ตอนที่ 19
นายท่าน
Klahanboy
Story Ig : ข้อความสีขาวเล็กๆ บนแบล็คกราวน์สีดำว่า ‘หายไปนานเกิ๊น กลับมาได้แล้ว’
ยอดวิวหลังจากอัพได้ห้านาที : 322 views
คอมเมนต์ผ่านทาง Direct message :
Tepsianxx : มึงเงี่xxเหรอ นี่คือเหตุการณ์หลังจากที่ผมตอบข้อความของฝันเสร็จ...ผมนั่งอยู่บนรถสองคนกับนายกองเพราะผมต้องขับรถไปส่งน้องที่บ้าน
แน่นอนว่าตอนที่ผมพูดตรงๆ กับฝันนั้นผมลงมาพูดข้างนอก ผมไม่อยากให้เรื่องของผมไปกวนชายไอ้น้องชายตัวแสบอีก
น้ำตากับความผิดหวังของฝันยังติดอยู่ในหัวของผม ผมรู้สึกแย่ที่ทำให้คนคนหนึ่งต้องมาร้องไห้และก็เศร้าโศก แต่จะให้ผมทำยังไง...ถ้าผมยังอยู่ใกล้ๆ ฝันต่อไป การคบกันระหว่างผมกับกล้ามันคงต้องมีอุปสรรคแน่ๆ
‘เสียดายพี่เขาหรือไง’ น้องชายของผมมันไม่ยอมปล่อยเรื่องนี้ง่ายๆ
‘ยุ่งไร นั่งเงียบๆ ไป’
‘ดีแล้วที่พูดกับผู้หญิงแบบนั้นตรงๆ’
ผมหันไปมองน้อง นายกองทำหน้าเหมือนเบื่อโลกใบนี้ซึ่งก็เป็นใบหน้าที่มันทำอยู่เป็นประจำ
‘ฝันเป็นผู้หญิงยังไง’ ผมลองถามความเห็นนายกองดู
‘พี่กล้าดีกว่าเยอะ’
‘เดี๋ยวดิ...’
‘มึงนี่ชอบทำอะไรที่ส่อแววนอกใจพี่กล้าตลอด’
‘มึงอยู่กับกูตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงหรือไงกอง’
‘...’
‘และนี่ไม่ใช่สิ่งที่เด็กมอสามควรพูด’
‘คนเราเวลาที่โตพอจะพูดอะไรได้ คนคนนั้นก็ควรได้พูดอะไรก็ได้ที่อยากพูด’
ยอม...ตอนนั้นผมไม่มีแม้แต่อารมณ์ที่จะมาโต้เถียงกับน้องชายสุดติสต์ของผม
‘อยากรู้จริงๆ เหรอว่าพี่ฝันเป็นคนยังไงในสายตากู’
‘อืม...กูเพิ่งถามไปกูคงไม่อยากรู้มั้ง’
‘พี่ฝันเป็นคนร้ายลึก’ นายกองตอบ ‘อย่าปล่อยให้อยู่ใกล้พี่กล้า พี่กล้าไม่ทันคนแบบนี้แน่ๆ’
ผมรู้สึกได้ว่าตัวเองจับพวงมาลัยแน่นขึ้น ผมคุยกับฝันมาได้เกือบสองปีก็จริง แต่บางทีผมก็รู้สึกว่าผมรู้จักเธอแบบผิวเผิน ไม่ได้รู้นิสัยลึกๆ จริงๆ ของเธอว่าเป็นยังไง
‘ร้ายลึกเหรอ’
‘ใช่’
‘...’
‘มึงก็อย่าเป็นพวกหล่อใสแต่ไร้สมองล่ะ ไม่งั้นกูด่าจริงๆ ด้วย’
ผมไม่เคยรู้ว่าเวลานายกองมันอยู่คนเดียวมันทำอะไรบ้าง มันเด็กกว่าผมหลายปีแต่กลับรู้เรื่องเหล่านี้เป็นอย่างดี...ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อแฮะ
‘เพราะถ้าเป็นงั้น...กูจะแย่งพี่กล้ามาจากมึงนะ’
คอของผมหันขวับไปมองน้องชายทันที
‘ระวังมอ’ไซค์’
‘...’
‘ท่าน มอ’ไซค์โว้ย!’
