Love Me Love My Dog ~PART 14 (End)~ 21/02/54 อัพแล้วค่ะ หน้า18
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Love Me Love My Dog ~PART 14 (End)~ 21/02/54 อัพแล้วค่ะ หน้า18  (อ่าน 228612 ครั้ง)

ออฟไลน์ heefever

  • 영원히 그대만 사랑해
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-0
Re: Love Me Love My Dog ~~PART2~~ 16/10/53 อัพแล้วค่ะ
«ตอบ #60 เมื่อ20-10-2010 10:34:13 »

 :call: :call:

LadyMurasaki

  • บุคคลทั่วไป
Re: Love Me Love My Dog ~~PART2~~ 16/10/53 อัพแล้วค่ะ
«ตอบ #61 เมื่อ20-10-2010 21:27:18 »

PART 1
PART 2

Part 3

เปิดเรียนได้แค่สองอาทิตย์ นักเรียนที่สอบเข้าด้วยคะแนนอันดับหนึ่ง ก็ต้องหยุดเรียนเพราะไข้ขึ้นสูงจากการวิ่งตากฝนกลับบ้าน ร้อนถึงเพื่อนสนิทและเพื่อนใหม่ต้องหอบหิ้วกันมาเยี่ยมด้วยความเป็นห่วง รถยนต์ที่คีย์เพื่อนใหม่ขับมาพร้อมกับมีคู่ป่วนอย่างสไปรท์และโชนติดรถมาด้วยนั้นขับมาจอดที่หน้าบ้านหลังย่อมย่านชานเมือง

“บ้านนี้ใช่ไหม”

คีย์ถามพร้อมดับเครื่องยนต์

“อืม ตามที่สีน้ำให้ไว้ก็เลขที่นี้แหละ ป่ะ ลงไปเยี่ยมสีน้ำกัน”

สไปรท์เปิดประตูฝั่งที่นั่งข้างคนขับออกไปรอที่หน้าบ้าน

“ไอ้น้ำป่วยรับการเปิดเทอมเลย แต่ถ้ามันบอกว่าไม่ได้เอาร่มมานะ ฉันจะได้เอาร่มให้มันไป”

โชนบ่นพึมพำ ด้วยเพราะสนิทกับสีน้ำมานานเลยรู้ถึงสุขภาพของเพื่อนรักเป็นอย่างดี

“เสร็จหรือยังจะได้กดออด”

สไปรท์ที่บอกไปแบบนั้นแต่มือกลับกดออดหน้าบ้านแล้ว ไม่นานประตูหน้าบ้านก็เปิดออกพร้อมร่างของมารดาเพื่อนรัก

“สวัสดีครับคุณแม่”

สองเสียงประสานพร้อมใจกันทักทายคุณแม่ยังสาวของสีน้ำ

“สไปรท์ โชน สวัสดีจ๊ะ มาเยี่ยมสีน้ำหรอลูก เอ๊ะ แล้วหนูคนนี้ใคร หน้าตาน่ารักเชียว”

คุณแต้วเดินมาเปิดประตูรั้วเพื่อให้ทั้งสามได้เข้ามาในบริเวณบ้าน

“อ้อ คีย์ฮะ เป็นเพื่อนที่คณะ”
“สวัสดีครับคุณแม่ คีย์บอร์ดครับ”
“จ๊ะ ขอโทษทีนะจ๊ะทำให้ต้องลำบากมาเยี่ยมสีน้ำ”
“ไม่เลยฮะ พวกผมต่างหากที่ไม่ดี วันนั้นน่าจะถามสีน้ำสักหน่อยว่ามีร่มไหม รู้อยู่ว่ามันไม่ค่อยพูดอะไร”

สไปรท์รีบตอบออกมา

“ขอบคุณมากเลยนะที่ช่วยคอยดูแลสีน้ำให้แม่ด้วย รายนั้นน่ะตัวโตซะเปล่า ไม่ค่อยระวังตัวเท่าไรเลย ตอนนี้คงตื่นแล้วล่ะลูก ขึ้นไปหาเลยก็ได้นะจ๊ะ ห้องแรกทางซ้ายจ๊ะ เดี๋ยวแม่เอาของว่างขึ้นไปให้”
“ขอบคุณครับ”

เมื่อส่งเพื่อนสนิทของลูกชายขึ้นไปแล้ว คุณแต้วก็เดินไปในครัวเพื่อเตรียมของว่าง ส่วนทั้งสามเมื่อขึ้นไปถึงชั้นสองก็เคาะประตูที่หน้าห้องติดไว้ว่า “สีน้ำและพุดดิ้ง”

“ไอ้น้ำ หลับอยู่หรือเปล่า”

สไปรท์ที่เปิดประตูเข้าไปพูดขึ้นซะดังจนโชนฟาดกระโหลกไปซะที

“ไอ้ไป๊ แกถามดังแบบนี้ใครนอนอยู่ก็ตื่นหมดแล้ว”
“สีน้ำเป็นไงมั่ง เห็นว่าไม่สบายหนัก?”

คีย์ปล่อยให้ทั้งสองเถียงกันอยู่หน้าประตู ส่วนตัวเขาเดินเข้ามาหาสีน้ำที่นั่งเอนหลังพิงหมอนใบใหญ่อยู่บนเตียง ใบหน้าขาวจัดดูแดงเรื่อ แต่ในมือก็ยังมีหนังสือเรียน แสดงว่าเจ้าตัวคงกำลังอ่านหนังสืออยู่

“มาเยี่ยมหรอ ขอบใจนะ”

รอยยิ้มเซียวๆ จากริมฝีปากสีซีดดูน่าเป็นห่วง สีน้ำคงเห็นแววตาเป็นห่วงของคีย์จึงพยายามยิ้มให้กว้างขึ้น

“ไม่ได้เลวร้ายหรอกน่าคีย์ ฉันน่ะเป็นหวัดง่าย ไม่ค่อยจะแข็งแรงเท่าไร พอเป็นทีเลยดูแย่”
“อืม พวกนี้ก็เล่าให้ฟังว่าเด็กๆ นายไม่ค่อยแข็งแรง ไงวันหลังฝนตกอีกให้ฉันขับมาส่งก็ได้นะ ปกติฉันขับรถไปเรียนอยู่แล้ว”
“ขอบใจมาก”

ระหว่างที่คีย์สอบถามอาการของสีน้ำอยู่นั้น สไปรท์และโชนก็เดินไปสอดส่องสัตว์โลกตัวเล็กที่นอนอยู่ปลายเตียงของสีน้ำ

“นี่สีน้ำ มันฉีดยาหรือยังเนี่ย ดูมอมแมมมากๆ นายไม่อาบน้ำให้มันหรอ”

พุดดิ้งเงยหน้ามามองสไปรท์และโชนที่มาด้อมๆ มองๆ แล้วก็แยกเขี้ยวขู่ใส่

“แฮ่ แฮ่”
“มันขู่ด้วยว่ะ”
“พุดดิ้งไม่เอา แค่กๆ พุดดิ้งมานี่”

พอได้ยินเสียงเจ้านายเรียกพุดดิ้งก็เลิกสนใจคนแปลกหน้า กระโดดขึ้นเตียงไปนอนข้างๆ สีน้ำทันที

“สองคนนี้ห้ามขู่รู้ไหม เพื่อนฉันเอง”
“บ๊อก บ๊อก”
“เหมือนมันพูดรู้เรื่องเลยนะสีน้ำ”

คีย์ลองเอื้อมมือไปลูบหัวพุดเดิ้ลน้อยแล้วเจ้าตัวก็อยู่นิ่งๆ ให้จับแต่โดยดี

“อะไรกันวะสีน้ำ ทีกับคีย์ล่ะไม่เห็นขู่เลย”

โชนบ่นขึ้นมาเมื่อเห็นแบบนั้น

“หมามันคงกลัวจมูกโตๆ กับปากห้อยๆ ของแกมากกว่ามั้งไอ้โชน”
“ฉันว่ามันเห็นหน้าตาแกเป็นผู้ร้ายมากกว่าไอ้ไป๊”
“อ้าว พูดงี้ก็สวยดิ”

ก่อนที่เพื่อนทั้งสองคนจะทะเลาะกันจริงจัง สีน้ำก็หยุดการเถียงด้วยคำพูดประโยคเดียว

“จะเถียงหรือจะเอาการบ้านไปลอกดีๆ”
“ลอกกกกกก”

ทั้งสองพร้อมใจกันตอบแล้วเดินไปหยิบสมุดของสีน้ำมานั่งดูกันเงียบๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“สีน้ำทำการบ้านเสร็จหมดแล้วหรอ สูตรเคมีนั่นยากจะตายไปนะ”
“ก็นอนว่างๆ เลยเอามานั่งทำน่ะ”

ก๊อก ก๊อก

“แม่เอาของว่างมาให้จ๊ะ”

คุณแม่ของสีน้ำยกติ่มซำหน้าตาหน้ากินเข้ามา ตามด้วยชายหนุ่มผมทองหน้าตาดีที่ถือถ้วยชาตามมา

“ขอบคุณครับคุณแม่”

ทั้งคีย์ สไปรท์และโชนพร้อมใจกันไปรับของมาวางที่โต๊ะข้างหน้าต่าง พู่กันนั้นมองใบหน้าหวานของคีย์ไม่ละสายตาตั้งแต่เดินเข้ามาในห้อง ไม่สิ ตั้งแต่เขาเห็นคีย์ลงมาจากรถแล้ว

“อ้อ เด็กๆ นี่คุณพู่กัน เขาเป็นเพื่อนบ้านที่น่ารักที่สุดเลย ติ่มซำนี่ก็เป็นของทางร้านอาหารจีนที่คุณพู่กันเป็นเจ้าของด้วยนะจ๊ะ”
“ขอบคุณมากครับ”
“เรียกพี่กันก็ได้นะ แล้วเพื่อนสีน้ำกันหมดเลยหรอ”

ดวงตาเรียวของพู่กันจ้องที่คีย์จนทั้งห้องรู้สึกได้ สีน้ำเลยเหมือนถูกบังคับให้แนะนำเพื่อนเขาไปโดยปริยาย

“เอ่อ พี่กันฮะ นี่ สไปรท์ โชน แล้วนี่คีย์บอร์ดครับ”
“คีย์บอร์ดงั้นหรอ ยินดีที่ได้รู้จักนะ”

ทั้งที่แนะนำทุกคนแต่เหมือนไม่เข้าหูเพราะกันปราดเข้าไปยืนอยู่ข้างๆ คีย์โดยทันที

“เช่นกันครับ”
“แต่หน้าตาคุ้นจังเลยนะ เรารู้จักกันมาก่อนหรือเปล่า”

โชนและสไปรท์เหลือบมองกันโดยอัตโนมัติ แล้วสรุปคำออกมาได้คำเดียว “เฒ่าหัวงู” คีย์ยิ้มน้อยๆ เขาชินซะ
แล้วกับกลวิธีการหลีแบบนี้ บ้านๆ มากในความคิดของคีย์

“คงไม่หรอกครับ ผมจำไม่ได้ว่ารู้จักผู้ใหญ่แบบคุณกัน”
“อูย ผู้ใหญ่เลยหรอ ไม่หรอกมั้งน้องคีย์”
“คีย์บอร์ดดีกว่าครับ ผมขอสงวนชื่อไว้ให้คนพิเศษของผมได้ไหมฮะ”

คีย์ยิ้มน้อยๆ ราวกับคนกำลังมีความรัก ยิ่งทำให้พู่กันใจแป้ว

“มีคนพิเศษแล้ว?”
“ครับ ชื่อน้องเมาส์ครับ เรารักกันมากๆ แล้วก็คบกันมานานแล้ว ตอนนี้ก็อยู่ด้วยกัน ผมขอตัวนะครับจะไปดูเอกสารกับเพื่อนสักหน่อย”
“ครับ”

แห้วอีกแล้วตู พู่กันเดินหงอยๆ กลับออกไปพร้อมกับคุณแม่ของสีน้ำ แต่ก็ทำให้ชายหนุ่มทั้งสี่ในห้องขำกันได้ไม่เลิก กับความขี้หลีของเพื่อนบ้าน คนนี้

“นี่สีน้ำ ลุงคนนี้เป็นแบบนี้หรอวะ จีบซะเปิดเผย มุกเก่ามากเหอะ”

สไปรท์ที่ตอนนี้ญาติดีกับพุดเดิ้ลน้อยแล้ว แบ่งขนมให้พุดดิ้งกินอยู่ที่โต๊ะ ริมหน้าต่าง

“อย่าไปเรียกพี่กันว่าลุงสิ นิสัยดีมากเลยนะ ช่วยเหลือทั้งแม่ทั้งฉันไว้ตั้งเยอะ แค่กๆ”

คนป่วยไอหน้าดำหน้าแดง ร้อนให้เพื่อนๆ รีบรินน้ำอุ่นมารอไว้ โชนก็เดินไปลูบหลังให้สีน้ำ

“ไอซะน่ากลัวเลย นี่พรุ่งนี้จะไปเรียนไหวหรอ”
“ขอบใจ”

สีน้ำรับน้ำอุ่นมาดื่ม แล้วพยักหน้าตอบคำถามเพื่อน คีย์เพิ่งสังเกต เห็นสีน้ำอย่างเต็มตาตอนที่สีน้ำไม่ใส่แว่นตาหนาเตอะแบบนี้เป็นครั้งแรก

“จะว่าไปหน้าตาของสีน้ำสวย ไม่สิ หน้าตาดีมากๆ เลยนะ ทำไมไม่ใส่คอนแท็กเลนส์ล่ะ เสียดายดวงตาคมๆ แบบนี้ต้องไปหลบอยู่หลังแว่นตาเชยๆ”
“คีย์ไม่ต้องไปพูดเรื่องนี้หรอก คนเขาพูดกันปากฉีกถึงหูแล้ว ถึงขนาดจะจับมัดไปร้านตัดคอนแท็กแล้วด้วยนะ”

โชนที่กำลังลอกงานเอ่ยตอบแทนสีน้ำ โดยมีสไปรท์พยักหน้าหงึกๆ อย่างเห็นด้วย ส่วนที่ตักก็มีหมาน้อยนอนหลับอยู่

“ทำไมล่ะ น่าเสียดายออกนะ มีดีก็ต้องโชว์สิ”
“ขอบใจนะคีย์ แต่ฉันชอบแบบนี้มากกว่าน่ะ เคยไม่ใส่แว่นไปวันเดียวเองนะตอนมัธยม รู้สึกว่ามันแปลกๆ ยังไงไม่รู้ มีคนแปลกๆ มาชวนคุยเยอะแยะ แล้วก็มีคนเอาของมาให้ มาวุ่นวายรอบตัวเต็มไปหมด ฉันจำได้ว่ามันทำให้ฉันไข้ขึ้นสูงหยุดเรียนไปอาทิตย์นึงเต็มๆ เลย ฉันคงไม่ถูกโรคกับการโดนคนมายุ่งวุ่นวายแบบนั้นเท่าไร เพราะฉะนั้นแบบนี้แหละดีสุดแล้ว”
“ก็จริง ทำอะไรที่เราสบายใจนี่แหละเนอะ”

คีย์ยอมรับกับเรื่องที่สีน้ำพูดมา เพราะบางทีเขาเองก็เบื่อกับการโดนรุมล้อมเหมือนกัน

“เบื่อพวกหน้าตาดีคุยกันว่ะ จริงไหมไอ้โชน”
“แต่ฉันไม่เบื่อว่ะ เพราะฉันหน้าตาดี”
“พูดมาได้นะแก ถ้าแกหน้าตาดี ฉันนี่คงเทพจุติเลยเหอะ”
“อ้าวไอ้ไป๊ อย่าเอามาเทียบกันได้โปรด คนละเลเวล”
“อ้าวไอ้โชน พูดแบบนี้ได้ไงสวยดิ”

คีย์มองเพื่อนสนิทสองคน ที่หันมาทะเลาะกันอีกแล้ว

“นี่สีน้ำ สองคนนี้เป็นแบบนี้ตลอดเวลาเลยหรอ”
“อืม ก็แบบนี้แหละ ปกติมากๆ เดี๋ยวนายก็ชิน แล้วถ้าวันไหนไม่ได้ยินจะเหงาหูไปเลยละ”
“คงจะอย่างนั้น”

คีย์มองอย่างขำๆ ก็เห็นเถียงกันได้ทุกเรื่องแต่ก็รักกันดีนะสองคนนี้

กว่าเพื่อนๆ ที่มาเยี่ยมเพราะห่วง (ห่วงการบ้าน) จะกลับไปก็อยู่จนกินข้าวเย็นที่บ้านกันแล้วนั่นเอง สีน้ำที่อาการดีขึ้นมากแล้วก็จริงก็โดนมารดาไล่ให้ขึ้นไปพักผ่อนเยอะๆ เพราะขอว่าจะไปเรียนในวันรุ่งขึ้น ร่างเพรียวเมื่อเดินเข้ามาในห้องแล้วก็ไปหยุดที่โต๊ะอ่านหนังสือริมหน้าต่าง ความตั้งใจจะอ่านตำราทบทวนต้องล้มพับไปเพราะฤทธิ์ยาที่ทำให้เริ่มง่วงแล้ว เขาจึงปิดโคมไฟที่โต๊ะอ่านหนังสือ ดวงตาเรียวมองผ่านไปในความมืดที่มีเพียงแสงไฟจากโคมไฟสูงริมถนนในหมู่บ้านส่องสว่าง ก่อนที่จะผละจากหน้าต่างไป สีน้ำก็เห็นรถสปอร์ตสีแดงคันหนึ่งแล่นมาจอดที่หน้าบ้านตรงข้ามซี่งเป็นบ้านของพี่กันนั่นเอง

“รถนั่น มันของไอ้นายแบบตาโตนี่นา”

ถ้าเป็นตามปกติสีน้ำคงจะไม่ใส่ใจ แต่ไม่รู้ทำไมว่าพอเป็นเรื่องนายแบบนิสัยเสียคนนี้ดูมันสะกิดใจให้ต้องเผลอสนใจไปทุกครั้ง สีน้ำเห็นร่างสูงผึ่งผายของอีกฝ่ายเปิดประตูรถลงมาแล้วอ้อมไปเปิดให้คนที่นั่งมาด้วยลงมา ความไกลระยะนี้สีน้ำยังสามารถมองเห็นได้ชัดอยู่ จึงไม่แปลกที่จะเห็นความสนิทสนมของชายหนุ่มร่างสูงกับผู้หญิงต่างชาติที่ยืนเบียดอิงแอบแนบสนิทเป็นเนื้อเดียวกันที่ข้างรถไม่ยอมผละไปไหน แล้วสีน้ำก็เห็นว่าใบหน้าของทั้งคู่เข้ามาใกล้จนแนบสนิทกัน

