~ Limited Lovers ~ ( แจ้งข่าว!!! ) 4 พ.ค 59 - หน้า 339
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ~ Limited Lovers ~ ( แจ้งข่าว!!! ) 4 พ.ค 59 - หน้า 339  (อ่าน 2014954 ครั้ง)

ออฟไลน์ fahdekkom

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
Re: ~Limited Lovers~ ตอนที่11 - Lover..3 [28/09/55 @ 10:05] P.315
«ตอบ #9510 เมื่อ30-09-2012 12:24:42 »

อยากรู้แผนของพี่ฟ้าจริงๆว่าจะเป็นแบบไหน

ความจริงอยากให้กัสคู่กับพี่หมีมากกว่า


ออฟไลน์ white choc~

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 336
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-0
Re: ~Limited Lovers~ ตอนที่11 - Lover..3 [28/09/55 @ 10:05] P.315
«ตอบ #9511 เมื่อ30-09-2012 14:56:02 »

เม้นแล้วก็จะเม้นอีก มีไรป่ะ!! :m14:  (บี้ : กวนตีนนนนน  :z6:)


ไม่ว่าแผนการณ์ของอาฟ้า ผลลัพท์มันจะออกมาในรูปแบบไหน
กัส อาจจะต้องเสียใจ หรือ อาจจะสมหวัง อันนั้นก็ขึ้นอยู่กับใจของพี่เซ็นว่าเลือกที่จะตัดหรือสานต่อหัวใจของตัวเอง

แต่สิ่งนึงที่เราคิดว่ามันไม่มีวันเปลี่ยนแปลงสำหรับกัสคือ
สถานะระหว่างพี่หมีกับกัส ยังงัยมันก็ยังเป็นได้แค่ "พี่ชาย" เท่านั้น
กัสรักพี่หมี ใช่!!
แต่มันเป็นความรักสำหรับน้องชายที่มีให้กับพี่ชายเท่านั้น
ถ้าให้เปลี่ยนเป็นรักอย่างอื่นที่ลึกซึ้งกว่านี้ มันคงเป็นไปไม่ได้หรอก
เพราะถ้าจะเปลี่ยนมันคงเปลี่ยนมาตั้งนานแล้วหล่ะ


"ปากเธอแข็งรู้มั๊ย แต่ว่าฉันก็รับไว้ ด้วยหัวใจที่รอ
ได้แต่หวังสักครั้ง คำเดียวก็พออยากได้ยินว่า....รักกัน"
 
กัสคงอยากได้ยินจากพี่เซ็นเน๊อะ :monkeysad:

ออฟไลน์ boboaje

  • ไม่ชอบหวาน ชอบครบรส
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +101/-4
Re: ~Limited Lovers~ ตอนที่11 - Lover..3 [28/09/55 @ 10:05] P.315
«ตอบ #9512 เมื่อ30-09-2012 15:25:22 »

อ่านถึงแค่ตอนกัสได้เสียกะพี่เซ็นแล้ว ไม่กล้าอ่านต่อค่ะ เชียร์พี่หมีเต็มตัวอ่ะ อึก อึก สงสารพี่หมี ยังไม่กล้ากลับไปอ่านอยู่ดี อ่ะ  :sad4:   แต่ก็รอตอนต่อไปนะคะ ขอทำใจก่อน เดาทางไม่ถูกแล้วมันแซดดดดด

ออฟไลน์ Pam_ban

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1086
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +109/-2
Re: ~Limited Lovers~ ตอนที่11 - Lover..3 [28/09/55 @ 10:05] P.315
«ตอบ #9513 เมื่อ30-09-2012 20:12:12 »

แอบคิดถึงเค้กคิวเบา ๆ อาจมีส่วนรู้เห็นกับแผนการ(ดี?)ของพี่ฟ้า  :z2:

ออฟไลน์ bookie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
    • facebook
Re: ~Limited Lovers~ ตอนที่11 - Lover..3 [28/09/55 @ 10:05] P.315
«ตอบ #9514 เมื่อ01-10-2012 02:20:57 »

คนอ่านงก อยากได้หลายๆ ตอน

ออฟไลน์ PlenG

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 136
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
Re: ~Limited Lovers~ ตอนที่11 - Lover..3 [28/09/55 @ 10:05] P.315
«ตอบ #9515 เมื่อ01-10-2012 11:31:45 »

พี่ฟ้าร้ายกาจมาก แต่ดีจะได้เคลียร์ซะที
ไม่อยากให้จบเลย ขอตอนพิเศษเซ็นกัสเยอะๆนะเบบี้
แต่ยังอยากอ่านเค้กกัสอยู่ ฮ่าๆ//โดนพี่คิวตบ

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15
Re: ~Limited Lovers~ ตอนที่11 - Lover..3 [28/09/55 @ 10:05] P.315
«ตอบ #9516 เมื่อ02-10-2012 09:08:08 »


แจ้งข่าว !!!!!!!!!!!!!!!!!!

***รายละเอียดเพิ่มเติมที่http://baby.thai-forum.net/t497-topic



เบบี้
5 พ.ค 59




~12~



เช้าวันพฤหัส  ณ บ้านเกริกเกียรติไกร..
“รบกวนด้วยนะครับ” พี่หมียิ้มและผงกหัวให้ทุกคนด้วยท่าทางนอบน้อม  วันนี้ผมและพี่หมีลุกขึ้นอาบน้ำอาบท่าแต่เช้าเพราะพี่หมีต้องไปทำงานที่ร้าน  ทุกคนในครอบครัวของผมเตรียมพร้อมที่โต๊ะอาหารเรียบร้อยแล้ว
“เชิญเลย ตามสบายนะ” พ่อพูดพร้อมกับผายมือให้  แต่ก่อนพี่หมีมาบ้านผมค่อนข้างบ่อย  และดูจะเข้ากันได้ดีกับพ่อของผมมากในเรื่องกองทัพและการเมือง   ผมไม่รู้ว่าพี่หมีแกล้งสนใจที่จะพูดคุยเรื่องพวกนั้นรึเปล่า  แต่ดูเหมือนว่าพ่อจะถูกใจพี่หมีมากทีเดียว
“เมื่อคืนผมมาส่งกัสค่อนข้างดึกน่ะครับ แล้วผมก็เหนื่อยมากด้วย..เลยต้องขอรบกวนนอนที่นี่” พี่หมีพูดด้วยน้ำเสียงถ่อมเนื้อถ่อมตัวซะไม่มี  ผมยิ้มกว้างให้ทุกคนพร้อมกับส่งสัญญาณให้พี่นันตักข้าวเสิร์ฟได้
“ไม่เป็นไรๆ..มานอนค้างบ่อยๆก็ได้ นายออกจะมารับมาส่งบ่อยขนาดนี้ ทางเราต่างหากล่ะที่ต้องเกรงใจน่ะ” พ่อยิ้ม
“ใช่ๆ” ผมยิ้มกว้างกว่าเดิม  พี่หมีหันมาหัวเราะให้ผมเล็กน้อย
“คุณพ่อกับคุณแม่เป็นยังไงบ้างล่ะ” พ่อถามขึ้นทั้งที่ก็ไม่เคยได้เจอพ่อกับแม่ของพี่หมีเลย  แต่เขาสองคนคงจะได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกันในเรื่องนี้บ้างละมังครับ
“ท่านก็สบายดีครับ แล้วคุณลุงกับคุณป้าล่ะครับ..แต่คงไม่สบายเท่าไหร่ คงจะต้องปวดหัวกับกัสบ่อยๆ” พี่หมีแซว
“หึหึ..นั่นน่ะสิ อย่างนั้นเลยล่ะ” แม่ยิ้มตอบ
“ทานข้าวดีกว่าฮะ ว่ากัสนี่มันจะทำให้ทานข้าวอร่อยขึ้นรึไง” ผมทำหน้างอใส่ทุกคน  ทุกคนต่างยิ้มเหมือนกับมีความสุขก็ไม่ปาน
“เชิญเลยครับพี่หมี ไม่ต้องเกรงใจนะ” ผมบอกพร้อมกับเอื้อมตักกับข้าวให้พี่หมีด้วย 
“ตามสบายนะ” พี่ก้องที่นั่งอยู่ข้างๆพี่หมีลูบไหล่พี่หมีเบาๆก่อนที่พวกเราทุกคนจะลงมือทานอาหารเช้าร่วมกัน
หลังจากทานอาหารเสร็จพี่หมีก็เดินทางไปทำงานต่อ  แต่ผมยังไม่ไปเพราะผมมีเวรเข้าตอนประมาณบ่ายสามโมง  จึงกะว่าจะอ่านหนังสืออยู่ที่บ้านก่อนแล้วถ้าทานอาหารกลางวันเรียบร้อยแล้วค่อยให้คนขับรถไปส่งที่ร้านนะครับ


ตื๊ด  ๆ  ๆ


“ฮะพี่หมี” ผมรีบกลิ้งตัวจากที่นอนอ่านหนังสืออยู่ไปกดรับสายในทันที
“นี่กัส..” พี่หมีพูด
“ครับผม” ผมย้ำเสียงร่าเริงเพราะอยู่ๆก็รู้สึกดีแปลกๆ  คงเพราะหนังสือนิยายรักที่กำลังอ่านอยู่มันทำให้ผมลืมเรื่องราวอะไรบางอย่างไปได้
“บอสบอกว่าวันนี้ไม่ต้องเข้าร้านน่ะ” พี่หมีพูดบอก
“หมายถึงกัสเหรอฮะ” ผมถามอย่างไม่เข้าใจ
“ใช่ครับ เหมือนว่า..บอสเจ้าเล่ห์นั่นจะให้เริ่มแผนเลยน่ะ” พี่หมีพูดเสียงเรียบ
“งั้น..เหรอ” ผมทิ้งน้ำเสียงลง  จากที่รู้สึกว่าตัวเองมีความสุขอยู่เมื่อกี้ก็รู้สึกใจหายวาบไปถนัดตา  ทั้งพี่หมีและผมต่างเงียบลงพร้อมกัน
“พี่ก็ไม่รู้ว่าบอสนั่นจะทำอะไรต่อนะ แต่บอสบอกว่า..ให้เราใช้เวลาอยู่ด้วยกันให้มากๆน่ะ ทำแค่นี้ก็พอแล้ว” พี่หมีบอก
“ครับ” ผมพยักหน้างึกงักอย่างเข้าใจ
“กัสโอเคใช่ไหมครับ” พี่หมีถาม
“ครับ โอเคสิ” ผมตอบทั้งรอยยิ้ม  ถ้าผมตอบไปโดยที่ผมไม่ยิ้มผมคิดว่าน้ำเสียงของผมคงไม่จริงใจเป็นแน่  เคยมีคนว่ากันไว้ว่า..เวลาพูดโทรศัพท์ให้คอยส่องกระจกและสังเกตใบหน้าของตนเองว่ามีปฏิกิริยาต่อบทสนทนาอย่างไร  ซึ่งน้ำเสียงที่พูดออกไปก็เหมือนกับสีหน้าของเราที่กำลังเป็นอยู่
“อย่าฝืนทำเพื่อพี่อีกนะครับ ครั้งนี้เราต้องเปิดใจกันให้มาก..ถ้าตรงไหนที่กัสรู้สึกว่าไม่สบายใจ ต้องพูดรู้ไหมครับ” พี่หมีพูด  ผมได้แต่เงียบฟังเพราะไม่รู้ว่าจะตอบออกไปอย่างไรเพื่อไม่ให้พี่หมีเองต้องรู้สึกแย่พอๆกับที่ผมเป็นในตอนนี้  พี่เขารู้ทุกอย่างที่ผมคิดซะแล้ว..มันไม่ค่อยดีเลยเพราะผมไม่รู้ว่าผมควรจะทำตัวอย่างไรให้มันพอดี
“พี่น่ะ ไม่อยากให้กัสต้องรู้สึกแย่เพราะพี่อีก..พี่บอกแล้วว่าพี่จะทำหน้าที่พี่ชายให้ดี ขอให้สบายใจเถอะนะครับ นึกถึงตัวเองให้มาก..อย่ามานึกถึงพี่อีก”
“แต่..” ผมเอ่ย
“พี่จะไม่เป็นไร ถ้ากัสไม่เป็นไร..รู้ไว้แค่นี้ก็พอ” พี่หมีตัดบท  ผมเงียบไม่ตอบอีก
“เข้าใจไหมครับ” พี่หมีถามเสียงนุ่ม
“เข้าใจฮะ” ผมตอบ  พยายามไม่ให้น้ำเสียงตัวเองสั่นเพราะผมไม่อยากร้องไห้ให้พี่หมีได้ยิน  ที่จริงมันไม่ใช่แค่รู้สึกเสียใจ  แต่ผมกำลังรู้สึกซึ้งกับคำพูดของพี่หมีจนจุกอกต่างหากละครับ..หึ



= = = = = = = =


เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมาผมไม่ได้ไปทำงานตามที่พี่ฟ้าสั่งพี่หมีเอาไว้  วันนี้หลังเลิกเรียนผมก็มาขลุกอยู่กับพี่หมีที่คอนโด  ผมไม่รู้ว่าทำไมพี่ฟ้าถึงบอกว่าให้ผมกับพี่หมีใช้เวลาอยู่ด้วยกันให้มากๆ  ส่วนอย่างอื่นก็ไม่ต้องทำอะไรให้พี่ฟ้าเป็นคนจัดการอย่างเดียว  ไอ้ผมเองก็กลัวว่าทุกอย่างจะไม่สมจริงและกลัวว่าใครจะจับได้  หลังจากเมื่อวานผมคิดได้วันนี้จึงตรงดิ่งมาอยู่ที่คอนโดของพี่หมีในทันที  วันนี้พี่หมีไม่ได้ไปทำงานทั้งที่จริงพี่หมีมีเวรงานที่ร้านต้องทำทุกวัน  พี่หมีบอกผมว่าพี่ฟ้าได้สั่งพี่หมีไว้อย่างนี้เหมือนกัน  เราเลยได้ใช้เวลาที่มีอยู่ด้วยกัน  พี่หมีมีเวลาว่างมากพอจากการทำงานฟรีแลนซ์ของตนไปรับผมที่มหาลัยได้  ผมรู้สึกดีมากเพราะทำให้เราได้ไปดูหนังและทานข้าวด้วยกันบ่อยขึ้น
ส่วนวันพรุ่งนี้ผมก็ไม่มีเรียน  มีแค่เรียนพิเศษที่โรงเรียนสอนภาษาก็เท่านั้นและด้วยที่ว่าพี่หมีไม่ต้องไปทำงาน  พี่หมีจึงอาสาจะไปส่งผมที่โรงเรียนและจะรอรับกลับไปทานอาหารพร้อมกันเลย  คืนนี้ผมจึงจะนอนที่คอนโดของพี่หมีเพราะจะให้พี่หมีช่วยพิมพ์งานให้ด้วย  พอดีว่า..ด้วยความที่ว่างมากเกินไปจนรู้สึกขี้เกียจขึ้นมาเล็กน้อยน่ะครับ 