ผมกลับมามีสติอีกครั้งก็พอเสียงร้องอย่างตกใจของนายกอง
‘สติหลุดง่ายขนาดนี้ไม่ควรขับรถนะ’
‘หุบปากไปเลย’ ผมหงุดหงิดขึ้นซะงั้น
‘กูพูดเล่นหรอก’ น้องผมโวย ‘กูไม่แย่ง...แย่งไปก็เสียเวล่ำเวลา พี่กล้าเขารักมึงจะตาย’
‘อย่าพูดแบบนี้อีกนะเว้ย’
‘รู้แล้ว’
เชื่อว่าถ้านายกองมันคิดจริงจังเรื่องกล้าล่ะก็...ผมคงต้องปวดหัวตายแน่ๆ มันต้องเป็นอะไรที่หนักหนากว่าไอ้หนุ่มวิศวฯ คนนั้นแน่นอน ผมรู้สึกได้
วันนั้นเหตุการณ์มันไม่ได้จบลงแค่ว่าผมบอกปัดฝันหรือต้องมาตีความคำพูดของนายกอง มันมีสิ่งที่สาหัสกว่าสิ่งเหล่านั้นรอผมอยู่ ตอนที่นั่งอยู่บนรถกับน้อง...ผมไม่ได้มีการเตรียมตัวล่วงหน้า ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคุณแม่กำลังจะพูดในสิ่งที่ผมกลัว ผมไม่รู้เลยจริงๆ
ระหว่างนั้นผมรู้สึกเพียงอย่างเดียวว่ากล้ารักผม และผมก็ได้รักกล้า...มันจะมีอะไรที่ดีมากไปกว่านี้อีก
อย่างน้อยผมก็ได้แก้ปัญหาในเรื่องที่กล้ากำลังหวาดวิตก กล้าไม่ชอบให้ผมอยู่กับฝัน ซึ่งผมก็เข้าใจมัน...ผมเองก็ไม่ชอบเวลาที่มันอยู่กับคนอื่นที่ไม่ใช่เพื่อนของมันจริงๆ
แม้ผมจะรู้สึกแย่ที่ผมได้ทำร้ายความรู้สึกของผู้หญิงคนหนึ่งก็ตามที...แต่ผมก็จะพยายามทำใจและก็อยู่กับความรู้สึกนี้ต่อไป
ถ้าผมรักกล้า...ผมก็ต้องแคร์ความรู้สึกของมันด้วย
‘เฮ้อ’ นายกองถอนหายใจเมื่อผมเลี้ยวรถเข้าไปในบ้านของเรา ‘คุณแม่อยู่ด้วย...ยาวแน่ๆ’
‘มึงตายแน่’ ผมพูดแบบแกล้งๆ
‘อยู่กับกูก่อนสิ’
‘รู้แล้วน่า’ ผมมองนาฬิกา จำได้ว่ากล้าอยากให้ผมรีบกลับเพราะมันอยากซื้อของเข้าห้อง แต่ผมจำเป็นต้องอยู่กับน้องก่อน
บรรยากาศในบ้านค่อนข้างเย็นยะเยือกเนื่องจากผมโทรมาบอกคุณแม่แล้วว่าผมเจอตัวน้องชายเป็นที่เรียบร้อย ผมรู้สึกแปลกๆ กับคุณแม่ที่ไม่ยอมตามหาน้องให้ดีอย่างเป็นเรื่องเป็นราวมากกว่านี้ แต่ลึกๆ ในใจผมนั้นก็อดที่จะคิดไม่ได้ว่า...บางทีคุณแม่อาจจะรู้ใจนายกองมากพอเกินกว่าที่จะพลิกแผ่นดินตามหา
น้องผมเป็นตัวของตัวเองและเข้ากับคุณแม่ไม่ค่อยได้ ส่วนผม...ผมต้องใช้วิธีปรับตัว ไม่อย่างนั้นล่ะก็...ผมคงเตลิดหนีไปไกลมากกว่านายกอง
บางครั้งผมก็อยากทำอย่างนั้นแต่ผมไม่สามารถทำได้...แค่จินตนาการใบหน้าของนายพลกับนายน้อยตอนที่รู้ว่าผมหนีออกจากบ้าน ผมก็หนีไปไหนไม่รอดแล้ว
นายกองปฏิเสธไม่ให้เด็กในบ้านรับของจากมันไปถือ มันเดินหน้าบึ้งๆ เข้าไปหาคุณแม่ที่นั่งรอมันอยู่ก่อนแล้ว ผมคุ้นเคยกับใบหน้าคุณแม่ที่โหดแบบนี้ เพราะผมโดนเทศนาเรื่องของกล้ามากกว่าสิบยี่สิบรอบจนผมเคยชิน
...และผมก็ไม่เคยทำตามที่คุณแม่บอกเลย
‘มาแล้วเหรอ เจ้าตัวดี’ ทันทีที่เราทั้งคู่ไหว้ทักทายคุณพ่อกับคุณแม่ คุณแม่ของผมก็เริ่มส่งเสียงไม่พอใจออกมาทันที
‘สวัสดีครับคุณแม่ สบายดีนะครับ’ น้องผมตอบ
ไอ้กวนประสาทเอ๊ย...
