ฟอกซ์ฟิลเป็นชื่อการแข่งม้าที่จัดขึ้นในฤดูใบไม้ผลิที่ฟาร์มแห่งหนึ่งใกล้ๆกับมหาวิทยาลัยเวอร์จิเนีย ทุกๆคนจะบรรทุกอาหารและเหล้าเต็มพิกัดใส่พาหนะไม่ว่าจะเป็นเก๋ง กระบะ หรือรถบ้านขับไปจอดต่อๆกันไว้เป็นวงในทุ่งที่คนมากมายมารวมตัวกัน จริงๆแล้วการแข่งม้าอยู่แถวๆนั้นด้วย
ตอนนั้นผมเพิ่งเข้าเรียนที่วิทยาลัยกฎหมายดุ้ก(หลังจากที่ผมจบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยชิคาโก) คาลอสและแฟนของเขาเรียนปริญญาตรีที่มหาวัทยาลัยเวอร์จิเนีย แต่หลังจากจบปริญญาตรีเขาก็มาเรียนต่อที่วิทยาลัยกฎหมายดุ้กเหมือนผม แต่แฟนของเขายังคงเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยเวอร์จิเนียเหมือนเดิม
คืนนั้นเป็นคืนวันศุกร์ ผม คาลอส แล้วก็แซคดื่มกันมาจากเดอร์แฮมก่อนแล้ว คาลอสเล่าให้ผมและแซคฟังเรื่องเกี่ยวกับฟอกซ์ฟิล ทั้งเรื่องเหล้าที่มีให้กินไม่อั้น การดื่มจนเมาหัวราน้ำ คนในงานที่แบ่งอาหารซึ่งกันและกันจนอิ่มหนำสำราญ และสาวๆที่สวมเสื้อผ้าหน้าร้อนที่ไม่ค่อยจะถือเนื้อถือตัวสักเท่าไหร่ หลังจากที่เขาเล่าเรื่องทั้งหมดจบผมกับแซคถามคาลอสว่าทำไมเราไม่ไปที่นั่นบ้าง แต่คำตอบของเขาไม่ถูกใจซักเท่าไหร่ ผมและแซคอยากไปที่นั่นเดี๋ยวนั้นเลย แต่เขากลับไม่เห็นด้วย เราเลยกดดันเขาต่างๆนานา หาว่าเขาปอดแหก ด่าพาดพิงไปถึงรสนิยมทางเพศของเขา ลามปามว่าเขาเป็นลูกเมียน้อยของพวกฝรั่งเศสที่ถูกทิ้งไว้ จนเขาทนไม่ได้ยอมโทรไปหาแฟนของเขา บอกว่าเราจะไปที่นั่น(ผมขอเรียกเธอว่าคาลอสไวฟ์แล้วกัน) และขอให้เธอซื้อเบียร์เตรียมไว้ให้หน่อย— คาลอสนี่แม่งยุง่ายจริงๆ
เราออกเดินทางสู่ชาร์ลอตวิลล์ ผมมีเบียร์ไปโหลนึงเพื่อช่วยให้การเดินทางสามชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็ว ผมทำเบียร์หกใส่รถของคาลอสโดยไม่รู้ตัว
พอเราถึงห้องของคาลอสไวฟ์(แฟนของคาลอส) เราก็ถามเธอทันทีว่างานฟอกซ์ฟิลจัดขึ้นที่ไหน แต่เธอบอกว่าไม่รู้ คาลอสพอใจในคำตอบของเธอมาก เพราะเขาคิดว่านั่นเป็นสัญญาณที่เธอบอกเขาว่า เธออยากกุ้กกิ้กกับเขา ผมล่ะเอียนจริงๆพวกคู่รักหวานแหววเนี่ย
แปดโมงเช้า ผมกับแซคตื่นหลังจากหลับเสียเต็มอิ่มบนพื้นไม้แข็งๆนอกห้องนอนของคาลอสและคาลอสไวฟ์ เราไปเคาะห้องนอนตะโกนโหวกเหวก
“เฮ้ย! ตื่นมากินเหล้าได้แล้วโว้ย” คาลอสลุกมาเปิดประตูและจ้องเราอย่างงกับจะกินเลือดกินเนื้อ แล้วก็กระแทกประตูใส่หน้าเราก่อนที่จะกลับไปนอนต่อ
แปดโมงห้านาที ผมสองคนเปิดเบียร์กระป๋องแรก
แปดโมงเจ็ดนาที ผมสองคนเปิดเบียร์กระป๋องที่สอง
แปดโมงเก้านาที ผมสองคนเปิดเบียร์กระป๋องที่สาม ผมบอกแซคว่าผมคอแข็งกว่าเขาเป็นไหนๆ เขาหัวเราะเยาะแล้วบอกว่า งั้นเรามาวัดกันเลย
แปดโมงครึ่ง หลังจากซดเบียร์กันไปคนละสามกระป๋องรวด ผมรู้สึกว่าเบียร์เข้าไปปั่นป่วนอยู่ในกระเพาะ ผมคิดสมการขึ้นมาได้เดี๋ยวนั้นว่า การดื่มเหล้าตอนเช้า = การตัดสินใจที่ผิดพลาด
เก้าโมงยี่สิบ ผมเดินทางมาถึงเบียร์กระป๋องที่แปด และกำลังมองหาที่อ้วกเหมาะๆ แต่แซคยังคงดื่มต่ออย่างสบายใจ ในที่สุดผมก็ยอมรับว่าหมอนี่คอแข็งกว่าผมเยอะ
สิบโมง ผมหยุดดื่มเบียร์แข่งกับเขาแล้ว แต่เขาไม่สน เขายังคงกระดกเบียร์อย่างต่อเนื่อง เขาเริ่มเดินพล่านไปทั่วห้องแล้วตะโกนด่าใครต่อใครไปทั่ว
“ฮูแซก มาต่อสิว้า...จาหนีปายหนายยยย...คาลอส ย้ายตูดนายออกมาห้ายวายเลย มาเจอกันตัวต่อตัวเลย คาแบลท์แม่งยอมแพ้ไปแล้ว ฉันต่อให้นายอาวเมียนายมาช่วยด้วยก็ด้ายนะว้อยยยยยยยย คาแบลท์แม่งตุ๊ดว่ะ”
สิบเอ็ดโมง เราออกเดินทางและแวะไปรับเพื่อนของคาลอสเพื่อไปฟอกซ์ฟิลด้วยกัน แซคเปลี่ยนจากการดื่มแบบไม่บันยะบันยังมาเป็นการดื่มแบบเอาเป็นเอาตาย เขายื่นตัวออกไปหน้าต่างรถ ตะโกนแซวผู้หญิงทุกคนที่เราขับรถผ่านมาว่า
“วี้ดวิ้วววววววววววววววววว คนสวยโชวนมให้เราดูหน่อยสิจ้ะ”
สิบเอ็ดโมงห้าสิบ คาลอสบอกผมว่า แม้ที่ฟอกซ์ฟิลจะมีสาวๆสวยๆเพียบแต่ไม่มีใครตั้งใจมาเรื่องพรรค์อย่างว่า คนที่ไปส่วนใหญ่เน้นการดื่มและพูดคุยกันมากกว่า ผมบอกเขาว่าไม่รู้จักผมซะแล้ว เขากลอกตาไปมาอย่างยอมแพ้พร้อมกับอวยพรให้ผมโชคดีในการสอยหญิง
“จะเอายังงั้นก็ได้ฮูแซ็ก ถึงจะไม่มีใครสอยหญิงที่ฟอกซ์ฟิล แต่ส่วนใหญ่เขามาฟันกันทีหลังนะเพื่อน” พูดจบเขาก็โยนกล่องถุงยางมาให้ผม ผมรับมาแล้วฟาดหัวเขา
“พูดงี้ได้ไงวะ นายจะดูถูกความสามารถของฉันมากเกินไปแล้ว เดี๋ยวฉันจะสอยให้ดูต่อหน้านายเลย และหลังจากฉันล้วงควักใต้กระโปรงหล่อนแล้วฉันจะเอานิ้วให้นายดมด้วย”
เที่ยงตรง เรามาถึงทุ่งที่กว้างสุดลูกหูลูกตา คลาคล่ำไปด้วยหนุ่มๆหัวยุ่งท่าทางโง่ๆ ในชุดเชิ้ตลายทาง กางเกงสีแดง ในมือมีเบียร์เย็นๆควงสาวๆมหาลัย วัยกำลังเหมาะกับเรื่องอย่างว่า นี่มันไม่ยุติธรรมเลยจริงๆ
เที่ยงห้านาที สาวร้อนแรงในชุดหน้าร้อนเดินผ่านผมไป ผมเหลียวมองตามเธอจนคอแทบหัก ผมว่าวันนี้ผมคิดถึงแม่สาวคนนี้ไม่ต่ำกว่าพันครั้งแน่ๆ
เที่ยงสิบนาที เราเดินมาถึงเต้นท์ของเพื่อนๆคาลอสกัน แซคเดินดุ่มๆเข้าไปหาจานไก่ทอดทันที เขาเงยหน้ามาทักทายเจ้าของเต้นท์ทั้งๆที่ไก่ยังเต็มปาก แปลได้ว่า”พูดให้น้อยสวาปามให้เยอะ”
เที่ยงสิบสี่ คาลอสแสดงความแปลกใจเมื่อผมยังไม่ได้เมาพับไป ผมบอกเขาว่านี่เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้นเพื่อน
เที่ยงครึ่ง มีสาวคนนึงพยายามจะญาติดีกับแซคโดยเสนอว่าจะไปหาเครื่องดื่มมาให้ เขาสังเกตถังเครื่องดื่มที่เธอชี้แล้วก็บอกเธอไปว่า”ผมไม่กินไลท์เบียร์กับไดเอ็ทโซดาหรอกนะ เพราะเขาทำการทดลองกับหนูแล้วว่ามันเป็นมะเร็ง แถมมันไม่ได้ช่วยให้ชาวอเมริกันอ้วนๆให้ผอมลงได้เลย” เขายังพูดอะไรต่อผมก็จำไม่ได้ ฟังแล้วผมก็ตัดสินใจว่าควรลากเขาไปเดินเล่นแถวๆนี้สักพักดีกว่า
เที่ยงสี่สิบห้า แซคไม่ชอบใจความคิดผมเท่าไหร่ “ที่นี่มีเบียร์นะเว้ยเพื่อน ทำไมเราต้องไปด้วยวะ” เขาถามผมเลยบอกเขาไปว่า”นายกินของคนที่นี่จนมันกลายเป็นฉี่หมดแล้ว” ผมพยายามชักจูงเขาอีกมากมายแล้วเขาก็บอกกับผมว่า “งั้นนำไปเลยเพื่อน”
เที่ยงห้าสิบห้า เราเจอเหยื่อรายแรก เป็นกลุ่มเด็กวัยรุ่น พอเฮตเจอถังน้ำแข็งเขาก็ปรี่เข้าไปคุ้ยเลยทันที “แจ่มเลยคาแบลท์ พวกนี้มีบัดไวเซอร์กระป๋องใหญ่ด้วยว้อยยย”
บ่ายโมงห้านาที เราเจอสมาคมสาวๆที่มีหญิงแจ่มๆเพียบ แซคเดินเข้าไปกลางวงแล้วตะโกนว่า”สวัสดีสาวๆ ใครอยากจะดื่มกับผมบ้าง” พร้อมคว้าเอาขวดเตกีล่าที่วางอยู่แถวนั้น แกว่งขวดไปมาอย่างหวาดเสียว ทำให้เหล้ากระฉอกโดนใครต่อใครไปทั่ว
บ่ายโมงหกนาที เราถูกไล่ออกจากวงของสาวๆที่ว่า
บ่ายโมงเก้านาที เราเจอวงของสาวๆวงที่สอง วงนี้สวยน้อยกว่าวงแรกเล็กน้อย แซคเดินไปกลางวงพร้อมกับประกาศว่า “ฉันได้ยินมาว่าสาวยูเอ็นวีดื่มเก่ง มาแข่งกับฉันหน่อยเป็นไง ต่อให้รุมก็ได้นะจ๊ะ”
บ่ายโมงสิบนาที เราถูกไล่ออกมาจากวงที่สอง
บ่ายโมงยี่สิบ เราไปเจอสมาคมสาวๆเข้าอีกวง ครั้งนี้ผมจะใช้มุขใหม่เพราะงั้นผมจึงตกลงกับแซคก่อน “แซค แกอย่าพูดอะไรนะ ถ้าไม่มีใครพูดกับแกก่อน” กลุ่มนี้เป็นนักกีฬาจากมหาวิทยาลัยเวอร์จิเนีย แล้วผมก็มีลูกพี่ลูกน้องคนนึงเล่นกีฬาพายเรืออยู่ที่นั่น ปรากฎว่าพวกนี้รู้จักเธอด้วย ผมก็เลยเข้าไปร่วมวงได้ สมการสำหรับสาวๆพวกนี้ก็คือ เพื่อนของเพื่อน=ผู้ชายคนนี้ไว้ใจได้=ฉันอยากนอนกับเขาจัง
