ขอบคุณ จิรัฎฐิติกานต์ ที่อนุญาตเอามาลงให้เพื่อนๆอ่านกันนะครับ

****************************************************************
สวัสดีครับเพื่อนๆวันนี้ผมมีเรื่องที่เกิดขึ้นมาในชีวิตของผมซึ่งเป็นสิ่งที่ผมไม่อยากลืมแต่ก็ไม่อยากจำมันไว้ในใจเลย
**************************************************************
ตอนที่ 1 แรกพบเจอกัน
เ รื่องเริ่มขึ้นในเช้าวันหนึ่งกลางเดือนพฤษภาคม เมื่อผมเรียนจบม.3 จึงสอบเข้าเรียนต่อที่ ร.ร.อาชีวะเอกชนชายล้วนแห่งหนึ่ง โดยผมเลือกที่จะเรียนในด้านสาขาช่างไฟฟ้า วันแรกผมก็มีอันให้ต้องรีบจนแทบแย่ เพราะว่าตื่นสายครับ มัวแต่ฟังวิทยุอยู่จนดึก ผมฟังวิทยุคลื่น103.5 สมัยนั้นเป็นคลื่นเลิฟเอฟเอ็ม ถ้าเพื่อนหรือพี่คนไหนชอบฟังก็จะรู้นะครับว่าในช่วงดึก จะไม่มีดีเจพูดเลยมีแต่เพลงอย่างเดียวผมโคตรชอบเลย ผมบิดมอเตอร์ไซค์ไปเรียนอย่างไว พอไปถึงก้อเคว้งสิครับ ไม่รู้จักใครเลย ไอ้ผมเองตอนเรียนม.ต้น ไปเรียนที่ต่างจังหวัด เลยไม่มีเพื่อน พยายามมองหาแถว ขณะที่กำลังมองอยู่นั้นเองก็ไปสะดุดตากับคนคนหนึ่ง คนบ้ารัยวะโคตรน่ารักเลย พอดีมันหันมาผมก้อหลบตากลัวมันรู้ว่าเราแอบมองมันอยู่ “นาย นายคนนั้นน่ะ นายอยู่ช่างไฟห้อง 1 ป่าว”
มันถามใครวะ ถามกูหรอ ผมนึกในใจก้อเลยหันไป
“นายนั่นแหละ อยู่ช่างไฟใช่ป่าว”
“ครับ ทำไมหรอ”
“เราจำนายได้ ตอนวันมอบตัว มานี่ มาเข้าแถวต่อเรานี่”
ม ันน่ารักขนาดนั้นทำไมกูเคยเห็นแล้วจำไม่ได้วะ ก้อเลยรีบวิ่งไปเข้าแถวเพราะตอนนั้น ออดเข้าแถวมันดังแล้วกำลังเตรียมเคารพธงชาติ เสร็จแล้วก็สวดภาวนา ร.ร.ที่ผมเรียนไม่ได้สวดมนต์นะครับ เพราะเป็นโรงเรียนคริสต์ก็เลยจะสวดภาวนาแทน คำสวดภาวนาก็จะประมาณว่า “ข้าแต่ท่านนักบุญยวงบอสโก ในขณะที่ท่านมีชีวิตอยู่ในโลกนี้” อะไรประมาณนี้ละมันก็หลายปีแล้วผมก็จำไม่ค่อยได้ ต่อจากนั้นคุณพ่ออธิการก็จะขึ้นมาอบรม ระหว่างนี้เองที่ผมหันไปทำความรู้จักกับไอ้คนข้างๆ ที่ปิ๊งอยู่เมื่อกี้
“เฮ้ย นายชื่อรัยวะ เราชื่อกานต์นะ”
“เราชื่อตั้มว่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะเว้ย”
“เออ เช่นกันว่ะ”
ไ ด้รู้ชื่อมันแล้ว ดีใจโคตรๆเลย หลังจากนั้นเราก้อคุยกันสารพัดเรื่อง จนอธิการอบรมเสร็จก้อขึ้นห้องเรียนทีแรกกะว่าจะนั่งกับมันด้วยตอนเรียน โต๊ะมันตั้งคู่ได้นั่งข้างมันก็ดีสิ แต่แห้วรับประทานครับ มันดันมีเพื่อนมาจากร.ร.เดิมด้วย มันเลยนั่งด้วยกัน เลยต้องไปจับคู่กับคนอื่น เสียดายจริงเลย
ตอนที่ 2 เพื่อนสนิท
ห้องที่ผมเรียนนั้นมีนักเรียนอยู่ 30 คน โดยมาสเซอร์จะให้จับคู่นั่งกันพอดีผมไปคุ้นหน้าตนหนึ่ง ก้อเลยไปขอนั่งกะมัน คุยไปคุยมาก้อเลยรู้ว่าบ้านมันก้อไม่ไกลจากบ้านผมเท่าไหร่ มันชื่อดา ไอ้นี่แหละที่คอยช่วยเหลือเวลาที่ผมมีความทุกข์ใจมากที่สุด การเรียนในเทอมแรกก้อไม่มีอะไรมากสบายๆ ผมก็เริ่มตีสนิทกับไอ้ตั้ม ด้วยการเอาเรื่องเรียนมาบังหน้า ใจจริงแล้วผมไม่อยากเรียนสายช่างหรอกอยากเรียนสายสามัญมากกว่า แต่เตี่ยกับอาม้าอยากให้เรียนช่างมากกว่า ก้อเลยต้องตามใจแกหน่อย มันเลยส่งผลให้ผมโง่มากในวิชาช่าง ไอ้พวกเขียนแบบอะไรพวกเนี้ย เลยฟอร์มอาศัยไอ้ตั้มติวให้ โดยมีข้อแลกเปลี่ยนคือการที่ผมติววิชาสามัญให้มัน เพราะผมเองจะคะแนนดีในวิชาภาษาอังกฤษ คณิตฯช่าง วิทย์ฯช่างพวกเนี้ย ขนเริ่มสนิทกันเวลาไปไหนก้อจะมีไอ้ดา ไอ้ตั้ม ไอ้นนท์(เพื่อนเก่าไอ้ตั้ม) และผม จริงๆแล้วผมเองก้อเหมือนประกาศตัวนะครับว่าเป็นเกย์ เพราะผมจีบน้องชายเพื่อนในห้องนี่แหละ ไปนั่งกินเหล้าบ้านมันประจำน้องมันเรียนม.1 กำลังใสๆน่ารักเลยจีบเล่นๆ แต่ในห้องก้อไม่มีใครว่าอะไรผมนะครับ เพราะผมมันขาลุยอยู่แล้ว เพื่อนตีกันผมก้อไปตีกับมัน กินเหล้า จีบหญิง(แต่ไม่เอาครับ ล่อมาให้เพื่อน) เพื่อนๆมันก้อเลยเฉยไม่ว่ารัยกัน จนเข้าสู่เทอม 2 ก้อตามประสาโรงเรียนคริสต์ทั่วไปอ่ะนะ มันก้อจะมีกิจกรรมตรึมเลย ทั้งกีฬาสี คริสต์มาสเอย อะไรต่อมิอะไรเยอะแยะไปหมด ตอนนั้นใกล้คริสต์มาส โรงเรียนผมจัดประกวดดนตรีกัน กลุ่มผมก็จะเข้าประกวดกันโดยผมก็หัดเล่นกีตาร์มาตั้งนานแล้ว เตรียมจะโชว์ฝีมือมั่ง ทีนี้เกิดมีปัญหาครับ 4 คน มีคนอยากเล่นกีตาร์ 3คนครับ โดยไอ้ตั้มบาย เพราะมันเล่นเป็นแต่กลองชุด จริงๆแล้วฝีมือกีตาร์ผมก้อไม่ได้ดีอะไรหรอก แต่อยากโชว์กะเขามั่ง เลยแย่งกะไอ้ดา ไอ้นนท์ แต่สาเหตุที่ทำให้ผมสละสิทธิ์จากการเล่นกีต้าร์ก้อคือ วันหนึ่งช่วงพักเที่ยงขณะที่ผมกำลังขะมักเขม้นซ้อมกีต้าร์นั้นเอง ไอ้ตั้มมันก้อเดินมานั่งคุยด้วย มันถามผมว่า “กานต์มึงอยากเล่นกีตาร์ขนาดนั้นเลยหรอวะ”
“ป่าวหรอก กูอยากโชว์มั่งดิ มันเท่ห์ดีเว้ย ใครเขาจะเท่ห์ตีกลองชุดได้เหมือนมึงล่ะ”
“หรอ กูขออะไรมึงอย่างได้ป่าว”
“อะไรอ่ะ” มันจับมือผมเฉยเลยครับ
“กูอยากให้มึงเลิกเล่นกีต้าร์ว่ะ เดี๋ยวมือมึงด้านหมดกูชอบให้มือมึงนิ่มๆอย่างเนี้ย
เวลามึงนวดต้นคอกูแล้วกูรู้สึกสบายดี กูขอนะ”
เ ขินดิครับถึงไม่รู้มันคิดอะไรรึเปล่า แหมคนที่ชอบมันเล่นมาจับมืออย่างนี้นะ แถมขออย่างนี้ด้วย เพราะเวลาเรียนเครียดๆมันชอบให้ผมนวดต้นคอให้ทุกที บางทีนวดแล้วมันหลับไปก้อมี
“ถ้ามึงขอกูก้อให้มึงได้ แล้วมึงจะให้กูทำอะไรล่ะ”
“มึงก้อร้องเพลงดิ เสียงมึงดีนะเว้ย”
“เอาวะ เอาก้อเอา แต่ต้องให้กูเลือกเพลงเองนะเว้ย ตามใจคนร้องนะ”
“ตามสบาย กูยังงัยก้อได้เล่นได้ทั้งนั้นแหละ”
ส รุปแล้วผมเลยต้องมาเป็นนักร้องจำเป็น ส่วนไอ้ดาเป็นมือกีต้าร์ ไอ้นนท์มือเบส ส่วนไอ้ตั้มก้อมือกลอง ลงตัวแล้วเย็นนั้นเราเลยนัดซ้อมกันที่ห้องซ้อมดนตรีของโรงเรียน ไอ้ดาก้อถามผมขึ้นมา
“กานต์ มึงเลือกได้ยังวะ ว่าจะเอาเพลงอะไร”
“กูเ ลือกได้แล้ว กูว่าจะร้องเพลง ก่อน ของโมเดิร์นด็อกว่ะ ส่วนเพลงคริสต์มาสให้ไอ้ตั้มกับไอ้นนท์มันคิดเอาละกัน มันเด็กคริสต์นี่หว่า”
ในการประกวดครั้งนี้เพลงต้องร้อง 2 เพลงนะครับ เป็นเพลงทั่วไป 1 เพลง อีกเพลงต้องเป็นเพลงเกี่ยวกับเทศกาลคริสต์มาส พอดีไอ้ตั้ม กะไอ้นนท์มันเป็นคริสต์อยู่แล้วเลยให้มันเลือกกัน
“เฮ้ย เพลงก่อน นี่มึงมอบให้มือกลองรึเปล่าวะไอ้กานต์”ไอ้นนท์ถามผมครับ
“ ไอ้สันดานนี่ มึงพูดรัยคิดมั่งนะมึง เดี๋ยวคนอื่นได้ยินมันไม่ดีนะเว้ย” แต่ตอนนั้นผมแอบมองไอ้ตั้ม ผมว่า ผมเห็นมันยิ้มนะ คงตาฝาดไปมั้งกู ผมคิดในใจ
“เออ ว่าแต่มึงเลือกเพลงอะไรกันอ่ะ” ผมถามไอ้ตั้ม
“กูเลือกเพลง......”ผมจำชื่อเพลงไม่ได้ จำได้แต่เนื้อเพลง เพราะเป็นเพลงที่ไอ้ตั้มมันสอนผมร้อง เนื้อเพลงจะเป็นประมาณว่า
“สุขสันต์วันคริสต์มาส โอ้วันที่แสนชื่นบาน
เชิญมาขับเพลงประสาน สรรเสริญองค์พระกุมาร...”
เ ราซ้อมกันอย่างดีในที่สุดก้อถึงวันคริสต์มาสอีฟ ทีมเราประกวดได้ที่ 2 มา แล้ววันนั้นไอ้ตั้มก้อเลยชวนพวกผมไปเที่ยวบ้านมัน ซึ่งอยู่คนละจังหวัดกัน ผมก้อไปครับ เพราะอยากลองไปเข้าวัด(โบสถ์คริสต์นั่นแหละครับ คนคริสต์เชาไม่เรียกโบสถ์นะเขาเรียกวัด) กับไอ้ตั้ม ไอ้นนท์ดู เห็นมันบอกว่าสวย ก้อเลยไปกันเอามอเตอร์ไซค์ไป 2 คันปกติเวลามันมาเรียนกันมันจะนั่งรถเมล์ครับ ผมเองทีแรกจะซ้อนไปกับไอ้ดา แต่มันไม่ยอม มันบอกว่ามันไม่รู้ทาง มันจะให้ไอ้นนท์มาขี่มอเตอร์ไซค์พามันไป เลยกลายเป็นว่าผมต้องไปซ้อนท้ายไอ้ตั้ม จริงๆก้อแอบดีใจนะครับ แหมมันเป็นธรรมดาได้ซ้อนท้ายคนที่เราแอบชอบอยู่ ใครไม่ดีใจก้อบ้าแล้ว ตอนซ้อนท้ายไป มันขี่เร็วอ่ะนะ ไอ้ผมก้อกลัวตก เลยเอามือไปเกาะที่จับด้านหลังเบาะ ทีนี้มอเตอร์ไซค์ที่มันขี่เป็นมอเตอร์ไซค์ผู้ชาย เบาะมันสูง ผมเลยนั่งเกร็ง
“กอดเอวกูไว้ก้อได้ ถ้ากลัวตกอ่ะ ไม่ต้องเกร็งขนาดนั้นหรอก”
“จะดีหรอวะ”
“เอาเหอะน่า กูบอกให้กอดเอว ก้อกอดเอวไปเหอะน่า”
ผ มก้อเลยจำใจต้องกอดเอวมัน เอหรือจะว่าเต็มใจก้อไม่รู้ เพราะรถมันเบาะท้ายสูงอ่ะนะครับ ก้อเลยเหมือนกอดแนบไปทั้งตัวเลย รู้สึกดีโคตรๆเลย พอถึงบ้านไอ้ตั้ม ไอ้นนท์ก้อเริ่มปากมอมอีกละ
“เฮ้ย ถึงบ้านมันแล้วนะมึง มึงจะกอดจนถึงห้องนอนเลยรึงัย”
“ไอ้เชี้ยนี่รถมันยังจอดไม่สนิทเว้ย ไม่ต้องมาแซวกูเลยนะมึง”
บ ้านตั้มทำไร่ครับปลูกพวกหัวหอม มะเขือเทศ อะไรพวกเนี้ย พ่อแม่มันก้อท่าทางใจดีครับ ยิ้มเก่ง หน้าไอ้ตั้มนี่ถอดแบบพ่อมันมาเปี๊ยบเลย ยิ้มยังเหมือนกันเลย พอกินข่าวเย็นเสร็จก้อประมาณ 2ทุ่มกว่า
“ไปสอยดาวกันดีกว่า” ไอ้นนท์ชวนพวกผม ก้อเลยขี่มอเตอร์ไซค์ไปกันคริสต์มาสปีนั้นอากาศหนาวมากกว่าทุกปีครับ แต่มันก้อได้บรรยากาศดี ไปสอยดาว เล่นบิงโก หนูลงรูแล้วก้อเกมส์อื่นๆ อีกเพียบ จนประมาณ 4 ทุ่มกว่าไอ้ตั้มเลยพาไปดูการแสดง เกี่ยวกับการประสูติของพระกุมารอะไรประมาณเนี้ย พอเที่ยงคืนก้อเข้าวัดครับ โคตรสวยเลย ดอกไม้แล้วก้อไฟเต็มไปหมด ผมไม่เคยเห็นนี่ ถึงบ้านผมจะใกล้โบสถ์แต่ผมไม่เคยเข้าไปนี่เป็นครั้งแรกเลย หลังเสร็จพิธี ทุกคนก้อจะเดินเข้าไปที่ถ้ำที่มีตุ๊กตารูปพระกุมารอยู่ ผมก้อเดินตามไปด้วย
“กานต์ เดี๋ยวมึงอยากขอพรอะไรจากพระกุมารก้อขอนะเว้ย รู้เปล่า” ตั้มบอก
“แล้วเขาขอกันยังงัยวะ”
“มึงก้อจูบเท้ารูปพระกุมารแล้วอธิษฐานดิ”
“ขอรัยก้อได้หรอวะ”
“เออ อยากได้รัยก้อขอเอา”
ขณะที่ผมจูบเท้ารูปปั้นพระกุมารนั้น สิ่งที่ผมขอก้อคือ ขอให้ความรู้สึกดีที่ผมได้รับในวันนี้อยู่กับผมให้นานที่สุด
“มึงขออะไรวะ กานต์” ไอ้ตั้มถามผม
“กูขอ... เรื่องไรกูต้องบอกมึงด้วยล่ะ”
“ไอ้สันดานนี่ หัดมีความลับกับกูหรอ”
“มึงบอกกูก่อนดิ แล้วกูจะบอกมึง”
“กูไม่บอก”
“มึงไม่บอกกู กูก้อไม่บอกมึง”
“ จำไว้นะมึง” แล้วคืนนั้นพวกผม 4 คนก้อนอนกันที่ห้องไอ้ตั้ม กว่าจะกลับถึงบ้านมันก้อเกือบตี 3 เข้าไปแล้ว เลยหลับกันเป็นตาย ซกมกด้วยวันนั้นน้ำก้อไม่ได้อาบ
**************************************************************
ยังไงก้อช่วยติชมหน่อยนะครับ