดเรื่องอาหารเช้าที่จำเป็นต่อสุขภาพ ประมาณ 10 นาที
“แล้วต่ายทำไรอยู่รู้ป่ะ”
“จะไปรู้เหรอ อยากรู้ก็โทรไปถามดิ เบอร์ก็มี”
“ไม่อ่ะ เราบอกแล้ววันนี้จะโทรหานายคนเดียว”
“เออ ให้เราไปกินข้าวเถอะ”
“อ่อ เออ ขอโทษ อย่าลืมนะเว้ย วันหลังมาโรงเรียนเช้าๆดิ เด๋วเราพาไปกินข้าว”
“อ่อเหรอ คงไม่อ่ะ ไปโรงเรียนทุกวันก็สายอยู่แล้ว – เออ แค่นี้นะ”
ผมก็ได้กินข้าวซักทีคับ แต่กับข้าวเย็นหมดแล้ว พ่อกับแม่ก็เลิกกินแล้วคับ สุดท้ายผมก็กินกับข้าวเย็นชืดอยู่คนเดียว คิดแล้วมันแค้น มาทำลายความสุขตอนกินข้าวไปลงคอ
บ่ายๆวันอาทิตย์ ผมก็ไม่รู้จะทำอะไรคับ การบ้านมีนะ แต่ไฟไม่ลนก้นไม่ทำหรอกคับ การบ้านต้องทำขณะร้อนๆ ถึงจะดี ความรู้จะได้สดใหม่ ดังนั้นบ่ายวันอาทิตย์ผมจึงตัดสินใจนอนอยู่บ้านเฉยๆ แต่...ผมก็นอนเฉยๆไม่ได้หรอกคับ โทรศัพท์มันมาอีกแล้ว
“อะไรอีกล่ะ” – ผมถามอย่างหงุดหงิด กำลังเคลิ้มๆอยู่เลย
“บ่ายนี้เราต้องไปส่งของให้พ่ออีก เมื่อเช้าคิดว่าหมดแล้ว แต่ยังเหลืออีกตั้งเยอะ”
“อ่อเหรอ แล้วเราช่วยไรได้ไม๊”
“ช่วยให้เราหายเหงาไงล่ะ ขับรถไปคนเดียว เหงาออก”
“เพื่อนห้องแกก็มีไมไม่โทรหาวะ”
“ก็บอกแล้วไงว่าวันนี้อยากโทรหานายคนเดียว”
“คิดไรกับเราป่ะเนี๊ย”
“คิด” เดชหยุดไปซักพัก “คิดว่าเราเป็นเพื่อนกัน”
“เออกูรู้ ไม่ต้องเน้นบ่อยๆก็ได้”
“คนสุพรรณ จริงใจเว้ย เพราะฉะนั้นเราก็จะจริงใจกับต่าย แต่ต่ายจะเห็นคุณค่าหนือเปล่าเนี๊ย”
“เออ คงเห็น”
“นั่นไง ใหญ่ นายต้องช่วยเรานะ”
“เออ ทำตัวให้มันน่าช่วยหน่อยละกัน” - ผมบอกปัด
“เออ ว่าแต่นายไม่สนใจอุปกรณ์สนามเหรอ”
“หัวการค้าเชียวนะ ไม่ ไม่สน ถึงเวลาค่อยซื้อ”
“ลดพิเศษเพื่อใหญ่เลยนะ”
“ถ้าฟรีแล้วค่อยมาคุยกันละกันนะ”
“ไอ้งก”
“เออ งก จะทำไม”
“ไม่ทำไมหรอกคร้าบ....” - น้ำเสียงเดชยียวนกวนประสาทเหลือเกิน
“ทำมานานยังเนี๊ย”
เดชเล่าประวัติตัวเองและครอบครัวให้ฟังประมาณ 10 นาที (ขับรถไปด้วย) เราก็ได้แต่เออๆ ตามไป เพราะไม่รู้นี่นา แต่ว่าไปเราก็ไม่เคยรู้ประวัติเพื่อนเราในห้องเลยนะเนี๊ย พ่อเป็นใคร อยู่กันยังไง
“ท่าทางบ้านแกคงน่าอยู่เนอะ” - ผมพูดกับเดช
“วันหลังไปเที่ยวบ้านเราดิ”
“แต่เรามี.....”