บ่ายโมงห้าสิบห้า เหตุการณ์ไปได้สวย แซคยืนคุยอยู่กับสาวสวยคนนึงด้วยความสงบเสงี่ยม ช่วงนั้นเองก็มีสาวคนนึงเดินมากิ้กกับผมโดยเธอเปิดฉากว่า”ดูคุณจะไม่ค่อยชอบดื่มเท่าไหร่นี่” ผมไม่ปล่อยให้ตัวเองถูกหยามแน่ๆ “เธอไม่รู้ซะแล้วว่ากำลังคุยอยู่กับใคร อย่างเธอน่ะไม่ติดฝุ่นฉันหรอกน้องสาว” เธอก็เลยท้าแข่งดื่มกับผม “เอ้า! เรียงแก้วมาเลย ผมไม่ต่อให้หรอกนะ เหล้าเพียวๆ ไม่เอาวิสกี้”
บ่ายโมงห้าสิบแปด เธอยกเหล้าแก้วแรกแล้วพูดว่า “ขอให้เซนต์ออกัสตินจงได้โปรดประทานพรหมจรรย์และความอดทนให้แก่ข้า” เพื่อนๆของเธอโห่ร้องเสียงดังลั่นก่อนที่เธอจะกระดกมันเข้าปาก
บ่ายโมงห้าสิบเก้า ผมยกแก้วของผมขึ้นมาบ้างแล้วประกาศว่า “ดื่มเพื่อน้องหนูทั้งหลาย ให้ค้าขายของที่แม่ให้มาจนร่ำรวย ถ้าคาแบลท์ ฮูแซกไม่มีน้องชาย ฉันจะไม่ขอพูดกับพวกเธออีกเลย” คนฮากันทั้งวง
บ่ายสอง มีสาวคนนึงถามผมว่าคาแบลท์ ฮูแซกคือใคร
บ่ายสองสิบนาที ผ่านไปอีกสองแก้ว แม่สาวคู่แข่งของผมยอมแพ้ ผมจึงถากถางเธออย่างไม่ปราณี “ตอนนี้เธออาจจะยังเลือกตั้งหรือขับรถอย่างถูกกฎหมายได้ แต่เธอไม่มีทางเทียบฉันติดหรอก”
บ่ายสองสิบเอ็ดนาที มีสาวผมสั้นใส่แว่นกรอบหนา หน้าตาน่ารักเดินเข้ามาหาผม ดูเธอโกรธเอามาก
“ที่คุณพูดน่ะ นั่นมันกดขี่ทางเพศชัดๆ” เธอต่อว่าผม
“เปล่าเลย นั่นมันแค่ล้อเล่นน่ะ ถ้าผมว่าแม่นั่นดำรงชีวิตอยู่ด้วยการขายนาผืนน้อยเพียงอย่างเดียว นี่สิถึงจะเรียกว่ากดขี่ทางเพศ”
“คุณว่าอะไรนะ?”
“ถ้าผมบอกว่าเธอ’ดูด’ได้มันส์ชะมัดหรือถ้าผมบอกว่าสิ่งที่ดีที่สุดในตัวเธอคือเธอมีอุณหภูมิ 37 องศาและมีรูเปียกๆที่พร้อมใช้งาน นั่นแหละกดขี่ทางเพศ แต่ผมยังไม่พูดอะไรทำนองนั้นเลยใช่มั้ยล่ะ” ผมเริ่มยั่วเธอมากขึ้น
“อะไรนะ!”
“โอ้ว ผมทำให้คุณโมโหเหรอเนี่ย แล้วคุณจะทำยังไง เขียนกลอนระบายความโกรธดีมั้ย” ผมชักสนุก
เธอมองผมอย่างรังเกียจ ยังกับว่าผมเป็นชักโครกที่เต็มไปด้วยถุงยางใช้แล้วงั้นแหละ แซคดึงตัวผมออกมาก่อนที่เธอจะทันตอบโต้อะไร
“คาแบลท์ ฉันว่าแกสร้างความวุ่นวายให้ที่นี่มากพอแล้วนะ” เขาบอกผม ผมคิดอยู่ครู่นึงก็เห็นว่าครั้งนี้แซคเป็นฝ่ายถูก
-------------------------------------------------
อิมเมจ
คาแบลท์ ฮูแซก




แบรต แมคเทอเนอร์

แซค

อิมเมจพี่แบรตเรื่องนี้กับเรื่องก่อนต่างกันเพราะเรื่องนี้ย้อนไปตอนเป็นวัยรุ่นยังเฮ้วๆ
เพิ่มอิมเมจคาแบลท์ตอนหนุ่มคะ
แก้คำผิดแล้วคะ