-7-
สามวันที่ผมทำงานโซโล่มาหาผมทุกวัน เขาจะมาตั้งแต่ผมเริ่มเข้างาน สั่งกาแฟหนึ่งแก้วแล้วก็ไปนั่งเงียบๆอยู่มุมร้าน ดีที่ช่วงที่ผมทำงานไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่ ถึงมีมาก็มักจะสั่งกลับจนไม่ทันได้สังเกตเห็นเดือนมหา’ลัยที่มุมร้าน โซโล่มักจะหยิบงานขึ้นมาทำเป็นลำดับแรก พอทำเสร็จก็เปลี่ยนเป็นนั่งมองผมทำงานแทน ถึงเวลาเลิกงานก็รอให้ผมหยิบนมอุ่นให้กิน นั่งรอจนผมปิดร้านก่อนจะไปส่งที่หอ วันไหนที่ผมไม่ทำงานเขาก็จะไปหาผมที่หอทุกค่ำ รอให้ผมเอานมลงไปให้แล้วก็ขับรถกลับคอนโด
ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่มันกลายเป็นความเคยชินไปแล้ว
ผมรู้ดีว่าการที่เราต้องเจอหน้ากันทุกวันก่อนนอนมันไม่ค่อยจะปกติเท่าไหร่ แต่เอาเถอะ…
ถ้ามันเป็นความพอใจของทั้งสองฝ่ายผมว่ามันก็แฟร์ดี
“กีตาร์…”เสียงเรียกเนือยๆที่ดูจะเนือยกว่าทุกวันทำให้ผมหยุดมือที่กำลังเช็ดโต๊ะ ดูเหมือนวันนี้เขาจะมาช้าผิดปกติเพราะมันเกือบจะถึงเวลาปิดร้านแล้ว
“ทำไมวันนี้มาชะ…”ประโยคที่ตั้งใจจะถามหยุดลงกลางคันเมื่อหันไปเห็นสภาพของอีกคน
โซโล่เปียกไปทั้งตัวตั้งแต่หัวจรดเท้า…เส้นผมที่ลู่ละใบหน้ายังมีน้ำหยดลงมาอยู่เลย แถมเสื้อนักศึกษาก็เปียกจนเห็นด้านใน ใบหน้านั้นอ่อนล้าจนผมอยากไล่ให้กลับไปนอนแต่เจ้าตัวคงไม่ยอม
โซโล่ไม่ได้เดินเข้ามาคงเพราะเห็นว่าตัวเองเปียก เขาหยุดยืนอยู่ตรงพรมเช็ดเท้าหน้าทางเข้า ผมเลยเดินเข้าไปหาแล้วดันร่างอีกฝ่ายให้มานั่งหน้าเคาน์เตอร์
“พื้นเปียกก็เช็ดได้ แต่ถ้าไม่สบายขึ้นมาจะทำยังไง”ผมดุก่อนจะเดินไปหลังเคาน์เตอร์ ดีที่มีผ้าใหม่ยังไม่ได้ใช้เหลืออยู่
“ขอโทษ…”
ผมยิ้มนิดๆให้เขาสบายใจว่าไม่ได้โกรธ เห็นหน้าหงอยๆแถมดูเหนื่อยขนาดนั้นใครจะไปโกรธลง
“ไปทำอะไรมาครับ ทำไมเปียกแบบนี้ แถมวันนี้มาเสียดึกเลย”ว่าแล้วก็เอาผ้าโปะหัวเปียกๆแล้วออกแรงขยี้ให้เบาๆ แต่เพราะโซโล่นั่งหันหลังเข้าหาเคาน์เตอร์ ผมที่ยืนเช็ดหัวอยู่ด้านหน้าเลยเห็นใบหน้าของเขาชัดเจน
เห็นว่าเขากำลังยิ้มอยู่…
ดูเหมือนรอยยิ้มหายากนี่จะมีผลต่อใจผมเสียเหลือเกิน ทำยังไงก็ไม่ชินเสียที…
เพราะทำอะไรไม่ได้เลยได้แต่ขยับผ้าให้เลื่อนลงมาปิดดวงตาแวววาวนั่นแล้วออกแรงเช็ดต่อ
“มีถ่ายวีดีโอ…”
“ที่บอกพี่เมื่อวานสินะ…พี่คิดว่าจะถ่ายกันช่วงเย็นเสียอีก”เมื่อวานตอนกลับบ้าน โซโล่บอกผมว่าเขามีถ่ายวีดีโอของมหา’ลัย แต่ตอนนั้นเขาบอกผมว่านัดตั้งแต่สี่โมงเย็น
“ถ่ายตั้งแต่เย็นแล้ว…แต่ลากยาวมาถึงกลางคืน”
“ทำไมยาวล่ะครับ”
“ผมทำไม่ได้”
“โซไปยืนรอที่หน้าร้านก่อนนะครับ เดี๋ยวพี่ตามไป”
โซโล่พยักหน้าอย่างว่าง่ายก่อนจะเดินออกไปยืนหน้าร้านโดยไม่ถามอะไร
จะให้คุยต่อได้ยังไงในเมื่อเขาตัวเปียกเสียขนาดนั้น แถมปกติก็เป็นคนไม่แสดงออกอยู่แล้วด้วย ต่อให้หนาวก็คงไม่ยอมบอกผมแน่ๆว่าตัวเองหนาว
ผมรีบเดินไปเอาไม้ถูพื้นมาถูบริเวณที่เปียกก่อนจะปิดร้านอย่างรวดเร็ว พอออกมาแล้วก็รีบดึงแขนอีกคนให้เดินไวกว่าปกติไปที่รถซึ่งผมจำได้แม่นว่าจอดอยู่ตรงไหน เพราะเขาจอดที่เดิมทุกวันไม่เคยเปลี่ยน
ผมดึงมือของคนที่กำลังจะกดเปิดแอร์รถไว้แล้วส่ายหน้า
“ไม่ร้อนหรือไง…”เห็นสีหน้าจริงจังของคนพูดแล้วก็นึกอยากจะบีบแก้มของเขาแรงๆเสียทีข้อหาไม่ห่วงตัวเอง ดีที่ยั้งมือไว้ได้
“แล้วโซไม่หนาวเหรอครับ”ผมถามกลับ
“มะ…”
“อย่าโกหกพี่”ผมขมวดคิ้วให้เขารู้ว่าไม่พอใจ
“ขอโทษ”โซโล่ทำหน้าสลด…สลดจนดูน่าสงสาร ทำเอาผมแกล้งดุต่อไม่ออก ได้แต่ยกมือขึ้นลูบหัวเปียกชื้นของเขาเบาๆ
“รีบกลับได้แล้วครับ เดี๋ยวไม่สบายนะ”
“ครับ”
พอเห็นตัวเปียกปอนของคนที่ขับรถอยู่แล้วผมก็นึกเป็นห่วง สงสัยทีหลังต้องบอกให้เตรียมเสื้อผ้าเผื่อไว้ในรถเวลาเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินจะได้ไม่เป็นแบบนี้อีก ถ้าโซโล่แวะส่งผม เขาจะต้องหยุดรถรอผมขึ้นไปเอานมมาให้ ต่อให้ไล่กลับก็คงไม่ยอมหรือเอาเรื่องนอนไม่หลับมาอ้างอีกแน่ๆ แทนที่จะได้กลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าไวๆคงได้ช้าลงไปอีก
“กีตาร์ไม่ถามเหรอ”คนที่กำลังขับรถถามโดยยังไม่ละสายตาจากท้องถนน
“ยังไม่ถามตอนนี้ครับ เอาไว้ให้เราจัดการตัวเองก่อน”
“แต่จะถึงหอแล้ว…”
“นั่นสินะ…แล้วพี่จะเอาเวลาที่ไหนไปถามเราดีล่ะ”ผมรีบหันหน้าออกไปขำอีกทางเมื่อเห็นว่าเจ้าหมาฮัสกี้กำลังกระดิกหูและหันมามองด้วยดวงตาเป็นประกาย
“กีตาร์…”
ผมยกมือปิดปาก แกล้งไอเบาๆ ก่อนจะตีหน้าขรึมแล้วหันไปมองโซโล่
“วันนี้รบกวนด้วยนะครับ”
สุดท้ายที่ทำขรึมก็ไร้ประโยชน์ เพราะทันทีที่เห็นรอยยิ้มที่ช่วงนี้ชักจะเห็นบ่อยเกินไปแล้วผมก็หลุดยิ้มออกมาทันที ต้องแก้เขินด้วยการยื่นมือไปผลักใบหน้าอีกคนให้หันกลับไปมองทางดีๆก่อนจะไปชนใครเข้า
เจ้าหมานี่ลืมไปหรือเปล่านะว่าทั้งเฟส ไลน์ หรือเบอร์ก็มีทั้งคู่ แค่ถามคำถามไม่เห็นจะต้องไปนอนค้าง แต่ก็ต้องขอบคุณที่ทำให้ผมเขินน้อยลงหน่อย อีกอย่าง…
จะให้บอกว่าเป็นห่วงก็กลัวจะเหลิง
ทันทีที่ถึงห้องผมก็ทั้งผลักทั้งดันทั้งไล่ให้คนตัวเปียกรีบไปอาบน้ำแต่งตัว ส่วนตัวเองก็มาง่วนอยู่หน้าเตาเพื่อหาข้าวให้เขากิน โซโล่บอกว่าเขาให้แม่บ้านช่วยซื้อของสดไว้ให้ในตู้เย็นแล้ว ผมเลยทำเมนูได้หลากหลายขึ้น เสียแต่ต้องใช้ข้าวในตู้เย็นเหมือนเดิมเพราะถ้าหุงเองคงจะกินเวลานานเกินไป
ยิ่งรู้จักผมก็ยิ่งรู้สึกว่าเขาเป็นเด็กน่าตีขึ้นเรื่อยๆ จนตอนนี้ชักไม่แน่ใจว่ากำลังเลี้ยงลูกอยู่หรือเปล่า
ตอนที่อยู่ในลิฟต์ผมถามเขาว่ากินข้าวแล้วใช่ไหม จริงๆแค่จะหาเรื่องชวนคุย แต่กลับได้รับคำตอบที่ไม่คาดคิดมาแทน โซโล่ไม่ได้กินข้าวตั้งแต่เย็น มื้อล่าสุดที่เขากินคือมื้อเช้า เหตุผลคือตอนเที่ยงซ้อมดนตรีเพลิน ส่วนตอนเย็นก็ถ่ายงาน แถมพวกทีมงานที่เป็นรุ่นพี่ก็ไม่ได้พูดอะไร เจ้าตัวเลยไม่ได้สนใจ
ถ้ามีโอกาสผมก็อยากจะไปคุยกับพวกทีมงานนั่นสักหน่อยเหมือนกัน
หลังจากจัดการอาหารเสร็จโซโล่ก็เดินมาพอดี ผมขมวดคิ้วมองคนที่ปล่อยหัวเปียกแถมยังใส่กางเกงขายาวตัวเดียวออกมาจากห้องเงียบๆโดยไม่พูดอะไร โซโล่ชะงักไปทันทีเมื่อเราสบตากัน เขาหมุนตัวกลับเข้าไปในห้อง และเดินออกมาอีกครั้งโดยที่ใส่เสื้อนอนแล้ว รวมถึงมีผ้าเช็ดหัวพาดอยู่ที่บ่าด้วย
ผมมองภาพนั้นด้วยความพอใจ พยักหน้าให้เขามาทานข้าว โซโล่ก้าวเท้ามาทรุดตัวนั่งที่โต๊ะกินข้าวก่อนจะมองข้าวต้มกระดูกหมูด้วยดวงตาแวววาว ผมยิ้มนิดๆแล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้โดยที่ยังไม่ได้แตะข้าวต้มของตัวเองที่ตักมากินเป็นเพื่อนเขา
“นี่พี่เช็ดหัวให้โซรอบที่สองแล้วนะ”ผมหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนลงมือเช็ดหัวให้เขา
“เช็ดตลอดไปเลยก็ได้”
“…”
“กีตาร์?…”โซโล่เงยหน้าขึ้นมามอง ทำให้ผมต้องสบตาเขาอย่างช่วยไม่ได้ “…หน้าแดง”
“กินข้าวไปสิครับ!”ผมผลักหัวให้อีกคนก้มหน้าลงไปเหมือนเดิมอย่างรวดเร็ว
ก็ประโยคนั้นมันหมายถึงให้อยู่ด้วยตลอดไปไม่ใช่หรือไง…ใครจะไปทำเฉยอยู่ได้
หลังจากทานข้าวรวมถึงช่วยกันล้างจานเสร็จแล้วผมก็เข้าไปอาบน้ำโดยใช้ชุดที่โซโล่หามาให้ ผมค่อนข้างจะแปลกใจเพราะชุดที่ได้มามันพอดีเสียจนน่าตกใจ และมันใหม่ถึงขนาดที่ยังไม่ได้เอาป้ายยี่ห้อดังออกด้วยซ้ำ อดสงสัยไม่ได้ว่าพวกคนรวยนี่แค่ชุดนอนจำเป็นต้องใส่มียี่ห้อด้วยเหรอเนี่ย…
โซโล่นั่งดีดกีตาร์อยู่ที่โซฟาริมหน้าต่างที่เดิม ผมเดินไปนั่งข้างๆแล้วมองเขาเล่นกีตาร์โดยไม่พูดอะไร ผ่านไปสักพักเขาก็หยุดมือแล้วเงยหน้ามองผมโดยที่ยังมีกีตาร์อยู่บนตัก
“ผมไม่ชอบพูดเยอะๆต่อหน้าคนอื่น…”
ผมพยักหน้าแล้วยิ้มให้เขาโดยไม่พูดอะไร
“วันนี้ต้องถ่ายทั้งวีดีโอแล้วก็ต้องถ่ายภาพนิ่งด้วย”โซโล่เริ่มดีดกีตาร์เป็นทำนองเบาๆโดยที่ยังพูดต่อไปด้วย
“ดาวทำเสร็จไปหมดแล้ว เหลือแต่ผมที่ทำยังไงก็ไม่ผ่าน…เพราะถ่ายภาพนิ่งเป็นแบบธรรมชาติ แถมไม่ได้บังคับอะไรมากมันเลยผ่านไปได้ ถึงจะไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเอาน้ำราดหัวก็เถอะ แต่ตอนถ่ายวีดีโอเขาบังคับให้ผมยิ้ม บอกให้ผมทำนั่นทำนี่แต่ผมทำไม่ได้ พอฝืนทำพวกเขาก็ไม่พอใจกับผลงานเลยต้องถ่ายซ้ำๆ”
ถึงใบหน้านั้นจะนิ่งไม่เปลี่ยนแต่ผมกลับสัมผัสได้ถึงความเหนื่อยล้าและความลำบากใจของเขา ไม่ต้องเดาก็รู้ว่ามันต้องมีอะไรเกิดขึ้นตอนที่ถ่ายทำแน่ๆ
“ตอนแรกจะกลับตั้งแต่สองทุ่มแล้ว…แต่จู่ๆก็มาบอกว่าจะถ่ายภาพนิ่งที่ถ่ายไปแล้วตอนแรกใหม่…”
“เลยต้องเอาน้ำราดหัวใหม่?”
โซโล่พยักหน้า
“…แต่ครั้งนี้เขาให้ราดทั้งตัว”
“อะไรนะ!”ผมแทรกอย่างหัวเสีย เริ่มรู้สึกแปลกๆยังไงก็ไม่รู้ ถ้าที่โซโล่เล่าเป็นเรื่องจริงมันก็ไม่ใช่การทำงานแล้ว…แบบนี้มันแกล้งกันชัดๆไม่ใช่หรือไง
“กีตาร์?…”พอได้ยินเสียงอ่อยๆเหมือนกลัวโดนโกรธผมก็รีบถอนหายใจระบายอารมณ์แล้วถามสิ่งที่สงสัย
“ที่ราดน้ำทั้งตัวนี่โซราดเองหรือเปล่าครับ”
“รุ่นพี่ราดให้ตั้งแต่รอบแรกแล้ว”
ผมรู้สึกได้ถึงอารมณ์ที่พุ่งสูงของตัวเอง ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้และทำไมโซโล่ถึงได้ยอม
“โซไม่รู้สึกไม่พอใจบ้างเลยหรือไง”
“ก็ไม่นะ…”โซโล่ส่ายหน้าก่อนจะทำหน้าครุ่นคิด “รำคาญมากกว่า…อยากให้เสร็จไวๆจะได้ไปหากีตาร์”
จากการที่ได้รู้จักและพูดคุยกับโซโล่รวมถึงจากเรื่องนี้ทำให้ผมรู้จักนิสัยเขามากขึ้น ถ้าไม่พูดถึงเรื่องที่แสดงออกกับผมต่างจากคนอื่นแล้วผมสรุปได้ว่า เขาเป็นคนขี้เกียจพูด ไม่ว่าใครจะว่าอะไรก็เฉยไปหมดจนเหมือนไม่ปฏิเสธทั้งที่จริงๆอาจไม่ได้ฟังด้วยซ้ำ ถ้าให้เดาที่มาเป็นเดือนนี่ก็คงมาเป็นแบบงงๆแน่นอน เพียงแต่โซโล่เป็นคนมีความรับผิดชอบมาก ถึงเขาจะขี้รำคาญแต่ถ้าอะไรที่ต้องทำเขาก็จะยอมทำจนกว่าจะเสร็จ
ผมว่าที่โดนแกล้งนี่ก็เพราะฝั่งนั้นคิดว่าเขาไม่ตอบโต้และไม่ได้ว่าอะไร ส่วนตัวโซโล่ผมว่าเขาคงไม่สนใจมากกว่า พอคิดว่าเป็นเรื่องงานก็เลยปล่อยๆไป
“เราไม่รู้เลยเหรอครับว่าโดนแกล้ง”
โซโล่สบตาผมด้วยแววตาที่ทำให้รู้สึกเหมือนความหงุดหงิดกำลังโดนดูดให้หายไป เขาหยุดเล่นกีตาร์ก่อนจะยกมือขึ้นแตะที่หัวคิ้วของผม จากนั้นก็เลื่อนไปที่มุมปาก…อย่างที่ชอบทำเวลาต้องการให้ผมหยุดทำหน้าบึ้งแล้วยิ้มให้
“รู้แต่ไม่สนใจ ผมไม่ชอบเรื่องยุ่งยาก เขาอยากทำอะไรก็ปล่อยเขาไป…”
“พี่ว่าเราไม่…”
“ถ้าไม่เกินขอบเขตนะ”
ผมพยักหน้าเมื่อเห็นแววตาจริงจังที่ส่งมา
“พรุ่งนี้ก็อาจจะดึกอีก...เขานัดถ่ายซ่อม”โซโล่พูดเสียงเรียบ มือเริ่มขยับดีดกีตาร์ต่อ
ผมถอนหายใจเบาๆเมื่อได้ยินอย่างนั้น ไม่รู้ว่าจะโดนแกล้งอะไรอีก ถ้ายังโดนเอาน้ำราดอย่างเดิม ต่อให้แข็งแรงขนาดไหน ถ้าตัวเปียกตั้งหลายชั่วโมงติดต่อกันสองวันแบบนี้สุดท้ายคงได้ป่วยจริงๆแน่
เสียงกีตาร์ที่เปลี่ยนไปกะทันหันทำให้ผมหลุดจากความคิดตัวเองแล้วหันมามองคนที่จ้องมาอยู่ก่อนแล้ว เขายิ้มนิดๆก่อนเสียงทุ้มจะเปล่งออกมาตามทำนองเบาๆ
“จบแล้วที่เสาะหา ได้มาพบตัวจริงซะที
ชีวิตต่อจากนี้ คงจะดีถ้ามีแต่เธอ
ก่อนจะนอนอยากเจอเธอเป็นคนสุดท้าย
คนแรกของเช้าถัดไป ฉันก็อยากเห็นเธอ
เช้าก็มีแต่เธอ ค่ำก็มีแต่เธอคนเดียวเท่านั้น
อยากทำตัวติดเธอไม่ต้องห่างไปไหน
ไม่ว่าจะทำอะไรก็อยากทำด้วยกัน
ทุกลมหายใจเข้าออก ทุกเวลาของฉัน…”
ผมกลั้นหายใจเมื่อเสียงร้องและเสียงกีตาร์หยุดลง รู้สึกว่าใบหน้าตัวเองร้อนผ่าวแต่ก็ไม่อยากละสายตาไปจากคนตรงหน้า เลยทำได้แค่กัดริมฝีปากตัวเองไว้ด้วยความเกร็ง โซโล่ไม่ได้พูดอะไรแต่ดวงตาเป็นประกาย เขายกมือชี้ที่ปากตัวเองแล้วขยับปากโดยไร้เสียง
‘ยิ้มๆ’
ผมปล่อยริมฝีปากที่กัดไว้ออกแล้วเผยรอยยิ้มกว้างออกมา ทั้งตามที่อีกคนบอก...และตามความรู้สึกของตัวเอง โซโล่หัวเราะออกมาเบาๆมือดีดโน้ตกีตาร์ตัวสุดท้ายโดยไม่ละสายตาไปจากใบหน้าผม
“…อยากจะใช้กับเธอ”
[เพลง ไม่ธรรมดา ของเบล สุพล]
“โซ…”
“ครับ”
“พรุ่งนี้เขานัดถ่ายงานที่ไหนตอนไหนครับ”
“หน้าตึกนิเทศสี่โมง”
“อืม…พรุ่งนี้วันศุกร์สินะ พี่ไม่ได้ทำงานแล้วก็เลิกเรียนสี่โมงพอดี…”
“กีตาร์?”
“พรุ่งนี้พี่ไปหานะครับ”
-----------------------------------------