ตอนที่ 13
นายท่าน
‘พี่กล้าคนที่มึงตามจีบอ่ะ กูว่าเขาน่ารักนะ’
‘อะไรของมึงวะนุก’
‘ดูตัวเล็กๆ ผอมๆ’
‘...’
‘นี่กูสงสัยเลยว่าถ้าถอดชุดนักเรียนหุ่นจะเป็นยังไง’
‘ไอ้สัด มึงตาย!’
‘โว้ย กูล้อเล่น ฮ่าๆๆ’
‘...’
‘เคยแอบจินตนาการถึงป่ะ’
‘...’
‘ตอนพี่กล้าแก้ผ้าอ่ะ’
‘ก็...เคย’
‘บ่อยป่ะ’
‘บ่อย’
‘บ่อยยังไง’
‘ทุกเช้าเลย’ แม่โทรตาม...ผมไม่สน
ฝันโทรตาม...ผมก็ไม่สน
พี่เจ่เจ๊ เพื่อน รุ่นพี่โทรตาม...ผมถึงขั้นปิดโทรศัพท์ใส่เลยทีเดียว
ตอนนี้ผมกับกล้าอยู่ในตึก X ของเราหลังจากที่แวะร้านซื้ออุปกรณ์ เราทั้งคู่ยืนรอลิฟต์ข้างหลังหญิงสาวคู่หนึ่งที่กำลังคุยกันอยู่
“น้องนายท่านหล่อมากเลย”
“สมตำแหน่งเดือนจริงๆ”
“รูปนี้หล่อมากเลย...แกดูสิ”
ผมคุ้นชินกับการที่มีคนชมว่าผมดูดีครับ แต่ไม่คุ้นเวลาที่ผมแอบได้ยินคนที่กำลังพูดถึงผมโดยไม่ได้ตั้งใจ ผมมองหน้ากล้า มันกำลังอมยิ้ม ท่าทางเหมือนอยากล้อเลียนผม
อะไรวะ...กูกำลังถูกพูดถึงในแง่ดีนะเว้ย มันน่าล้อตรงไหนเนี่ย
“อยากเจอตัวจริงสักครั้ง”
“เนอะ เราไปโรงยิมตอนนี้จะทันได้เจอน้องมั้ยนะ”
เพราะประโยคเหล่านั้นทำให้กล้าหลุดขำพรวด พี่ผู้หญิงสองคนนั้นหันมาก่อนจะทำหน้าอึ้งกันยกใหญ่ ผมไม่รู้จะพูดอะไรออกไปจึงได้แต่ทำหน้านิ่งๆ
เค้าคงจะงงกันนั่นแหละว่าเดือนที่เพิ่งได้รับตำแหน่งทำไมกลับเข้าหอเร็วจัง
คำตอบของผมคือก็เพราะคนที่มากับผมนั่นแหละ
“พวกพี่ขอถ่ายรูปด้วยได้มั้ยคะน้องนายท่าน”
ผมหันไปหากล้าเป็นเชิงถาม มันทำหน้างงๆ เป็นเชิงว่าผมหันไปมองมันทำไม...นี่มันเคยหวงอะไรผมบ้างมั้ยเนี่ย
“ได้ครับ”
เธอสองคนถ่ายรูปผมแล้วไปยืนฟินรูปกันสองคน จนลิฟต์มาแล้วพวกเธอก็ยังไม่ยอมกลับมา ผมกับกล้าก็เลยขึ้นกันไปก่อน
“หล่ออะไรขนาดนั้น” กล้าแซวก่อนจะกดชั้นสี่
“เฮ้ย ไม่เอาชั้นสี่ดิ”
“ทำไมอ่ะ...นั่นห้องมึง”
“เผื่อแม่กับฝันมา”
กล้าชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะกดชั้นเจ็ด จริงๆ แล้วผมเคยไปชั้นนี้บ่อยๆ ไม่ใช่แค่การไปแกล้งวางนมเปรี้ยวหน้าห้องหรือซื้อนมเปรี้ยวหลายลังไปให้ แต่เป็นการเดินผ่านไปผ่านมาเฉยๆ เพราะผมไม่ชอบคนที่อยู่ห้องตรงข้ามกับกล้าครับ ผมไม่เคยชอบเลย
ไอ้พี่เชนคนนั้นเป็นผู้ชายในแบบที่ผมเป็นไม่ได้ในตอนแรก พี่มันเข้าถึงตัวกล้าได้ง่ายมาก แต่ผมต้องเก๊กว่าไม่แคร์กล้าแบบสุดๆ ตลอดสองปีที่ผ่านมาผมก็มีรู้สึกหวั่นคนที่เข้ามาหากล้าอยู่บ้าง แต่จากที่ตามๆ ดู กล้าไม่ได้มีคนเข้ามาหาวอแวเท่าไหร่ ผมเคยคิดเล่นๆ นะว่าผู้ชายประเภทไหนจะทำให้กล้าใจสั่นเหมือนที่ผมทำได้ พอเห็นรูปไอ้พี่เชนกับกล้าในไอจี ผมก็รู้ได้ในทันทีว่าคนอย่างพี่เชนนี่แหละที่น่ากลัว
หน้าตาดี ฐานะกลางๆ ดูเป็นผู้ชายอบอุ่น
จำได้ว่ามีวันหนึ่งที่ผมแอบเห็นว่ากล้าเปิดประตูรับไอ้พี่เชนเข้าไปในห้องเฉย ผมก็เลยแกล้งเขย่าลูกบิดแรงๆ แม่งซะเลย จะได้เลิกอยู่ด้วยกันสองต่อสองสักที โชคดีที่ไอ้พี่เชนมันออกมาไว ไม่งั้นล่ะก็ผมเชื่อว่าตัวเองต้องพังประตูแน่ๆ
ฟอร์มเฟิมห่าอะไรตอนนั้นก็ช่างหัวมันไปก่อนครับ
กล้าเปิดประตูช้าๆ ปล่อยให้ผมเข้าไปในห้อง ทันทีที่ประตูปิดลงกลอน ผมก็สวมกอดกล้าจากทางด้านหลังก่อนจะทำตามสูดกลิ่นของกล้าอย่างที่ผมทำในโรงยิมทันที
อีกฝ่ายงอตัว แถมยังเอียงใบหน้าหลบ ดูเหมือนกำลังมีเรื่องในใจที่ต้องคิด
เดี๋ยวก่อนนะ เราสองคนกลับมาที่นี่กันทันทีเพราะอารมณ์บางอย่างที่กำลังคุกรุ่น แต่ปฏิกิริยาของกล้าในตอนนี้กลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง
“เป็นอะไร” ผมถามคนรักหมาดๆ ของผม
กล้าหันหน้ามาพร้อมทำหน้าแบบที่ผมรู้ทันทีว่ามันกำลังเคืองอะไรบางอย่าง คนมันเคยคุมคนทั้งโรงเรียนมาก่อนคงไม่ค่อยกลัวอะไรหรอกผมว่า
“ทำไมน้องปาวฟันถึงเข้าห้องมึงได้”
“ปาว...อะไรนะ”
“พราวฝันน่ะ”
“...”
“เซียนพาเรียกว่าปาวฟันก็เลยเรียกตาม”
ขออนุญาตขำแป๊บ...นี่ถ้าผมเอาไปพูดกับฝันบ้าง ฝันคงหน้าหงิกหน้างอไปสามวันแปดวัน
“ถามได้มั้ยว่าจริงๆ แล้วไปรู้จักกันตอนไหนกันแน่”
“ยาวนะ” ผมเดินไปนั่งตรงโซฟา ก่อนจะตบที่นั่งข้างๆ “มานั่งข้างๆ สิ”
“ไม่ จะไปหาน้ำแดก” กล้าเดินไปที่ตู้เย็นแล้วทำตามที่มันพูดจริงๆ
ผมมองตามก่อนจะถอนหายใจ “งอนแน่เลยแบบนี้”
มันหรี่ตามองผมแทนการตอบระหว่างที่มันยกน้ำดื่ม
“รู้จักกับฝันตั้งแต่เด็กๆ แล้ว แต่โคตรไม่ชอบขี้หน้ากัน เพิ่งมาคุยกันตอนที่กูเริ่มห่างกับมึงอ่ะ”
กล้าเริ่มให้ความสนใจขึ้นมา มันเดินมานั่งข้างๆ ผมพร้อมกับยื่นน้ำขวดเย็นให้
“ทำไมถึงไม่ชอบขี้หน้ากันล่ะ”
“ก็ผู้ใหญ่จับคู่ให้ กูกับฝันไม่ชอบ แรกๆ ก็เลยไม่คุยกันเลย”
กล้าขมวดคิ้ว ถอนหายใจ พร้อมกับทำไหล่ตก “แล้วทำไมเขาเริ่มมาคุยกับมึง”
“ไปเจอกันที่งานหนึ่ง ฝันเดินมาพูดจากัดกู กูก็เลยด่าสวนนิ่งๆ ไปคำหนึ่ง จากนั้นก็เลยคุยกันมาเรื่อยๆ”
ผมเอื้อมมือไปจับมือกล้า แต่มันกลับใช้มือนั้นไปหยิบรีโมตขึ้นมาเพื่อเปิดทีวี ให้ตาย...ผมโคตรแห้ว
“คุยในฐานะอะไร”
“เพื่อน” ผมตอบ
“น้องฝันเขาคิดว่ามึงเป็นแค่เพื่อนมั้ย”
“กูว่า...ไม่” นี่คือความสัตย์จริงของผม ผมว่าเรื่องแบบนี้ใครๆ ก็ต้องมีเซ้นส์นั่นแหละ “ฝันชอบพูดให้กูเลิกจมอยู่กับมึง ให้กูตัดใจจากมึง อย่าทำตัวเป็นคนโง่”
“แล้วมึงฟังป่ะ”
“ถ้ากูฟัง...กูจะมานั่งกับมึงในตอนนี้ได้ยังไงวะกล้า” เสียงของผมไม่ได้กวนประสาท แต่เป็นเสียงที่แสดงความรัก ถ้ากล้าหันมาดูหน้าผมตอนนี้...มันก็จะรับรู้ได้ทั้งหมด แต่มันกลับสนใจนักร้องเกาหลีที่กำลังเต้นอยู่ในทีวี
“สองปี...มันจะเกิดอะไรขึ้นก็ได้เนอะ” กล้ารำพึง “กูเหี้ยเองอ่ะที่ปล่อยมึงไป ไม่แปลกที่น้องฝันเขาจะชอบมึง ถ้ามึงไม่มีผู้หญิงเข้ามาหานี่สิแปลกของจริง”
“เพราะกูหล่อเหรอ”
“ลุกขึ้นไปส่องกระจกไป๊” กล้ากดเปลี่ยนช่อง เป็นรายการเพลงเกาหลีเหมือนเดิมแต่เป็นคนละช่อง
“สนใจกูหน่อยดิ” เสียงของผมลากยาวอย่างออดอ้อน
มันใจดีหันมามองแป๊บนึง จากนั้นมันก็หันไปดูทีวีต่อ
จบกัน...ความฝันที่ผมคิดว่าผมจะมีอะไรกับกล้าในวันนี้เป็นอันจบกันจริงๆ
“แล้วทำไมน้องฝันถึงเข้าห้องมึงได้”
“...”
“จะสนิทอะไรกันขนาดนั้น”
หรือผมควรเปลี่ยนความคิดที่ว่ากล้าไม่ใช่คนที่หวงผม...
คราวนี้ผมไม่เกรงใจกล้าแล้วครับ ผมดึงตัวกล้ามานั่งอยู่ตรงกลางหว่างขาของผม จากนั้นผมก็เอาศีรษะตัวเองไปซุกไว้บนไหล่ของคนที่ผมรักมาโดยตลอด
“ชอบที่มึงหวงกูนะ” กล้าเอียงใบหน้าหนี แต่ก็ไม่ยอมขยับตัวหนีผมไปไหน ท่าทางของกล้าอ่อนลงไปมาก แล้วผมก็เชื่อว่าผมคงทำได้มากกว่าแค่การเอาหัวไปซุกไว้บนไหล่ของคนตรงหน้านี้ชัวร์ๆ
แค่ต้องอดทนอดกลั้นเอาไว้ก่อน...แม้มันจะทำได้ยากมากแค่ไหนก็ตาม
“มึงยังไม่ตอบคำถามกูเลย”
“สำหรับกู...ฝันคือเพื่อนที่สนิทมากคนหนึ่ง เวลาที่กูเครียดหรือเศร้าจากเรื่องของมึง ฝันก็ชอบพากูไปทำอะไรที่กูสบายใจขึ้น กูกับเค้าก็เลยสนิทกัน เพราะงั้นฝันจะเดินเข้าออกห้องกูเมื่อไหร่ที่ไหนยังไงก็ได้” ผมยังคงสูดดมกล้าที่ซอกคอฟุดฟิด “ว่าแต่มึงจะสนใจทำไม กูกำลังนั่งกอดมึงอยู่นี่”
“ไม่รู้ดิวะ”
“...”
“เหมือนกูมาทีหลัง เค้าทำดีกับมึงสารพัด แต่กูไม่ทำห่าอะไรแถมมาแย่งเค้าไปเฉย”
มันพูดอะไรของมันวะนั่น “มึงมาก่อนฝันนะ”
“กูก็แค่...โว้ยยยย ช่างหัวแม่งแล้ว” กล้ากดปิดทีวี ทำปากจู๋นิดๆ พร้อมกับขยับเข้ามาใกล้ริมฝีปากผม
ผมยิ้ม แกล้งให้กล้ารอนิดนึง ก่อนจะค่อยๆ บรรจงแตะริมฝีปากไปที่ปากของกล้า
“เชื่อว่าการที่จะได้มึงมา แค่เรื่องฝันยังไงก็คงไม่พอ” มันขยับตัวมานั่งตักผม จากนั้นก็โอบกอดรอบคอผม การกระทำของคนที่อยู่ตรงหน้าทำเอาผมทั้งอึ้งทั้งชอบใจ
มันคงอยากที่จะแสดงความรักบ้าง...
“เอาดิ...ตอนนี้” ผมกระซิบพร้อมกับเอาหน้าผากไปชนหน้าผากอีกฝ่าย “ให้มึงได้กูเลย...ไม่ต้องแคร์ห่าอะไรแล้วเนี่ย”
“ไม่ใช่ได้อย่างนั้นดิ” มันพูดอุบอิบ แต่ก็มีความเขินอายเจือปนอยู่มาก
“ไม่ใช่อย่างนั้นเลยเนอะ” ผมแซวเล่นๆ อุ้มร่างของมันขึ้นมาทั้งตัวก่อนจะย้ายเข้าไปในห้องนอนของกล้า ตัวผมนั้นรู้ที่ทางดีเพราะตึกของเรามีห้องเหมือนกันหมด “ตอนกลางวันเราใช้ปากกัน ตอนนี้เราจะใช้อย่างอื่นแล้ว”
ผมบรรจงวางกล้าลงที่เตียง หลังจากนั้นผมก็ยืนมองกล้าที่นอนอยู่ครู่หนึ่ง สีหน้าแปลกๆ ของกล้าทำเอาผมต้องถามว่าอีกฝ่ายเป็นอะไร
“มีอะไรเหรอ”
“เดือนมหา’ลัยกำลังจ้องกู” แววตาของกล้ามองผมด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ทั้งตื่นเต้นระคนกับหลงใหล ความภาคภูมิใจของกล้าถูกส่งผ่านออกมาจนทำให้ผมรู้สึกดีที่ว่าผมไปประกวดเดือนเพื่อมันแถมยังได้รับตำแหน่ง
“จะเดือนหรือไม่ใช่เดือนก็คือคนที่รักมึงอยู่ดีป่ะ” ผมยิ้มก่อนจะค่อยๆ นั่งลงไปบนเตียง
เชื่อว่าถ้าไม่ได้อยู่กันสองคนกล้าคงกั๊กเรื่องการแสดงออกมากกว่านี้ พอมาอยู่กับผมสองคนในบรรยากาศที่เป็นใจ กล้าก็เลยโอนอ่อนตามสัมผัสของผมง่ายขึ้น เปิดเผยแต่ก็ยังมีความเก้ๆ กังๆ อย่างเขินอาย ดูจากอาการตัวสั่นพร้อมๆ กับตื่นตกใจเวลาที่ผมจับเอวในตอนนี้
“ใจเย็น” ผมปลอบอีกฝ่ายเพราะกลัวไก่จะตื่นเสียก่อน
จริงๆ แล้วเป็นผมเองต่างหากที่ตื่น...สายตาที่มันมองมาเมื่อตะกี้ เหมือนมันกำลังหลงใหลผมอย่างหัวปักหัวปำ
ผมดีใจฉิบหาย ดีใจมากจนบรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้
มือของผมถลกเสื้อของกล้าขึ้นพร้อมกับเริ่มลูบไล้ไปทั่วเนื้อส่วนใต้ร่มผ้า ตอนกลางวันทำให้ผมพอจะรู้มาบ้างว่ากล้านั้นนวลเนียนน่าสัมผัสมากกว่าคำว่า ‘แมน’ ที่เจ้าตัวชอบพูดเป็นอย่างยิ่ง
หุ่นกล้ามีกล้ามเนื้ออยู่บ้างตามประสาคนที่ป่าวประกาศไปทั่วว่าตัวเองแมนนักแมนหนา ไม่ได้นุ่มนิ่มแต่ทว่ากลับมีเอวคอดอย่างน่าอัศจรรย์ มิหนำซ้ำยังขาวส่องสว่างสะท้อนกับแสงสว่างที่โคมไฟหัวเตียง
โอ้โห...นี่ผมเป็นแฟนกับคนมีดีแต่ซ่อนรูปนี่หว่า
ใจผมเต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมานอกอก
ตอนกลางวันผมยังไม่รู้เลยว่ากล้าเอวคอดขนาดนี้
“มึงทำเป็นเหรอ” กล้าถาม หดตัวหนีผมจนกลายเป็นกึ่งนอนกึ่งนั่ง ขณะที่ผมนั้นเริ่มรุกล้ำเข้าไปใกล้ๆ อีกฝ่าย เมื่อได้เห็นตัวเล็กๆ ของกล้าตรงหน้า ผมก็เริ่มมีความรู้สึกผิดเล็กๆ ในใจว่าคนตัวใหญ่อย่างผมกำลังจะรังแกคนที่ตัวเล็กกว่า
ผมจะเก็บความรู้สึกผิดนั่นเอาไว้ลึกๆ ก่อน...
“ก็พอได้นะ” มือของผมดึงเสื้อนักศึกษาสุดเนี้ยบของตัวเองให้ออกมาจากกางเกงสแลค ผมแต่งตัวเต็มยศเพราะต้องขึ้นเวทีประกวดเดือน ทว่าตอนนี้เสื้อผ้าพวกนั้นมันไม่ได้มีประโยชน์ต่อไปอีกแล้ว
ระหว่างที่ผมกำลังปลดเข็มขัด...กล้าก็ยิงคำถามมาใส่ผมต่อ
“มึงไปหัดกับใครมา”
ผมชะงักมือตัวเอง ก่อนที่จะเลือกจับขาของกล้าให้ถ่างออกแทนอย่างแกล้งๆ มันตกใจจนขยับตัวแนบชิดไปกับหัวเตียง ถึงตอนนี้กล้าจะถ่างขาอยู่แต่ผมก็ขายาวกว่ามันมากอยู่ดี ไม่ว่ามันจะดิ้นไปไหนก็ไม่มีทางหนีผมได้พ้น
ว่าแต่...มันถามทำไมตอนนี้ว้า
“หัดกับมึงไง”
“ตลกแล้ว”
“ก็บอกแล้วว่ากูนึกถึงมึงทุกเช้า” ผมจัดการปิดปากคนขี้สงสัยด้วยริมฝีปากของผม “ให้บรรยายป่ะว่าจินตนาการถึงมึงตอนทำอะไรบ้าง
“เฮ้ย” มันกระพริบตาปริบๆ มองผม ปากของมันสีแดงอมชมพูจนผมรู้สึกอยากจะจูบอีกรอบ
“ตอนล่อนจ้อน” ผมจูบไปพูดไป
“...”
“ตอนครางเสียงเบาข้างหูกู”
“...”
“ตอนที่มึง...ใช้ปากให้กู”
“จริง...เหรอวะ” กล้ากลืนน้ำลายเบาๆ
“ก็จริงน่ะสิ”
“จะจินตนาการเก่งอะไรขนาดนั้น” นี่มันพูดไปเรื่อยแก้อาการเขินของตัวเองใช่มั้ยครับนี่
“ช่วยไม่ได้นี่ ก็มึงเทกูเอง” ผมกลับมาปลดเข็มขัดตัวเองอีกรอบ คราวนี้ใช้เวลาเพียงแค่ชั่วครู่เท่านั้น
“คนรักเดียวใจเดียวจะให้ทำอะไรตอนอยากวะ จะไปมีอะไรกับคนอื่นก็ไม่ได้อีก” “โห” กล้าดึงใบหน้าของผมไปจูบให้รางวัล แถมมันยังสอดลิ้นเข้ามาให้ผมรู้สึกวูบวาบเล่นๆ อีกต่างหาก “มึงน่ารักจังวะ”
“ถ้ากูน่ารัก...มึงก็รักกูให้มากๆ นะ”
ได้โปรดเถอะ... “งั้นต่อจากนี้...มึงก็ไม่ต้องเหนื่อยจินตนาการแล้ว”
พูดดีว่ะ...ผมจูบกล้าเป็นการให้รางวัลก่อนที่จะเริ่มปลดกระดุมชุดนักศึกษาของตัวเอง คราวนี้กล้าไม่ถามอะไรออกมาอีก เพราะมัวแต่มองผมด้วยสายตาตกตะลึงแทน
แค่ทำกันตอนกลางวันผมก็รู้สึกดีเป็นบ้าเป็นบอแล้ว พอได้มาทำกัน ‘จริงๆ’ อย่างตอนนี้ ผมเริ่มรู้สึกได้ว่าผมควบคุมตัวเองแทบไม่ค่อยจะอยู่
หุ่นที่ผมเฝ้าดูแลรักษามานานได้ใช้งานจริงๆ ก็คราวนี้ จำได้ดีว่าตอนที่ผมเริ่มเข้ายิมนั้นใหม่ๆ ผมรู้สึกอะไรบ้าง นอกจากจะพยายามทำให้ตัวเองหลุดพ้นจากวงเวียนแห่งความเศร้าแล้ว ผมก็ยังอยากให้กล้าได้มาเห็นผมตอนที่ผมดูดีขึ้นอีกด้วย
อยากให้กล้ารู้สึกใจเต้นเวลาที่ได้เห็น ชื่นใจที่ผมดูแลตัวเองได้ดี...ผมไม่รู้ว่าตอนนี้เจ้าตัวจะรู้สึกยังไงบ้าง แต่ที่แน่ๆ มันเอาแต่มองหุ่นผมแล้วก็กลืนน้ำลายลงคอ
น่าจะถือว่าเป็นเรื่องราวดีๆ นั่นแหละ
ผมขยับร่างเข้าไปใกล้คนตรงหน้าพร้อมๆ กับพรมจูบอย่างอ่อนโยนที่สุดเท่าที่จะทำได้ เนื่องด้วยรู้ดีว่าเราทั้งคู่กำลังอยู่ในบรรยากาศที่โรแมนติก ผมอยากให้ครั้งแรกของเราเต็มไปด้วยสัมผัสที่น่าจดจำ แต่ก่อนที่ผมจะทำอะไรกล้า ผมขอสารภาพอะไรบางอย่างกับคุณคนอ่านซะก่อนครับ
นี่ก็เป็นครั้งแรกของผม...เช่นเดียวกันกับกล้า
ผมชอบกล้ามาตั้งแต่มัธยม อีกทั้งยังรักฝังใจมานานหลายปีจนไม่กล้าไปมีอะไรกับคนอื่น จริงๆ แล้วผมก็กลัวตัวเองจะเงอะๆ งะๆ เหมือนกัน แต่ความปรารถนาในร่างกายของผมรวมไปถึงอารมณ์คุกรุ่นตามประสาฮอร์โมนเพศชายที่พร้อมสืบพันธุ์ตามธรรมชาติ ยังไงผมก็ทำเป็น
ถ้าผมไม่นำ...แล้วใครจะนำ
เชื่อใจพระเอกของเรื่องนี้สิครับ
ความต้องการของผมที่ล้นปรี่อยู่ในอกคงจะสอนผมเองว่าผมควรทำยังไงต่อไป
“อื้ออ”
กล้าครางเพราะผมจูบกล้าชนิดที่ว่าไม่ยอมให้ริมฝีปากของกล้าเป็นอิสระ ลิ้นของพยายามฉกฉวยเอาความหวานของอีกฝ่ายที่มีอยู่อย่างมากมายรอให้ผมได้ไปลิ้มลอง มันไม่ดันตัวผมออกไปแม้ว่าจะเริ่มหายใจไม่ไหว ร่างกายโอนอ่อนไปตามสัมผัสของผมจนผมนึกหวั่นใจ กลัวจะทำอะไรที่ไม่ทะนุถนอมอีกฝ่ายเข้าแล้วกลายเป็นเรื่องขึ้นมา
“ไม่พร้อมก็บอกนะ” ผมกระซิบเสียงพร่า ใช้ฝ่ามือลูบไปตามแผ่นหลังของกล้าจนอีกฝ่ายสยิวเล่นๆ แม้ว่าตอนนี้ใจผมนึกอยากจะรวมเป็นหนึ่งกับกล้าเต็มแก่แต่ผมก็ขอเคารพการตัดสินใจอีกฝ่ายดีกว่า
ไอ้หนูของผมเริ่มกระซิบบอกพ่ออย่างผมว่าอยากได้คนใต้ร่างคนนี้เต็มแก่ ที่จริงแล้วมันกระซิบบอกผมตั้งแต่มัธยมแล้วครับ เพียงแต่ตอนนั้นผมไม่กล้า
แค่ตามตื๊อให้มันรับรักก็เสียเวลาไปยี่สิบสี่ชั่วโมงต่อวันแล้วเหอะ
กล้าไม่ตอบผม แต่เอื้อมมือมาจับกางเกงที่อยู่เหนือเป้าของผมแทน
ผมถลึงตามองอย่างตกตะลึงงัน นัยน์ตาหวานหยาดเยิ้มแสดงความต้องการออกมาอย่างชัดเจนนั้นทำเอาผมถึงกับเพ้อ ครางออกมาเบาๆ อย่างห้ามตัวเองเอาไว้ไม่ได้
“อย่าทำหน้างั้นดิ” ผมโอดครวญ
“ทำไมอ่ะ” อีกฝ่ายร้องถามทั้งๆ ที่มือยังซุกซนกับเป้ากางเกงของผมอยู่
“มัน...” ทำให้รู้สึกอยากเอามากขึ้นกว่าเดิมเป็นล้านเท่า
สายตาของผมมองมือของกล้าสลับกับมองใบหน้ากล้า ตอนนี้มันเซ็กซี่เรียกร้องให้ผมลงไปฟัดทุกอณูทุกรูขุมขนของมัน
แม่ เจ้า โว้ย
ผมชอบที่กล้าชัดเจน...เราอยู่กันสองคนในห้องที่มีแสงสลัว ไม่จำเป็นต้องอายใคร แค่เราทำในสิ่งที่เราอยากทำกับอีกฝ่ายก็พอ
ตัวของผมเริ่มแข็งขืนไปหมดตามสิ่งที่อยู่กึ่งกลางของร่างกาย มือของกล้าดูเล็กลงไปถนัดตาเมื่อเทียบกับส่วนที่นูนออกมากลางลำตัวผม
ดูเหมือนอีกฝ่ายจะชอบแฮะ เพราะทั้งจับทั้งบีบทั้งคลึง
ผมกลืนน้ำลาย ความทะยานอยากพุ่งขึ้นถึงขีดสุดอย่างไม่สามารถบรรยายได้ ลองเหลือบมองดูว่ากล้าจะรู้สึกยังไง อีกฝ่ายก็กำลังกลืนน้ำลายอยู่เช่นเดียวกัน
เอาเลย...อยากทำอะไรก็ทำเลยเถอะ
การกระทำของกล้าทำเอาผมใกล้บ้า ความเงอะงะขาดความเชี่ยวชาญนั่นเป็นส่วนหนึ่งของเสน่ห์ล้นเหลือไร้ที่ติ
ชอบที่จะได้เห็นมันกล้าๆ กลัวๆ เพราะอยากให้ผมมีความสุข
ชอบที่จะได้มีครั้งแรกร่วมกันกับกล้า
ก่อนที่ผมจะตัดสินใจทำอะไรกล้า มือของกล้าก็เริ่มจัดการปลดกางเกงของผมอย่างอยู่ดีๆ ก็ใจร้อนซะอย่างนั้น ผมยิ้มมุมปาก แล้วค่อยๆ จับมือของกล้าเอาไว้ เพื่อที่ผมจะได้โน้มตัวไปหากล้าได้สะดวก
“เดี๋ยวกูทำเอง” ผมกระซิบก่อนจะจูบปิดปากกล้าอีกครั้ง คราวนี้ดูดดื่มกว่าครั้งไหนๆ เพราะผมไม่ยอมให้ทุกอย่างมันช้ามากไปกว่านี้อีกแล้ว ผมกลัวน้องชายของผมจะระเบิดตัวเองออกมาเพราะแรงปรารถนาที่อัดแน่นเกินคำบรรยายใดๆ
[ มีต่อนะคะ ]