ริจะลงลิงค์ชื่อตอน ดันเบลอๆลงชื่อตอนผิดอีก ถ้างวดหน้าไม่มีชื่อตอนไม่ว่ากันนะคะเริ่มคิดไม่ออก
หรืออีกนัยหนึ่งขี้เกียจคิด
วันนี้ดึกแล้วขอลงนิยายก่อนตอบรีพรุ่งนี้แล้วกันค่ะ จะแอบที่ทำงานมารี
ความเดิมตอนที่แล้ว
#1มาอีกรอบ#2เพื่อนร่วมทาง#3ชมวัดร่องขุน#4ขึ้นภู..#5ขึ้นภูชี้ฟ้า***************************************************
#6 บนภู... (บอกแล้วว่าชื่อตอนสิ้นคิดจริงๆ)
นี่ฝนตกเหรอ หรือว่าหลังคารั่วทำไมไม่ได้ยินเสียงฝนเลยล่ะ หรือว่าผมฝันไป หูแว่วได้ยินแต่เสียงเพลงที่ดังคลอเบาๆจากทีวี น้ำเสียงของนักร้องฟังดูเศร้าสร้อยเจ็บปวด ขนาดว่าผมนอนหลับตาฟังยังรู้สึกถึงอารมณ์เสียใจที่ส่งถึงคนฟัง
http://media.imeem.com/m/PSWuxTpM8T/aus=false/ ผมค่อยๆลืมตาขึ้นมาดูก็ทันเห็นพี่ต่ายกำลังเอาหลังมือเช็ดที่ตา พี่ต่ายตาแดงๆเช็ดน้ำตาป้อยๆ ตอนแรกผมก็นึกขำนะครับ ผมไม่เคยเห็นพี่ต่ายร้องไห้เลยสักครั้ง ผมแอบมองหน้าพี่ต่ายอยู่เงียบๆ ดูๆก็น่าสงสารแต่ในขณะเดียวกันก็น่าเอ็นดูที่คนตัวโตๆมานั่งเช็ดน้ำตามีเสียงสูดน้ำมูกเบาๆ พี่ต่ายเป็นอะไรไปกันแน่ ผมเอื้อมมือไปอย่างช้าๆค่อยๆเอานิ้วเกลี่ยน้ำตาที่แก้มของพี่ต่ายเบาๆ
“พี่ต่ายเป็นอะไรครับ...”
พี่ต่ายสบตาผมแล้วยิ้มให้ เอามือกุมมือผมไว้แล้วจูบที่มือผมเบาๆ พี่ต่ายทำท่าจะเปิดปากพูดกับผมแต่ก็เสียงก็ยังสั่นจนรู้สึกได้“ตื่นแล้วเหรอ พี่ขอโทษนะที่ทำให้ตื่น ไม่มีอะไรโอม” พี่ต่ายเอานิ้วเกลี่ยเช็ดน้ำตาที่หยดลงมาบนหน้าผม
“ไม่มีอะไร...แล้วพี่ต่ายเสียน้ำตาทำไม”ผมก็อยากรู้นี่นา หรือว่าชีวิตมันเศร้านักที่มารักกับผม หรือว่ามีอะไรเกิดขึ้นกันแน่ระหว่างที่ผมหลับไป
พี่ต่ายสูดน้ำมูกจับมือผมแนบไว้ที่แก้มพี่ต่าย “พี่ดูหนังแล้วเศร้าน่ะโอม หึหึ น่าอายจริงๆ”
พี่ต่ายยิ้มอายๆ ผมถึงกับงงคนอย่างพี่ต่ายเนี่ยนะดูหนังแล้วร้องไห้ อยากจะคิดว่าฟังผิดไปแต่ก็ไม่ใช่ พยานหลักฐานชัดเจนเห็นๆ
“ทำไมล่ะพี่ หนังมันว่าไงพี่ มันเศร้ามากเลยเหรอ”ผมหันไปดูภาพในทีวี ตอนนี้หนังจบไปแล้วครับมีเพียงเสียงเพลงกับตัวอักษรวิ่งขึ้นอยู่
“ก็ตอนสุดท้ายมีคนนึงต้องตายไป แต่คนที่ยังอยู่ก็เก็บเสื้อของคนรักไว้ เขาเอาเสื้อมาสวมซ้อนกัน ภาพมันเหมือนจะบอกว่าเขากำลังกอดกันดูแลกันไว้อยู่เสมอ”ผมพยักหน้ารับรู้พยายามนึกภาพตามแต่ผมไม่ได้ดูหนังเต็มๆ ผมเลยไม่รู้ว่ามันเศร้าตรงไหน