= = = = = = = =


บ่ายของวันอาทิตย์  ณ คอนโดหมี..
วันนี้เป็นอีกวันที่ผมมาอาศัยอยู่ที่คอนโดของพี่หมี  ทั้งผมและพี่หมีไม่ต้องไปทำงานที่ร้านด้วยกันทั้งคู่ถึงแม้ว่าวันนี้จะมีเวรทำงานก็ตาม  พี่ฟ้าโทรมาหาผมบ้างแต่ว่าพี่ฟ้ากลับไม่พูดถึงเรื่องนั้น  ผมเองก็ปากหนักไม่กล้าถามออกไปด้วยเพราะความกลัวล้วนๆ  กลัวว่าทุกอย่างมันจะปกติ..กลัวว่าถ้าทุกอย่างไม่เป็นไปอย่างที่หวังไว้  มันก็จะต้องจบลงสักที  ที่จริงแล้วการที่มีคนมาตัดสินใจแทนผมว่าผมควรหยุดหัวใจที่ผมมีต่อพี่เซ็นมันก็เป็นเรื่องที่ดีสำหรับผมมาก  เพราะผมเองก็ไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ถึงจะตัดใจได้  เมื่อเวลาเดินมาเร็วหน่อยมันก็ดีต่อตัวผมเอง  แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้หรอกนะครับว่ามันก็รู้สึกโหวงเหวงอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน  ตอนนี้ผมกำลังทำตัวร่าเริงอย่างเป็นปกติเพื่อปกปิดอะไรบางอย่าง  เพราะผมก็ไม่อยากคิดมากไปไกลเกินกว่าที่ควรจะเป็น  ว่าสุดท้ายแล้วเรื่องมันจะจบแบบไหนอย่างไร  ล้วนแล้วผมควรจะทำใจกับตัวเองไว้ก็เท่านั้น  ผมคิดว่าผมควรจะรอจนหมดลิมิตเวลาที่พี่ฟ้าวางเอาไว้ดีกว่านั่นคงจะแทนคำตอบอะไรได้ดีทั้งหมด
“อยากไปสวนสัตว์จัง” ผมบ่นพึมพำคนเดียว  ตอนนี้กำลังนอนดูสมุดภาพสัตว์โลกอยู่นะครับ
“ไปทำไม ไม่อายเด็กรึไง” พี่หมีที่นั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะทำงานพูดตอบ
“กัสยังเด็กน้อยอยู่เลยเหอะ” ผมตอบกลับไปอย่างไม่แคร์  ผมเชื่อมั่นว่าผมยังเด็กมาก..อย่างน้อยก็เด็กกว่าพี่หมีอยู่หลายปีละนะ  พี่หมีอมยิ้มเล็กน้อย
“ไปดำน้ำดีกว่า อยากไปจะแย่” พี่หมีพูด
“โหย ไม่เอาหรอก..เดี๋ยวดำ ผิวเสียหมด” ผมบ่น
“นี่พี่หมี กระต่าย..เหมือนกัสป่ะ” ผมยิ้มกว้าง  ชูรูปกระต่ายในหนังสือให้พี่หมีดู  พี่หมีเหลือบมามอง
“ไม่อ่ะ” พี่หมีตอบส่งๆก่อนจะหันกลับไปมองจอคอมพิวเตอร์ตรงหน้า
“หน้ากัสน่ะเหมือนหมีโคอาลามากกว่านะ หึหึ” พี่เขาหัวเราะ
“บ้า” ผมว่า
“กระต่ายน่ารักกว่าตั้งเยอะ หมีโคอาลาหูกางจะตาย..กัสหูเล็กนิดเดียวเอง” ผมจับหูตัวเองอย่างรู้สึกไม่มั่นใจในตัวเองขึ้นมา  พี่หมีอมยิ้มไม่ตอบอะไรอีก
“..................” ผมนอนเงียบ  มองไปที่รูปโคอาลาทีและมองไปที่รูปกระต่ายที  เอ๊ะ..หรือว่าผมจะเหมือนหมีโออาลาจริงๆ (-^-)
“กัสเหมือนกระต่ายไหมพี่หมี” ผมพูดขึ้นอย่างต้องการความมั่นใจ  เพราะผมคิดว่าผมเหมือนกระต่ายมาตลอด  ซึ่งมันอาจจะเป็นการเข้าข้างตัวเองมากเกินไป  แต่กระต่ายมันน่ารักนี่นะครับ
“ครับๆ..เหมือนก็เหมือน” พี่หมีตอบอย่างขอปัดไปที
“ทำไมต้องทำเสียงอย่างนั้นด้วยอ่ะ ก็พี่เกตุกับพี่ก้องบอกว่าตอนเด็กๆอ่ะ กัสน่ารักเหมือนกระต่ายจริงๆนะฮะ..กัสไม่ได้โกหกสักหน่อย” ผมรีบพูด
“หึ..นั่นมันตอนเด็กนี่ อีกอย่าง..กระต่ายก็หูกางเหมือนกัน แถมยาวอีกต่างหาก แล้วไอ้ที่ชมตัวเองว่าน่ารักนั่นอะไร..ไม่กระดากปากบ้างรึไง” พี่หมีว่ายาวพร้อมกับหัวเราะเสียงดังกว่าเดิม  ผมหุบปากเข้าหากัน  หน้างอมองอีกฝ่าย
“แต่กระต่ายน่ารักกว่า” ผมเถียงอย่างไม่ยอม
“ก็บอกว่าเหมือนไง เหมือน..โอเคไหมครับ” พี่หมีหันมาจ้องหน้าผมตอบ
“ใช่ เหมือน” ผมย้ำคำด้วย
“แต่พี่ว่ากัสเหมือนกัสจังในการ์ตูนอาราเล่มากกว่านะ” พี่หมีว่า
“ก็กัสน่ารักอ่ะดิ” ผมยิ้มเขิน
“เปล่า..ปัญญาอ่อนต่างหากล่ะ” พี่หมีพูดแกมหัวเราะ
“พี่หมีอ่ะ!” ผมว่าด้วยน้ำเสียงงอนๆ


ตื๊ด  ๆ  ๆ


“พี่หมีบ้า” ผมว่าพี่หมีอีกครั้งก่อนจะกดรับสายเข้าจากพี่ฟ้า
“ฮะพี่ฟ้า!” ผมทักด้วยน้ำเสียงร่าเริง
“ฮึ..มีความสุขจริงๆนะ สงสัยพี่คงให้หยุดงานนานเกินไปละมั้งเนี่ย” พี่ฟ้าแซว
“พี่ฟ้าอ่ะ..แล้วมีอะไรเหรอครับ” ผมถาม  ในใจแอบนึกว่าพี่ฟ้าอาจจะโทรมาเล่าเรื่องของพี่เซ็นหรือเปล่า  แต่ก็ไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองมากไป
“รอโทรศัพท์พี่อยู่รึเปล่า” พี่ฟ้าพูดเสียงนุ่มแต่แฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์  นี่ถ้าไม่ติดว่าผมหลงรักพี่เซ็นไปก่อน  ผมคิดว่าพี่ฟ้าจะเป็นผู้ชายรายต่อไปที่ผมคิดว่าผมน่าจะหลงรักนะครับ  บางครั้งเวลาที่ผมอยู่กับพี่ฟ้าก็รู้สึกแปลกๆดีเหมือนกัน  เวลาที่พี่ฟ้าลวนลามเนื้อตัวผม  ผมกลับไม่รู้สึกรังเกียจเลยสักนิดเดียวทั้งทั้งที่ผมก็รู้ว่าพี่ฟ้าได้ทั้งสองฝ่ายแต่ผมกลับรู้สึกช๊อบชอบให้พี่เขาแตะเนื้อต้องตัวผม  เอ่อ..ผมคงบ้าไปแล้วละครับ
“ก็ นิดหน่อย” ผมตอบเล่นเสียง
“อ่านะ ถ้าปากแข็งก็ไม่อยากเล่าหรอกนะครับ” พี่ฟ้าพูดด้วยน้ำเสียงรู้ทันไม่เลิก  ผมเงียบไปครู่เพราะตอนนี้ในห้องมันเงียบจนรู้สึกเกร็งพิลึก
“อ..เอ๊ะ คือ เล่า มา..ก็ได้ฮะ” ผมบอกเสียงเบาด้วยรู้สึกอยากรู้ขึ้นมา  พี่ฟ้าหัวเราะเสียงเบาเหมือนพอใจ  ผมเหลือบมองพี่หมีเล็กน้อย  พี่หมียิ้มตอบและพยักหน้าให้อย่างเข้าใจ
“ดูเหมือนพี่กับไอ้คิวกำลังโคตรสนุกเลยล่ะ โทษทีนะกัส” พี่ฟ้าพูดแกมหัวเราะ  ผมฟังแต่ก็ยิ่งไม่เข้าใจไปกันใหญ่ 
“ที่จริง..มันก็ไม่มีอะไรหรอก แต่วันนี้เชียร์มาหาเซ็นที่ร้านน่ะ” พี่ฟ้ากลับมาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“งั้น เหรอครับ” ผมตอบเสียงเบา  ใจแป้วขึ้นมาทันที
“พี่ก็ไม่รู้หรอกนะครับว่าสองคนนั้นคุยเรื่องอะไรกัน คิวก็ไม่รู้” ระหว่างที่พี่ฟ้าพูด  ผมใจเต้นตึกตักไม่เป็นส่ำ
“แต่ก็..วางใจเถอะครับ ดูเหมือน เหตุการณ์จะไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่”
“ถึงจะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวกับพี่เชียร์ สุดท้ายก็เกี่ยวกับตัวพี่เซ็นอยู่ดีนั่นแหละฮะ” ผมบอกอย่างปลอบใจตัวเอง  พี่ฟ้าเงียบไปครู่หนึ่ง  ผมเองก็ด้วย
“นั่นสินะ” พี่ฟ้าพึมพำ
“บางคนนี่เข้าใจยากจริงๆเลยน้า..ให้ตายสิ” พี่ฟ้าทำเสียงเล็กเสียงน้อยทำให้ผมต้องหัวเราะออกมา
“ไม่เป็นไรหรอกฮะพี่ฟ้า กัสรับปากพี่ฟ้าแล้ว..กัสไม่คืนคำหรอกครับ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเพราะไม่อยากให้พี่ฟ้าต้องมาเป็นห่วง  ถ้ามันพ้นจุดๆนี้ไป  ทุกคนจะกลายเป็นอิสระ  ทั้งผม  พี่เซ็น  พี่หมีและทุกๆคนในร้านก็ด้วย
“ครับ” พี่ฟ้าตอบเสียงเรียบก่อนจะหายใจแรง
“พี่จะไปว่าอะไรกัสก็ไม่ได้น่ะนะ..ถึงพี่บอกให้กัสเลือกหมีเพราะพี่เห็นว่าหมีจะดูแลกัสได้ดีกว่า กัสก็คงจะทำให้ไม่ได้ใช่ไหมล่ะ..เพราะถ้าพี่เป็นกัสพี่ก็คงเลือกเซ็นอยู่ดีในเมื่อมันเป็นไปแล้ว แต่ถ้าเป็นพี่นะ ถึงให้เหลือแค่ไอ้สองตัวนั้นอยู่บนโลก พี่ยอมนอนเกา..ตูดเล่น ไปวันๆดีกว่า” พี่ฟ้าพูดติดตลกและเหมือนกับพยายามจะละคำพูดบางคำที่ไม่สุภาพไว้  ผมหัวเราะเบาๆและเข้าใจดีว่าพี่ฟ้าต้องการพูดอะไร  ผมเคยได้ปรึกษาเรื่องนี้กับกุมภ์และปุยแล้ว..สองคนนั้นก็พูดอย่างที่พี่ฟ้าพูดไม่มีผิด  ผมจึงได้แต่อมยิ้มและรับฟัง  เพราะถึงอย่างไรก็แล้วแต่คนอื่นมักจะเห็นข้อเสียของคนที่เรารักมากกว่าเราแน่นอนอยู่แล้ว  และไม่ใช่ว่าผมมองไม่เห็น  ผมเห็น  ที่จริงผมอาจจะรู้ดีกว่าใครทั้งหมดด้วยซ้ำแต่เพราะผมรักเขา..เหตุผลเพราะแค่นี้เองผมจึงยอมรับได้ทั้งหมด
“กัสไม่ซีเรียสแล้วละครับ อาจจะประมาณว่า..เตรียมใจไว้ รู้อยู่แล้วน่ะ” ผมตอบและนั่งหันข้างเล็กน้อยเพื่อไม่ให้พี่หมีได้ยิน 
“ขอโทษนะครับที่พี่ต้องบังคับกัสแบบนี้” พี่ฟ้าพูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
“ไม่หรอกฮะ..ถ้าไม่มีพี่ฟ้า กัสเองก็คงจะย่ำอยู่ที่เดิม เฮ้อ..ตอนนี้น่ะ กัสรู้สึกดีสุดๆไปเลยล่ะ” ผมถอนหายใจแรงกระทั่งยิ้มให้กับตนเองด้วย
“แล้วพรุ่งนี้พี่ฟ้าจะไปไหนรึเปล่าครับ” ผมถามถึงเพราะพรุ่งนี้เป็นวันหยุดราชการ  แต่เห็นว่าที่ร้านคิวปิดยังเปิดให้บริการตามปกติ
“ไม่ล่ะ ก็ในเมื่อพี่รับปากกัสแล้วนี่นะว่าจะจัดการให้..ถ้ามันยังไม่พ้นกำหนด พี่ก็จะไม่ไปไหนทั้งนั้น”
“พูดดูดี พระเอกป่ะล่ะ” พี่ฟ้าพูดขำๆ
“หึหึ..กัสรักพี่ฟ้านะ” ผมบอก
“ครับ..”
“พี่ก็เหมือนกัน” พี่ฟ้าตอบเสียงเบา
“โอเค พี่ต้องทำงานต่อแล้ว..มีเวลาขนาดนี้ก็พักผ่อนเยอะๆนะครับ ไว้พี่จะโทรไปหาใหม่”
“ฮะ” ผมตอบก่อนที่พี่ฟ้าจะตัดสายไป  เมื่อผมวางสายโทรศัพท์ไปแล้วถึงได้ทราบว่าในห้องมันเงียบมากแทบจะไร้เสียงสิ่งมีชีวิตเลยละครับ
“หิวไหมฮะ” ผมถามขึ้นท่ามกลางความเงียบ  พี่หมีละสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์มามองผม
“นิดหน่อย” พี่หมีตอบ
“กัสทำสปาเก็ตตี้ให้กินเอามะ” ผมยิ้มถาม  พี่หมีแสยะหัวเราะเล็กน้อย
“ไม่ล่ะ..อย่าเลย” พี่หมีปราม  ผมหน้างอลงในทันที
“งั้น..กัสสั่งพิซซ่านะ” ผมเสนอ
“ครับ” พี่หมีพยักหน้าตอบ
“เอาเหมือนเดิมนะ” ผมถามอีก
“ครับผม” พี่หมียิ้มตอบอีกครั้ง  ผมยิ้มตอบให้ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรสั่งพิซซ่า



= = = = = = = =
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-05-2016 15:41:41 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15
Re: ~Limited Lovers~ ตอนที่11 - Lover..3 [28/09/55 @ 10:05] P.315
«ตอบ #9517 เมื่อ02-10-2012 09:12:47 »


วันจันทร์  ณ บ้านเกริกเกียรติไกร..
เนื่องจากวันนี้เป็นวันหยุดราชการ  พ่อกับแม่ของผมจึงไม่ได้ออกไปไหน  เห็นแม่บอกว่าอยากพักผ่อน  ส่วนพ่อก็กำลังนั่งอ่านเรื่องหุ้นทั้งวัน  พี่ก้องตรวจเอกสารเกี่ยวกับงานอยู่ในห้องทำงานของตน  ส่วนพี่เกตุออกไปข้างนอกกับเพื่อน  ตอนนี้ผมกำลังนอนอาบแดดอยู่ที่สระว่ายน้ำของบ้าน  เป็นการอาบแดดคล้ายกับประชดชีวิตประมาณนั้น  ผมเพิ่งจะมารู้สึกสงสัยก็วันนี้เองว่าทำไมชาวต่างชาติถึงชอบมาอาบแดดที่ประเทศไทยทั้งทั้งที่มันร้อนบรมขนาดนี้  ด้วยรู้สึกหดหู่ใจมากถึงมากที่สุด  ซึ่งอันที่จริงผมก็เตรียมใจไว้อยู่แล้วว่ามันจะออกหัวหรือก้อย  แต่ผมก็ต้องหาบางสิ่งบางอย่างทำเพื่อฆ่าเวลาเล่นเหมือนกัน  ไม่อย่างนั้นผมคงฟุ้งซ่านจนได้เข้าพบจิตแพทย์เป็นแน่ 
ตอนนี้มันคล้ายกับว่าผมกำลังรอเวลาเพื่อให้ช่วงเวลานี้มันผ่านไป  คล้ายกับเป็นเวลาแห่งการทำใจเพื่อที่เมื่อผ่านพ้นไปแล้วจะไม่สามารถมีเวลาในรูปแบบนี้ได้อีก  ซึ่งนั่นละครับว่าผมกำลังพยายามคิดแบบนี้อยู่เพราะผมเองจะได้ไม่เพ้อเจ้อไปไกล  รวมถึงจะไม่เจ็บปวดมากเมื่อถึงเวลาที่ต้องเจ็บปวดอีกด้วย
“คุณกัสคะ คุณนอนอย่างนี้มานานแล้วนะคะ” พี่นันเดินเข้ามาพูดด้วยสีหน้าเป็นห่วงเป็นใย  ผมมองเธอผ่านแว่นตากันแดดก่อนจะยิ้มให้  ตอนนี้นอกจากผมกำลังบอกตัวเองไม่ให้คิดมากแล้ว  ผมกำลังต้องการรับรู้รสชาติของความรู้สึกแบบชาวต่างชาติก็ด้วย  สระว่ายน้ำที่บ้านผมไม่ค่อยมีใครใช้บ่อยนักนอกจากพี่ก้องที่จะว่ายน้ำเป็นประจำอาทิตย์ละสามถึงสี่วันเพื่อฟิตร่างกาย  ส่วนผมก็นานๆครั้งแต่ผมคิดว่ากีฬาว่ายน้ำเป็นกีฬาที่ง่ายที่สุดในชีวิตที่ผมจะสามารถทำได้ละนะครับ
“กัสเพิ่งรู้ว่ากัสอยากดำน่ะ” ผมตอบติดตลก  ปกติแล้วผมเป็นกลัวดำมาก  ซึ่งตลอดมาจะค่อนข้างดูแลผิวพรรณของตัวเองเป็นอย่างดี  ครีมบำรุงผิวของผมน่ะเยอะกว่าพี่สาวผมเสียอีกละครับ
“คุณกัสคะ เดี๋ยวคุณผู้หญิงก็ดุเอาหรอกค่ะ” พี่นันพูดหน้าแหย  เธอมองซ้ายทีขวาทีเหมือนกลัวว่าแม่ผมจะมาตอนนี้
“ไปชวนคุณแม่มานอนด้วยก็ท่าจะดีนะ” ผมพูดอย่างไม่ฟังเธอเลย
“คุณกัสคะ คุณนี่ดื้อจริงๆเลย” พี่นันบ่น  ผมยิ้มกว้างตอบ
“กัสน่ะ แสบผิวเป็นบ้าเลยฮะ..ถ้ากัสลงสระไปตอนนี้ มันจะไหม้ไหมอ่ะ” อยู่ดีๆผมก็บ่นด้วยรึสึกนึกกลัวขึ้นมา  มันเป็นความกลัวที่ผุดขึ้นมาอย่างกะทันหันน่ะครับ
“งั้นก็รีบลุกสิคะ คุณก็” ปากพี่นันบ่นแต่ก็รีบกุลีกุจอนำชุดคลุมมาห่มให้ผม  ผมรีบลุกแล้วสวมชุดคลุมปิดตัวไว้ในทันที
“กัสเพิ่งรู้ว่ามันร้อนอ่ะ!” ผมโวยวาย
“ก็ร้อนน่ะสิคะ นี่จะสี่สิบองศาแล้วมั้งคะเนี่ย” พี่นันบ่นเสียงสูง
“งั้นกัสไปแช่ตัวก่อนนะฮะ บำรุงผิวด้วย..แง่ง ไม่น่าเลย” ผมบ่นและรีบชักเท้าเดินเข้าบ้านใหญ่
“อย่าขัดตัวนะคะคุณ เดี๋ยวเป็นแผล” พี่นันที่เดินตามหลังมาพูดบอก
“โทรศัพท์ค่ะคุณกัส โทรเข้ามาประมาณสองสายได้แล้วค่ะ” พี่เนแม่บ้าน  เธอเป็นพี่สาวของพี่นันวิ่งนำโทรศัพท์มือถือมายื่นให้ผม 
“ขอบคุณครับ” ผมบอกก่อนจะรับมาดูเป็นสายเข้าจากพี่หมี
“ไปทำงานเถอะฮะ” ผมหันไปบอกพวกเธอก่อนจะกดรับสายและเดินขึ้นมาบนบ้าน
“ว่าไงฮะหมีน้อย” ผมแซวเสียงใสเพราะเมื่อเช้าพี่หมีก็โทรมาแล้ว  ตอนนี้ก็ยังโทรมาอีกคงเพราะเป็นห่วงผม  วันนี้พี่หมีต้องออกไปกับพี่ๆน้องๆที่บ้าน  เห็นว่าครอบครัวพี่หมีมีการนัดรวมญาติ  ซึ่งตอนแรกพี่หมีได้ชวนผมแล้วแต่ผมไม่อยากไปนะครับ  ครอบครัวของพี่หมีไม่ค่อยปกติเท่าไหร่  แบบว่าถ้าไปแล้วให้ความรู้สึกเหมือนหายใจไม่สะดวกและเพราะตอนนี้ผมยังไม่พร้อมไปยิ้มกว้างให้ใครหน้าไหนทั้งนั้นด้วย
“หึ..พี่กำลังจะกลับคอนโดแล้วนะครับ ให้ไปรับไหม” พี่หมีถาม
“ไม่ล่ะฮะ อยู่ไหนแล้วล่ะ” ผมถาม
“ก็ถึงแยกระหว่างบ้านกัสกับคอนโดน่ะ” พี่หมีตอบ
“งั้นพี่หมีก็กลับไปพักผ่อนเถอะครับ ต้องทำงานอีกไม่ใช่รึไง” ผมบอก
“โอเค” อีกฝ่ายพูด
“แล้วเป็นไงบ้างฮะ กับคนที่บ้าน” ผมถาม
“ก็ดี เรื่อยๆ..พ่อดูจะพอใจน่ะนะที่รู้ว่าพี่อาจจะเรียนต่อ” พี่หมีตอบ
“นั่นสินะครับ” ผมพูดและก็อดรู้สึกผิดไม่ได้ที่เป็นต้นเหตุให้พี่หมีไม่เลือกไปเรียนตั้งแต่แรก
“เอาไว้ตอนเย็นพี่ไปรับไปทานข้าวแล้วกันนะครับ” พี่หมีเปลี่ยนเรื่องทันที
“ฮะ กัสขอไปอาบน้ำก่อนนะ..เมื่อกี้กัสไปนอนอาบแดดมาอ่ะ ตัวดำหมดแล้ว” ผมบ่นเสียงสูง
“อ่าว แล้วไปนอนทำไมล่ะ” พี่หมีถามด้วยน้ำเสียงตกใจ
“ก็คิดว่ามันจะไม่ร้อนมาก ลืมนึก” ผมพูดแก้ตัวไปอย่างนั้น
“หึ..เด็กติงต๊อง ไปอาบน้ำได้แล้วครับ” พี่หมีทิ้งท้ายก่อนจะวางสายไป  ผมรีบเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำบำรุงผิวในทันที  ผมใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำค่อนข้างนานร่วมชั่วโมงก่อนจะออกมาแต่งตัวแล้วทาโลชั่นบำรุงผิวอีกต่อหนึ่ง


ตื๊ด  ๆ  ๆ  ๆ


ผมเหลือบไปมองโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนเตียงอย่างนึกขี้เกียจรับ  ไม่รู้ว่าเป็นเบอร์ของใครโทรมาแต่ตอนนี้ผมกำลังวุ่นอยู่กับการทาครีมที่หน้าอยู่


ตื๊ด  ๆ  ๆ  ๆ  ๆ..


“จิ..” ผมบ่นอย่างหัวเสียก่อนจะลุกจากเก้าอี้หน้าโต๊ะเครื่องแป้งและเดินไปหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู  และก็พบว่าสายที่โทรเข้าเป็นเบอร์จากพี่ฟ้า  เมื่อผมเห็นอย่างนั้นผมก็รีบกดรับสายในทันที
“ฮะพี่ฟ้า..โทษทีครับกัสกำลังยุ่งอยู่” ผมพูดทักปลายสายทันที
“.................” แต่ผมก็ต้องเงียบลงเมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบรับใดๆจากอีกฝั่งหนึ่งเลย
“พี่ฟ้าครับ” ผมพูดแต่ปลายสายยังเงียบมาก  คล้ายกับรอบตัวของพี่ฟ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยอย่างนั้น  ผมงงเลยเหลือบมองดูหน้าจอแต่ก็พบว่าอีกฝั่งยังไม่ได้ตัดสายไป
“ตกลง มึงต้องการจะบอกอะไรกู” ผมแทบสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงของพี่เซ็นจากอีกฝั่ง  ใจผมเต้นแรงอย่างไม่ทันได้ตั้งตัวและก็อดสงสัยไม่ได้ว่าพี่ฟ้ากำลังเล่นตลกอะไรกับผมอยู่
“มึงก็ตอบกูมาก่อนว่าวันนี้มึงมาทำไม ในเมื่อไม่ใช่เวรมึง” เสียงของพี่คิวพูดตอบ  ด้วยความตื่นเต้นและรู้สึกกลัวอะไรบางอย่างขึ้นมา  ผมแทบอยากจะกดวางสายลงซะเดี๋ยวนี้แต่ผมกลับไม่กล้าลงมือทำ
“มึงไม่พอใจที่กูทำงานพลาดมึงก็อย่าพาลได้ไหม” พี่เซ็นพูดตอบด้วยน้ำเสียงอะลุ่มอล่วย
“ผมเหรอที่พาล..คุณต่างหากที่กำลังทำเรื่องไม่เป็นเรื่องน่ะคุณพิภัช แล้วถ้าต้องการจะมาช่วยจริงๆ..ก็ช่วยมีสมาธิให้มากกว่านี้หน่อยจะได้ไหมล่ะครับ” พี่คิวตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเช่นเดียวกัน  แต่สรรพนามที่พี่คิวใช้เปลี่ยนไปผมไม่ทราบว่านั่นเป็นการประชดหรือพูดเล่นหรืออย่างไรเพราะน้ำเสียงของพี่เขายังปกติดี  เหมือนกับทั้งสองคนกำลังพูดกันอย่างปกติ  แต่ที่ผมสงสัยคือประโยคแรกก่อนหน้าเหมือนไม่ใช่การพูดคุยอย่างปกติน่ะสิครับ
“................” อีกฝั่งหนึ่งเงียบไปประมาณห้านาที  ใจผมเต้นแรงมากกว่าเดิมเพราะอยู่ๆก็คิดไปเองว่าอีกฝ่ายคงรู้เข้าให้แล้วรึเปล่าว่าผมกำลังร่วมฟังบทสนทนาอยู่ด้วย
“ตกลง ไอ้หมีไปไหน” พี่เซ็นถาม
“ลา..” พี่คิวตอบ
“ทำไมมึงถึงอนุญาตให้ลาหลายวัน..ในเมื่อคนก็ไม่พอ” พี่เซ็นถามอีก
“ถามเจ้าของร้านสิ” พี่คิวย้อนตอบส่งๆ
“คิว..” พี่เซ็นทิ้งน้ำเสียงลงเล็กน้อย
“ขอร้อง ช่วยอย่ากวนตีนกูได้ไหม” พี่เซ็นพูด
“มึงต่างหากที่กำลังกวนตีนกู ตกลงมึงต้องการอะไร..จะหาเรื่องกูรึไง” พี่คิวตอกทันที
“มึงต่างหากที่กำลังหาเรื่องกู” พี่เซ็นย้อนด้วยน้ำเสียงเหวี่ยงเล็กน้อย 
“เน่..จะทะเลาะกันให้มันได้อะไรไม่ทราบ ทำตัวกันเป็นเด็กไปได้” ผมถึงกับต้องสะดุ้งอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงของพี่ฟ้าบ่นขึ้น  เสียงของพี่ฟ้าชัดแจ๋วกว่าทุกคนอย่างกับอยู่ใกล้โทรศัพท์ที่สุดอย่างนั้นละครับ
“...............” ปลายสายเงียบไปอีกครั้งเหมือนสงครามเล็กๆเมื่อกี้ได้สงบลงแล้ว
“ปิดบังอะไรเซ็นอยู่ นึกว่าเซ็นไม่รู้รึไง” พี่เซ็นว่า
“รู้เหรอ งั้นอะไรล่ะ..บอกอาได้ไหม” พี่ฟ้าพูดตอบด้วยน้ำเสียงยโสแต่พี่เซ็นกลับไม่พูดตอบโต้อีก  พี่เขาเงียบไปสักพักใหญ่
“สนุกกันนักใช่ไหม ตามสบาย..อยากเล่นอะไรก็เชิญ” พี่เซ็นว่าขึ้นโต้งๆด้วยน้ำเสียงคล้ายไม่พอใจ
“พูดผิดรึเปล่า ใครกันแน่ที่กำลังเล่นสนุกอยู่..มึงกล้าดียังไงถึงมาโทษพวกกู” พี่คิวพูดน้ำเสียงเริ่มเปลี่ยนเป็นเข้มขึ้นเรื่อยๆ
“มึงเลิกทำตัวเป็นพ่อกูสักทีได้ไหมครับ” พี่เซ็นย้อนว่าเสียงเย็น
“มึงนี่ ปากวอนส้นตีนจริงๆนะ” พี่คิวสบถหลังจากนั้นเสียงก็เงียบลงอีกครั้ง  ใจผมเต้นตึกตักว่าตกลงคนสองคนนั้นกำลังคุยกันอยู่หรือว่าทะเลาะกันกันแน่
“มึงไม่พอใจอะไร มึงก็กลับไปเลยไป..” พี่คิวถอนหายใจแรง  พี่เซ็นไม่ตอบอะไรอีก  อยู่ๆทุกคนก็เงียบไปอีกครั้ง
“..ตกลง กัสไปไหน ไปกับหมีรึเปล่า” พี่เซ็นถาม  หน้าผมชาและรู้สึกว่าตัวเองตัวชาไปทั้งร่างกาย  มันคล้ายกับว่าความดีใจที่ได้ยินชื่อของตัวเองหลุดออกมาจากปากของคนคนนี้มันเหมือนความฝันได้กลายเป็นจริงอย่างนั้น
“กูไม่รู้” พี่คิวตอบ
“มึงรู้เหี้ยอะไรบ้างเนี่ยห๊ะ!” อยู่ๆพี่เซ็นก็ขึ้นเสียงดังจนผมสะดุ้งโหยง
“เซ็น มึงรีบไสหัวมึงไปเลยนะ..กูชักไม่แน่ใจแล้วว่าวันนี้กูจะไม่มีเรื่องกับมึง” พี่คิวพูดเสียงแข็ง
“มึงรู้ตัวไหมว่ามึงกำลังพาลกู..ในเรื่องที่มันไม่ใช่เรื่องของกู” พี่คิวว่าพร้อมกับกดน้ำเสียงลงเหมือนกำลังข่มอารมณ์อย่างนั้น
“เป็นตัวเองให้มากกว่านี้ เย็นให้มากกว่านี้เซ็น..นี่มันไม่ใช่ตัวมึงเลย” พี่คิวกดน้ำเสียงลง  ทุกคนเงียบไปครู่หนึ่ง
“กูขอโทษ” พี่เซ็นพูดขึ้น
“โอเค..กูขอโทษ” พี่เซ็นพูดย้ำอีก
“กูควรไปสินะ เออ..ใช่ กูว่ากูไปก่อนดีกว่า” พี่เขาพูดน้ำเสียงกลับมาเป็นปกติ
“ใช่ กูควรขอโทษมึง..ขอโทษ” พี่เซ็นยังคงย้ำพูดขอโทษอยู่ไม่เลิกจนผมอยากรู้ขึ้นมาว่าตอนนี้สีหน้าของทุกคนเป็นอย่างไร  มันดีขึ้นหรือว่ามันแย่ลงกันแน่  แล้วดูเหมือนเรื่องจะเกิดขึ้นเพราะผมซึ่งผมไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น
“เซ็น..หยุดพูดประโยคนั้น เดี๋ยวนี้” พี่คิวพูด
“กูขอโทษ” พี่เซ็นตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนลงกว่าเดิม
“จิ..หุบปาก” พี่คิวสั่งด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด  ทุกคนเงียบเสียงลงอีกครั้ง  ผมคิดว่าพี่เซ็นคงยังไม่ได้ออกไปไหนเพราะตรงนั้นเงียบมากจนแทบไม่ได้ยินว่าใครกำลังเคลื่อนไหวหรือกระดิกตัว
“เป็นอะไร..” พี่คิวถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนจนผมรู้สึกได้
“กูไม่รู้” พี่เซ็นตอบ 
“มึงก็รู้อยู่ดีแก่ใจ คิดไปถึงไหนล่ะนั่น หึ..เรียกสติให้เอาไหม มึงน่ะ มีดีกว่าไอ้หมีอยู่แค่สองอย่าง” พี่คิวพูดขึ้น
“หนึ่ง..ฐานะ กับสอง..หน้าที่การงาน”
“มึงกำลังว้าวุ่นกับอะไรอยู่ล่ะ กลัว..ใช่ไหม” พี่คิวพูดอีก
“.................” พี่เซ็นไม่ตอบอะไรอยู่สักพักซึ่งผมกำลังคิดว่าดีแล้วที่พี่เขาไม่ตอบ  เพราะผมก็กำลังกลัวที่จะได้ยินเหมือนกัน
“กูไม่รั้งไว้..ซึ่งก็หมายถึงกูไม่ตาม มึงก็รู้” พี่เซ็นตอบ  สิ้นคำพูดนี้ผมถึงกับยิ้มออกมาทั้งน้ำตา
“ก็ดี เพราะมึงก็น่าจะรู้เหมือนกัน..ว่าตลอดมากูไม่ใช่คนที่จะมาพูดบอกมึงว่า ตามไปสิ” พี่คิวย้อน
“กัส เป็นฝ่ายเลือกนะ..ไม่ใช่มึง อย่าสำคัญตัวนักสิสหาย” พี่คิวพูดแกมหัวเราะ
“ก็ดีแล้วหนิ อยากทำอะไรก็ตามใจ..เพราะทุกคนก็มีสิทธิ์เลือกด้วยกันทั้งนั้น” พี่เซ็นพูดส่งๆ
“ไปนะ” พี่เซ็นว่าหลังจากนั้นผมก็ได้ยินเสียงประตูปิดลงเสียงดัง
“กัส” พี่ฟ้าเรียก
“ฮ..ฮะ” ผมขานตอบเสียงเบาเพราะปรับน้ำเสียงไม่ทัน  ด้วยเหมือนมีอะไรติดอยู่ตรงลำคอทำให้น้ำเสียงเครือไปหมด
“โอเคนะ” พี่ฟ้าถาม
“ฮะ อยู่แล้ว” ผมตอบยิ้มๆน้ำตาคลอ
“กัส..ยอมรับได้ใช่ไหมครับ”
“ครับ ไม่เป็นไรหรอกฮะ” ผมตอบ
“ไม่หรอก” อยู่ๆผมก็ได้ยินเสียงพี่คิวพูดแทรกขึ้น
“ถามกัสสิว่าตอนนี้อยู่ไหน” พี่คิวพูด
“กัสอยู่ไหนครับ” พี่ฟ้าถาม
“อยู่บ้านฮะ” ผมตอบ
“ฮัลโหล..อยู่บ้านใช่ไหม งั้นรีบไปที่คอนโดไอ้หมีเดี๋ยวนี้อย่างเร็วที่สุดจะได้ไหมล่ะ” พี่คิวบอก
“เอ๊ะ” ผมอุทานอย่างไม่เข้าใจ
“พี่ว่า พี่ยังไม่หมดสนุกน่ะ..หึ” พี่คิวหัวเราะชอบใจ
“ไอ้คิว แกคิดไรอยู่เนี่ย..บอกด้วยสิ สนุกคนเดียวได้ไง” เสียงของพี่ฟ้าแทรกเข้ามา
“พี่ก็รับปากอะไรไม่ได้หรอกนะ..อะไรก็ไม่แน่นอนทั้งนั้น แต่..คบกับมันมาจะยี่สิบปีแล้ว พี่คิดว่า..ถ้าสมองมันจะช้า มันก็คงจะคิดได้ไม่เกินวันนี้ หรือถ้ามันจะไม่ใช่อย่างที่พี่คิดไว้..พี่ก็จะขอโทษกัส ที่ตอนนี้พี่ดันมารู้สึกสนุกบนความทุกข์ของกัสน่ะนะ” พี่คิวพูด
“และถ้าจะให้ดี กัสควรรีบไปคอนโดหมีเดี๋ยวนี้..ส่วนหมี พี่จะจัดการเอง โอเคนะครับ”
“แต่ว่า” ผมอ้ำอึ้งเพราะยังไม่เข้าใจที่พี่คิวสื่อเลย
“ช่วยทำตามที่บอก เถอะครับ” พี่เขาบอกอีก
“ได้ฮะ กัสจะไปเดี๋ยวนี้” ผมบอกก่อนที่ผมจะตัดสายผมได้ยินพี่คิวและพี่ฟ้าท้าว่าจะพนันกัน  แต่ผมก็ไม่อยากสนใจถ้าพวกพี่เขาอยากจะทำอะไรกันก็ทำไปเถอะครับ  เพราะตอนนี้อยู่ๆมันก็เหมือนไฟมาลนอยู่ที่ก้น  ทั้งทั้งที่ผมก็ไม่เข้าใจว่าพี่คิวหมายถึงอะไรแต่ผมกลับร้อนรนไปหยิบกระเป๋าและของสำคัญก่อนจะวิ่งลงมาตามลุงฉัตรให้นำรถออกในทันที  เมื่อถึงหน้าปากซอยผมก็พบว่ารถติดมาก  ใจผมเริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเพราะพี่คิวบอกว่าให้ผมรีบไป  รีบในที่นี้ผมไม่รู้ว่าต้องรีบขนาดไหน  แต่เมื่อพบว่ารถติดใจยิ่งว้าวุ่นกว่าเดิม  ผมบอกให้ลุงฉัตรส่งเพียงแค่หน้าปากซอยและผมก็เรียกรถวินมอเตอร์ไซด์บอกว่าจะไปที่คอนโดของพี่หมี  วินมอเตอร์ไซด์คงเห็นสีหน้าผมที่ร้อนรน  พี่เขาถามผมว่า “รีบเหรอน้อง” ผมได้เพียงแต่พยักหน้าตอบแค่นั้น  บอกตามตรงว่าเกิดมาในชีวิตผมขึ้นมอเตอร์ไซด์วินนับครั้งได้  ยิ่งเข็ดแล้วใหญ่เมื่อเคยลองขึ้นรถเมล์แล้วตกรถเมล์เมื่อคราวนั้น  ถ้าใครได้มารู้สาเหตุว่าทำไมผมถึงลองขึ้นรถเมล์ดู  ทุกคนคงจะอึ้งและขำเป็นแน่  ตอนนั้นผมไม่รู้ว่าทำไมพี่เซ็นถึงชอบตามจีบเค้ก  วิถีชีวิตที่เค้กเป็นทำให้ผมอยากลองเป็นดูบ้างแต่แล้วผมก็รู้ตัวว่าผมไม่ควรเปลี่ยนตัวเองถ้านั่นไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของผม  และตลอดมาผมก็ปิดเรื่องที่ผมต้องการเรียนรู้การขึ้นรถเมล์มาตลอด 
พี่คนขับมอเตอร์ไซด์ขับรถเร็วมากทั้งทั้งที่ผมไม่ได้บอกให้เขาขับเร็วขนาดนั้น  ซึ่งผมไม่รู้หรอกนะครับว่าพี่เขาขับเร็วเป็นปกติอยู่แล้วหรือเพราะเห็นสีหน้าของผมไม่ดีกันแน่  ใช้เวลาไม่ถึงยี่สิบนาทีก็มาถึงหน้าคอนโดของพี่หมี  ผมหยิบเงินให้พี่เขาไปสามร้อยบาทเพราะมีเศษเงินอยู่เท่านั้นโดยไม่คิดจะถามว่าเท่าไหร่และไม่มีกะจิตกะใจจะรับเงินทอนด้วย  เมื่อผมให้เงินพี่เขาเรียบร้อยผมก็รีบวิ่งเข้ามาถึงหน้าเคาร์เตอร์ต้อนรับผมเห็นพี่หมียืนอยู่  ผมหยุดชะงักตรงหน้าพี่เขา
“ไปครับ” พี่หมีเข้ามาจับมือผมไปเหมือนพี่เขายืนอยู่ตรงนี้เพื่อรอผมอยู่แล้ว  ผมเดินตามพี่หมีไปอย่างว่าง่าย
“พี่คิวกับพี่ฟ้าจะทำอะไรเหรอฮะ กัสงงไปหมดแล้ว” ผมถาม  พี่หมีไม่ตอบแต่หันกลับมายิ้มให้ผม
“มาทำเรื่องไม่เป็นเรื่อง ให้เป็นเรื่องกันเถอะ” พี่หมีพูดลอยๆ  เมื่อถึงชั้นของห้องพี่หมี  พี่เขาก็ลากผมเข้ามาในห้องทันที 
“เอ๊ะ พี่หมีฮะ” ผมร้องโวยวายเมื่อพี่หมีนำกระเป๋าของผมเหวี่ยงไปที่โซฟาก่อนจะจับเอวผมแล้วเลิกชายเสื้อขึ้น  ผมดิ้นแล้วรีบรั้งเสื้อไว้ก่อน
“จะทำอะไรอ้า~” ผมร้องถาม  ผมยังคงไม่เข้าใจและรู้สึกกลัวขึ้นมา
“แก้ผ้าไง” พี่หมีไม่พูดเปล่าแต่กลับถอดเสื้อยืดของตัวเองออกพร้อมกับเหวี่ยงไปที่โซฟาอีก  ผมตาค้างมอง  อยู่ๆพี่หมีก็หัวเราะลั่นชักดิ้นชักงอไปมา  ผมกอดตัวเองไว้ด้วยรู้สึกว่าตัวเองเริ่มไม่ปลอดภัยเพราะพี่หมีเป็นบ้าไปแล้ว
“พี่หมี!” ผมขึ้นเสียงปราม
“โอเคๆ ก็หน้ากัสแม่งโคตรตื่นอ่ะ” พี่หมียังคงหัวเราะไม่หยุด  ผมยืนหน้างอเพราะรู้สึกไม่ชอบใจ
“จะทำอะไรล่ะ ไม่บอกแล้วกัสจะรู้เรื่องไหมเนี่ย” ผมเริ่มโวยวายเพราะเหมือนมีเพียงผมคนเดียวที่ไม่รู้เรื่องราวกับเขาเลย
“ก็บอกว่าแก้ผ้าไง” พี่หมียิ้มตอบ
“แล้วทำไมต้องแก้ด้วย” ผมขึ้นเสียงไม่หยุด
“ก็เผื่อ ไอ้เชฟสุดที่รักนั่นจะโผล่หัวมา” พี่หมีแสยะปากพร้อมกับยักไหล่ด้วยท่าทางเหมือนไม่ชอบใจ  ผมเงียบและกำลังใช้ความคิด  ผมใช้เวลาเดินทางจากบ้านมาถึงที่นี่ก็เกือบยี่สิบนาที  ถ้ารวมๆเวลาที่ได้คุยโทรศัพท์กับพี่ฟ้ากับเวลาที่ออกมาจากบ้านมันก็เกือบจะชั่วโมงอยู่แล้ว  ถ้าพี่เซ็นจะมาที่นี่พี่เขาก็คงจะต้องถึงที่นี่ก่อนผมสิครับ
“อะไร” พี่หมีถามขึ้น
“ไม่ทำดีกว่าฮะ กัส..ไม่อยากเล่นแล้ว” ผมพูดเพราะรู้สึกไม่สนุกด้วย
“กัส นี่มันไม่ใช่การเล่น” พี่หมีพูดพร้อมกับเข้ามาจับมือผมไป
“กัสกลัว” ผมเงยหน้าบอก  ถ้าพี่เขาไม่มาล่ะ..ถ้าพี่เขาไม่คิดจะตามมาอย่างที่พูดเมื่อกี้ผมจะเป็นอย่างไร
“ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย มันจะดีขึ้น..เชื่อเถอะนะครับ ถ้าพี่เค้าไม่มา..ก็ช่างหัวเค้าสิ ยังไงกัสก็ยังมีพวกพี่อยู่นะ” พี่หมีลูบแก้มผมอย่างอ่อนโยน
“แก้ผ้าซะ” อยู่ๆพี่หมีก็เปลี่ยนโหมดเป็นสีหน้าเจ้าเล่ห์แถมยังสั่งด้วยน้ำเสียงแข็งอีกต่างหาก 
“บ้า!” ผมตีแขนพี่หมีด้วยความหมันไส้ที่ยังมีอารมณ์มาแกล้งกันอยู่ได้
“กัสจะไปถอดในห้อง” ผมบอกเสียงเบา  พี่หมียิ้มตอบเล็กน้อย  ผมเดินเข้ามาในห้องนอนของพี่หมีก่อนจะนำผ้าขนหนูของพี่หมีมาพันตัวไว้
“มันไม่สมจริง กัสถอดออกสิ” พี่หมีเดินเข้ามาจะจับผมถอดกางเกง  ผมเบี่ยงตัวหนีเพราะพี่หมีดันมาทำหน้าตาจริงจังใส่
“กัสถอดเองด้ายยย..พี่หมีออกไปเลย ทะลึ่งจริงๆ” ผมผลักออก  พี่หมีหัวเราะร่าก่อนจะเดินกลับไปที่เตียง  ผมถอดเสื้อผ้าออกหมดและกองมันไว้อย่างนั้น  บนตัวมีเพียงกางเกงใน  พี่หมีนำผ้าห่มมาคลุมตัวให้ผม
“เอาผ้าขนหนูออกมา” พี่เขาสั่ง  ผมเลยจับดึงผ้าขนหนูออกจากตัวแล้วยื่นไปให้  พี่หมีอมยิ้มและรับไปก่อนจะนำกลับไปตากที่ราวเหมือนเดิม
“สมจริงดีนะ..จุ๊บ~” พี่หมีไม่พูดเปล่าแต่กลับก้มลงมาหอมแก้มผมซะงั้น  ผมยืนทำหน้าเซ็ง  ทั้งพี่ฟ้า  ทั้งพี่คิวรวมไปถึงพี่หมีสงสัยท่าจะเป็นโรคเดียวกันไปหมดแล้ว  ผมเดินไปนั่งลงที่ปลายเตียงทั้งอย่างนั้น  พี่หมีเดินไปเดินมาโดยมีเพียงกางเกงยีนตัวเดียว
“มันจะได้ผลเหรอฮะ” ผมบ่นพึมพำ  บอกตามตรงว่าไม่มีอะไรที่จะสามารถสร้างความมั่นใจให้ผมได้เลย
“ถ้าจะได้ผล..ก็ไม่ใช่เพราะทำอย่างนี้แล้วจะได้ผลหรอก” พี่หมีตอบส่งๆระหว่างที่พูดก็ไม่ได้หันมามองที่ผมเลย
“ผลน่ะ มันอยู่กับเจ้าตัวต่างหากล่ะ..เราทำได้แค่นั่งรอผลก็เท่านั้น”
“สิ่งที่เรากำลังทำตอนนี้ เรียกว่า..สั่งสอนพวกชอบใช้ความคิดในการคำนวณผลนานๆน่ะนะ” พี่หมีอมยิ้มเล็กน้อย
“ในเมื่อพี่เป็นคนยอมถอยก่อน คุณเชฟ..ก็ควรจะได้รับบทเรียนอะไรบ้าง” พี่หมีแสยะยิ้ม  ผมก้มหน้าอย่างเข้าใจ  มันก็ถูกอย่างที่พี่เขาว่า  ไม่ใช่ทำอย่างนี้แล้วจะได้ผลเมื่อไหร่  การตัดสินใจต้องขึ้นอยู่ที่พี่เซ็นทั้งนั้น  แต่คำพูดที่ออกมาจากปากพี่เซ็นที่ว่า “กูไม่รั้งไว้..ซึ่งก็หมายถึงกูไม่ตาม” นั่นทำให้ผมรู้สึกว่าตัวผมแทบไม่มีค่าพอให้พี่เขาต้องตาม  ผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆมันยิ่งทำให้ผมรู้ว่าผลจะเกิดขึ้นอย่างไร  แม้ภายในก้นบึ้งของหัวใจผมกำลังภาวนาให้พี่เขามาก็ตามแต่นั่นละนะครับ..ผมคงกำลังนั่งเข้าข้างตัวเอง
เวลาผ่านไปร่วมครึ่งชั่วโมง  ยิ่งเวลาผ่านไปนานยิ่งทำให้ความมั่นใจลดต่ำลงเรื่อยๆ  มันคล้ายกับว่าความหวังที่เห็นเดินถอยหลังและเริ่มเลือนราง  พี่หมีเดินมาอยู่ตรงหน้าผมไม่พูดอะไรแต่วางมือลงบนหัวผมเบาๆก่อนจะเกลี่ยผมของผมอย่างเบามือ 
“แล้วมันจะผ่านไป” พี่หมีพูดด้วยน้ำเสียงและสีหน้าอ่อนโยน  ผมยิ้มน้ำตาคลอ


