My Friend The Series 1: เต่ากับกระต่ายไวไฟ [ซัน ♥ เน]
ผมนั่งมองแผ่นหลังของซัน นักกีฬาว่ายน้ำของมหาวิทยาลัยและเพื่อนร่วมชั้นปีของผม ผมนั่งมองซันแบบนี้มาสองปีแล้วครับ
สองปีที่ได้แค่ยิ้มทักทายกันในบางครั้งถ้าซันบังเอิญหันมาหรือเราบังเอิญได้เจอกันที่ไหนสักแห่ง ผมไม่รู้ว่าทำไมผมถึงไม่กล้า
เข้าไปทำความรู้จัก ทั้งๆที่ซันก็ดูเฟรนด์ลี่ดี เขาว่าคนคิดไม่ซื่อมักจะมีพิรุธผมว่ามันจริงครับ
ผมเป็นหนุ่มหน้าตี๋ใส่แว่น บุคลิกเกือบเนิร์ดต่างกันแค่ผมไม่ได้ฉลาดขนาดนั้น หน้าตาผมหาได้ดาษดื่น ผลการเรียนกลางๆ กีฬา
เกือบห่วย ฐานะยังนั่งรถเมล์มาเรียนทุกวัน โปรไฟล์ของผมไม่มีอะไรโดดเด่น จึงง่ายต่อการนั่งเงียบๆ และเฝ้ามองซันโดยไม่มี
ใครสังเกตผม
“ไอ้ซัน คืนนี้มึงไปงานวันเกิดน้องแพรหรือเปล่าวะ” ผมเงี่ยหูฟังทันทีเมื่อมีชื่อของคนที่ผมแอบชอบ ถ้าผมรู้ว่าซันไปที่ไหนบาง
ครั้งผมก็แอบตามไป แต่ไม่ได้เป็นสตอคเกอร์หรอกนะครับ ไม่ได้ตามติดตามจ้องขนาดนั้น ก็แค่ไปให้ได้เห็นหน้าบ้างก็เท่านั้น
“กูคงไปแต่ว่าจะตามไปทีหลัง กูต้องไปทำธุระให้พ่อก่อน”
“เออ งั้นเจอกันที่บารายเลยแล้วกัน” ผมทราบพิกัดที่ซันจะไปคืนนี้แล้วครับ ก็ดีเหมือนกันผมไม่ได้ออกไปเปิดหูเปิดตามาหลาย
อาทิตย์แล้ว ถือเสียว่าไปเปลี่ยนบรรยากาศ
✪✣✤✥✦✧✣✤✥✦✧✣✤✥✦✧✪
ผมมาถึงที่ร้านตั้งแต่สองทุ่ม ถือคติว่าต้องมาก่อนเป้าหมายเพื่อลดความน่าสงสัย ก็ผมนั่งอยู่ก่อนแล้วจะเรียกว่าตามได้อย่างไร
ฉลาดอยู่เหมือนกันนะนี่เรา
ผมนั่งดื่มไปเรื่อยๆ จนเวลาล่วงเลยไปสี่ทุ่มกว่าผมก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของซัน เพื่อนๆของซันเริ่มเมากันบ้างแล้ว ผมคาดเดาว่า
ซันคงเปลี่ยนใจไม่มา อาจจะทำธุระให้พ่อยังไม่เสร็จ ผมจึงตัดสินใจเดินออกจากร้าน วันนี้เห็นทีจะไม่รุ่ง
ผมเดินมาตามฟุตบาทกะว่าจะเดินให้หายมึนๆเสียก่อนเพราะดื่มไปเยอะ เอาหน้ารับลมเย็นสักหน่อยจะได้มีสติมากขึ้น
ผมน่าจะเดินห่างจากร้านมาได้ประมาณ 200 ถึง 300 เมตร กำลังเดินมองดูฟ้ากรุงเทพฯเพลินๆ ก็มีใครบางคนเดินเซมาชนผม
มือแข็งแรงโอบตัวผมไว้กันล้ม
