~ Limited Lovers ~ ( แจ้งข่าว!!! ) 4 พ.ค 59 - หน้า 339
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ~ Limited Lovers ~ ( แจ้งข่าว!!! ) 4 พ.ค 59 - หน้า 339  (อ่าน 2015144 ครั้ง)

ออฟไลน์ NCJung

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 988
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-5
ยังไม่มีเวลามาอ่านเลยค่ะเบบี้
ไว้ว่างๆจะมาตามอ่านนะคะ
ส่วนเรื่องหนังสือ ตอนนี้หยอดตังไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ อิอิ

ออฟไลน์ bobby_bear

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 419
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-5
สุึดท้ายก็เป็นอย่างที่คิด
ไม่ได้ว่าว่านิยายขิงคุรเบบี้ไม่สนุก เดาได้ง่ายหรอกนะครับ
แต่เพราะกัส เซ็น ต่างรู้ใจตัวเองแต่แรก และสุดท้ายต่างก็ทำเพื่อตัวเองได้ของที่ต้องการ
และเมื่อมีสมหัวงก็ต้องมีคนที่ผิดหวัง ก้คือหมี แต่หมีก็ได้รักกัสในอีกแบบ ยังไงก็ยังมีกัสเป็นคนสำคัยเสมอ

สนุกครับ ชอบ มาเริ่มอ่านเอาตอนท้าย ๆ ของเรื่องพี่ฟ้าแล้ว นั่งอ่านในไอโฟนบนรถทัวร์กลับจากอุบล เข้าเมืองกรุง
เวียนหัวแทบตาย ยัดยาดมคาจมูกไว้ แต่ก็อ่าน 555

รอตอนพิเศษนะครับ คิดถึงน้องเค้ก ^^

ออฟไลน์ gookgik

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1966
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-6
แผนพี่ฟ้า-พี่คิว เจ๋งสุดๆ ทำเอาเซ็นน๊อตหลุดต้องรีบมาตามคนของตัวคืนอย่างเร็ว

สงสารหมี แต่ได้รับความรักจากกัสแบบนี้ก็ดีแล้ว มันทำให้ทุกคนสบายใจ ไม่อึดอัดกันอีกต่อไป

 :L2: :pig4: คนเขียน  และรับทราบกับคำชี้แจงทุกข้อ  รออ่านตอนพิเศษต่อไป

ออฟไลน์ skynotebook

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
พี่เซ็นนะพี่เซ็น กว่าจะตามหัวใจตัวเอง
สงสารน้องกัสไหมเนี่ย ดูดิ ถ้าพี่ฟ้ากับพี่คิวไม่จัดการเนี่ยจะได้กัสคืนไหมค่ะ
แต่เค้าสงสารพี่หมีมากกกกเลย คนดีทำไมไม่สมหวังในความรักน่า

ปล. แล้วสรุปว่าพี่ซีได้เป็นแฟนกับพี่ก้องไหมเนี่ย หวังว่าในตอนพิเศษจะได้เห็ว่ามีคู่นี้ออกมาเป็นแฟนกันเนอะๆ :call:

snice_cz

  • บุคคลทั่วไป
และแล้วก็จบ และแล้วหวยก็ออกที่พี่เซ็น เย้ๆ สมใจอย่างที่ลุ้น คิคิ รออ่านตอนพิเศษจ้า :))

ออฟไลน์ Pam_ban

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1086
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +109/-2
นอนรอตอนพิเศษชีวิตรักของทุกคนหลังจากตกลงปลงใจ(เหมือนงานแต่งไงไม่รู้   :z1:) เป็นแฟนกันจะหวานขนาดไหนน้าาาาาาา
มีไปฮันนีมูนป่าวอะ แบบว่านอกสถานที่ (เหมือนจะเป็นการแต่งงานหมู่) แต่แค่ในร้านก็สนุกมากแล้วนะ หึ หึ
แอบลุ้นคู่ซีกับพี่ก้องด้วยจะได้เป็นครอบครัวเดียวกันซะเลย  :o8:   
ขอยกความดีความชอบให้สองอาหลานที่ทำให้ความรักของแต่ละคนมีสีสัน(ที่เลอะเทอะ?)มากขึ้น  :3123:

ออฟไลน์ thunchanok1

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 107
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
สุดท้ายก็เป็นพี่เซ็น :L1:

รอตอนพิเศษค่า

ออฟไลน์ mundoo

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 282
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-2
เง้อ........พี่หมีคือสุดยอดของการเสียสละเลย!
น่าสงสารพี่หมี

วิธีของพี่คิวกับพี่ฟ้านี่สุดยอดจริงๆ 55555


ออฟไลน์ ormn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3925
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-8
    • http:///uc.exteenblog.com/riko-tomo/images/23213506_1208714389_3598161_Okane_ga_Nai_v01_ch01_pg002__Cover.jpg
จบแบบสวยงามปนน้ำตา :impress3: :impress3:

ไข่เจียว

  • บุคคลทั่วไป
รออ่านเรื่องต่อไปนะคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






อากาศใต้ผ้าห่ม

  • บุคคลทั่วไป
หว้าาาาา จบซะแล้วอะ    :เฮ้อ:
อ่านไปลุ้นไปทั้งเรื่องเลยพี่บี้สนุกมาก

อ่านมาตั้งนาน มี NC กัสเสียตัวครั้งเดียวเอง
 :m31: จะใสไปไหน ทั้ง ๆ ที่ก็มีงานทำกันหมดละ
ทีเรื่องไหนที่มีเด็ก ๆ นี่ เด็กโดนสอยกินหมด ๕๕๕๕๕
พี่บี้ชอบกินเด็กนี่หว่าาาา  :laugh:

แล้วพี่บี้ก็จะพักเขียนนิยายใช่ไหม? เหมือนที่เคยบอกไว้
 :sad4: ไม่ไปได้ไหม? ตอนพิเศษถ้าลงครบก็จะไม่ลงแล้ว
แล้วเราจะอยู่อย่างไร โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ พี่บี้รีบ ๆ กลับมานะ จะรอ....

ออฟไลน์ entirom

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1010
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-2
ภาคนี้กัสน่ารัก กว่าสองภาคนั้นเลย
ดูเด็กลงและอ้อนมากๆๆ

น่ารักอ่ะ

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15
..Special..
Born to Die [by..Cupid]




ณ  บ้านเมธิชัย  สิทธิบดีทรัพย์..
“คิว..ฝันขอแค่นี้เอง ทำไมต้องเล่นตัวด้วย”
“พูดให้ดีกว่านี้ฝัน” ผมตอบกลับเสียงเย็น  รู้สึกไม่ค่อยสบอารมณ์กับคำพูดต่อว่าจากอีกฝ่าย  ที่ก็น่าจะรู้จักนิสัยของผมดีว่าเป็นยังไง  และถ้าจะขอร้องกันก็ไม่ควรจะพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูดออกมา
“คิว..ฝันขอร้อง ช่วยหน่อยได้ไหม ถ้างานนี้เราไม่ร่วมกัน ฝันก็ไม่รู้ว่าคุณพ่อจะว่ายังไง” ฝันพูดด้วยสีหน้าร้อนรน  ผมรู้ดีว่าเธอกำลังเครียดมาก  บางทีผมก็เป็นคนที่เห็นแก่ตัวมากเกินไป  สิ่งที่ผมไม่ชอบ..ผมก็ไม่อยากทำ  เหตุผลมีแค่นั้นเอง
“คิวตัดสินใจคนเดียวไม่ได้หรอกฝัน” ผมพูด  ที่จริงไม่อยากจะปฏิเสธไปแบบตรงๆแต่ก็ปฏิเสธไปแล้ว  บางทีการที่ผมเป็นคนพูดตรงขวานผ่าซากมาตั้งแต่เกิดก็ดีสำหรับผมในหลายสถานการณ์ด้วยเหมือนกัน  ไม่ต้องเสแสร้ง  ให้ทุกคนรู้ไปเลยว่าเขาต้องเจออะไรถ้าต้องพูดคุยกับผม และเขาต้องเตรียมรับมือกับผมอย่างไร  ผมบอกได้เลยว่าผมรู้สึกสนุกทุกครั้งที่ต้องต่อปากต่อคำกับใครที่ต้องการเอาชนะผม  มันคล้ายกับเรากำลังได้ลงสนามแข่งอะไรสักอย่าง  ใครมีไม้เด็ดอะไรก็งัดมันออกมา  นี่คงเป็นความชอบส่วนบุคคลละมัง
“แต่คิวเป็นผู้บริหาร” ฝันย้ำ
“ฝัน..คิวเป็นหนึ่ง ในผู้บริหาร” ผมถอนหายใจก่อนที่จะย้ำในตำแหน่งงานของผมให้เธอได้ฟัง  ตำแหน่งงานเฮงซวยที่ผมไม่เคยอยากจะทำเลยแม้สักนิดเดียว  ผมค่อนข้างเกลียดการทำงานเป็นทีมเพราะลูกทีมมักเชื่องช้า  ห่วยแตกและไม่ได้ดั่งใจ  บางคนไม่สามารถเป็นผู้นำได้แต่ก็ไม่ยอมปฏิบัติในหน้าที่ของการเป็นผู้ตามที่ดีอีกด้วย  ผมจะรู้สึกหงุดหงิดทุกครั้งที่เห็นคนแบบนั้น  และด้วยเพราะผมรู้ตัวเองดีว่าผมเป็นคนพูดตรง เถรตรง  อะไรที่ดูไม่ยุติธรรมและผิดแปลกจากหลักเหตุผลเพียงนิดเดียวมันจะสามารถสร้างความขัดแย้งในใจผมได้เสมอ  เมื่อสร้างความขัดแย้งในใจแล้วก็จะสร้างตัวตนผมอีกตัวตนหนึ่งขึ้นมา  นั่นก็คือ..สันดานที่ผมปกปิดไว้เพราะไม่อยากให้มันออกมาสู่สาธารณะบ่อยนัก ผมรู้ว่าผมไม่เหมาะกับงานพวกนี้เพราะผมเป็นคนแบบนี้  ถึงผมจะไม่ชอบทำแต่ในทุกงานผมก็มักจะทุ่มเทให้อย่างหมดกำลังเพราะผมคิดเสมอว่านั่นคือหน้าที่ที่ผมได้รับมาแล้วและควรจะรับผิดชอบให้ถึงที่สุด  ผมหลีกเลี่ยงงานพวกนี้มาตลอดเท่าที่จะสามารถหลีกเลี่ยงได้แต่อะไรๆก็ไม่แน่นอนทั้งนั้น  มีปัญหาหลายอย่างทำให้เกิดเรื่องพลิกผันในชีวิตจึงทำให้ผมต้องยอมจำนนท์ไปโดยปริยาย
“ธุรกิจของฝัน ก็คือธุรกิจของฝัน..ส่วนธุรกิจของคิว ก็คือของคิว”
“คิว” อาฟ้ากระแทกเสียง  ผมหันกลับไปมองอย่างบอกอารมณ์ว่าผมไม่ชอบใจในน้ำเสียงของเขา  อย่าทำน้ำเสียงแบบนั้นเพราะนี่มันงานของผม
“คิวไม่ว่าง ต้องไปแล้ว” ผมตัดบท  เหลือบมองคนที่ยืนหน้าจ๋อยเหมือนทำตัวไม่ถูกอยู่ข้างๆผม  “เค้ก”..คือคนรักคนที่สองในชีวิตของผม  เรานัดกันว่าวันนี้เราจะออกไปทำบุญให้ปราย  ผมรับปากไว้ว่าจะเล่าเรื่องของเธอให้เขาฟัง..ทุกอย่างอย่างไม่ปิดบัง  ถ้าเขาต้องการจะรู้  ผมจะเล่าเท่าที่เขาต้องการจะรู้
“คิว!” ฝันกระแทกเสียง
“คือ..ฝันขอโทษ” ฝันปรับเสียงในทันที  คงเพราะเมื่อกี้ผมทำสายตาไม่ดีใส่เธอละมัง
“ฝันต้องทำยังไง ยังไงคิว..” เธอทิ้งน้ำเสียงลง  ทุกคนต่างเงียบเหมือนรอการตัดสินใจจากผมคนเดียว  ผมหลับตาลงอย่างต้องการใช้ความคิดแก้หาทางออกกับเรื่องนี้  ใช่..เธอเป็นเพื่อนรักของผมคนหนึ่ง  แต่ไม่ใช่ทุกอย่างที่ผมจะสามารถทำเพื่อใครได้  ผมไม่ใช่เทพ  ไม่ใช่พระเจ้า  ไม่ใช่คนที่มีมนตร์วิเศษอะไร  ทุกอย่างมันต้องเป็นไปตามขั้นตอน  ชีวิตค่อนข้างเดินทางยาก  ดังนั้น..ผมไม่ผิดที่ผมจะต้องระวังทุกการก้าวเดิน  คล้ายกับคนเห็นแก่ตัว  ใช่..จะว่าผมอย่างนั้นก็ได้
“ก็ได้..คิวจะเอาเรื่องนี้เข้าที่ประชุม” ผมพูด  ฝันเงยหน้ายิ้มกว้างในทันที
“แต่ฝันต้องไปคิดมาว่าจะให้คิวยื่นเรื่องยังไง ให้ดูเป็นปกติที่สุด..ฝันก็รู้ใช่ไหมว่าเรื่องส่วนตัวของเราจะทำให้คนที่ไม่เห็นด้วยบางคนคัดค้าน” ผมบอก  ฝันได้แต่พยักหน้ารับรู้
“และคิวก็ไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนั้น มันจะดีต่อตัวฝันเองด้วย..ไปคิดมาซะ อย่าให้มีรูรั่วล่ะ คิวไม่อยากคิดแก้ให้ แต่ถ้าแผนของฝันไม่ดี และทางออกอื่นก็ไม่มี..คิวจะไม่ทำให้ ตามนี้..ตกลงไหมครับ”
“ได้” ฝันตอบเสียงเบาพร้อมกับมีรอยยิ้มให้เห็นเล็กน้อย
“ขอบคุณนะ” ฝันบอก
“มันจะโหดไปละ” อาฟ้าพูดขึ้น  ผมยักไหล่
“หรือคุณอยากให้ปัญหาเกิดล่ะ” ผมพูดส่งๆก่อนจะเดินหนีมาขึ้นรถ  เค้กรีบวิ่งตามมาขึ้นรถในทันที  ผมขับรถออกมาจากบ้านโดยไม่ได้เอ่ยพูดอะไร  ตอนนี้สมองของผมกำลังคิดว่าฝันจะทำยังไงกับสิ่งที่ผมได้พูดไป  มันอาจจะดูโหดร้ายต่อเธอที่เพื่อนรักอย่างผมไม่ช่วยเหลือเท่าที่ควร  แต่นั่นล่ะ..การช่วยเหลือเท่าที่ควรของแต่ละคนนั้นมีมาตรฐานที่ต่างกัน
“พี่คิวไม่น่าพูดกับพี่ฝันแบบนั้นเลยนะครับ” คนที่นั่งอยู่ข้างๆพูดขึ้นทั้งทั้งที่ก็เงียบมานาน
“...................” ผมเงียบ  กดเปิดเพลงเพื่อเป็นสัญญาณบอกให้อีกฝ่ายเลิกพูดเรื่องนี้ซะ  อีกฝ่ายชะงักไปเล็กน้อย
“ที่จริง พี่น่าจะช่วยพี่ฝันได้มากกว่านี้ไม่ใช่เหรอฮะ..” ผมคิดว่าอีกฝ่ายจะหยุดพูดเรื่องนี้แล้วแต่กลับเงยหน้าขึ้นมองผมเหมือนต่อว่าอีก  ทั้งทั้งที่น้ำเสียงดูเหมือนผิดหวังที่ผมไม่ช่วยเหลือฝันแต่สายตากลับดูเศร้า
“ช่วยหยุดพูดเรื่องนี้ได้ไหม” ผมพูดเสียงเรียบ  อีกฝ่ายเงียบไปครู่หนึ่ง
“พี่ฝันน่าสงสารออก เหมือนจะร้องไห้เลยครับ” เค้กพูดอย่างไม่ยอม
“จิ..” ผมหันไปมองอีกฝ่ายด้วยความหงุดหงิด
“ก็มันจริงๆนี่ครับ” อีกฝ่ายเริ่มขึ้นเสียงไม่ลดละ
“แล้วมันใช่เรื่องของนายไหม..หยุดพูดไปเถอะน่า” ผมหันหน้าหนี  เท้าเริ่มเหยียบคันเร่งแรงขึ้นกว่าเดิม เค้กเงียบไป  หลังจากนั้นก็เงียบไปอยู่นานมาก 
“โอเค มันเป็นเรื่องของธุรกิจ นายไม่เข้าใจหรอก..มันมีอะไรมากกว่านั้น อีกเยอะแยะไปหมด” ผมถอนหายใจก่อนจะพูดขึ้นเพื่อให้อีกฝ่ายผ่อนคลายตัวเองลงบ้างเพราะเอาแต่นั่งตัวแข็งทื่อมานานหลายสิบนาทีแล้ว  บอกให้เลิกพูด..ไม่ได้บอกว่าไม่ให้ขยับตัวเสียหน่อย  หลายครั้งที่ผมก็เกือบหลุดขำกับลักษณะท่าทางประหลาดๆที่เค้กชอบทำ
“ขอโทษแล้วกันที่ไม่เข้าใจ” อีกฝ่ายกระแทกน้ำเสียงเล็กน้อย  น้ำเสียงที่นานๆครั้งจะได้ยิน  ปกติก็เป็นคนว่านอนสอนง่าย  การไม่เป็นคนเอาแต่ใจคือตัวตนของเค้กซึ่งเป็นสิ่งที่ผมชอบ  แต่พอจะดื้อดึงก็ดื้อซะบางครั้งทำให้ผมอดรู้สึกหงุดหงิดไม่ได้จริงๆ
“ช่วยเลิกทำเสียงแบบนั้นจะได้ไหม” ผมว่าปราม  อีกฝ่ายหันหน้าหนีไปอีกทาง  ผมไม่สนใจอีกเพราะต้องสนใจกับรถคันข้างหน้าที่อยู่ๆก็ขยับไปช้ากว่าที่ควรจะเป็น  ผมเหลือบมองสัญญาณไฟเพียงนิดเดียวเพราะห่วงรถที่อยู่คันข้างหน้าก่อนจะเหลือบมองไปมองไฟเขียวที่ยังคงกะพริบอยู่อีกครั้ง  ผมคาดการณ์ว่ารถคงจะสามารถเคลื่อนตัวไปอีกถนนหนึ่งได้อย่างไม่มีปัญหาอะไรเพราะอีกฝั่งหนึ่งไฟเหลืองยังไม่ปรากฏขึ้นเลย
“พ..พี่คิวฮะ!” คนข้างๆร้องด้วยน้ำเสียงประหม่า  ผมเหลือบหันไปมอง..


ปี๊มมมมมมมม !

เอี๊ดดดดดดดดดดดด !!


โครม !!!


“.....................” สิ้นเสียงความวุ่นวายที่เกิดขึ้นอย่างไม่ทันให้ได้คิดอะไร  เหมือนกับสมองตื้อไปชั่วขณะ  ผมได้แต่เงยหน้าและสูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อปรับความรู้สึกของตัวเองที่รู้สึกมึนจากการถูกอัดอย่างแรง  ร่างกายมันเหมือนจะชาแต่กลับไม่ใช่  เพียงแค่รู้สึกตึงๆ  ความรู้สึกเหมือนสติหลุดไปชั่วครู่เท่านั้น  และด้วยภาพจากบางเหตุการณ์ทำให้ผมถึงกับสะดุ้งเบิกตาโพรงในทันใด 
“เค้ก” ผมได้สติจึงรู้ได้ว่าคนที่นั่งมาด้วยนั้นเงียบมากเกินไป  ผมหันกลับไปมอง
“เค้ก..” ผมกลืนน้ำลายลงคอด้วยรู้สึกว่าคอของตัวเองแหกผาก หัวใจเริ่มเต้นแรงจนรู้สึกได้ว่าตัวเองรับไม่ได้กับภาพตรงหน้า  ภาพในอดีตเริ่มสะท้อนกลับมา  ผมกำลังคิดว่าภาพตรงหน้าไม่ใช่ความจริง  ผมอาจจะกำลังฝันอยู่..แค่ฝันเท่านั้น
“ได้ยินฉันไหมเค้ก” ผมพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น  พยายามให้น้ำเสียงหนักแน่นเพื่อหวังว่าอีกฝ่ายจะตื่นขึ้นมาเพียงแค่รับรู้ถึงน้ำเสียงนี้จากผม  มือของผมสั่น  สั่นมากจนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้  มันสั่นจนกระทั่งผมไม่กล้าวางมือลงบนใบหน้าที่เปื้อนเลือดของอีกฝ่าย  เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะรับรู้ได้ว่าผมกำลัง..“กลัว”
“อึก เค้ก!”
“ไม่..เค้ก ม่าย!!”



= = = = = = = =


5 ปีก่อน ณ ประเทศอิตาลี..