“ทุเรศจริงๆ ทำอะไรหน้าบ้านเนี่ยประเจิดประเจ้อ”

สีน้ำจัดการรูดม่านหน้าต่างแล้วเดินไปล้มตัวลงนอนที่เตียงนุ่ม

“เห็นสิ่งสกปรกก่อนนอน จะฝันร้ายไหมเนี่ย เฮ้อ ไม่น่าไปดูเลยเรา”

ริมฝีปากแดงพึมพำเบาๆ ก่อนดวงตาเรียวจะปิดลงช้าๆ เพราะความง่วงงุนแล้วเจ้าตัวก็เข้าสู่นิทราไป

***************************************************

ที่ม้านั่งหน้าคณะนิเทศศาสตร์อันเป็นที่ประจำของกลุ่มภาควิชาการแสดงในวันนี้ดูจะคึกคักเป็นพิเศษ เพราะวันนี้เป็นการแจกบทละครเวทีอันถือเป็นงานมาสเตอร์พีสของชั้นปีก็ว่าได้ หากแต่ในกลุ่มคนที่กำลังพูดคุยกันอย่างออกรสชาติกลับมีร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มลูกครึ่งที่มองบทในมือด้วยความไม่พอใจ

“ไอ้มาร์ท แกจะนั่งทำหน้าหมดอาลัยตายอยากอีกนานไหมวะ”
“ถ้าเป็นแกมาได้รับบทนี้บ้างล่ะ เอาไหมวะ”
“แหมเพื่อน บทยิ่งยากยิ่งท้าทายนะเว้ย”
“ไอ้บทโฮโมเนี่ยนะ ถ้ามันแบบธรรมดาก็ว่าไป แต่นี่มันต้องสื่ออารมณ์ออกมาจากอินเนอร์ ต้องทำให้คนเชื่อให้ได้ ให้ฉันไปรับบทฆาตกรโรคจิตยังดีซะกว่า”
“เอาน่า ยังไงก็เปลี่ยนไม่ได้แล้ว อาจารย์คนนี้เฮี้ยบจะตายแกก็รู้ จะกล้าไปขอเปลี่ยนหรอ”
“เวรเอ๊ย วันนั้นถ้าฉันไม่เข้าสายไปนิดนึงนะ ไม่โดนแบบนี้หรอก”
“เอาน่าไอ้มาร์ท แกยังดี คนที่เข้าสายกว่าแก โน่นไอ้เจนโดนไปรับบทคุณโสที่โดนฆ่าอย่างโหดเหี้ยม”
“แต่แกก็รู้ว่าฉันตั้งใจกับละครปีนี้แค่ไหน ทั้งที่บทพระเอกมันน่าจะเป็นของฉัน ดูดิได้มาแค่นี้”
“แค่นี้ของแก แต่ก็เป็นตัวเดินเรื่องเลยนะเว้ย คิดไรมากวะ”
“ถ้าวันนั้นไม่โดนทำให้มาเข้าห้องสาย ฉันก็คงไม่ต้องมารับบทน่าอายแบบนี้ รู้ถึงไหน อายถึงนั่น สมาร์ทเอกการแสดงต้องมารับบทโฮโม แล้วสาวไหนมันจะมาสนวะ”
“แกก็คิดมากไป เขารู้หรอกเป็นแค่การแสดง”
“เหอะ แกก็รู้ว่าฉันไม่ชอบพวกแบบนั้นด้วย เสียของ ผู้ชายไปชอบผู้ชายด้วยกัน ยิ่งพูดยิ่งหงุดหงิด ทั้งหมดนี่เพราะไอ้เด็กหน้าจืดนั่นคนเดียว ถ้ามันไม่ขวางทางทำให้ฉันไปเข้าเรียนสายนะ”

พอสมาร์ทนึกถึงตัวต้นเหตุที่ทำให้เขาเข้าเรียนสายแล้วก็อดโมโหไม่ได้ มือกำแน่นอย่างโมโห

“งั้นแกก็ไปจัดการมันเลยดิวะ”
“จัดการ?”

สมาร์ทหันไปฟังเพื่อนสนิทที่ลงมานั่งข้างๆ แล้วกระซิบแผนการให้ฟังอย่างตั้งใจ

“ไหนๆ แกก็ต้องรับบทนี้ เปลี่ยนไม่ได้อยู่แล้ว ทำไมแกไม่เอาไอ้เด็กนี่เป็นเป้าหมายซะเลย เอามันมาทดสอบความสามารถในการแสดงของแกเป็นไง ถ้าทำให้มันหลงรักแกได้ แสดงว่าการแสดงแกเข้าขั้นแล้ว ทีนี้แกก็ทิ้งมันไปซะ กระสุนนัดเดียวได้นกสองตัวเลยเป็นไง”

สมาร์ทฟังแผนการที่เพื่อนเขาเสนอมาอย่างครุ่นคิด แล้วก็เผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา

“ความคิดเข้าท่า น่าสนใจดี เอาให้มันคลั่งไปเลย ว่าแต่แกรู้หรือเปล่าว่าไอ้เด็กนั่นมันคือใคร”
“ไม่เห็นจะยากเรื่องแค่นี้ แกไปนั่งคิดวิธีการนำเสนอการแสดงของแกดีกว่าไป ว่าจะทำยังไงให้เด็กนั่นมารักแกได้”
“แกกำลังพูดอยู่กับดาวรุ่งของวงการละครเวทีอย่างสมาร์ทเลยนะ เรื่องแค่นี้ จิ๊บๆ ว่ะ”
“ไอ้แสบ เอาเลย ฮ่าๆๆๆ”
สมาร์ทมองบทในมืออย่างมุ่งมาด ช่วยไม่ได้นะไอ้เด็กหน้าจืด แกดันมาขวางทางฉันเอง จะโทษก็โทษดวงแกแล้วกัน

***************************************************

คุณแต้วที่กำลังจัดติ่มซำจากเพื่อนบ้านอัธยาศัยดี ที่แวะเอาเมนูใหม่มาให้ชิมได้วันเว้นวันเลยทีเดียว เธอเหลือบมองเจ้าหมาน้อยสีมอมแมมที่นอนหมอบอยู่ข้างๆ อย่างเอ็นดู

“ว่าไงพุดดิ้ง เหงาหรอวันนี้นายเราไม่อยู่น่ะ”

เจ้าหมาน้อยเงยหน้ามองตาละห้อยซะจนน่าสงสาร

“เดี๋ยวเย็นๆ สีน้ำก็กลับมาแล้วน่า มานี่มา ไปนั่งเล่นหน้าบ้านกัน เร็วพุดดิ้ง”

เมื่อจัดใส่จานแล้วเธอก็ยกมาพร้อมกับร่างน้อยของเจ้าพุดดิ้งวิ่งตามมาด้วย

“รบกวนแย่เลยนะคะ ให้คุณกันเอามาให้ชิมแบบนี้บ่อยๆ”
“ใครว่าละครับ เพราะคำติชมของคุณแต้วนี่แหละ ร้านผมถึงคนแน่นขึ้น ผมเอาไปปรับปรุงรสชาติให้ถูกปากคนยิ่งขึ้น”
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกคะ”
“ดูเจ้าพุดดิ้งมันหงอยๆ นะครับ”

พู่กันเรียกเจ้าหมาน้อยให้มาหาแล้วจับขึ้นมาวางบนตัก ซึ่งเจ้าตัวเล็กก็มานอนหมอบที่ตักแต่โดยดี

“มันติดตาสีน้ำน่ะค่ะ พอนายไม่อยู่ก็เลยเฉาเลย”
“สีน้ำไปเรียนแล้วหรอครับ”
“ใช่แล้วค่ะ รายนั้นน่ะจะเป็นจะตายก็ขอให้ได้ไปเรียน ยังตัวรุมๆ อยู่เลย แต่ก็บอกว่าไม่เป็นไร นี่ถ้าเป็นไข้กลับมานะคะจะจับตีเลย”
“สมกับที่เรียนเก่งเลยนะครับ รักการเรียนแบบนี้ แต่ว่าผมกำชับเจ้า เหนือดินแล้วนะครับว่าต่อไปนี้ถ้าเจอสีน้ำก็ให้รับสีน้ำกลับบ้านมาด้วย คาร์พูลไงครับ”
“จะดีหรอคะ รบกวนคุณเหนือดินแย่เลย”
“ไม่เลยครับ ยินดีครับ เรื่องแค่นี้เอง คุณแต้วชิมจานนี้สิครับ เมนูใหม่เลยนะครับ”

พู่กันฉีกยิ้มกว้างให้คนตรงหน้า เขาถูกชะตากับผู้หญิงคนนี้มาก เสียอย่างเดียวคือเป็นคนที่มีสามีและลูกแล้วเท่านั้นเอง พู่กันได้แต่ปลงกับชีวิตตัวเองที่มักจะไปหลงใหลคนมีเจ้าของอยู่เรื่อย ทั้งคุณแต้ว ทั้งน้องคีย์

“เฮ้อ”
“บ๊อก บ๊อก”
“ทำไมเจ้าพุดดิ้ง แกปลอบฉันงั้นหรอ”
“บ๊อก”
“มันฉลาดดีนะครับเนี่ย ถึงหน้าตาจะไม่น่ารักเท่าไรแต่ฉลาดจริงๆ”
“นั่นสิคะ มีพุดดิ้งอยู่ ช่วยให้หายเหงาได้เยอะเลยค่ะ”

พุดเดิ้ลขนมอมแมมเหมือนรู้ว่าโดนพูดถึงมองคนนั้นทีคนนี้ทีอย่างสนใจ ทำให้กันอดลูบหัวมันเล่นไปมาไม่ได้ เขานึกไปถึงเจ้าน้องชายตัวแสบที่ชอบหาเรื่องลูกชายบ้านนี้เสียจริง สงสัยต้องกำชับให้เลิกหาเรื่องได้แล้ว สีน้ำ ออกจะเป็นเด็กดีซะขนาดนี้

“จริงไหมพุดดิ้ง”
“บ๊อก”

**********************************

ร่างเพรียวที่ถือถุงหนังสือเดินอยู่หน้าป้ายรถเมล์นั้นคุ้นตาเหนือดินยิ่งนัก พอได้เห็นผมฟูๆ กับแว่นตาเชยๆ นั่นก็รู้แล้วว่าเป็นเจ้าเด็กตัวดีที่ทำให้เขาโดนเฮียกันว่าเอาว่าใจดำ

“ชื่ออะไรนะ น้ำ น้ำไรวะ อ่อ สีน้ำ ทำไมถึงได้มาเจอกันบ่อยนักวะ มาเจอกันเวลากลับบ้านทุกทีเลยให้ตายเหอะ”

เหนือดินบ่นอย่างหัวเสีย เขาเพิ่งโดนเฮียกันบังคับให้รับปากว่าจะพาเด็กนี่กลับมาด้วยถ้าหากว่าเห็น แล้วนี่ก็เจอเลย

“ทำไมต้องมาทำแบบนี้ด้วยวะ เซ็งจริงๆ”

พอไฟเขียวเหนือดินก็ออกรถแล้วหมุนพวงมาลัยขับรถเลียบฟุตบาทพลางเปิดกระจกฝั่งที่นั่งข้างคนขับ

“นี่ นี่ นายน่ะ สีน้ำ”

สีน้ำที่ตอนแรกก็สงสัยว่าใครมาตะโกนเรียกใครแถวนี้ พอได้ยินชื่อเขาก็หันไปมอง แต่พอเห็นคนเรียกก็แทบจะสะบัดหน้ากลับโดยทันทีแล้วรีบเดินให้ไวที่สุด

“นี่จะรีบเดินไปไหน เดี๋ยวก็สะดุดทางหรอก ผมฟูปิดหน้าปิดตาซะขนาดนั้น หยุดก่อน บอกให้หยุดไงละ นี่”

สีน้ำไม่สนใจพยายามจ้ำๆ ให้เร็วที่สุด เห็นแบบนี้ยิ่งทำให้เหนือดินหงุดหงิด คนแบบเขาไม่เคยโดนเมินแล้วยิ่งจากคนที่เป็นแบบสีน้ำ คนที่ไม่ควรจะเมินคนอย่างเขา นายแบบหนุ่มตัดสินใจเร่งเครื่องแล้วไปจอดรถดักข้างหน้าเอาไว้ โชคดีที่ตรงนั้นเป็นถนนจะเข้าหมู่บ้านแล้ว เลยไม่มีรถแล่นตามมา ร่างสูงลงมาจากรถแล้วไปยืนดักหน้าชายหนุ่มอีกคนเอาไว้

“นี่ ฉันเรียกนายนะ หูตึงหรือไง”
“ผมไม่ได้ชื่อ ”นี่” ทำไมผมต้องหัน กรุณาหลบด้วย คุณขวางทางผม ผมจะรีบกลับบ้าน”
“ก็ดี งั้นมานี่”

เหนือดินจับข้อมือขาวจัดแล้วลากไปที่รถของเขาโดยไม่สนการขัดขืนจากเด็กหนุ่มเลย

“นี่จะบ้าหรอ จะลากฉันไปไหน ไม่ไปนะ แค่กๆๆๆๆ”

พอสีน้ำตะโกนโวยวายเสียงดังเขาก็ไอไม่หยุดทันที ไอหอบจนตัวโยนและไร้เรี่ยวแรงจะขัดขืนคนที่ลากเขาไปยังรถสปอร์ตสีแดงแล้วจัดแจงยัดตัวเขาให้เข้าไปนั่งเรียบร้อย เหนือดินปรายตามองคนข้างๆ ที่ยังไอไม่หยุดแล้วตัดสินใจออกรถ

“ฉันรับปากเฮียกันไว้ว่าถ้าเจอนายระหว่างทางจะพากลับบ้านด้วย ฉันไม่อยากผิดคำพูดกับเฮีย นายก็ทนๆ นั่งไปสักแป๊บละกัน”
“ผม...ไม่ต้องการ ครั้งหน้าไม่ต้องหรอกครับ”
“ผู้ใหญ่เขาหวังดี จะดื้อทำไมล่ะ”
“ผมไม่ได้ดื้อ แต่ผมดูแลตัวเองได้”
“นั่นสิ ดูแลตัวเองได้ถึงกับเป็นไข้แค่เพราะตากฝนนะหรอ”

สีน้ำถึงกับนิ่งไปเพราะเขาเถียงความจริงที่หลุดออกมาจากปากนายแบบหนุ่มไม่ออก

“ผมจะป่วยแล้วเกี่ยวอะไรกับคุณล่ะ”
“ไม่เกี่ยวกับฉัน แต่เฮียฉันเขาห่วงนาย อีกเดี๋ยวก็ถึงบ้านแล้วนั่งข้างๆ ฉันสักแป๊บนายคงไม่ป่วยเพิ่มขึ้นหรอกน่า”

สีน้ำยู่ปากอย่างเคยชินเวลาที่หงุดหงิด ก็เอาเหอะไหนๆ มีราชรถมาเกยถึงที่แล้ว อยากเป็นคนขับรถให้เขานั่งสบายๆ ก็ตามใจ พอคิดได้แบบนี้สีน้ำเลยนั่งสบายๆ แล้วพยายามสนใจคนข้างๆ ให้น้อยที่สุด

“นี่ หลับหรือไง”
“ไม่ได้หลับ”
“ทำไมนั่งกับฉันมันน่ารังเกียจนักหรือไง”

สีน้ำรู้สึกว่าความเร็วรถเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เขารีบคาดเข็มขัดนิรภัยทันที พอเห็นสีน้ำกลัวเหนือดินก็ยิ้มอย่างพอใจที่มุมปาก เด็กเอ๋ย

“คุณจะขับรถเร็วไปไหน นี่ๆ มันจะเลยบ้านผมแล้วนะ คุณ จะบ้าหรอ นี่”
“ฉันไม่ได้ชื่อ “นี่” หรอกนะ”

พอโดนประโยคที่ตัวเองเพิ่งพูดไปย้อนกลับมาสีน้ำก็จ้องนายแบบหนุ่มอย่างไม่พอใจ

“ไหนบอกว่ารับมาส่งบ้าน นี่มันเลยบ้านผมแล้ว”
“ฉันบอกว่าจะรับมาส่งบ้าน แต่ไม่ได้บอกนิว่าบ้านใคร เอ้า ถึงบ้านฉันละ นายลงได้แล้วล่ะ”

รถสปอร์ตสีแดงแล่นเข้าไปจอดในลานจอดรถหน้าบ้านหลังใหญ่ที่อยู่ติดสวน ถ้าตัดออกไปว่าบ้านนี้เป็นบ้านของนายแบบนิสัยเสียแล้วละก็ เป็นบ้านที่สวยน่าอยู่ทีเดียว 
สีน้ำคว้าถุงหนังสือและกระเป๋าเปิดประตูลงมาจากรถ แล้วจงใจปิดประตูกระแทกเสียงดังจนเหนือดินสะดุ้ง

“เฮ้ย ปิดแบบนี้รถฉันพังหมด” 
“พอดีมันยั้งไม่อยู่ รถมันคงทนทานเหมือนคนขับ ไม่พังง่ายๆ หรอก”

สีน้ำเดินย้อนกลับไปตามทางทันทีเพื่อกลับบ้าน ถึงบ้านเขาจะอยู่ถัดไปแค่สิบกว่าหลังแต่การต้องเดินย้อนก็ทำให้หงุดหงิดอย่างเหลือเชื่อ

“ว่าฉันนิสัยเสีย นายก็พอกันแหละ คนขับรถมาส่งไม่มีขอบคุณ”
“ผมไม่ได้เต็มใจมานิ แล้วคุณเองก็ไม่ได้เต็มใจขับมาส่งด้วย เจ๊ากันไป”
“นี่ น้องแว่น ดึกๆ น่ะ เลิกแอบดูหนังสดของชาวบ้านเขาด้วยนะ หรือถ้าทำเองไม่เป็นก็บอกได้จะหาคนไปสอนให้”
“พูดเรื่องอะไร”

สีน้ำหยุดเดินแล้วหันกลับมาเผชิญหน้านายแบบตาโตที่ยืนพิงรถอยู่

“ก็เรื่องที่ดึกๆ ดื่นๆ ปิดไฟแล้วแอบมองคนอื่นเขาพลอดรักกันน่ะสิ อย่าคิดว่าไม่รู้นะ อยากลองมั่งไหมล่ะ”
“นายเป็นคนที่ไร้ยางอายและทุเรศที่สุดที่ฉันเคยเจอมาเลย ใครให้มากอดจูบกันหน้าบ้านล่ะ คนเห็นมันก็ไม่แปลกหรอก เดี๋ยวฉันจะไปบอกพี่กันว่าน้องชายเขาน่ะนิสัยเสียที่สุด”

พอสีน้ำหันหลังกลับจะเดินต่อก็รู้สึกถึงมือหนาที่มาจับแขนเขาเอาไว้

“ก็ลองดูสิน้องแว่น นายบอกเฮียฉันเมื่อไรนะ ฉันจะจับนายมาจูบแทนคนเมื่อวานซะเลย ดีไหมล่ะ”

ไม่พูดเปล่าเหนือดินดึงร่างโปร่งแต่กลับดูอ่อนแอเหลือเกินของสีน้ำมาปะทะแผ่นอกหนา แล้วตวัดรัดจนสีน้ำดิ้นหนีไปไหนไม่ได้

“ไอ้บ้า เฮ้ย เล่นบ้าไรของแก ปล่อยฉันนะ”

เหนือดินขำกับการพยายามดิ้นของคนในอ้อมกอด ก็ดูซีดซะขนาดนี้จะมีแรงมาดิ้นหลุดจากคนที่ออกกำลังกายทุกวันแบบเขาได้ยังไงกัน

“จุ๊บ”

ริมฝีปากหนาจรดเบาๆ ที่แก้มขาวของสีน้ำ ทำให้เด็กหนุ่มตัวแข็งทื่อ หยุดดิ้นไปโดยปริยาย ไม่รู้แม้กระทั่งว่าเหนือดินปล่อยเขาออกจากอ้อมแขนแล้ว

“นี่ ช็อกไปเลยหรอ แค่หอมแก้มเองนะ นี่ นี่”

เหนือดินโบกมือไหวๆ ที่หน้าสีน้ำ อีกฝ่ายเหมือนจะมีปฏิกิริยาตอบรับประหลาดจนเกิดเหตุ อย่าบอกนะว่า

“แค่หอมแก้มก็ไม่เคยโดนงั้นหรอ ฮ่าๆๆๆ นายไปอยู่ไหนมาเนี่ย เด็กชะมัดยาด”
“ไอ้ทุเรศ อย่ามาเข้าใกล้ฉันอีกนะ คราวหน้าจะต่อยให้ปากแตกเลย”

สีน้ำที่ได้สติแล้วก็รีบถอยหลังแล้ววิ่งกลับบ้านไปทันที เขาไม่อยากเจอหน้าไอ้คนนิสัยเสียอีกแล้ว อยู่ดีๆ มากอดรัดแถมทำแบบนั้นกับเขาอีก แล้วคนไม่เคยมันแปลกนักหรือไง ไอ้นายแบบนิสัยเสียยย

เหนือดินมองสีน้ำที่วิ่งหนีไปอย่างขบขัน เด็กที่แม้แต่หอมแก้มก็ไม่เคยอย่างนั้นหรอ ช่างแปลกประหลาดที่สุด แต่ยามที่เขายื่นริมฝีปากไปกระทบแก้มขาว เขากลับได้กลิ่นหอมแบบธรรมชาติที่แทบหาได้ยากในปัจจุบัน กลิ่นนั้นยังหอมติดจมูกเขาอยู่เลย

“ท่าจะบ้าแล้วเรา รู้ถึงไหนอายถึงนั้นไปปล้ำหอมเด็กแบบนั้นได้ สงสัยไข้จะขึ้นแน่ๆ เว๊ย”

เหนือดินล็อกรถแล้วเดินเข้าบ้านไปทันที

ฝ่ายสีน้ำที่วิ่งกระหืดกระหอบมาตามทางจนถึงบ้าน ก็วิ่งขึ้นชั้นสองทันทีโดยไม่แวะทักทายมารดาก่อนตามปกติ พอไปถึงห้องก็วางหนังสือและถุงต่างๆ ลง พุ่งไปในห้องน้ำทันที

“สกปรกที่สุด ไอ้บ้า ไอ้นิสัยเสีย ไม่รู้จะด่าว่าไรแล้วเนี่ย”

มือขาวบีบโฟมล้างหน้ามาทาที่แก้ม ถูซะจนรู้สึกร้อนไปทั้งหน้า พอล้างออกแก้มด้านที่โดนขโมยหอมเมื่อครู่ก็แดงเป็นปื้นเพราะแรงจากการถู

“แสบเลย คราวหน้าถ้าเจออีกนะจะเจาะยางให้แบนเลยคอยดู”

สีน้ำบ่นพึมพำกับตัวเอง ไม่เคยมีคนไหนที่ทำให้เขาโมโหได้ขนาดนี้มาก่อนเลย คนที่ไม่เคยใส่ใจเรื่องอื่นนอกจากการเรียนกลับมาโมโหคนๆ หนึ่งได้แบบนี้ ถ้าเพื่อนเขารู้คงเป็นหัวข้อสนทนาไปอีกนานแน่ๆ

“เกลียดที่สุดเลย ไอ้นายแบบบ้า”
“บ๊อก บ๊อก”
“ว่าไงพุดดิ้ง ซนหรือเปล่า”

ลูกหมาวิ่งมาคลอเคลียพันแข้งพันขาจนสีน้ำต้องอุ้มมันขึ้นมา

“พุดดิ้ง จำไว้นะถ้าเจอคนใจร้ายเนี่ย กัดมันเลยนะ รู้ไหม นิสัยไม่ดีที่สุดของที่สุดเลย”
“บ๊อก”
“ดีมาก”

สีน้ำกอดลูกหมาน้อยไว้แนบอก หวังว่าคงไม่โชคร้ายต้องไปนั่งรถกับคนนิสัยเสียอีกเป็นครั้งที่สอง

***************************************************************

LadyMurasaki

  • บุคคลทั่วไป
Re: Love Me Love My Dog ~~PART2~~ 16/10/53 อัพแล้วค่ะ
«ตอบ #62 เมื่อ20-10-2010 21:29:00 »

ตั้งแต่วันนั้นสีน้ำก็ไม่ได้เห็นหน้าหรือรถสปอร์ตแดงคันนั้นอีกเลยเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์เต็มๆ ทำให้เขาเริ่มสบายใจมากขึ้นจนเพื่อนๆ สังเกตได้

“ทำไมวันนี้ไม่หน้านิ่วคิ้วขมวดแล้วล่ะสีน้ำ เห็นอาทิตย์ที่แล้วจะกลับบ้านทีทำหน้าอมทุกข์ซะ”
“แล้วหน้าสีน้ำมันเกี่ยวไรกับแกวะสไปรท์ แกต้องไปสนใจอยู่ตลอดเวลา”
“เอ้าไอ้โชน คนเขาเป็นห่วงเพื่อนโว๊ย”
“ไม่ได้มีไรหรอก”
“เห็นไหม สีน้ำบอกว่าไม่ได้มีอะไร”

โชนหันไปทำหน้าพยักเพยิดใส่สไปรท์จนเพื่อนหน้าโหดแต่นิสัยไม่โหดทนไม่ไหว วิ่งไล่จะชกสักทีสองที

“เฮ้ย”
“โครม”
“เอี๊ยด”

จะเพราะมัวแต่เล่นจนไม่มองทางกันก็ว่าได้ ทำให้โชนวิ่งลงถนนไปจนตัดหน้ารถที่แล่นมาจนต้องเบรกกะทันหัน โชนถึงกับล้มไปกองหน้ารถด้วยความตกใจ

“โชน / ไอ้โชน”

เพื่อนทั้งสองคนรีบมาดูอาการเพื่อนสนิทที่นั่งหน้าซีดอยู่ คนขับรถเองก็เปิดประตูลงมาดูอาการด้วยเช่นกัน

“เฮ้ย อยากตายไปฆ่าตัวตายที่อื่นเว้ย นี่ถนนนะวิ่งพรวดพราดลงมาได้ไง”

สไปรท์รีบลุกขึ้นมาโค้งขอโทษคนขับเป็นการใหญ่

“ขอโทษจริงๆ ครับ พวกผมไม่ระวังเอง ต้องขอโทษด้วยครับ”
“เฮ้ย นั่นมัน”

เพื่อนที่นั่งมาด้วยเปิดลงมาดูเหตุการณ์และเมื่อเห็นสีน้ำที่นั่งอยู่ข้างๆ โชนก็รีบสะกิตชายหนุ่มลูกครึ่งผู้เป็นเจ้าของและคนขับรถทันที

“ไรวะ”
“ไอ้มาร์ท ดูดีๆ ดิวะ”

สมาร์ทมองตามที่เพื่อนส่งสัญญาณให้มองก็เห็นสีน้ำนั่งผมฟูอยู่ตรงหน้า

“อ้อ”

เขาหันไปมองกับเพื่อนอย่างขอบอกขอบใจแล้วหยักยิ้มเจ้าเล่ห์ทันที

“แล้วเป็นอะไรมากไหมล่ะ เดี๋ยวผมพาไปหาหมอไหม”
“ไม่เป็นไรครับ”

โชนรีบปฏิเสธ แต่พอสีน้ำพยุงให้ลุกก็ร้องโอดโอยเจ็บที่ข้อเท้า

“เดี๋ยวไปหาหมอดีกว่าไหม พยุงเพื่อนขึ้นรถสิ”
“ขอบคุณมากครับ”

สมาร์ทออกจะขัดใจที่สไปรท์กับโชนคอยตอบเขาจนเขาไม่ได้คุยกับเด็กหนุ่มรุ่นน้องเป้าหมาย แต่ในเมื่อเจ้าตัวมาอยู่ตรงหน้าแล้ว เขาก็ถือว่าโชคเข้าข้างให้เขาแก้เผ็ดแล้ว

ชายหนุ่มร่างสูงเปิดประตูด้านหลังให้รุ่นน้องทั้งสามคนเข้าไปนั่งด้านหลัง ส่วนเพื่อนเขาก็ขอตัวกลับเองเพื่อเปิดโอกาสให้เพื่อนทำตามแผน

“เดี๋ยวพาไปโรงพยาบาลใกล้ๆ นี้ละกันนะ ว่าแต่ชื่ออะไรกันมั่งล่ะ พี่ชื่อสมาร์ทเรียนอยู่นิเทศ เอกการแสดงปีสี่แล้วล่ะ”
“ผมสไปรท์ครับ คนเจ็บนี่ โชน ส่วนอีกคน สีน้ำครับ เราอยู่คณะสัตวแพทย์ปีหนึ่งครับ”
“อ้อ อย่างนั้นเอง แต่ตอนนี้ไปให้หมอคนรักษาก่อนนะ”

สมาร์ทส่งยิ้มอ่อนๆ มาให้สีน้ำผ่านทางกระจกซึ่งสีน้ำก็พยักหน้าน้อยๆ กลับไปให้ กว่าจะจัดการเรื่องการรักษาเสร็จเรียบร้อยก็กินเวลาไปกว่าสองชั่วโมงได้ แต่รุ่นพี่เอกการแสดงก็มานั่งคุยกับสไปรท์และสีน้ำอยู่ไม่ได้กลับไปก่อน

“วันนี้ต้องขอบคุณรุ่นพี่มากเลยนะครับ ทำให้ลำบากทั้งวันเลย”
“ไม่เป็นไรหรอก ก็ช่วยๆ กัน พี่น้องมหาวิทยาลัยเดียวกัน นี่อยู่แถวไหนกันมั่งล่ะ”

สไปรท์ก็ยังเป็นคนตอบอีกเช่นเคย แค่พอรู้ว่าสีน้ำไม่ได้อยู่ที่เดียวกับเพื่อนดวงตาก็วาวโรจน์ขึ้นมา

“บ้านพี่ไปทางเดียวกับบ้านสีน้ำเลย ยังไงเดี๋ยวพี่แวะไปส่งให้ไหมจะได้ไม่ต้องกลับเอง ก็ขึ้นรถกันให้หมดนี่แหละ เดี๋ยวพี่ไปส่งให้”
“จะดีหรือครับ ลำบากเปล่าๆ”

สีน้ำเอ่ยท้วงเบาๆ

“ไม่เลย มาสิ ป่ะ”

สมาร์ทแตะหลังสีน้ำเบาๆ เพื่อให้เดินไปขึ้นรถจนตอนนี้ร่างใหญ่เหมือนกำลังจะโอบสีน้ำเอาไว้

“ไปเว้ย พี่เขาใจดีไปส่งแล้ว ไอ้โชนไหวไหม”

สไปรท์หันมาช่วยพยุงโชนที่พันผ้าที่ข้อเท้าเอาไว้เพื่อมาขึ้นรถที่จอดอยู่ตรงหน้า สมาร์ทเปิดประตูด้านหน้าให้สีน้ำแล้วเปิดด้านหลังรอพวกสไปรท์และโชน พอรุ่นน้องทั้งสามขึ้นรถแล้วก็ค่อยๆ ขับไปตามทางช้าๆ เปิดเพลงคลอเบาๆ สลับกับชวนคุยหลอกถามเรื่องของสีน้ำไปเรื่อยๆ ถ้าคนไม่รู้จักก็คงคิดว่าเขาอัธยาศัยดี แต่หากเป็นคนที่รู้จักเขาดีแล้วละก็จะรู้เลยว่าไม่มีทางที่เขาจะทำดีกับใครแบบไม่หวังผลหรอก

จากโรงพยาบาลไปที่พักของสไปรท์และโชนนั้นไม่ห่างกันมากเท่าไร พอส่งเพื่อนทั้งสองลงไปแล้วสีน้ำก็นั่งตัวเกร็งเพราะเขาไม่คุ้นกับการพูดคุยกับคนไม่สนิทเท่าไร

“สีน้ำไม่สบายบ่อยหรอ เห็นเมื่อกี้สไปรท์เล่าให้ฟัง”
“ฮะ ก็เด็กๆ ไม่ค่อยแข็งแรงนะครับ ตอนนี้ก็ดีขึ้น”
“แย่เลยเนอะ นี่ก็ยังไม่ค่อยสบายดีหรือเปล่า”

มือหนาผละจากเกียร์มาอังที่หน้าผากสีน้ำจนเขาตกใจ

“อ๊ะ ขอโทษทีนะ พี่ชินกับการถูกเนื้อต้องตัวเพื่อนๆ ที่บ้านพี่ก็อยู่กันแบบฝรั่ง ไม่ค่อยถือเรื่องพวกนี้กัน”
“อย่างนั้นเองหรอครับ”

สีน้ำพยักหน้าช้าๆ กับความรู้ใหม่ เขาคงต้องค่อยๆ ปรับตัวไปเรื่อยๆ กับการใช้ชีวิตที่ผู้คนมีหลายวัฒนธรรมแบบในกรุงเทพฯ นี้

“สีน้ำไม่ค่อยชินสินะ ไว้ว่างๆ พี่พาไปเปิดหูเปิดตาไหมละ จะได้รู้อะไรให้เยอะๆ”
“รบกวนรุ่นพี่ซะมากกว่านะครับ ผมไม่ค่อยชินกับการไปที่คนเยอะๆ น่ะครับ”
“เรื่องแบบนี้เรียนรู้กันได้ เริ่มจากวันนี้เลยไหมละ เดี๋ยวพี่พาไปกินข้าวร้านอร่อย บรรยากาศดีๆ”
“คงไม่ดีหรอกครับ ผมรบกวนรุ่นพี่มาเยอะแล้ว ยังให้มาส่งอีก”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า พี่ถูกชะตากับเรานะ เหมือนเป็นน้องชายคนนึงเลย ไปกินข้าวกับพี่ชายคนนี้ได้ไหมล่ะ”

พอโดนสายตาจริงใจถามมาแบบนั้น สีน้ำที่ไม่ถนัดการปฏิเสธคนก็เลยยิ่งพูดปัดไม่ออก ได้แต่พยักหน้าน้อยๆ ก่อนที่รถยนต์คันหรูจะเปลี่ยนเส้นทางจากทางไปบ้านสีน้ำ เป็นไปยังร้านอาหารอิตาเลี่ยนร้านประจำของสมาร์ทแทน

*******************************************************

ร้านอาหารอิตาเลี่ยนบรรยากาศสุดโรแมนติกและที่นั่งด้านในหลบมุม เป็นสถานที่แปลกใหม่สำหรับเด็กหนุ่มที่มาจากเมืองเล็กๆ แบบสีน้ำ

“สีน้ำมาทานอาหารนอกบ้านบ่อยหรือเปล่า”
“ไม่ค่อยนะครับ แม่มักจะทำให้ทาน ไม่ก็สั่งมาทานที่บ้านซะมากกว่า ร้านนี้บรรยากาศดีจังเลยนะฮะ”
“สีน้ำชอบก็ดีแล้วละ ลองชิมนี่หน่อยไหม”

สมาร์ทยื่นแก้วไวน์ที่มีน้ำสีเข้มส่งกลิ่นหอมน่าลิ้มลองมาให้ชายหนุ่มรุ่นน้อง

“ผมไม่เคยดื่มพวกนี้หรอกครับ ไม่ลองดีกว่าเดี๋ยวเมา”
“นิดเดียวไม่เมาหรอก ลองจะได้รู้รสชาติไง ถ้าไม่ชอบวันหลังก็ไม่ต้องดื่ม ลองสักนิดเถอะ”

มือหนายัดเยียดแก้วไวน์ใส่ในมือขาวจัดของสีน้ำจนได้ แต่กลับไม่ยอมผละมือออก ค่อยๆ ยกแก้วให้ไปชิดริมฝีปากแดงเรื่อจนสีน้ำยอมแพ้จิบไวน์แดงในแก้วไปหนึ่งอึก

“เป็นไง ใช้ได้ไหม”
“มันก็ขมๆ นิดหน่อยครับ”
“ดื่มให้หมดแก้วเลยสิ ไหนๆ ก็ลองแล้ว”

สมาร์ทมองสีน้ำที่ว่าง่ายดื่มที่เหลือไปให้หมดอย่างพอใจ เด็กนี่เชื่อคนง่ายและใสซื่อกว่าที่เขาคิดเยอะนัก แบบนี้มันยิ่งทำให้แผนการของเขาง่ายขึ้นไปอีกในการจะเข้าถึงตัว สีน้ำดื่มไปจนหมดแล้วก็รู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งหน้า เขาเพิ่งเคยดื่มไวน์แบบนี้เป็นครั้งแรก แต่เขาก็ไม่รู้ว่าไวน์ที่ดื่มนั้นเป็นไวน์ดีกรีสูงที่เก็บไว้นานแล้ว ดื่มเพียงนิดเดียวก็เมาได้