ความคิดแรกของผมคือคนเมาหรือเปล่าวะ แต่..ทำไมรูปร่างมันคุ้นๆ ตา ผมพยายามเงยหน้าขึ้นดู มือก็ผลักคนที่ซบอยู่ไปด้วย
ตัวหนาชะมัดผลักอย่างไรก็ไม่ขยับ
เฮ้ย!! นี่มันซัน ผมพยามมองดีๆ อีกครั้ง ซันจริงๆ ด้วยนี่หว่า
“เป็นอะไรหรือเปล่า” ผมถามซันออกไป ใช้มือทั้งสองข้างประคองลำตัวของซันเอาไว้
“นายเองเหรอ” ซันก้มหน้าลงมองผม ซันจำหน้าผมได้ครับถึงจะไม่รู้เคยทักหรือรู้จักชื่อผมก็เถอะ
“สงสัยจะเป็นไข้ว่ะ อยู่ดีๆ ก็เวียนหัวขึ้นมา”
“ให้เราไปเรียกเพื่อนให้ไหม” อ้าว! ซวยแล้ว ผมลืมคิดไปซันจะงงหรือเปล่าว่าทำไมผมรู้ว่าเพื่อนของซันอยู่แถวนี้
“หมายถึงให้เราโทรตามใครให้ไหม เอาโทรศัพท์มาสิ” ผมหาทางเอาตัวรอดจนได้
“ไม่ต้อง แต่ช่วยส่งข้อความให้เราหน่อยแล้วกัน” ซันหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ายื่นให้ผม
“ส่งที่กรุ๊ป deep blue sea ว่าไปไม่ได้แล้วธุระไม่เสร็จ”
“อื้อ” ผมรับโทรศัพทของซันมากดส่งข้อความให้ตามที่เจ้าตัวบอก
“ช่วยพยุงเราหน่อย”
“อื้อ” ผมจับแขนซันพาดบ่าก่อนโอบมือไปรอบเอวซัน หนักเหมือนกันครับเพราะซันทิ้งน้ำหนักมาพิงผมเต็มตัว
“ขับรถเป็นหรือเปล่า”
“เป็น”
“หยิบกุญแจรถในกระเป๋ากางเกงเรา แล้วขับไปส่งที่บ้านให้หน่อยได้ไหมเราขับไม่ไหว”
“ได้” ผมล้วงมือหยิบกุญแจรถออกมาจากกระเป๋ากางเกงซัน ใจเต้นไม่เป็นส่ำต้องพยายามบังคับตัวเองให้ดูเป็นปกติที่สุด
“เดินไปอีกหน่อยเราจอดรถถัดไปไม่ไกล”
“อื้อ”
ผมมองเห็นรถซันที่จอดอยู่ริมฟุตบาทจึงประคองซันให้เดินอ้อมไปทางเบาะฝั่งข้างคนขับ กดเปิดประตูและดูจนซันนั่งเรียบร้อย
ดีแล้วถึงเดินอ้อมไปขึ้นรถฝั่งคนขับ ผมสตาร์ทรถเตรียมจะขับออกไปแต่ซันพูดขึ้นมาเสียก่อน
“คาดเข็มขัดให้หน่อยสิ”
“อื้อ” ผมขยับตัวไปดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดให้ซัน ตอนคร่อมผ่านลำตัวหนาใจผมเต้นแทบไม่เป็นจังหวะ ผมไม่เคยใกล้ซันขนาด
นี้มาก่อนเลย หน้าผมห่างหน้าของซันแค่นิดเดียว
“รู้ได้ยังไงว่ารถเราคันไหน”
“หะ?” ผมสะดุ้งเฮือก แย่แล้วดันเผลอทำพิรุธออกไปจนได้
“ได้ยินแล้วน่าไม่ต้องทำเป็นไม่ได้ยิน”
“ก็..ก็เราเคยเห็นที่มหา’ลัย”
“เหรอ แต่คันนี้เราไม่เคยขับไปมหา’ลัยนะ”
“เรา..เราคงเคยเห็นที่อื่นมั้ง อาจจะเคยเห็นขับข้างนอก คงจำสถานที่ผิด” ผมหน้าซีดแล้วซีดอีก ทำไมทำอะไรไม่รอบคอบแบบนี้
“ไม่ถามเราเหรอว่าบ้านอยู่ไหน”
“หะ?” ดูเหมือนซันจะทำให้ผมตกใจได้เรื่อยๆ เล่นเอาผมหายใจไม่ทั่วท้องกลัวว่าจะทำอะไรพลาดออกไปอีก
“หึ คงรู้อยู่แล้วสินะ” คราวนี้ซันไม่ถามผมซ้ำ ผมหน้าแดงมากรู้สึกอายขึ้นมา ต้องตั้งสติให้ดีเมื่อกี้ไม่น่าดื่มเข้าไปเยอะเลย
“นอนพักก่อนไหม ถ้าใกล้ถึงแล้วเราปลุกขึ้นมาถามทางอีกที”
“พูดยาวๆ เป็นด้วยเหรอ”ผมหันไปมองหน้าคนนั่งข้างๆ ก็เห็นกำลังมองมาที่ผม
“เป็นสิ”
“นึกว่าคืนนี้ทั้งคืนจะได้ยินแต่อื้อ แต่ก็ยังดีนะดีกว่าที่ผ่านมา “
“หือ?” ที่ผ่านมาของซันหมายถึงเมื่อไหร่
“ขับไปเถอะ ไม่ต้องอยากรู้อยากเห็น”
“จะแวะหาหมอก่อนไหม”
“ไม่ เดี๋ยวถึงบ้านกินยาเอา”
“อื้อ”
“ที่บ้านไม่มีคนอยู่” ประโยคพูดลอยๆ ของซันทำให้ผมต้องละสายตาจากถนนไปมอง
“หือ?”
“บอกว่าที่บ้านไม่มีคนอยู่ เดี๋ยวช่วยพาเข้าบ้านหน่อยนะเดินไม่ไหว ไม่มีใครให้เรียกออกมาช่วย”
“ได้สิ”
ผมปล่อยให้ซันนอนพัก เมื่อเห็นว่าใกล้ถึงที่หมายแล้วผมจึงปลุกซันขึ้นมาถามทาง ความจริงผมรู้ว่าบ้านซันอยู่ไหนแต่คิดว่าถาม
เจ้าตัวเสียหน่อยน่าจะดูดีกว่า ซันขยับตัวปรับเบาะขึ้นมานั่งตัวตรงก่อนบอกทางผม ผมขับไปเรื่อยๆ ไม่ถึงสิบนาทีก็เข้ามาจอดใน
รั้วบ้านของซัน
ผมพยุงซันเข้ามานั่งในห้องรับแขก หันซ้ายหันขวาไม่แน่ใจว่าควรทำอะไรต่อดี
“งั้นเรากลับละนะ”
“เดี๋ยวสิ เรายังไม่ได้ทานข้าว ยาก็ยังไม่ได้ทาน” พูดแบบนี้คือซันอยากให้ผมจัดการให้หรือเปล่า
“ไม่มีแรง”
“อ๋อ เดี๋ยวเราช่วย”
“แม่ตุนของกินไว้ให้อยู่ในตู้เย็น เอามาอุ่นก็พอ”
“งั้นขอยืมครัวหน่อยนะ” ผมเดินไปเปิดตู้เย็น มองคร่าวๆ ก่อนหยิบโจ๊กออกมาอุ่น แม่ของซันคงเตรียมไว้ให้มื้อเช้าแต่ไม่สบาย
แบบนี้ทานของอ่อนๆ น่าจะดีกว่า
“ได้แล้ว” ผมวางชามโจ๊กลงตรงหน้าซัน
“ป้อนหน่อยทานไม่ไหว”
“ป้อน! ก็..ก็ได้” ผมหยิบช้อนขึ้นมาตักโจ๊กป้อนซัน มือผมแอบสั่นนิดๆ นี่มันเกินกว่าที่ผมจิตนาการไปเยอะมาก
“เดี๋ยวเช็ดตัวให้หน่อยนะ”
“หะ?”
“หะ อีกแล้ว จะหะอะไรนักหนา” ซันบ่นผมเบาๆ
“คือ.. อันนี้เราคงช่วยไม่ได้จริงๆ ซันทำเองเถอะ” ผมรีบปฏิเสธไม่กล้าหรอกครับ ขืนทำซันต้องจับความรู้สึกผมได้แน่ๆ
“รู้ชื่อเราด้วยเหรอ”
“ก็...ก็เคยได้ยินเพื่อนนายเรียก” แย่แล้ว ผมหลุดปากเรียกชื่อซันออกไปจนได้
“งั้นก็ถือว่าเป็นเพื่อนกันแล้วแค่นี้ช่วยเราไม่ได้เหรอ ถ้าไม่เช็ดตัวเราจะนอนไม่สบาย จะได้ลดความร้อนด้วย”
“ซันก็ดูพอไหวแล้วนี่ เดี๋ยวทานยาแป๊บเดียวก็ดีขึ้น”
“ไหวอะไรตัวยังร้อนอยู่เลย” ซันเอื้อมมาจับมือผมก่อนเอาไปวางแปะไว้บนหน้าผาก
“เห็นไหม”
“ไม่..ไม่เห็นร้อนเลย”
“ร้อนสิ ไม่งั้นจับตรงนี้” ซันจับมือผมสอดเข้าไปในเสื้อเชิ้ต วางทาบลงบนแผงอก ผมรีบชักมือออกหน้าแดงหูแดงไปหมด
“ยา..ยาอยู่ไหนเดี๋ยวเราหยิบให้ ไข้จะได้ลดเร็วๆ”
“อยู่ในตู้ยาตรงโน้นไง” ผมหันไปมองตามมือซัน รีบเดินไปหยิบก่อนรินน้ำใส่แก้วเดินถือกลับมา
“เอ้า ทานยา” ซันยื่นมือมารับ หย่อนยาลงคอแล้วกลืนน้ำตาม
“มานั่งนี่” เมื่อผมไม่ยอมขยับซันจึงพูดซ้ำ
“มาเร็ว” ซันตบมือลงข้างตัว ซันนั่งโซฟาตัวยาวที่ตั้งอยู่ตรงกลางส่วนผมผมนั่งบนโซฟาตัวเดี่ยวที่ตั้งอยู่ใกล้กัน
“ตรงนี้ก็ได้”
“บอกให้นั่งตรงนี้” ซันทำเสียงไม่พอใจแถมยังจะทำหน้าดุผมอีก
“จะมาไม่มา” เมื่อถูกเร่งเร้าผมจึงต้องย้ายตัวเองไปนั่งข้างคนป่วยที่โครตจะงอแง พอผมนั่งลงซันก็เลื่อนตัวลงนอนหนุนตัก ผม
ตกใจแทบช็อคเพราะตั้งตัวไม่ทัน
“เรา..เรากลับบ้านก่อนดีกว่า ดึกแล้วซอยบ้านซันเปลี่ยวเดี๋ยวเราออกไปไมได้”
“ไม่ได้ก็นอนนี่ พรุ่งนี้เราดีขึ้นจะไปส่ง”
“ซัน” ผมเรียกเสียงอ่อนใจในความดื้อดึงของอีกฝ่าย
“ เราต้องกลับจริงๆ ไม่ได้บอกแม่ไว้”
“ก็โทรบอกสิ โตแล้วแม่คงไม่ว่ามั้ง มหา’ลัยแล้วนะ” แม่ไม่ใช่ปัญหาหรอกครับ ผมโทรบอกได้ว่าค้างบ้านเพื่อน แต่ผมนี่แหล่ะตัว
ปัญหา จะอยู่เข้าไปได้อย่างไร
“ไม่ห่วงเราเหรอ เกิดคืนนี้เราไข้ขึ้นจะทำยังไงเราอยู่คนเดียวนะ”
“ว่าไงเน”
“หะ?” ผมตกใจเมื่อถูกเรียกชื่อ ทำไมซันถึงรู้จักชื่อของผม
“ก็ชื่อนี่ไม่ใช่เหรอ” คนที่นอนอยู่บนตักผมส่งยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้
“นั่งด้านหลังเราประจำไม่เบื่อบ้างหรือไง”
“รู้..รู้ด้วยเหรอ” ผมพูดตะกุกตะกักเริ่มรู้สึกถึงสัญญาณอันตรายบางอย่าง
“รู้สิ” ซันคว้ามือของผมไปวางไว้บนแผงอกก่อนเอามือตัวเองทาบทับไว้
“ชอบเราเหรอ”
“หะ? พ...พูด..พูดอะไร ไม่ใช่อย่างนั้นนะ” ผมพยายามดึงมือออก ถ้าหายตัวได้ก็อยากหายตัวไปเลยจะได้ไม่ต้องมานั่งอายอยู่
แบบนี้
ซันหัวเราะก่อนลุกขึ้นมานั่ง มือที่จับมือผมไว้ยังไม่ยอมปล่อย
“จริงเหรอ แน่ใจนะว่าไมได้ชอบเรา”
“ไม่..ไม่ได้..ไม่ได้ชอบ” ผมก้มหน้างุด ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาสบตาซัน แต่ซันเอามือมาดันคางผมให้เงยขึ้น
“มองตาเราด้วยสิแล้วลองพูดใหม่ ชอบเราหรือเปล่า”
“ไม่..คือ..อื้อ..เรา..เราชอบ” พอมองตาคู่นั้นแล้วผมปฏิเสธไม่ได้ครับ ได้แต่บอกความจริงออกไป
“ก็แค่นี้แหละ” ซันดึงผมเข้าไปกอด
“ช้าเป็นเต่าเลยนะเน ซันรอให้เนเข้ามาทักตั้งนานแล้วเอาแต่มองอยู่นั่นแหละ"
“ซัน..ซันรู้ด้วยเหรอ” ซันหัวเราะใหญ่เลยครับ เอามือเขกหัวผมเบาๆ
“มองซะขนาดนั้นใครไม่รู้ก็โง่แล้ว เนตามซันออกจะบ่อยไป ไปไหนก็เห็น ไปเชียร์ซันว่ายน้ำทุกแมท แข่งที่ไหนก็ไป แถมเอา
ขนมไปวางไว้ให้หน้ารถตลอด” ผมเขินมากครับ สรุปตลอดเวลาที่ผมทำเก๊กคือถูกซันจับได้ตั้งนานแล้วใช่ไหม
“รู้แล้วทำไมไม่พูดอะไรเลยล่ะ”
“ก็กลัวเนอายแบบนี้ไง” ซันเอามือมาหยิกแก้มผม
“ก็เลยจะให้เวลาเน คิดว่าเนพร้อมก็คงบอกเองแต่ไม่ไหวเลยนะเรา ช้าจนซันทนรอไม่ไหวแล้วอยากกอดเต็มที”
“กะ...กอดเหรอ” ผมทวนคำซันซ้ำสีหน้างงงวย กอด? ซันหมายถึงอะไร ทำไมถึงอยากกอดผม
“หรือว่า?” ผมตาโตเมื่อสมองประมวลผลสำเร็จ หรือว่า..ซันก็ชอบผม!!
“จะ..จริงเหรอซัน” ผมละล่ำละลักถาม ซันพยักหน้ารับ สายตาที่มองตรงมาอบอุ่นและอ่อนโยน
“ชอบมาตั้งนานแล้ว พอรู้ว่าถูกมองแรกๆก็แค่มองกลับ หลังๆ ก็เริ่มมองหา ตอนนี้เลยมองอย่างเดียวไม่พอ”
“เนไม่ได้ฝันไปใช่ไหม..โอ๊ย!! ซันทำอะไร” ผมคลำแขนตัวเองป้อยๆ หยิกลงมาได้
“ทดสอบให้เนไงครับว่าไม่ได้ฝันไป”
“เดี๋ยวนะ ไหนเมื่อกี้บอกไม่มีแรง” ผมมองคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า ท่าทางร่าเริง ยิ้มกว้าง นั่งหลังตรง ไม่มีท่าทีอ่อนระโหยโรยแรง
เหมือนตอนเข้ามาสักนิด
“ซัน!!” ผมขึ้นเสียงสูงเมื่อรู้ตัวแล้วว่าโดนหลอกแน่ๆ
“ก็บอกแล้วว่าเนช้าไม่ทันใจซัน” ซันยักคิ้วให้ผม รอยยิ้มกว้างแฝงไว้ด้วยความเจ้าเล่ห์
“ตอนเจอกันซันกำลังจะเดินไปที่ร้าน เห็นเนเดินอยู่พอดีเลยเข้าทาง”
“นี่แหน่ะ! เข้าทางเหรอ” ผมใช้มือตีซันไม่ยั้ง ทั้งอายทั้งเขินทั้งโมโห
“โอ้ย! พอแล้วเน” ซันรวบมือผมไปไว้ข้างหลังก่อนก้มหน้าลงมาจุ๊บปากผมเร็วๆ หนึ่งที เป็นวิธีห้ามที่ได้ผลชะงักนักเพราะผมนิ่ง
สนิทไปเลย
“ทำร้ายร่างกายแฟนเหรอ”
“แฟน?”
“ใช่ เนเป็นแฟนซันแล้ว เป็นมาตั้งปีกว่าไม่รู้ตัวเลยหรือไง”
“โอ้ย! ทำไมซันถึงร้ายแบบนี้ เนชอบคนผิดหรือเปล่า” ผมโอดครวญเมื่อโดนอีกฝ่ายต้อนเอาๆ
“คิดได้ตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วล่ะเน" ซันลุกขึ้นยืน แล้วจู่ๆ ก็ก้มตัวลงมาช้อนผมขึ้นอุ้มแบบไม่ให้ซุ่มให้เสียง
“ซันง่วงแล้ว ไปนอนกันเถอะ" ดูเหมือนคนดื้อจะคิดทุกอย่างไว้ในหัวหมดแล้วโดยไม่ปรึกษาผมสักคำ แต่ผมไม่คิดจะห้ามหรอก
ครับ ก็ผู้ชายคนนี้คือคนที่ผมแอบหลงรักและเฝ้ามองมาตั้งนาน ทำไมผมถึงจะไม่อยากอยู่กับเขาล่ะ
"ไม่ต้องห่วงสัญญาว่าคืนแรกจะกอดอย่างเดียว” ซันทำท่าขึงขังประกอบคำพูดเพื่อให้ผมเชื่อถือ
“แต่..ขอหอมนิดนึงนะ”
“แล้วก็ขอจูบนิดนึงด้วย”
“ แล้วก็ขอ...” ผมเหนี่ยวคอคนพูดมากลงมาจนปากประกบปาก แบบนี้จะได้เลิกขอโน่นขอนี่เสียที
“อืม คิดไม่ออกแล้ว แค่นี้ก่อนละกัน” ซันงึมงำก่อนก้มลงมาปิดปากผมอีกครั้ง คราวนี้เนิ่นนาน
ผมไม่อยากเชื่อเลยว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความฝัน แต่ริมฝีปากที่ยังแนบชิดตอกย้ำผมว่ามันเป็นความจริง เฮ้อคิดๆ ไปแล้ว
ผมคงเป็นเต่าอย่างที่ซันพูดจริงๆ ถึงปล่อยให้ความรักครั้งนี้เนิ่นนานมาถึงสองปีโดยไม่ลงมือทำอะไรเลย
แต่จะว่าไปแล้วถ้าผมเป็นเต่าอย่างที่ซันพูด คนที่จูบผมอยู่ตอนนี้คงเป็นกระต่ายสินะ กระต่ายไวไฟเสียด้วย ขอบคุณนะซัน
ขอบคุณที่เป็นคนเดินเข้ามาทำให้เต่าช้าๆ ตัวนี้สมหวังกับเขาเสียที
.......................END.......................