ตื้ด  ๆ  ๆ


“ไม่คิดจะรับโทรศัพท์หน่อยเหรอคิว” ฝันพูด  ผมนั่งนิ่ง  สายตายังคงจ้องหนังสือเรียนตรงหน้า
“เมื่อไหร่ไอ้เซ็นจะมา” ผมเปลี่ยนเรื่อง  ฝันเงียบไป
“คิววว..” อาย้ำเสียงยานคางเหมือนเตือนว่าให้ผมรับโทรศัพท์ไปเสียที  สายโทรเข้าจาก “ปราย” เธอเป็นคนรักของผม  ปรายเป็นผู้หญิงคนแรกที่ผมตกหลุมรัก  รักมาก..เรียกได้ว่ารักอย่างที่ไม่เคยรู้สีกอย่างนี้กับใครมาก่อนในชีวิต  แต่เวลาเปลี่ยนไปอะไรๆก็เปลี่ยนไป  ผมไม่ได้หมายถึงความรักที่ผมมีให้เธอนั้นลดน้อยลงไป  แต่บางสิ่งบางอย่างมันเติบโตขึ้น  ตัวผมเติบโตขึ้น  มีเรื่องที่ต้องรับผิดชอบมากขึ้น  ต้องทำหลายสิ่งหลายอย่างมากขึ้น  จนผมไม่มีเวลาให้เธอมากพออย่างที่เคยเป็น  แรกๆมันอาจจะดูกำลังพอดี  ต่างฝ่ายต่างบอกว่าไม่เป็นไร  และให้กำลังใจซึ่งกันและกัน  ใช่ครับ..มันก็ควรจะเป็นอย่างนั้น  เพราะเราต่างก็ต้องทำหน้าที่ของตัวเองอย่างสุดความสามารถ  ทางเดินของชีวิตมันค่อนข้างยากลำบาก..บางทีเราสองคนควรเข้าใจความหมายของประโยคนี้ให้มากกว่านี้  หลังๆมานี่เราจะได้ไม่ต้องมานั่งทะเลาะกันบ่อยๆจนทำให้ต่างฝ่ายต่างเสียสุขภาพจิต
“คิว..รับเถอะ นี่ฝันต้องปิดมือถือหนีปรายเพราะคิวเลยนะ โดนงอนแน่เลยอ่ะ” ฝันพูดหน้างอ  วันนี้เราต้องมาติวหนังสือให้กันเพราะวันมะรืนนี้มีสอบวิชาสำคัญ  ฝันต้องพึ่งผมและผมก็ต้องพึ่งตัวเอง  วิชาเศรษฐศาสตร์เป็นวิชาที่หนักสำหรับผม  แต่บางคนที่ต้องการพึ่งพาผมทำให้ผมยิ่งรับภาระหนักเข้าไปอีกขั้น  สำหรับคนอื่นอาจจะมองว่าผมเก่ง  ทำยังไงก็สอบผ่าน  แต่มันไม่ใช่วิชาที่ผมชอบเลยแม้สักนิดเดียว  ผมปฏิเสธไมได้ว่าผมเรียนได้  ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมผมถึงทำข้อสอบออกมาได้คะแนนดีทุกครั้ง  เคยมีคนบอกกับผมว่าถ้าเขาอ่านหนังสือเท่าผม  เขาจะไม่มีทางได้คะแนนสูงเท่าๆกับผมอย่างแน่นอน  ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงเป็นอย่างนั้น  ที่จริง..มันก็ไม่ได้น่าภูมิใจอะไรนักหนา  แต่มีคนหนึ่งที่ดูจะภูมิใจในทุกครั้งที่ได้เห็นคะแนนของผม  “อาฟ้า”..มักจะหน้าระรื่นเสมอและชอบเอาไปคุยอวดคนอื่นสามบ้านแปดบ้าน  ถ้าผมจะขอพรจากสวรรค์ได้สักข้อ  ผมคิดว่าผมจะขอพรให้อาเลิกเป็นคนอย่างนี้เสียที
“วันศุกร์นี้ปรายมีสอบเปียโนด้วย มัวแต่มาโทรตามคิวแบบนี้..มันจะไม่รอดเอานะ” ฝันพูดหน้าเครียด  ผมปิดหนังสือลง  นั่งใช้ความคิดว่ากี่วันมาแล้วที่เราต้องหงุดหงิดใส่กันเพราะความไม่เข้าใจอันไร้สาระนี่
“ฟู่..” ผมลูบหน้าลูบตาตัวเองก่อนจะหลับตาอย่างระงับสติอารมณ์  ในหัวผมมันคิดไปต่างๆนาๆว่าทำไมปรายถึงไม่เข้าใจผม  ทั้งที่แต่ก่อนนี้เธอไม่ใช่คนแบบนี้  พักนี้อาจจะมากเกินไปสักหน่อย  บางทีก็มากไปจนผมเกินจะรับ
“คิว..รับซะ แล้วก็บอกให้ปรายทานอาหาร ซ้อมเปียโน บอกว่าเราทำอะไรอยู่ แล้วจะนอนเมื่อไหร่..บอกฝันดี แค่นั้น..แล้วก็วางสาย” อาเดินมานั่งลงที่โซฟาตัวตรงข้าม  ผมมองหน้านิ่งเพราะมันไม่ง่ายอย่างที่อาพูดน่ะสิ  เมื่อไหร่ที่เริ่มพูด  ปรายจะเริ่มพาออกนอกเรื่องจนเรามีปากเสียงกันตลอด
“เรื่องง่ายๆแบบนั้นไม่เคยเกิดขึ้นมานานแล้ว” ผมพูดลอยๆ  ทั้งฝันและอาเงียบไป
“..นานมากจนเกือบลืม” ผมหลับตาและเอนตัวลงนอนอย่างรู้สึกเหนื่อยล้า  ผมเหนื่อย  ผมไม่ได้เหนื่อยเรื่องความรัก  ผมรักในความรักที่ผมมีให้กับปราย  แต่ผมพยายามเข้าใจในตัวเธอจนบางครั้งผมก็รู้สึกเหนื่อย  ที่จริง..เราสองคนกำลังเดินอยู่บนเส้นทางคล้ายกัน  เส้นทางที่ต้องต่อสู้กับบุคคลหัวกะทิมากมายซึ่งผมไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงไม่เข้าใจว่ามันยากแค่ไหน  ผมไม่ใช่คนที่ฉลาดอะไรมากมายอย่างที่คนอื่นชม..แต่ผมพยายาม  พยายามเป็นบ้าเป็นหลังที่จะตั้งใจเรียน  ฝึกฝนตนเองและอ่านหนังสือทั้งวี่ทั้งวันไม่มีแม้แต่วันหยุดให้ตัวเองได้ดำเนินชีวิตอย่างคนปกติธรรมดาทั่วไป  บางครั้งร่างกายผมบอกกับผมว่า “พอเถอะ..ฉันไม่ไหวแล้ว” ทั้งทั้งที่ใจสู้แต่บางครั้งความเหนื่อยล้ามักมาพร้อมกับความท้อถอยเสมอ  ซึ่งนั่นคือสิ่งที่ผมต้องต่อสู้กับมันมาตลอด 
ผมรู้ว่าอาฟ้ากำลังปกป้องผมในฐานะอาหลาน  อาเป็นคนเก่งและหัวดีมากกว่าผมมาก  เขาเป็นคนที่เข้มแข็งและต่อสู้กับอะไรๆมาด้วยตัวเขาเองตั้งแต่เด็กซึ่งแตกต่างจากผม  ถึงแม้ว่าจะมีคนไม่สนับสนุนการกระทำของผมมากมายแต่ก็ยังมีคนคอยห่วงใยซึ่งกรณีนี้ค่อนข้างต่างจากอาหื่นคนนี้หน่อย  เขามักจะกระตือรือร้นและสามารถยิ้มได้ในทุกสถานการณ์แม้กำลังเจอเรื่องบัดซบในชีวิตก็ตาม  ในบรรดาเพื่อนๆของอามักจะให้ฉายาอาว่า “เทพแห่งทุน” ผมคิดว่าถ้าผมจะกลายเป็นนักล่าทุนการศึกษาอย่างอาแล้วละก็..สักวันผมคงจะเป็นโรคประสาทตายเป็นแน่  ถึงผมจะพยายามเท่าอาแต่สุดท้ายแล้วอาก็ยังเก่งกว่าผมอยู่ดีแต่เขาไม่ค่อยแสดงออกให้คนอื่นเห็นก็เท่านั้น  เขาชอบทำตัวปัญญาอ่อนไร้สาระบ้าบอปกปิดทุกอย่างจนบางครั้งก็ดูน่าหมันไส้  ซึ่งแน่นอน..ผมอยากเป็นคนเก่งทุกด้านแบบเขาและเก่งให้ได้เสมอเขา  และผมเองก็อยากจะเข้มแข็งเพื่อที่จะปกป้องเขาเช่นเดียวกัน  เราควรหล่อเลี้ยงกันและกัน  ดังนั้นเราต่างต้องทำตัวเองให้เข้มแข็งพอที่จะก้าวเดินไปพร้อมๆกัน  สิ่งนี้ที่ผมเคยคิดว่าปรายจะเป็นผู้หญิงที่เข้าใจผมได้มากที่สุดรองจากแม่ของผม  แต่เมื่อไหร่กันนะ..ที่เธอคงลืมนึกไปเสียหน่อย


ติงต๊อง~


“...................” ทุกคนต่างเงียบเมื่อได้ยินเสียงกริ๊งของบ้าน  ต่างฝ่ายต่างมองมาที่ผมเขม็ง
“ใช่แน่” ทั้งอาฟ้าและฝันพูดพร้อมกัน
“อาเปิดเอง” อาพูดดักผมที่กำลังจะลุกขึ้น  ผมพยักหน้าให้ส่งๆและนั่งรอ  ผมกำลังพยายามทำใจให้สงบนิ่งเพื่อที่จะมีสติที่สุดในการพูดคุยกับเธอ 
ไม่ช้าปรายกับอาก็เดินกลับเข้ามา  ผมเงยหน้าขึ้นมองหน้าปราย  เธอตาบวม  สีหน้าเศร้าแต่เปี่ยมไปด้วยความหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด  ผมกำลังนึกถึงผู้หญิงสวยหน้าตามีเสน่ห์ที่ผมเคยได้เห็นครั้งแรกที่พบ  เธอคนนั้นเต็มไปด้วยความมั่นใจ  สดใสร่าเริงและเป็นกันเอง  มีลูกล่อลูกชนจนน่าค้นหา  ความคิดความอ่านของเธอเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้ผมตกหลุมรักเธอเข้าอย่างจัง  แต่ตอนนี้กลับมีนิสัยบางอย่างที่เปลี่ยนไป  หรือผมอาจจะเปลี่ยนไปก็ได้..ผมอาจจะไม่รู้ตัวเช่นเดียวกันกับเธอ
“ทำไมไม่รับโทรศัพท์” ปรายถามขึ้น  น้ำเสียงเรียบเหมือนเธอกำลังพยายามอยู่ด้วยเหมือนกัน
“คิวอ่านหนังสืออยู่ และ..เพราะรู้ว่าจะต้องคุยกันไม่รู้เรื่อง” ผมพูดตรงๆ   หลายครั้งผมมักคิดว่าหรือเพราะผมเป็นคนแบบนี้เธอถึงรับไม่ได้  มีเหตุผลอะไรผมมักจะพูดออกไปอย่างนั้นตามที่ใจคิดทั้งหมด  เรื่องราวมันจะได้ไม่เกินเลยเพราะหาว่าผมโกหก  เธออาจจะไม่ชอบใจ  แต่ผมไม่ได้เพิ่งทำนิสัยแบบนี้เสียหน่อย  ผมเป็นมาตั้งแต่แรกแล้วต่างหาก  แรกๆเธอคงลืมสังเกตไปละมัง
“วันนี้มันคงไม่สำคัญสำหรับคิวเลยสินะ” เธอพยายามยิ้ม  ผมเงยหน้าขึ้นมอง
“สำคัญสิครับ แต่คิวได้ทำเท่าที่ทำได้แล้วปราย..ปรายก็รู้ว่าวันมะรืนคิวมีสอบ” ผมพูดตอบ  วันนี้เป็นวันที่ปรายสารภาพรักกับผมและเป็นวันที่เราตกลงคบกัน  ผมจำได้ดี  มันต้องจำได้แน่อยู่แล้วเพราะนี่เป็นวันสำคัญจากคนพิเศษ
“ปรายก็มีเหมือนกัน” ปรายตอบกลับ  ปากของเธอเริ่มสั่น
“งั้นเราควรทำอะไรก่อนปราย หน้าที่..” ผมพูดพร้อมกับจ้องเธอเขม็ง  ปรายชะงักไป
“แต่คิวไม่ยอมรับโทรศัพท์ปราย เราไม่ได้คุยกันดีๆมากี่อาทิตย์แล้วคิว..เราไม่ได้เห็นหน้ากันมากี่อาทิตย์แล้ว” ปรายเริ่มขึ้นเสียงอย่างกระวนกระวาย  ใช่..เราแทบไม่ได้เจอหน้ากันมาหลายอาทิตย์  เจอกันเพียงไม่กี่นาทีก็ต้องแยกย้ายกันไป  บางวันไม่ได้คุยกันแม้ทางโทรศัพท์นานถึงสามสี่วันเพราะผมต้องอยู่ในครัวตลอด  เมื่อไหร่ที่ต้องทำอาหารหรือคิดสูตร  ผมสละเวลามารับโทรศัพท์ไม่ได้จริงๆเพราะสมาธิจะหลุดในทันที  นั่นหมายความว่าสูตรของอาหารก็จะหายวับไปกับตาด้วย  เราแทบไม่ได้ทานอาหารร่วมกันมาเกือบเดือนได้  แถมยังเป็นเกือบเดือนที่มีปากเสียงระหองระแหงกันด้วย
“คิวคิดว่าปรายจะเข้าใจคิว คิวไม่ได้มีใครที่ไหนอย่างที่ปรายเคยคิด ปรายเห็นไหมครับว่าคิวกำลังทำอะไร คนที่คิวอยู่ด้วยตอนนี้มีใครบ้าง นี่ใคร..แล้วนี่ใคร” ผมเริ่มขึ้นน้ำเสียงอย่างหนักแน่นบ้าง  มือชี้ไปที่อาและฝัน  ปรายเงียบ  ตัวของเธอเริ่มสั่น
“คิวดูเป็นคนยังไงเหรอปราย ปรายคิดว่าคิวเป็นคนยังไง..เจ้าชู้เหรอ หึ..คิวดูเป็นคนอย่างนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ครับคิวจะได้ปรับปรุงตัว” ผมลุกขึ้นพร้อมกับหยิบแก้วน้ำของตัวเองมาเพื่อหลบเลี่ยงไม่ให้ตัวเองอารมณ์ขึ้นไปมากกว่านี้  ผมรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่  เธอคิดว่าผมจะออกไปเที่ยวเล่นกับเซ็น  หรืออาจจะมีอะไรกับใครไปทั่วเหมือนที่เซ็นทำ  ไม่นานมานี้ผมแค่ไปนั่งดื่มเหล้ากับเพื่อนฝูง  ปรายก็อาละวาดจนเพื่อนอยู่ไม่ได้ต้องแยกย้ายกันไปคนละทาง  นี่เป็นอีกอย่างหนึ่งที่ถึงผมจะพูดจนปากฉีกเธอก็คงจะคิดไปไกลอยู่ดี 
ผมเดินนำแก้วไปรินน้ำร้อนตรงเคาร์เตอร์ “รับโทรศัพท์ปรายสักนาทีเดียว มันจะตายเหรอคิว” ปรายพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงปนหัวเราะ
“ตัวคิวนั่นแหละที่ทำให้ปรายเป็นแบบนี้..คิวทำอะไรที่คิวไม่รู้ตัวว่าเหมือนคิวกำลังเบื่อปราย รำคาญปราย” ปรายว่า  ผมหันตัวกลับไปมองหน้าเธอ 
“ใช่..คิวรำคาญ” ผมพูด  ปรายชะงัก
“ตอนนี้คิวก็กำลังรำคาญ รำคาญปรายที่เป็นแบบนี้ กำลังหาเรื่องคิว กำลังว่าคิว กำลังไม่เชื่อใจคิว..แต่คิวไม่เคยเบื่อปราย อะไรที่คิวทำให้ปรายคิดอย่างนั้นคิวก็ขอโทษ” ผมพูด  ปรายหันหน้าหนี  ดูเหมือนเธอจะสูดหายใจเข้าลึกมากก่อนจะปล่อยลมหายใจออกมา
“.................” ทุกคนต่างเงียบไป  อากับฝันนั่งเงียบต่างก้มหน้าลงเหมือนปล่อยให้เป็นเรื่องของเราสองคน
“ปรายลืมไปแล้วเหรอครับว่าคิวรักปราย” ผมพูดขึ้นเสียงเรียบเพราะอยากให้เธอมีสติมากกว่านี้
“แค่รักมันไม่พอหรอกนะคิว!” อยู่ๆปรายก็หันกลับมาตะคอกเสียงใส่
“ปราย” ฝันปรามขึ้น
“หึ..เฮอะ” ผมแสยะหัวเราะอย่างไม่เชื่อว่าคำพูดนี้จะหลุดออกมาจากปากของเธอ
“แล้วอะไรปรายที่ไม่พอ ปรายเองต่างหากที่ไม่พอ..ความรักของคิวที่มีให้ปราย ปรายพูดได้แค่นี้เหรอ..ใช่ คิวเป็นคนอย่างนี้ คิวไม่ได้ไม่เคยทำตัวแบบนี้เมื่อไหร่ คิวทำงานเป็นบ้าเป็นหลังมาตั้งแต่แรกปรายก็เห็น หรืออะไรที่คิวทำให้ปรายรู้สึกแย่ออกไป อะไรปราย..ทำไมคุณพูดแบบนี้” ผมพูดยาวอย่างเหลืออด  และพยายามอย่างที่สุดที่จะไม่ให้น้ำเสียงดังไปมากกว่านี้  ผมไม่อยากให้ตัวเองเป็นเหมือนพ่อ  ที่ไม่ว่าแม่พูดอะไรที่ไม่เข้าหู  พ่อก็มักจะตะคอกใส่แม่เสมอ
“แต่คอนเสิร์ตครั้งที่แล้วสำคัญกับปรายมาก แต่คิวไม่โผล่ไป..ปรายรอคิวจนเริ่มแสดง คิวรู้ไหมปรายเสียใจแค่ไหน! ไม่..คิวไม่รู้!!” เธอว่ากลับน้ำตาคลอ  ในวันนั้นผมทำได้เพียงสั่งให้ร้านดอกไม้นำดอกไม้ไปส่งให้เธอที่งานแสดงเพราะผมปลีกตัวไปชมไม่ได้จริงๆ  เนื่องจากศาสตราจารย์ที่คณะขอพบนักศึกษาชาวต่างชาติหลังเลิกเรียน  ซึ่งส่วนมากนักศึกษาที่มาก็มาจากหลากหลายประเทศล้วนแล้วแต่เป็นระดับหัวกะทิทั้งสิ้น  โดยเฉพาะนักเรียนชาวญี่ปุ่นและชาวเยอรมันที่เป็นคู่ปรับในคราสเรียนกับผมมาตลอด  ถ้าผมขาดนั่นหมายถึงผมไม่ให้เกียรติต่อศาสตราจารย์เองด้วย
“คิวรู้ แต่คิวไปไม่ได้..ไม่ใช่คิวไม่เสียใจ คิวเสียใจ..ต้องให้คิวทำยังไงถึงจะให้ปรายรับรู้ว่าคิวรู้สึกไม่ดี หรือต้องเอาเวลาทั้งหมดไปง้อให้ปรายเข้าใจ ถ้าปรายจะไม่เข้าใจ ก็คือไม่เข้าใจอยู่วันยังค่ำนั่นแหละ..” ผมหันหน้าหนีอย่างเหลืออด
“อึก..” ปรายร้องไห้ออกมา  ผมชะงัก  ฝันลุกขึ้นไปโอบกอดเพื่อนรักของเธอ  ผมถอนหายใจแรงก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปหาเธอเพื่อจะเข้าไปกอดปลอบเธอ
“ปรายผิดเองที่เห็นแก่ตัว แต่คิวเองก็เห็นแก่ตัวเหมือนกัน” ปรายว่าพร้อมทั้งร้องไห้  ผมชะงัก
“ใช่..คิวเห็นแก่ตัว ขอโทษด้วยแล้วกัน” ผมพูดเสียงเรียบและไม่คิดจะเดินเข้าไปหาอีก
“นี่แหละตัวคิว..ถ้าปรายรับไม่ได้ก็กลับไปเถอะครับ ไปคิดให้ดีว่าเราควรจะเลิกกัน หรือ..จะเข้าใจกันให้มากขึ้นกว่านี้” ผมพูดและเป็นคำพูดที่คิดดีแล้วก่อนจะพูดออกไป
“คิว” ทั้งฝันและอาปรามพร้อมกัน
“อึก..” ปรายร้องไห้หนักกว่าเดิม  อยู่ๆเธอก็เดินตรงเข้ามาหาผม


เพี้ย !!


ผมหน้าหันไปตามแรงตบจากมือน้อยๆของเธอ  มือที่ผมเคยพรมจูบครั้งแล้วครั้งเล่า  แต่นั่นล่ะดีแล้ว  ถ้านี่จะทำให้เธออาการดีขึ้นบ้าง  จะตบผมสักกี่พันครั้งผมก็จะไม่ว่าอะไร
“ปราย!” ฝันเรียกเสียงดังเมื่อเห็นว่าปรายวิ่งออกจากบ้านไป 
“คิว” ฝันหันมาเรียกผมด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“ต้องการอย่างนี้จริงๆเหรอ” ฝันพูด  สีหน้าของเธอดูผิดหวังในตัวผมอย่างเห็นได้ชัด  ผมพยักหน้าตอบ  ยืนเท้าเอวตัวเองอย่างต้องการหาทางออกแต่ในหัวกลับสับสนไปหมด

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-10-2012 09:11:34 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15
แกรก~


“ตามไปซะ” อาเดินมาพร้อมกับยื่นกุญแจรถให้  ผมยืนมองหน้าอาแต่ยังไม่รับมาถือไว้
“วันมะรืนนี้สำคัญกับอนาคตของปรายมาก ถ้าเกิดอะไรขึ้นเพราะคำพูดและการกระทำของแก..เชิญย้ายก้นออกจากบ้านนี้ไปได้เลย” อาพูดเสียงแข็ง  น้ำเสียงและสายตาดุดันอย่างที่ไม่ได้เห็นมานานมากแล้ว
“คิวผิดงั้นสิ” ผมย้อนว่าอย่างไม่สบอารมณ์
“ใช่ ปรายผิด..แต่แกก็ผิด คิว..” อาถอนหายใจแรง
“ในชีวิตนี้มีคนที่สำคัญมากอยู่กี่คน ถามตัวเองสิว่ามีปรายอยู่ในนั้นไหม..ถ้ามีก็ไปตามเค้ากลับมาและพูดกันให้รู้เรื่องซะ ถ้าวันมะรืนนี้ปรายทำออกมาได้ไม่ดี..โอกาสในการเป็นนักเปียโนของปรายก็จะดับไปด้วย คิวเดินอยู่บนชีวิตของการเรียนการฝึกฝนได้โดยไม่มีความรัก แต่สำหรับปรายไม่ใช่..ความรักของเธอเป็นตัวนำพาชีวิตและหน้าที่การงาน ตรงนี้คิวต้องเข้าใจเธอ..ต้องเข้าใจว่าคนเรามีพื้นฐานชีวิตที่ต่างกัน” อาพูด  พูดทุกสิ่งทุกอย่างในการเป็นตัวผมอย่างไม่น่าเชื่อว่าเขากำลังพูดในสิ่งที่ผมเป็นและผมเพียงลืมนึกถึงไปชั่วขณะ
ผมเอื้อมมือรับกุญแจรถจากมือของอามา  อาตบไหล่ผมสองสามที  ผมพยักหน้าให้ทั้งอาและฝันก่อนจะรีบวิ่งออกมาที่โรงจอดรถและขับรถตามปรายไป  ผมไม่รู้ว่าเธอขับไปทางไหน  หรือเธออาจจะขับกลับอพาร์ทเม้นท์ของเธอ  ผมขับไปตามทางนั่นอย่างรวดเร็ว  เมื่อถึงสี่แยกหนึ่งผมก็เห็นว่ารถของปรายอยู่ถัดจากคันข้างหน้าไปอีกสองสามคัน  ตอนนี้เองผมรู้สึกโล่งใจขึ้นที่ได้เห็น  ให้ตายเถอะ..เธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้ผมเป็นบ้าได้มากขนาดนี้  เมื่อไฟเขียว  ผมเร่งขับเร็วขึ้นเพื่อให้ทันเธอเพราะปรายขับออกตัวเร็วมาก  แต่ผมก็ทำอย่างนั้นไม่ได้ถนัดเท่าไหร่เพราะมีรถคันอื่นขับนำหน้าอยู่  อยู่ๆผมก็รู้สึกกระวนกระวายใจขึ้นมาเมื่อเห็นปรายขับรถอย่างไม่มีสติอย่างนั้น  ผมพยายามบีบแตรเพื่อให้เธอรู้แต่กลับยิ่งทำให้คันอื่นสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นแทน  นั่นยิ่งอาจจะทำให้รถคันอื่นไม่พอใจได้
“จิ..” ผมสบถอย่างไม่สบอารมณ์  เมื่อนึกขึ้นได้ว่าไม่ได้นำโทรศัพท์มือถือติดตัวมาด้วย  ในขณะเดียวกันผมก็เหลือบเห็นว่าไฟเขียวสี่แยกข้างหน้ากำลังกะพริบเตือนเปลี่ยนสัญญาณไฟ
“ไม่เอาน่าปราย” ผมได้แต่บ่นด้วยนึกกลัวใจว่าปรายจะไม่เหยียบเบรกเพราะรถของเธอยังเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วจนกระทั่งไฟเปลี่ยนเป็นไฟสีแดงเรียบร้อย  ผมรีบเหยียบคันเร่งและบีบแตรไล่รถคันด้านหน้า  แต่สถานการณ์มันเกิดขึ้นเร็วมาก  รถคันข้างหน้าไม่สามารถหลบหลีกให้ได้เพราะทั้งสองฝั่งของเรามีรถขนาบข้างอยู่เหมือนกัน


ปี๊มมมมมมมมมม !


เอี๊ยดดดดดดดดดดดดดด !!


โครม !!!


สิ้นเสียงตรงหน้าคล้ายกับหยุดหายใจไปชั่วขณะ  ผมทราบเพียงว่าผมลงออกมาจากรถ  จำเหตุการณ์นั้นได้ดีเพราะทุกนาทีที่เกิดขึ้นอยู่ในสายตาของผม  ภาพของรถอีกคันเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วปะทะอย่างจังเข้ากับรถของปราย  เสียงปะทะดังมากอย่างกับเสียงระเบิด  รถอัดกันแรงจนทำให้ต่างฝ่ายต่างกระเด็นไปคนละทาง  ที่ผมจำไม่ได้คือรถของปรายคว่ำไปกี่ตลบ  เห็นเพียงร่างของเธอที่กระเด็นออกมาจากรถ  เสียงรอบตัวเงียบลงอย่างกับถูกสาปไว้  ทั้งทั้งที่มีรถจอดติดไฟแดงอยู่นับร้อยคัน  ชั่วหนึ่งอึดใจ  ผู้คนต่างออกมาจากรถของตนอย่างกับลืมว่าที่จริงแล้วตนนั้นเร่งรีบที่จะเดินทางต่อ  ผมรู้ตัวเพียงว่าผมรีบวิ่งไปหาร่างของปราย  และหัวใจคล้ายกับแตกสลายจมดิ่งไปกับภาพตรงหน้า  ผมไม่ได้ตะโกนร้องบอกให้ใครโทรเรียกรถพยาบาล  หน้าของผมชา  หน้าอกกระเพื่อมแรง  รู้สึกอึดอัดเหมือนกับจะหายใจไม่ออก  กระทั่งร่างกายอ่อนไร้เรี่ยวแรงแต่ก็เหมือนกับมีบางสิ่งบางอย่างจุกอยู่ที่คอหอย  มันเกินกว่าที่ใครจะเข้าใจ  รับรู้ได้เพียงเหมือนกับสิ่งสำคัญที่สุด..ได้หลุดลอยไปแล้วและทำได้เพียงนั่งมอง เท่านั้น



= = = = = = = =


ปัจจุบัน  ณ ห้องฉุกเฉินโรงพยาบาล..
“น้ำ” ผมหันไปมอง  เซ็นยื่นขวดน้ำที่เปิดแล้วมาให้  ผมส่ายหัวตอบ
“ดื่มมันเพื่อกูหน่อย ให้กูรู้ว่ามึงยังมีสติน่ะนะ” เซ็นพูดหน้านิ่ง  มันชอบพูดทีเล่นทีจริงอย่างนี้เสมอ  มันพยักหน้าให้ผม  ผมรับขวดน้ำมาและดูดกลืนลงคอเพียงอึกเดียว  อีกฝ่ายรับขวดน้ำกลับไปถือไว้
“ขอบคุณ” มันพูดและปิดฝาขวดลง   
ร่างของเค้กถูกพาเข้าห้องฉุกเฉินไปเกือบชั่วโมงแล้ว  ผมไม่ได้เดินไปเดินมาอย่างในละครเพราะมันจะยิ่งทำให้ผมร้อนรน  หลังจากที่มาถึงโรงพยาบาลไม่นานนักอากับเซ็นก็มาถึง  ผมนั่งนิ่งมานานเท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้  ผมกำลังนั่งพยายามบอกตัวเองอยู่ตลอดเวลาว่า..คนข้างในจะไม่เป็นอะไร  ผมขอแค่นั้นเอง..ขอให้สวรรค์ได้โปรดเห็นใจผมด้วย 
“แม่เค้กมา” อาสะกิด  ผมหันไปมองและก็ต้องรีบลุกขึ้นยืน  ทั้งทั้งที่ก็ยังไม่รู้เลยว่าจะอธิบายแม่ของเค้กว่าอย่างไรดี  เธอเดินจนแทบจะกลายเป็นวิ่ง  หน้าตาของเธอร้อนรนจนผมอยากจะหายตัวไปซะเดี๋ยวนี้
“ใจเย็นๆนะครับคุณแม่ คือ น้องเค้ก..เข้าห้องฉุกเฉินไปได้สักพักแล้วครับ อยู่ในมือหมอ..คุณหมอต้องช่วยอย่างเต็มที่แน่นอนครับ” อาชิงพูดก่อน  อามักจะเป็นอย่างนี้  เมื่อไหร่ที่ผมก่อเรื่องเดือดร้อนอะไรอาก็มักจะออกหน้าก่อนผมเสมอทั้งที่ก็ไม่ใช่เรื่องของตน  หลายครั้งผมมักคิดว่า..หยุดยุ่งเรื่องของผมบ้างก็ได้  แต่ครั้งนี้ผมกลับรู้สึกขอบคุณอยู่ลึกๆ  ดีแล้วที่อาเอ่ยพูดก่อน  ตอนนี้ผมกำลังรู้สึกเหมือนกับว่าผมกลายเป็นคนขี้ขลาดอย่างที่ไม่ได้รู้สึกมานานแล้วเลยล่ะ 
“ขอโทษครับ ผมไม่ทันระวังเอง” ผมพูดแต่ไม่กล้าสบตาเธอได้เต็มตาสักเท่าไหร่นัก  มันน่าเจ็บใจที่ผมดันไม่เป็นอะไรเลยนอกจากฟกช้ำเล็กน้อยเท่านั้น  หรือคงเพราะรถชนเข้ามาที่ฝั่งของเค้กเต็มๆรึก็ไม่ทราบ
“อึก..” แม่ของเค้กตัวสั่นในทันที
“ไม่เป็นไรตู้ ไม่เป็นไร เค้กเป็นเด็กดี..เค้กจะต้องปลอดภัย” ผู้หญิงมีอายุอีกคนเข้ากอดแม่ของเค้กไว้  ผมไม่รู้ว่าเธอเป็นใครเพราะผมไม่เคยพบเธอมาก่อนหน้า
“เป็นความผิดของผมเอง ผม..ขอโทษครับ” ผมย้ำพูด  ผมไม่รู้ว่าผมควรจะพูดประโยคอื่นที่สำคัญมากกว่านี้ไหม  แต่ผมหาคำพูดอื่นไม่ได้จริงๆ  ทุกคนต่างอยู่ในความสงบเหมือนต่างฝ่ายต่างกำลังนั่งภาวนาให้เค้กปลอดภัยอยู่กันอย่างเงียบๆ  เวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงแต่กลับรู้สึกนานค่อนวัน
“หมอออกมาแล้ว” เซ็นพูดขึ้น  ผมรีบลุกขึ้นและเดินตรงไปหาหมอ  ทุกคนต่างวิ่งกรูเข้าไปหาหมออย่างมีความหวัง
“ยินดีด้วยนะครับ คนเจ็บปลอดภัยแล้ว” หมอยิ้มกว้าง  กว้างมากจนผมรู้สึกว่าหน้าของเขาเหมือนตัวการ์ตูนอย่างนั้น
“จริงเหรอครับ” อาและเซ็นพูดพร้อมกัน  ใบหน้าของทุกคนต่างมีรอยยิ้มออกมา  ผมเองก็ด้วย  ผมยืนนิ่งไม่ถามอะไร  แค่ประโยคเมื่อกี้เท่านั้นที่ผมต้องการได้ยิน
“ใช่ครับ..น่าแปลกมากนะครับ จากภาพที่คุณตำรวจนำมาให้ดู คนเจ็บน่าจะโดนชนเข้ามาเต็มลำตัว..แต่ทางเราได้เอ็กซเรย์แล้วไม่พบแม้กระทั่งกระดูกร้าว” หมอพูด  สีหน้าของเขาดูแปลกใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้นมาก
“หัวแตกทางด้านซ้ายนะครับ เย็บไปหลายเข็ม..คงเพราะถูกกระแทกเข้าอย่างแรงจนทำให้สลบไป เบื้องต้นก็ไม่พบความผิดปกติอะไร..ส่วนตามตัวก็มีแผลเย็บเล็กน้อยเท่านั้นนะครับ คงเพราะถูกเศษกระจกบาด..นอกนั้นก็จะเป็นรอยฟกช้ำที่เกิดจากแรงอัด อย่างอื่นปลอดภัยดีครับ” หมอยิ้มบอก
“ผม..ผมอยากให้คุณหมอเอ็กซเรย์ให้แน่ใจอีกทีหลังจากที่เขาฟื้น ผมหมายถึง..สมอง หรืออะไรประมาณนั้น” ผมพูดตะกุกตะกัก  พยายามรวบรวมคำพูดให้เป็นปกติ  หมอชะงักไปครู่หนึ่ง  อาตบไหล่ผมเบาๆ  ถ้าเหตุการณ์จะเกิดขึ้นซ้ำ  ผมกลัวว่ามันจะเป็นอย่างนั้นถึงแม้ว่าถ้ามันจะเกิดขึ้นอีกผมก็คงจะทำอะไรไม่ได้มาก  ผมดีใจที่ได้ยินคำว่าไม่พบความผิดปกติอะไร มันแตกต่างมากจากสิ่งที่ผมเคยได้ยินจากหมอท่านหนึ่งที่ประเทศอิตาลีว่า “เราพยายามอย่างสุดความสามารถแล้ว แต่สมองของคนเจ็บถูกกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง เราทำได้เพียงรอให้เค้ามีปฏิกิริยาฟื้นขึ้นมาเองเท่านั้น” ซึ่งผมไม่อยากได้ยินประโยคแบบนี้อีก
“ได้ครับ..ถ้านั่นเป็นความประสงค์ของคุณ หมอจะทำให้ได้แน่นอน..แต่ขอให้สบายใจได้ครับ ทางเราก็พยายามทำตามหน้าที่อย่างสุดฝีมือ ตอนนี้เดี๋ยวจะย้ายคนไข้ไปห้องพิเศษก่อน หลังจากที่คนไข้ฟื้น หมอจะตรวจร่างกายให้อีกครั้งครับ” หมอยิ้ม  เป็นรอยยิ้มที่สร้างความมั่นใจให้ผมได้มากทีเดียว
“ขอบคุณครับ ขอบคุณ” ผมพยักหน้าอย่างเข้าใจ
“งั้นหมอขอตัวก่อนนะครับ”
“ขอบคุณค่ะคุณหมอ” แม่ของเค้กพูดขึ้น
“ขอบคุณมากนะครับ” อาและเซ็นพูดก่อนที่หมอจะเดินจากไป
“เฮ้อ..อึก” แม่ของเค้กยิ้มกว้าง  เธอถอนหายใจแรง  ผมหันตัวหนีเล็กน้อยก่อนจะหลับตาลงและถอนหายใจแรงเช่นเดียวกัน  เซ็นเข้ามากอดผมพร้อมกับตบไหล่และลูบหลังผมอย่างแรง
“หึ..หึหึ” ผมหัวเราะ  เอาหน้าซบลงบนไหล่ของเซ็นอย่างช่วยไม่ได้เพราะรู้สึกเหมือนน้ำตาของตัวเองกำลังไหลลงมา  เซ็นกอดผมแรงมากขึ้นกว่าเดิมเหมือนมันรู้ว่าผมกำลังเป็นอะไร
“ปราย..ไม่ปล่อยให้มึงเสียใจบ่อยๆหรอก กูคิดว่าอย่างนั้นน่ะนะ” เซ็นพูดปนหัวเราะ  ผมกลายเป็นคนที่กลัวการสูญเสีย  ผมไม่อยากจะรับรู้รสชาตินั้นอีก  อย่างที่หลายคนเคยพูดเอาไว้..ว่าคนที่ไม่เคยสูญเสียสิ่งสำคัญในชีวิตจะไม่มีทางรู้ได้เลยว่ารสชาตินั้นมันเจ็บปวดทรมานมากแค่ไหน  ไม่มีทางรับรู้ได้เลยถ้าไม่โดนด้วยตัวเอง  ผมยืนนิ่งปล่อยให้เซ็นกอดผมอยู่อย่างนั้นอยู่นานมากพอที่จะได้ยินอาตกลงคุยเรื่องค่ารักษาพยาบาลกับแม่ของเค้ก
“นานแล้วนะที่กูไม่ได้เห็นน้ำตามึง” เซ็นกระซิบพร้อมกับปล่อยแขนออก ผมเช็ดน้ำตาอย่างลวกๆก่อนจะหายใจเข้าลึกๆ ผมผลักอกเซ็นเบาๆเพื่อต้องการห้ามปรามคำพูดของมัน
“จัดการเรื่องรถให้กูด้วย..เอามันไปให้พ้นหูพ้นตากูซะ” ผมพูดบอก
“หึ แต่ถ้าไม่ใช่เพราะมัน..ป่านนี้เค้กคงได้แบนแต๊ดแต๋ไปแล้วละกูว่า” เซ็นพูดติดตลก  ผมไม่ตอบอะไรเพราะเวลาผมเลือกซื้อรถผมจะให้ความสำคัญกับห้องผู้โดยสารมากกว่าส่วนอื่น  ก็บอกปัดไม่ได้ว่าการที่เค้กถูกชนเข้ามาเต็มที่ขนาดนั้นแต่ด้านในกลับปลอดภัยมากกว่าที่คาดเดาเอาไว้อาจจะเป็นเพราะมัน  ถึงแม้ว่ารถของผมจะมีประกันชั้นหนึ่ง  และราคาหลายสิบล้านแต่ผมก็ไม่อยากเห็นมันอีก  จะไปตายซากที่ไหนก็ไป..ผมไม่เสียดายและไม่ต้องการอีกด้วย
เรายืนพูดคุยกันอยู่หน้าห้องฉุกเฉินเพื่อรอให้พยาบาลย้ายคนไข้ไปที่ห้องพิเศษสักพัก  ผมออกตัวขอมาเฝ้าเค้กคืนนี้เองและแน่นอนว่าแม่เขาไม่ยอม  สุดท้ายแม่เค้กบอกว่าจะมาเฝ้าด้วยตนเอง  ส่วนพรุ่งนี้เธอลางานไม่ได้  ผมจึงขอลางานมาเฝ้าแทน 
หลังจากที่เค้กย้ายมาอยู่ที่ห้องพิเศษเรียบร้อย  อาฟ้ากับเซ็นกลับไปพร้อมกัน  ผมให้อากลับไปเตรียมอาหารมาให้  ถึงแม้โรงพยาบาลจะมีอาหารคุณภาพเตรียมพร้อมไว้ให้แล้ว  แต่เรื่องอาหารเป็นเรื่องที่ผมและอาค่อนข้างให้ความสำคัญมาตลอด  ดังนั้น..ผมก็อยากให้คนในครอบครัวได้ทานอาหารที่ดีที่สุดของครอบครัวด้วย  ซึ่งมันก็ต้องมาจากฝีมือของคนในครอบครัวเช่นกัน
ส่วนแม่ของเค้กกับเพื่อนของเธอได้กลับไปเพื่อไปรับน้องสาวของเค้กที่โรงเรียน  เธอจะต้องกลับไปที่บ้านและเตรียมเสื้อผ้ามาเพื่อเฝ้าเค้กในคืนนี้
“..อึ” ผมละสายตาจากหนังสือตรงหน้าทันทีที่ได้ยินเสียงครางเบาๆจากคนบนเตียง  ผมวางหนังสือลงบนโซฟาและรีบเดินเข้าไปหาอีกฝ่าย  เค้กลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ  คิ้วขมวดผูกกันเป็นโบก่อนที่เปลือกตาจะเปิดขึ้นอย่างเต็มตา
“ไง” ผมทัก  เค้กเหลือบมามองผมด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง  ในใจลึกๆกลับรู้สึกกลัวไม่ได้ว่าอีกฝ่ายจะความจำเสื่อมเหมือนในละครน้ำเน่าเฮงซวยพวกนั้น
“ฮะ” อีกฝ่ายตอบเสียงเบาจนแทบจะกลืนลงไปในลำคอ  เค้กเงยหน้าขึ้นจ้องหน้าผมเขม็งมีสีหน้าคล้ายกับเป็นกังวลอะไรสักอย่าง
“เรา..สี่แยก” อีกฝ่ายพยายามพูด
“อือฮึ สี่แยกบัดซบนั่น” ผมยิ้มน้อยๆอย่างรู้ว่าอีกฝ่ายต้องการพูดอะไรพร้อมกับรู้สึกโล่งอกด้วยเช่นกัน 
“รถชน” เค้กบอก  มือขวากระตุกขึ้นทั้งทั้งที่มีผ้าพันแผลอยู่  อีกฝ่ายยกมือขึ้นเหมือนต้องการจะมาจับผม  ผมนำมือไปจับตอบไว้เบาๆเพราะกลัวว่าเจ้าของมือจะเจ็บแผล
“ใช่..รถชนฝั่งของนาย ไม่ใช่ฉัน” ผมตัดบทให้เพราะรู้สึกรำคาญที่อีกฝ่ายพูดกระท่อนกระแท่นไม่จบเรื่องเสียที
“พี่คิว ไม่เป็นไร..ใช่ไหมครับ” อีกฝ่ายถามทั้งที่ก็เห็นว่าผมยังคุยด้วยอยู่อย่างปกติ
“หึ..ฉันปลอดภัยกว่านายเยอะเลย” ผมยิ้มให้  เค้กยิ้มตอบให้เล็กน้อยก่อนจะเหลือบตาลงมองสำรวจร่างกายของตนเอง  หลังจากนั้นก็เงียบไม่พูดไม่จา  คงเพราะกำลังตกใจกับแผลบนร่างกายของตัวเองนั่นล่ะ
“ทุกอย่างปลอดภัยดี” ผมพูดบอก  อีกฝ่ายพยักหน้าอย่างเข้าใจแต่ก็ไม่ได้เงยหน้ามามองหน้าผมอีก
“ไม่มีอาการว่าตรงไหนจะบุบสลาย หึ..นายพกของขลังอะไรรึไง” ผมแซวอย่างไม่ได้คิดอะไร  หมอบอกผมว่ามันมากกว่าจะเป็นปาฏิหาริย์เพราะมันแทบไม่น่าเชื่อว่าอีกฝ่ายจะไม่เป็นแม้กระทั่งกระดูกร้าว
“เอ๊ะ ใช่..” อีกฝ่ายอุทานด้วยน้ำเสียงแหบพร่า  ผมมองอย่างไม่เข้าใจว่าเป็นอะไร  เค้กนำมืออีกข้างที่ไม่ได้เป็นแผลที่มือมาลูบที่ต้นคอตัวเอง
“อาจจะเป็นของขลังสำหรับเค้กก็ได้ สร้อยของเค้ก..ไปไหนฮะ” อีกฝ่ายถามแกมหัวเราะ  พยายามยิ้มแต่สีหน้ากลับแฝงไปด้วยความกังวลอย่างเห็นได้ชัด
“พยาบาลเอาออกตอนทำความสะอาดแผลให้น่ะ แม่นายเก็บไว้ให้แล้ว” ผมบอกอย่างนึกโล่งใจแทนเพราะคิดว่าสร้อยเส้นนั้นคงสำคัญมาก  ผมเคยสังเกตเห็นตอนที่อีกฝ่ายถอดวางไว้ตอนอาบน้ำ  น่าจะเรียกว่าถือวิสาสะไปหยิบดูด้วยความอยากรู้ซะมากกว่า  สร้อยเป็นสร้อยเงินธรรมดาที่ด้านหนึ่งเป็นองค์พระพุทธรูปเลี่ยมทององค์เล็กคล้ายกับไม่มีอะไรไปมากกว่านั้น  แต่เมื่อพลิกกลับอีกด้านหนึ่งกลับพบรูปของผู้ชายมีอายุคนหนึ่งกำลังอุ้มเด็กผู้ชายหน้าคล้ายกับเจ้าของสร้อยสมัยประถมอยู่ด้วย
“อ่อ ครับ” อีกฝ่ายยิ้มออกมาน้อยๆและได้ยินเสียงถอนหายใจค่อยๆคล้ายกับโล่งอก
“พ่อให้..ตอนเค้กสอบเข้าม.ต้นได้น่ะฮะ” เค้กยิ้มพูด
“ฉันรู้..” ผมตอบไปทั้งทั้งที่ก็ไม่ได้รู้อะไรเลย  รู้เพียงแค่ว่า..มันสำคัญ  ใช่..รู้แค่นี้ก็พอแล้ว  คนที่ให้ความสำคัญกับอย่างใดอย่างหนึ่งมักจะมีเหตุผลที่บางคนอาจจะไม่เข้าใจเสมอ  และเพราะถึงอย่างไรก็แล้วแต่ของที่สำคัญก็คือของที่สำคัญอยู่วันยังค่ำ  ไม่มีความหมายต้องตีความให้มากกว่านั้น
“หิวน้ำรึเปล่า ฉันจะกดเรียกพยาบาลว่านายฟื้นแล้ว” ผมบอก  เค้กพยักหน้ารับ  ผมกดเรียกพยาบาลก่อนที่จะรินน้ำให้และนำมาป้อนอีกฝ่ายที่พยายามดื่มเข้าไปอย่างทุลักทุเล 
“เค้ก..ปวดหัว” เค้กพูด  ขณะเดียวกันพยาบาลก็เดินเข้ามาพอดี  ผมพอใจที่เห็นเธอเดินเข้ามารวดเร็วอย่างนี้  ถือว่าทำงานตามหน้าที่ได้เร็วคุ้มค่ากับเงินที่ผมต้องเสียให้ละนะ
“อืม ฉันรู้..เดี๋ยวหมอจะตรวจร่างกายนายอีกที ไม่เป็นไรนะ” ผมวางแก้วน้ำลงที่เดิมก่อนจะเอื้อมมือลูบหัวเค้กอย่างเบามือที่สุด 
“คุณหมอกำลังมาค่ะ” นางพยาบาลยิ้มบอก  เพียงไม่กี่อึดใจหมอก็เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับพยาบาลอีกคน 
“เป็นไงบ้างครับ ปวดหัวรึเปล่า” คุณหมอถามทันที
“ครับ” คนบนเตียงพยักหน้าเล็กน้อยตอบ
“มีอาการปวด หรือมึนครับ..เอาให้แน่นะ” หมอย้ำถาม  อีกฝ่ายเงียบไปครู่หนึ่งเหมือนใช้ความคิดสำรวจตัวเอง
“มึนครับ ตึงๆ..ตึงที่ต้นคอด้วย” เค้กตอบเสียงเบา
“โอเคครับ เดี๋ยวหมอขอตรวจร่างกายทั่วๆไปก่อนนะครับ..มีอาการยังไงให้บอกหมอทันที ถ้าหมอจับตรงไหนแล้วเจ็บ ก็ให้บอกหมอทันทีห้ามอดทนนะครับ”
“ครับ” เค้กพยักหน้า  เวลาผ่านไปเกือบยี่สิบนาที  ผมยืนมองอยู่ทุกรายละเอียดที่หมอได้ตรวจร่างกายตั้งแต่หัวจรดเท้า
“เบื้องต้นก็ไม่พบอะไรผิดปกตินะครับ ถ้าคุณอยากให้หมอเอ็กซเรย์เพื่อความแน่ใจอีกครั้งจริงๆ..ทางเราก็จะทำให้” หมอมองหน้าผมเหมือนขอการตัดสินใจ
“ครับ ผมต้องการความมั่นใจ” ผมพูดเป็นนัยให้หมอเข้าใจเอง
“โอเคครับ เดี๋ยวยังไงหมอจะให้พยาบาลมาตามอีกที”
“หลังจากนี้ก็ทานอาหารเย็นที่ย่อยง่ายๆได้ตามปกตินะครับ” หมอยิ้มบอก
“ขอบคุณครับ” ผมและเค้กยกมือไหว้ก่อนที่หมอจะเดินออกไป 
“ที่จริงไม่ต้องเอ็กซเรย์ก็ได้ฮะ” คนบนเตียงพูดขึ้น  เสียงก็แทบไม่มีแรงแต่ก็พยายามจะพูด
“หุบปาก” ผมว่าทำให้อีกฝ่ายเงียบลงในทันที
“ตัวเองเป็นคนพูดเองแท้ๆว่าปลอดภัยดี” อีกฝ่ายยังบ่นงุบงิบไม่เลิก
“บอกให้หุบปากไง” ผมพูดด้วยน้ำเสียงเซ็งใส่
“เค้กเป็นคนไข้นะ” อยู่ๆเค้กก็บ่นพึมพำเสียงเบาเหมือนต้องการเรียกร้องสิทธิพิเศษอย่างนั้น
“นั่นแหละยิ่งต้องหุบปาก” ผมย้ำพูดก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมากดโทรหาอา 
“อยากกินอะไรเป็นพิเศษก็บอกซะ” ผมยื่นโทรศัพท์มือถือให้อีกฝ่าย  เค้กรับไปอย่างว่าง่าย
“ฮะ..ตื่นเมื่อกี้นี้ครับ ตรวจแล้วครับ ไม่มีอะไร” เค้กพูดเสียงเบาเหมือนกลัวว่าผมจะได้ยิน
“อะไรก็ได้ แต่..อยากกินเครปเค้กนมสดครับ” เค้กพูดด้วยท่าทางเขิน  เหมือนอยากกินแต่ก็ไม่กล้าพูดเต็มปากเต็มคำเท่าไหร่นัก  แน่ล่ะ..ขนาดเพิ่งตื่นแต่กลับอยากกินนู่นกินนี่  คุณว่ามันน่าตลกไหมล่ะ
“ครับ..แค่นี้ ขอบคุณครับ” อีกฝ่ายพูดก่อนจะยื่นมือถือกลับมาให้ผม  ผมเหลือบมองที่หน้าจอโทรศัพท์  ปลายสายยังไม่ได้ตัดสายไป
“เอาไปเผื่อแม่เค้กไหม” อาถาม
“อืม..เอามาเผื่อด้วยก็ได้ คงจะยังไม่ทานมา แต่อาจจะเตรียมมาแหละมั้ง” ผมเดา
“โอเค แล้วคิวจะเอาอะไรไหม”
“ไม่ล่ะ จะกลับไปกินที่บ้าน” ผมตอบ
“โอเค เท่านี้ใช่ไหม”
“เอ่อ แล้วก็..เครปเค้กที่ผมเพิ่งทำเมื่อวานอยู่ในตู้เย็นห้องครัวทำเค้ก อาเอามาทั้งปอนด์นั่นแหละนะ” ผมบอก  ช่วงนี้ผมทำเครปเค้กบ่อยกว่าปกติเพราะคนบนเตียงชอบทาน  ที่จริงผมจะทำไปที่ร้านค่อนข้างจำกัด  แรกๆอีกฝ่ายก็บอกว่าขอออกเงินค่าส่วนผสมเพราะเกรงใจ  แต่ดูเหมือนช่วงหลังมานี่จะทานบ่อยไปหน่อย  เงินหมดกลายเป็นต้องเดือดร้อนเงินของผมแทน
“หึ..ได้” อาหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะตัดสายไป
“ขอบคุณครับ ฮื่อๆ” อีกฝ่ายหันมาหัวเราะทีเล่นทีจริง
“แม่นายกลับไปรับน้องสาวกับน้า..แล้วก็กลับไปเอาเสื้อผ้าด้วย ท่านจะมาเฝ้านายคืนนี้” ผมเดินเข้าไปใกล้เตียง  อีกฝ่ายพยักหน้าอย่างเข้าใจ
“แล้วพรุ่งนี้เช้าจะกินอะไร จะได้เตรียมมาให้” ผมถาม
“อะไรก็ได้” ผมยืนมองหน้าอีกฝ่ายที่ตอบว่า “อะไรก็ได้” แต่หน้าตากลับคิดหนักอย่างกับกำลังนึกเมนูอาหารอยู่ 
“แล้วก็..ตำรวจน่ะ เค้าถามว่าจะเอาเรื่องอีกฝ่ายรึเปล่า เพราะยังไงอีกฝ่ายก็ผ่าไฟแดง นายจะว่าไง” ผมถามเรื่องสำคัญที่ผมบอกตำรวจไปก่อนหน้าว่าผมยังไม่สามารถให้คำตอบได้ว่าจะเอาเรื่องคู่กรณีดีหรือไม่  ตอนนั้นผมนึกได้เพียงว่าถ้าเค้กไม่ฟื้นผมก็จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด  แต่ถ้าฟื้นผมก็จะให้เค้กตัดสินใจเองว่าจะจัดการกับอีกฝ่ายอย่างไร..
“เค้าเป็นไงบ้างเหรอฮะ” เค้กถาม
“เมา..” ผมตอบเสียงเรียบ  รู้สึกเซ็งอยู่ลึกๆว่าถ้าเค้กจะไม่เอาเรื่องผมเองก็รู้สึกไม่ชอบใจเท่าไหร่..หรืออาจจะไม่พอใจอย่างมากเลยล่ะ
“ยังไม่รู้สึกตัว คงเพราะฤทธิ์เหล้ากับได้รับแรงกระแทกอย่างแรง..ถุงลมนิรภัยไม่ทำงานน่ะ” ผมบอก  อีกฝ่ายหน้าเริ่มเครียดลงเรื่อยๆ
“แต่ก็ไม่ได้เป็นอะไรมากมาย แค่แขนหัก หัวแตก กระดูกข้อเท้าร้าว..น่าจะตายยากอยู่ ไม่นานก็คงฟื้น” ผมพูดบอกส่งๆ  ผมคิดว่าเขาสมควรเจ็บให้มากกว่านี้  อาจจะไหปาร้าหัก  ตับแตก  ขาเน่าติดเชื้อต้องตัดขาหรืออะไรประมาณนั้น  แต่ก็นะ..ดันปลอดภัยเกินไปอย่างไม่สมควรได้รับการอภัยจริงๆ
“พี่คิวครับ” อีกฝ่ายปรามเสียงเข้มเหมือนไม่พอใจในคำพูดของผม  ผมเบะปากให้อย่างไม่แคร์
“งั้นเค้กก็ไม่เอาเรื่องหรอกครับ แต่ก็ให้ตำรวจดำเนินการไปตามกฎหมายก็แล้วกัน”
“ตามใจ” ผมพูด  อีกฝ่ายมองเหล่ใส่ผม  ผมเท้าแขนลงบนเตียงและจ้องหน้าตอบให้ทำเค้กเหหันสายตาหนีไปอีกทางหนึ่ง  บางทีผมก็คิดว่าเด็กคนนี้กล้าทำสายตาหลากหลายใส่ผมมากขึ้น  โดยส่วนตัวแล้วผมเป็นคนชอบมองตาคน  สายตาสามารถพูดแทนคำพูดได้ทุกอย่างสำหรับผม  แต่คนส่วนมากกลับบอกว่าคำพูดนี้ใช้ไม่ได้ในกรณีที่ต้องพูดคุยกับผม  เพราะเขาไม่สามารถอ่านผมออกจากสายตาของผมได้เลยว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่
แต่ก่อนที่ได้เจอเค้กแรกๆผมคิดว่าเค้กเป็นมีนัยน์ตาที่แสนเศร้า  เพียงถ้าเขาไม่ยิ้มทุกอย่างก็คล้ายจะหมองลงในทันที  แม้กระทั่งบางครั้งที่ยิ้มสายตากลับแฝงไปด้วยความกลัวจนน่าใจหาย  ผมไม่รู้ว่าทำไมผมถึงรับรู้ได้ถึงความรู้สึกแบบนั้นของเค้ก  และผมไม่รู้ว่าคนอื่นจะรู้สึกแบบผมหรือไม่  เจ้าตัวเองก็อาจจะไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าตัวเองมีดวงตาที่แสนเศร้ามากเกินไป..มากเกินจนน่าสงสาร 
ผมชอบเวลาที่เค้กยิ้ม  แต่บางครั้งผมก็ไม่ชอบ  มันบอกไม่ถูก..เวลาที่หน้านิ่งๆไม่ยิ้มเลยก็ดูน่าค้นหาดีสำหรับผม  บางครั้งผมก็ไม่อยากให้เขาทำหน้าเศร้าบ่อยๆ  ถึงแม้ผมจะรู้ว่าเค้กเป็นคนเข้ากับคนง่าย  ชอบทำให้คนอื่นหัวเราะและเป็นคนร่าเริง  แต่นั่นล่ะที่ผมคิดว่านั่นเหมือนไม่ใช่ตัวเขา  เหมือนเขาพยายามไม่ให้ตัวเองหลุดออกไปจากโลกของพวกเรา  เสียงหัวเราะและรอยยิ้มคล้ายกับต้องการมีตัวตนอยู่ในพื้นที่เดียวกันและต้องการให้คนอื่นมีความสุขมากกว่าตัวเองอย่างนั้น  และถึงแม้ว่าผมจะชอบที่เห็นเขายิ้มแต่ผมก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าผมหลงใหลแววตาอันแสนเศร้าหมองคู่นี้
“นี่..ฉันเป็นคนจ่ายค่าห้องนะ ค่ารักษาตัวนายนี่ก็ด้วย..ไหนจะรถของฉันอีก” ผมพูด
“เค้ก ไม่ได้ขอ สักหน่อย” อีกฝ่ายพยักพเยิดหน้าตอบแต่กลับไม่ยอมมองตาผม  นั่นยิ่งทำให้ผมรู้สึกชอบใจ
“หึ..” ผมยิ้ม  ก่อนจะก้มหน้าลงไปใกล้อีกฝ่ายทำให้เค้กชะงักตัวแข็งทื่อ  อีกฝ่ายสบตาผมเพียงนิดเดียวก็เหลือบสายตาไปอีกทาง 
“จุ๊บ~” ผมก้มลงจูบปากเค้กเบาๆ  เค้กเบิกตาโพรงกว่าเดิมเมื่อรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น  เจ้าตัวก็รีบเม้มปากเข้าหากันในทันที  ทำเหมือนกับนั่นจะหลุดพ้นไม่ให้ผมทำอะไรเกินเลยได้อย่างนั้น  ผมยังคงไม่ถอยกลับมายืนอย่างเดิม  และก้มหน้าลงไปใกล้มากขึ้นจนปากของเราชนกันอีกครั้ง  ผมพรมจูบเบาๆทั้งทั้งที่อีกฝ่ายก็เม้มปากของตัวเองไว้อย่างไม่ยอมให้ผมทำอะไรไปมากกว่านี่  ผมไม่สนใจและจูบไล่ปากไปจนย้ำหอมลงบนแก้มของอีกฝ่ายเบาๆ  เมื่อเหลือบมองก็ต้องพบว่าเค้กหลับตาปี๋  ตัวสั่นอย่างกับลูกนก  เราไม่ได้จูบหรือหยอกล้อคลอเคลียกันอย่างนี้บ่อยเท่าไหร่  และผมไม่คิดจะรีบร้อนอะไรเพราะเค้กยังเด็ก  เขายังมีเวลามากพอที่จะเติบโตขึ้นอย่างสง่างามบนโลกแห่งนี้ซึ่งผมอยากให้เขามั่นใจว่าการที่เขาเลือกอยู่กับผมจะไม่ทำให้ชีวิตเขาเปลี่ยนไปแบบที่แท้จริงแล้วเขาไม่ต้องการ 
นี่คงเป็นการจูบครั้งที่สามหลังจากที่คบกันมาได้สองสามเดือน  ครั้งแรกเมื่อก่อนที่เราจะตกลงคบกันในห้องนอนของผม  แล้วก็หลังจากนั้นตอนที่ไปหัวหินกับที่ร้าน  และก็ตอนนี้ที่ผมต้องการรับรู้ว่าต่างฝ่ายต่างมีชีวิตอยู่  แค่นั้น..
“เหม็นแฮะ” ผมกระซิบบอก
“ใครใช้ให้เข้ามาใกล้เล่า..ออกไปสิฮะ” อีกฝ่ายหันมาค้อนหน้างอ  ผมหัวเราะก่อนจะกลับมานั่งอ่านหนังสืออย่างเดิม  เค้กไม่พูดอะไรอีก  นั่งเงียบอยู่นานจากแก้มที่แดงจากอาการเขินก็เริ่มจางลงเรื่อยๆ  ไม่กี่ชั่วโมงอาก็นำอาหารเย็นมาให้  เมื่อแม่ของเค้กมาผมก็ขอตัวกลับบ้าน





..................>>>><<<<..................

NC กระจาย..กร๊าก
PS.หลังจากนี้เบบี้มีสอบปลายภาค  จะมาต่อตอนพิเศษตอนของเค้กได้หลังสอบค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-10-2012 09:52:39 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15
แปะสารบัญที่คุณMust กรุณาทำไว้ให้นะคะ..ถ้าใครยังอ่านตอนอื่นไม่จบก็กดเข้าไปดูได้ จะได้สะดวกขึ้นค่ะ
ขอบคุณคุณMust อีกครั้งนะคะ ^_^



สารบัญ ~ Limited Lovers I, II & III ~
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-10-2012 09:19:00 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ gupalz

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4911
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +604/-20
มาขอต่อก่อนซักนิ๊ดดดดดด

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15
หว้าาาาา จบซะแล้วอะ    :เฮ้อ:
อ่านไปลุ้นไปทั้งเรื่องเลยพี่บี้สนุกมาก

อ่านมาตั้งนาน มี NC กัสเสียตัวครั้งเดียวเอง
 :m31: จะใสไปไหน ทั้ง ๆ ที่ก็มีงานทำกันหมดละ
ทีเรื่องไหนที่มีเด็ก ๆ นี่ เด็กโดนสอยกินหมด ๕๕๕๕๕
พี่บี้ชอบกินเด็กนี่หว่าาาา  :laugh:

แล้วพี่บี้ก็จะพักเขียนนิยายใช่ไหม? เหมือนที่เคยบอกไว้
 :sad4: ไม่ไปได้ไหม? ตอนพิเศษถ้าลงครบก็จะไม่ลงแล้ว
แล้วเราจะอยู่อย่างไร โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ พี่บี้รีบ ๆ กลับมานะ จะรอ....
v
v
เธออย่ามามั่ว  มีNCของฟ้าด้วยเหอะ..แต่แค่ฉากมันเล็กมากจนแทบมองไม่เห็นก็เท่านั้น(ใช้หลัก..จินตนาการเอาเอง)
PS. กินเด็กต้องอร่อยกว่าอยู่แล้ว (ใช้หลักเดียวกันกับไอ้พี) ฮ่าๆๆๆๆ

 :m25: :z1: :m20:

ออฟไลน์ snack

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 951
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-0
Re: ~Limited Lovers~ (SPECIAL)..Born to Die by Cupid [06/10/55 @ 09:25] P.321
«ตอบ #9617 เมื่อ06-10-2012 09:58:09 »

เกือบไปแล้วนะเค้กทำให้พี่คิวเสียน้ำตาเลย

must

  • บุคคลทั่วไป
Re: ~Limited Lovers~ (SPECIAL)..Born to Die by Cupid [06/10/55 @ 09:25] P.321
«ตอบ #9618 เมื่อ06-10-2012 10:15:19 »

อ๊ากกกกกกกกกกกก~ ในที่สุดก็ได้มาเข้าใจในมุมมองของพี่คิวบ้าง
ผู้ชายที่มั่นใจในตัวเองจนดูเหมือนไม่แคร์อะไร แต่ก็ยังมีุมุมที่อ่อนแออยู่
พี่คิวเป็นผู้ชายในอุดมคติมากอ่ะ สุขุมนุ่มลึก พูดน้อย ต่อยหนัก ช๊อบบบบบบ~
ขอ กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด~ ให้กับฉากคิวคลอเคลียเค้กที่เตียงคนไข้เลยอ่ะ
เป็นปรากฏการ์ณที่หาชมได้ยากยิ่ง แต่ก็น่ารักมว๊ากกกกกกกกกก~

ให้เบบี้ 1 กอด + 1 หอม + 1 จ๊วฟ และก็ + + + + +

Lover III ไม่ขอเอ่ยเพราะกำลังไว้อาลัยให้กับความเศร้าของพี่หมี พระเอกในดวงใจ กร๊ากกกกกกกกก~

สารบัญ ~ Limited Lovers I, II & III ~

ออฟไลน์ ToeyTato

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1289
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-1
Re: ~Limited Lovers~ (SPECIAL)..Born to Die by Cupid [06/10/55 @ 09:25] P.321
«ตอบ #9619 เมื่อ06-10-2012 10:16:56 »

จุ๊บ เค้าจุ๊บกันอีกแว้วววววว ดีจายยย มีอะไรให้ลุ้นตลอดดดด ชอบคิวเค้กที่สุด 555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ~Limited Lovers~ (SPECIAL)..Born to Die by Cupid [06/10/55 @ 09:25] P.321
« ตอบ #9619 เมื่อ: 06-10-2012 10:16:56 »





ออฟไลน์ โดดเดี่ยวแต่ไม่

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +178/-6
Re: ~Limited Lovers~ (SPECIAL)..Born to Die by Cupid [06/10/55 @ 09:25] P.321
«ตอบ #9620 เมื่อ06-10-2012 10:19:30 »

ใจหาย นึกว่าเค้กเป็นไรไปแล้ว :m15:  รออ่านตอนต่อไปครับ  :L2:

Tiamo_jamsai

  • บุคคลทั่วไป
Re: ~Limited Lovers~ (SPECIAL)..Born to Die by Cupid [06/10/55 @ 09:25] P.321
«ตอบ #9621 เมื่อ06-10-2012 10:23:40 »

  :z1:พี่คิวน่ารักกกกกกกกก :-[
 
อยากให้เค้กโตไวๆจัง พี่คิวจะได้ทำ :z1:    อะไรบ้าางงงงงง :impress2:


 

:pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-10-2012 10:55:09 โดย Tiamo_jamsai »

armmyrine

  • บุคคลทั่วไป
Re: ~Limited Lovers~ (SPECIAL)..Born to Die by Cupid [06/10/55 @ 09:25] P.321
«ตอบ #9622 เมื่อ06-10-2012 10:25:27 »

NC กระจาย..กร๊าก    :laugh:  กระจายจริงๆ ค่ะคุณเบบี้  กระจายสมกับที่รอคอย  น้ำตานะคะ แต่เช้าเลย :m20:

ออฟไลน์ rujaya

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +377/-1
Re: ~Limited Lovers~ (SPECIAL)..Born to Die by Cupid [06/10/55 @ 09:25] P.321
«ตอบ #9623 เมื่อ06-10-2012 10:30:09 »

จุ๊บกันแล้วอะ อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย :กอด1:

NC กระจายมากอะเบบี้ กระจายซะหาเกือบไม่เจอ  :laugh:

อยากอ่านตอนที่เค้กโดนคิวจูบครั้งที่สองที่หัวหินด้วยอะเบบี้ ได้ป่าววววววววววววววววววววววววว :z1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-10-2012 10:34:52 โดย rujaya »

ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7
Re: ~Limited Lovers~ (SPECIAL)..Born to Die by Cupid [06/10/55 @ 09:25] P.321
«ตอบ #9624 เมื่อ06-10-2012 10:33:25 »

อ่านมาทั้ง 3 คู่ ชอบคู่คิวกะเค้กมากที่สุด  :impress3:

ขอคิวหวานกะเค้กอีกนิดได้มั้ยอ่ะ  :กอด1:

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
Re: ~Limited Lovers~ (SPECIAL)..Born to Die by Cupid [06/10/55 @ 09:25] P.321
«ตอบ #9625 เมื่อ06-10-2012 10:48:49 »

คู่นี้ทำให้รู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันทีเลย
อดยิ้มไม่ได้เพราะคิว

ออฟไลน์ gupalz

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4911
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +604/-20
Re: ~Limited Lovers~ (SPECIAL)..Born to Die by Cupid [06/10/55 @ 09:25] P.321
«ตอบ #9626 เมื่อ06-10-2012 10:56:12 »

nc กระจายเลยตอนนี้
เค้กหายไวไวน้า

ออฟไลน์ iammz

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2681
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +292/-6
Re: ~Limited Lovers~ (SPECIAL)..Born to Die by Cupid [06/10/55 @ 09:25] P.321
«ตอบ #9627 เมื่อ06-10-2012 11:01:36 »

แอบมีมุมหวาน ๆ ... ทำให้ชุ่มชื่นหัวใจ

 :กอด1:

ออฟไลน์ poompoo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 107
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-0
Re: ~Limited Lovers~ (SPECIAL)..Born to Die by Cupid [06/10/55 @ 09:25] P.321
«ตอบ #9628 เมื่อ06-10-2012 11:07:04 »

น่าร้ากกกกกกกกกกกกกกก 

เป็น NC ที่รอคอยยจริงๆ    :-[

ขอให้เค้กหายเร็วๆน้า

กอดพี่คิว เอิ้กๆๆๆๆ   :laugh:

 :pig4:

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
Re: ~Limited Lovers~ (SPECIAL)..Born to Die by Cupid [06/10/55 @ 09:25] P.321
«ตอบ #9629 เมื่อ06-10-2012 11:12:58 »

เค้กน่ารัก

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด