สวัสดีครับ ผมชื่อ filip olivier เป็นนักแสดงAV…
AV ย่อมาจากไหน?....Animation ? ใช่แล้วล่ะครับ ผมนี่ล่ะ โนบิตะคุงคู่หูของโดราเอมอน!
ถ้าคุณไร้เดียงสาขนาดจะเชื่อตามนั่น ล่ะก็ ผมแนะนำว่าอย่าอ่านเรื่องของผมต่อไปเลยจะดีกว่าครับ แต่ถ้าคุณว่า Animation นี่มันทะแม่งๆ ล่ะก็... โอเคครับ คุณคิดถูก...ผมเป็นนักแสดง AV เรียกเต็มยศก็ Adult Video หรือจะเรียกง่ายๆสั้นๆ แต่รู้กันก็ หนังX หรือหนังโป๊นั่นแหละครับ และอย่าแปลกใจ ถ้าผมจะบอกว่าคู่ของผมก็เป็นผู้ชายเหมือนๆกัน...แต่คุณอย่าได้นึกถึงหนังที่พอกด play แล้วคุณก็จะไม่มีโอกาสเห็นอะไร นอกจาก อวัยวะสืบพันธ์เพศชาย กับ ร่องก้น จนกระทั่งหนังจบนะครับ
AV ของผมมีระดับกว่านั้น เพราะผมเป็นนักแสดงในสังกัดของ Bel Ami ครับ
แค่ชื่อนี้ก็การันตีได้แล้วใช่มั๊ยล่ะครับว่า ถ้าคุณกดplay และเห็นหน้าผมเมื่อไหร่คุณจะไม่ร้อง...ยี้...แล้วกินไส้กรอกเยอรมันไม่ลงไปนานหลายๆสัปดาห์
หนังAV ของBel Ami นอกจากจะได้ชื่อว่าคัดนักแสดงมาอย่างดีแล้ว ยังใส่ใจเรื่องเนื้อหาของตัวหนังด้วย อย่างเรื่อง cherries หนังAVสุดhot ที่เป็นเรื่องของคู่รักหลายๆคู่ มีการหยอกล้อ กระเซ้าเย้าแหย่กัน และมีบทสัมภาษณ์เล็กๆดูเป็นธรรมชาติว่าความรักของแต่ละคู่ดำเนินมาอย่างไร บทถูกเขียนมาให้เหมาะกับบุคลิกของนักแสดงแต่ละคน ซึ่งทั้งหมดนี้คือเสน่ห์เฉพาะตัวของหนังจากค่ายBel Ami
แต่นั่นแหละครับ หนังก็คือหนัง คุณเคยคิดไหมครับว่า บรรยากาศการถ่ายทำของหนังAV เป็นอย่างไร ถ้าผมบอกว่า มันยิ่งกว่าการจัดฉาก คุณจะเชื่อหรือเปล่า? มันอาศัยเทคนิคการตัดต่อ ชนิดที่คุณไม่อยากเชื่อว่าหลังฉาก มันจะเป็นอีกแบบชนิดหน้ามือและหลังมือ คุณจะเชื่อไหม?...อ๋อ!แต่ไม่ต้องห่วงนะครับ เรื่องเทคนิคการตัดต่อที่ผมว่า ไม่เกี่ยวกับหน้าตา หรือขนาด ของนักแสดงหรอกครับ... นั่นน่ะของจริง ผมรับรองได้!
แต่ถ้าคุณไม่เชื่อล่ะก็...ผมจะเล่าให้คุณฟังเอง
แนะนำตัวอีกครั้ง...ผมชื่อ filipe เพื่อนๆเรียกผมสั้นๆว่า ฟิล ผมเป็นหนึ่งในนักแสดงAV ในเรื่อง Cherries ถ้าคุณมีโอกาสดูหนังเรื่องนี้ คุณน่าจะจำคู่รักที่ตื่นขึ้นมาบนเตียงในตอนเช้า สัมผัสกันแผ่วเบาแทนการกล่าวอรุณสวัสดิ์ คู่ของผมในเรื่องคือ Oliver Krist หรือรู้จักกันในหมู่เพื่อนๆว่าคริส...และเจ้าหมอนี่ล่ะครับที่ทำให้ผมต้องระเห็จออกจากBel Ami และจบชีวิตการเป็นนักแสดงหนังAVลง...เริ่มเห็นแล้วใช่ไหมล่ะครับ ว่าไอ้ภาพความสุขของคู่รักน่ะมันแค่หน้าฉาก แต่หลังฉากน่ะ...ลองอ่านเองดีกว่าครับ
ผมจำได้ว่า ตอนนั้นเมื่อบทถูกแจกจ่ายมาถึงมือเรา มีแต่คนกังขาถึงคู่ของผมและคริส เซบาสเตียนหนึ่งในทีมนักแสดงและควบหน้าที่ผู้ช่วยผู้กำกับในครั้งนั้นถึงกับออกปากเรื่องสลับคู่ แต่พีทยืนยัน ว่าผมและคริสเหมาะสมกันอย่างยิ่งแล้ว
ไม่ใช่ว่าผมกับคริสจะไม่ถูกกันหรืออย่างไรหรอกนะครับ เพราะเราแทบจะไม่เคยคุยกันเลย คริสพูดกับทุกคน เว้นไว้ก็แต่ผม ในขณะที่ผมคบเป็นเพื่อนได้กับคนทุกประเภท ยกเว้น คนประเภทแบบคริสนี่ล่ะครับ
ผมเป็นพวกปากหนัก ไม่ค่อยพูด ส่วนคริส ตรงกันข้าม...เขาเป็นประเภท พูดมาก ปากไม่ดี สรุปก็คือ เรารู้สึกขว้างหูขวางตากันแบบเป็นธรรมชาติสุดๆ
แน่นอนว่าหนุ่มขี้เล่น ดูเปิดเผย และ มีเสียงหัวเราะเป็นจุดขายอย่างคริสนั้น ดูsexyขึ้นมาอย่างน่าประหลาด เมื่อได้เป็นผู้คุมเกมส์อยู่บนเตียง เมื่อความขี้เล่นถูกแทนที่ด้วยความแข็งแกร่ง ดุดัน และเสียงหัวเราะถูกแทนที่ด้วยเสียงครางเบาๆจากลำคออย่างคนหิวกระหาย...ทั้งหมดที่ว่านี่ โปรดอย่าเข้าใจผิดคิดว่าเป็นความคิดของผมนะครับ... มันเป็นจดหมายจากแฟนๆของคริสที่ถูกส่งมาที่Bel Ami ครับ ซึ่งผมก็ไม่เห็นจริงด้วยสักเท่าไหร่
และสำหรับผม...ย้ำว่าแฟนๆบอกนะครับ อย่าหาว่าผมหลงตัวเอง...ไม่พูดดีกว่า...มันแปลกๆน่ะครับที่จะพูดถึงตัวเอง แม้จะยืมคำคนอื่นมาก็เถอะ...แต่ถ้าเป็นคริสล่ะก็ หมอนั้นพูดถึงตัวเองได้เป็นวันๆ ไม่ห้ามไม่หยุดเลยล่ะครับ...และถ้าคุณอยากรู้ว่าผมเป็นอย่างไร คุณลองไปหาหนังมาดูเองแล้วกันครับ เอาว่าพีทเลือกเราทั้งสองจากconceptที่แตกต่างกันเกือบๆจะสุดขั้ว ก็แล้วกัน
“พวกเธอทั้งสองคน เป็นแบบที่เป็น แสดงในสิ่งที่ตัวเองเป็น” พีทบอกกับเราอย่างนั้น ซึ่งผมว่า เขาคงนึกเสียใจกับคำพูดตัวเองทีหลังแน่ๆ
“งั๊น ก็คงเป็นหนังเรื่องแรก ที่คู่รักไม่คุยกันเลยน่ะสิ ...”เซบาสเตียนแกล้งขัด คนอื่นๆหัวเราะเพราะคงเห็นจริงตามนั้น รวมทั้งคริสด้วย
หนังในส่วนของเรานั้น มีภาพการถ่ายทำเป็นส่วนเปิดเรื่อง เพื่อให้เห็นเสน่ห์ หรือความเป็นตัวเองของเราทั้งสอง แต่ก็อย่างที่บอกแหละครับ แม้แต่ส่วนนี้ก็ถูกจัดขึ้น เพื่อหลอกคนดู ให้คล้อยตามกับบทคู่รักคู่นี้ยิ่งขึ้น ผมเลยไม่รู้ว่ามันจะเป็นตัวของเราเองที่ตรงไหน?