‘แม่ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มตรงไหนก่อนดี’
คุณพ่อของผมท่านเป็นคนเงียบๆ ท่านได้แต่มองน้องชายของผมด้วยสายตาผิดหวัง ก่อนจะทอดถอนใจ ปล่อยให้คุณแม่เป็นฝ่ายพูดกับน้องผม
‘คุณแม่ก็ควรเริ่มจากการลืมเรื่องในวันนี้ซะ แล้วก็ปล่อยให้ผมไปพักผ่อน’
‘มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก’
‘แล้วคุณแม่จะทำอะไรครับ จะตีผมหรือจะหวดก้นผม’
‘แม่คิดว่าจะ...’
‘จะอะไรก็ช่างเถอะครับ ผมพร้อมยอมรับผิดทั้งหมดนั่นแหละ ยังไงผมก็ทำผิดอยู่แล้วนี่ ผิดสำหรับคุณมานะ แต่ไม่ได้ผิดสำหรับผม’
‘มาแล้วเหรอ’ นายพลเดินมาหานายกองโดยที่มันยังอยู่ในชุดนักเรียน มันทำท่าจะเข้ามาโบกกบาลน้องแต่เมื่อเห็นสีหน้าคุณแม่มันก็รีบเก็บมือ แต่ก็ไม่วายพูดเสียงเบาออกมาอย่างเหลืออด ‘มึงทำเชี่ยอะไรลงไป’
‘อะแฮ่ม...ภาษา’ คุณพ่อแกล้งกระแอม
‘นายน้อยล่ะ’ นายกองถามนายพล
‘ยังไม่กลับจากเรียนพิเศษ’
‘อืม’
‘น้องไม่รู้นะว่ามึงหนีออกจากบ้าน น้องคิดว่ามึงไปออกค่ายกับโรงเรียน’
‘คุณแม่ไม่ยอมให้บอกความจริงน้องหรือไง’ นายกองไม่ได้พูดกับนายพล...แต่มันหันไปพูดกับคุณแม่กันเลยทีเดียว ‘ทำไม กลัวน้องทำตัวเลียนแบบผมเหรอ’
‘หรือมึงชอบให้นายน้อยกังวลฮะ?’ นายพลค้ำสะเอว ทำท่าจะจิ้มหน้าอกนายกองเพื่อต้องการสั่งสอน
‘ขึ้นไปข้างหมดให้หมด แม่หมดความอดทนแล้ว’ คุณแม่ส่งเสียง ‘เอาไว้คุยกันทีหลังว่าแม่จะทำโทษกองยังไง’
‘อย่าให้ผมออกจากบ้าน ผมจะรู้สึกดีมาก’
คุณแม่เม้มปาก ไม่ยอมนายกองง่ายๆ
‘บางทีอาจจะให้ออกงานสังคมสักสิบงาน’
‘คุณแม่!’ มันร้องเมื่อได้ยินจุดอ่อนของมัน ‘ไม่เอา ผมไม่เอา!’
‘ขัดแม่ได้เหรอ’
น้องผมทำหน้าโกรธสุดชีวิตแต่ก็ได้แต่กลั้นเอาไว้ ผมมองตามหลังนายกองที่มีนายพลเดินตามขึ้นไปอย่างอ่อนใจ ตั้งท่าจะไหว้ลาคุณพ่อกับคุณแม่เพื่อขับรถกลับมหา’ลัยแล้ว เพียงแต่ว่า...
‘อยู่คุยกันก่อนสิ’ ...คุณแม่ท่านไม่ยอมให้ผมกลับง่ายๆ
‘คุณแม่จะคุยเรื่องเดิมทำไม ทั้งๆ ที่รู้ว่ายังไงมันก็ลงท้ายแบบเดิม’
‘เป็นลูกแม่จะไม่คุยกับแม่สักหน่อยเหรอ’
ผมกำหมัดแน่น รู้สึกอยากชกอะไรสักอย่าง
‘ก็ได้ แต่ผมมีเวลานิดเดียวนะ’
คุณแม่พยักเพยิดให้ผมเดินตามไปที่ห้องทำงาน ผมเหลือบมองไปที่คุณพ่อ ท่านเอาแต่เงียบและก็มองผมด้วยสายตาว่างเปล่า จริงๆ แล้วคุณพ่อของผมเป็นคนคุยด้วยง่าย แต่ท่านเองก็มีข้อเสียอยู่ข้อหนึ่งที่ไม่ว่าจะยังไงก็แก้ไม่หาย...
...ท่านรักคุณแม่ของผมมากเกินไป
อะไรที่คุณแม่ของผมบอกว่าถูก คุณพ่อก็จะบอกว่าถูก ถึงแม้ว่าสิ่งนั้นจะเป็นสิ่งที่ทำให้ลูกๆ ไม่มีความสุขก็ตาม
ไม่ว่าจะยังไงคุณแม่ของผมก็ถูกเสมอ...เพราะฉะนั้นคนในครอบครัวที่ผมสามารถไว้วางใจที่สุดได้จึงหนีไม่พ้นบรรดาน้องชายของผมทั้งสามคน
ห้องทำงาน
ผมรู้สึกเหนื่อยตั้งแต่ยังไม่ได้คุยกับคุณแม่ ผมรู้ว่าเราทั้งคู่ต้องโต้เถียงกันในเรื่องเดิมๆ แต่ผมก็ไม่สามารถเลี่ยงได้จริงๆ
‘ช่วงนี้ดังนี่’ คุณแม่กำลังเปิดไอแพด ดูสิ่งที่คนภายนอกกำลังพูดถึงผมด้วยสายตาชื่นบาน
นั่นไม่ใช่ใบหน้าที่น่าไว้วางใจ...ทุกคนเชื่อผมได้เลย
‘คุณแม่เข้าประเด็นได้แล้ว ผมรีบ’
‘แม่ดีใจนะที่ท่านถ่ายรูปขึ้นขนาดนี้ หุ้นของบ้านเราราคาพุ่งขึ้นมากก็เพราะท่าน’
‘คุณแม่ ผมรู้ว่าคุณแม่เรียกผมมาเพราะเรื่องอื่น ไม่ใช่เรื่องนี้’
‘อนาคตค่ายเราต้องสดใสแน่ๆ’
‘...’
‘...’
‘...’
‘อย่ามองแม่ด้วยสายตาแบบนั้น’
‘กองหนีออกจากบ้าน’ ผมค่อยๆ เอ่ยเสียงแข็ง
ผู้มีพระคุณของผมเริ่มกลืนน้ำลาย
‘เด็กอายุสิบห้าหนีออกจากบ้าน แต่คุณแม่กลับปิดข่าว ปล่อยให้ผมตามหาน้องอยู่คนเดียว’
‘เพราะแม่รู้ไงว่ากองไปได้ไม่ไกล’
ผมกัดฟันกรอด ‘ถ้ามันมีครั้งต่อไปล่ะครับ ถ้าน้องมันกล้ามากกว่านี้แล้วไปไกลมากกว่านี้ล่ะ’
‘แม่ควบคุมกองได้’
‘คุณแม่พูดแบบนี้หลายครั้งแล้ว’
‘...’
‘บางทีคุณแม่อาจจะลองเปลี่ยนที่ตัวเองดู...ไม่ใช่น้อง’
คุณแม่ของผมวางไอแพดลง ‘นายกองแค่ไม่เหมาะกับวงการ แต่นี่มันคืองานของบ้านเรา มันคือเรา มันทำให้เรามีกินมีใช้จนถึงทุกวันนี้นะ’
‘ผมรู้ครับ ต่อไปคุณแม่ก็อย่าลากน้องเข้ามาเอี่ยวเยอะละกัน’
‘ที่จริงแล้วแม่ก็ไม่ได้ทำอะไรก่อนหน้านี้เลย’ คุณแม่เอ่ย ‘แม่ไม่ได้ให้กองออกสื่อด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าทำไมน้องถึงได้...’
‘มันอาจจะเกี่ยวกับผมก็ได้ครับ’ ผมเอ่ยบ้าง ‘กองคงเห็นว่าผมทะเลาะกับคุณแม่บ่อย’
‘ฉะนั้นเราสองคนควรเลิกทะเลาะกันต่อหน้ากอง’
‘วันไหนที่เราเลิกทะเลาะกันแปลว่าวันนั้นผมเลิกกับกล้าตามความปรารถนาของคุณแม่...ฉะนั้น...ผมกับคุณแม่จะไม่เลิกทะเลาะกันครับ’
ผมเชื่อว่ามันคงถึงเวลาที่จะพูดเรื่องของผมแล้ว
‘เมื่อก่อนคุณแม่ทำได้ยังไง...เรียกเด็กมอห้ามาขู่แบบนั้นเนี่ยนะ’ ยิ่งคิดผมก็ยิ่งปวดใจ...ตอนนั้นกล้ามีเรื่องปวดหัวมากมายทั้งเรียนต่อและก็ปัญหาเพื่อนเก่าของพ่อตัวเองที่มาตามตื๊อขอยืมเงินแม่ แต่คุณแม่ของผมกลับเรียกกล้ามาคุยเรื่องผมหลายต่อหลายรอบ คุยเหมือนที่คุยกับผม...พูดจาหว่านล้อมและโน้มน้าวให้ยอมแพ้เรื่องความรักวัยรุ่นที่ยังไงก็ดูเหมือนจะไปไม่รอด
ผมเข้าใจที่กล้ากลัวลนลานและสติแตก...เข้าใจที่มันตัดสินใจเทผม...
ต้นเหตุมันก็เป็นเพราะคุณแม่ของผม...
‘แม่ไม่ได้ขู่ แม่แค่พูดความจริงให้กล้าฟังดู’
‘...’
‘แต่เห็นได้ชัดว่ากล้าไม่ฟังแม่แล้ว’ คุณแม่ผมกลอกตา
‘ถ้ากล้าฟังคุณแม่อยู่ ลูกคุณแม่ก็คงไม่มีวันมีความสุขหรอก’
ผมมองนาฬิกาข้อมือ ทำท่าลุกลี้ลุกลนอยากจะออกไปอย่างเห็นได้ชัด
‘คบกันแล้วสินะ’ คุณแม่พูดเสียงเย็น กดไอแพดให้ขึ้นรูปผมกับกล้าที่ไปกินบะหมี่เจ้าอร่อยด้วยกัน เราทั้งคู่นั่งอยู่ใกล้กันแถมยังมองกันด้วยนัยน์ตาหวานฉ่ำ บางทีคนนอกอาจจะรู้ไปแล้วว่าเราเป็นแฟนกัน ‘เปิดตัวกันโจ๋งครึ่ม...ไม่อายฟ้าดิน’
‘ยังไม่มีใครรู้อะไรขนาดนั้น’ ผมสวน
‘คิดว่าแม่จะรู้สึกดีที่ได้ยินประโยคเมื่อกี้จากปากท่านเหรอ’
‘ครับ คุณแม่ต้องรู้สึกดี’
‘ไม่ได้’
คุณแม่พูดคำนี้เป็นครั้งที่ล้านแล้วมั้ง หากเริ่มนับตั้งแต่ที่ผมเริ่มจีบกล้าใหม่ๆ
‘ยังไงก็ไม่ได้’
‘เสียใจ...เราได้กันไปแล้วด้วย’
ถ้าผมไม่มีเชื้อนายกองอยู่บ้าง...ผมคงไม่ได้เป็นพี่ชายมันหรอก
‘แม่ไม่อยากได้ยิน’ คุณแม่ทำท่าปิดหู
‘ผมแค่อยากให้คุณแม่รู้ว่าคำพูดของคุณแม่ไม่มีความหมายกับผม’
อีกฝ่ายเริ่มนิ่ง...จากนั้นก็จ้องมองมาที่ผมด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความหมาย ใบหน้าของคุณแม่ผมเริ่มยกระดับจากเสียขวัญกลายเป็นมีแผนการเล็กๆ ในใจ
‘คุณแม่จะพูดอะไร’ ผมชิงโพล่งออกไปก่อนเพราะชักกังวล...รู้ดีว่าหน้าแบบนั้นของคุณแม่ย่อมมีเรื่องไม่ดีตามมาอย่างแน่นอน
‘ท่านเป็นคนคนนึงในวงการ ไม่ใช่ลูกตาสีตาสา’
‘...’
‘กล้ารู้สึกยังไงบ้างล่ะ ที่ได้คบกับคนในวงการ’
ผมกระพริบตาปริบๆ...เราทั้งคู่เพิ่งคบกันและยังไม่ได้ควงกันไปไหนมาไหนในที่สาธารณะบ่อยๆ...และก็...
‘มีใครมองกล้ามั้ย มีใครพูดถึงกล้าบ้างหรือเปล่า’
‘...’
‘เริ่มมีคนส่อง เริ่มมีคนขุดหรือยัง’
นี่แหละครับคือสิ่งที่ผมพูดถึง...สิ่งที่ผมคาดไม่ถึงและก็ไม่เคยคิดถึงมันมาก่อน
ความเป็นส่วนตัวของกล้า ‘ลูกแม่ดังขึ้นเรื่อยๆ เลยนะเนี่ย...เอ๊ะ กล้าจะทนไหวหรือเปล่านะที่จะต้องตกเป็นเป้าสายตาของชาวบ้านชาวช่อง ทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นคนธรรมดา’
‘ผมกับกล้าจะผ่านมันไปได้อยู่แล้ว’
‘แม่ไม่ห่วงท่าน แต่แม่เป็นห่วงกล้า’
‘ความเป็นห่วงของคุณแม่เป็นอะไรที่โคตรจริงใจสุดๆ’
‘ภาษา...’ คุณแม่เตือนเสียงเข้ม
‘คราวนี้คุณแม่จะหยิบเรื่องนี้มาสู้กับผมใช่มั้ย’
คุณแม่ผมยักไหล่...ผมรู้สึกโกรธ โมโห และฉุนเฉียวจนหน้าของผมแดงไปหมด คุณแม่ของผมอยู่ในวงการมานานย่อมรู้ดีว่าวงการบันเทิงจะขับเคลื่อนไปในทิศทางไหนหากข่าวเรื่องผมกับกล้าหลุดออกไป
ท่านทำเหมือนไม่แคร์ชื่อเสียงบริษัท...แต่แคร์ความรู้สึกของกล้าแทน
ท่านรู้ว่านั่นคือจุดอ่อนของผม
‘แม่ยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะ’
‘คุณแม่จะคิดยังไงกับช่าง...แต่ผมกับกล้า...เราผ่านเรื่องนี้ไปได้อย่างแน่นอน’
‘กล้าเขาไม่ได้อยู่ในวงการมาตั้งแต่เกิดอย่างท่านนะ’
‘ก็เพราะอย่างนั้นไงมันถึงต้องมีผมอยู่ข้างๆ’
‘แล้วแต่ละกันนะ’ คุณแม่ของผมยิ้มมุมปาก ‘ก็อย่าให้มันประเจิดประเจ้อมากนักก็แล้วกัน ประเทศเราเปิดกว้างเรื่องเพศทางเลือกก็จริง...แต่ก็ยังกว้างไม่พอ’
ผมกัดริมฝีปากอย่างพยายามเก็บอารมณ์ ‘ดูแลสุขภาพนะครับคุณแม่’
ตอนที่เดินออกมาจากห้อง ความโมโหของผมก็ยังไม่มลายหายไป...นอกจากความโกรธที่มีอยู่อย่างมากล้นแล้ว ยังมีความกังวลที่เริ่มไหลบ่าเข้าสู่ห้วงความคิดของผมอย่างหยุดไม่ได้อีกต่างหาก
ผมคิดแค่ความสุขระหว่างผมกับกล้า...ความสุขที่เราทั้งคู่ได้รักกันและใจตรงกัน แต่ความสุขที่ควรตามมาหลังจากนั้น...ผมยังไม่ได้คิดถึงมันเลย
มันไม่ใช่แค่เรื่องของคุณแม่ที่ผมกับกล้าต้องจับมือกันผ่านไป...แต่เป็นเรื่องของสังคม เรื่องที่ผมไม่ควรได้รับผิดชอบ แต่ก็ได้รับผิดชอบ เพราะเกิดมาเป็นลูกของคนที่มีอิทธิพลในสื่อ
ถ้าผมเลือกได้...ผมก็คงเลือกเกิดเป็นลูกตาสีตาสาหรือไม่ก็ลูกของยายมียายมาดีกว่า
ผมสามารถเทได้ทุกอย่างเพื่อกล้า ปล่อยให้คนทั้งประเทศด่าผมได้ เพราะผมรู้ดีว่าข่าวในวงการบันเทิงเดี๋ยวมาเดี๋ยวไปอยู่แล้ว...แต่ผมไม่สามารถปล่อยให้คนทั้งประเทศมาด่ากล้าได้จริงๆ กล้าไม่เคยตกอยู่ในสถานการณ์แบบนั้น และผมก็ไม่อยากให้มันมาเป็นจุดสนใจของสังคมที่มีแต่คนคิดแบบนานาจิตตังอีกด้วย
กลัวแฮะ...ผมยอมรับจริงๆ ว่าผมกลัว...
ถ้ากล้ามันโดนแบบนั้น...ผมกลัวว่ามันจะอดทนคบกับผมไม่ได้ แล้วผมก็ไม่สามารถเห็นแก่ตัวในสถานการณ์แบบนั้นได้จริงๆ
มันเป็นเรื่องใหญ่มากเกินกว่าที่คนตัวเล็กๆ อย่างกล้าจะมาแบกรับ...
‘กลับบ้านมาได้สิบนาที...คุณแม่ทำให้กูอยากหนีออกจากบ้านอีกแล้ว’
ผมตกใจที่เห็นนายกองยืนพิงอยู่ผนังข้างประตู น้องมันคงได้ยินสิ่งที่ผมพูดกับแม่ไปจนหมดสิ้น
‘คือว่า...’ ผมกลัวว่าน้องจะเตลิดหนีไปอีกรอบ จึงพยายามพูดจาแก้ต่าง แต่นายกองก็ไม่เปิดโอกาสให้ผมได้พูด
‘ถ้ามึงทำได้...มึงก็คงหนีไปแบบกูใช่มั้ย’
ผมยิ้มแห้ง ‘แล้วให้น้องอยู่ในบ้านแบบนี้กันเองสามคนเนี่ยนะ?’
‘ลองตัดพวกกูออกไปดูดิ’
‘กูหนีชัวร์ๆ...จะอยู่ไปทำไมล่ะ’
นายกองยิ้มที่ผมพูดความจริงกับมัน... ‘วงการงี่เง่า’
‘ตั้งใจเรียนนะ’
‘ท่าน’
‘หืม’
‘กูเป็นเกย์มั่งดีมั้ย เอาให้คุณแม่ปวดหัวหนักกว่านี้ไปเลย สะใจดี’
ผมอ้าปากค้างน้อยๆ จากนั้นก็ยิ้มให้น้อง ‘มึงยังเด็ก ลองอยู่ๆ ไปก่อน เดี๋ยวมึงก็รู้ตัวเอง’
‘ตอนไหนวะที่มึงรู้ตัวว่ามึงเป็นเกย์’
นานๆ ทีผมจะได้ทำหน้าที่พี่ชายให้นายกอง...ฉะนั้นผมจึงไม่รังเกียจที่จะได้แชร์เรื่องราวของตัวเอง
‘ตอนที่ชอบพี่กล้าของมึงนั่นแหละ’
‘ทำไมถึงชอบล่ะ’
‘มึงก็ได้ไปสัมผัสด้วยตาของมึงเองแล้วนี่’
นายกองทำท่านึก จากนั้นก็ยิ้มเพ้อๆ
‘กวนตีนละ อย่าทำหน้าแบบนั้นตอนคิดถึงแฟนพี่มึง’
‘ฮ่าๆๆ ล้อเล่น’
‘...’
‘สำหรับกู...พี่น้องมาก่อนความรักเว้ย’
‘แก่แดด ให้บ้านเรามีแต่พลที่แก่แดดคนเดียวจะได้มั้ย กูปวดหัว’
‘สรุป...ทำไมมึงถึงชอบพี่กล้า’
‘ยังอยากรู้อยู่อีกเหรอ’ ผมขยี้ผมนายกอง
‘ตอบมา’
‘เพราะมัน...รักกูเหมือนกันมั้ง’
‘หา’
‘ถ้ามันไม่แสดงออกว่าชอบกูเหมือนกัน กูก็คงยอมแพ้ไปนานแล้ว’
‘มันก็จริงว่ะ’
‘...’
‘กูคิดไว้แล้วว่ากูจะเป็นเกย์!’
เงาแค้นนายหญิง อรุณกิตตินิวัฒน์ก็คือนายกอง อรุณกิตตินิวัฒน์นี่ไง...จะใครซะอีก ผมอดขำออกมาไม่ได้ ถึงมันจะเป็นเด็กที่ทำตัวโตกว่าอายุ แต่ก็มีบางมุมของมันที่ยังเป็นเด็ก
‘อย่าใช้นี่รู้สึกสิ’ ผมจิ้มเบาๆ ไปที่ศีรษะของมัน ก่อนจะเปลี่ยนเป็นจิ้มเบาๆ ที่หน้าอก...ตรงหัวใจของมัน ‘ใช้นี่’
มันก้มหน้าดูหัวใจของมันเองอย่างไม่เข้าใจคำพูดของผม...ผมส่งยิ้มให้น้องก่อนจะลูบผมมันเป็นครั้งสุดท้าย แล้วออกมาจากบ้านหลังใหญ่ของตัวเอง
นี่คือเหตุการณ์ทั้งหมดก่อนที่ผมจะกลับมาเจอกล้า ก่อนที่ผมจะพรวดพราดเข้ามาในห้องของกล้า ก่อนที่กล้าจะทักมาว่าเคาะประตูบ้างก็ได้ และก็ก่อนที่กล้าจะพูดว่า ‘ตกลงเป็นไง’
ผมเลือกที่จะเล่าให้กล้าฟังเฉพาะเรื่องของฝัน แน่นอนว่ากล้าแสดงสีหน้าโล่งใจอย่างเห็นได้ชัดว่าผมนั้นพูดกับฝันไปตรงๆ แล้ว ผมยังเล่าอีกว่าเราทะเลาะกันนิดหน่อย แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่มันควรจะเกิดขึ้นอยู่แล้ว
ผมดีใจที่ได้เห็นว่าแฟนผมทำสีหน้าสบายใจ...อย่างน้อยก็สบายใจไปหนึ่งเรื่อง
ระหว่างที่กำลังขับรถไปที่ห้าง ผมแอบชำเลืองมองกล้าที่นั่งอยู่ข้างๆ อย่างเป็นกังวล กล้ากำลังเล่นโทรศัพท์อยู่บนรถ แถมกำลังเช็กเรตติ้งของผมอย่างเมามันว่าใครพูดถึงผมว่าอะไรบ้าง
“หุ่นนายท่านดีมาก...อืม อันนี้เห็นด้วย” กล้าอ่านออกเสียง เหมือนมันพูดอยู่คนเดียวมากกว่าที่จะพูดอยู่กับผม “อยากให้นายท่านถอดเสื้อให้ดู...ท่าน มึงจะถอดเสื้อให้เขาดูป่ะ”
ผมสะดุ้ง...เพราะจู่ๆ กล้าก็หันมาถามผม
“คงต้องถามมึงก่อน”
“อืม กูไม่ให้ถอด”
“หึ” ผมหัวเราะเบาๆ ในลำคอ
“สเปกของนายท่านจะเป็นยังไงบ้างน้า...” มันอ่านคอมเมนต์ชาวบ้านแล้วก็ตอบกับตัวเองไปเรื่อยๆ ครับ ท่าทางจะว่างจัด หรือไม่ก็พยายามแสดงออกว่าตัวเองไม่ได้กังวลอะไรเรื่องฝัน
โธ่เอ๊ย...มึงกับกูยังมีเรื่องให้ต้องกังวลอีกเยอะเลย ที่รักเอ๋ย
“กูตอบได้อันนี้ ต้องขาวมาก สวยมาก และก็หุ่นดีมาก” มันหันมาผม “อันนี้กูพูดถูกป่ะ”
“ก็ถูกนะ” ผมตอบ
มันทำหน้าบึ้งตึง
“อ้าว ก็มึงถามกู” ผมขอแกล้งกล้าเพื่อเป็นยาใจให้ตัวเองสักหน่อย
“ทำไมต่างจากกูจังวะ”
“...”
“เสียใจด้วยนะที่มึงได้แฟนต่างจากที่มึงตั้งสเปกเอาไว้เยอะเลย” มันแกล้งประชด
“ก็ไม่ได้เสียใจนะครับ” ผมหัวเราะเบาๆ
คำพูดของผมทำสีหน้าของกล้าดีขึ้น...ผมแอบมองเพราะการที่กล้าทำหน้าแบบนั้นมันก็ทำให้ผมรู้สึกดีได้ด้วยเหมือนกัน
อืม...
แม่งน่าหอมน่าจูบจังวะ
ผมจะพยายามมีสติให้มากที่สุด และถ้าผมไม่มีสติ...ผมจะแวะจอดข้างทางเพื่อทำในสิ่งที่ผมปรารถนา จากที่คุณคนอ่านรู้จักผมมา คุณคนอ่านคงจะรู้ใช่มั้ยครับว่าผมมักจะสติหลุดเวลาที่ขับรถ...
...แต่เฉพาะเรื่องของกล้าคนเดียวจริงๆ คนอื่นไม่สามารถทำให้ผมสติหลุดตอนขับรถได้เลยแม้แต่นิดเดียว
“อยากให้นายท่านมีสักสิบคนในประเทศไทย” กล้ามองผม ก่อนจะถอนหายใจ “ไม่ได้หรอก...กูคงเหนื่อยหึงตาย”
มันทำให้ผมยิ้มระหว่างที่ผมกำลังเครียดได้...
“อยากให้นายท่านเป็นดาราจริงๆ อ่ะ เป็นนักแสดงหรือนักร้องก็ได้ เราอยากติ่ง”
“...”
“มึงคิดว่าไง”
ผมยักไหล่...เรื่องทำงานในวงการของผมมีเพียงอย่างเดียวคือบริหารบริษัทของที่บ้าน ไม่ใช่ไปทำอะไรแบบนั้น ผมคิดว่ามันไม่เหมาะกับผมน่ะ
“มึงดังฉิบหายเลยท่าน นี่มันไม่ใช่แค่ในหมู่วัยรุ่นแล้วนะ คนรุ่นอื่นๆ ก็เริ่มรู้จักมึง เริ่มจับตามองมึง”
กล้าตอกย้ำในความจริงที่ผมต้องการหลีกหนี...
“อืม” ผมยิ้มเบาๆ ส่งให้อีกฝ่าย...ทำได้แค่ไม่แสดงสีหน้ากังวลเพื่อที่จะให้อีกฝ่ายสบายใจ
“กูต้องทำตัวยังไงเนี่ย” กล้ารำพึง...เหมือนมันพูดกับตัวเองและไม่ได้พูดกับผม
ผมบีบพวงมาลัยแน่นขึ้น
...รู้สึกได้ว่าคุณนายหญิง อรุณกิตตินิวัฒน์ได้ทำคะแนนนำผมทั้งๆ ที่ไม่ต้องลงทุนลงแรงมากมายอะไรเลย
[ท่าน เคลียร์ยัง]
“เหนื่อยมากเลยวันนี้ มีเรื่องให้เครียดประมาณสี่สิบแปดเรื่อง”
[เล่ามา ไอ้สัด]
“อยู่ Tops กับกล้า เดี๋ยวคงต้องวางสายแล้ว”
[อืมๆ มึงพาพี่กล้าไปซื้อของเลย]
“เดี๋ยว...สัดทิม”
[ว่า?]
“ถ้ามึงเป็นแฟนกู มึงจะรู้สึกไงวะ”
[รู้สึกอยากอ้วกน่ะสิถามได้]
“ไม่ใช่อย่างงั้นสิ สมมติน่ะสมมติ”
[ก็คง...เหนื่อยมั้ง]
“...ยังไง”
[ไม่รู้สิวะท่าน...มึงต่างจากกูกับนุกมากเลยนะ มึงดังมาก]
“...”
[ตอนนี้ใครๆ ก็สนใจมึง จับตามองมึง มึงจะขี้จะเยี่ยวก็คงมีคนตามไปถ่ายรูปมึงอ่ะ]
“...”
[จะคบกับมึงก็คงต้องอดทนหน่อย อดทนกับความดัง ความกดดันของสังคม...]
“...”
[เชี่ย นี่มึงกำลังกังวลเรื่องความรู้สึกพี่กล้าอยู่ใช่ป่ะ]
“แค่นี้ก่อนนะ”
[สัดท่าน เดี๋ยว!]
ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด TBC* โถลูก...