ติงต๊อง~


ผมสะดุ้งด้วยความตกใจและในแวบหนึ่งของหัวใจผมรับรู้ได้ถึงความดีใจนั่น  ตาของผมเบิกโพรง  พี่หมียิ้มกว้างกว่าเดิมแต่กลับเป็นรอยยิ้มที่ผมรู้สึกว่ามันเศร้าเหลือเกิน


ติงต๊อง ๆ  ๆ  ๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-10-2012 09:25:47 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15
Re: ~Limited Lovers~ ตอนที่11 - Lover..3 [28/09/55 @ 10:05] P.315
«ตอบ #9518 เมื่อ02-10-2012 09:14:44 »

เสียงกริ๊งห้องกดรัวเหมือนกับอีกฝ่ายกับกำลังร้อนรนอะไรอยู่สักอย่าง  พี่หมีเดินออกจากห้องไปอย่างช้าๆ  ผมลุกขึ้นยืน  ใจผมเต้นแรงมากมันทั้งดีใจกระทั่งสับสนด้วยรู้สึกกลัวว่าคนที่กดกริ๊งนั่นไม่ใช่คนๆนั้นผมจะทำตัวอย่างไรดี  ผมควรจะใส่เสื้อผ้าแล้วพอกับเรื่องที่กำลังทำอย่างบ้าบอนี่ด้วยหรือเปล่า
“.................” ผมที่กำลังจะเดินไปที่ประตูห้องนอน  สายตากลับสะดุดเข้ากับสิ่งๆหนึ่งที่วางอยู่บนชั้นวางหนังสือของพี่หมี  ผมหยุดอยู่ที่ด้านหน้าเอกสารนั่นก่อนจะหยิบมันขึ้นมาดูอย่างช้าๆ  เอกสารข้อสัญญาการรับทุนการศึกษาต่อของบริษัทเพชรของน้องสาวพี่คิว  ทั้งฉบับภาษาไทยและภาษาอังกฤษที่ได้กรอกข้อมูลไว้เรียบร้อยหมดแล้ว  รวมไปถึง..ลายเซ็นต์ของพี่หมีที่ได้ลงนามตกลงข้อสัญญาไว้แล้วเรียบร้อยเช่นกัน  ผมบอกได้ว่าผมรู้สึกใจหาย  เอกสารนี้เหมือนกำลังย้ำเตือนผมว่า  สิ่งที่ผมทำนั้นถูกต้องที่สุดแล้วและผมไม่ควรหวั่นไหวอีกต่อไป  ใช่..ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น  ผมก็จะยอมรับอย่างเข้มแข็งให้ได้


ปึก !!


ด้วยความตกใจที่ผมได้ยินเสียงดังมาจากข้างนอก  คล้ายกับใครกำลังกระทบกระทั่งกันอยู่  ผมรีบวิ่งออกไปโดยมีผ้าห่มคลุมตัวเองไว้อย่างนั้นอย่างไม่ทันได้ยับยั้งคิดก่อน
“..พี่เซ็น” ผมอุทาน  เมื่อเห็นว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าใช่พี่เซ็นจริงๆ
“กัส” พี่เซ็นชะงัก  ตาเบิกโพรงมองมาที่ผม
“ไอ้หมี!” พี่เซ็นตะคอกเสียงดัง  สิ้นเสียงดุดันนั่นพี่เซ็นก็ปรี่เข้าไปหาพี่หมีในทันที  พี่เซ็นปล่อยหมัดเข้าที่หน้าพี่หมีอย่างจังจนพี่หมีตัวเซไปชนกับโต๊ะอาหาร  เมื่อพี่หมีตั้งหลักได้พี่เขาก็พุ่งเข้าหาพี่เซ็น  ทั้งสองคนต่อสู้กันอย่างกับไม่เห็นว่าผมยืนอยู่ตรงนี้
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!” ผมพยายามตะโกนให้น้ำเสียงมีอำนาจ 
“หยุดนะ!!” ผมรวบรวมพลังที่มีตะโกนออกไปสุดเสียงอีกครั้งเพราะทั้งสองคนไม่มีใครคิดจะหยุดทำตามคำสั่งของผมเลยสักคน  ทั้งพี่หมีและพี่เซ็นยังไม่มีใครยอมใคร  ผมเห็นท่าไม่ดีเพราะตอนนี้พี่เซ็นกำลังเสียเปรียบ  ผมทำตัวไม่ถูกเพราะโดยปกติถ้าใครทะเลาะกันผมจะไม่เข้าไปยุ่มย่ามด้วยเพราะกลัวลูกหลง  แต่สถานการณ์นี้ถ้าผมไม่เข้าไปห้ามคงจะมีคนตายเกิดขึ้นแน่ๆ  ผมเดินเข้าไปในครัวเห็นหม้อสแตนเลสใบถนัดมือผมจึงหยิบมันออกมา  เมื่อออกมาถึงจุดเกิดเหตุทั้งสองคนก็ยังคงต่อสู้กันไม่หยุด


โป๊ก !


โป๊ก !!


“โอ้ยยยยยยยย ซี๊ด..โอ ย” เสียงร้องโอดครวญจากทั้งสองคนเพราะผมฟาดลงไปที่หัวของทั้งพี่หมีและพี่เซ็นเต็มแรง
“อ่ะ..เจ็บ เจ็บโว้ย” พี่เซ็นร้อง  มือกุมหัวตัวเองทั้งสองมือ  ทั้งพี่หมีและพี่เซ็นนอนกุมหัวตัวเองอยู่บนพื้นอย่างหมดฤทธิ์
“ก็..ก็กัดกันอยู่ได้อ่ะ เป็นหมารึไงฮะ” ผมว่าก่อนจะวางหม้อลงบนโต๊ะ  เวลาผ่านไปประมาณห้านาทีเหมือนทุกคนต่างก็มีสติขึ้น  พี่เซ็นและพี่หมีลุกขึ้นนั่งมองหน้ากัน  ผมเริ่มใจเต้นแรงอีกครั้งเมื่อเห็นว่าทั้งสองคนจ้องเหมือนต่างฝ่ายต่างกำลังอ่านกันอยู่
“ผมจะพูดในฐานะผม ส่วนพี่ก็พูดในฐานะพี่..ไม่มีหน้าที่ ไม่เกี่ยวกัน” พี่หมีพูดขึ้นเสียงเรียบ
“เฮอะ” พี่เซ็นแสยะหัวเราะทันที  ท่าทางของพี่เขากวนส้นเท้าเป็นที่สุด
“มาบอกหลังจากชกกูแล้วเนี่ยนะ” พี่เซ็นพูด
“พี่ชกผมก่อน” พี่หมีตอบ
“นั่นสิ เจ๊ากันไปก็แล้วกัน..เพราะมึงกวนกูก่อน” พี่เซ็นย้อนกลับมาหน้านิ่งอีกครั้ง  พี่เซ็นเหลือบมามองผมจนทำให้ผมสะดุ้งกับสายตานั่น  พี่เซ็นกวาดตามองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า  ผมรู้สึกไม่ดีเลยกอดผ้าห่มเข้ากับตัวเองมากขึ้น  ผมไม่กล้าที่จะพูดแก้ตัวออกไปว่ามันไม่ใช่อย่างที่พี่เซ็นคิด  แต่ผมก็ไม่กล้าพูดเพราะผมไม่รู้ว่าผมควรจะทำตัวอย่างไรถึงเข้ากับเหตุการณ์นี้
“ขอร้องว่าอย่าให้กูเดาว่ามึงทำอะไรกัส” พี่เซ็นพูดเสียงเย็น
“หึ..ผมก็เคยเดาแฮะ อะไรแบบนั้น” พี่หมีย้อนด้วยท่าทางกวนกลับ
“เวลาแก้ผ้านี่ เค้าต้องทำอะไรกันเหรอครับ” พี่หมีหันกลับไปมองหน้าพี่เซ็น
“ไอ้หมี มึง..ไอ้เหี้ย” พี่เซ็นไม่ว่าเปล่าในขณะเดียวกันก็พุ่งปล่อยหมัดเข้าใส่พี่หมีเต็มแรง  พี่หมีล้มลงกับพื้นนิ่งไปและไม่ได้ต่อสู้กลับ 
“มึงอย่ามากวนส้นตีนกู ได้ไหม” พี่เซ็นพูดเสียงแข็งทั้งอย่างนั้นก็ไม่ได้ชกพี่หมีอีก  พี่หมีนอนอมยิ้มตาลอย
“.................” พี่หมีเหลือบมองหน้าพี่เซ็น  พี่เซ็นเองก็จ้องหน้าพี่หมีกลับเช่นเดียวกัน  ทั้งสองคนจ้องกันอยู่นานมาก  พี่เซ็นปล่อยมือออจากคอเสื้อของพี่หมีแต่พี่หมียังคงนอนนิ่งอยู่บนพื้นอย่างนั้น  พี่หมีเหลือบสายตาขึ้นมองผมที่ยืนอยู่พร้อมกับส่งยิ้มให้
“ให้ตายสิ มึงไม่ได้ทำหรอกใช่ไหม” พี่เซ็นพูดเสียงเรียบ  พี่หมีไม่ตอบเพียงแต่หัวเราะในลำคอ
“มึงไม่ทำหรอก” พี่เซ็นย้ำพูดก่อนจะกลับไปนั่งอย่างเดิม  พี่เขาหันหน้าหนีไปอีกทางก่อนจะถอนหายใจแรง
“นั่นสิ” พี่หมีพูดตอบเสียงเบา
“ไอ้คิวใช่ไหม ความคิดเหี้ยๆอย่างนี้ต้องมันแน่ๆ” พี่เซ็นบ่นพึมพำคนเดียวเหมือนไม่ได้ต้องการคำตอบ
“หึ พี่นี่รู้ใจคนอื่นดีกว่าใจตัวเองอีกนะครับ” พี่หมีย้อนตอบ  ผมมองทั้งสองคนที่กลับมาพูดคุยกันได้อย่างมีสติถึงแม้ว่าน้ำเสียงจะยังคงเหมือนประชดประชัดกันอยู่ก็ตาม
“แน่ล่ะ..กูรู้จักมันมากกว่ารู้จักตัวกูเองด้วยซ้ำ” พี่เซ็นแสยะหัวเราะอย่างขอปัดไปที  พี่หมีลุกขึ้นนั่ง
“โอเค ขอคำตอบหน่อยก็แล้วกันนะครับ..พวกเรามีเวลาไม่มากพอ” พี่หมีพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังขึ้นมา
“พี่มาทำไม” พี่หมีถามพร้อมกับสายตาที่จ้องไปที่พี่เซ็นเขม็งเหมือนเป็นการขู่ขอคำตอบอย่างนั้น
“ฉันมาขอคนของฉันคืน..” พี่เซ็นจ้องตอบ
“หึ พูดง่ายไปมั้งครับ..ถ้าผมบอกว่า ไม่ให้ล่ะ” พี่หมีหัวเราะด้วยท่าทางกร้านโลกใส่อีกฝ่าย
“................” พี่เซ็นไม่ตอบอะไรแต่เอาแต่มองพี่หมีเหมือนไม่สบอารมณ์
“พี่น่ะ มาก็ง่าย..พูดก็ง่าย ง่ายซะจนหน้าหมันไส้จริงๆ” พี่หมีแสยะหัวเราะ  พี่เซ็นนิ่งไป
“ถ้ากัสรักผม ผมก็จะไม่ปล่อยไปให้ใครหน้าไหนทั้งนั้น..พี่เองก็จะไม่มีสิทธิ์แม้แต่ปลายเล็บด้วย” พี่หมีพูด  พี่เซ็นหลับตาลงเหมือนกำลังต้องการระงับสติอารมณ์ของตนเอง  ผมใจเต้นแรงไม่รู้ว่าพี่หมีพูดอย่างนั้นออกไปเพื่อต้องการทดลองอะไร  และผมก็ไม่คิดจะห้ามเพราะตอนนี้รู้สึกว่าปากตัวเองนั้นหนักไปหมด  ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอะไรควรพูดหรืออะไรไม่ควรพูด
“แต่กัสไม่ได้รักผมนี่สิ ผมต่างหากที่ไม่มีสิทธิ์ หึ..ตลกชะมัด” พี่หมีพูดปัดก่อนจะลุกขึ้นยืน  พี่เซ็นมองตาม  ผมเองก็ด้วย  พี่หมีหันกลับมามองหน้าผมก่อนจะยิ้มกว้างให้อีกครั้ง
“โอกาสพี่มีแค่ตอนนี้เท่านั้น” พี่หมีหันกลับไปพูดบอกพี่เซ็นโดยใบหน้าไร้รอยยิ้มทีเล่นทีจริงอีก
“พี่น่ะ..จะเลือกได้ก็แค่วันนี้ เพราะวันพรุ่งนี้มันจะเป็นวันของพวกผม..ฝากน้องผมด้วยก็แล้วกันครับ”
“เชิญ..แค่ให้ยืมห้องเท่านั้นนะ” พี่หมีพูดปัดพร้อมกับโบกมือให้  อยู่ๆพี่หมีก็เดินออกจากห้องไปเลย  ผมมองตามแต่ขามันก็แข็งไปหมด  พี่เซ็นลุกขึ้นยืนและเดินตรงดิ่งมาหาผมทันที
“โอ้ย” ผมร้องด้วยรู้สึกเจ็บที่อยู่ๆพี่เซ็นก็เข้ามากระชากแขนผมอย่างแรง
“เจ็บฮะ” ผมบอกแต่พี่เซ็นไม่ฟังเสียง  พี่เขาดึงแขนผมให้เดินตามเข้าไปในห้องนอนของพี่หมี
“แต่งตัว” พี่เซ็นพูดเสียงเย็นพร้อมกับก้มลงหยิบเสื้อผ้าที่กองอยู่บนพื้นห้องขึ้นมา  ผมเงอะงะเพราะทำตัวไม่ถูกและปรับอารมณ์ไม่ทันด้วย
“แต่งตัวซะ!” ผมสะดุ้งด้วยความตกใจที่อยู่ๆพี่เซ็นก็หันมาตะคอกใส่  ผมหยิบเสื้อผ้ามากอดไว้
“ย..อย่ามาขึ้นเสียงใส่กัสนะ” ผมว่ากลับตะกุกตะกักเพราะอีกใจก็กลัวเหมือนกัน
“จิ..เอาออกสิ” พี่เซ็นพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเหมือนบอกให้ผมนำผ้าห่มที่คลุมตัวอยู่ออก  พี่เขาไม่พูดเปล่าแต่กลับพยายามจะดึงผ้าห่มออกจากตัวผมด้วย  ผมรู้สึกอายจึงพยายามยื้อผ้าห่มไว้
“ปล่อยเดี๋ยวนี้..ปล่อย” พี่เซ็นว่าและกระชากผ้าห่มออกจากตัวผมได้สำเร็จ  ผมยืนกอดตัวเองโดยพยายามปิดส่วนสำคัญไว้เพราะเมื่อพี่เซ็นกระชากผ้าห่มและเหวี่ยงออกไปทางอื่นได้แล้วพี่เขาก็ยืนจ้องตัวผมตั้งแต่หัวจรดเท้า
“ตกลงไม่ได้ทำใช่ไหม” อีกฝ่ายพูดเสียงเรียบ
“ก็ไม่ได้ทำน่ะสิ!” เมื่อได้ทีผมจึงกระแทกเสียงกลับบ้าง
“ชิ” พี่เซ็นยืนเท้าเอวพร้อมกับจิปากเหมือนนึกอะไรขึ้นได้
“แต่งตัวสิ หรือจะต้องให้ใส่ให้” อีกฝ่ายว่า  ผมไม่รู้ว่าผมหน้าแดงรึเปล่า  แทนที่ผมจะมีความรู้สึกโกรธ  น้อยใจพี่เขามากกว่านี้แต่ทำไมความรู้สึกเขินอายมันมีมากกว่าก็ไม่รู้นะครับ  ผมรีบแต่งตัวอย่างลวกๆโดยมีพี่เซ็นยืนมองอยู่ทุกการกระทำ  สายตาของพี่เขาเหมือนพยายามเร่งให้ผมแต่งตัวเร็วขึ้น  เมื่อผมแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยพี่เซ็นก็เดินไปหยิบกระเป๋าของผมและจับแขนผมเดินออกมา
“ค..คือ” ผมกระตุกแขนตัวเองและหยุดเดิน  พี่เซ็นหันกลับมามอง
“คือกัส” ผมอ้ำอึ้ง  ความรู้สึกตอนนี้มันบอกไม่ถูก  เหมือนกับผมยังทิ้งตรงนี้ไปไม่ได้
“ขอโทษนะ สำหรับเรื่องทุกอย่างที่ผ่านมา” พี่เซ็นพูด  ผมน้ำตาคลอ
“..กัส ไม่เคยโกรธหรอกฮะ” ผมยิ้มตอบเล็กน้อย
“ยกโทษให้พี่จะได้ไหม” พี่เขาพูดอีก  หัวใจของผมพองโตทันทีที่ได้ยิน  มันคล้ายกับประโยคบอกรัก  ซึ่งถึงมันไม่ใช่แต่มันกลับทำให้หัวใจผมเต้นตึกตักอย่างห้ามไม่อยู่
“................” ผมก้มหน้าลงเล็กน้อยและรับรู้ได้ถึงแรงจากพี่เซ็นที่บีบข้อมือผมมากขึ้น
“ก็บอกแล้วไงครับว่าไม่เคยโกรธ แต่..”
“ขอกัสรอพี่หมี จนกว่าพี่หมีจะกลับมาก่อน..ได้ไหมครับ” ผมพูดออกไป  ทั้งทั้งที่ก็รู้สึกกลัวว่าพี่เซ็นจะไม่อนุญาต  กลัวว่าพี่เขาจะเข้าใจผิด  รวมไปถึงกลัวว่าพี่เซ็นเองจะไม่หยุดเพื่อรอผม..ทุกอย่างทำให้ผมกลัวไปหมด  พี่เซ็นเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ
“ได้สิ พี่จะไปรอที่ล็อบบี้แล้วกัน” พี่เซ็นบอก  ผมเงยหน้ามอง  พี่เซ็นพยักหน้าให้ก่อนจะปล่อยข้อมือผมแล้วเดินออกไป  ผมยืนอยู่อย่างนั้นไม่ถึงสิบนาทีพี่หมีก็เดินเข้ามา  ผมรีบวิ่งตรงเข้าไปกอดพี่เขาในทันที  พี่หมีเองก็กอดผมตอบแน่นเหมือนเราจากกันไปนานแล้วอย่างนั้น  เรายืนกอดกันอยู่นานมากเกือบห้าถึงสิบนาทีได้  ต่างฝ่ายต่างลูบหลังของกันและกันอย่างปลอบโยน
“ไม่ร้องสิ หึ..ร้องทำไม” พี่หมีลูบน้ำตาที่แก้มผมอย่างทะนุถนอม  ผมยิ้มกว้างให้ทั้งน้ำตา
“กัสขอโทษ” ผมพูดเสียงเครือ
“เมื่อไหร่ถึงจะเลิกพูดคำนี้สักที พี่ขอซื้อได้ไหม..ขายเท่าไหร่ครับพี่จะทุ่มหมดตัวเลย” พี่หมีพูดติดตลก
“ไม่ขาย” ผมซุกเข้าที่อกของพี่หมีอีกครั้ง  พี่หมีกอดผมแน่น
“พี่น่ะ สบายใจแล้ว..จริงๆนะ” พี่หมีพูด
“เรามาเริ่มต้นกันใหม่เถอะนะครับ” ผมได้แต่ยืนฟังเพราะยังคงสะอึกสะอื้นไม่หยุด
“ขอบคุณสำหรับที่ผ่านมา..ขอบคุณจริงๆ” พี่หมีพูดแทบกระซิบ  ผมเงยหน้าขึ้นมอง  พี่หมีก้มลงหอมที่หน้าผากผมเบาๆ  ผมหลับตาลงและรับรู้ถึงความอ่อนโยนจากคนๆนี้  ผมเอื้อมมือขึ้นลูบแก้มพี่หมีทั้งสองมือ
“รีบไปเถอะครับ พี่เค้ารออยู่” พี่หมียิ้มบอก  ผมพยักหน้า  พี่หมีปล่อยผมออก  ผมเดินออกมาโดยที่ต่างฝ่ายต่างไม่มีใครรั้งใครไว้อีก  เมื่อกำลังจะเดินถึงประตูห้อง  ผมหันหลังกลับไปมองพี่หมีอีกครั้ง  พี่เขายืนหันหลังโดยไม่ได้หันมามองผม  ผมหยุดยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น
“กัสน่ะ..” ผมเอ่ยขึ้น  น้ำตาเริ่มไหลลงอีกครั้ง  ปากของผมสั่นไปหมดทั้งทั้งที่ผมพยายามควบคุมมันให้เป็นปกติเพื่อที่พี่หมีจะได้ไม่เป็นห่วงผมที่ชอบขี้แยบ้าบออย่างนี้
“ไม่เคยโกรธพี่ ไม่ว่าพี่จะทำอะไร..และได้โปรดอย่านึกว่านั่นเป็นความผิดที่พี่มีต่อกัสเลยนะฮะ” ผมพูดบอก
“กัสเองต่างหากที่ทำตัวไม่เป็นน้องอย่างที่ควรจะทำให้พอดี อย่าโทษตัวเองเลยนะครับ” ผมพูดเพราะผมไม่อยากให้พี่หมีฝังใจเรื่องที่ถูกพี่ฟ้าหรือพี่คิวต่อว่าในวันนั้น  ผมเข้าใจพี่หมีเพราะเรื่องของหัวใจใครก็มาบังคับให้เป็นไปตามที่อีกคนหนึ่งต้องการไม่ได้  ผมอยากให้ต่างฝ่ายต่างสบายใจแม้จะเลือกเดินไปข้างหน้าแม้จะต้องฝืนใจบ้างก็ตาม  แต่ผมคิดว่าทั้งผมและพี่หมีเองก็เลือกแล้ว..เราควรเลือกสิ่งที่ดีกว่าในตอนนี้  เพราะมันควรจะต้องผ่านช่วงเวลาคลุมเครือนี้ไปเสียที
“เพราะพี่หมีน่ะเป็นพี่ชายที่มากกว่าพี่ก้องเป็น และเป็นคนพิเศษมากกว่าที่พี่เซ็นจะเป็นได้” ผมพยายามพูดเรียบเรียงประโยคให้เป็นปกติ
“อึก เพราะพี่..เป็นพี่คนสำคัญนะฮะ”
“สำคัญ มากกว่าใคร” ผมบอก  พี่หมีหันกลับมายิ้มให้  น้ำตาของพี่หมีที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าและรอยยิ้มที่แสนอ่อนโยนนั่นทำให้ผมยิ้มกว้างตอบกลับไป 
“สำหรับพี่..กัสก็จะเป็นเหมือนกัน” พี่หมียิ้มตอบ  เราพยักหน้าให้กันเล็กน้อยก่อนที่ผมจะเดินออกมาจากห้อง  เป็นการก้าวเดินออกมาอย่างสบายใจที่สุดเท่าที่เคยมีมา  วันนี้คงจะเป็นวันที่ผมสบายใจและมีความสุขมากอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน  การที่ผมบอกพี่หมีไปว่าพี่เขาเป็นคนสำคัญ  ตลอดมาผมเคยถามตัวเองอยู่หลายครั้งว่าจัดพี่หมีให้อยู่ในฐานะอะไร  ผมเองไม่สามารถตอบได้เลย  แต่ทั้งนี้ผมกลับรู้สึกเป็นห่วงเป็นใยอย่างที่ผมก็เคยคิดว่าผมอาจจะรักพี่เขามากกว่าพี่น้องหรือเปล่า  แต่ความรู้สึกที่เราชอบกุ๊กกิ๊กกันมันตอบได้ทันทีว่าผมไม่ได้รู้สึกอะไรไปมากกว่านั้น  พี่หมีทำให้ผมรู้ว่าผมสามารถรักใครก็ไม่รู้ให้กลายมาเป็นคนที่ผมให้ความสำคัญเรียกว่า “พี่ชาย” มากกว่าพี่น้องที่คลอดตามออกมาจากท้องแม่เดียวกัน  พี่หมีมักใส่ใจผมในส่วนที่พี่ก้องหรือพี่เกตุไม่ได้ใส่ใจ..ผมเองก็เช่นเดียวกัน   ผมรักพี่หมีและให้ความสำคัญกับพี่เขาได้มากกว่าญาติของตัวเองเสียอีก  ผมเองก็รักพี่เกตุกับพี่ก้องมากแต่ผมกลับมีเส้นเขตแบ่งระหว่างพี่ทั้งสองคนที่แตกต่างจากพี่หมี  ผมไม่เคยคิดจะมีเส้นแบ่งกั้นระหว่างผมกับพี่หมีเลยถ้าพี่หมีไม่ห้ามปรามผมไว้  ผมยอมถ้าเป็นสิ่งที่พี่เขาต้องการ  ทั้งนี้ผมบอกได้เลยว่าไม่ว่าพี่หมีจะทำอะไรก็แล้วแต่ที่ผิดต่อผม  ผมก็คงจะโกรธพี่เขาไม่ลง  ผมเคยถามกับตัวเองว่าถ้าสักวันพี่หมีทำในสิ่งร้ายแรงต่อผม  ผมจะสามารถให้อภัยพี่เขาได้ไหม  น่าแปลกจริงๆว่าผมจะให้อภัยได้อย่างไม่มีข้อกังขาใดๆ  ซึ่งถ้าสักวันหนึ่งผมจะไม่มีพี่เซ็น..ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่  และไม่ว่าผมจะเจ็บปวดหรือต้องทรมานจากพี่เซ็นมากแค่ไหน  ผมคิดว่าถ้าผมทนพี่เขาไม่ได้..คำว่า “รัก” เองก็คงจะฉุดรั้งความสัมพันธ์นี้ไว้ไม่ได้เช่นกัน  และถ้าผมกับพี่เซ็นต้องจากกันไปผมค่อนข้างจะนึกภาพออกและนึกเผื่อไว้เสมอว่าถ้าสักวันมีวันนั้น  ผมก็ควรจะทำใจ  แต่กรณีนี้ไม่ใช่สำหรับพี่หมี..ผมอยากจะมีพี่เขาเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งในชีวิตของผมอย่างที่ไม่ว่าตัวเราจะห่างไกลกันแค่ไหน  หัวใจของเราจะได้รับการครอบครองโดยใครก็ตาม  ในทุกๆวันเราก็ยังมีกันและกัน  เป็นพี่น้องกัน..เป็นเพื่อนกัน  เป็นคนหนึ่งบนโลกที่มีอีกคนหนึ่งคอยให้ความสำคัญซึ่งกันและกันอยู่ตลอดเวลา  ผมยังมีพี่หมี  และแน่นอนว่าพี่หมีเองก็จะมีผมเสมอ..
ผมเดินออกมาจากห้องตรงไปที่ลิฟต์  ก็พบว่าพี่เซ็นยืนอยู่หน้าลิฟต์ไม่ได้ไปรอที่ล็อบบี้อย่างที่บอกไว้  พี่เซ็นผงะเล็กน้อยเมื่อเห็นผมเดินมา
“อย่างนี้ ดีแน่แล้วเหรอฮะ” ผมถาม  ผมรักพี่เขามากเช่นกัน  รักแบบที่อยากได้ความรักในเชิงชู้สาวตอบกลับมา  แต่ทั้งนี้ผมก็ยังไม่แน่ใจว่าพี่เซ็นเลือกที่จะเป็นผมดีแน่แล้วอย่างนั้นหรือเปล่า  หรือเพราะต้องการลองเล่นๆอีก
“ไม่รู้สิ” พี่เซ็นอมยิ้มเล็กน้อย  เป็นรอยยิ้มที่ไม่มีความเจ้าเล่ห์ใดๆปรากฏให้เห็น
“ไม่รู้เหมือนกันว่าจะดีหรือไม่ดี แต่..กัสจะช่วยมาพิสูจน์ด้วยกันหน่อยจะได้ไหม” พี่เซ็นพูด  สีหน้าของพี่เขาเหมือนไม่มั่นใจและเฝ้ารอคำตอบ  ใบหน้านี้ทำให้ผมรู้สึกเหมือนกับว่าผมได้ชัยชนะแล้วอย่างนั้น  ผมหัวเราะตอบเล็กน้อย
“กัสบอกไว้ก่อน..ว่ากัสน่ะ สามารถหยุดรักพี่เซ็นได้นะฮะ ดูแลมันให้ดีด้วย” ผมพูดไปอย่างนั้นเอง
“จะขู่กันรึไง” อีกฝ่ายแสยะยิ้มเล็กน้อย
“ใช่” ผมตอบเสียงเบา  พี่เซ็นหัวเราะก่อนจะเดินตรงเข้ามาพร้อมกับลูบแก้มผมและเช็ดคราบน้ำตาให้อย่างเบามือ
“กัส..จะไม่เดินจากไปใช่ไหม” พี่เซ็นจ้องตาผม  สายตาเหมือนต้องการค้นหาอะไรบางอย่าง 
“ก็ถ้าพี่จะรักกัส” ผมพูดออกไป  มันเป็นคำพูดที่ค่อนข้างน่าอาย  ผมเลยต้องเหสายตาหนีเล็กน้อย  ที่จริงผมไม่ได้ตั้งใจจะพูดออกไปอย่างนั้น  ใจที่ผมคิดคือ..ถ้าเมื่อไหร่ที่พี่เขาไม่ต้องการผมแล้ว  ผมจะไปเองต่างหาก
“หึ..”
“ตามมาขนาดนี้แล้ว คิดว่าไงล่ะ” พี่เซ็นพูดส่งๆก่อนจะหันกลับไปเอื้อมกดลิฟต์
“งั้น..งั้นก็พูดมาตรงๆสิฮะ” ผมคาดคั้นเพราะอย่างไรก็แล้วแต่ผมก็อยากได้ยินคำว่ารักออกมาจากปากคนคนนี้ตรงๆละนะครับ  พี่เซ็นน่ะไว้ใจได้ซะเมื่อไหร่..เจ้าเล่ห์ล่ะที่หนึ่ง  ผมไม่ได้อยากเสียตัวฟรีอีกรอบหรอกนะครับ
“ทีตัวเองยังไม่พูดเลยไม่ใช่รึไง” พี่เซ็นหันมาพูดย้อนกลับหน้ากวน  ผมชะงัก
“ก็ ก็..พูดไปเมื่อกี้ไง ก็รัก นั่นแหละ” ผมพูดเสียงเบาลงเรื่อยๆเพราะไม่อยากให้พี่เซ็นได้ยินชัดเจนเพราะผมกลัวว่าพี่เขาจะได้ใจไปมากกว่านี้
“พี่ล่ะ พูดสิ” ผมพูดเค้นเสียงดัง
“ไม่พูด” พี่เซ็นลอยหน้าลอยตา  ผมยืนหน้างอ  เมื่อลิฟต์เปิดออกพี่เซ็นก็เดินเข้าไปก่อน  ผมไม่เดินตามไปด้วยเพราะยังรู้สึกไม่ชอบใจอยู่  อีกฝ่ายยืนยิ้มไม่เลิกทั้งทั้งที่ก็เห็นว่าผมไม่สบอารมณ์ขนาดนี้ 
“ไปด้วยกันนะครับ” พี่เขาพูดพร้อมกับยื่นมือออกมาให้ผม  รอยยิ้มของพี่เซ็นที่อยู่ตรงหน้าเป็นรอยยิ้มที่ตลอดหลายปีที่ผ่านมาผมไม่เคยได้เห็นรอยยิ้มแบบนี้มาก่อน..นี่เป็นรอยยิ้มที่สื่อความหมายที่แปลกออกไปจากทุกครั้ง
“เห็นแก่ตัวที่สุดเลย” ผมว่าเสียงเครือและไม่รู้ว่าเพราะอะไรน้ำตาถึงได้ไหลลงมาอีกครั้ง  คงเพราะรอยยิ้มคาดหวังกับสายตาอันเว้าวอนนั่นหรือเปล่า  ผมเอื้อมมือไปจับมือของพี่เซ็นและเดินเข้าไปหา  พี่เขาโอบผมเข้าไปกอดไว้ทั้งตัว  เรากอดกันแน่นเป็นเป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกว่าลิฟต์เดินทางเร็วมาก  เมื่อลิฟต์ถึงชั้นล่างประตูลิฟต์ก็เปิดออก  ท่ามกลางสายตาคนที่รอลิฟต์อยู่ทุกคนต่างอึ้งที่เห็นผู้ชายสองคนยืนกอดกันอย่างกับปลากระป๋อง  พี่เซ็นพูดปัดบอกทุกคนว่าสุนัขที่เลี้ยงไว้ตายผมเลยร้องไห้ซะอย่างนั้น  ก่อนที่พี่เขาจะพาผมเดินออกมาขึ้นรถและขับกลับไปที่คอนโดของพี่เขา  ผมคงกลับบ้านในสภาพนี้ไม่ได้แน่  ตาผมบวมน่ากลัวมากๆเลยละครับ..





.................End of Lover 3.................

ชี้แจง..

1.   สำหรับคนอ่านท่านใดที่ยังงงหรือไม่เข้าใจเนื้อเรื่องอยู่ว่า “ทำไมมันเป็นอย่างนั้น? งง..มึน  ไม่เข้าใจ? หรืออย่างอื่นบลาๆๆๆ” ทางเบบี้ขอแนะนำว่าให้คุณลองกลับไปอ่านใหม่ตั้งแต่ตอนแรกของกัสนะคะเพราะอาจจะช่วยได้บ้าง  แต่ถ้าทั้งนี้ยังคิดว่าตนเองยังมึน  ไม่เข้าใจและยังคิดว่าไม่สมเหตุสมผลอยู่อีก  ทางเบบี้เองก็ไม่สามารถทำอะไรให้กระจ่างไปได้มากกว่านี้แล้วค่ะ  ชีวิตคนเรากับเรื่องบางเรื่องไม่มีอะไรกระจ่างไปซะทุกอย่าง  นิยายเรื่องนี้ก็ด้วยเหมือนกันที่จะทำให้คนอ่านทุกคนเข้าใจตรงกันหมดได้มันก็คงจะไม่ได้ด้วย

2.   ในนิยายเรื่องนี้ที่ได้เริ่มเขียนขึ้นมา  นอกจากจะสนองตัณหาการชอบทานเค้กของตัวเองและต้องการตอบโจทย์อื่นๆอีกหลายๆอย่าง  มีส่วนหนึ่งที่อยากให้เป็นส่วนสำคัญของเรื่องเลยคือ..สันดานดิบของแต่ละตัวละครค่ะ  การดำเนินเรื่องจึงเป็นไปอย่างเรียบง่าย  เดาออกง่ายแต่คล้ายกับว่าคนอ่านจะสามารถเข้าถึงตัวละครนั้นๆได้มากน้อยแค่ไหน  โดยมองจากพื้นฐานของนิยายของตัวละครนั้นๆโดยไม่คำนึงถึงว่า “ถ้าเป็นตัวฉัน..ฉันจะทำแบบนี้ ฉันจะไม่ทำแบบมันแน่” แต่เป็นการมองมุมกลับให้ลึกไปว่า..ทำไมตัวละครตัวนั้นถึงทำแบบนั้นออกไปโดยให้มองพื้นฐานของตัวละครว่ามีนิสัยแท้จริงอย่างไรโดยไม่นำความรู้สึกถึงความเป็นตัวคนอ่านเข้ามาเกี่ยวข้อง  เพราะถ้าไม่สามารถเปิดใจที่จะเข้าใจนิสัยของตัวละครตัวนั้นๆได้  ก็จะเข้าถึงการดำเนินเรื่องได้ค่อนข้างยากอยู่  เบบี้จึงยังคงยึดที่จะดำเนินเรื่องโดยคงความเป็นตัวของตัวละครต่อไปโดยก็ไม่คำนึงเหมือนกันว่า..คนอ่านบางท่านอาจจะไม่เข้าใจ  ฮ่าๆๆๆ


3.   ตอนพิเศษต่อจากนี้จะเขียนให้ทั้งหมด 4 ตอนค่ะ (ซึ่งแต่ละตอนค่อนข้างยาวมาก แบบว่า..ยาวเกิ้น!)โดยดำเนินตอนดังนี้นะคะ..ตอนของคิว  ตอนของเค้ก  ตอนของทิกเกอร์และตอนของเซ็น  เมื่อจบตอนของเซ็นเมื่อไหร่  นิยายเรื่องนี้จะนำไปไว้ในห้อง “นิยายจบแล้ว” ทันทีค่ะ  และจะไม่มีการต่อตอนพิเศษในหน้าเวปอีก

4.   นิยายเรื่องนี้กำลังอยู่ในกระบวนการของการทำเป็นรูปแบบหนังสือ  อาจจะอัพเดทข่าวการรวมเล่มอย่างเป็นทางการในเดือนธันวาคม 2555 นี้ค่ะ  อัพเดทรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บอร์ดเบบี้

5.   และขอชี้แจงเกี่ยวกับตอนพิเศษหน่อยนะคะ : คนอ่านบางท่านอาจจะคิดว่า..ตอนพิเศษที่ลงให้ในเวปบอร์ดนี้น้อยและรู้สึกว่าไม่เพียงพอ  เบบี้ขออธิบายดังนี้ค่ะ
-   เนื่องจากว่าทางเบบี้ได้ประกาศไปก่อนหน้านี้ว่า  นิยายเรื่อง Limited Lovers จะทำเป็นหนังสือก่อนนิยายเรื่อง Memorial~ รักแรก รักสุดท้าย  การลงตอนพิเศษนั้นจึงมีจำกัดเพราะถ้าลงตอนพิเศษเรื่อยๆไร้จุดสิ้นสุด  นั่นหมายความว่านิยายเรื่องนี้จะตีพิมพ์เป็นหนังสือได้เมื่อไหร่ก็ไร้จุดหมายพอกัน...เรื่อง Memorial~ รักแรก รักสุดท้าย ยาวมากจึงไม่รู้ว่าจะได้เห็นเป็นรูปเล่มในปีไหนดังนั้นถ้าเรื่อง Limited Lovers ต่อตอนพิเศษเรื่อยๆก็จะสามารถยาวได้เท่าเรื่องเมตรสลิ่มเช่นกัน  เพราะเพียงแค่เนื้อหาคู่หลัก  1 คู่และคู่รองอีก 2 คู่ในตอนนี้เนื้อหาก็ประมาณเทียมเท่าชุลมุนวุ่นรักทั้งหมด 3 เล่มแล้วค่ะ  และนั่นก็หมายถึงเรื่องนี้จะได้ออกเป็นรูปเล่มหนังสือล่าช้าไปอีกเป็นชาติได้  ซึ่งที่จริงเบบี้ยังไม่ทำเรื่องนี้เป็นหนังสือก็ได้ค่ะแต่เห็นมีคนเข้ามาถามบ่อย  รวมไปถึงก็ไม่อยากให้คนอ่านรอกันแบบไร้จุดหมายด้วย  เพราะเราอาจจะไม่ได้เห็นผลงานกันอีกนานเลย ^v^

-   ปกติเบบี้เป็นคนชอบเขียนตอนพิเศษค่อนข้างเยอะ  โดยเฉพาะในหนังสือก็จะเขียนให้ค่อนข้างยาวจะเห็นได้จากเรื่องสุดท้ายกรูก็รักมึงจนได้..ไอ้โรคจิต กับเรื่องชุลมุนวุ่นรักที่เล่มสุดท้ายจะเป็นตอนพิเศษทั้งเล่ม  เบบี้เองก็อยากให้ Limited Lovers เป็นอย่างนั้นด้วย  จึงต้องจำกัดการลงตอนพิเศษในเวปบอร์ดไม่ให้ล้นเกินไป  เพราะถ้าล้นมากเกินไปจะทำให้กินพื้นที่ที่จะต่อตอนพิเศษในหนังสือมากกว่าควรจะเป็น  และหนังสือก็จะเพิ่มจำนวนเล่มจนมากเกินไป

-   จากข้อมูลด้านบนจะสนับสนุนข้อมูลตรงนี้ค่ะ..เนื้อหาทั้งหมดได้ประมาณเล่มมาแล้วว่าจะจำกัดหนังสือต่อ 1 ชุดนั้นกี่เล่มและประมาณเล่มละกี่หน้า  ที่เบบี้ต้องจำกัดขอบเขตของตอนพิเศษในเวปบอร์ดเพราะเบบี้เองก็มีพล๊อตที่จะเขียนในหนังสือและอยากจะเขียนในส่วนที่ต้องการทั้งหมดลงไปโดยไม่ต้องบีบตัวเองเหตุเพราะมีพื้นที่ไม่มากพอ  รวมไปถึงตอนพิเศษในเล่มก็ยังไม่ได้เริ่มเขียนจึงไม่รู้ว่าเท่าไหร่ถึงจะพอดี..ทั้งนี้ก็ไม่อยากให้เกินจำนวนหน้าที่ประมาณการไว้  เพราะถ้ามากเกินไปมันจะกลายเป็นแบบมหากาพย์ต้าข้าวหรือเมตรสลิ่ม(ที่ยาวกว่าต้าข้าว)ได้ นั่นก็หมายถึงต้องใช้เวลาในการจัดทำนานมากขึ้นไร้จุดหมายปลายทาง

6.   และขอให้คนอ่านเข้าใจเบบี้ด้วยว่าเบบี้ไม่ได้ไม่ทุ่มเทกับการเขียนตอนพิเศษที่ให้ไว้ในเวปบอร์ดเลย  เราจะปิดเรื่องนี้ให้โดยในส่วนของคนอ่านบางคนที่ไม่ต้องการซื้อหนังสือเรื่องนี้รู้สึกอิ่มในความรู้สึกของตัวละครในนิยายเรื่องนี้ค่ะ

7.   ตอนเปิดจองหนังสือหรือเปิดให้โอนเงิน(ยังไม่แน่ใจในเวลา)  เบบี้อาจจะมีเกมให้เล่นเล็กน้อยซึ่งในเกมนี้จะมีของขวัญพิเศษให้  เหมือนกับนิยายเรื่องชุลมุนวุ่นรักที่มีคนอ่านได้ของขวัญพิเศษเกี่ยวกับเรื่องนั้นไป 3 ชิ้น  แน่นอนว่าเรื่อง Limited Lovers จะทำของขวัญแบบลิมิเต็ดให้อีกเช่นเดียวกันค่ะ  อาจจะแจ้งรายละเอียดให้ทราบอีกครั้งค่ะ ;)

8.   สำหรับใครที่ต้องการจะถามอะไรนอกเหนือจากที่ชี้แจงไปนี้ให้ส่งข้อความถามโดยส่วนตัวมาได้หรือรีพรายถามก็ได้ค่ะเพราะจะได้เป็นประโยชน์กับคนอ่านท่านอื่น  แต่ถ้าจะถามคำถามในส่วนที่เบบี้ได้ชี้แจงไปแล้วเบบี้จะไม่ขอตอบ  อย่างไรก็แล้วแต่รบกวนช่วยอ่านให้ละเอียดรอบคอบก่อนค่อยถาม  เพราะถ้าถามในสิ่งที่ได้ชี้แจงไปแล้วเบบี้ก็จะไม่ตอบและก็ต้องบอกให้คุณกลับมาอ่านอยู่ดีค่ะ

ขอบคุณค่ะ
เบบี้..^^

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-10-2012 10:30:19 โดย เบบี้ »

Tiamo_jamsai

  • บุคคลทั่วไป

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






Gooodafternooon

  • บุคคลทั่วไป
พี่เซ็นสินะ ไม่เป็นไร อ้าเเขนรับพี่หมีอย่างเต็มใจ  :กอด1:

ออฟไลน์ carmel

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
ชอบนิยายเรื่องนี้ ติดตามคุณเบบี้มา
เพราะรู้สึกถึงความมีชีวิตของตัวละคร
เรื่องจริงไม่ได้เป็นดั่งใจเราคิด
ขอบคุณมากนะคะ:)))

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5
สงสารพี่หมีโคตรๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ในความเป็นจริง คนที่ดีกับคนที่รัก บางทีมันก็เป็นคนละคนกันอ่ะนะ  :เฮ้อ:


เอาเป็นว่า จะรออ่านตอนพิเศษนะครับ


 o13

ออฟไลน์ nolirin

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2755
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +274/-5

ออฟไลน์ A_THan

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-2
ยังไม่สะใจกับพี่เซ็นเลย ป่านนี้พี่ฟ้าพี่คิว นั่งหัวเราะชอบใจกันอยู่แน่ ๆ 55


อดใจรออ่านตอนพิเศษแทบมิไหว

must

  • บุคคลทั่วไป
กรี๊ดดดดดดดดด~ กอดเบบี้ สำหรับ Lover ทั้ง 3 ภาค
ทำได้แค่อ่านผ่านๆ เฉยๆ ยังไม่ได้อ่านรายละเอียดจริงๆ จังๆ
ช่วงทอล์กท้ายเรื่อง แว๊บๆ ว่ามีร่วมเล่มๆ ด้วยแหละ อิอิ ^^
มาแปะสารบัญให้ก่อนจ้า เดี๋ยวหาเวลามาอ่านแบบจริงจังตั้งใจอีกทีเน้อ


สารบัญ ~ Limited Lovers I, II & III ~

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-10-2012 10:15:40 โดย must »

ออฟไลน์ iammz

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2681
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +292/-6
“ฉันมาขอคนของฉันคืน..” <<< เต็มปากเต็มคำเลยพี่เซ็น

ฮือๆๆๆๆ สงสารพี่หมี  :monkeysad:

//ขอบคุณมากนะคะ รออ่านตอนพิเศษค่ะ ^^

ออฟไลน์ Pupay

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +171/-1
ว้า จบซะละ  จะรออ่านตอนพิเศษนะคะ และเก็บตังรอรวมเล่ม  :กอด1:

ขแบคุณคุณเบบี้มากค่า ที่แต่งนิยายดีๆให้อ่าน  :pig4:

ออฟไลน์ myd3ar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-4
จริงๆ หลายใจเชียร์ทั้งหมีและเซ็นเลย

สุดท้ายเซ็นก็ได้ไป จบแบบเคลียร์สุดๆ


ออฟไลน์ cassper_W

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2052
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-1
ตามอ่านมาตั้งนานในที่สุดเรื่องนี้ก็ลาจอไปแล้วอะ ส่วนตัวชอบนิยายที่เบบี้แต่งมากกอะ เพราะดำเนินไปในทางที่อิงกับคนจิงๆ เหมือนอ่านเรื่องเล่านะ แต่ได้รู้ความคิดของสองตัวละครเท่านั้นเอง เข้าใจกะตัวละครตัวเซ็นนะ ชีวิตจริงคนแบบเซ็นอาจมีล้นโลกก็ได้ รอตอนพิเศษเค้กกะคิวอย่างแรงงงง เพราะชอบคาแร็กเตอร์คิวมากกก แบบชายหล่อในฝันเลย เก่ง ปากดี ข่มคนได้ ถ้ารู้ตัวว่าผิดก็จะไม่ง้อตรงๆแต่ออกแนวกวนๆ ชอบอ๊าา อยากอ่านตอนพิเศษสองตัวละครนี้เร็วๆ ยังไงก็เป็นกาลังใจให้เบบี้

ปล.เมื่อไหร่จะถึงธนวาอยากได้เล่มนี้ >< 

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ruby

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 477
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-3
ชอบตอนนี้สุดๆ กดบวกให้ค่ะ
ในที่สุดก็สมหวังนะน้องกัส
ชี้แจงเคลียร์คะ อ่านชี้แจงก่อน
เนื้อเรื่องตอนนี้อีกนะ55 :กอด1:

yolp

  • บุคคลทั่วไป
รอตอนพิเศษของพี่เซ็นสุดๆ อยากรู้ในใจคิดไรอยู่
รักกัสมากๆ อยากอ่านตอนของกัลช่วงเป็นแฟนกันแล้วจัง

ออฟไลน์ Ball

  • He exists now only in my memory.
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 870
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +239/-0
พี่หมีน่าสงสารมากกกกกกกกแต่ก็น่าอิจฉามากกกกกกเช่นเดียวกัน
ถึงไม่ได้อยู่ในฐานะที่อยากจะอยู่แต่หมีก็ได้อยู่ในฐานะที่ไม่เคยมีใครได้
ฐานะคนสำคัญของกัส สถานะที่ไม่ว่ายังไงกัสจะไม่ยอมเสียไป
อย่างน้อย ถึงไม่ได้เป็นคนรัก แต่พี่หมีน่าจะรู้ดีว่าตัวเองสำคัญกับกัสแค่ไหน

จบซะแล้วกับเรื่องรักสามเศร้าเราสามคน
มันก้เป็นอย่างที่แอบคิดไว้นะคะเบบี้ ถ้าเราไม่มองในแบบเรา
แต่มองถึงต้นแบบนิสัยของตัวละคร เป็นแบบนี้มันก้ปกติ
เพราะถ้าพูดถึงความดิบของจิตใจมนุษย์
ทุกคนนั้นเห็นแก่ตัวและเลวได้กว่านี้เยอะ

ดีใจกับกัส ในที่สุดก็ได้ลงเอยกับพี่เซ็นสักที
และสำหรับเซ็นต์ ตั้งแต่อ่านมาเป็นบุคคลที่เราไม่ชอบนิสัยสุด
อาจเป็นเพราะเซ็นต์ดิบในการสนองความต้องการตัวเองมากไปมั้ง
แต่เราก็คิดนะ ว่าถึงจะอย่างนั้น เซ็นต์ก็ดีได้ในฐานะคนรักเหมือนกัน
เอาเป็นว่ายินดีกับคนทั้งคู่ค่ะ

จะรอตอนพิเศษนะคะ เบบี้
อยากอ่านทุกตอนเลย โดยเฉพาะคิวเค้ก >.<

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
รอจ้า รอตอนพิเศษ

ออฟไลน์ snack

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 951
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-0
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวสนุกๆนะคะชอบมาก..ในที่สุดกัสก็สมหวังซักที

ออฟไลน์ sukie_moo

  • ปัจจุบัน คือ อดีตของอนาคต
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3488
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +457/-15
อย่างน้อยกัสก็มีความสุข

ส่วนหมีน้อย เห็นแววพระรองเกาหลีมาแต่ตอนแรกๆแล้ว

แต่หมีเนี่ยเป็นตัวละครที่รู้สึกติดใจเป็นพิเศษตั้งแต่ตอนแรกๆของคู่เค้กคิวแล้ว  ถึงตอนนี้เลยสงสารหมีมากมาย

ออฟไลน์ a_tapha

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4981
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +397/-1
ขอบคุณมากค่ะ สำหรับนิยายของเบบี้เรื่องนี้   o13(เรื่องไหนๆ ของเบบี้ก็สนุกที่เรื่องทุกตอน)แล้วจะรอตอนพิเศษนะค่ะ  :L2:

ออฟไลน์ rujaya

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +377/-1
สงสารหมี  :m15:

แต่ก็ดีใจกะกัสที่เซ็นมันรู้ใจตัวเองซะที แต่ก็ยังปากแข็ง  o13

จะรออ่านตอนพิเศษอีก 4 ตอนของเบบี้ค่า  :กอด1:

ออฟไลน์ จุ๊บจิ๊บจ๊ะจ๋า

  • I LOVE MY SMILE
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1892
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-4
“ฉันมาขอคนของฉันคืน..”  :-[ บ้าพี่เซ็นอ่ะ

เย้เย้ หนังสือ ขอคอนพิเศษสักสามเล่มนะหลาน :กอด1:

ออฟไลน์ nongrak

  • ยังไงก็รักคาเมะจังที่สุด
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +912/-14
สงสารหมีจังรักแบบไม่ต้องการครอบครอง ขอให้คนที่รักมีความสุข


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด