PART 1PART 2PART 3PART 4Part 5
เสียงรถคุ้นหูมาจอดที่หน้าบ้านก่อนจะตามมาด้วยเสียงทักโวยวาย
“ไงเฮีย วันนี้ไม่ไปสิงบ้านตรงข้ามหรอ”
“ไม่ใช่ผีนะเว้ยจะได้ไปสิง ไอ้คุณนายแบบ”
“เหนื่อยจัง”
นายแบบหนุ่มพาร่างสูงมาทรุดตัวนอนที่โซฟาตัวยาวที่เขาชอบมาอาศัยนอนเล่น ผลจากการที่เขาไปขอเปลี่ยนตารางงานเพื่อให้มีเวลาไปส่งหรือไปรับเด็กหนุ่มบ้านตรงข้าม ทำให้เขาต้องทำงานติดๆ กันจนแทบไม่มีเวลาพัก
“ไปอดหลับอดนอนมาจากไหนวะ ว่าแต่เดี๋ยวนี้เห็นคุณแต้วบอกว่าแกให้สีน้ำติดรถไปมหาลัยไม่ก็ติดรถกลับบ้านด้วยงั้นหรอ”
“ไม่เคยตกข่าวสักเรื่องเลยนะเฮีย ถ้าเป็นเรื่องบ้านนั้นเนี่ย”
“ทำไมอยู่ดีๆ ไปใจดีกับเขาได้ล่ะ เซลส์สมองผิดปกติหรือเปล่า”
“ปกติดี อย่ามาว่าคนอื่นเขา ว่าแต่เฮียเหอะน่า คนเขามีสามีมีลูกแล้วน้า ไม่เลิกอีกหรอ”
“อย่ามาหาเหาใส่หัวให้สามีเขาเอาปืนมายิงฉันหรอก กับคุณแต้วเป็นแค่เพื่อนกันเว้ย เขาเป็นนักชิมชั้นยอดเลย เอาเมนูใหม่ๆ ไปให้ชิมแล้วไม่ผิดหวัง พอเอาไปปรับรสชาตินะขายดีเลยล่ะ”
“ก็ให้มันจริง อย่าเอางานมาบังหน้าละกันเฮีย”
“ฉันไม่เหมือนแกนิ จะกลืนน้ำลายตัวเองหรือเปล่าวะ นี่ไอ้ดิน แกเปลี่ยนขั้วแล้วหรอ”
“ถามอะไร ขั้วเข้ออะไร เฮียนี่พูดมากจริง กลับไปนอนบ้านดีกว่า”
นายแบบหนุ่มยันตัวลุกจากโซฟาแล้วเดินออกไปจากห้องนั่งเล่น
“ไอ้ดิน หนีละสิ โธ่ ทำเป็นทนฟังไม่ได้”
“ไม่ได้หนี เหนื่อยๆ กลับล่ะ”
เหนือดินขึ้นรถสปอร์ตแล้วขับตรงไปยังบ้านของเขาที่อยู่ห่างไปไม่เท่าไร นับวันเขายิ่งรู้สึกดีกับสีน้ำมากขึ้นเรื่อยๆ เหนื่อยงานแค่ไหน แต่ให้ได้ใช้เวลาร่วมกับสีน้ำแค่นั่งรถด้วยกันกลับบ้านเขาก็ยินดี
“น้องสีน้ำ ทำอะไรอยู่น้า”
ไวกว่าความคิดมือหนาก็กดโทรศัพท์มือถือออกไปหาคนที่เขาเพิ่งส่งเข้าบ้านไปไม่นาน รอสายไม่นานเสียงนุ่มก็ตอบกลับมา
“สวัสดีฮะ มีอะไรหรือเปล่าฮะพี่ดิน”
“กำลังจะเข้าบ้านน่ะ กลัวบางคนหนีเที่ยว”
“โธ่ ผมจะไปไหนได้ ก็พี่มาส่งถึงหน้าบ้านทุกวัน เช้ายังไปส่งที่มหาวิทยาลัยอีก”
“ก็บอกแล้วไงว่าทางเดียวกัน คิดอะไรมาก”
“ฮะ ผมรู้แล้ว”
สีน้ำที่พอกลับมาถึงก็อาบน้ำ มือนึงเช็ดผมไปอีกมือก็ถือโทรศัพท์คุยกับนายแบบหนุ่มที่เปลี่ยนมาเป็นสารถีคอยรับส่งเขาได้จะ 2 เดือนแล้ว ทีแรกเขาพยายามจะปฏิเสธแต่ก็แพ้การยืนกรานของเจ้าตัวเองที่ว่าไม่ลำบาก
“รู้สึกว่าจะทิ้งหนังสือชีวะไว้ในรถนะ ต้องใช้หรือเปล่า”
“ไม่ฮะ”
“อืม แล้วทำอะไรอยู่”
“เพิ่งอาบน้ำเสร็จฮะ กำลังเช็ดผมเลย”
“อืม อย่าให้เป็นหวัดล่ะ รีบๆ เช็ดเข้า พี่ไม่กวนละ ฝันดีนะ สีน้ำ”
“ฮะ พี่ดินก็เหมือนกัน”
มือหนากดวางสายแล้วเจ้าตัวก็ฟุบหน้ากับพวงมาลัย
“เป็นเอามากแล้ว เหนือดินเอ๊ย แกทำตัวอย่างกับเด็กสิบห้า รู้ถึงไหนอายถึงนั่น”
ร่างหนาระบายลมหายใจช้าๆ เขาถลำลึกลงไปกับความรู้สึกที่มีให้ เด็กหนุ่มแว่นหนาคนนั้นจนจะถอนตัวไม่ได้แล้ว แต่สีน้ำล่ะ จะรับรู้ความรู้สึกนี้บ้างไหม
“สีน้ำ พี่จะทำยังไงให้เราได้รู้ตัวซะทีนะ ทำไมมันยากอย่างนี้น้า”
จะรุกแบบที่เคยๆ คงไม่ได้ ไอ้ประเภทถึงเนื้อถึงตัวที่เขาถนัดก็ต้องพับเก็บไป แต่ที่เทียวรับส่งขนาดนี้เป็นคนอื่นคงรู้ตัวแล้ว แต่นี่เป็นสีน้ำ
“หรือต้องคุยกันตรงๆ ไปเลยนะ คิดไม่ออกเว้ย”
เหนือดินลงจากรถแล้วเดินเข้าไปในบ้านของเขา จะว่าไปนับตั้งแต่ตัดสินใจที่จะมุ่งมั่นจีบเด็กหนุ่มแล้ว เหนือดินแทบไม่ได้ไปเที่ยวไหนเลยจนเพื่อนๆ บ่นกันจนหูชาว่าเขาผิดปกติ แต่เขาเองก็ไม่ได้อยากไปไหนเหมือนกัน
“วันนี้นั่งดูหนังไปละกัน จะเอาไงดีน้า หรือไปปรึกษาเพื่อนของสีน้ำดี”
ร่
างหนากึ่งนั่งกึ่งนอนบนโซฟาตัวใหญ่ ในสมองเขาตอนนี้มีแต่เรื่องของสีน้ำวนไปเวียนมา
“แย่ แย่ แย่ เหนือดินแกเป็นอะไรไป”
ถึงจะเปิดหนังดู แต่เขาก็ยังสลัดความคิดที่อยู่ในหัวออกไปไม่ได้อยู่ดี
“เอาวะ พรุ่งนี้จะลองพูดดู เป็นไงเป็นกัน”
แต่แทนที่ตัดสินใจได้แล้วจะสบายใจกลับยิ่งห่อเหี่ยว
“แล้วถ้าสีน้ำไม่ได้คิดอะไรเลยล่ะ แกจะทำไงเหนือดิน”
“อ๊ากกกกก”
ร่างหนานอนกลิ้งไปมาบนโซฟาจนตกลงมาที่พื้น สภาพเขาไม่ต่างกับคนบ้าแล้วตอนนี้ หมดท่านายแบบหนุ่มของวงการไปเลยทีเดียว
“เฮ้อ เป็นไงเป็นกัน”
************************************************************
ร่างโปร่งในเสื้อผ้าแบบเดิมๆ คือเสื้อเชิ้ตขาวกับกางเกงดำ ยืนรอรถสปอร์ตสีแดงอยู่หน้าบ้าน ไม่เกินห้านาทีหลังจากที่ออกมารอ เหนือดินก็ขับรถมาจอดตรงหน้า