“...เรียนพิเศษ ใหญ่ แกจะไม่เรียนซักสัปดาห์ได้ไม๊ว้า... แกก็เก่งอยู่แล้วแหล่ะ ไม่ต้องไปเรียนหรอก”
“เออ ไม่เรียนก็โง่ดิ เทพห้องเราเยอะจะตาย”
“ใหญ่ ถ้าแกมาอยู่ห้องเรา แกจะไม่เครียดเลยเว้ย เพราะเดชจะสร้างความสนุกสนานให้ห้องเอง”
“ตัวป่วนล่ะไม่ว่า” – ผมพูดเบา แต่ตั้งใจให้มันได้ยิน
เดชถึงที่หมายที่ส่งของแล้ว แล้วก็บอกว่าถ้าส่งของเสร็จจะโทรมาอีก ผมบอกว่าไม่ต้องก็ได้ เปลืองค่าโทรศัพท์เปล่า แค่เดชบอกว่าไม่เป็นไร เพราะพ่อมันจ่าย (โห ไรเนี๊ย)
ผมวางโทรศัพท์ 15 นาทีผ่านไป เดชโทรมาอีกครั้ง คราวนี้เดชคุยเรื่องของตัวเดชเองว่าเพราะอะไรถึงมาเรียนที่นี่ ตอนแรกก็มาสอบ ร.ร.เตรียม แต่สอบไม่ติด เลยมาเข้าที่นี่แทน แล้วก็มาถามผมว่าทำไมผมเลือกจะอยู่โรงเรียนนี้ เราคุยกันอยู่นานพอควร พอดีเดชถึงบ้านแล้ว เลยขอตัวก่อน ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร
วันอาทิตย์นี้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว หมดไปกับการคุยโทรศัพิ์กับเดชไปเกือบจะทั้งวัน จนกระทั่งตอนค่ำ ก็มีโทรศัพท์มาอีกแล้ว คราวนี้เดชกำลังกลับกรุงเทพฯ
“ใหญ่เหรอ”
“เออ ว่าไง”
“ต่ายชอบอะไร”
“ของฟรี” - เป็นพื้นฐานของเด็กห้องผมคับ
“ของกินล่ะ รู้ป่ะ”
“ไม่รู้ อะไรก็ได้มั้ง ถามทำไมเหรอ”
“ซื้อของฝากให้ต่ายน่ะ”
“แกอยากรู้แกก็โทรไปถามต่ายดิ”
“ไม่เอาอ่ะ งั้นซื้อขนมสาลี่ดีกว่า แล้วแกอ่ะใหญ่ แกชอบกินไร”
“อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่มะระ”
“กินง่ายดีเนอะ เหมือนเราเลย”
“เออ ไม่ต้องซื้อมาให้เราหรอกนะ บ้านเราไม่ค่อยกินกัน”
“ก็เอาไปกินที่โรงเรียนก็ได้นิ เอาไปกินกับไอ้ไม้ก็ได้”
“คู่แข่งจีบต่ายอ่ะนะ มันรู้มันจะคิดยังไง”
“แกก็อย่าให้มันรู้ดิ เอาน่า เด๋วเราซื้อขนมไปฝากนายนะ”
“แล้วแต่แกละกัน อย่ากลับมาให้มันดึกล่ะ เด๋วพรุ่งนี้มาโรงเรียนสาย”
“ก็ดีดิ มาสายจะได้เจอกับนาย”
“คงเป็นไปได้ยาก เพราะเราต้องเชิญธงชาติน่ะ ยังไงเราก็ไม่ต้องเข้าแถวกับนักเรียนมาสายอยู่แล้ว”
“งี๊มันก็ไม่แฟร์ดิ” - เดชสวนขึ้นมา
“เราเป็นคณะกรรมการนักเรียนนะ”
“นี่เลย ใช้อำนาจในทางมิชอบ”
“งั้นเหรอ...เออว่ะ”
“ใหญ่ นายช่วยเส้นเราหน่อยดิ ให้เราไม่ต้องเข้าแถวกับพวกมาสายเวลาเรามาสาย”
“ถ้าแกมาโรงเรียนเช้าๆมันก็จบแล้ว ไม่ต้องไปดิ้นรนให้มาสายหรอก”
“ไรวะเนี๊ย ทีตัวเองล่ะ” - เดชค้อน
“มาเช้าๆ น่ะดีแล้ว ไหนว่านายจะพาเราไปกินข้าวเช้าไงล่ะถ้าเรามาโรงเรียนเช้า”
“เออใช่ว่ะ”
“ว่าแต่เดชแกอยู่ไหนน่ะ”
“ร้านขายของฝากไงล่ะ ตกลงเอาอะไรก็ได้ใช่ป่ะ”
“เออ”
“โอเค เด๋วเราคิดเงินก่อน แล้วไม่ต้องมาให้เงินเราทีหลังนะ เราซื้อมาฝากนาย”
“เออเออ”
“ใหญ่ เด๋วเราเหงาๆ จะโทรไปหาอีกนะ”
“แกอย่าลืมนะ 4 ทุ่มเรานอนแล้ว”
“โอเคคับ”
วันนี้ทั้งวันเหมือนผมนั่งอยู่กับเดชตลอดเวลา ผมรู้เกือบทุกอย่างเกี่ยวกับเดช ไม่ว่าจะเป็นเรื่องครอบครัว นิสัยส่วนตัวของเดช จริงๆแล้วมันก็เป็นคนดีนะ แต่แค่ภายนอกมันเถื่อนๆไปนิด แต่จริงใจ แล้วก็เดชเป็นที่ความรู้สึกอ่อนไหวเหมือนกันนะ ผมรู้สึกได้จากการคุยกันทั้งวันนี้ แม้ผมจะไม่ได้เห็นหน้ามันก็ตามทีเหอะ ผมก็รู้สึกได้ถึงความอ่อนโยนของมัน ซึ่งผมว่า ถ้าผู้หญิงคนไหนได้มันเป็นแฟนน่าจะดีใจนะ แม้มันหน้าตาไม่ดีแต่มันก็จริงใจ
โทรศัพท์ดังอีกครั้ง เป็นครั้งสุดท้ายของวันอาทิตย์นี้ เดชบอกผมว่าเดชอยู่แถวปทุมธานีแล้ว อีกไม่นานเดชก็คงจะถึงหอ ผมก็บอกมันว่าขับรถดีดีแล้วกัน อย่าไปเฉี่ยวใครล่ะ แล้วคืนนั้นผมก็นอนหลับไปพร้อมกับความรู้สึกดีๆระหว่างผมกับเดช แม้จะไม่เห็นหน้ากันก็เหอะ
------------------