“เก่งมาก หมดแก้วแล้ว”
“ทำไมมันมึนๆ ไงก็ไม่รู้ฮะ”
“ไม่มีอะไรหรอก เดี๋ยวก็หาย สีน้ำนั่งอยู่นี่แป๊บนึงนะเดี๋ยวพี่มา”

สมาร์ทปล่อยให้ไวน์ทำหน้าที่ของมันเต็มที่ก่อน โดยเขาเดินไปทักทายเพื่อนที่นั่งอยู่ไม่ไกล ที่นี่เป็นที่ประจำในการล่าเหยื่อของเขาเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะพาใครมาไม่เคยมีใครรอดมือเขาไปได้เลยสักคน

สีน้ำนั่งเอนพิงพนักเก้าอี้อย่างมึนหัว มันร้อนวูบวาบไปมาจนน่ากลัว เขาเพิ่งรู้ว่าไวน์ดื่มแล้วเป็นอย่างนี้นี่เอง ช่วงจังหวะที่มึนๆ สีน้ำก็เห็นคนนึงที่หน้าตาคุ้นเหลือเกินกำลังเดินตรงมาที่เขานั่ง

“นี่ สีน้ำ ทำไมมานั่งหน้าแดงเถือกอยู่ตรงนี้ มากับใครเนี่ย นี่ รู้ตัวไหม”
“ครายยอ่ะ ทำไมมีหลายคนจังเลย”
“เหอะ เป็นเด็กเป็นเล็กริอาจดื่มไวน์ เมาแล้วไหมล่ะ นี่ นี่”
“มีอะไรกับรุ่นน้องของผมหรือครับ”

สมาร์ทที่พอเห็นคนเดินไปหาสีน้ำก็รีบเดินกลับมาที่นั่งทันที คนที่กำลังเขย่าตัวรุ่นน้องผมฟูจนหัวสั่นหัวคลอนนั้นหน้าตาไม่ต่างจากป้ายโฆษณาน้ำหอมตรงตึกสูงหน้าร้านเลย

“พอดีเขาก็เป็นคนรู้จักของผมเหมือนกัน ท่าทางจะเมามากซะแล้ว ถ้าคุณไม่ว่าอะไรผมขอพาตัวสีน้ำกลับเลยละกันเพราะบ้านเราอยู่ติดกัน”

เหนือดินที่แวะมาทานอาหารที่นี่เช่นกันนั้น โดนเพื่อนสะกิดให้ดูสมาร์ทมอมเหล้าเด็กหนุ่มที่ดูแปลกที่ นี่ถ้าเพื่อนเขาไม่ได้บอกต่อไปอีกว่าสมาร์ทนั้นเป็นเสือผู้หญิงตัวฉกาจส่วนที่นั่งมุมในตรงนี้ก็เป็นที่ล่าเหยื่อประจำ เขาคงไม่ออกโรงมาช่วยเด็กที่ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลยอย่างสีน้ำหรอก สุดท้ายเหนือดินเลยต้องลุกออกมาขัดขวางและช่วยเด็กหนุ่มที่เฮียกันกำชับกำชามาให้ช่วยดูแลอย่างเสียไม่ได้

“แต่นั่นเป็นทางผ่านผมเหมือนกัน ไม่รบกวนดีกว่าครับ”
“ไม่ได้รบกวนเลย เขาดื่มเหล้าไม่ค่อยได้ เดี๋ยวจะไม่สบาย ผมขอตัวนะ”

เหนือดินไม่สนใจคำท้วง เขาพยุงสีน้ำขึ้นมาให้เอนมาซบที่ไหล่หนาแล้วหยิบกระเป๋าสะพายของสีน้ำมาสะพายไว้ ผงกหัวเชิงอำลาให้สมาร์ทนิดๆ แล้วรีบพยุงสีน้ำที่แทบไม่รู้เรื่องแล้วออกจากร้านไป

“แม่งเว๊ย รอดไปซะได้ แต่ไก่อ่อนแบบนี้ ฉันจะทำให้เป็นของฉันให้ได้เลย”

เหนือดินพยุงสีน้ำมาจนถึงรถที่จอดอยู่ด้านหลัง เขาเปิดประตูแล้วจับสีน้ำให้เข้าไปนั่งในที่นั่งข้างคนขับอย่างทุลักทุเลเพราะร่างโปร่งนั้นอ่อนปวกเปียกไปหมด

“ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวเลย จะโดนมอมเหล้าหลอกไปฟันหรือเปล่าเนี่ย”

เหนือดินเอี้ยวตัวไปคาดเข็มขัดนิรภัยให้สีน้ำที่เมาจนหลับไปแล้ว ด้วยความใกล้ชิดทำให้เหนือดินได้กลิ่นหอมอ่อนๆ มาจากตัวเด็กหนุ่ม

“แว่นป้าหนาขนาดนี้ใส่ไปได้ยังไงน้า”

เหนือดินพยายามเบี่ยงเบนความสนใจจากกลิ่นละมุนนั้น เขาค่อยๆ ถอดแว่นสายตาออกมาจากดวงหน้าเรียวช้าๆ แล้วเอาแว่นไปวางที่หน้าตักเด็กหนุ่ม แสงไฟจากโคมด้านนอกที่ลอดเข้ามาทำให้เหนือดินเห็นดวงหน้าขาวเรียวโดยปราศจากแว่นตาที่เกะกะเป็นครั้งแรก ขนตาเป็นแพเรียงสวย จมูกที่โด่งได้รูป ริมฝีปากแดงอิ่มเผยอออกเล็กน้อย คงเพราะความใกล้ชิดที่ใกล้เสียจนสีน้ำรู้สึกถึงลมหายใจร้อนๆ ของใครที่รินรดดวงหน้า ดวงตาเรียวสวยจึงเปิดขึ้นอย่างช้าๆ 

“ใครนะ”

ดวงตาคมเรียวที่เปล่งประกายนั้นมีสเน่ห์ดึงดูดอย่างประหลาด ลมหายใจจากเด็กหนุ่มเจือไปด้วยกลิ่นไวน์หอมกรุ่นที่ชวนให้ลุ่มหลงและลิ้มลอง เหนือดินเหมือนต้องมนต์สะกด ดวงหน้าคร้ามค่อยๆ ก้มลงไปหาริมฝีปากแดงตรงหน้าช้าๆ จนแนบสนิทในที่สุด เป็นสัมผัสที่หวานนุ่มละมุนกว่าจูบใดที่เขาเคยลิ้มรส กลิ่นหอมอ่อนๆ ผนวกกับรสชาติหวานหอมของไวน์ที่ติดอยู่ที่เรียวปากยิ่งทำให้เขาหลงใหล บดเบียดสัมผัสที่ดูดดื่มพรางเปลี่ยนมุมเพื่อดูดซับความหอมหวานให้ได้มากที่สุด

“อื้มมมม”

เสียงครางแผ่วๆ จากคนที่เมาทำให้เหนือดินได้สติ เขาดึงตัวผละออกกลับมานั่งที่นั่งคนขับราวกับโดนไฟฟ้าช๊อตแล้วพยายามสงบสติอารมณ์

“มันต้องเป็นข้อผิดพลาด ไม่จริง สงสัยจะเมาไวน์ บ้าไปแล้วเหนือดินเอ๊ย แกจะบ้าหรอ ทำอะไรลงไปเนี่ย สติหายไปไหนวะ สติ ตั้งสติหน่อย”

เหนือดินหยิบแว่นตาสวมกลับไปให้สีน้ำตามเดิมเพราะดวงหน้าเรียวหลังแว่นตาแบบป้าๆ นั้นมีพิษสงเกินกว่าที่เขาคาดคิดนัก เขาตั้งใจว่าจะไม่ถอดแว่นนี้ออกอีกครั้งเป็นแน่ ร่างสูงสตาร์ทรถแล้วรีบขับออกไปทันที

***************************************************

ขอบคุณคนอ่านทุกท่านเลยค่ะ  :กอด1:

ออฟไลน์ ขนมหวาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 540
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +190/-2
Re: Love Me Love My Dog ~~PART3~~ 20/10/53 อัพแล้วค่ะ
«ตอบ #63 เมื่อ20-10-2010 21:49:59 »

หลังกรอบแว่น พี่เหนือดินหลงเสน่ห์สีน้ำเข้าแล้ว กิ้ว กิ้ว
คงจะถอนตัวได้ยากนะเนี่ย

ตอนนี้ปรบมือให้เพราะมาช่วยสีน้ำได้ทัน
ส่วนพี่พู่กัน หน้าแตกหมอไม่รับเย็บเลย กะจีบน้องคีย์อะดิ้

ออฟไลน์ heefever

  • 영원히 그대만 사랑해
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-0
Re: Love Me Love My Dog ~~PART3~~ 20/10/53 อัพแล้วค่ะ
«ตอบ #64 เมื่อ20-10-2010 21:54:45 »

อิมาร์ทเดี๋ยวเมิงไม่ตายดีแน่  :angry2:ทำกับน้องน้ำแบบนี้ได้ไง


พี่ดิน ระวังจะหลงรักน้องสีน้ำแบบไม่รู้ตัวนะจ๊ะ

เราเตือนคุณแล้ว :z2:

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
Re: Love Me Love My Dog ~~PART3~~ 20/10/53 อัพแล้วค่ะ
«ตอบ #65 เมื่อ20-10-2010 22:09:13 »

 :เฮ้อ:รอดมาได้อย่างหวุดหวิดนะน้องแว่น

ออฟไลน์ ณ ที่เดิม™

  • มากกว่าชีวิต...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1699
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-0
Re: Love Me Love My Dog ~~PART3~~ 20/10/53 อัพแล้วค่ะ
«ตอบ #66 เมื่อ20-10-2010 22:15:11 »

อืม!
คนหนึ่งกำลังสับสนการกระทำตัวเอง
อีกคนหนึ่งกำลังจะเผด็จศึก โดยไม่สับสน
เอาเป็นว่ารอดูตอนต่อไปดีกว่าขอรับ
นั่งรอตอนต่อไปโลด :a9:

ออฟไลน์ Yunatsu

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +233/-5
Re: Love Me Love My Dog ~~PART3~~ 20/10/53 อัพแล้วค่ะ
«ตอบ #67 เมื่อ20-10-2010 22:22:08 »

คนสวยก้เปิดตัวแล้ววว

เปนไงละพี่ดินน แค่ถอดแว่นอะนะ

หลงเลยยยยยยยย

อิอิ  

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
Re: Love Me Love My Dog ~~PART3~~ 20/10/53 อัพแล้วค่ะ
«ตอบ #68 เมื่อ20-10-2010 22:22:32 »

เหนือดินจะกระทำชำเราคนเมาแทนซะแล้วป่ะล่ะ อิอิ
รออ่านต่อค๊า

ออฟไลน์ PEENAT1972

  • Red Rhino
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +563/-106
Re: Love Me Love My Dog ~~PART3~~ 20/10/53 อัพแล้วค่ะ
«ตอบ #69 เมื่อ20-10-2010 22:53:53 »

ใกล้เวลาแปลงโฉมแล้วสีน้ำเอ๋ย

รองพื้นชิเซโด่พร้อม

แป้งแข็งคลีนิคพร้อม

ไฮไลท์ เฉดดิ้งพร้อม

ลิปสติ๊ก สีพิงค์นู๊ด คริเตียนดิออร์

กรอสแวววาวเพิ่มความชุ่มชื้น

ปัดแก้ม พิ้งค์บริสซั่ม ลังโคม

ขดตาแปรงปัดมาสคราร่าบอบบี้บราวจับแพขนตายาวให้เข้ารูป


โอเค ขึ้ันโชว์ได้แล้วลูกแม่


(โอ้... ไม่ใช่แระ   ชั้รนเพ้ออะไรไปนี่)


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Love Me Love My Dog ~~PART3~~ 20/10/53 อัพแล้วค่ะ
« ตอบ #69 เมื่อ: 20-10-2010 22:53:53 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Na_RimKLonG

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 640
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-1
Re: Love Me Love My Dog ~~PART3~~ 20/10/53 อัพแล้วค่ะ
«ตอบ #70 เมื่อ20-10-2010 23:26:58 »

อย่างงี้ต้องเป็น

มนต์รักหลังกรอบแว่น   :m4: :m32:

KM

  • บุคคลทั่วไป
Re: Love Me Love My Dog ~~PART3~~ 20/10/53 อัพแล้วค่ะ
«ตอบ #71 เมื่อ20-10-2010 23:54:07 »

กร๊ากๆๆๆ

samsoon@doll

  • บุคคลทั่วไป
Re: Love Me Love My Dog ~~PART3~~ 20/10/53 อัพแล้วค่ะ
«ตอบ #72 เมื่อ21-10-2010 08:40:36 »

ยาววววววววววววววววววววววววววววววอ่านจุใจมากกกกกกกกกกกกกก


สีน้ำเอ๊ยถูกลักจูบแรกไปเสียแล้ว 55555555555555555

ว่าแต่ไอ้ตัวร้ายนี้มะช่ายหลังๆมาแอบหลงน้องสีน้ำเองหละ  หึหึ

เอาหลซี่เรื่องชักน่าติดตาม


แล้วมาต่ออีกนะคะ

+1 จร้า

ออฟไลน์ LalaBam

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2864
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-2
Re: Love Me Love My Dog ~~PART3~~ 20/10/53 อัพแล้วค่ะ
«ตอบ #73 เมื่อ21-10-2010 11:43:35 »

พี่ดินหลงสีน้ำเข้าแล้ว

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
Re: Love Me Love My Dog ~~PART3~~ 20/10/53 อัพแล้วค่ะ
«ตอบ #74 เมื่อ21-10-2010 12:03:07 »

 :beat: ไอ้มาร์ท เลวร้ายมาก
แต่ก็ต้องขอบใจที่ทำให้ดินเห็นความน่ารักของสีน้ำ อิอิ
ส่วนคนนี้...
ใกล้เวลาแปลงโฉมแล้วสีน้ำเอ๋ย
รองพื้นชิเซโด่พร้อม
แป้งแข็งคลีนิคพร้อม
ไฮไลท์ เฉดดิ้งพร้อม
ลิปสติ๊ก สีพิงค์นู๊ด คริเตียนดิออร์
กรอสแวววาวเพิ่มความชุ่มชื้น
ปัดแก้ม พิ้งค์บริสซั่ม ลังโคม
ขดตาแปรงปัดมาสคราร่าบอบบี้บราวจับแพขนตายาวให้เข้ารูป
ป้านี่โปรฯจริงๆ :jul3:

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
Re: Love Me Love My Dog ~~PART3~~ 20/10/53 อัพแล้วค่ะ
«ตอบ #75 เมื่อ21-10-2010 12:50:53 »

คืนนี้เหนือดินคงต้องข่มตานอนล่ะ 555
".......จูบมีฤทธิ์สะกิดหัวใจ ตัดอย่างไรไหว มันทำฉันให้ไม่สมประดี.."
อาการเป็นแบบนี้รึปล่าจ๊ะคุณเหนือดิน

ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6
Re: Love Me Love My Dog ~~PART3~~ 20/10/53 อัพแล้วค่ะ
«ตอบ #76 เมื่อ21-10-2010 14:57:19 »

มารอตอนต่อไปครับ :L1:

poppepper

  • บุคคลทั่วไป
Re: Love Me Love My Dog ~~PART3~~ 20/10/53 อัพแล้วค่ะ
«ตอบ #77 เมื่อ21-10-2010 17:59:02 »

สวัสดีครับ Writer เจ้าของเรื่องครับ

เรื่องนี้น่ารักมากเลยครับ สีน้ำน่ารักดีจังครับ

เหมือนดินจะหลงเสน่ห์สีน้ำแล้วสิ

Sunako

  • บุคคลทั่วไป
Re: Love Me Love My Dog ~~PART3~~ 20/10/53 อัพแล้วค่ะ
«ตอบ #78 เมื่อ21-10-2010 22:45:37 »

 :o8: โดนขโมยจูบไปแล้วน้องสีน้ำ

หุหุหุหุหุ

ไอ้พี่เหนือดิน แกได้โดดสะพานแน่  :laugh:

samsoon@doll

  • บุคคลทั่วไป
Re: Love Me Love My Dog ~~PART3~~ 20/10/53 อัพแล้วค่ะ
«ตอบ #79 เมื่อ23-10-2010 13:07:44 »

คิดถึงแล้วน๊า คิดถึงแล้วน๊า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Love Me Love My Dog ~~PART3~~ 20/10/53 อัพแล้วค่ะ
« ตอบ #79 เมื่อ: 23-10-2010 13:07:44 »





LadyMurasaki

  • บุคคลทั่วไป
Re: Love Me Love My Dog ~~PART3~~ 20/10/53 อัพแล้วค่ะ
«ตอบ #80 เมื่อ23-10-2010 13:11:23 »

 :-[ วันอาทิตย์ดึกๆ ไม่ก็วันจันทร์จะมาอัพให้นะคะ

ขอบคุณที่คิดถึงค่ะ  :impress2:

b27072010

  • บุคคลทั่วไป
Re: Love Me Love My Dog ~~PART3~~ 20/10/53 อัพแล้วค่ะ
«ตอบ #81 เมื่อ23-10-2010 14:33:20 »

ถึงกับจะมอมเหล้ากันเลยเหรอนี่

เป็นความคิดที่ชั่วร้ายมาก

ดีนะที่เหนือดินมาเจอ

แต่ก็อีกแหละเหนือนดินก็เหอะ

มาเจอสีน้ำในสภาพแบบนี้ก็อดใจไว้ไม่ได้เหมือนกันแหละ

HappyMelon

  • บุคคลทั่วไป
Re: Love Me Love My Dog ~~PART3~~ 20/10/53 อัพแล้วค่ะ
«ตอบ #82 เมื่อ24-10-2010 03:03:27 »

แอร๊ยยยยยยย เหนือดินหลงเสน่ห์น้องสีน้ำไปแร้ว วู้วววววว
รู้แล้วสินะว่าน้องเค้าไม่ได้ขี้เหร่ แล้วจำไว้ด้วยนะตัวเองน่ะจูบสีน้ำไปแร้ว ฮิฮิ
เกลียดอีตาสมาร์ทนี่จริงๆ สีน้ำจำไม่ได้เลยด้วยซ้ำว่าเคยทำอะไรให้
ทำไมต้องมาเล่นกับความรู้สึกคนด้วยเนี่ย เลวนะยะ!
เหนือดินดูแลปกป้องสีำน้ำดีๆด้วยละกันน๊าา
ใจจริงไม่อยากให้อีตาสมาร์ทนี่ได้เห็นหน้าสีน้ำอีกด้วยซ้ำ จิ๊ๆ
น้องคีย์บอร์ดท่าจะน่ารักนะเนี่ย อีพี่พู่กันถึงได้หน้าม้อขนาดนี้ ฮ่าๆๆ
สนุกค่ะ รออ่านตอนหน้า

LadyMurasaki

  • บุคคลทั่วไป
Re: Love Me Love My Dog ~~PART3~~ 20/10/53 อัพแล้วค่ะ
«ตอบ #83 เมื่อ24-10-2010 19:20:57 »

PART 1
PART 2
PART 3

Part 4

เมื่อดวงตาเรียวคมเปิดขึ้นช้าๆ ความรู้สึกแรกที่แล่นเข้ามาจู่โจมคืออาการปวดหัวอย่างรุนแรงจนต้องปิดเปลือกตาบางลงไปอีกครั้ง

“โอ๊ย ปวดหัวจังเลย ทำไมปวดขนาดนี้นะ”
“ก็ใครสั่งให้ริอาจดื่มไวน์ล่ะ แถมยังเป็นไวน์แรงขนาดนั้น คนที่ไม่เคยดื่มก็ยิ่งแล้วใหญ่สิ ดีนะที่ไม่ได้แพ้ออลกอฮอล์ไปด้วยน่ะ”

เสียงทุ้มของใครสักคนที่คุ้นหูดังขึ้นข้างๆ ทำให้เปลือกตาสีอ่อนพยายามจะเปิดขึ้นอีกครั้ง แต่ก็รู้สึกถึงผ้าเปียกและเย็นที่เช็ดมาที่ดวงหน้าเบาๆ

“เช็ดหน้าสักหน่อยเดี๋ยวก็ดีขึ้น แล้วก็นอนหลับตาไปอย่างนั้นแหละไม่ต้องทำเก่ง ถ้าไม่เชื่อนายจะได้ปวดหัวไปทั้งวันแน่ๆ”
“ผมอยู่ที่ไหน นี่มันอะไร เกิดอะไรขึ้น ก็ผมกินข้าวอยู่กับรุ่นพี่”
“เหอะ”

เหนือดินทำเสียงขัดขึ้นมาอย่างไม่พอใจที่ได้ยินเด็กคนข้างๆ พูดชื่อคนที่เพิ่งจับเจ้าตัวมอมเหล้าไปอย่างอ่อนโยน แต่ทำไมเขาต้องไม่พอใจด้วยล่ะ

“อย่าเพิ่งคิดอะไรเลย นายเมาไวน์ แล้วฉันก็ไปกินข้าวที่ร้านนั้นพอดีเลยพานายกลับบ้านมาแทน”

สีน้ำหลับตานิ่ง พยายามคิดตามไปช้าๆ ถึงสิ่งที่นายแบบหนุ่มกำลังพูด

“ทำไมคุณถึงพาผมกลับบ้านมา?”

สีน้ำรู้สึกสงสัยขึ้นมาเพราะใช่ว่าเขากับอีตาคนนี้จะญาติดีกัน ทำไมอยู่ดีๆ มาทำดีกับเขา พาเขามาส่งแบบนี้

“แล้วรุ่นพี่นายเขารู้จักบ้านนายหรือไงล่ะ”

เหนือดินเบือนหน้ามองออกไปนอกห้องนอน เขาเองก็ไม่เข้าใจ      การกระทำตัวเองเหมือนกัน ที่ทำตัวแปลกไปจนเหมือนใครคนอื่นที่เขาไม่รู้จัก นี่เขาเป็นอะไรไป

“แล้วนี่ผมอยู่ที่ไหน”

มันอาจจะดูเป็นคำถามพื้นๆ แต่สีน้ำแน่ใจว่าที่เขานอนอยู่นี้ไม่ใช่ในรถแน่ๆ มันคือเตียงนุ่มนอนสบาย และไม่ใช่เตียงของเขา ไหนจะยังเสียงนกร้องที่ดังแทรกเข้ามาอีก

“บ้านฉัน”

คำตอบง่ายๆ แต่สำหรับสีน้ำแล้วมันไม่ง่ายอย่างนั้นน่ะสิ

“ทำไมบ้านคุณ ทำไมไม่พาผมกลับบ้าน แล้วนี่เช้าแล้วหรอ ตายแล้วแม่ต้องเป็นห่วงแน่ๆ จะแกล้งผมน่ะ ผมไม่ว่าหรอกนะ แต่อย่าทำให้แม่ผมต้องเป็นห่วงสิ”

สีน้ำเปิดเปลือกตาขึ้นมองไปรอบๆ ห้องแล้วพยายามจะลุกขึ้น แต่ก็ปวดหัวหนักจนต้องล้มลงตัวลงนอนไปอีกที

“นายนี่ชอบคิดเองเออเองอยู่เรื่อยเลยนะ เด็กชะมัดยาด”

เหนือดินมองกิริยาของสีน้ำแล้วลุกไปเปิดหน้าต่างให้ลมเย็นๆ พัดเข้ามา ยิ่งอยู่ใกล้สีน้ำมากเท่าไร ก็ยิ่งนึกไปถึงใบหน้าเรียวสวยหลังแว่นตานั้นที่เขาได้เห็นและยังติดตาอยู่ทุกครั้งที่มองหน้าหนุ่มน้อยคนนี้ แล้วยังอีกเรื่องที่เขาไม่มีวันจะบอกใครเด็ดขาดว่าเขา เหนือดิน นายแบบที่ใครๆ ก็หมายปอง คนที่สาวๆ ตามล่าตัวอยากมาเป็นแฟน กลับไปขโมยจูบเด็กผู้ชาย บอกใครไปคงไม่มีใครเชื่อ ก็ขนาดตัวเขาเองยังไม่อยากจะเชื่อตัวเองเลย

“ฉันโทรบอกแม่นายไปแล้วว่าพอดีนายมีการบ้านภาษาอังกฤษที่ไม่ค่อยเข้าใจจะมาขอให้ฉันสอนให้ แล้วนายเผลอหลับไป ก็เลยขอให้ค้างที่นี่ซะเลย”
“แล้วทำไมไม่พาผมกลับบ้านไปล่ะ”

เหนือดินหันมามองตาเรียวหลังแว่นตาหนาแว็บหนึ่ง ก่อนละสายตากลับไปมองวิวนอกหน้าต่างตามเดิม

“อยากให้แม่นายเห็นสภาพตอนเมาหรือไง”

สีน้ำเหลียวมองคนที่เพิ่งตอบเขามาอย่างเหลือเชื่อ หมอนี่เป็นคนเดียวกับคนที่แกล้งเขาต่างๆ นานาไม่ใช่หรอ ทำไมอยู่ดีๆ อยากเป็นคนดีแบบปุ๊บปั๊บขึ้นมา หรือว่าพรุ่งนี้โลกจะแตกกันเนี่ย

“นายไม่สบายหรือเปล่า?”
“ทำไมถามแบบนั้น จะหาว่าฉันกินยาไม่ได้เขย่าขวดเลยมาทำดีด้วยหรือไง ทีคนดีๆ ล่ะมามองในแง่ร้าย ทีคนไม่ดีเนี่ยเชิดชูเข้าไป”
“พูดเรื่องอะไร คนดี คนไม่ดี ไม่เห็นรู้เรื่อง”
“เดี๋ยวนอนนิ่งๆ ไปก่อนนะ จะไปหาอะไรอุ่นๆ มาให้ดื่ม แล้วคงจะ     ดีขึ้น”

เหนือดินเห็นสีน้ำนอนหน้าซีดอยู่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ แล้วทำไมเขาต้องเป็นห่วงเด็กคนนี้ถึงขนาดยอมเกงานถ่ายแบบ ขอเลื่อนไปทำงานวันอื่นเพื่อมานั่งดูแลด้วยนะ ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจ แต่ก่อนที่ขายาวจะพาร่างกายหนาออกไปจากห้องก็ได้ยินคำพูดเบาๆ แต่เรียกรอยยิ้มกว้างได้ดีกว่าเวลาอยู่หน้ากล้องเสียอีก

“เอ่อ....ขอบคุณนะฮะ คุณเหนือดิน”

เสียงปิดประตูดังขึ้นเบาๆ แสดงว่านายแบบหนุ่มออกไปจากห้องแล้ว สีน้ำผ่อนลมหายใจออกช้าๆ ความทรงจำสุดท้ายคือการนั่งอยู่ที่ร้านอาหารกับ รุ่นพี่สมาร์ท แล้วหลังจากนั้นก็เหมือนโดนปิดสวิตช์ไม่มีอะไรในหัวสมองเลย แต่ในความว่างเปล่านั้นกลับฝันถึงเรื่องแปลกๆ

“ทำไมฝันว่านอนอยู่ในรถแล้วก็...”

มือเรียวยกขึ้นมาสัมผัสริมฝีปากอิ่มช้าๆ มันเป็นฝันที่ประหลาดมากที่เห็นนายแบบหนุ่มคู่กัดเขายื่นหน้ามาใกล้ๆ แล้วความอบอุ่นก็ประพรมลงมาที่ริมฝีปากทำให้รู้สึกดีจนแทบละลาย

“บ้าจริงๆ นั่นแหละ เมามันเป็นอย่างนี้เองหรอเนี่ย ไวน์นี่แรงจริงๆ คราวหน้าไม่สิไม่มีคราวหน้าแล้ว”

สีน้ำบ่นกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะได้ยินเสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นสองที แล้วนายแบบหนุ่มเจ้าของบ้านก็เปิดประตูเข้ามาพร้อมซุปอุ่นๆ ที่ให้แม่บ้านที่เขาจ้างมาดูแลบ้านรายวันช่วยทำให้

“ลุกไหวไหม”

น้ำเสียงทุ้มที่เจือความอ่อนโยนก็เป็นเรื่องแปลกใหม่อีกเช่นกัน แต่สีน้ำก็พยายามจะไม่คิดอะไร เขาลองทรงตัวใช้แขนรองน้ำหนักตัวเพื่อจะลุกขึ้นนั่งพิงหมอนที่เหนือดินเอามาสอดไว้ด้านหลัง

“ทานเองได้ไหม”

ถ้วยซุปใสร้อนๆ ส่งกลิ่นหอมกรุ่นจนทำให้ท้องเริ่มประท้วงด้วยการส่งเสียงเบาๆ

“ทานได้ครับ ผมไม่ได้ป่วยซะหน่อย”
“ก็ดีแล้ว ค่อยๆ ทานไปละกันเดี๋ยวจะหายาแก้ปวดหัวมาให้”

เหนือดินหายออกจากห้องไปอีกครั้งปล่อยให้สีน้ำนั่งทานซุปไปช้าๆ พร้อมสำรวจห้องนอนของนายแบบหนุ่มไปด้วย ในความคิดเขา ถ้าบอกว่าเป็นห้องของหมอนี่แล้วภาพที่สีน้ำคิดคือห้องต้องรกเลอะเทอะ แต่นี่กลับดูโปร่งตา มีเฟอร์นิเจอร์เพียงไม่กี่ชิ้น มีแค่ตู้ เตียง และโต๊ะอ่านหนังสือ ทุกอย่างเป็นสีดำสนิท บ่งบอกความเรียบง่าย ที่ตู้หนังสือริมผนังอีกด้านเรียงรายไปด้วยหนังสือมากมายจนกระตุกต่อมความสนใจของหนอนหนังสือแบบเขา

“หมอนี่อ่านหนังสือด้วยงั้นหรอ”

เพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมง เขากลับได้รู้เรื่องของหมอนี่หลากหลายเรื่อง โดยที่แต่ละเรื่องล้วนแต่เกินคาดทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่พาเขากลับมาที่นี่แทนจะกลับไปบ้านแล้วทำให้แม่เป็นห่วง ซึ่งมันเป็นอะไรที่หมอนั่นน่าจะทำมากกว่า หรือเรื่องคอยช่วยดูแล เช็ดหน้า หาซุปอุ่นๆ มาให้ทาน คนๆ นี้ที่จริงแล้วเป็นคนยังไงกันแน่นะ

พอได้ทานอะไรอุ่นๆ สีน้ำก็รู้สึกว่ามีแรงมากขึ้น เด็กหนุ่มจึงค่อยๆ ลงจากเตียง จุดมุ่งหมายของเขาคือตู้หนังสือริมผนัง เพราะสีน้ำเชื่อว่าการจะรู้ได้ว่า  คนนี้เป็นคนแบบไหน หน้งสือที่อ่านย่อมบอกได้ เมื่อวางเท้าลงกับพื้นพรมนุ่ม ร่างเพรียวก็ทิ้งน้ำหนักตัวลงไป หากแต่เขาประมาทเกินไปที่คิดว่าตัวเองนั้นรู้สึกดีขึ้นมากแล้ว พอลงน้ำหนักและจะยืนก็เกิดอาการพื้นโคลงเคลง เซถลาจะล้มลงไปที่พื้นหน้าเตียง เด็กหนุ่มหลับตาปี๋อย่างยอมรับชะตากรรมว่าคงต้องเจ็บตัว หากแต่กลับรู้สึกถึงความนุ่มๆ อุ่นๆ แทน

“ช่วยทำตัวเป็นคนว่าง่ายและก็พูดรู้เรื่องสักสิบวิได้ไหม คลาดสายตาเป็นต้องมีเรื่องจริงๆ เลยนะ บอกว่าให้นั่งอยู่บนเตียงก่อนไงจะฝืนลงมาทำไม ขนาดคนแข็งแรงเจอไวน์แรงแบบนั้นไปยังแฮงค์ข้ามวันเลย นี่เด็กไม่ประสาแบบนายแถมยังอ่อนแอแบบนี้ ต้องนอนพักอีกสักหน่อยถึงจะดีขึ้น”

โชคดีที่เหนือดินเปิดประตูเข้ามาแล้วเห็นว่าสีน้ำกำลังจะล้มลงพอดี เขาเลยรีบถลามารับเด็กหนุ่มไว้ได้ก่อนที่จะล้มลงกระแทกพื้น หัวใจของเขาเต้นระรัวเพราะความตกใจ ถึงปากจะบ่นว่าแต่ก็กลับโล่งอกที่สีน้ำไม่เป็นอะไร

“ผมคิดว่าไม่เป็นไรแล้วนิ”
“ยังไงฉันก็อายุมากกว่านาย เชื่อผู้ใหญ่ไว้บ้างไม่เสียหายหรอกนะ ค่อยๆ ลุกนะ ช้าๆ”

เหนือดินพยุงร่างเพรียวให้ลุกขึ้นแล้วพากลับไปเอนหลังที่เตียงใหญ่ ยามที่ค่อยๆ ช่วยให้สีน้ำเอนตัวลงนั้นกลิ่นหอมอ่อนๆ จากเรือนกายเด็กหนุ่มก็ทำให้หัวใจเขาปั่นป่วนจนแทบจะเต้นหลุดออกมาด้านนอก

“ขอโทษที่ทำให้ลำบากนะครับ แล้วก็ขอบคุณมากๆ ครับ”
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันไม่ใช่คนใจร้ายไส้ระกำอะไร เราก็คนบ้านใกล้เรือนเคียงกันด้วย อ่ะนี่ยาแล้วก็น้ำ พอกินแล้วนอนอีกสักตื่นนึงก็คงจะดีขึ้น แล้วล่ะ”

มือเรียวขาวจัดรับยาและแก้วน้ำที่เหนือดินส่งให้ เมื่อปลายนิ้วของทั้งคู่สัมผัสกัน เหนือดินรู้สึกเหมือนโดนไฟช็อตจากส่วนที่สัมผัสแล่นปราดไปทั่วร่างจนรีบชักมือกลับมาแทบไม่ทัน สีน้ำได้แต่มองอาการสะดุ้งของคนตรงหน้าด้วยความแปลกใจ แต่ก็รับยาและน้ำมาดื่มเสร็จเรียบร้อย

“นี่ถ้ายาที่ฉันให้กินมันเป็นยาไม่ดีนายคงแย่แล้วนะเนี่ย เชื่อคนง่ายแบบนี้”
“ยาไม่ดี? แล้วทำไมคุณต้องเอายาไม่ดีให้ผมทานด้วยล่ะ?”
“ที่นี่ไม่ใช่ว่าจะมีแต่คนดีแบบที่ๆ เคยอยู่รู้ไหม ต้องระวังตัวให้มาก”
“ผมไม่เห็นจะเข้าใจ ดูๆ ทุกคนก็เป็นคนดีออกนะครับ”
“ทำไมถึงได้ใสซื่อแบบนี้นะ มิน่าโดนหลอกง่ายๆ”
“อะไรนะครับ?”

ประโยคสุดท้ายเหนือดินพูดงึมงำในคอทำให้สีน้ำฟังไม่ถนัดเท่าไร

“นี่ แล้วรุ่นพี่เมื่อวานเนี่ย รู้จักเขานานแล้วหรอ”
“พี่สมาร์ทนะหรอครับ ก็เพิ่งรู้จักกันเมื่อวานเอง แต่พี่เขาดีมากๆ เลย ใจดีช่วยเพื่อนผมที่ไปตัดหน้ารถเขาพาไปส่งโรงพยาบาล แล้วยังพาผมไปเลี้ยงข้าวด้วย เขาบอกว่าเห็นผมเหมือนน้องชายเขาเลย”
“เหอะ น้องท้องติดกันล่ะไม่ว่า”
“อะไรติดกันนะฮะ คุณชอบพูดอะไรฟังไม่รู้เรื่องอยู่เรื่อย”

สีน้ำเริ่มขัดใจที่เหนือดินพูดงึมงำแล้วยังไม่รู้เรื่องอีกด้วย แต่เขาก็ยอมรับว่าถ้าตัดเรื่องที่ไม่ดีต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้นระหว่างกันออกไป คนนี้ก็นับว่าเป็นคนดีทีเดียว

“ฉันอยากจะบอกว่าคบใครก็ดูให้ดีๆ ก่อนรู้ไหม เพิ่งรู้จักกันก็ไปในที่ที่เราไม่รู้จักแล้วกินอะไรแปลกๆ แบบนั้นห้ามทำเด็ดขาด เพราะเราอาจจะโดนหลอกก็ได้ รู้ไหม”

สีน้ำนิ่งคิดตามที่เหนือดินพูด แล้วก็พยักหน้าช้าๆ

“แล้วคนเขาจะหลอกผมไปทำไมล่ะ”
“ทำได้เยอะแยะเลยล่ะ แถมเลวร้ายแบบที่นายคิดไม่ถึงเลย”

สีน้ำก็ยังทำหน้างงอยู่ดี เขาไม่เข้าใจที่เหนือดินพูดสักเท่าไร ใครจะมาทำอะไรกับผู้ชายกัน หรือถ้าเป็นเรื่องเชิงชู้สาว เขาก็ไม่ใช่ผู้หญิงถึงจะต้องมานั่งกังวล

“ทำหน้าแบบนี้ ไม่รู้ละสิว่าจะผู้ชายก็โดนได้เยอะแยะไม่ต่างกับผู้หญิง”
“ผมรู้หรอกน่าว่ามีคนที่เขาก็ชอบผู้ชายเหมือนกัน ถึงผมจะมาจากต่างจังหวัด เรื่องแบบก็ไม่ใช่ว่าจะไม่รู้”
“รู้ก็ดีแล้ว”

เหนือดินรู้สึกเสียวยังไงไม่รู้ เวลาที่เห็นสีน้ำยกมือขาวเรียวขึ้นมาสัมผัสริมฝีปากแดงที่เขาได้พิสูจน์มาแล้วว่าอ่อนนุ่มและหวานจับใจแค่ไหน จะว่าไปก็ไม่อยากเชื่อเลยว่าหลังแว่นหนาและผมฟูไม่เป็นทรงจะมีดวงหน้าที่งดงามซ่อนอยู่ แล้วถ้าหากว่าคนที่เขาเจอที่ร้านอาหารเมื่อคืนได้มาเห็นแบบเขา จะไม่ยิ่งไปกันใหญ่หรอ

“นี่...เอ่อ...สีน้ำ ยังไงก็ระวังตัวมากๆ แล้วกัน นอนได้ละ”
“ขอบคุณมากครับ แต่ผมขอโทรหาแม่สักทีได้ไหม ผมกลัวแม่เป็นห่วง เช้าแล้วยังไม่กลับไปอีก”
“หายากนะที่เด็กสมัยนี้จะเอาใจใส่กับพ่อแม่แบบนายเนี่ย”

เหนือดินลุกขึ้นไปหยิบโทรศัพท์ของสีน้ำที่เขาปิดเสียงเอาไว้ พอมองที่หน้าจอก็เห็นสายที่ไม่ได้รับถึงสิบห้าสาย มือหนาส่งโทรศัพท์ให้แบบไม่เต็มใจแล้วเลี่ยงไปยืนแถวประตูเปิดออกไปที่ระเบียงพอเป็นมารยาท แต่ก็ไม่ไกลเกินกว่าจะได้ยินบทสนทนาระหว่างแม่กับลูกชาย

“ฮะ พอดีงานยังติดพันอยู่นิดหน่อยฮะแม่ เดี๋ยวเย็นๆ คงกลับ ฮะ บอกพ่อด้วยนะฮะ ไม่รบกวนหรอกฮะ คุณเหนือดินใจดี ครับ ได้ครับ”

เหนือดินเหล่มองคนพูดเล็กๆ เมื่อเห็นว่ามีเขาในบทสนทนา แต่พอเห็นมือเรียวกดโทรศัพท์ไปหาคนที่เพิ่งทำเรื่องเลวร้ายเมื่อคืนอย่างไม่รู้เรื่องก็อดเคืองไม่ได้

“รุ่นพี่สมาร์ทหรอครับ ผมเองครับ โทรมามีอะไรหรือเปล่าครับ”
“ไม่มีอะไรหรอก แค่เป็นห่วง ก็ฉันปล่อยให้คนที่มาบอกว่าเป็นคนรู้จักพาสีน้ำกลับบ้านไปแบบนั้น มันอดห่วงไม่ได้”
“ขอบคุณครับ เป็นเพื่อนบ้านกันน่ะครับ ถ้ายังไงแล้วเจอกันที่มหาลัยแล้วกันนะครับ”
“ได้สิ แล้วเจอกัน”

สีน้ำยอมวางสายลงเมื่อข้างๆ เขามีร่างหนาของเจ้าของห้องมาเอนตัวนอนอยู่ข้างๆ

“นี่ คุณจะทำอะไร”
“ก็นอนไง เมื่อคืนฉันต้องมานั่งดูแลเด็กคนนึงแทบไม่ได้นอน นี่ง่วงจะแย่”
“เดี๋ยวก่อนสิ นี่ คุณเหนือดิน”

สีน้ำพยายามเขย่าร่างหนาที่มานอนเบียดเขาทั้งๆ ที่เตียงออกกว้าง แต่เขย่าเท่าไรเหมือนจะไม่สะเทือน เขาจะลุกก็ลุกไม่ไหวเพราะยาเริ่มออกฤทธิ์แล้ว เลยได้แต่เลยตามเลย ดวงตาเรียวปรือลงแล้วนอนหลับไปโดยที่มีแขนหนาพาดอยู่บนเอวของตัวเองแบบนั้น

พอร่างเพรียวข้างๆ นั่นหายใจช้าๆ แบบสม่ำเสมอแสดงว่าหลับไปแล้วนั้น เหนือดินก็เปิดตาขึ้นมาดูช้าๆ ไม่เคยมีครั้งไหนที่เขาจะมาทำตัวเหมือนไม่มีเหตุผลแบบนี้เพื่อให้ใครสักคนยอมวางสายแล้วหันมาใส่ใจเขา หรือการที่จะมานอนเบียดแบบนี้ก็แทบไม่เคยเกิดขึ้นเลย แต่ตอนนี้เขาเองเหนื่อยที่จะหาคำตอบกับเรื่องประหลาดทั้งหลายแล้ว กลิ่นหอมละมุนที่ทำให้ใจสงบมาจากร่างเพรียวข้างๆ ช่วยให้เขาเข้าสู่นิทราไปได้ดีกว่าในทุกวัน

***********************************************************************

ลูกสุนัขขนมอมกระดิกหางไปมาอย่างแรง แล้วยังวิ่งวนไปมาที่หน้าประตูบ้านเมื่อรู้ว่าเจ้าของกลับมาแล้ว ด้านหน้าบ้านสีน้ำเปิดประตูรถสปอร์ตสีแดงลงมา ตามมาด้วยนายแบบหนุ่มเจ้าของรถที่ดึงดันจะขับรถมาส่งที่บ้าน

“สีน้ำกลับมาแล้วหรอลูก คุณเหนือดินสวัสดีค่ะ ขอบคุณมากเลยนะคะช่วยติวให้สีน้ำด้วย”
“ไม่ใช่เรื่องหนักหนาเลยครับ”
“ถ้ายังไงอยู่ทานข้าวเย็นด้วยกันก่อนนะคะ วันนี้ทำไว้เยอะแยะเลย”
“ผม...ด้วยความยินดีครับ”

เหนือดินนิ่งคิดไปครู่นึง ไหนๆ วันนี้ก็เกงานไปแล้ว ตอนเย็นเขาเลยว่างตามไปด้วย

“บ๊อก บ๊อก”
“พุดดิ้งว่าไง คิดถึงฉันหรอ”

ลูกสุนัขวิ่งมาจากด้านในมาพันแข้งพันขาสีน้ำด้วยความไฮเปอร์ จนสีน้ำอดไม่ได้ที่จะนั่งยองๆ ลงไปลูบหัวมันเบาๆ

“นี่ไอ้ตัวมอมแมมที่เก็บมาตอนนั้นนะหรอ”

พอเหนือดินเดินเข้ามาใกล้ เจ้าลูกหมาตัวน้อยก็หันไปส่งเสียงขู่จนสีน้ำ ต้องจับตัวเอาไว้

“พุดดิ้ง ไปขู่ทำไมล่ะ ไม่เอา”
“มาขู่อะไร เดี๋ยวเหอะ”

สีน้ำต้องรีบอุ้มลูกหมาเข้าบ้านไปก่อนเพราะยังขู่ไม่เลิก ปล่อยให้มารดาเชิญแขกเข้าบ้านแทน จะว่าไปเขาเองก็อยากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเหมือนกัน

“ไม่รู้เจ้าพุดดิ้งเป็นอะไร ปกติไม่ค่อยขู่หรอกคะ”
“สงสัยจะจำได้มั้งครับว่าเคยว่ามันเอาไว้แต่ก่อน”
“ยังไงนั่งทานขนมเล่นไปก่อนนะคะ ขอตัวไปทำอาหารต่ออีกหน่อย เดี๋ยวสีน้ำคงลงมาคุยเป็นเพื่อน”
“ครับ”

เหนือดินส่งยิ้มการค้าไปให้มารดาของสีน้ำที่ขอตัวไปทำอาหารต่อ ร่างสูงลุกจากโซฟาเดินไปดูรูปครอบครัวที่ตั้งโชว์อยู่บนหลังตู้ ภาพพ่อแม่และลูกชาย สองคนในวัยเด็ก หลากหลายสถานที่ ยังมีภาพสีน้ำที่ดูไม่ค่อยแข็งแรงในสมัยเด็กด้วย อีกภาพคงเป็นน้องชายสีน้ำ แต่ทำไมมันคุ้นตาเสียเหลือเกิน หน้าตาแบบนี้

“แกร๊ก แม่ฮะ พอดีผมว่างเลยแวะมาหา ซื้อขนมเค้กเจ้าอร่อยมาฝากด้วย เอ๊ะ”

เสียงที่คุ้นหูดังขึ้นด้านหลังเมื่อเจ้าของเสียงเปิดประตูบ้านแล้วเดินเข้ามาด้านในจนต่างฝ่ายต่างก็เห็นกันและกัน

“สีไม้ / พี่เหนือดิน”
“ไงลูก สีไม้วันนี้ว่างมาหาแม่ได้หรอ”
“เค้กฮะแม่ นี่แม่รู้จักกับพี่เหนือดินด้วยหรอฮะ”

สีไม้ลูกชายคนเล็กของบ้านเดินมาทรุดตัวลงนั่งที่โซฟา โดยมีเหนือดินที่ยังทำหน้าประหลาดใจมานั่งใกล้ๆ

“ก็เพื่อนบ้านเราไงลูก เป็นเจ้าของหมู่บ้านที่นี่ด้วย”
“อย่างงั้นหรอฮะ ไม่รู้เลยนะเนี่ย โลกกลมจริงๆ”
“นั่นสิ”
“ไงพี่สีน้ำ สบายดีหรือเปล่า”
“ก็ดี”

สีน้ำที่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ได้สดชื่นแล้วก็เข้ามาในห้องนั่งเล่นพร้อมลูกหมาตัวน้อยที่เดินตามสีน้ำต้อยๆ

“ไงพุดดิ้ง มอมแมมเสมอเลยนะแก”
“บ๊อก”
“ไปว่าพุดดิ้งมันนะ เดี๋ยวมันก็ขู่เอาหรอก มานี่มาพุดดิ้ง”

สีน้ำเรียกลูกพุดเดิ้ลขนแปลกตาให้มาหาเขาที่เดินมานั่งโซฟาตรงข้ามเหนือดิน เจ้าพุดดิ้งตะกายขึ้นไปนั่งบนโซฟาแล้วเอาหัวไปวางพาดตักสีน้ำเอาไว้

“ก็ฉลาดดีนะ ผิดกับหน้าตาเลย”

เหนือดินเอื้อมมือไปทำท่าจะลูบหัวแต่เจ้าพุดดิ้งแยกเขี้ยวขู่ใส่จนเขาต้องชักมือกลับ

“แฮ่ แฮ่”
“เออ เอากับเขาสิ มาขู่อะไรเจ้าพุดดิ้งหา ไม่น่ารักเลยนะ เด็กๆ นั่งคุยไปก่อนนะจ๊ะ แม่ขอตัวไปดูในครัวก่อน”
“สงสัยเจ้าพุดดิ้งจะไม่ชอบหน้าพี่เหนือดินนะเนี่ย”

สีไม้ลองยื่นมือไปหาพุดดิ้งมั่ง เจ้าหมาน้อยยื่นจมูกมาดมฟุดฟิดแล้วเมินไปนอนตักสีน้ำต่อ

“ท่าทางมันก็ไม่ชอบนายนะสีไม้”
“นะ ผมไม่รู้เลยนะว่าพี่เหนือดินมีบ้านที่นี่แถมยังเป็นเจ้าของหมู่บ้านนี่ด้วย สมเป็นคุณชายตัวจริง”
“ไม่รู้ก็ไม่แปลก ที่นี่น่ะเป็นที่ส่วนตัวของฉัน ไม่อยู่ในข้อมูลไหนหรอก”

เหนือดินยักไหล่หน่อยๆ เวลาตอบ ที่อยู่ที่คนรู้จักเขารู้ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นคอนโดหรูในเมือง หากแต่ที่ๆ เขาชอบกลับมานอนจริงๆ คือที่นี่ต่างหาก เพราะทั้งสงบและยังมีความเป็นส่วนตัวสูงอีกด้วย

“แบบนี้ผมเอาข้อมูลไปขายดีกว่า”
“ถ้าไม่กลัวตายก็เอาเลย”
“โห ขู่ฆ่ากันเลยนะ พี่สีน้ำดูสิ”

สีน้ำที่นั่งลูบหัวเจ้าพุดดิ้งที่นอนหลับไปแล้วเงยหน้ามามองน้องชายตามเสียงเรียก

“ก็สมควรออก”
“ไม่มีใครเข้าข้างผมเลย ใจร้ายกันจริงๆ ผมไปหาแม่ดีกว่า”

สีไม้ลุกขึ้นทำท่างอนๆ ก่อนเดินเข้าไปในห้องครัว สีน้ำมองตามน้องชายไปด้วยใบหน้าอมยิ้ม หากแต่เหนือดินกลับนั่งมองหน้าสีน้ำนิ่ง จนสีน้ำรู้สึกถึงสายตาทรงพลังเลยหันมามองคนตรงข้าม

“ผมมีอะไรแปลกหรอ มองจัง”
“เปล่าหรอก โลกมันกลมดี สีไม้ชวนมากินข้าวที่บ้านตั้งหลายที แล้วยังบอกอีกว่ามีพี่ชาย....สวยมาก หน้าได้แม่มาหมดเลย ฉันก็ว่างั้นนะ ได้มาหมด หมดเลยไม่มีเหลือเลย”

เหนือดินรอดูปฏิกิริยาของสีน้ำเมื่อเขาพูดประโยคนั้นออกไป ดวงตาหลังแว่นจ้องมองเขาอย่างนิ่งเฉยมาก จนเขาเริ่มจะกังวลใจ

“ของบางอย่างมันโรยราได้นะครับ อย่างหน้าตา รูปร่าง แต่อย่างความรู้ ความสามารถมันติดตัวไม่มีวันหมด เพราะคนเรามัวดูแต่เปลือกนอกไม่ใช่หรอ สังคมถึงได้จอมปลอมแบบนั้น เหมือนพุดดิ้ง เพราะขนเป็นแบบนี้เลยโดนทิ้งขว้าง ทั้งที่จริงๆ แล้วมันออกจะน่ารักแล้วก็ฉลาด มันต้องดูด้วยใจนะครับ ไม่ใช่ด้วยตา”

มือเรียวยังลูบหัวเจ้าหมาตัวน้อยไปอย่างสบายอารมณ์ สีน้ำไม่ได้  โกรธเคืองอะไรกับคำพูดของนายแบบหนุ่มเลย เขาชินซะแล้วมากกว่ากับการที่คนจะประเมินค่าเขาที่เป็นพี่ชายนายแบบดังแบบนั้น

“เพราะแบบนั้นหรือเปล่าเลยเก็บเจ้าพุดดิ้งมา สีน้ำมองเห็นตัวเองในตัวพุดดิ้งอยู่หรือเปล่าล่ะ”

คำพูดนั้นตรงไปกลางใจจนมือเรียวขาวจัดนั้นชะงัก ดวงตาเรียวฉายแววตกใจเป็นครั้งแรก สีน้ำไม่คิดว่าคนตรงหน้านี้จะล่วงรู้ความรู้สึกบางอย่างที่ซุกซ่อนอยู่ในใจของเขาได้ ว่าเขานั้นเห็นพุดดิ้งซ้อนทับกับตัวเขา
เหนือดินโน้มตัวไปจับมือขาวจัดนั้นมากุมไว้

“แต่ฉันเริ่มเชื่อแล้วล่ะ ว่าสิ่งที่งดงามบางครั้งอาจจะไม่ได้มองเห็นด้วยตา นายเป็นคนสอนให้ฉันรู้นะ”
“ผมนะหรอ”

สีน้ำไม่ได้รู้สึกแปลกที่มือเรียวโดนมือหนากอบกุมเอาไว้ เขามองคนตรงหน้าอย่างพินิจ พอได้มาคุยกันดีๆ แล้ว นายแบบตาโตนี่ก็ดีกว่าที่คิดเยอะมากเลย

“พี่สีน้ำ พี่เหนือดิน ทานข้าวได้แล้ว”

เสียงสีไม้ดังขึ้นมาทำให้ร่างสูงปล่อยมือเรียวไปอย่างเสียดาย สีน้ำวางหัวเจ้าพุดดิ้งลงกับโซฟา แล้วเดินนำเหนือดินไปห้องทานข้าวที่มีอาหารน่าอร่อยวางเรียงรายอยู่

***************************************************************************

LadyMurasaki

  • บุคคลทั่วไป
Re: Love Me Love My Dog ~~PART3~~ 20/10/53 อัพแล้วค่ะ
«ตอบ #84 เมื่อ24-10-2010 19:28:38 »

ร่างสูงของนายแบบหนุ่มยืนนิ่งที่ประตูระเบียง ดวงตามองฝ่าไปในความมืดสนิท ที่สวนมีเพียงไฟจากโคมที่ส่องสว่างเป็นมุมๆ ลมพัดพาความ สดชื่นและกลิ่นหอมอ่อนๆ ตามธรรมชาติของต้นไม้มา กลิ่นที่ให้ความรู้สึกใสสะอาดเหมือนเด็กหนุ่มผมฟู ที่ปั่นป่วนทั้งความรู้สึกและตัวตนของเขาให้รู้สึกแปลกไป เหนือดินนึกถึงบทสนทนากับสีไม้เมื่อออกมาจากบ้านนั้น

“พี่เหนือดินพอมีเวลาสักหน่อยไหมฮะ”
“ทำไมหรอ?”
“พี่สีน้ำน่ะ เป็นคนที่เข้าสังคมไม่เก่งเพราะเด็กๆ อยู่โรงพยาบาลซะเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็ยังดีที่มีเพื่อนสนิทที่เข้าใจ ช่วยเหลือพี่สีน้ำตลอดเวลา ก่อนหน้านี้ก็อยู่เมืองเล็กๆ ที่มีสังคมเล็กๆ แต่พอมาเมืองใหญ่ คนเยอะแยะวุ่นวาย ทุกคนที่บ้านก็เป็นห่วงพี่สีน้ำกันมากหน่อย ไหนจะร่างกายที่อ่อนแอกว่าคนอื่น แล้วไหนจะนิสัยที่ไม่ทันคนเมืองใหญ่แน่ๆ”
“อืม ฉันก็พอรู้มาบ้างนะ”
“ผมเห็นที่พี่เหนือดินจับมือพี่สีน้ำเมื่อกี้ ถ้าไม่ได้คิดอะไรอย่ามาทำให้พี่สีน้ำเสียใจได้หรือเปล่าครับ”
“สีไม้?”
“พี่สีน้ำไม่ได้เป็นสเป็คของพี่เหนือดินไม่ใช่หรอ แล้วพี่ผมก็เป็นผู้ชายด้วย พี่สีน้ำน่ะไม่ค่อยรู้เรื่องแบบนั้นหรอกนะครับ ถือว่าผมขอร้อง ถ้าพี่เหนือดินแค่รู้สึกผิวเผิน หรืออยากรู้อยากลองอะไรแปลกใหม่ ไม่ได้คิดจริงจัง อย่าทำอะไรที่ เกินเลยไปกว่านี้ได้ไหมครับ ผมไม่อยากให้พี่ชายผมเสียใจ แล้วก็ไม่อยากเสียเพื่อนรุ่นพี่ดีๆ ไปด้วยนะครับ”
สีไม้ทิ้งท้ายไว้ ก่อนจะขึ้นรถของตัวเองแล้วขับออกไปจากหน้าบ้านของเหนือดิน
“สีไม้ สิ่งที่นายถามฉันเองก็ถามตัวเองอยู่เหมือนกันนั่นแหละ ก็มีแค่สองทางไม่พุ่งเข้าชนก็หลบมันไป แล้วฉันจะทำแบบไหนดีล่ะ”

นายแบบหนุ่มพูดพึมพำกับตัวเองเบาๆ กับคำตอบที่คิดเท่าไรก็ไม่รู้จะจัดการกับมันอย่างไรดี

***********************************************************************************

คีย์ขับรถเข้าไปจอดในที่จอดรถแล้วสไปรท์ก็ประคองโชนที่มีผ้าพันที่ข้อเท้าลงมาจากด้านหลัง

“เข็ดไปอีกนานเลยหรือเปล่า ไอ้ชอบเล่นไม่ดูตาม้าตาเรือจนได้แผล มาเนี่ย”

ชายหนุ่มร่างบางหยอกเพื่อนที่ใช้ไม้เท้าค้ำช่วยในการเดิน

“ใครจะไปรู้ว่ารถมันแล่นมาล่ะ แต่ขอบใจนะคีย์ที่ไปรับ”
“ไม่เป็นไรเดี๋ยวคิดค่าบริการายเดือน”
“โหย ไอ้งกกับเพื่อนกับฝูงนะเว้ย ไปเก็บที่ไอ้ไป๊มันเลย มันน่ะคนทำ”
“อ้าวไอ้ห้อย เดี๋ยวได้เข้าเฝือกปากอีกที่หรอก แกนั่นแหละทำตัวเอง”
“อ้าวไอ้ไป๊ แกนั่นแหละหาเรื่องฉัน เดี๋ยวเอาไม้ฟาดปากเลยเหอะ”
“เอ๊ะ นั่นสีน้ำนี่นา ใครอยู่กับสีน้ำอ่ะ”

คีย์เบรกการทะเลาะของทั้งคู่ด้วยการชี้ชวนให้ดูสีน้ำที่ลงจากรถสปอร์ตสีแดงที่หน้าคณะ เพื่อนร่างสูงพูดอะไรกับคนขับรถนิดหน่อยแล้วก็ปิดประตูรถลง คนขับรถปริศนาก็ขับออกไป

“สีน้ำ ทางนี้”
“อ๊ะ อรุณสวัสดิ์ คีย์ไปรับสไปรท์กับโชนมาเป็นไง หูยังใช้การได้ดีอยู่ไหม”
“ก็เกือบหูตึงแล้วล่ะ”
“สีน้ำ ใครมาส่งอ่ะ”

สไปรท์เปิดประเด็นขึ้นมาทันที ใครกันที่เป็นคนมาส่งสีน้ำ เพราะจะเป็นเพื่อน สีน้ำก็สนิทกับแค่ตัวเขาเอง โชน แล้วก็คีย์ นอกนั้นไม่เห็นจะเคยคุยสนิทสนมกับคนอื่นหรือพูดถึงใครเลย

“สอดรู้จริงๆ นะแก”

โชนสวนขึ้นมาก่อนที่สีน้ำจะตอบ

“แล้วแกไม่อยากรู้หรือไง”
“อยาก ว่าไงสีน้ำใครวะ”

โชนหันไปถามสีน้ำบ้าง

“คุณเหนือดินน่ะ เป็นเพื่อนบ้าน เมื่อเช้าเจอที่แถวหมู่บ้านเขาบอกว่าทางผ่านเลยจะมาส่งน่ะ”
“อืมมม งั้นหรอ”

โชนกับสไปรท์แทบประสานเสียงกันตอบ ทั้งสองคนมองตากันอย่างเข้าใจว่าเรื่องนี้ต้องจัดการ

“ไว้วันหลังแนะนำให้รู้จักหน่อยดิ”
“ได้สิ มาที่บ้านละกัน แต่เขางานยุ่งไม่รู้จะเจอกันอีกทีเมื่อไร”
“เขาทำงานอะไรวะสีน้ำ”

สไปรท์เดินนำหน้าเพื่อนไปยังตึกเรียน แต่ก็ยังหันมาถามสีน้ำ

“เป็นนายแบบน่ะ”
“นายแบบ!”

ทั้งสองยังพร้อมใจกันประสานเสียงอีก จนสีน้ำอายสายตาคนรอบข้างที่หันมามองกลุ่มเขา

“ฉันคุ้นๆ นะ ชื่อเหนือดินนี่ ที่เป็นพรีเซนเตอร์ดังเลยนี่นา ใช่ไหมสีน้ำ”
คีย์ถามขึ้นมาบ้าง
“อืม ใช่แล้วล่ะ”
“โห ถ้างั้นก็ดังสุดๆ เลยคนนี้”
“อ่อ รู้จัก”
“นี่อาจารย์เข้าแล้ว เดี๋ยวค่อยคุยต่อแล้วกันนะ”

สีน้ำหันไปบอกเพื่อนแล้วเตรียมหนังสือขึ้นมาสนใจกับบทเรียนที่จะเริ่มขึ้น ไม่สนใจเพื่อนอีกสามคน ที่ยังสุมหัวกระซิบกระซาบกันไม่เลิก

“ทำไมพวกนายต้องถามละเอียดแบบนั้นล่ะ”
“คีย์ แกก็รู้ว่าจริงๆ ไอ้น้ำของเรามันหน้าตาดีแต่ก็แสนซื่อ ถ้าโดนคนไม่ดีหลอกไปก็แย่สิ”
“อืม ไอ้โชน แกพูดถูกคราวนี้ พวกเราเลยคอยกันไอ้พวกหลงรูปมาหลอกไอ้น้ำมันไง ถ้าไม่ดีจริงไม่ผ่าน”
“อืม แบบนั้นเอง แต่สีน้ำก็หัวอ่อนแล้วก็เชื่อคนง่ายจนน่าเป็นห่วงจริงๆ นั่นแหละ”
“นี่ถ้าจัดการพวกมาจีบได้อยู่หมัดแบบคีย์ก็คงไม่น่าเป็นห่วง”
“อ้าวไหงวกมาลงที่ฉันล่ะสไปรท์”

คีย์พูดขำๆ เขารู้สึกโชคดีที่ได้เจอเพื่อนที่ดีและคุยกันได้ถูกคอแบบนี้

“ตรงนั้นน่ะ จะคุยกันอีกนานไหม ถ้านานเชิญข้างนอก”

เสียงประกาศใส่ไมค์เล่นเอาหัวทั้งสามที่สุมกันอยู่แตกออกทันที สีน้ำได้แต่ขำเพื่อนที่โดนว่าออนแอร์จนเป็นจุดสนใจแบบนี้

*************************************************************************

“สวัสดีครับ”
“สวัสดีเหนือดิน วันนี้ดีขึ้นหรือยัง วันนั้นบอกว่าปวดหัวจนมาไม่ไหวเล่นเอากองถ่ายตกอกตกใจกันใหญ่เลยนะ”
“หายดีแล้วครับ ขอบคุณครับ”

เหนือดินยิ้มให้ทางทีมงานการถ่ายแบบ แล้วหลบไปในห้องแต่งตัวเพื่อแต่งหน้าทำผม

“วันนี้อารมณ์ดีนะเนี่ย”
“อ้าว สีไม้ นายถ่ายแบบเซตนี้ด้วยหรอ”
“เปล่าหรอกครับ ผมเพิ่งถ่ายเสร็จอีกสตูนึง นี่กำลังจะกลับแล้วครับ”
“อืม”

เหนือดินนั่งลงให้ทางช่างแต่งหน้าทำความสะอาดใบหน้าเพื่อเตรียมตัวถ่ายแบบ แต่บรรยากาศรอบตัวดูแปลกตาไปจนสีไม้สงสัย

“วันนี้ดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษนะเนี่ย ตั้งแต่รู้จักกันมาเป็นครั้งแรกเลยนะที่ผมเห็นพี่เหนือดินเป็นแบบนี้”
“อ้าวสีไม้ จะว่าฉันเป็นคนอารมณ์เสียตลอดเวลาหรือไง เดี๋ยวได้ไปเป็นข่าวกอสซิป”
“ไม่ใช่ ก็แต่ก่อนดูปกติไง แต่วันนี้ดูมันแปลกไป”
“นี่สีไม้ คำตอบที่ค้างไว้ ฉันจะทำตามใจที่อยากทำ”
“อะไรนะ ขอโทษนะครับ ขอตัวพี่เหนือดินสักแป๊บ”

สีไม้ลากตัวเหนือดินให้ออกไปคุยที่มุมสงบๆ ด้านนอกสตูดิโอ

“หมายความว่าไง”
“นายก็จริงจังเป็นเหมือนกันนี่นา ปกติเห็นลอยไปลอยมา”
“ก็มันเรื่องพี่ชายผมทั้งคน แล้วที่พูดเมื่อกี้หมายความว่าไง”
“ก็ตามนั้นไง ฉันทำตามหัวใจอยากทำ”
“ไม่เคลียร์ ช่วยพูดให้เคลียร์ๆ หน่อยได้ไหมเนี่ย”
“ก็แค่ ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าความรู้สึกแปลกๆ ที่เกิดนี่มันจะพัฒนาไปเป็นอะไรได้บ้าง แต่ฉันรู้สึกดีกับมันมากๆ คงต้องให้เวลาเป็นตัวบอกแล้วล่ะว่ามันจะคืออะไร”
“ไม่ได้นะ พี่เหนือดินอาจจะทำให้พี่ผมเสียใจนะแบบนี้ ถ้าสุดท้ายแล้วไม่ได้คิดอะไร กลายเป็นว่าพี่สีน้ำคิดไปเองนะสิ”
“แต่ฉันรับปากนายได้เลยนะว่า สีน้ำจะไม่มีวันเสียใจแน่นอน ฉันมั่นใจแบบนั้น แต่จะว่าพี่นายจะรู้สึกรู้สาอะไรแบบฉันมั่งหรือเปล่ายังไม่รู้เลย”
“ที่อารมณ์ดีนี่เพราะคิดได้งั้นหรอ”
“เปล่า ฉันก็แค่ไปส่งพี่ชายนายที่มหาลัยมา เดี๋ยวว่าจะไปดักรอรับกลับด้วย”
“นี่รุกเต็มๆ เลยนี่นา พี่เหนือดินผมไม่อยากเสียเพื่อนรุ่นพี่ไปนะ”
“นายได้เสียแน่สีไม้”
“อ้าว เฮ้ย พูดงี้จะหลอกพี่ผมใช่ไหม”
“เสียเพื่อนไปเป็นพี่เขยไง ไปละเดี๋ยวงานช้าแล้วไปรับสีน้ำไม่ทัน”

เหนือดินฉวยโอกาสที่สีไม้ยังยืนตกใจกับสิ่งที่ได้ฟังหนีกลับเข้าไปในสตูดิโอแล้ว

“แต่ถ้าทำพี่สีน้ำเสียใจล่ะก็น่าดู” 
 
******************************************

ชายหนุ่มลูกครึ่งร่างสูงนั่งอ่านบทละครอยู่ด้วยท่าทีหงุดหงิดจนเพื่อนต้องเข้ามาทัก

“เป็นไรวะ เมื่อวันศุกร์ได้เด็กนั่นหรือยัง”
“อย่าพูดถึงเลย กำลังจะเสร็จตามแผนแล้ว อยู่ดีๆ มีคนมาพาไปเฉยเลย”
“อ้าวใครกล้าวะ”
“ก็ไอ้นายแบบดัง เหนือดินอะไรนั่นไง บอกว่าเป็นเพื่อนกับสีน้ำแล้วจะพาไปส่งเอง”
“เหนือดินงั้นหรอ กำลังดังสุดๆ เลยนี่หว่า ไปไหนก็เจอแต่หน้าคนนี้ แล้วแกจะเอาไงต่อไป”
“ฉันดูแล้ว ไม่น่ายากว่ะ เด็กนี่ซื่อโคตร แล้วยังเชื่อคนง่ายอีก ให้ได้โอกาสอีกครั้งรับรองไม่พลาด ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าไอ้มีอะไรกับผู้ชายด้วยกันนี่มันดีกว่าผู้หญิงจริงๆ หรอวะ เมื่อวานซื้อหนังสือไปอ่านหลายเล่มก็บอกแบบนั้น”
“ไอ้มาร์ท แกมุ่งมั่นมากเลยนะเว้ย”
“ไอ้นี่วอน ฉันทุ่มเทกับการแสดงต่างหาก ดูแต่ละฉากดิ ต้องแสดงออกให้เห็นความรักที่มีต่อตัวพระเอกของเรื่องด้วยสายตาทั้งนั้น”
“แหม ระดับสมาร์ท แกตีบทแตกแน่ๆ ว่ะ แต่ถ้าเด็กนั่นมันดี อย่าลืมแบ่งเพื่อนมั่งนะเว้ย”
“เออ ขอฉันลองก่อนละกัน”

สมาร์ทหันมาสนใจกับบทในมือต่อไป สีน้ำ อีกไม่นานหมอนั่นต้องเสร็จเขาแน่ๆ

*********************************************************************************

วันนี้กลุ่มสีน้ำมีเรียนทั้งวันจนถึงเย็น กว่าจะออกมาก็ปาไปเกือบห้าโมงแล้ว แต่ถึงวิชาจะยากแค่ไหน ทั้งกลุ่มก็อุ่นใจเพราะสีน้ำสามารถช่วยเพื่อนให้เข้าใจได้อย่างแน่นอน ทั้งสี่คนเดินออกมาจากตึกเรียน หลังจากนี้คีย์จะขับรถไปส่งสไปรท์และโชนที่หอพัก

“สีน้ำไม่ไปด้วยกันหรอ เดี๋ยวแวะไปส่งที่รถไฟฟ้า”
“แต่มันไปอีกทางเลยนี่นาคีย์ ลำบากนายเปล่าๆ”
“ไม่เลย ไปเหอะ”
“เฮ้ยสีน้ำ นั่นมันรถที่มาส่งแกเมื่อเช้าหรือเปล่า”

สไปรท์ตาไวมองเห็นรถสีแดงจอดอยู่ที่ฝั่งตรงข้าม ซึ่งคนขับคงสังเกตเห็นสีน้ำแล้วเลยเปิดประตูรถแล้วเดินตรงมาหาสีน้ำ ทันทีที่นายแบบหนุ่มเดินมาสายตาแทบทุกคู่ก็พุ่งไปหาเหนือดิน เรือนกายสูงที่สวมใส่เสื้อผ้าอะไรก็ดูเหมาะเจาะ ใบหน้าหล่อปานรูปสลัก ดวงตาเข้มทรงพลังสะกดสายตาทุกคู่ได้ดี

“คุณเหนือดิน?”
“แวะมารับไง ก็บอกแล้วเมื่อเช้าว่ามาทำงานไม่ไกลจากนี้เท่าไร ตอนเย็นก็เลยแวะมารับด้วย”
“ไม่ต้องลำบากก็ได้นะฮะ”

สไปรท์สะกิดสีน้ำเพื่อต้องการบอกให้เพื่อนเขาแนะนำคนตรงหน้าให้รู้จัก

“เอ่อ นี่เพื่อนผมครับ คนนี้ สไปรท์ นี่โชน แล้วก็คีย์บอร์ด”
“ยินดีที่ได้รู้จักทุกคน ได้ยินชื่อจากสีน้ำมาหลายครั้งแล้วเหนือดินครับ”
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
“จะไปไหนกันต่อหรือเปล่าเนี่ย”
“ก็กำลังจะกลับบ้านแล้วล่ะฮะ คีย์เขาจะไปส่งเพื่อนอีกสองคนให้”
“อ้อ ที่สีน้ำเล่าว่าเพื่อนโดนรถเฉี่ยวนะหรอ แล้วดีขึ้นหรือยัง”
“ดีขึ้นแล้วครับ”

โชนตอบไปแบบเกร็งๆ คนตรงหน้าดูมีออร่าเต็มเปี่ยมจนทำให้เขาเกร็งไปหมด

“เอ่อ คุณเหนือดินแวะมารับสีน้ำหรอครับ”
“อืม ก็กลับทางเดียวกันอยู่แล้วนี่นา ไปกันหรือยัง ไหนของ มาช่วย ถือไหม”

เหนือดินดึงหนังสือไปจากมือสีน้ำทันทีเพื่อช่วยถือ

“เอ่อ งั้นไปก่อนนะ พรุ่งนี้เจอกัน”
“ขอตัวนะครับทุกคน”

นายแบบหนุ่มเดินนำสีน้ำไปที่รถสปอร์ตสีแดงเปิดประตูให้สีน้ำเข้าไปนั่ง แล้วเอาหนังสือสีน้ำไปไว้ที่เบาะด้านหลัง ก่อนจะเปิดประตูด้านคนขับเพื่อสตาร์ทรถแล้วขับออกไปจากมหาวิทยาลัย

“หล่อโคตรเลยว่ะ ขนาดฉันยังใจสั่น”
“อ้าวไอ้ไป๊ แกนอกใจปุ๊กปิ๊กงั้นหรอ เดี๋ยวฉันจะไปบอกปุ๊กปิ๊ก”
“เฮ้ย ไม่ได้นอกใจเว้ย แต่คนอะไรหน้าตาดีโคตรๆ”
“ตรงไปตรงมาอีกนะเนี่ย แบบนี่มันจีบชัดๆ เลยนะ”

คีย์มองตามไฟท้ายรถที่แล่นออกไปไกล ท่าทีแบบนี้แสดงให้เห็นถึงความจริงใจอยู่พอสมควรเลยนะ

“ว่าแต่สีน้ำมันจะรู้หรือเปล่าว่ามันโดนจีบเนี่ย”
“ฉันขอพนันด้วยปลอกคอใหม่ของชากีเลยว่าไม่รู้ว่ะ”
“ฉันก็ว่าไม่รู้ เอาขาของแกที่เดี้ยงเป็นประกันเลย”
“อ้าวเฮ้ยไอ้ไป๊ อย่ามาทุเรศ”
“ทำไมวะ ทีแกยังจะไปฟ้องปุ๊กปิ๊กของฉันเลย”
“เอ่อ ไปกันเหอะ เดี๋ยวรถติด สไปรท์ โชน”

คีย์ที่เริ่มรู้ทางรีบเบรกเพื่อนทั้งสองแล้วเดินไปยังลานจอดรถ แต่เขาก็ไม่รู้สึกเป็นห่วงสีน้ำเท่าไรนัก เพราะสายตาของคุณเหนือดินที่เขาเห็นนั้นดูจริงใจ แต่ก็คงต้องช่วยสีน้ำดูกันต่อไป

“นี่สไปรท์ โชน ช้าเดี๋ยวทิ้งไว้ที่นี่นะ”
“เดี๋ยวคีย์ ไปแล้วเว้ย ไอ้โชนเร็วดิวะ”
“คนขาเจ็บให้เร็วได้ไงละ รอก่อนดิ เฮ้ย อย่าเพิ่งไป”

***********************************************

บรรยากาศในรถสปอร์ตวันนี้คนขับรถหน้าตาหล่อเหลาขับไปนิ้วมือก็เคาะพวงมาลัยไป ริมฝีปากอิ่มก็ร้องคลอตามเพลงสากลที่เปิดในรถ สีน้ำที่นั่งอยู่ข้างๆ มองด้วยความรู้สึกแปลกใจ ประหลาดใจ และไม่เข้าใจ เกิดอะไรขึ้นกับคนนี้หรือเปล่า?

“เอ่อ คุณเหนือดินฮะ..”
“เรียกพี่ดินสิ”
“อะไรนะฮะ”
“ไม่เอาคุณเหนือดิน เรียกพี่ดินสิ”
“พี่ดิน?”
“นั่นแหละ ถูกต้อง ว่าไงมีอะไรหรอ”
“คือ...มันมีอะไรเกิดขึ้นโดยที่ผมไม่รู้หรือเปล่า เราไม่ค่อยถูกกันไม่ใช่หรอครับ แล้วอยู่ๆ หลังจากวันก่อน ทุกอย่างมันก็เปลี่ยนไปหมดเลย ผมไม่เข้าใจเท่าไร”
“พี่ว่านะ ถ้าน้องสีน้ำอยากคุยเรื่องนี้ เราก็ไปหาร้านนั่งกินไปคุยไปดีกว่าไหม พี่มีร้านอร่อยแล้วก็สงบๆ ไม่ไกลเท่าไรเดี๋ยวพาไป”
“เดี๋ยวก่อนสิครับ มันยาวขนาดนั้นเลยหรอ”
“อืม ต้องกินไปคุยไปเท่านั้น ไม่งั้นพี่ไม่ตอบ”
“งั้นผมคงต้องโทรบอกแม่ก่อน”
“อืมบอกเลย ท่านไม่ว่าหรอก บอกว่าพี่ดินคนนี้พาไป”

เหนือดินเหลือบมองใบหน้าด้านข้างของสีน้ำ ในตอนนี้แม้จะใส่แว่นตาหนา หรือผมฟูไม่เป็นทรง แต่การที่มีเด็กคนนี้มานั่งข้างๆ กลับทำให้เขารู้สึกสบายใจและรู้สึกดีมากๆ ไม่เหมือนความรู้สึกฉาบฉวยเวลาที่พาสาวมากหน้าหลายตาที่มันไปสิ้นสุดลงที่เตียงแล้วแยกกันไป กับสีน้ำนั้นเป็นความรู้สึกที่กระจ่างใสทำให้ปลอดโปร่งใจ

“คุณแม่ว่าไง?”
“ท่านบอกว่าวันหลังให้ชวนคุณ...พี่ดินไปทานข้าวที่บ้านอีกครับ”
“ได้เลย ด้วยความยินดี ถึงร้านพอดีเลย”

ร้านที่เหนือดินพามาเป็นร้านไม่ใหญ่ แต่นับว่าอยู่ในซอยเล็กๆ ที่ถ้าสีน้ำมาเองคงไม่มีวันหาเจอ ที่จริงสีน้ำคิดว่าคนแบบเหนือดินจะพาไปร้านหรูๆ  เสียอีก แต่ร้านนี้กลับเป็นร้านราเมงญี่ปุ่นเล็กๆ พอมือหนาเอื้อมจะไปเปิดประตูสีน้ำก็ขัดขึ้นมาว่า

“เอ่อ ป้ายบอกว่าปิดอยู่ เปิดเข้าไปจะดีหรอครับ”
“ดีแน่นอน เข้ามาเหอะ”

มือหนาข้างหนึ่งคว้าหมับเข้าที่ข้อมือเรียวของเด็กหนุ่มแล้วพาเข้าไปในร้านราเมงตรงหน้า

“ไอ้โต อยู่ไหมวะ ลูกค้าเข้าร้านแล้ว”
“ลูกค้านิสัยไม่ดีมากกว่าละมั้ง ลูกค้าที่ดีควรจะรู้ว่าร้านอยู่ระหว่างเตรียมการเว้ย”

ชายหนุ่มที่ออกมาจากด้านหลังร้านมีตาเรียวเล็กที่พอประกอบเข้ากับรูปหน้าทำให้สีน้ำนึกไปถึงแมวเลย

“นี่เพื่อนฉันเองไอ้โต ชื่อจริงๆโตชิ เป็นลูกครึ่งญี่ปุ่นน่ะทำร้านต่อจากพ่อ”
“พอแล้วไอ้ตาโต นี่ไปหลอกลูกใครเขามาวะ”
“เสียมารยาทจริงๆ นี่น้องสีน้ำ”

คำแนะนำที่สั้นๆ ไม่บ่งบอกสถานภาพความสัมพันธ์ ทำให้โตชิพยายามเบิกตาโตอย่างสงสัย

“ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
“เข้าไปนั่งตรงนั้นดีกว่านะสีน้ำ อย่าไปสนใจพ่อครัวเลย นี่ไอ้โตเอาน้ำมาเสิร์ฟลูกค้าด้วยสิ ไม่มีเซอร์วิสมายด์เดี๋ยวแช่งให้ร้านเจ๊งเลย”
“มาตอนนี้ไปหยิบเองดิวะ น้องสีน้ำจะทานอะไร นี่เมนู สั่งได้ทุกอย่างเลยนะ”
“ขอบคุณครับ”

โตชิลากเหนือดินเข้าไปทางหลังร้านเพราะยังข้องใจไม่หาย

“พูดมาเลย ตกลงแกเปลี่ยนมาคั่วหนุ่มแล้วหรอวะ”
“คั่วอะไร คนนี้ฉันจริงจังนะ”
“แกไปกินอะไรผิดสำแดงมาหรือเปล่า ไหนประกาศตั้งกะตอนเรียนม. ต้นว่าเมียแกต้องลูกครึ่งเท่านั้น พอที่บ้านแกส่งไปเรียนเมืองนอกฉันยังคิดว่าจะเอาเมียแหม่มกลับมาซะอีก นี่อะไรพาหนุ่มน้อยมาที่ร้านฉันซะได้”
“ไม่รู้ดิ แต่กับสีน้ำ มันไม่เหมือนกับคนอื่นๆ ฉันก็บอกไม่ถูกเหมือนกันนะ ตอนแรกก็หมั่นไส้ต่างๆ นานา แต่มารู้ตัวอีกทีก็คิดถึงแต่เรื่องของสีน้ำ”
“อย่ามาทำเป็นเด็กสิบห้า ทำอย่างกับเป็นรักแรกงั้นล่ะ”

โตชิคุยไปก็จัดการเตรียมข้าวของไปด้วย เหนือดินที่มาร้านนี้บ่อยแล้วก็คอยช่วยหยิบของส่งให้

“รักสุดท้ายมากกว่าว่ะ”
“ฉันควรไปหาเทปมาอัดคำพูดแกไว้ไหมวะ ไม่อยากเชื่อ”
“ฉันก็ไม่อยากเชื่อเหมือนกัน บางอย่างก็ต้องดูกันไปเรื่อยๆ แต่ความรู้สึกของฉันตอนนี้มันก็ไม่ได้ล้อเล่นนะ ฉันรู้สึกดีกับสีน้ำมากๆ อยากรู้จักให้มากกว่านี้แล้วก็อยากให้เขารู้จักฉันให้ดีขึ้นเหมือนกัน”
“สาธุ ท่าทางผีจะเข้าจริงๆ เอาน้ำมนต์หน่อยไหมวะ”
“ไอ้นี่วอน เดี๋ยวกลับไปหาสีน้ำก่อนมานานละเดี๋ยวน้องสีน้ำจะคิดถึง”
“ฉันว่าน้องเขาคงดีใจมากกว่า ไม่มีไอ้ตัวปัญญาอ่อนแบบแกไปอยู่ใกล้ๆ”

นิ้วกลางถูกชูขึ้นมาให้เพื่อนรัก ก่อนที่นายแบบหนุ่มจะเดินออกไป  หาสีน้ำ 

“เลือกได้หรือยัง แต่ที่นี่ก็อร่อยแทบทุกอย่างเลยนะ”
“งั้นก็สั่งให้ผมเลยก็ได้ครับ ผมทานอะไรก็ได้”
“ได้สิ ไอ้โตตาตี่รับออเดอร์เว้ย เอามิโซะสองที่ ด่วน”
“มาทำเองถ้าอยากได้ด่วน”

เสียงตะโกนตอบมาจากหลังร้านทำให้สีน้ำมองหน้าเหนือดิน แล้วถาม อีกทีเพื่อความแน่ใจ

“มาตอนนี้ไม่เป็นไรแน่หรอครับ”
“ไม่เป็นไร ปกติพี่ก็จะมาตอนนี้แหละ ไม่มีคน ไม่วุ่นวาย ได้นั่งกินสบายๆ”
“แบบนี้เองที่บอกว่าร้านสงบๆ”
“แล้วอะไรที่อยากคุยล่ะ ถามมาสิ”

สีน้ำนั่งตัวตรงทำให้ดูจริงจังมากที่สุด

“ผมก็แค่สงสัยว่าทำไมอยู่ดีๆ คุณ....พี่ดินถึงดีกับผม ไม่สิ แบบว่าเราไม่ค่อยถูกกันไม่ใช่หรอครับ”
“ไม่ใช่ว่าไม่ถูกกันหรอก มันก็แค่เราเข้าใจกันผิดมากกว่า ไม่ดีหรอเราเองก็คนรู้จักกันจะอคติต่อกันไปทำไมจริงไหม”
“ก็จริงครับ”
“ใช่ไหมละ รักกันดีกว่าเนอะ”
“ครับ”
“ดีจังเลย”

เหนือดินคว้าตัวสีน้ำมากอดหมับอย่างดีใจ แต่ก็ฉวยโอกาสกอดร่างเพรียวซะแน่น

“เฮ้ยๆ อนาจารน้องเขาหรือไงไอ้คุณนายแบบ เดี๋ยวแจ้งจับซะเลย”

เหนือดินยอมปล่อยสีน้ำแบบเสียดาย แล้วหันไปทำตาคาดโทษเพื่อน  ตัวดีเอาไว้

“พี่ดินก็เป็นคนแบบที่ชินกับการสัมผัสด้วยงั้นหรือครับ”
“อะไรนะ?”
“ก็อย่างรุ่นพี่สมาร์ทเขาบอกว่า เขาเป็นคนที่โตมาแบบว่า ชอบสัมผัส ถูกเนื้อต้องตัวกัน เขาบอกว่าคนที่นี่ส่วนใหญ่ก็เป็นแบบนั้น”
“ไอ้เวรนั่นไม่น่าไว้วางใจจริงๆ ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกนะสีน้ำ คราวหน้าถ้าไปเจอรุ่นพี่คนนั้นอีกอย่าไปให้เขาถูกตัวล่ะ บอกไปเลยว่าไม่ชิน ไม่ชอบ เข้าใจไหม”
“แล้วผมบอกพี่ดินได้ไหมว่าไม่ชอบ”
“ก๊ากกกกก เป็นไงละเพื่อน เจอเด็กมันย้อนเข้า น้องสีน้ำพูดได้ดีมาก เดี๋ยวฉันเพิ่มชาชูให้อีกสองชิ้นเลย”
“ผมล้อเล่นนะ โกรธหรือเปล่าครับ”

สีน้ำส่งยิ้มแหยๆ ให้เหนือดินที่ทำหน้านิ่งจนเขากลัวจะทำให้อีกฝ่ายโกรธ

“ล้อเล่นก็แล้วไป กับพี่น่ะเป็นข้อยกเว้นรู้ไหมสีน้ำ แต่กับรุ่นพี่นั่นห้ามเด็ดขาด ถ้าพูดไม่รู้เรื่องโทรตามเลย เดี๋ยวไปจัดการให้”
“ให้โทรตาม?”
“อ๊ะ เอามือถือมาสิ”

มือเรียวส่งโทรศัพท์มือถือให้อีกฝ่ายที่พอรับไปก็จัดการกดยุกยิกแล้วเสียงเรียกเข้าของเหนือดินก็ดังขึ้น

“นี่เบอร์พี่ดินนะ สำหรับสีน้ำโทรได้ยี่สิบสี่ชั่วโมงเลย”
“ผมคงไม่รบกวนขนาดนั้น”
“ไม่เป็นไรพี่เต็มใจ”
“ดีดีทีอยู่ไหนวะ ทำไมมดมันเยอะนัก”

โตชิเสิร์ฟราเมงร้อนๆ ให้ทั้งสองคน ชามของสีน้ำมีชาชูเยอะจน  เหนือดินอดบ่นไม่ได้

“ทำไมของฉันได้น้อยจังวะ”
“ก็คิดว่าแกคงอิ่มแล้ว อิ่มอกอิ่มใจไม่ต้องอิ่มท้องหรอกเพื่อน น้องสีน้ำทานเยอะๆ นะ เอาอะไรสั่งอีกได้เลย เดี๋ยวไอ้ดินมันจ่ายเอง”
“ครับ”

สีน้ำทานน้ำซุปแล้วหันไปชมกับพ่อครัวข้างๆ ทันที

“รสชาติดีมากเลยครับ”
“ขอบคุณมาก ขอตัวไปเตรียมร้านก่อนนะ”
“ร้านนี้อร่อยจริงๆ ด้วย ขอบคุณที่พามานะครับ”
“ดีใจที่สีน้ำชอบนะ ทานเถอะกำลังร้อนๆ”

สีน้ำค่อยๆ กินราเมงตรงหน้า เขาเองก็รู้สึกดีกับเหนือดินเพิ่มขึ้นเหมือนกัน คนเรานี่ดูแต่หน้าไม่ได้จริงๆ นั่นล่ะ ขนาดคนที่ทำไม่ดีกันมาก่อน แต่จริงๆ กลับเป็นคนที่ดีได้ขนาดนี้ เขาเองก็ต้องเรียนรู้อีกมากกับเรื่องราวการคบหากับคนอื่น

***************************************************************

ขอบคุณคนอ่านและคนคอมเม้นทุกคนเลยค่ะ

ออฟไลน์ PandP

  • Déjame vivir esa fantasía.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1170
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-0
    • http://www.facebook.com/iAMpingPINGping
Re: Love Me Love My Dog ~~PART4~~ 24/10/53 อัพแล้วค่ะ
«ตอบ #85 เมื่อ24-10-2010 20:03:32 »

เหนือดินเอ๊ยยย ทำเหมือนเด็กเพิ่งมีความรักไปได้ 5555

HappyMelon

  • บุคคลทั่วไป
Re: Love Me Love My Dog ~~PART4~~ 24/10/53 อัพแล้วค่ะ
«ตอบ #86 เมื่อ24-10-2010 20:24:24 »

พี่ดินน่ารักจังเรย รุกเต็มที่เลยน๊า
พยายามเข้านะพี่ อีกไม่นานก็คงเป็นแฟนกันใช่มั้ย ฮิฮิ
สงสัยว่าเมื่อไหร่น้องสีำน้ำเค้าจะไปตัดผมทำสวยล่ะคะ
อีตาสมาร์ทนี่ใครช่วยเก็บมันไปทีได้มั้ยเนี่ย  คิดเลวตัลหลอดดดดด  :beat: :m16:


ออฟไลน์ Yunatsu

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +233/-5
Re: Love Me Love My Dog ~~PART4~~ 24/10/53 อัพแล้วค่ะ
«ตอบ #87 เมื่อ24-10-2010 21:05:22 »

พี่ดินน่ารักมากกกกกกกกกก

ชอบบบบ

ออฟไลน์ พี่วันเสาร์

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1381
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +282/-3
Re: Love Me Love My Dog ~~PART4~~ 24/10/53 อัพแล้วค่ะ
«ตอบ #88 เมื่อ24-10-2010 21:19:06 »

เป็นห่วงสีน้ำจังซื่อจริงๆ :เฮ้อ:
พี่ดินชอบสีน้ำแล้วต้องดูแลดีๆนะ o18

ออฟไลน์ heefever

  • 영원히 그대만 사랑해
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-0
Re: Love Me Love My Dog ~~PART4~~ 24/10/53 อัพแล้วค่ะ
«ตอบ #89 เมื่อ24-10-2010 21:27:45 »

ตอนนี้แอบยาวนะคะ ชอบค่ะ :man1:

พี่ดินรุกเต็มขั้นแล้วว :z2:

ตอนนี้กังวลแทนสีน้ำจริงๆ เกี่ยวกับไอ้พี่สมาร์ท เดี๋ยวจะตามไปตื้บมันกะเพื่อนของมัน

เลวจริงอะไรจริง


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด