-1-
“พี่กีล์คะ ขิมมาเปลี่ยนแล้วค่า”
ผมถอดผ้ากันเปื้อนของร้านออกแล้วหันไปทักทายน้อง วันนี้ผมเข้ากะเช้าแทนคนที่ขาด คิดไว้ว่าจะไปเดินเล่นเพราะอากาศกำลังเย็นสบาย นานๆผมจะมีเวลาว่างแบบนี้สักทีก็น่าจะใช้ให้คุ้มหน่อย ช่วงปิดเทอมพวกผมแบ่งเวลากันแบบเดิมทุกวันคือผมทำกะค่ำสุด ช่วงเช้าก็เอาแต่นอน แต่เดี๋ยวเปิดเทอมเมื่อไหร่ พอพวกเด็กๆที่กลับบ้านมาทำงานคงได้แบ่งเวลากันใหม่ทั้งหมด
กิ๊ง
ผมที่กำลังยกกระเป๋าสะพายพาดบ่าหยุดชะงักเมื่อเห็นลูกค้าหน้าตาคุ้นเคยเดินเข้ามา
“เรย์?”
เจ้าของชื่อที่กำลังกดโทรศัพท์หยุดมือก่อนจะเงยหน้าขึ้นมอง
“ไอ้กีล์!” มันเดินมาหาผม ยิ้มจนตาปิด “ทำไมมาทำรอบนี้ได้วะ”
“พอดีมีคนลาช่วงเช้า นี่กูก็กำลังจะเลิกเลย”
เรย์เป็นเพื่อนปีสี่คณะเกษตรที่ผมรู้จักตั้งแต่ตอนประกวดเดือนมหา’ลัยปีหนึ่ง เพราะมันเป็นตัวแทนคณะมาประกวดเหมือนกัน จำได้ว่ามันเป็นคนดูแลการแสดงของพวกดาวเดือนปีนี้
“เออดี มึงพักผ่อนบ้างเหอะ กูเห็นทำงานทุกวัน ไม่เหนื่อยบ้างเหรอวะ”
“กูก็มีเวลาพักน่า…”ผมยิ้มนิดๆเมื่อเห็นมันทำหน้าเหมือนไม่เชื่อเสียเต็มประดา “แล้วมึงมาทำอะไร ไม่ต้องดูแลน้องหรือไง”
“เออใช่…วันนี้พวกที่คุมงานมันจะเลี้ยงน้องกัน แต่จะเลี้ยงแค่เล็กๆน้อยๆก่อน ไว้งานผ่านไปเมื่อไหร่ค่อยเลี้ยงใหญ่อีกที กูเลยจะมาสั่งของร้านมึงไปให้น้องกินตอนพักนี่ล่ะ”
ผมพยักหน้าเข้าใจแล้วรับกระดาษรายการมาจากมัน เห็นรายการของกว่าสามสิบรายการแล้วก็รู้สึกว่าดีจริงๆที่ยังไม่กลับ ไม่งั้นขิมคงเป็นลมแน่
นุ้งเรย์ รับโทรศัพท์ด้วยค่ะ นุ้งเรย์ รับโทรศัพท์ด้วยค่ะ
ผมที่กำลังจัดการกับเครื่องดื่มในลิสต์ถึงกับกลั้นขำเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ซึ่งเจ้าของโทรศัพท์มันก็กำลังรีบคุ้ยกระเป๋าหาต้นเสียงอย่างลนลาน
เสียงที่ดังจากโทรศัพท์ไอ้เรย์คือเสียงผู้ชายที่ดัดจนเหมือนผู้หญิง คงเป็นเพื่อนมันที่เอาไปเปลี่ยนตอนมันไม่รู้ตัวแน่ๆ
“เดี๋ยวนี้เลยเหรอวะ….เออๆ….เออ…ได้…เจอกัน”
ผมเลิกคิ้วเมื่อเรย์มันลุกขึ้นสะพายกระเป๋าแล้วเดินมาหา
“อีกนานปะวะมึง พอดีกูโดนเรียกตัวด่วนว่ะ”
ผมก้มลงมองรายชื่อที่ถูกขีดค่าแล้วก็พยักหน้าให้มัน
“พอควรว่ะ”
“งั้นกูวานมึงไปส่งที่ที่ซ้อมให้ทีได้เปล่าวะ หอประชุมใหญ่อะ พวกมันกำลังซ้อมเดินกันอยู่ ไหนๆก็ไหนๆมึงก็แวะเข้าไปโชว์ตัวซะหน่อย”
ผมเห็นหน้าหงอยๆของมันแล้วก็ปฏิเสธไม่ลงเลยได้แต่พยักหน้ารับไป จริงๆผมก็คิดว่าจะไปเดินเล่นอยู่แล้ว แค่แวะไปส่งก็ไม่ได้เสียหายอะไร
“ขอบใจมากนะเว้ยกีล์!” มันยกมือไหว้ผมลวกๆแล้ววิ่งออกจากร้านไปอย่างรวดเร็ว
ผมได้แต่ขำอยู่กับขิงกับความดี๊ด๊าของมัน หลังบอกให้ขิงแยกไปจัดการเอาเค้กใส่กล่อง ผมก็หันมาสนใจลิสต์เครื่องดื่มที่เหลืออีกแค่สองสามรายการที่แตกต่างจากคนอื่น
ลาเต้เย็นเพิ่มหวาน+เค้กส้ม
ชาเขียวเย็น+เค้กส้ม
นมอุ่น+เครปเค้ก
หืม..
ผมกระพริบตา คิดว่ามองตัวหนังสือจนตาลาย แต่ไม่ว่าจะมองอย่างไรมันก็ยังเป็นคำๆเดิม
นมอุ่น…กับเครปเค้ก
“พี่กีล์ยิ้มอะไรคะ”
ผมมองหน้าขิมอย่างงงๆ เพราะไม่รู้เลยว่าริมฝีปากของผมมันขยับเป็นรอยยิ้มตั้งแต่เมื่อไหร่
ผมจอดรถมอ’ไซต์ของร้านกาแฟที่พี่แก้วทิ้งไว้ให้ไว้หน้าหอประชุม ก่อนจะปลดเชือกที่คล้องลังพลาสติกซึ่งใส่บรรดาน้ำและขนมเอาไว้ออก
หนักแต่พอไหว
กว่าจะยกลังเข้าไปด้านในหอประชุมได้ก็เล่นเอาปวดแขน ผมวางลังไว้ชิดผนังทางเข้าโดยพยายามไม่ให้มีเสียงเมื่อเห็นว่าพวกเด็กปีหนึ่งกำลังนั่งหันข้างให้ผมฟังพวกปีสองพูดอยู่ ที่แห่งนี้รวมตัวพวกดาวเดือนปีหนึ่งทุกคณะเอาไว้ แล้วก็มีพวกดาวเดือนปีสองคอยดูแล ส่วนพวกปีสามปีสี่ก็มีแต่ไม่ได้เข้าไปยุ่งเท่าไหร่ เหมือนจะนั่งมองเฉยๆมากกว่า
พวกปีสามที่นั่งอยู่รอบนอกเริ่มเห็นผมแล้วยกมือไหว้ ส่วนพวกปีสี่ก็หันมายกมือทักทายเงียบๆ ซึ่งผมก็พยักหน้ารับยิ้มๆโดยไม่พูดอะไร เริ่มรู้สึกว่าตัวเองแก่ไม่น้อยก็ตอนเห็นรุ่นน้องแล้วตัวเองโตสุดนี่ล่ะ
“อีกแค่ไม่กี่วันก็จะถึงวันจริงแล้ว พี่อยากให้น้องๆตั้งใจมากกว่านี้นะ”เสียงจินเดือนมหาลัยปีสองเป็นเสียงเดียวท่ามกลางความเงียบของหอประชุมขนาดใหญ่ บรรยากาศดูกดดันจนผมอดสงสารน้องๆไม่ได้
ผมยืนพิงผนัง กวาดสายตามองบรรดาเด็กปีหนึ่งที่นั่งอยู่เงียบๆ แต่แล้วก็ต้องหลุดขำเบาๆเมื่อเห็นร่างคุ้นตาของคนๆหนึ่งที่กำลังหาวออกมาและทำท่าเหมือนจะหลับได้ทุกเวลา
“อ๊ะ!พี่กีล์ สวัสดีค่ะ”
ผมสะดุ้งเมื่อเจนดาวมหาลัยปีสองที่ยืนอยู่ข้างๆจินหันมายกมือไหว้ ทำเอาทุกสายตาในหอประชุมหันตามมากันจนหมด
“ปีหนึ่งคะ นี่พี่กีล์เดือนมหาลัยปีสี่ค่ะ”
“สวัสดีครับ/สวัสดีค่ะ”รุ่นน้องยกมือไหว้แล้วประสานเสียงกันพร้อมเพรียงจนผมรับไหว้แทบไม่ทัน
ผมมองเห็นความอ่อนล้า รวมถึงการอ้อนวอนจากสายตาเด็กปีหนึ่งทุกคนอย่างชัดเจน ท่าทางคงยังไม่ได้พักหรือกินอะไรเลยแน่ๆ ยิ่งสายตาของเด็กปีหนึ่งที่นั่งอยู่หลังสุดนั่น แม้ไม่ได้อ้อนวอนเหมือนคนอื่นแต่ก็มองมาที่ผมนิ่งงันไม่ละสายตา จะให้ทำเฉยต่อก็แลดูจะใจร้ายเกินไปหน่อย
“พี่เอาของมาส่ง ยังไงก็ให้น้องพักก่อนดีกว่านะ”ผมยิ้มให้คนที่สบสายตาอยู่ ก่อนจะขยับสายตาไปมองจินที่ยืนปรึกษากับพวกปีสองอยู่ด้านหน้า
“ได้ครับพี่กีล์”จินรับคำก่อนจะหันไปหาพวกน้องปีหนึ่งอีกครั้ง “พี่จะให้เวลาพวกเราพักหนึ่งชั่วโมงนะครับ ตอนบ่ายสามเรามานั่งรวมกันตรงนี้อีกที พี่ไม่ค่อยอยากให้น้องออกจากบริเวณนี้เท่าไหร่ ยังไงถ้าเป็นไปได้ก็พักในนี้นะครับ พวกพี่เตรียมอาหารว่างไว้ให้แล้ว”
พวกปีสองเดินเข้ามาหาผมก่อนจะยกลังไปวางไว้ด้านหน้า แล้วหยิบน้ำกับเค้กออกมาแจกน้องๆที่ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที ทุกคนหันมาไหว้ผมแล้วส่งเสียงขอบคุณกันยกใหญ่
ผมมองป้ายห้อยคอน้องแต่ละคนแล้วก็สังเกตได้ว่ามันดูแตกต่างกัน…น่าจะตามคณะ ของคนที่ผมมองอยู่เป็นรูปโน้ตดนตรีและมีชื่อเขียนไว้ตรงกลางว่า ‘โซโล่’
และตอนนี้เด็กนั่นกำลังขมวดคิ้วด้วยหน้านิ่งๆ ตามองซ้ายมองขวาดูเพื่อนที่มีน้ำกับเค้กคนละชุดแล้วก้มมองด้านหน้าตนเองที่ว่างเปล่าไม่มีอะไรสักอย่าง
ผมกลั้นขำจนเมื่อยแก้มเมื่อเห็นหน้าตาเหมือนเด็กถูกขัดใจของอีกฝ่าย ไม่รู้ทำไมเวลาผมมองเขาแล้วนึกถึงหมาไซบีเรียนฮัสกี้ทุกที
แต่ถ้าแกล้งนานกว่านี้สงสัยผมจะโดนเจ้าตัวฆ่าหมกหอประชุม
ผมเดินเข้าไปหาเดือนดุริยางค์ปีหนึ่งที่นั่งรวมเป็นวงกลมวงใหญ่กับเด็กปีหนึ่งคนอื่นๆ ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งด้านหลังเขาท่ามกลางสายตาใคร่รู้ของทุกคนที่ผมไม่ได้ใส่ใจนัก
โซโล่หมุนตัวหันมาหาผม เขาไม่ได้พูดอะไรนอกจากนั่งมองหน้าผมเงียบๆ
“มองพี่แบบนั้นทำไมครับ”ผมยอมแพ้แล้วเป็นฝ่ายทำลายความเงียบก่อน
“ทำไมผมไม่ได้อาหาร”
ให้ตายเถอะ…ท่าทางของเขาเหมือนฮัสกี้ที่รออาหารจริงๆนะ
“นี่ไม่รู้จริงๆเหรอว่าร้านพี่ไม่มีนมอุ่นขายนะครับ”ผมมองเห็นความประหลาดใจในดวงตาคู่นั้นครู่หนึ่ง ก่อนที่เจ้าตัวจะกลับไปขมวดคิ้วเหมือนเดิม
หลังจากจ้องกันไปมาอยู่สักพักผมก็เลิกแกล้ง มือหยิบขวดเก็บความร้อนออกมาเปิดฝาแล้วเทนมที่ยังอุ่นอยู่ใส่ฝาตั้งไว้ตรงพื้นด้านหน้าเขา พร้อมกับหยิบกล่องเค้กที่ถือแยกไว้ตั้งแต่ตอนแรกมาวางไว้ข้างๆกัน
ผมแอบยิ้มกับท่าทางของโซโล่ ถึงหน้าจะนิ่งและคิ้วก็ไม่ขมวดแล้ว แต่ผมเห็นประกายตาวิบวับเหมือนถูกใจนั่นชัดเจน
“นี่มันสิทธิพิเศษเลยนะเนี่ย”
ผมลุกขึ้นยืน ไม่ได้พูดอะไรเมื่อเห็นสายตาคมเบือนจากเครปเค้กมามองแทบจะทันทีที่ผมพูดจบ และคงเพราะสายตานั้นมันน่าเอ็นดูเสียเหลือเกิน ผมเลยอดใจไม่ไหวต้องยื่นมือไปลูบหัวเขาเบาๆ
“ตั้งใจซ้อมนะครับ”
Admin Page Cute:
ทำไมฉันได้รับรูปนี้ตอนที่มันผ่านมาสามวันแล้ว นี่มันอาร๊ายยยย นี่มันเปิดตัวหรือเปล่าคะ อะไรคือการที่พี่กีล์เดือนมหาลัยปีสี่สุดหล่อผู้ไม่เคยโผล่มาร่วมดูแลการประกวดเพราะติดงานที่ K โผล่มาแล้วเอาขนมมาเสิร์ฟน้องๆ แต่ที่พีคกว่านั้นคือ!
มีเมนูพิเศษมาให้น้องโซโล่เดือนดุริยางค์ปีหนึ่ง แถมยังเอาไปให้เองกับมือด้วย และที่ยิ่งกว่านั้น! อะไรคือการที่ลูบหัวน้องแล้วบอกว่า ‘ตั้งใจซ้อมนะครับ’ โอ๊ยยยยย กรี๊ดหนักมากกกกกกกกกกกก
คู่นี้มีอะไรแน่นอนนนนนน ติดตามรัวๆ แต่เจ๊เชียร์ #โซโล่กีล์ นะคะ อ๊ายยยย
*แนบรูปภาพ กีล์ยืนยิ้มลูบหัวโซโล่ที่เงยหน้ามอง
3.5kถูกใจ 1.1k ความคิดเห็น
บิวตี้ เซ็กซี่ซูซ่า :
พี่กีล์อบอุ่นมากค่ะ ยิ้มตลอดเลยน่ารักมากกกกกกกก น้องโซโล่หน้านิ่งก็ดูฮอตสุดดดดด โอ้ยเชียร์ค่ะเชียร์ #โซโล่กีล์
110ถูกใจ 16ความคิดเห็น
ABC ยกทรงชั้นดีมีมาตราฐาน:
ฉันว่าแล้ววววววววววว เมื่อวานตอนกลางคืนทำงานอยู่คณะจนดึก ตอนกำลังกลับเดินผ่าน K เลยมองเข้าไปในร้านเห็นพี่กีล์เช็ดโต๊ะอยู่ กำลังคิดว่าจะเข้าไปทักแต่มันเลยเวลาปิดร้านแล้ว กลายเป็นว่าน้องโซโล่เดินเข้าไปค่า แล้วอะไรคือการเดินเข้าไปนั่งตอนร้านปิดแล้ว พี่กีล์ก็เอาอาหารมาเสิร์ฟแล้วยิ้มแย้มสดใสมาก นี่คือมารอกันใช่ไหมตอบบบบบบบบบบ #โซโล่กีล์ with @มิวมิว สาววายจงเจริญ @Giff Sirirat
102ถูกใจ 68ความคิดเห็น
“พี่กีล์ เรื่องนี้มันยังไงคะ บอกขิมมาเลยนะ”
“ก็ไม่มีอะไรนี่…ขิมกลับได้แล้ว เย็นแล้ว”ผมโบกมือไล่ ทำทีเป็นไม่สนใจแล้วลงมือเช็ดโต๊ะต่อ
“โหพี่กีล์…ตอนนี้ใครๆก็พูดถึงเรื่องนี้นะ รู้งี้วันนั้นขิมไปด้วยก็ดี”ขิมบ่นเสียงกระเง้ากระงอด ซึ่งผมก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะคิดว่ามันก็ดูน่ารักสมวัยดี
“ไม่มีอะไรหรอกน่า กลับหอได้แล้ว”
“ค่า กลับก็กลับ แต่ว่าถ้าเขามาอีกพี่กีล์อย่าลืมขอถ่ายรูปส่งมาให้ขิมนะ”
“นี่ยังไม่ได้ตำแหน่งก็ดังซะแล้วเหรอ”ไม่รู้ว่าถ้าเจ้าตัวมารู้ว่ามีคนตามกรี๊ดแม้แต่ตอนยังไม่ได้เปิดตัวบนเวทีจะทำหน้ายังไง…แต่ถ้าให้เดาคงไม่พ้นหน้าตายเหมือนเดิม
“นี่พี่กีล์ไม่รู้เลยเหรอคะว่าโซโล่ดังมากเลยนะ ตั้งแต่วันที่มารายงานตัวพวกรุ่นพี่ก็เอาไปพูดกันปากต่อปากไม่หยุดเลย คนอะไรหล่อแบดบอยสุดๆ ยิ่งทำท่าทางนิ่งๆนะ ขิมกรี๊ดมาก แล้วนี่มามีข่าวลงเพจใหญ่คู่กับพี่กีล์คนเลยยิ่งรู้จักเข้าไปใหญ่”
ขิมทำหน้าเพ้อไม่หยุดจนผมต้องเดินเข้าไปดันตัวสาวเจ้าออกจากร้าน ถ้าปล่อยให้หายเพ้อก่อนสงสัยคงได้อยู่ยาวกันจนถึงเช้า
“เดี๋ยวถ้าวันนี้มาพี่จะขอถ่ายรูปแล้วส่งไปให้นะ กลับไปได้แล้ว”
“ถ้าวันนี้ขิมไม่ได้รูปนะ ขิมจะเอาเบอร์พี่กีล์ไปแจกในเว็บ บายค่า!”
ผมขนลุกแทนจะทันทีที่ได้ยินคำขู่ของขิม ไม่ต้องบอกก็พอรู้ว่าเว็บที่ว่ามันคือเว็บอะไร
22.15น.
เลยเวลาร้านปิดมาสิบห้านาที…ป้ายหน้าร้านก็เปลี่ยนเป็นปิดแล้ว ผมจัดการทำความสะอาดทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว แต่ก็ยังเปิดไฟในร้านนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่หน้าเคาน์เตอร์
ที่ยังไม่ไปไหนเพราะมักจะมีเด็กปีหนึ่งตัวสูงคนหนึ่งที่ชอบมาหลังเวลาร้านปิด บางทีก็หลังร้านปิดสิบนาทีหรือสิบห้านาที เขามักจะเดินเข้ามานั่งที่เดิม มองหน้าผมเงียบๆ รอจนผมเอานมอุ่นมาให้แล้วก็ยกขึ้นดื่มอย่างรวดเร็วก่อนจะเดินออกไปรอนอกร้าน พอผมปิดร้านเรียบร้อยเขาก็จะเดินตามเงียบๆไปจนถึงหน้าหอผม รอจนผมเดินขึ้นหอแล้วถึงจะหันหลังเดินไปอีกทาง
ตั้งแต่วันที่ผมเอาของไปให้พวกเด็กที่ซ้อมดาวเดือนวันนั้นผมก็ไม่ได้แวะไปที่นั่นอีก แต่กลายเป็นว่าเจ้าเด็กนี่กลับมาหาผมทุกวันหลังจากเวลาร้านปิดตลอดห้าวันที่ผ่านมา
แต่ตอนนี้…
22.40น. แล้วก็ยังไม่มา สงสัยวันนี้คงไม่มาแล้ว…
ผมลุกขึ้นบิดขี้เกียจก่อนจะปิดร้านให้เรียบร้อยแล้วเดินกลับหอคนเดียว รู้สึกแปลกหน่อยๆเพราะเริ่มชินกับการมีอีกคนเดินตามมาส่งเงียบๆ
หลังจากอาบน้ำอะไรเรียบร้อยแล้วและนอนเล่นอยู่สักพัก ผมก็นึกขึ้นได้ว่าต้องบอกขิมเรื่องที่โซโล่ไม่ได้มาที่ร้านวันนี้ แต่…
ดูเหมือนผมจะลืมโทรศัพท์ไว้ที่ร้าน
รู้ตัวอีกทีก็เดินตามทางมาหยุดอยู่หน้าร้านเสียแล้ว ผมตกใจจนเกือบสบถออกมาเมื่อเห็นเงาร่างสูงของคนที่นั่งเกาแขนอยู่หน้าร้าน
ผมขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิดใจ รีบก้าวเท้าไวๆไปหยุดอยู่ตรงหน้าคนที่นั่งอยู่ เขาเงยหน้าขึ้นมองด้วยใบหน้านิ่งๆเหมือนเคย แต่ผมที่สังเกตใบหน้าของเขามาตลอดหลายวันที่ผ่านมามองเห็นความอ่อนล้าบนนั้นชัดเจน
ผมดึงแขนโซโล่ให้ลุกขึ้นยืน ซึ่งก็ไม่ได้รับการต่อต้านแต่อย่างใด เขาเดินตามแรงจูงของผมเข้ามาในร้านอย่างว่าง่าย และนั่งลงที่เดิมที่ประจำของเขา
23.59น.
ผมมองนาฬิกาแล้วพ่นลมหายใจออกมาเพื่อบรรเทาอาการหงุดหงิดในใจ มือก็รีบคุ้ยลิ้นชักหาของที่ต้องการแล้วเดินมานั่งข้างๆคนที่ไม่ยอมพูดอะไรสักอย่าง ผมเปิดตลับยา ดึงแขนข้างหนึ่งของเขาเข้ามาใกล้ๆแล้วลงมือทายาตามตุ่มแดงๆที่ขึ้นบนนั้น
ไม่รู้ว่าการทายาใช้เวลาไปนานแค่ไหน แต่รู้ตัวอีกทีผมก็รับรู้ได้ถึงแรงกดเบาๆตรงหว่างคิ้วจนต้องเงยหน้ามองเจ้าของนิ้วอย่างงุนงง
“ทำไมถึงขมวดคิ้ว”
พอได้ยินอย่างนั้นผมก็ขมวดคิ้วฉับในทันทีแล้วจ้องหน้าอีกฝ่ายนิ่งงัน
“นั่งอยู่อย่างนั้นมานานแค่ไหนแล้ว”
“ตั้งแต่เลิกซ้อม”
“นานแค่ไหนครับ”ผมถามซ้ำเมื่อไม่ได้คำตอบที่ต้องการ
โซโล่เหลือบตาขึ้นมองนาฬิกาที่ผนังร้าน ก่อนจะเบือนมามองผมเช่นเดิม
“ชั่วโมงกว่า”
แสดงว่าเขามาตอนที่ผมกลับพอดีสินะ
“แล้วทำไมนั่งรอแบบนั้น ร้านปิดไฟอะไรเรียบร้อยก็แสดงว่าพี่กลับไปแล้ว แล้วทำไมเรายังนั่งอยู่อีก”นี่คือสิ่งที่ผมสงสัยจนต้องแสดงอาการหงุดหงิดออกมา ทำไมเขาถึงนั่งให้ยุงกัดอยู่แบบนั้นทั้งที่ก็เห็นว่าผมไม่ได้อยู่ในร้านแล้ว
“…”
“ว่าไงครับ”ผมถามซ้ำเมื่ออีกฝ่ายเอาแต่จ้องหน้าโดยไม่ยอมพูดอะไร
“ผมอยากทานนม…”
ผมถอนหายใจเมื่อได้ยินคำตอบ วางตลับยาลงบนโต๊ะแล้วมองหน้าเขาด้วยสายตาจริงจัง
“นมนั่นมันก็แค่นมธรรมดา ถ้าอยากทานก็หาซื้อแล้วเอาไปอุ่นก็ทานได้แล้ว พี่ไม่ได้ใส่อะไรพิเศษลงไปเลยสักนิด อีกอย่างถ้าอยากทานรอพรุ่งนี้เช้าหรืออะไรก็ได้นี่ครับ ไม่จำเป็นต้องมานั่งให้ยุงกัดไปหมดแบบนี้ นี่ถ้าพี่ไม่กลับมาจะนั่งรอไปจนถึงเช้าเลยหรือไง”ผมมองเด็กตรงหน้าที่ไม่ยอมละสายตาไปจากหน้าผมเสียทีแล้วขมวดคิ้วมากกว่าเดิมเพื่อให้รู้ว่าผมไม่พอใจ
“ไม่เหมือนกัน”
“อะไรที่ว่าไม่เหมือนครับ”
“นม…ผมลองแล้ว กินของคนอื่นไม่เห็นหลับสบายเลย”
ผมกระพริบตาปริบๆ ลืมวางมาดดุไปชั่วขณะ
“กลับไปก็นอนไม่หลับอยู่ดี นั่งรอจนถึงเช้าเลยก็ค่าเท่ากัน”คำตอบที่ได้ยินทำให้ผมชะงัก ผมไม่เข้าใจจริงๆว่าอะไรทำให้เด็กคนนี้ละเลยสุขภาพตัวเองถึงขนาดนี้
“รอนี่ก่อน”ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินไปที่ตู้เย็นแล้วหยิบนมออกมา จัดการทำให้อุ่นเหมือนทุกครั้งแล้วเอาใส่แก้วไปวางไปตรงหน้าโซโล่
เขายกมันขึ้นดื่มเงียบๆโดยไม่พูดอะไร ผ่านไปสักพักผมก็หยิบแก้วเปล่าไปวางแช่น้ำไว้ที่อ่างแล้วเดินกลับมานั่งที่เดิม
“เอาเฟส ไลน์ แล้วก็เบอร์โทรให้พี่”ผมยื่นโทรศัพท์ไปให้โซโล่ ซึ่งเขาก็รับไปจัดการโดยไม่ถามอะไรสักคำ “ทีหลังมีอะไรก็ติดต่อพี่ เข้าใจไหม”
คนฟังพยักหน้าอย่างว่าง่าย
“ต่อไปถ้ามันดึกพี่คงรอไม่ได้ เราพักอยู่คอนโดZ ใช่ไหม”จำได้ว่าผมเคยถามเขาระหว่างเดินกลับว่าพักอยู่ที่ไหน คอนโดที่ว่าอยู่ห่างจากหอผมไปพอควร เป็นคอนโดของคนมีฐานะที่ผมไม่เคยเหยียบเข้าไป โซโล่บอกว่าเขาเดินกลับ ซึ่งทำให้ผมประหลาดใจพอควรเพราะมันไม่ใช่ระยะทางใกล้ๆเลย
“ครับ”
“ต่อไปถ้าเห็นร้านปิดให้ไปหาพี่ที่หอแล้วติดต่อมา พี่จะเอานมลงไปให้”
โซโล่ไม่พูดอะไรแต่ยิ้มออกมา ซึ่งรอยยิ้มจางๆที่ได้เห็นเป็นครั้งแรกทำเอาผมรู้สึกแปลกๆจนต้องเบนสายตาไปที่อื่น
“แล้วคอนโดอยู่ไกลขนาดนั้นทำไมถึงไม่ขับรถมา”ผมมั่นใจว่าเขาต้องมีรถโดยไม่ต้องถาม แน่สิ…ดูจากเสื้อผ้าลำลองธรรมดาที่อีกฝ่ายใส่มามหา’ลัยแต่ละวันก็รู้แล้ว ไหนจะรองเท้า นาฬิกา หมวก หรือแว่นกันแดดที่ชอบห้อยไว้ที่คอเสื้ออีก แล้วยิ่งเห็นท่าทาง หน้าตา ผิวกับลุคของเขาก็ยิ่งทำให้มั่นใจเข้าไปอีกว่าเขาต้องมีฐานะไม่ธรรมดาแน่นอน
“พี่อยากให้ผมขับรถ?”โซโล่เอียงคอเล็กน้อยเป็นเชิงถาม
“ก็คงเป็นแบบนั้น เลิกดึกทุกวันแถมมันก็ไกลขนาดนี้…เดินกลับเองก็อันตราย พี่ว่าถ้ามีรถเอามาขับกลับเองน่าจะดีกว่านะครับ”
ผมขยับตัวอย่างอึดอัดเล็กน้อยเมื่อไม่ได้รับคำตอบอะไรกลับมา
“แต่ถ้าไม่อยาก….”
“ผมจะขับมา…”
ผมกลั้นหายใจเมื่อคนหน้านิ่งยื่นมือมาหา จวบจนปลายนิ้วนั่นสัมผัสมุมปากผมเบาๆ ก็แทบลืมหายใจ
“…เพราะงั้นยิ้มนะครับ”
ไม่รู้ว่าเพราะเสียงนั้นมันมีอะไรพิเศษหรือเปล่า ผมถึงได้ขยับยิ้มตามคำพูดของเขาอย่างว่าง่าย รู้ตัวอีกทีก็ขยับมือไปลูบหัวอีกฝ่ายซะแล้ว
“ครับผม”
แล้ววันนั้นผมก็ส่งรูปไปให้ขิมตอนตีสอง…
--------------------------------