“พี่เคยดูเรื่องนี้ตอนไปอยู่สิงค์โปร์คนเดียว ตอนที่เราแยกกัน”พี่ต่ายคุยไปก็ลูบหัวผมไป ผมแหงนหน้ามองหน้าพี่ต่าย ตอนนี้พี่ต่ายควบคุมอารมณ์ได้แล้วครับ บางทีคนเราก็มีจุดที่อ่อนแออย่างที่เราคาดไม่ถึงเหมือนกันนะครับ
“ตอนที่พี่ดูเรื่องนี้แล้วในหนังเค้าต้องแยกจากกันเพราะสังคม มันเจ็บปวดนะโอม พี่ก็มาคิดถึงที่เราต้องแยกจากกันทั้งที่ยังรักกันอยู่ พี่กลัวว่าเราจะได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกไม๊ โอมจะยังรักพี่เหมือนเดิมรึเปล่า”น้ำเสียงของพี่ต่ายทำให้ผมเย็นไปถึงหัวใจ เนื้อเรื่องบางฉากของหนังเรื่องนี้คงไปกระทบใจพี่ต่ายเข้า พี่ต่ายก้มลงมาสบตาผม
“ แล้วถ้าเราต้องแยกจากกันไปตลอดชีวิต....พี่จะเป็นยังไง”
ผมฟังพี่ต่ายพูดแล้วผมก็น้ำตาไหล ความรู้สึกของผมเองก็คงไม่ต่างจากพี่ต่ายในตอนนั้น แต่ผมยังโชคดีที่มีครอบครัว มีงานมากมายที่ต้องรับผิดชอบทำให้ความรุนแรงในการคิดถึงพี่ต่ายถูกทดแทนไป ผมดึงมือพี่ต่ายมากดไว้ที่อก
“มันผ่านไปแล้วนะพี่ต่าย ต่อไปนี้จะไม่มีเวลาแบบนั้นแล้ว เราต้องอยู่ด้วยกันตลอดไปซิ”
พี่ต่ายดึงตัวผมขึ้นมาแล้วสัมผัสริมฝีปากผมเบาๆ พี่ต่ายดึงตัวผมเข้ามากอดผมกอดตอบพี่ต่ายอย่างเต็มใจ ผมรู้สึกอบอุ่นใจในอ้อมกอดนี้เสมอมา
“พี่ร้องไห้เพราะดีใจนะ ที่เราไม่เป็นแบบในหนัง”เสียงพี่ต่ายปนเขินอายเหมือนพยายามจะแก้ตัว พี่ต่ายจูบผมที่หน้าผาก เราสบตากันเนิ่นนานต่างใช้ความคิดของตัวเองไป
“โอ๊ววว........”ผมเผลอหาวออกมาจนได้ พี่ต่ายยิ้มขันแล้วสูดความหอมจากแก้มผม
“ไปนอนกันเถอะโอมดึกแล้ว พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า” ผมล้มตัวลงนอนอีกครั้งในอ้อมกอดของพี่ต่าย ผ้าห่มดูจะผืนเล็กเกินไปสำหรับผู้ชายสองคน แต่นอนกอดกันแบบนี้ยังไงก็อุ่นกว่านอนคนเดียวแบบกิฟแน่นอน หึหึ
*************************************************
เช้าแล้วครับอากาศเย็นๆทำให้ผมตื่นไวกว่าปกติ ผมลุกขึ้นมายกนาฬิกาขึ้นมาดูเกือบตี5แล้ว เหลียวมองคนข้างกายลุกไปไหนไม่รู้แล้วครับมิน่าเลยหนาวๆไม่มีคนกอดนี่เอง มองไปทางกิฟยังคงนอนคลุมโปงอยู่ แต่เพื่อความปลอดภัยค่อยๆเดินจรดปลายเท้าไปที่กิฟ
แอบเลิกผ้าห่มดูด้านบน.....ไม่มี...
เปิดที่ปลายเท้า...ไม่เห็น มีเพียงเท้ายาวๆของกิฟคนเดียว
ไม่มีพี่ต่ายอยู่ภายใต้ผ้าห่มนั้น แล้วพี่ต่ายไปไหนล่ะ ผมได้ยินเสียงน้ำในห้องน้ำดังซู่ๆ คงไม่ต้องสงสัยแล้วพี่ต่ายกำลังอาบน้ำอยู่แน่นอน ผมเดินลงมาข้างล่างเพื่อแปรงฟันปล่อยให้กิฟนอนไปก่อน แต่จะให้อาบน้ำเหรอครับผมต้องขอบาย อากาศหนาวๆแบบนี้ไม่อยากสั่นเป็นเจ้าแต่เช้าครับ
พอผมล้างหน้าแปรงฟันเสร็จออกมาจากห้องน้ำก็พอดีที่พี่ต่ายออกมาพอดี “มอนิ่งครับ หลับสนิทดีไม๊” ยังไม่ทันตอบพี่ต่ายก็ดึงตัวผมไปหอมแก้ม หน้าผมยังเปียกน้ำอยู่เลยครับ
“อื้อ..อย่าดิหน้ายังเปียก”ผมผลักพี่ต่ายออก ซนแต่เช้าเชียวนะ พี่ต่ายได้แต่หัวเราะ
“แล้วกิฟตื่นหรือยังจะตี5แล้วนะ นี่พี่เก็บของให้โอมเสร็จแล้ว พี่รู้ว่ายังไงโอมก็ไม่อาบน้ำ เอาแป้งไปทาไป๊ ตัวจะได้หอมๆ”พี่ต่ายส่งแป้งเด็กมาให้ผม ผมถอดเสื้อออกทาแป้งแล้วเดินไปหยิบเสื้อตัวใหม่มาใส่ พี่ต่ายเข้ามาโอบผมจากด้านหลังแล้วกระซิบข้างๆหู เอานิ้วคลึงไปมาบนหน้าท้องผมไปด้วย
“เมื่อวานพี่ขอโทษนะ ทั้งที่เป็นวันวาเลนไทน์แท้ๆแต่พี่ลืมสนิทเลย”อ้าว.....ตกลงพี่ต่ายลืม ผมก็นึกว่าชวนมากะว่าให้ตรงวันวาเลนไทน์ แต่ผมก็ควรทำใจมาตั้งนานแล้วนี่ เรื่องจะมาหวานกันหยดย้อยลืมไปได้เลย แต่ยังไงเราก็รักกันทุกวันอยู่แล้วนี่
“ไม่เป็นไรพี่ ผมก็ลืมเหมือนกัน”ผมแกล้งหัวเราะโกหกแบบนี้คงไม่บาปมั๊ง ผมเสไปหยิบเสื้อมาจะแต่งตัว
“มาพี่ใส่ให้”พี่ต่ายแย่งเสื้อจากมือผมหันตัวผมเข้ามาหา แล้วช่วยสวมลงที่ศีรษะ พอเสื้อพ้นคอมาได้พี่ต่ายก็รั้งเอวผมเข้ามาหาตัวทันที ตัวเราแนบชิดกัน พี่ต่ายเอามือประคองใบหน้าผมไว้
จูบผมที่หน้าผาก “ขอให้โอมเป็นเด็กดี”
จูบที่จมูก “ขอให้โอมสุขภาพแข็งแรง”
จูบที่ตา “ขอให้มีความสุข”
จูบที่แก้ม “ขอให้มีแต่คนรัก”
แล้วก็สัมผัสริมฝีปากผมเนิ่นนาน ช้าๆนุ่มนวลและอ่อนหวาน ก่อนที่จะผละออกแล้วส่งสายตาวิบวับมองหน้าผมก่อนที่จะเอ่ยปากว่า
“ขอให้เป็นที่รักของพี่.....และรักพี่ตลอดไป”
ผมนึกคำพูดอะไรไม่ออกได้แต่เอาหัวซุกหน้าอกพี่ต่ายไว้ เลือดสูบฉีดขึ้นใบหน้าจนร้อนไปหมดพูดได้แค่ “ครับ” เรายืนกอดกันอยู่แบบนั้นจนกระทั่ง
“อะแฮ่ม....”ใครเกิดมากระดูกติดคอเอาตอนนี้ล่ะ
“ฉากสวีทจบรึยังครับผมปวดฉี่ขอไปฉี่หน่อยนะ ให้ผมเข้าห้องน้ำไปก่อนแล้วค่อยต่อภาคสองนะครับ”