ผมถูกสั่งให้นั่งบนพนักโซฟา ต่ำลงมาคือคริสที่นั่งอยู่ที่กลางระหว่างขาผมโดยนั่งหันหลังพิงผม เขายกมือทั้ง 2ขึ้นโอบรอบคอผมซึ่งโน้มตัวลงมาโอบกอดเขาไว้เช่นกัน มันเป็นคล้ายการจัดฉากถ่ายภาพนิ่งที่พยายามหลอกคนดูว่าเราพูดคุยกันระหว่างการถ่ายภาพ
พีทตะโกนสั่งให้เราคุยอะไรกันก็ได้
คริสยิ้มเปิดเผยตามสไตล์เขา ก่อนจะปากเสียตามนิสัยอีกเช่นกัน
“งั๊นผมคงต้องเอามือลง แล้วหันมาใช้ภาษามือมั๊งครับเนี่ย!”
“ก็ดี...งั๊นก็เริ่มจากนิ้วก้อยที่อยู่ตรงหว่างขานายก่อนสิ”ผมตอกกลับ คริสเงยหน้าขึ้นมามองผม คล้ายกำลังจะพูดอะไร แต่...ก็สั่งคัทเสียก่อน
“ดีมาก!เป็นคำเย้าแหย่ของคู่รักที่น่าฟังมาก!”พีทว่า
แต่สุดท้ายภาพเซตนี้ก็ออกมาดีนะครับ เพื่อนๆหลายคนออกปากชมว่าดูธรรมชาติดี
นั่นก็เพราะเขาเห็นภาพของเราที่โอบกอดกันไว้...คริสพูดอะไรบางอย่างแล้วหัวเราะ ผมพูดตอบด้วยหน้านิ่งๆก่อนที่จะเบือนหน้าไปทางอื่นคล้ายไม่พอใจ และคริสเงยหน้าขึ้นมามองผมก่อนที่จะกลับมายิ้มให้กล้องแบบนึกขำในกิริยาของผม แล้วภาพก็ตัดไป พีทเลือกที่จะให้ตัดเสียงออกไปและใส่เป็นเสียงดนตรีเข้ามาแทน
...มันเลยกลายเป็นเรื่องจินตนาการของคนดูว่าจะได้ยินเราคุยอะไรกัน
ภาพถ่ายเซตอื่นๆนั้นก็มีแต่ภาพคริสยิ้มบ้าง เล่นกับกล้องบ้าง กับ ภาพผมทำหน้าบอกบุญไม่รับ จะมีก็เพียงชอตเดียวเท่านั้นที่ผมหันมายิ้ม นั่นก็เพราะว่าเซบาสเตียนตะโกนบอกผมว่า...พีทตกลงใจเปลี่ยนคู่ของผมแล้ว... ซึ่งผมมารู้ทีหลังว่า พีทแอบกระซิบบอกเซบาสเตียนว่า ทำยังไงก็ได้ให้ผมยิ้ม สักชอตเดียวก็ยังดี!
เห็นไหมล่ะครับ ว่าที่คุณเห็น กับตามความเป็นจริง มันหนังคนละเรื่องกันเลยทีเดียว แต่การถ่ายทำของผมกับคริสมันก็ไม่ได้จบอยู่ที่ตรงนั้นหรอกนะครับ พีทยังยืนยันถึงconcept ของคู่รักที่ดูแตกต่างโดยอาศัยความรู้สึกของบรรดาแฟนๆเราเป็นตัววัด แถม...ยังโยนหน้าที่ทั้งหมดให้กับอลันอีกต่างหาก
อลันเป็นคนตัดต่อครับ พีทบอกว่าหนังของผมกับคริสจะออกมาดีหรือไม่ดีแค่ไหน คงต้องพึ่งอลันคนเดียวเท่านั้น
ผมก็รู้นะครับ ว่างานก็คืองาน ผมเลยคิดว่าตั้งใจทำให้เสร็จไป อย่างน้อยคนอื่นจะได้ไม่เดือดร้อน และอย่างมาก ผมจะได้มีงานทำต่อไป...นักแสดงในสังกัด Bel Ami มีร่วม 500 คนนี่ครับ แล้วผมก็ไม่ใช่พวก top 5 ซะด้วย ก็ต้องทำตัวดีๆหน่อย
แต่คริสนี่สิครับ ไม่ให้ความร่วมมือเลย ทั้งที่อายุมากกว่าผม แต่ชอบทำตัวเป็นเด็ก
พอพีทสั่งให้ผมทำoral sex หรือเรียกง่ายๆว่าใช้ปากนั่นแหละครับ คริสหันมาพูดหน้าตาเฉยว่า...ถ้าเผลอหลับก็ปลุกด้วยล่ะ...
ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะชักรู้แกวแล้วว่า หมอนี้คงตั้งใจยั่วโมโหผม
แต่ฉากนี้ถือเป็นฉากhot เลยนะครับ feedback จากแฟนๆดีมาก ถึงกับบอกว่า...อยากลิ้มลองริมฝีปากผมเชียวล่ะ!...แต่พวกเขาพูดเพราะไม่รู้อะไรน่ะสิครับ!...
ถ้าคุณได้ดูหนังเรื่องนี้ คุณคงรู้ว่าผมหมายถึงฉากไหน โดยไม่ต้องเสียเวลาอธิบาย
ใช่แล้วครับ...ก็ฉากที่คริสนั่งคุกเข่า โดยมีผมก้มๆเงยๆอยู่ข้างหน้า คริสก้มลงมากระซิบอะไรบางอย่างกับผม แล้วคริสก็เกร็งไปทั้งตัว ก่อนจะฝากรอยเล็บไว้บนหัวไหล่ผม...
ถ้าคุณคิดว่าคริสกำลังเสียวซ่านเพราะริมฝีปากผมล่ะก็...เกือบๆใช่ครับ
หมอนั่นกระซิบบอกผมว่า...ตั้งใจหน่อย เดี๋ยวก็หลับกันพอดี!...
ฟังดูคล้ายจะตลก แต่สำหรับนักแสดงAV แล้วมันหยามกันมากเลยนะครับ ฟิวส์ผมเลยขาดดังผึ่ง งับลงไปแบบไม่ทันคิด หมอนั่นร้องลั่น ก่อนจะตบหลังผมแทบหักแล้วกุมเป้าตัวเองกระโดดลงจากเตียง ยืนตะโกนด่าลั่นๆ...แน่นอนว่าคุณไม่ได้เห็นมันในหนังหรอกครับ คู่รักที่ไหนเขาทำกันแบบนี้ล่ะครับ?
“เกิดอะไรขึ้น?”พีทถาม ก่อนเข้ามาหยุดยืนอยู่ที่คริส เท้าเอวมองมาทางผม
“เขากัดผม!”คริสฟ้อง
“เขาบอกว่าง่วง ผมก็แค่ปลุกแบบเนียนๆ จะได้ไม่เปลืองฟิลม์ ไม่เสียเวลาคนอื่น” ผมพูด ก่อนดึงผ้าปูเตียงขึ้นมาเช็ดปาก
“ผมก็แค่แซวเล่น!”คริสแก้ตัว
“ผมก็กัดเล่น!”ผมก็ไม่ยอมเหมือนกัน
“พอได้แล้ว!คริสกลับขึ้นไปบนเตียง!”พีทพูดอย่างหมดความอดทน ชี้มือสั่งให้คู่รักสุดเลิฟของผมกลับขึ้นมาsweetกันต่อ
“แล้วก็ไม่ต้องแซวฟิลเล่นอีก!...ฟิล!นายก็ไม่ต้องกัดเล่น!เข้าใจไหม?”
“ครับ!”คริสรับคำอย่างเสียไม่ได้ มือยังกุมเป้า ก้าวขากลับขึ้นเตียง
“ครับ!”ผมรับคำเช่นกัน
“...ตกลงให้กัดจริง? ขาดแล้วไม่ว่ากันนะครับ!?”ผมแกล้งถามพีทแต่ ตามองเป้าคริสที่ยังมีมือกุมอยู่ตาไม่กระพริบ และได้ผล เขากระโดดถอยลงจากเตียงทันที
“ฟิล!”
คริสกลับขึ้นมาบนเตียง ตอนนี้แววตาเขาไม่เหลือรอยขี้เล่นแล้ว เขาจ้องผมอย่างโกรธเคือง และหมายมาด มันทำให้ผมเสียวสันหลังขึ้นมาเล็กน้อย เพราะให้อย่างไร ถ้าพีทยังยืนยันถ่ายทำจนถึงที่สุด ยังไงซะ ผมก็เสียเปรียบเต็มประตู...ครับ ประตูที่ว่า...มันทั้งเชิงสำนวนเปรียบเปรย และแปลตรงตัวตามนั้น ก็ผมถูกกำหนดให้เป็นตัวรับนี่ครับ...เสียเปรียบเต็มประตูแน่ๆ!...
“โอเค นายเล่นอย่างนี้ใช่ไหม?”คริสกระซิบพูดกับผม ระหว่างรออลันสั่งเซ็ทฉากใหม่
“เอางี้ไหม...ชั้นกับนาย...ใครสั่งหยุด ใครหนีลงจากเตียง ใครทำให้การถ่ายครั้งนี้ล่ม คนนั้นต้องออกจากBel Ami!”คริสถาม ดวงตาเขายังจ้องผมอย่างชิงชัง และถึงผมจะรู้ว่าตัวเองเสียเปรียบ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรับคำท้า...
การถ่ายทำไม่มีอะไร เราต่างทำหน้าที่ของตัวเอง...แน่นอน ว่ามันเพื่อตัวเราเอง การปลุกใจคนดูเป็นเป้าหมายอันดับหนึ่งของหนังประเภทนี้ ...ถูกใจคนดูมากเท่าไหร่ งานก็มากขึ้นเท่านั้น เราเลยต่างพยายามทำหน้าที่ของตัวเอง...จนถึงตอนสำคัญ...ก็ตอนที่ผมเสียเปรียบเต็มประตูไง!
ผมรู้อยู่แล้วว่า เขาต้องได้เปรียบผมตอนนี้...อารมณ์น่ะมันมี...ร่างกายมันก็พร้อม แต่ก็แค่ระดับนึง ก็ยังไงผมก็ไม่ใช่ผู้หญิง ร่างกายมันต่างกัน ผมรู้...เขาก็รู้...
“เป็นไง นิ้วก้อยของชั้นมันทำให้นายจุก จนพูดไม่ออกเลยหรือไง?”เขาถามและยิ้มด้วยรอยยิ้มที่ใครๆก็หลงรัก
“อะไร?...นี่นายใส่เข้ามาแล้วเหรอ...ไม่รู้สึกเลยนะเนี่ย!”ผมสวนกลับ ทั้งที่เจ็บจนอยากถีบเขาให้หล่นจากเตียง
“อ๋อ...แล้วอย่างนี้ล่ะรู้สึกไหม?”เขาถามก่อนยกขาผมขึ้นสูง แล้วโถมตัวเข้าหาผมจนเต็มแรง
“รู้สึกหรือยัง?”เขาถาม แต่ผมเจ็บจนพูดไม่ออก สองมือของผม กดจิกลงบนหลังเขาอย่างไม่ได้ตั้งใจ แค่หวังบรรเทาความเจ็บของตัวเองเท่านั้น แต่ดูเหมือนเขาจะแปลความหมายของการกระทำของผมผิด รอยเล็บที่จิกลงบนแผ่นหลังของเขาดูคล้ายจะยิ่งเพิ่มโทสะให้กับเขา เพราะเขายิ่งเพิ่มแรงโถม มันเจ็บและเสียดจนผมแทบหายใจไม่ออก
ถึงตอนนี้ผมก็หมดแรงจะต่อกรกับเขาแล้ว ถึงอยากเถียง อยากพูดคำพูดเจ็บๆแสบๆให้เขาเจ็บใจ แต่ปากมันก็สั่นจนพูดอะไรไม่ออก ยิ่งกว่านั้นหัวมันก็ตื่อจนคิดอะไรไม่ออกแล้วด้วย
ผมปล่อยให้เขาทำทุกอย่างตามที่เขาต้องการ ขยับยกร่างกายของผมตามที่เขาพอใจ และดูเหมือนเขาจะชอบใจในชัยชนะที่ได้รับและไม่ยอมให้มันจบลงง่ายๆ
เขาโน้มตัวลงประทับริมฝีปากที่เปื้อนรอยยิ้มของเขาลงที่ริมฝีปากผมและลากเรื่อยไปตามแก้มและซอกคอ...มันเหมือนภาพการแสดงความรักของคู่รักแต่จริงๆแล้วทั้งหมดก็เพียงแค่เพื่อหาโอกาสกระซิบคำพูดถากถางผมเท่านั้น
“เฮ้! นายจะนอนทื่อเป็นท่อนไม้อีกนานไหมเนี่ย?”เขากระซิบ ทั้งที่ปากยังยิ้ม
“ชั้นจะหมดอารมณ์อยู่แล้วนะ!”เขาพูด ทั้งที่อารมณ์ที่จะหมดอยู่แล้วของเขา ยังคับแน่นอยู่ในตัวผม และยังทำหน้าที่ของมันอย่างมีประสิทธิภาพคือการมอบความเจ็บเสียดให้กับผม
“...”ผมขยับปากพูด...แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงเล็ดลอดของจากริมฝีปากที่สั่นระริกของตัวเอง
*** ขออนุญาตแก้ไขคำห้อยท้ายของชื่อเรื่อง เพื่อลดความรุงรังของหัวข้อ แต่หากผู้แต่งมีเรื่องแจ้งเพิ่มเติม ก็สามารถแก้ไขชื่อเรื่องได้ตามปกติค่ะ
ทิพย์โมบอร์ดนิยาย