“รอนานหรือเปล่า”
“ไม่เลยฮะ ขอบคุณฮะ”
สีน้ำเปิดเข้าไปนั่งที่นั่งข้างคนขับแล้วกล่าวขอบคุณนายแบบหนุ่มอย่างที่เคยทำทุกวัน
“สีน้ำ พอมีเวลาไหมวันนี้”
“เวลา? ทำอะไรหรอฮะ”
“ก็ว่าจะพาไปกินอะไรอร่อยๆ เลิกเรียนกี่โมงล่ะ”
“วันนี้หรอครับ เลิกตอนบ่ายสองครับ”
“งั้นเดี๋ยวเจอกัน”
“แต่พี่ดินไม่มีงานหรอครับ”
ร่างหนาระบายลมหายใจช้าๆ งานน่ะมีแน่นอนอยู่แล้ว แต่เดี๋ยวเขาหาทางออกได้เอง
“ไม่มีหรอก เดี๋ยวมารับ”
“ได้ฮะ”
ตั้งแต่นายแบบหนุ่มเปลี่ยนไป จากคนที่คอยหาเรื่องเขามาเป็นแบบนี้ สีน้ำรู้สึกสบายใจในเวลาที่อยู่ด้วยกันอย่างมาก เหนือดินนับว่าเป็นคนแรกที่เขาให้ความสนิทสนมด้วยนอกจากเพื่อนสนิทแล้วก็ครอบครัว
“สีน้ำ สีน้ำ”
“ครับ?”
“ถึงมหาลัยแล้ว ไม่ลงเดี๋ยวพาไปทำงานด้วยนะ”
“ขอโทษครับ มัวแต่คิดอะไรเพลินๆ”
เหนือดินเหลือบไปเห็นหนังสือที่สีน้ำลืมไว้ในรถจึงเอี้ยวตัวไปหยิบหนังสือที่เบาะหลังแล้วหันตัวกลับมา เป็นจังหวะที่สีน้ำเองกำลังเงยหน้าขึ้นมาหลังจากปลดเข็มขัดนิรภัยแล้ว ใบหน้าทั้งสองจึงอยู่ใกล้กันจนรู้สึกถึงลมหายใจของอีกฝ่าย ดวงตาคมเข้มมองจ้องไปยังนัยน์ตาเรียวสะกดการเคลื่อนไหวของสีน้ำเอาไว้ ริมฝีปากแดงอิ่มรู้สึกถึงความนุ่มที่ประทับลงมาเบาๆ ความอบอุ่นและความรู้สึกหลากหลายส่งผ่านจากริมฝีปากหนาที่ประกบนิ่ง ลมหายใจแทบผสานเป็นหนึ่งเดียวกัน หัวใจของสีน้ำเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมานอกแผ่นอก ดวงตาเรียวมองใบหน้าของอีกคนที่แนบสนิทอยู่กับเขาอย่างทำอะไรไม่ถูก จนร่างหนาค่อยๆ ถอนริมฝีปากร้อนไปนั่นล่ะ
“สีน้ำ คบกับพี่นะ”
ถ้อยคำต่างๆ นานา ที่เตรียมมาไม่ได้พูดออกไป หลุดออกไปแค่คำสั้นๆ จากใจของเขาในตอนนี้เท่านั้น ดวงหน้าขาวจัดฉาบด้วยสีแดงเรื่อน่ามอง ริมฝีปากแดงที่เพิ่งลิ้มรสเป็นครั้งที่สองก็ล่อตาให้ลงไปสัมผัสอีกครั้ง
“สีน้ำ?”
“ฮะ?”
“คบกับพี่ ได้ไหม”
“เราก็คบกันอยู่นี่ฮะ”
มือเรียวยกขึ้นมาจับที่ริมฝีปากตัวเองเบาๆ เมื่อกี้เขาฝันไปหรือเปล่า
“ไม่ใช่แบบนี้สิ แบบแฟนกันน่ะ แบบคนรัก”
“คนรัก?”
“ใช่”
ดวงตาเรียวกะพริบตาถี่ๆ เหมือนพยายามเรียกสติให้กลับมา
“เมื่อกี้นี้มัน...”
“พี่จูบสีน้ำยังไงล่ะ”
“จูบ?”
สีน้ำนิ่งไป จูบมันเป็นแบบนี้งั้นหรอ เหมือนในฝันของเขาวันนั้นเลย นุ่มๆ และอบอุ่น
“ไม่เชื่อเดี๋ยวทำให้ดูอีกทีก็ได้”
ริมฝีปากหนาประทับลงมาอีกที คราวนี้ค่อยๆ บดเบียดริมฝีปากแดงของสีน้ำช้าๆ จูบซับไปทั่วริมฝีปากอิ่มแดงที่เริ่มเป็นสีจัด ก่อนผละออกช้าๆ อย่างเสียดาย
“นี่ไง แบบนี้แหละเรียกว่าจูบ”
“พี่ดินจูบผม?”
“พี่ชอบสีน้ำไง เพราะชอบก็เลยจูบ เพราะว่าชอบเลยขอคบเป็นคนรักกัน สีน้ำว่าไง”
“พี่ชอบผม? แบบคนรัก?”
เหนือดินอดขำออกมาไม่ได้ นี่ใจคอสีน้ำจะทวนทุกคำพูดของเขาหรือเปล่าเนี่ย
“ใช่ พี่ดินคนนี้ชอบสีน้ำคนนี้มากๆ ตกลงคบกันนะ”
ตั้งแต่เกิดมาสีน้ำก็เพิ่งมีคนมาสารภาพรักแบบที่เคยได้ยินเพื่อนคนอื่นพูดถึงกันเป็นครั้งแรก เขาทั้งงงแล้วก็ทำอะไรไม่ถูก
“แต่ เราผู้ชายเหมือนกัน? มันได้หรอฮะ?”
“ถ้าเรารักกันอะไรก็ไม่สำคัญ”
“ผม...”
“ไม่ตอบถือว่าไม่ปฏิเสธ เดี๋ยวเย็นนี้มารับนะสีน้ำ ไปเดทกัน”
“เดท?”
“อืม เดทแรกฉลองที่เราคบกันไง ไม่ลงไปเรียนหรอเดี๋ยวเข้าห้องไม่ทันนะ”
สีน้ำรับหนังสือชีวะจากมือหนามาแบบงงๆ เหนือดินเปิดประตูฝั่งคนขับแล้วอ้อมมาเปิดฝั่งที่สีน้ำนั่งเพื่อให้เด็กหนุ่มที่ยังนั่งคิดนิ่งอยู่ในรถได้ลงไปเรียน
“เย็นนี้เจอกันนะ บ่ายสอง ตั้งใจเรียนล่ะ”
กว่าจะรู้ตัวอีกทีเขาก็ลงมายืนอยู่ที่ฟุตบาทมองตามไฟท้ายรถสปอร์ตที่แล่นออกไปจนลับตา มือเรียวยกขึ้นมาจับริมฝีปากแดงอิ่มช้าๆ เมื่อกี้เขาโดนจูบงั้นหรอ มันเป็นแบบนั้นเองหรอ
“สีน้ำยืนทำไรอยู่วะ ไอ้น้ำ มาเร็ว”
“ไอ้ไป๊ เดี๋ยวๆ แกว่ามันแปลกๆ ป่ะ สีน้ำมันแปลกๆ นะ เมื่อกี้มันก็ไม่ลงจากรถซะทีนั่งคุยอะไรกันไม่รู้ ลงมาก็เอ๋อๆ แบบนี้ ไปดูมันหน่อยดีกว่า ไป”
โชนที่ถอดเฝือกเรียบร้อยแล้วลากสไปรท์เดินมาหาสีน้ำ
“เฮ้ย ทำไมหน้าแดงงั้นล่ะ แกเป็นไรเปล่าวะ สีน้ำๆ”
“เรียกก็ไม่ตอบ ตาก็ลอย หรือมันไม่สบายหนักวะ”
สไปรท์เขย่าตัวสีน้ำแรงๆ จนร่างบางเริ่มได้สติ
“สไปรท์ โชน”
“เออ เรียกตั้งนาน เหม่อไรวะ แล้วทำไมหน้าแดงขนาดนั้น”
“ฉัน....โดนจูบ”
“หา!!!!!!!”
ทั้งสไปรท์และโชนตะโกนพร้อมกันดังลั่นจนคนแถวนั้นหันมามองทั้งสามคนเป็นสายตาเดียว
“ไม่ได้เรื่องละ ไปหาที่คุยดีกว่า ไอ้โชนโทรตามคีย์มาดิ เรื่องนี้ต้องขยาย”
“เออ อ้าวแล้วแกจะโดดหรอวะ”
“จะเข้าไปนั่งคุยในห้องให้อาจารย์ด่าออกไมค์อีกหรือไงไอ้ห้อย เร็วๆ เข้า บอกคีย์เอารถมาเลย ไปหาที่เงียบๆ คุยด่วน”
“ใช้จริงเว้ย เดี๋ยวจะใช้ให้ปุ๊กปิ๊กถูห้องมั่งหรอก”
“ไอ้โชนเร็วๆ”
“เออๆ”
โชนกดโทรศัพท์ไปตามคีย์ทันทีเพื่อให้มาร่วมวงประชุมกับเรื่องที่ใหญ่กว่าการเข้าเรียนวันนี้ เรื่องไอ้สีน้ำโดนจูบ
***************************************************************
ชั้นสองของคาเฟ่เล็กๆ ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยในช่วงสายที่คนเข้าเรียนกันหมดเลยทำให้ว่างไปถนัดตา ที่มุมหนึ่ง สีน้ำนั่งโดยมีเพื่อนทั้งสามมองมาที่เขาเป็นสายตาเดียว
“ไอ้น้ำเล่ามาเลย”
“เออ มานั่งเงียบ มีอะไร โดนอะไร พูดมา”
“นี่สไปรท์ โชน ไปถามสีน้ำแบบนี้ใครเขาจะอยากบอกละ ให้สีน้ำตั้งสติก่อนดิ”
ดวงตาเรียวมองคีย์เหมือนจะขอบคุณ เพราะเขาเองก็ยังงงอยู่กับเรื่องที่เกิดขึ้นในรถเมื่อเช้าอยู่เหมือนกัน ทุกอย่างเกิดขึ้นไวจนตั้งตัวไม่ติด
“ดื่มน้ำก่อนดีกว่าไหม ท่าทางนายเหมือนคนโดนผีหลอกมาอย่างนั้นแหละ”
คีย์ส่งน้ำให้เพื่อนที่กำลังงงๆ รับไปจิบช้าๆ
“ผีนายแบบซะด้วยสิ ฮ่าๆ..ไม่พูดก็ได้”
โชนเงียบลงเมื่อคีย์หันมามองด้วยสายตาดุ เขาเห็นว่าไม่ใช่เวลาที่จะมาเล่นกันตอนนี้
“ในรถมันเกิดอะไรขึ้นหรอสีน้ำ”
คีย์ถามขึ้นช้าๆ ไม่ได้คาดคั้นเพื่อนให้ตอบ แต่เขารอสีน้ำจะบอกออกมาเอง
“คือ....พี่ดินเขาก็มาส่งตามปกติ”
ดวงหน้าเรียวขาวจัดค่อยๆ ซับสีเลือดจนแดงเรื่อขึ้นทีละนิดเมื่อนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์เมื่อครู่
“ไอ้น้ำ แกช่วยหยุดทำหน้าตาชวนฝันแบบนั้นได้ไหมวะ ดูแล้วขนลุก”
“ไอ้ไป๊ปากเสียนิ สีน้ำมันกำลังจะเล่า”
โชนหันไปตบไหล่สไปรท์ที่นั่งข้างๆ หนึ่งทีแรงๆ โทษฐานขัดจังหวะ
“เจ็บนะเว้ย”
“นี่ถ้าไม่เงียบสีน้ำมันจะเล่าได้ไงล่ะ จะฟังเปล่าเนี่ย”
“คีย์ดุว่ะ”
โชนบ่นงึมงัม แต่ก็ยอมหย่าศึกกับสไปรท์ชั่วคราว เงียบไปชั่วครู่สีน้ำก็เริ่มเล่าอีกครั้ง
“ก็...แล้ว พี่ดินก็หยิบหนังสือมาให้ ไม่รู้ยังไง รู้ตัวอีกทีก็....โดนจูบไปแล้ว”
“.....”
ทั้งสไปรท์และโชนต่างเงียบไป เขาทั้งสองรู้อยู่แล้วว่าสีน้ำนั้นหน้าตาดีมากถ้าถอดแว่นออก แต่ก็ไม่ได้คิดเลยว่าจะได้เพื่อนเขยแทนเพื่อนสะใภ้แบบนี้
“แล้วเขาบอกอะไรสีน้ำหรือเปล่าว่าทำไปทำไม”
“อืม เขาบอกว่าชอบ แล้วก็ขอคบน่ะคีย์”
เมื่ออีกสองคน พร้อมใจกันเงียบ คีย์เลยเป็นคนถามสีน้ำต่อไป
“แล้วสีน้ำตอบอะไรไปล่ะ”
“ไม่ได้ตอบ มัน ไม่รู้สิ มันงง มันไวมาก แบบ อยู่ดีๆ ก็...”
“อืม ฉันเข้าใจ แล้วคุณเหนือดินเขาว่าไงล่ะ”
“พี่เขาก็...จูบอีก”
“ไอ้น้ำ ทนไม่ไหวแล้ว แกไปยอมง่ายๆ แบบนั้นได้ไงวะ หึ้ย เจอหน้าขอต่อยแม่งสักทีเหอะ มันลวนลามกันเห็นๆ เลยนะ”
“ใจเย็นดิไอ้ไป๊ แกจะโวยวายทำไมวะ”
“ทนไม่ไหวเว้ย นี่เห็นเพื่อนเราไม่ทันคนหรือไง”
“แต่ พี่ดินเขาบอกว่าทำไปเพราะว่ารัก”
โชนดึงสไปรท์ที่ลุกขึ้นโวยวายให้นั่งลงจนได้ แต่เจ้าตัวก็ยังฮึดฮัดอยู่อย่างเคืองๆ
“มันไม่ได้สำคัญหรอกนะว่าเขาจะบอกว่าอะไร แต่ที่สำคัญคือสีน้ำรู้สึกยังไงต่างหากล่ะ”
คีย์ดูจะเป็นคนเดียวที่นิ่งที่สุดแล้วค่อยๆ ถามสีน้ำต่อ ร่างเพรียวบางนิ่งไป เขาค่อยๆ คิดตามที่คีย์พูดไปอย่างช้าๆ
“ไม่รู้สิ”
“คีย์ ไอ้น้ำมันน่ะเก่งเรื่องเรียนก็จริง แต่เรื่องพวกนี้มีความรู้เป็นศูนย์”
“ทำเป็นพูดไปไอ้ห้อย แกก็ไม่เคยมีแฟนสักคนเหมือนกันละว้า วันๆ ไม่ชากีก็ชอคโก”
“อ้าวไอ้เหลี่ยม แล้วแกล่ะ วันๆ ก็ปุ๊กปิ๊กของป๋าอย่างนั้นอย่างนี้ สาวที่ไหนเขาจะมาสนวะ”
“พาดพิงปุ๊กปิ๊กหรอ แกตายยย”
“มาเลยเว้ย”
คีย์หันไปมองเพื่อนสองคนอย่างเอือมๆ เขาเริ่มชินซะแล้วกับการเถียงของสองคนนั้น
“สีน้ำรู้สึกยังไงล่ะ ตอนโดนจูบน่ะ รังเกียจไหม ไม่ชอบ”
“อืมม ถ้าทำแบบนั้นฉันก็ทำกับพุดดิ้งบ่อยๆ แต่มันไม่เหมือนกัน มันแปลกๆ แต่ก็ไม่ได้รังเกียจ หรือไม่ได้ไม่ชอบ”
“แล้วชอบไหม”
“.....ชอบคือแบบไหนล่ะคีย์”
คราวนี้คีย์เองกลับเป็นฝ่ายอึ้งไปเมื่อเจอสีน้ำถามกลับ รวมทั้งเพื่อนอีกสองคนที่เถียงกันอยู่ด้วย
“รักหรือชอบมันเป็นยังไงหรอ ฉันยังไม่รู้เลย”
“ไอ้ห้อย ฉันว่านะคุณนายแบบนั่นคิดผิดแน่ๆ เลยว่ะที่มาชอบไอ้น้ำ”
“ครั้งนี้ฉันเห็นด้วยกับแกนะไอ้ไป๊ เหมือนกำลังสอนเรื่องผิดศีลธรรมให้นักบวชเลย”
คีย์ยกแก้วน้ำตรงหน้าขึ้นดื่มเพราะรู้สึกคอแห้งขึ้นมากะทันหัน
“ก็แบบ คิดถึงเรื่องของคนนั้นตลอดเวลา อยากอยู่ใกล้ๆ ไม่มีอะไรก็อยากได้ยินเสียง อยากดูแล เป็นห่วง เป็นคนแรกที่เราคิดถึงไม่ว่าจะตอนไหน แบบนั้นอ่ะ”
“ก็เหมือนความรู้สึกที่ฉันมีให้พุดดิ้งเลยสิ”
“ไม่ใช่เว้ย สีน้ำแกฟังนะ มันจะไปเหมือนกันได้ยังไง พุดดิ้งมันสัตว์เลี้ยง มันก็เป็นความรักอีกแบบ”
สไปรท์ที่นั่งเงียบทนไม่ไหว ต้องพูดออกมาบ้าง