ผมกับพี่ต่ายถึงกับสะดุ้ง รีบสปริงตัวแยกออกจากกันเหมือนแม่เหล็กคนละขั้วทันทีโดยไม่รอคำตอบ เจ้าเด็กแสบที่เกิดตื่นขึ้นมาตอนไหนไม่รู้ก็วิ่งปรู๊ดเข้าห้องน้ำไปทันที ก่อนที่จะหันมาทำหน้าหื่นใส่เราสองคนแล้วปิดประตูทันทีก่อนที่กระป๋องแป้งในมือผมจะเขวี้ยงไปโดนหัว
“ผมว่ากิฟมันทะเล้นไปแล้วนะพี่ต่าย”ผมหันไปฟ้องพี่ต่าย พี่ต่ายส่ายหัว “แต่ก็น่ารักดีใช่ไม๊ละ”พี่ต่ายเดินไปหยิบเสื้อหนาวมาส่งให้ผม แล้วเดินขึ้นไปสำรวจความเรียบร้อยด้านบนอีกครั้งว่าลืมของอะไรรึเปล่า
ผมแต่งตัวให้เรียบร้อยแล้วก็ไปเคาะเรียกกิฟที่ยังไม่ยอมออกจากห้องน้ำ “กิฟออกมาได้แล้ว จะตีห้าแล้วนะ ทำไรอยู่”
“ทำใจ...”เป็นไรไปอีกล่ะ ทำเสียงอย่างกับคนท้องผูก
“อิจฉาคนมีความรัก อยากมีแฟนนนน”เสียงของกิฟตะโกนออกมาจนผมตกใจ ตามอารมณ์กันไม่ถูกทีเดียว
“เออ ทำใจได้แล้วเดินตามไปบนภูแล้วกันนะ พวกพี่ไปรอที่รถแล้ว”พี่ต่ายตะโกนบอกกิฟอีกทีก่อนจะเดินออกไปก่อน “แล้วอย่าลืมล็อคประตูด้วยล่ะกิฟพี่คล้องกุญแจไว้ให้แล้ว”พอพูดจบเสียงกิฟก็เปิดประตูอกมาทันที
“ทำใจได้แล้ว...พี่แกล้งน้อง ไม่ยอมรอกัน ฮือๆ”ผมว่ามันอ้อนมากนะครับ อ้อนจะโดนดีซักที
พอเราเดินมาที่นัดหมายรถก็มาพอดีครับแต่มีคนอื่นที่จะขึ้นรถไปกับเราด้วย เป็นคู่สาวๆหนุ่มๆอยู่หลายคู่ทีเดียว เนื่องจากรถที่เราจะขึ้นไปเป็นรถปิคอัฟ มีคนบางส่วนไปนั่งด้านหน้าแล้วพวกเราเลยต้องไปนั่งด้านหลังไปโดยปริยาย แต่คนที่มานั่งแต่ละคนขนาดไม่ใช่เล็กๆครับผมกับพี่ต่ายขึ้นช้ารถเลยเต็ม เหลือแค่ที่เดียวกิฟกระโดดไปนั่งตั้งแต่แรกเลยมีที่นั่ง พี่ต่ายเลยขึ้นไปนั่งก่อนผมกำลังจะโวยว่าทิ้งกันเห็นๆเลยนะ แต่พอพี่ต่ายนั่งเสร็จก็ตบที่ตักตัวเองให้ผมไปนั่งตักครับ ผมก็ไม่รู้จะทำยังไงรถก็ทำท่าจะออกแล้วเพราะคนอื่นนั่งกันเรียบร้อยแล้ว ก็เลยต้องรีบปีนขึ้นไปนั่งบนตักพี่ต่ายอย่างลืมอาย ได้แต่บอกกับตัวเองว่ามันมืดๆน่าไม่มีใครเค้าสนใจหรอก
“พี่ต่ายจับผมแน่นๆนะ อย่าให้ตกลงไปละผมกลัว”ก็ถนนมันชันนะครับเมื่อวานก็ลองขึ้นมาแล้ว แล้วไปไม่รอดทำไมจะไม่รู้ว่ามันน่ากลัวเอาเรื่องที่เดียว พี่ต่ายรัดเอวผมแน่นขึ้นสวมฮูทที่เสื้อให้ผมเพราะอากาศหนาวเวลารถวิ่งก็ยิ่งหนาวมากขึ้นไปอีก “ไม่ต้องห่วงครับพี่ไม่ให้โอมตกหรอก”
*************************************************
รู้สึกว่าช่วงนี้หวานมากไปเนอะ ทำไงดี แต่ขอโทษคนที่หวังNCนะคะ เพราะน้องกิฟอยู่แบบนั้นจะมีได้ไง