“ความรักก็มีหลายแบบไง รักพ่อแม่ รักพี่น้อง รักเพื่อน รักสัตว์เลี้ยง แล้วก็รักแบบคนรัก มันไม่เหมือนกัน”
“ไม่เหมือนกันตรงไหนล่ะโชน มันก็รักเหมือนกัน”
ร่างบางมองหน้าเพื่อนอย่างไม่เข้าใจ เขาไม่เห็นจะแยกออกเลย
“ไม่เหมือนสิ รักแบบคนรักเวลาเจอกัน ใจมันจะเต้นแรง ทั้งหวง ทั้งห่วง แบบว่าอยากเป็นคนที่คนนั้นรักและห่วงใยดูแลเพียงคนเดียวไง เข้าใจไหม”
เพื่อนร่างโปร่งส่ายหน้าน้อยๆ เขาไม่เห็นจะเข้าใจเลย แต่ว่าพูดไปตอนที่เหนือดินจูบเขาใจก็เต้นแรง แบบนั้นจะใช่หรือเปล่านะ
“ฉันว่าแทนที่พวกเราจะหนักใจกับสีน้ำ ไปสงสารคุณเหนือดินจะดีกว่าไหมเนี่ย”
“ก็ว่างั้นนะคีย์ สอนชอคโกให้ตีลังกายังน่าจะง่ายกว่าเลย”
“ไอ้หมาขี้ป๊อดแบบนายมันนะหรอ สอนให้เลิกปอดแหกดีว่านะ”
“อ้าว ไอ้เหลี่ยม งั้นไปสอนปุ๊กปิ๊กให้เลิกขี้ฟ้องดีกว่ามั้ง”
“ไอ้ห้อย ว่าลูกฉันหรอ”
“เออ จะทำไม”
“เฮ้อ แบบนี้จะรู้เรื่องกันไหมเนี่ย”
“ฉันทำให้หนักใจหรือเปล่า”
สีน้ำเห็นคีย์ถอนหายใจก็รู้สึกผิดขึ้นมา
“เปล่าหรอก รำคาญไอ้สองตัวนี่ เรื่องนั้นสีน้ำก็ค่อยๆ ดูกันไปละกัน แต่ระวังตัวให้มากๆ หน่อย ผู้ชายอย่างเราก็เสียหายได้นะ”
“อืม ขอบใจ”
จากประสบการณ์แล้ว ถึงแม้คีย์จะเห็นสีน้ำพยักหน้าหงึกหงักเหมือนจะเข้าใจ แต่เรื่องอื่นที่นอกจากวิชาการแล้ว เขาไม่มั่นใจเลยว่าสีน้ำเข้าใจจริงๆ
“กลับไปเรียนไหม น่าจะยังทันคาบต่อไป”
คีย์ลุกคนแรกแล้วชวนสีน้ำ
“ไปสิ ที่จริงโดดเรียนแบบนี้ฉันไม่สบายใจเลย”
“เอาน่าไอ้นักเรียนดีเด่น ครั้งเดียวไม่ทำให้แกพลาดที่หนึ่งหรอกน่า”
“ไอ้โชนทำพูดดีไป สีน้ำมันคนดีเว้ย”
“แกก็พอกันแหละไอ้ไป๊ ถ้าไม่ได้ไอ้น้ำจะสอบติดหรอวะ”
“ไม่ติดไง ฮ่าๆๆ ป่ะเพื่อน ไปเรียน”
แล้วโชนกับสไปรท์ก็ตามสีน้ำกับคีย์ที่เดินนำหน้าออกจากร้านเพื่อกลับไปเรียน ร่างโปร่งที่เดินไปขยับแว่นสายตาไป ก็ยังสับสนอยู่ดี จากที่ฟังมาความรู้สึกที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับนายแบบหนุ่มคืออะไรกัน คือความรักอย่างที่เพื่อนบอกแบบนั้นหรือเปล่า เขาเองก็ตอบตัวเองไม่ได้เลย
************************************************************