(เรื่องสั้น) My angel of death ยมทูตขอรัก ตอนพิเศษ วาเลน+เรย์ Christmas day P.3
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (เรื่องสั้น) My angel of death ยมทูตขอรัก ตอนพิเศษ วาเลน+เรย์ Christmas day P.3  (อ่าน 32611 ครั้ง)

archaeoloable

  • บุคคลทั่วไป
วันนี้เอารูปมาฝากกันก่อนนะคะ ถ้าคืนนี้นักเขียนไม่ติดอะไร ก็จะลงได้เลย

เป็นรูปท่านเซบัส กับ นายเอก(อุบชื่อไว่ก่อน)

ใครที่ยังไม่รู้จักท่านเซบัส ติดตามได้ที่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32399.0 (เป็นเรื่องสั้นเรื่องแรกนะคะ)

ส่วนท่านเซบัส เป็นเรื่องที่ สอง จะพยายามปรับให้ดีขึ้นกว่าเดิม





Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-12-2012 21:03:19 โดย archaeoloable »

archaeoloable

  • บุคคลทั่วไป
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
 

ออฟไลน์ Zurruz

  • สาววายพันธุ์ยัน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 754
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
เพิ่งอ่านหินกับยุ่งจบพอดีเลย

พอมาดูเจอท่านเซบัสพอดี555

รอตอนเเรกค่ะ!!

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
รอด้วยๆๆๆๆ

Moonmaid

  • บุคคลทั่วไป
 :mc4:รอจร้า รอจร้าาาา

archaeoloable

  • บุคคลทั่วไป
My angel of death ยมทูตขอรัก!!!



ตอนที่ 1 เมื่อพบเจอ
 
“ท่านเซบัส ขอรับ ท่านเซบัสสสสสสสสสสสสสสสสส”

“อะไรของเจ้า วาเลน”

“ท่านเซบัส ที่ประเทศไทยมีวิญญาณที่พวกเรายังไม่ได้รับอีก 328 ตน”

“เจ้าก็ไปรับมาแล้วเอาไปให้ท่านยมสิ เจ้าจะเรียกข้าทำไม”

“328 ตนเลยนะขอรับท่านเซบัส”

“ตอนนี้ข้าไม่ว่าง เจ้าชวนยมทูตตนอื่นไปสิ”

“ไม่มีใครว่างเลยขอรับท่านเซบัส”

“นั่นมันเรื่องของเจ้า” ข้าได้แต่มองเจ้าวาเลนทำหน้าละห้อยคล้ายมันกำลังจะไปตาย แต่ยมทูตไม่สามารถตายได้อีกครั้งก็เหมือนกับการที่ยมทูตไม่สามารถกลับไปเป็นมนุษย์ได้อีก ข้านามว่า เซบัส ดาวีเน่ เป็นหัวหน้ายมทูตที่มีหน้าที่รับวิญญาณแล้วนำไปให้ท่านยมบาลตัดสินว่าวิญญาณตนนั้นๆสมควรขึ้นสวรรค์หรือลงนรก แต่ในโลกนี้มักมีข้อยกเว้นเสมอ เมื่อความดีและความชั่วของมนุษย์เท่ากัน วิญญาณนั้นๆจะไม่สามารถขึ้นสวรรค์หรือลงนรกได้และไปเกิดก็ไม่ได้ จะถูกพวกข้าพาไปส่งที่ทุ่งหญ้าทาทารัส ซึ่งเป็นที่อยู่ของพวกข้าด้วย วิญญาณที่อยู่ที่ทุ่งทาทารัสบางตนก็จะสมัครเป็นยมทูต บางตนก็อยู่เฉยๆและใช้ชีวิตปกติเหมือนมนุษย์ 

“ใจร้ายจังเลยนะ เซบัสที่รัก”คนที่เรียกข้าว่าเซบัสที่รัก มีอยู่คนเดียวที่เรียกแล้วข้าไม่เอาเคียวยมทูตฟัน คือ เรย์ ชอนแทเยอร์ หัวหน้ายมทูตอีกตน  ข้าได้แต่ปรายหางตามอง ขี้เกียจเสวนากับไอ้เสเพล

“โหมีปรายตามอง เจ้ากล้าใช้วาเลนสุดสวยของข้าทำงานหนักเรอะ?”

“ท่านเรย์ขอรับ ข้าไม่ใช่ของท่านนะขอรับและข้าก็ไม่สวยด้วย”ข้าเหลือบมองวาเลนเห็นเจ้านั่นเดินสะดิ้ง ? ออกไป -*-

“หึ งั้นเจ้าก็ไปช่วยวาเลนสิ”ข้าพูดกับเรย์ แต่ไม่ได้หันหน้าไปมอง ข้ากำลังสนใจหนังสือสัตว์โลกน่ารัก ที่ตอนนี้ข้าอยากเลี้ยงชูการ์ไกรเดอร์ ว่างๆข้าควรจะไปหาท่านสัตวบาล ให้หาวิญญาณชูการ์ไกรเดอร์มาให้ข้าเลี้ยง

“นี่เซบัส เจ้าจะเสียมารยาทกับข้าอีกนานไหม เพื่อนอุตส่าห์มาเยี่ยม”
ข้าเงยหน้าจากชูการ์ไกรเดอร์ หันไปมองหน้าเรย์แล้วข้าก็กลับมาอ่านหนังสือต่อ วิธีเลี้ยงชูการ์ไกรเดอร์ที่ถูกต้อง อาหารของมันคือหนอนตัวเล็กๆ แมลง

“นี่เจ้าเซบัส”

“อะไร” ข้าพูดแค่อะไรเสร็จ ไอ้เจ้าเรย์เดินมากอดคอข้าแล้วชะโงกมองหนังสือในมือข้า

“นี่เจ้ากำลังคิดจะเลี้ยงสัตว์รึไง หน้าอย่างเจ้าโคตรโหดเจ้าจะเลี้ยงชูการ์ไกรเดอร์  ไม่แอ็บแบ๋วไปหน่อยเหรอเพื่อน”

“แอ็บแบ๋วแปลว่า?”

“ไอ้ยมทูตหลังเขา ว่าแต่วันนี้ข้าชวนวาเลนผู้ช่วยเจ้าไปเที่ยว ได้ป่ะ”

“ถ้าข้าบอกว่าไม่”

“ข้าก็จะลากวาเลนไปอยู่ดี”

“แล้วขอเพื่อ?”

“บอกไว้ก่อนไงเพื่อน เดี๋ยวเจ้าหาผู้ช่วยไม่เจอ แล้วจะโมโห”

“ข้าดูโมโห?”

“ไม่เลยเพื่อน งั้นข้าเอาวาเลนไปได้แล้วใช่ป่ะ?”

“เจ้าต้องไปช่วยวาเลน รับวิญญาณ 328 ตนที่ประเทศไทยก่อน เพราะนี่คืองานของวาเลน”

“ถือว่าช่วยเพื่อนหน่อยสิเซบัส”

“ข้าว่าข้าช่วยเจ้ามาหลายครั้งแล้ว ทั้งที่เจ้าหอบวิญญาณแม่บ้านของข้าไปนอนกก ไหนเจ้าจะเอาวิญญาณ”

“พอ พอเลยเซบัสเจ้านี่มัน”

“ทำไม?”

“เจ้ามันเพื่อนสุดประเสริฐว่าแต่อย่าบอกเรื่องนี้ให้วาเลนรู้นะ”

“ข้าไม่เคยบอก”

“ดีมากเพื่อน คะแนนที่ข้าทำกับวาเลนเป็นร้อยปีจะได้ไม่สูญป่าว”

“เจ้าจริงใจกับวาเลนรึไง”

“แน่สิ ไม่งั้นข้าไม่ตามจีบตั้งนานหรอก”

“แต่วาเลนเป็นยมทูตชาย”

“ไม่แปลก ก็ข้าหลงใหลวาเลน”

“เรื่องของเจ้า”

“555 เย็นชาชะมัด เซบัสที่รัก ข้าไปก่อนนะ”

“ที่ข้าไม่เคยบอก เพราะ วาเลนเป็นคนรายงงานข้าเรื่องนี้”

“เจ้า =O=”

“เจ้ากำลังรบกวนเวลาของข้า” ข้าก้มหน้าลงมาอ่านหนังสืออีกครั้งหลังจากที่เสียเวลาไปกับไอ้ยมทูตเสเพล ในขณะที่ข้าตั้งใจอ่านกะว่าจะไม่สนใจอะไรอีกแล้วกลับได้ยินเสียงตะโกนโหวกเหวกโวยวายของวาเลนและเพื่อนของข้า เรย์ ชอนแทเยอร์

“ท่านเซบัส ทำไมท่านทำกับข้าเช่นนี้”

“เร็วสิวาเลนที่รัก พวกเราต้องไปเก็บวิญญาณอีกเยอะ ไหนจะไปเดินเที่ยวอีก”

“ท่านเซบัสใจร้าย ไม่เอา ข้าไม่ไปกับท่าน ท่านเรย์ปล่อย”

“ไม่ทันแล้ววาเลนที่รัก”สักพักเสียงเริ่มเบาลง สงสัยเรย์คงลากวาเลนออกไปได้สำเร็จ ทีนี้ข้าจะได้มีสมาธิกับการอ่านหนังสือต่อ หวังว่าคงไม่มีเรื่องวุ่นที่ต้องทำให้ข้าปวดหัวเหมือนวิญญาณตนที่แล้ว ที่ข้าปล่อยกลับเข้าร่าง วันนั้นข้าโดนยมบาลด่าซะหูชา ข้าเลยอ้างปลากะละมังนั้นที่เจ้านั่นปล่อย ทำให้ยมบาลลดคำด่าข้าน้อยลง(นิดนึง) แต่ไม่วายที่จะลงโทษให้ข้าไปเก็บวิญญาณเพิ่มอีกเท่าตัว

“ข้าหวังว่าคงไม่มีอะไรรบกวนข้าอีกนะ”ข้าได้แต่พึมพำกับตัวเองเบาๆ   








โลกมนุษย์

“ขนมอบลูก ไปดูให้ยายหน่อยสิว่าหม้อแกงสุกรึยัง”

“ครับยาย เดี๋ยวอบไปดูให้”
ผมชื่อ ขนมอบ ยายของผมเป็นคนตั้งให้เพราะยายขายขนมที่อบซะส่วนมาก ส่วนพ่อแม่ผมไม่มี ยายเล่าให้ฟังว่าแม่หนีไปกับพ่อ พอคลอดผมออกมาก็มาฝากยายเลี้ยง แล้วก็ไม่กลับมาหาผมอีกเลย ผมเลยไม่รู้ว่าความรักจากพ่อแม่เป็นแบบไหน ผมเกิดมาก็มีแค่ยาย บ้านของพวกผมอยู่ในสลัม ทุกๆเช้าผมกับยายจะเข็นขนมไปขาย เมื่อก่อนพอสายหน่อยผมก็จะไปโรงเรียน แต่พอผมจบม.หก ยายจะให้ผมต่อมหาลัย แต่ผมรู้ว่ายายไม่ได้มีเงินมากขนาดที่จะส่งเสียผมเรียนมหาลัยแล้วอีกอย่างผมไม่ใช่คนฉลาดออกจะเป็นคนโง่ ผมไม่มีทางที่จะสอบทุนได้แน่ๆ ผมเลยไม่เรียนต่อ แล้วมาช่วยยายขายขนม
   ผมเดินมาหลังบ้าน และเปิดฝาหม้อดูที่ตอนนี้หม้อแกงกำลังสุกได้ที่ผมเลยยกออกไป

“ยายครับ หม้อแกงสุกแล้ว หอมมาก ฝีมือยายผมนี่สุดยอดในประเทศไทยเลยนะนี่”

“ไม่ต้องชมยายขนาดนนั้น กินมาตั้งแต่เล็กจนโต”

“ก็มันหอมจริงๆนะครับ วันนี้ต้องขายหมดอีกแน่เลย”

“จ้า สมพรปากเถอะ ขนมอบ”ผมช่วยยายจัดแจงวางของบนรถเข็น ตอนนี้เป็นเวลาหกโมงเช้ากว่า ได้เวลาที่ผมกับยายจะออกจากบ้านไปขายขนมที่ตลาด

“ว่าไงขนมอบ วันนี้ก็มาช่วยยายขายขนมเหมือนเดิมนะเรา”

“ครับ ป้าอร วันนี้ขอให้ป้าอรขายหมูได้เยอะๆนะครับ”

“สมพรปากนะ ขายได้หมดเดี๋ยวป้าเลี้ยงข้าวเลย”

“ขอบคุณครับป้าอร”ป้าอรเป็นป้าที่ขายเนื้อหมูอยู่ข้างๆ รถเข็นยาย ทุกเช้าป้าอรจะทักผม สนิทกันเหมือนป้าแท้ๆของผม ป้าอรเป็นคนนิสัยดี แถมบ้านยังอยู่ข้างๆกันเลยสนิทเป็นพิเศษ

“นี่ เจ้าอร ทักแต่หลาน”

“ฮ่าๆยายก็ น้อยใจไปได้ วันนี้อรขอให้ยายขายดีๆถ้าเหลือเอาขนมแบ่งอรมากนะ”

“ของซื้อของขายเจ้าอร”

“โหย อรขายของดีกว่าไม่คุยกับยายแล้ว”ผมได้แต่ยิ้มๆท่าทางงอนๆของป้าอร

   ช่วงเช้าๆตลาดทีนี่คนจะเยอะเป็นพิเศษ เพราะแถวนี้อยู่ใกล้หอพัก โรงงาน หมู่บ้าน ทุกทีไม่เกินเที่ยง ผมกับยายจะขายขนมหมด เพราะขนมของยายอร่อยที่สุดในตลาดแล้ว แถมราคายังไม่ขูดเลือดขูดเนื้อ ยายบอกกับผมเสมอว่า ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน ยายสอนผมเสมอให้เป็นคนดี ไม่ว่าเราจะจนหรือจะรวย ถ้าเราชั่วเงินพวกนั้นก็ไม่สามารถช่วยเราได้มีแต่ความดีเท่านั้นที่อยู่กับเราจนวันตาย
ตามคาดผมกับยายขายขนมหมดก่อนเที่ยง ผมกับยายเลยไปเดินซื้อของในตลาดกะจะมาทำมื้อเที่ยง เดินซื้อของเลือกนู่นเลือกนี่ จนเจอกับเอ็มลูกชายเจ้าของตลาด ผมไม่รู้ว่าผมจะนับเอ็มเป็นเพื่อนได้รึป่าว บางทีเอ็มก็ทำดีกับผม บางทีก็ด่าผม

“สวัสดีครับคุณยาย สวัสดีขนมอบ”

“สวัสดีเจ้าเอ็มไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”

“ครับ ช่วงนี้เอ็มติดเรียนที่มหาลัย ว่างก็แค่วันนี้”

“งั้นเอ็มก็คุยกับขนมอบไปก่อนนะ ยายไปซื้อของอีกนิดหน่อยนะ คุยเสร็จไปเจอที่รถเข็นนะขนมอบ”

“ครับ ยาย”ยายปล่อยผมให้คุยเล่นกับเอ็ม ผมว่าผมกับเอ็มไม่เคยคุยเล่นกันสักครั้งมีแต่เอ็มด่าผมแบบเสียๆหายๆ

“ว่าไงไอ้หน้าตุ๊ด ไม่เจอกันซะนานขาวขึ้นเหรอ?”นั่นไงผมว่าแล้ว คุยกันร้อยครั้ง มีแค่เสี้ยววินาทีที่เอ็มจะคุยกับผมดีๆเช่น ขาวขึ้นเหรอ? ผมว่าดีที่สุดที่เอ็มเคยคุยกับผมมา

“มีอะไรอีกไหม ไม่งั้นผมขอตัวกลับก่อน”

“เดี๋ยวสิไอ้ก้าง ฉันคุยกับนายยังไม่จบเลยนะ”

“ผมเห็นแต่คุณด่าผม”

“ก็มันจริง หน้านายมันตุ๊ด หุ่นก็แคระแกนถามจริงเคยแดกไรเข้าไปไหม?”

“ผมก็กินข้าวเหมือนกับคุณ แค่ตัวผมมันเล็กเท่านั้น” พอผมพูดเสร็จ เอ็มหมุนตัวผมไปมา  จับหัวผมหมุนๆ นี่ตกลงเอ็มจะด่าผมหรือจะออกกำลังกายให้ผมกันแน่

“ตัวนายมันเล็กจริงๆด้วย ไอ้ก้าง”

“ถ้าไม่มีอะไร ผมขอตัวก่อนนะครับ”ผมรีบผละจากมือเอ็มเดินหนีออกมา ผมหันกลับไปมองเห็นเอ็มตบปากตัวเอง แต่ผมไม่สนใจหรอกเอ็มจะทำอะไรก็เรื่องของเขา ผมเดินไปหายาย จนผมไม่ได้ได้ยินประโยคบางอย่างจากปากเอ็มและผมคงไม่ได้ยินมันอีกเลยตลอดชีวิตผม

“ไอ้ปากหมา ไอ้เอ็มปากมึงนี่จริงๆเลยนะ รักเขาก็พูดไปสิโว้ย”




“ยาย กลับบ้านกันเถอะนะผมหิวข้าวแล้ว”

“อ้าวคุยกับเจ้าเอ็มเสร็จแล้วเหรอ ไปๆกลับบ้าน ยายก็หิวเหมือกัน”

“ครับยาย ผมเข็นไปเลยนะ” ผมกับยายเรากำลังจะเดินกลับบ้าน แค่ผมอยู่กับยายก็ทำให้ผมมีความสุขแล้ว  แค่ชีวิตธรรมดาๆไม่รวยอยู่แบบพอเพียง ผมกับยายข้ามถนนเสร็จ ยายผมลืมซื้อของอีกอย่างหนึ่ง ยายเลยเดินหันกลับไปข้ามถนน แต่ว่าไฟมันเปลี่ยนเป็นสีเขียว แถมยายผมยังอยู่กลางถนน ผมรีบวิ่งไปหายาย


“ยาย ระวัง”

เอี๊ยดดดดดดด โครมมมมมมมมม 

ผมรู้สึกว่าตัวผมกระเด็นไปพร้อมกับยาย แล้วสติผมก็เลือนรางลง

“คุณหมอคะ เราจะทำไงดีคะ เรื่องยายของเด็กคนนี้”

“ยังไงเราก็ต้องบอกเขา”

“แล้วเรื่อง”

“เราก็คงต้องบอกเขาทั้งสองเรื่อง”ผมได้ยินเสียงเบาๆแต่นั่นก็ดังพอที่จะทำให้ผมลืมตาขึ้นมา ผมกระพริบตาถี่ๆ เห็นเพดานสีขาว เห็นคุณหมอกับพยาบาล ผมอยู่ที่โรงพยาบาล? ครั้งสุดท้ายที่ผมคิดออกผมถูกรถชน ผมเอาแขนชันตัวเองขึ้น

“คุณหมอครับแล้วยายผมล่ะครับ”

“หมอว่าคนไข้พักผ่อนก่อนเถอะ”

“ไม่ครับ ผมจะไปหายายผม”

“เอ่อ คือน้องคะพี่ว่าน้องพักก่อนเถอะค่ะ”

“ไม่ครับ ยายผมล่ะ”

“หมอคะจะบอกดีไหมคะ”

“เสียใจด้วยนะ ยายของคุณเสียชีวิตตรงที่เกิดเหตุ”

“ยายผม เสียแล้ว?”

“พักผ่อนเถอะ”หมอกับพยาบาลเดินออกจากห้องไปทิ้งให้ผมนั่งบนเตียงคนเดียวในห้อง ผมได้แต่นั่งน้ำตาไหล ผมไม่เหลือใครแล้ว ยายผมไม่อยู่แล้ว แล้วผมจะอยู่กับใคร ทำไมต้องเอายายผมไปด้วย ทำไมฟ้ากลั่นแกล้งคนแบบผม ผมทำผิดอะไร 
ผมเดินออกจาห้องเพื่อจะไปถามพยาบาลว่าศพยายผมอยู่ไหน อย่างน้อยผมก็อยากเห็นหน้ายายเป็นครั้งสุดท้าย

“น่าสงสารเด็กคนนั้นจังเลยนะคะ”

“ใช่ค่ะนอกจากยายจะเสียแล้วยังเป็นมะเร็งอีก”

“โห เด็กคนนั้นชาติที่แล้วไปทำกรรมไรมา แล้วถ้าเขารู้เรื่อง เขาจะทำใจได้ไหม”

“ถ้าเป็นฉันคงเป็นบ้า รีบไปวัดความดันเถอะได้เวลาแล้ว”ผมได้ยินบทสนทนาทั้งหมด นั่นคงหมายถึงผมสินะนอกจากผมจะเสียยายไปแล้วผมยังเป็นมะเร็ง นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันทำไมมันต้องเกิดกับผม ผมไปทำอะไรผิด ตอนนี้ผมไม่เหลือใครแล้ว ขนาดตัวผมเองยังเป็นมะเร็งแล้วจะอยู่ไปเพื่ออะไรกัน
ผมตัดสินใจเดินเข้าไปในห้องพักของตัวเอง ผมไม่เหลือใครแล้ว ผมเป็นมะเร็งแล้วผมจะอยู่ไปทำไม ผมหันไปเห็นมีดปอกผลไม้ที่โต๊ะพอดี ผมไม่รู้จะอยู่เพื่ออะไรแล้ว ผมเดินถือมีดเข้าห้องน้ำกดล็อคประตูห้องน้ำ เปิดฝักบัวให้น้ำไหลไปตามร่างกายผม

“ผมขอโทษนะครับยาย ผมกำลังจะไปหายายเดี๋ยวนี้แหละครับ ยายรอผมด้วยนะ”ผมกดมีดลงกับข้อมือตัวเอง ไม่นานเลือดไหลออกมาตามข้อมือผมแล้วก็ตัดสินใจกดลึกลงไปอีกเพื่อให้ถึงเส้นเลือดใหญ่ ผมได้แต่ปล่อยให้เลือดผมไหล

“ผมรักยายนะครับ”




“ท่านนะท่าน ข้าบอกแล้วว่าข้ามารับวิญญาณเองได้”

“ข้าก็บอกเจ้าแล้ววาเลน ว่าข้าจะมาช่วย”

“ไม่เห็นต้องการให้ท่านเรย์ผู้สูงศักดิ์ มาช่วยเลยขอรับ”

“หึทำดีไม่ได้ดี ถ้าเมื่อกี้ข้าไม่ได้จักการวิญญาณเฮี้ยนที่ไม่ยอมไปกับเราดีๆ มีหวังป่านนี้เจ้าบาดเจ็บไปแล้ววาเลน”

“ข้าไม่ได้ขอร้องท่านซะหน่อยท่านเรย์ ข้าจัดการเองได้”

“เจ้ามายืนเถียงกับข้าแบบนี้ วันนี้เจ้าก็รับวิญญาณไม่หมดหรอก”

“เหลือแค่ดวงเดียว ถ้าท่านเบื่อท่านก็ไปที่ชอบที่ชอบสิ”

“ก็ที่ชอบของข้า มันคือเจ้านี่นา”

“ท่าน”

“ว่าไงจ๊ะวาเลนที่รัก”

“ข้าไม่คุยกับท่านแล้ว ข้าจะได้รีบรับวิญญาณแล้วแยกกับท่านทันที”

“ไม่ได้หรอกวาเลนจ๋า เจ้ายังต้องไปเที่ยวกับข้าต่อ”

“ไม่มีทางข้ายังมีงานต้องทำอีกเยอะแล้วอีกอย่าง ข้าไม่ใช่สตรีเพศที่ท่านต้องมาพูดจ๊ะจ๋าใส่ จำไว้ด้วยท่านเรย์”

“ลืมไปข้าไม่ใช่ เซบัส ถ้าเป็นเซบัสเจ้าคงอยากเดินเล่นต่อใช่ไหม”

“ใช่”

“เจ้าทำร้ายจิตใจข้าจัง แต่ไม่เป็นไร ข้าจะจีบเจ้าต่อไปเรื่อยๆ”

“ท่านนี่มัน”

“โอ๊ะ นั่นไงวิญญาณดวงสุดท้าย รีบกันเถอะวาเลนที่รักชักช้าจะเสียการใหญ่”

“ขอรับท่านเรย์”

“ชักไวๆจะใหญ่กว่าเดิม”

“อะไรนะขอรับ”

“ข้าแค่พูดว่า  ซักผักต้องซักไวไว จะใหม่กว่าเดิม”

“เกี่ยว?”

“ข้าพูดกับเจ้าแล้วชักช้า ไปรับดวงวิญญาณกันเถอะ”



ผมรู้สึกตัวผมเบาขึ้นผม แต่พอผมก้มลงผมกับเห็นร่างกายตัวเองนั่งพิงกำแพงห้องน้ำโดยที่รอบๆมีเลือดเจิ่งนองเต็มพื้น

“เจ้าชื่อ ขนมอบ ใช่ไหม”ผมหันกลับไปมองคนที่เรียกชื่อผม ผมเห็นพวกเขาสองคน คนหนึ่งตัวสูง หล่อแบบทะเล้นๆ ผมชักอิจฉานิดๆแล้วล่ะสิ ส่วนคนที่ถามผมมีหน้าออกแนวหวานๆ ตัวเตี้ยกว่าผู้ชายคนแรก แต่สูงกว่าผมนิดหน่อย

“เจ้ารู้ตัวรึยังว่าตายแล้ว”คนตัวสูงถามผมแล้วเดินเอามือมาพาดไหล่ผม

“เอ่อ...ครับ พวกคุณเป็น”

“พวกเราเป็นยมทูตน่ะ ฉันเรย์ ส่วนแฟนฉันวาเลน”

“ใครเป็นแฟนท่านกัน”

“ไม่เอาน่าวาเลน ดูสิวิญญาณทำหน้าเหมือนกินขี้เข้าไปทุกทีแล้ว”เอ่อ ผมกำลังสงสัยว่าผมทำหน้าเหมือนกินขี้เหรอครับ?

“ข้ามารับดวงวิญญาณเจ้า”คนที่ชื่อวาเลนพูดกับผมแต่มือเขากับเปิดหนังสือแล้วหันมาพูดกับผมอีกครั้ง

“เจ้าฆ่าตัวตาย”

“ครับผม”

“โอ้ว ขนมอบที่รักบาปหนักเลยนะ”ไม่ใช่ใครที่ไหนที่พูดกับผม คนที่ชื่อเรย์ แถมมือเขายังไม่เอาออกไปจากไหล่ผม

“ทีนี้เจ้าก็ได้วิญญาณครบ 328 ตนแล้วนะวาเลนจะไปเที่ยวกับข้าได้รึยัง”

“ไม่ไปขอรับ ข้ายังต้องเอาวิญญาณไปส่งให้ท่านยมบาล”

“หลังจากนั้นล่ะ”

“ข้าต้องกลับไปรับใช้ท่านเซบัส”

“อะไรก็เซบัสๆ ข้างอนเจ้าแล้ว”ผมว่าบรรยากาศของเขาสองคนเป็นสีชมพูแบบแปลกๆและผมกำลังคิดว่าผมเป็นส่วนเกิน

“เอ่อ พวกคุณมารับผมรึป่าวครับ”

“ใช่ข้ามารับเจ้า แล้วก็ไปกันได้แล้ว”คนที่ชื่อวาเลนจับมือผมแล้วผลักแขนของเรย์ออกจากไหล่ผม

“ไปกันได้แล้ว”

“หึ เจ้าได้วิญญาณครบ 328 ตน ข้าคงไม่มีความหมายแล้ว  ข้าลาล่ะวาเลน ส่วนเจ้าขนมอบที่รัก ขอให้เจ้าโชคดี”

“ไปซะได้ก็ดี”

“ท่านเป็นแฟนกับเขาจริงๆเหรอครับ”

“ถ้าเจ้ายังปากพล่อย ข้าจะสลายวิญญาณเจ้าซะขนมอบ”ผมได้แต่ก้มหน้าก้มตาเดินตาม เอ่อ ลอยตามวาเลนไป
ผมเพิ่งเห็นนรกเป็นครั้งแรก ตอนนี้ผมกำลังต่อแถวรอคำพิพากษาจากท่านยมบาล(วาเลนบอกผมมาแบบนั้น)  ผมพยายามมองหายายของผม แต่ผมมองหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ ผมต่อแถวไปเรื่อยๆจนถึงคิวผม

“นาย ขนมอบ  ไทยเจริญ ได้กระทำความดีมาตลอดชีวิต ไม่เคยฆ่าสัตว์ทำบุญตักบาตรทุกเช้า กตัญญูรู้คุณ ไม่เคยโกหก กระทำความดีทั้งชีวิต”

“แล้วความชั่วล่ะเจ้าสุวรรณ” 

“กราบเรียนท่านยมบาล ความชั่วสิ่งเดียวที่นายขนมอบทำ มีแค่การฆ่าตัวตายขอรับ”ผมได้แต่ยืนฟังความดีความชั่วของผม ผมผิดมากที่ฆ่าตัวตายแต่ผมไม่เคยมานั่งโทษในสิ่งที่ผมทำลงไป

“เจ้าขนมอบจงฟังข้า ถ้าเจ้าไม่คิดสั้นฆ่าตัวตายที่ถือว่าเป็นบาปร้ายแรงที่สุด เจ้าคงได้ขึ้นสวรรค์แล้วกลายไปเป็นเทพ แต่เจ้ากลับทำผิดอย่างมหันต์ เมื่อความดีและความชั่วของเจ้าเท่ากันเจ้าไม่มีสิทธิ์ขึ้นสวรรค์แล้วความชั่วที่ถูกหักล้างด้วยความดีทำให้เจ้าไม่ตกนรก และเจ้าจะไปเกิดไม่ได้เจ้าจะได้ไปอยู่ที่ทุ่งหญ้าทาทารัส ยมทูตพาตัวเจ้านี่ไปทุ่งทาทารัส”
ผมเดิน เอ่อ ผมลอยไปนอกห้องพิพากษาและมียมทูตตนหนึ่งมารับผมไป

“ว้าวขนมอบที่รัก เจ้าไม่ตกนรกเหรอเนี่ยแปลกใจมากๆ”ไม่ต้องมองก็รู้ว่าใคร คน เอ่อ... ยมทูตที่เรียกผมว่าขนมอบที่รักคน เอิ่ม...ตนเดียว(ผมยังไม่ค่อยชินกับภาษาวิญญาณที่ต้องใช้)ก็คงจะมีแต่ยมทูตที่ชื่อเรย์เท่านั้น

“ผมแปลกใจมากที่คุณเป็นคนไปส่งผมที่ทุ่งหญ้าทาทารัส”

“ยินดีมากเลย ข้าก็อาศัยอยู่ที่ทุ่งทาทารัส เดี๋ยวข้าจะพาเจ้าไปชม จับหลังข้าไว้แน่นล่ะข้าไม่ชอบลอยช้าๆ ข้าชอบความไว”
ผมเกาะหลังของเรย์แน่น ผมเชื่อแล้วล่ะว่าเรย์ชอบความไว แปปเดียวผมก็ลอยมาถึงทุ่งหญ้าทาทารัส (เรย์เป็นคนบอกผม) เป็นที่กว้างๆคล้ายโลกมนุษย์แต่เป็นสังคมแบบ เป็นทุ่งหญ้าสีเขียวกว้างๆมีบ้านทรงคล้ายๆเห็ดอยู่หลายหลัง มีผู้คนเดินไปมา เหมือนกับโลกมนุษย์เลยแต่ที่นี่จะดูสงบกว่ามาก อากาศเย็นๆ

“ที่ทุ่งหญ้าทาทารัสคล้ายโรคมนุษย์ของเจ้านั่นแหละ แต่ที่สงบสุขกว่ามากไม่วุ่นวายใช้ชีวิตก็แบบเดียวบนโลกมนุษย์ทำงานแลกเงิน เดี๋ยวข้าจะพาเจ้าไปบ้านพักของเจ้าแล้วกัน”เรย์พาผมเดิน ผมเดินจริงๆแล้วครับ เพราะตั้งแต่เรามาถึงทุ่งหญ้าทาทารัส เท้าผมก็รู้สึกได้ถึงการแตะพื้น ผมเดินตามมาเรื่อยๆจนถึงบ้านเห็ดของผม เรย์เปิดประตูเดินเข้าไป ผมมองสำรวจบริเวณภายในบ้าน ผมมองดูข้างนอกเป็นบ้านเห็ดที่เล็กมากๆ คือมันดูแคบและดูเข้าไปได้สามสี่คนก็อึดอัดแล้ว แต่พอเข้ามาข้างในจริงๆ กว้างมากๆ แถมข้างในยังแบ่งเป็นห้องๆ ไม่น่าเชื่อ ผมเพิ่งเคยเห็นบ้านที่ดูข้างนอกแคบแต่ข้างในกว้างขวาง

“แตกต่างล่ะสิ ในทุ่งหญ้าทาทารัสนี่สบายกว่าโลกมนุษย์ของเจ้าเยอะเลย ขนมอบขาพาเจ้าเดินดูรอบเสร็จแล้วข้าแนะนำให้เจ้าออกหางานทำเพราะที่นี่จะต้องมีตัวกลางแลกเปลี่ยนสิ่งที่เจ้าอยากได้ในโลกของเจ้าก็คงเรียกว่าเงิน ค่าเงินในที่นี่เรียกเป็นดอล แบ่งออกเป็นสามดอล ดอลแดง ดอลเงิน ดอลทอง สิบดอลแดงแลกได้หนึ่งดอลเงิน สิบดอลเงินแลกได้หนึ่งดอลทอง เจ้าสามารถหางานได้ที่สำนักหางานทุ่งหญ้าทาทารัส แต่ถ้าตอนนี้เจ้าไม่มีเงินก็สามารถไปขอข้าวเช้า กลางวัน เย็นได้ที่ส่วนกลางของที่นี่ เจ้าถามคนแถวนี้ก็รู้เองแหละ ข้าแนะนำเจ้าเสร็จแล้วข้าขอตัวไปหาวาเลนก่อน” ผมกำลังคิดว่าเขาหายใจทางไหน ผมเพิ่งรู้ว่าผมมียมทูตพูดมากเอ่อ คือพูดเยอะไปหน่อย ในขณะที่เขากำลังจะลอยหายไปผมก็เพิ่งนึกขึ้นมาได้

“เดี๋ยวก่อนเรย์”

“หือเจ้าเรียกข้าว่าเรย์เฉยๆเหรอ”

“ทำไมเหรอ ผมต้องเรียกคุณว่าอะไร”

“ดีแล้วๆเรียกข้าว่าเรย์ ข้าอยากมีเพื่อนสนิทอีกคนที่เรียกข้าว่าเรย์เฉยๆ ข้าเบื่อเต็มทีกับคำว่าท่านเรย์ ข้าล่ะเซ็งเป็ด”

“เรย์รู้จักคำว่าเซ็งเป็ดด้วยเหรอ”

“ข้าก็วัยรุ่นนะขนมอบที่รัก ว่าแต่เจ้าเรียกข้าทำไมเหรอ”

“คือผมอยากถามว่า เรย์เป็นแฟนกับวาเลนจริงๆเหรอ”

“ข้าหวังให้เป็นตามที่เจ้าพูดนะ แต่ในความเป็นจริงมันไม่ใช่ ข้าแค่คนเดียวที่รักวาเลน”

“ผมเชื่อครับ ว่าวาเลนต้องรักเรย์แน่ๆ ผมดูคนเก่งนะครับ”

“เฮ้อเจ้านี่พูดทำให้ข้ามีความหวังนะ แต่ก็ไม่เคยหมดหวังข้ามีความหวังมาเป็นร้อยปีแล้ว เจ้าพูดดีนะเนี่ยเห็นแก่เจ้าเป็นเพื่อนสนิทคนที่สองของข้า อยากให้ช่วยอะไรบอกมาได้เลยนะ”

“ผมอยากขอให้เรย์ช่วยผมอีกอย่างหนึ่งได้ไหมครับ”

“ได้สิข้าเพิ่งบอกเจ้าไปเองเมื่อกี้”

“ช่วยหางานให้ผมทำได้ไหมครับ คือผมไม่รู้ว่าจะทำงานอะไร ที่นี่แตกต่างจากที่ผมเคยใช้ชีวิตอยู่”

“แปปนะ ข้าขอใช้ความคิดก่อน”แค่หางานให้ผมทำ ถึงกับต้องใช้ความคิดผมนึกว่าเขาพูดมากแล้วเขาจะแสนรู้ เอิ่ม...คือมากไปด้วยความรู้รอบตัว



....ฮัดเช้ย...
ข้าว่าข้าต้องเป็นหวัดหรือไม่ก็คงมีใครนินทาข้าอยู่  ขณะที่ข้ากำลังอ่านหนังสือสัตว์โลกน่ารักเพื่อหาสัตว์อื่นที่ทดแทนชูการ์ไกรเดอร์ที่ตอนนี้วิญญาณมันขาดแคลน

“ท่านเซบัสขอรับ ท่านเรย์ขอพบ”

“เรย์ขอพบข้า?” ที่ข้าแปลกใจไม่ใช่ว่าเขามาหาข้า แต่ข้าแปลกใจตรงที่ไอ้เสเพลนั่นมันขอพบข้า? ทุกทีมันเคยขอพบที่ไหนเดินเข้ามาเลย

“ขอรับ ผมให้เขารอด้านนอก”

“วาเลน ให้เข้ามา”ข้าก้มลงอ่านหนังสือต่อคงไม่มีเรื่องอะไรนอกจากไอ้เสเพลจะเอาเรื่องข้ามาอ้างแล้วแอบพาผู้ช่วยข้าไปเที่ยวอีก

“ขอรับ”วาลินเดินออกไปไม่นาน สักพักไอ้เสเพลก็เดินเข้ามา

“เซบัสที่รัก เพื่อนรัก มายดาร์ลิ๊งค์”

“ข้าจะอ้วก”

“โห่ ไอ้เพื่อนยาก วันนี้ข้ามีคนแนะนำให้รู้จัก”ข้าเหล่ตาไปมองมัน เห็นคน ต้องบอกว่าวิญญาณสินะ แอบอยู่หลังไอ้เสเพล

“ใคร?”

“แท่น แท๊น ชื่อขนมอบจะมาเป็นแม่บ้าน เห้ย พ่อบ้านแทนคนเก่า”

“ที่เจ้าเอาไปนอนกกเหรอ?”

“เงียบๆสิโว้ย” ข้าไม่ค่อยสนใจไอ้เสเพลนี่เท่าไร ข้าปิดหนังสือแล้วเงยหน้ามองเจ้านั่นแบบเต็มๆแต่เจ้านั่นก็ยังแอบอยู่หลังเรย์ไม่ห่าง

“นี่อย่าแอบอยู่หลังข้าสิ ข้าอุตส่าห์แนะนำที่ทำงานให้เจ้านะ”

“แต่ผมกลัว เรย์ให้ผมไปทำงานบ้านคุณแทนไม่ได้เหรอ”

“จะบ้าเหรอ แค่บ้านข้าก็มีแม่บ้านปาไปเป็นร้อย ข้าเพิ่งเอาแม่บ้านของไอ้หมอนี่ไป”ถึงจะกระซิบกันแต่ข้าก็หูดีนะ

“เซบัสเพื่อนยากข้าไปก่อนล่ะ ข้ามีงานที่จะต้องทำ ลาก่อนขนมอบ” ไอ้เสเพลหันมาลาข้าแล้วกลับไปพูดกับวิญญาณข้างหลัง ทำให้วิญญาณนั่นอึ้งเล็กน้อย ที่อยู่ดีๆเรย์ก็หายตัวไป

“เจ้าตกลงจะทำงานกับข้าหรือไม่”ข้าถามกับวิญญาณตนนั้น ถึงข้าจะบอกว่าถาม แต่เสียงของข้าคล้ายกับตวาดจนทำให้วิญญาณตัวเล็กอยู่แล้วกลับเล็กลงไปยิ่งกว่าเดิม

“ครับ ผมจะทำงานกับท่าน”

“ยินดีที่รู้จัก ข้าเซบัส”

“ผมชื่อขนมอบครับ” ขนมอบเป็นชื่อที่แปลกดีนะ ชื่อจะแปลกยังไงก็ช่างว่าแต่ไอ้หมอนี่ตายยังไงกันล่ะ


 :bye2: :bye2: :bye2:


ไม่รู้ว่าดีกว่าเดิมหรือแย่กว่าเดิม เรื่องที่ 2 ค้าาา :mc4: :mc4: :mc4: ฮิ้วๆ *ขอฝากอะไรไว้สักอย่างถึงจะสิ้นหวังยังไงไม่เหลือใครก็อย่าฆ่าตัวตายนะคะ มันเป็นบาป(มากๆ)


While we breathe, we hope.
ตราบใดที่ยังมีลมหายใจอยู่ พวกเราก็ยังมีหวัง


ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
ชอบอ่ะๆๆๆ
น่าติดตามมากค่า
เป็นกำลังใจให้นะ

ออฟไลน์ beebutta

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ตามมาจากเรื่องแรกจร้า
แต่งได้สนุกมากเลย o13

ออฟไลน์ pedgampong

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 193
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
While we breathe, we hope.
ตราบใดที่ยังมีลมหายใจอยู่ พวกเราก็ยังมีหวัง ,,,,,

Jing ka I'm agreed :) anyway keep waiting for the next episode na ka  :กอด1:

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
"ขนมอบ"ทำให้อยากินขนมไทยเลยอ่ะ

รอตอนต่อไป

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: (เรื่องสั้น) My angel of death ยมทูตขอรัก
« ตอบ #9 เมื่อ: 15-04-2012 11:23:28 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
ชื่อน่ากินมาก

ออฟไลน์ Lemon_Tea

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1641
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-2
ขนบมีคนมาซื้อแล้ว
อ่ะ ไม่ใช่ มีเจ้านายแล้ว ^^

archaeoloable

  • บุคคลทั่วไป
     
แหะๆๆๆ เราจากที่เฟิร์นเอาหัวไถๆกับพื้น :z10: ก็ออกตอนที่สองออกมา ตอนนี้พยายามจะแต่งให้ยาวกว่าเรื่องแรก ขอประกาศไว้เลยว่าเรื่องที่เฟิร์นแต่งทุกเรื่อง(สองเรื่องเอง) ไม่ค่อยมีสาระ และไม่ค่อยเน้นหลักความเป็นจริงสักเท่าไร ไม่อิงอะไรทั้งนั้น ตอนนี้พยายามปรับภาษาให้เห็นภาพมากขึ้นไม่รู้ว่าจะแย่หรือดีกว่าเดิม เป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ(นักเขียนป้ายแดง ที่จะเปลี่ยนเป็นป้ายขาวถ้าแต่งเรื่องสั้นครบ 5 เรื่อง ^^)


                    บทที่ 2 ความจริงที่ปรากฏ


           หลังจากที่ผมอยู่ในบ้านเห็ดของท่านเซบัสได้ 2อาทิตย์ ผมต้องทำงานเป็นแม่บ้าน ผมเลยต้องมาอยู่บ้านท่านเซบัสเป็นการถาวร ท่านเซบัสให้ผมไปศึกษางานแม่บ้านจากวาเลน ท่านเซบัสบอกผมว่าที่ต้องทำงานเป็นแม่บ้านเพราะเรย์เอาแม่บ้านของท่านไป บ้านเห็ดของท่านเซบัสแตกต่างกับบ้านเห็ดของผมมาก ถึงดูลักษณะภายนอกจะเหมือนกันทุกอย่างแต่ภายในบ้านเห็ดของท่านเซบัสดูอลังการกว่าบ้านผมมากๆ ข้างในมีแต่ของหรูๆ ในบ้านเห็ดยังดูคล้ายปราสาท ส่วนเรื่องงานวาเลนเป็นคนบอกเกี่ยวกับเรื่องต่างๆทั้งเวลาที่ท่านเซบัสตื่น ที่ผมต้องไปปลุกถึงเตียง เพราะท่านเซบัสเป็นคนขี้เซามาก เตรียมน้ำให้ท่านเซบัสอาบ เป็นงานแม่บ้านที่ดูแลเฉพาะท่านเซบัสอย่างเดียว วาเลนเป็นคนบอกผม แล้วผมก็เพิ่งรู้ว่าท่านเซบัสและเรย์เป็นหัวหน้ายมทูต ส่วนวาเลนเป็นผู้ช่วยท่านเซบัส ผมไม่แปลกใจถ้าท่านเซบัสมีตำแหน่งใหญ่โต แต่ผมว่าเรย์นิสัยไม่น่าเป็นหัวหน้ายมทูตได้เลย ถ้าคนที่เล่าให้ผมฟังไม่ใช่วาเลนผมคงไม่เชื่อ


“ขนมอบ เจ้าไปหยิบหนังสือขนมไทยชาววังมาให้ข้าอ่านหน่อยสิ” ผมอยู่ในบ้านท่านเซบัสมาสามวัน ท่านเซบัสเป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือมาก ท่านเซบัสตื่นเช้ามา อาบน้ำกินข้าวเสร็จ ก็จะหยิบหนังสือมาอ่าน ห้องหนังสือที่ท่านเซบัสให้ผมไปหยิบมีหนังสือเป็นพันๆเล่มแต่ดีหน่อยที่นี่เป็นโรคหลังความตายแค่เดินเข้าห้องไปแล้วพูดชื่อหนังสือหรือไม่ก็พูดเกี่ยวกับเนื้อหาในหนังสือ มันก็จะลอยมาเอง สบายกว่าโลกมนุษย์ตั้งเยอะ

“ได้ยัง?”

“ได้แล้วครับ ท่านเซบัส”

“แล้ววาเลนล่ะ?”

“เมื่อกี้เรย์ชวนวาเลนไปเที่ยวครับ”

“ไอ้เสเพลนั่นชวนผู้ช่วยข้าไปเที่ยวอีกแล้วงั้นสิ”

“เอ่อ มีธุระอะไรรึป่าวครับ แต่เมื่อกี้ทานเซบัสเป็นคนอนุญาตให้ไปเองนะครับ”

“ข้าอนุญาตตอนไหน”

“ก็เรย์บอกว่าท่านอนุญาต”

“ข้าเข้าใจแล้ว เจ้านั่นคงอ้าง ถึงข้าห้ามมันก็ลากวาเลนไปด้วยอยู่ดี”

“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”ผมกำลังจะขอตัวไปทำความสะอาดทั่วๆไป ถึงท่านเซบัสจะไม่ค่อยใช้งานผมให้ทำความสะอาดเท่า
ไหร่ แต่ผมก็เกรงใจท่าน 2อาทิตย์ที่ผ่านมาผมยังไม่เคยเห็นท่านเซบัสออกจากปราสาทสักครั้งเดียว วันๆเห็นมานั่งกลางห้องโถงถือหนังสือมาเล่มหนึ่งแล้วอ่านๆ แต่ผมสงสัยว่าท่านเซบัสชอบเรียกผมบ่อยๆ ทำไม บางทีเรียกมาแล้วมองหน้าก็ก้มอ่านหนังสือต่อ บางทีเรียกถามอะไรปัญญาอ่อน

“เดี๋ยว”

“มีอะไรเหรอครับท่านเซบัส” 

“เจ้าว่าไก่กับไข่อะไรเกิดก่อน”

“ผมไม่รู้ครับ”

“เจ้าต้องรู้สิ”

“ผมไม่รู้จริงๆครับ”

“งั้นทายมา”

“ไก่มั้งครับ”

“งั้นเหรอ?”

“แล้วตกลงอะไรเกิดก่อนครับ”

“ข้าก็ไม่รู้”

“-*-  แล้วท่านจะถามทำไม”

“ข้าแค่อยากถาความคิดเห็นของเจ้าเฉยๆ”

“งันผมขอตัวก่อนะครับ”

“อย่าเพิ่งไป”

“อะไรอีกล่ะครับ”

“คือเจ้าทำขนมเป็นรึป่าว”

“พอเป็นบ้างครับ”

“เจ้าทำ จ่ามงกุฎเป็นหรือป่าว”

“ไม่เป็นครับ”


“ขนมกรวย”

“ไม่เป็นครับ”

“ส้มเช้งแช่น้ำผึ้ง”

“ไม่เป็นครับ”

“ขนมสำปันนี”

“ไม่เป็นครับ”

“หินฝนทอง”

“ไม่เป็นอีกล่ะครับ” ดูท่านเซบัสเอ่ยมาแต่ล่ะชื่อ บางชื่อผมยังไม่เคยได้ยินด้วยซ้ำแล้วผมจะทำเป็นได้ยังไง ผมทำเป็นแต่ขนม
ชั้น หม้อแกง ฝอยทอง เม็ดขนุนเท่านั้นแหละ

“ไหนเจ้าบอกว่าทำเป็น”

“ทำเป็นบางอย่างครับ อีกอย่างที่ท่านเอ่ยมา ผมไม่รู้จักเลยด้วยซ้ำ”

“อะไรกัน ข้าก็อดงั้นสิ”

“ต้องขอโทษด้วยนะครับท่าน ผมไม่มีความสามารถพอ ผมขอตัวก่อนนะครับ ท่านเซบัส”

“เอะอะอะไรๆเจ้าจะขอตัวตลอด ถามจริงเจ้าจะไปไหน” ผมมองหน้าท่านเซบัสอีกครั้งกลับเห็นท่านเซบัสก้มลงไปสนใจหนังสือ
ขนมไทยอีกแล้ว ผมว่าท่านเซบัสต้องเป็นหนอนหนังสือตัวยงแน่ๆ

“ผมจะขอตัวไปทำความสะอาดบ้านท่านไงครับ”

“ข้าไม่เคยมอบหน้าที่นี้ให้เจ้า”

“ผมเกรงใจท่านเซบัสมาอยู่ที่นี่ก็ต้องทำตัวให้เป็นประโยชน์”

“ถ้าเจ้าอยากทำงานมากล่ะก็ ข้ามีงานให้เจ้าทำ”

“อะไรครับ”

“ไปปลูกต้นไม้กัน ขนมอบ”  ท่านเซบัสลุกขึ้นแล้วเดินมาจับข้อมือผมแล้วลากผมเดินออกทะลุไปหลังบ้านเห็ด ซึ่งเป็นสวนกว้างๆ
มองไปจนสุดลูกหูลูกตาจะเป็นทุ่งหญ้าสีเขียว  มีภูเขา เป็นภาพที่สวยมากๆ ถึงที่นี่จะอยู่ในนรก ไม่สิต้องบอกว่าอยู่ระหว่างสวรรค์กับนรก เป็นโลกคู่ขนานกับโลกมนุษย์ตามที่วาเลนบอกมา มีพระอาทิตย์ มีท้องฟ้า มีก้อนเมฆเหมือนทุกอย่างและมีต้นไม้ที่เขียวขจีกว่าโลกมนุษย์อีกเท่าตัว

“ชอบล่ะสิ สวยไหม”

“สวยมากเลยครับ” 

“ข้าก็ชอบ เวลาข้าไม่สบายใจข้าจะมาที่นี่เป็นประจำ”

“ท่านเคยไม่สบายใจด้วยเหรอครับ”

“ใช่ แค่ครั้งเดียวมันนานมาแล้ว นานมากจนข้าเกือบลืม”

“แล้วท่านเซบัสจะให้ผมมาปลูกต้นไม้ที่นี่?”

“เมื่อก่อนมันก็มีต้นไม้ดอกไม้เต็มหลังบ้านข้าไปหมด น้องสาวข้าชอบปลูกดอกไม้ พอน้องข้าไม่อยู่ข้าก็ปล่อยทิ้งไว้ให้รกร้าง”

“แล้วน้องสาวท่านตอนนี้อยู่ไหนล่ะครับ”

“วิญญาณสลายไปแล้วล่ะ ช่างเหอะ วันนี้เห็นเจ้าว่างพอดีเลยชวนมาปลูกต้นไม้ ข้าอ่านหนังสือเจอเกี่ยวกับดอกไม้ ข้าเลยอยาก
ปลูกบ้าง”

“ท่านจะปลูกอะไรล่ะ พวกอุปกรณ์ก็ไม่มี ไหนจะเมล็ดพันธุ์พืชอีก” ผมลองมองไปรอบสวนหลังบ้านมีเนื้อที่พอประมาณแล้วมีรั้วสี
ขาวเล็กๆกั้นอยู่รอบๆ มีหญ้าที่ขึ้นสูงบอกให้รู้ว่าไม่ได้มีการปรับปรุงพื้นที่นี้มานานแล้ว

“ข้าเตรียมไว้ตั้งแต่ข้าเริ่มอ่านหนังสือเล่มนั้นแล้ว”ท่านเซบัสดีดนิ้วแปปเดียว พวกถุงดินถุงปุ๋ยเครื่องมือพรวนดิน จอบเสียม
กระถางมาพร้อม พร้อมกับสายางรดน้ำ แถมสายยางยังต่อเข้ากับก๊อกน้ำเรียบร้อยแล้วด้วย

“แล้วทำไมท่านไม่เสกให้มันขึ้นเองไปเลยล่ะ”ผมสงสัยนิดหน่อยทั้งๆที่ท่านเซบัสสามารถเสกนู่นเสกนี่ได้ทำไมถึงไม่เสกให้มีดอกไม้ไปเลยล่ะ

“บางทีข้าก็อยากเป็นยมทูตที่หุ่นดี ไม่อ้วนเผละเหมือนยมทูตบางตน”

“ยังไงเหรอครับ”

“ข้าอยากออกกำลังกายกับเจ้า”

“ท่าน”

“ข้าหมายถึงปลูกต้นไม้กับเจ้าตังหาก” ยมทูตอยากออกกำลังกาย เหอๆ ผมเพิ่งเคยได้ยินเรื่องแปลกแบบนี้เป็นครั้งแรก ถ้าผม
กลับไปเกิดใหม่แล้วยังจำเรื่องราวได้ทั้งหมดผมจะไปโละหนังสือกฎแห่งกรรมที่วางขายตามตลาดเลยคอยดู

“ว่าแต่ขั้นแรกพวกเราต้องทำอะไรก่อนเหรอ ขนมอบ”อยากปลูกต้นไม้โดยที่ไม่รู้วิธีปลูกเนี่ยนะ 

“อย่างแรกก็คงต้องถอนหญ้าที่ขึ้นก่อน แล้วก็ช่วยกันพรวนดินให้เป็นแนวยาว สักสามสี่แถว”

“แค่นี้เองเหรอ”

“ครับ”

เป๊าะ
ผมเห็นท่านเซบัสดีดนิ้วอีกแล้ว ไม่นานพวกจอบเสียม อุปกรณ์ต่างๆก็ลอยไปขุดๆ ตัดๆ 

“OoO”

“วิญญาณอย่างเจ้าทำไม่ได้หรอก เวทพวกนี้ต้องเป็นระดับหัวหน้ายมทูตถึงทำได้ ถ้าเป็นวิญญาณทั่วๆไปก็คงต้องจับแล้วขุด
กันเอาเอง” ไม่นานพอมันเริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นเรื่อย จนได้ดินที่พรวนเป็นแถวสามแถว พวกเครื่องมือต่างๆก็ลอยกลับลงมาที่เดิม

“แล้วขั้นต่อไปทำอะไรอีก”

“พวกเราก็ต้องเอาเมล็ดไปโรยแล้วกลบดินลงไปครับ”

“งั้นก็ไปทำกันเลยสิ” ผมได้แต่ยืนนิ่งๆ มองถุงปุ๋ยที่คิดว่ามันจะลอยไปโรยเองเหมือนอุปกรณ์พวกนั้น

“ข้าบอกเจ้าแล้วไงว่า ข้าอยากออกกำลังกาย”ท่านเซบัสหันมาพูดกับผม พร้อมทั้งเดินเอามือข้างเดียวหยิบทั้งทั้งถุงดิน ถุงปุ๋ย
และถุงเมล็ดพืช อีกมือหนึ่งยังจับข้อมือผมลากไปนั่งยองๆข้างแปลงที่พรวนเสร็จแล้ว แรงคนหรือนี่ เอ้อ ผมลืมไปท่านเซบัสเป็นยมทูต

“เร็วๆมัวแต่ทำหน้ากินขี้อยู่ได้”

“ฮะ ครับ แหะๆ” ผมสงสัยมากว่าผมหน้าตาเหมือนกินขี้ตรงไหน ตั้งแต่เรย์ทักผม ยันท่านเซบัสก็ยังทัก

“ทำอะไรต่อไป ขนมอบ”

“ก็แค่เอานิ้วแหย่ลงไปให้เป็นรู แล้วโรยเมล็ดสักสามสี่เมล็ดลงไป” ผมพูดเสร็จผมก็เอานิ้วแหย่เข้าไปในดิน แล้วใส่เมล็ดลงไปแล้
วกลบๆ ผมก้มหน้าก้มตาเอานิ้วแหย่ดินไปเรื่อยๆ

“เอานิ้วแทงเข้าไปได้เลยเหรอ”

“ครับ”

“แทงได้จริงๆนะ” แล้วเขาจะย้ำกับผมทำไมเนี่ย

“ครับ แทงได้เลยครับ”

“แล้วถ้าเป็นอย่างอื่นล่ะแทงได้ไหม” ผมเงยหน้าขึ้นไปมอง ท่านเซบัสกำลังจ้องหน้าผมด้วยสายตาที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน  มันดู
จริงจังและดูเจ้าเล่ห์ในเวลาเดียวกัน

“นี่ ท่านเซบัสชวนผมคุยเรื่องอะไร”

“เอ้า ก็เรื่องแทงไง”

“แทงอะไรครับ”

“เอานิ้วแทงดินไง”

“ใช้คำว่าแหย่ก็พอครับ”

“นั่นแหละๆ”

“งั้นก็ทำไปสิครับ จะจ้องหน้าผมทำไม”

“ข้าทำไม่เป็น” แค่เอานิ้วแหย่ดินแล้วโรยเมล็ดนี่นะ เหอๆเรื่องแปลกเรื่องที่สองที่ผมเจอ ผมเลยจับมือท่านเซบัส แล้วดันนิ้วชี้ของท่านเซบัสออกมากจิ้มดินไปเป็นแถวยาว

“ทำเป็นรึยังครับ ท่านเซบัส”

“ทำเป็นแล้ว”

“งั้นก็ทำไปสิครับ”

“ข้าก็อยากจะทำอยู่หรอก แต่เจ้าจับมือข้าไว้แบบนี้ข้าจะทำยังไงล่ะ”

“ระ เหรอครับ -///-” ผมรีบปล่อยมือทันทีแล้วรีบก้มหน้าก้มตามจิ้มดินต่อไป

“นี่เจ้าหน้าแดงรึ ขนมอบ”

“ป่าวครับ”

“ข้าไม่เชื่อ”

หมับ ท่านเซบัสใช้มือที่ยังไม่เปื้อนดิน จับหน้าผมให้จ้องตากับท่าน

“O///O” ฉ่า

หน้าผมแดงหนักกว่าเก่าอีก

“ไหนบอกหน้าไม่แดง ตอนนี้หน้าเจ้าสีเหมือนมะเขือเทศแล้วนะ”

“เอ่อ ท่านเซบัส”

“อะไร”

“ท่านกำลังจะปลูกต้นอะไรเหรอครับ” ผมไม่รู้ว่าผมจะแก้ตัวว่ายังไง ผมเลยรีบเบือนหน้าหนี เปลี่ยนเรื่องไปคุยเรื่องอื่นที่ไม่ทำให้
หน้าผมแดงไปกว่านี้

“กุหลาบแดง กุหลาบดำ กุหลาบขาว”

“กุหลาบ ทำไมถึงปลูกสามสีล่ะครับ สีอื่นๆหรือไม่ก็สีเดียวไปเลยน่าจะสวยกว่า”

“เพราะความหมายของมันน่ะ”

“ความหมายของกุหลาบเหรอครับ มันแปลว่าอะไรหรือครับ” ผมเก่งแต่ขายขนมอย่างเดียว จะให้ผมมานั่งศึกษาความหมายของ
ดอกไม้คงไม่มีเวลาพอ ผมไม่รู้หรอกว่ากุหลาบแต่ล่ะสีหมายถึงอะไร


“กุหลาบแดง หมายถึง  เธอช่างสวยเหลือเกิน” ผมจ้องหน้าท่านเซบัส ในขณะที่ท่านเซบัสก็จ้องหน้าผมกลับเช่นกัน ทำไมผมรู้สึกในอกผมมันสั่นไหวแปลกๆ



“กุหลาบขาว หมายถึง รักอันบริสุทธิ์” ท่านเซบัสเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ผมขึ้นเรื่อยๆนั่นมันทำให้ใจผมยิ่งเต้นแรงขึ้นไปอีก



“สุดท้าย กุหลาบดำ หมายถึง รักของเราเป็นนิรันดร์” ท่านเซบัสเลื่อนหน้าจนจมูกของท่านเซบัสชนกับจมูกผม ผมรู้สึกถึงลมหายใจที่เย็นเฉียบ ผมเริ่มหลับตาลง ผมไม่รู้ว่าสิ่งใดจะเกิดขึ้นต่อไปนี้ แต่ผมก็ไม่คิดที่จะรังเกียจและผละหนี ผมกลับรู้สึกยินดีที่เป็นท่านเซบัสอยู่ตรงหน้าผม






เหวอออออออ

“เห้ย/โอ๊ย”





ปากของผมกับปากท่านเซบัสกำลังจะแตะกัน แต่ไอ้ขาเจ้ากรรมที่ผมนั่งยองๆมานานมันกลับมาอ่อนแรงขึ้นมาดื้อๆ ทำให้ผมล้มก้นจ้ำเบ้าลงกับพื้น

“เป็นอะไรหรือป่าว ขนมอบ”

“ไม่ครับ แค่เจ็บก้นนิดหน่อย” ไหนๆก้นผมก็เปื้อนดิน ผมเลยนั่งขัดสมาธิลงกับดินมันเลย

“ไม่เจ็บก็ดีแล้ว”

“ขอโทษนะครับ”

“เจ้าจะขอโทษข้าเรื่องอะไรล่ะ”

“ก็เรื่อง” ใครมันจะไปกล้าพูดกันล่ะครับ แถมผมยังทำท่าสมยอมต่อการจูบนั่นอีก


“เรื่องที่เจ้ายอมให้ข้าจูบ หรือเรื่องที่เจ้าล้มลงไปจนทำให้ข้าอดจูบเจ้ากันล่ะ”

“-///-”

“เรื่องไหนกัน ขนมอบ”

“ท่านเซบัส”

“ข้าล้อเจ้าเล่น”

“ไม่ยักรู้ว่ายมทูตก็ล้อเล่นเป็น”

“ยมทูตก็มีความรู้สึกนะขนมอบ ข้าว่าเจ้า”

“อะไรครับ”

“เปลี่ยนไปเยอะจากวันแรกนะ”

“ยังไงครับ”

“เจ้าดูกล้าต่อกรกับข้ามากขึ้น”

“เอ่อ ผมขอโทษครับ”

“ข้าไม่ได้ว่าอะไร ดีแล้วเจอกันวันแรกเจ้าทำหน้ายังกับข้าจะไปกินตับเจ้า”

“ผมไม่ได้ทำหน้าอย่างนั่นสักหน่อย”

“เจ้าทำ ข้าจะให้เรย์เป็นพยานยังได้ วันแรกเจ้าห่อตัวเดินมาหงอยๆ เล็กๆ ข้านึกว่าเจ้าเป็นลูกหมาลูกแมวซะอีก”

“ผมไม่ได้เป็นลูกหมา ลูกแมวนะครับ”

“หึ ข้ารู้ ว่าแต่วันนี้เราจะปลูกดอกไม้เสร็จไหมเนี่ย”

“ก็ท่านชวนข้าคุย”

“เจ้ากล้าว่าข้างั้นรึ”

“ป่าวครับ”

“หึ รีบทำได้แล้วขนมอบ” ผมกับท่านเซบัสช่วยกันปลูกดอกไม้ พอทำหลุมเสร็จแล้วเอาเมล็ดมาโรย ฝังกลบดินเรียบร้อยแล้ว ท่านเซบัสขออาสาโรยปุ๋ยด้วยตัวเอง ผมยืนมองท่านเซบัสโรยปุ๋ย ผมไม่คิดว่ายมทูตกับการโรยปุ๋ยมันจะเข้ากันตรงไหน แต่ผมมองท่านเซบัสแล้วกลับรู้สึกว่ามันเท่ไม่น้อย ท่านเซบัสเป็นคนที่หุ่นดีมากๆ(หลังจากที่ผมเคยโดนใช้ให้ไปขัดหลัง) ผิวขาวซีดหน่อยๆ หน้าตาหล่อแบบเข้มๆ ตัวสูงมาก สูงกว่าเรย์อีก ซึ่งแตกต่างจากผมที่ หน้าเป็นชายไทยหุ่นแคระแกน มีผิวขาวซีดไร้สีเลือด ดูยังไง ผมมันก็เหมือนเด็กขาดสารอาหารอยู่ดี ผมกำลังวิพากษ์วิจารณ์ท่านเซบัสเพลินๆ

“นี่ขนมอบ เจ้าจะมองข้าอีกนานไหม ข้าโรยปุ๋ยเสร็จแล้วทำไงต่อ”ผมสะดุ้งนิดหน่อย แต่พอได้สติผมก็ตะโกนกลับไป

“ก็เหลือแค่ท่านรดน้ำต้นไม้ นอกนั้นก็เสร็จแล้ว”

“เหรอ เจ้าหยิบสายยางมาให้ข้าหน่อยสิ” ผมเดินไปเปิดน้ำ แล้วค่อยหยิบสายยางไปให้ท่านเซบัส ผมก็เห็นเขารดอยู่ดี แต่ทำไมผมรู้สึกตัวผมเปียกตั้งแต่เท้าขึ้นมาเรื่อยๆล่ะ


“โอ๊ย ผมเปียกหมดแล้ว ท่านเล่นอะไรเนี่ย”

“ข้าแค่อยากรู้”

“อยากรู้อะไรครับท่าน”

“ถ้าข้ารดน้ำใส่เจ้า”

“ทำไมครับ”

“เจ้าจะตัวโตเหมือนต้นไม้พวกนี้หรือป่าว”

“ขอโทษนะครับ ผมคน ไม่ใช่สิ ผมวิญญาณ ไม่ใช่ต้นไม้ที่จะรดน้ำใส่ปุ๋ยแล้วจะตัวโตขึ้น อ่อก” ผมพูดอยู่ดีๆ ท่านเซบัสก็เอาสายยางฉีดน้ำเข้าปากผม ตอนนี้ผมเปียกไปทั้งตัวไหนผมจะต้องหลบน้ำที่พุ่งมาจากสายยางนั่นอีก

“ฮ่าๆๆ เหมือนลูกหมาตกน้ำเลย”

“เอามานี่เลยครับ”ผมรีบวิ่งเข้าไปแย่งสายยาง พอผมได้มาเท่านั้นแหละผมจัดการฉีดน้ำไปทางท่านเซบัส แกล้งผมดีนัก นี่แหนะ

“นี่เจ้า อ่อก”ผมฉีดเข้าปากท่านเซบัส แก้แค้นที่ฉีดเข้าปากผมก่อน

“สมน้ำหน้า ท่านเซบัสอยากแกล้งข้าก่อนทำไมล่ะ”

“เจ้าตายแน่ ขนมอบ" ผมเห็นท่านเซบัสรีบวิ่งมาหา ผมพยายามฉีดน้ำใส่แต่ก็ไม่เป็นผล ผมลืมไปว่าท่านเซบัสเป็นยมทูต

“ท่านเซบัส ผมขอโทษ”

“ข้าไม่ให้อภัย” พอมาถึงตัวได้ ท่านเซบัสเข้ามากอดด้านหลังผม พยายามจะแย่งสายยางที่ตอนนี้ผมก้มสุดชีวิตเพื่อไม่ให้ท่านเซบัสได้มันไป

“เอามาให้ข้า”

“ไม่”

“เอามา”

“ผม ไม่ ให้” พวกเรากอดรัดฟัดเหวี่ยงเพื่อจะแย่งสายยางที่ตอนนี้ ผมกับท่านเซบัสกำลังก่อสงครามเล็กๆระหว่าง ยมทูตกับวิญญาณ ในศึกแย่งสายยาง และผมต้องเป็นผู้ชนะ



“โอ๊ะ โอ ข้ามาขัดจังหวะอะไรหรือเซบัสที่รัก ขนมอบที่รัก” ผมกับท่านเซบัสได้ยินเสียงนั้นก็รีบผละกันทันที แต่โชคไม่ดี ข้อเท้าผมมันพลิก ผมเตรียมตัวที่จะล้มลงไป



หมับ

“เจ้านี่ช่างซุ่มซ่ามเหลือเกินนะ ขนมอบ”

“ขอบคุณครับ -///-” ผมผละจากอ้อมกอดที่ดึงตัวผมไว้ก่อนจะล้ม ตอนแรกผมไม่คิดว่าจะมีใครมารับผมทัน แต่ผมลืมไปว่าท่านเซบัสเป็นยมทูตจะต้องมีความไวเป็นพิเศษ

“วาเลนจ๋า ข้าว่าพวกเรากลับมาผิดเวลานะ”

“ท่านเซบัสขอรับ ขอโทษที่ผมรบกวนนะขอรับ” หลังจากนั้นผมเห็นเรย์ดันหลังวาเลนแล้วเดินเข้าไปในตัวบ้าน โดยที่กระซิบกระซาบอะไรกันก็ไม่รู้ ผมไม่ได้ยิน ท่านเซบัสแย่งสายยางจากมือผมไปถือ

“เซบัสที่รัก ขอให้มีลูกไวไวนะ อ่อก”

พรวด

ผมรู้แล้วล่ะท่านเซบัสเอาสายยางไปทำไม เล่นล่อเข้าไปเต็มปากเรย์ขนาดนั้น เรย์เลยกลายเป็นคนเปียกไปอีกคนหนึ่ง 






คำกระซิบที่ขนมอบไม่ได้ยิน แต่ข้าได้ยิน

“เห็นไหมวาเลน ข้าบอกแล้วว่าอย่าเพิ่งรีบกลับ ดีนะเซบัสไม่กินหัวเจ้า”

“ก็ผมไม่รู้นี่ขอรับ ว่าเขาเอ่อ ฟัดเหวี่ยงกันอยู่”

“หึ สงสัยนายของเจ้าคงได้เมียแน่เลยวาเลน”

“ผมก็คิด...เหมือนกันครับ” ข้าเลยดึงสายยางจากขนมอบมาถือ ข้าว่าประโยคต่อไปคงหันมาพูดกับข้าแน่ๆ

“เซบัสที่รัก ขอให้มีลูกไวไวนะ อ่อก”

พรวด

ข้าเลยจัดการฉีดน้ำใส่ปากหมอนั่นเต็มๆ

       ข้าไล่ให้ขนมอบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อ และให้วาเลนจัดการหาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนให้เรย์ ข้าก็จัดการตัวเองด้วยการไปอาบน้ำไม่ให้ขนมอบเตรียมน้ำให้เหมือนเดิม เพราะข้ากลัวว่าเจ้านั่นไม่รีบอาบน้ำจะไม่สบาย ยิ่งดูรูปร่างไม่สบายง่าย (เจ้าจะบอกว่าวิญญาณไม่สามารถไม่สบายได้ เจ้าผิดแล้ว วิญญาณตนใดที่มาอยู่ที่ทุ่งหญ้าทาทารัส ก็มีสิทธิ์เจ็บและป่วยได้เหมือนมนุษย์ทั่วๆไป แต่ตายไม่ได้) พอข้าจัดการกับตัวเองเสร็จข้าเลยจะเดินไปห้องโถงกลาง และข้าคาดว่าพวกนั้นคงเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยแล้วเหมือนกัน เพราะข้าได้ยินบทสนทนาที่แว่วออกมา คงใช้คำว่าแว่วไม่ได้ต้องใช้คำว่า ตะโกนออกมาถ้ามีเรย์อยู่ด้วย

“ขนมอบที่รักเจ้าอยู่ที่นี่มีความสุขไหม”

“มีความสุขดีครับ”

“หึ ดีเหมือนกันที่เจ้ามีความสุขนะขนมอบ ข้าจะได้มีวิญญาณมาช่วยดูแลท่านเซบัสอีกคน หลังจากมียมทูตบางตนมักมากเอาแม่บ้านไป”

“ไม่เอาน่า วาเลน ข้าแค่อยากอุปถัมภ์แม่บ้านแค่นั้นเอง จะว่าไปก็แปลกเนอะขนมอบ”

“ทำไมเหรอครับ เรย์”

“ก็การตายของเจ้าไม่น่าจะอยู่ที่ทุ่งหญ้าทาทารัสได้เลย เจ้าน่าจะตกขุมนรกมากกว่า”

“ผมก็ว่างั้น ต้องขอบคุณ ยายของผมที่สั่งสอนให้ผมทำความดีมาทั้งชีวิต”

“ข้าก็คิดเหมือนกับเจ้าขนมอบ การตายของเจ้ามันเป็นบาปมหันต์มาก”

“ใช่ ดีนะความดีของเจ้ามันหักล้างวิธีการตายของเจ้า ขนมอบที่รัก”

“ครับ ผมคงไม่ทำอีกไม่สิ ผมคงไม่ได้ไปเกิดอีกแล้ว”

“แต่อย่าบอกให้เซบัสรู้เชียวนะว่าเจ้าตายยังไง”

“ทำไมเหรอครับ ผมฆ่าตัวตายทำไมถึงบอกท่านเซบัสรู้ไม่ได้”

“ก็เจ้านั่นมัน”

“ก็ เพราะ ข้าเกลียดน่ะสิ ขนมอบ” ข้าได้ยินประโยคสนทนามาทั้งหมด ข้าเลยเดินเข้าไปหาขนมอบ ข้าไม่เคยคิดจะถามว่าขนมอบตายยังไง เพราะข้าคิดมาตลอดว่าขนมอบต้องเป็นคนที่ไม่เคยคิดสั้น ที่จะทิ้งคุณค่าของการมีชีวิตอยู่ไป ข้าเกลียดคนที่ฆ่าตัวตายที่สุด

“ท่านเซบัส”

“เห้ยเซบัสใจเย็นๆ”

“ท่านเซบัสขอรับ อย่าวู่วามนะขอรับ”

“เจ้าว่าวิธีการตายของเจ้าเป็นเช่นไร ขนมอบ”

“คือผม”

“พูดมาสิ” ข้าตวาดออกไปเสียงดังลั่น จนทำให้ผู้ชายร่างเล็กตรงหน้าตัวสั่นแล้วเริ่มมีน้ำตาไหลออกมา


“ผม ผม ฆ่าตัวตาย” คำตอบนั้นทำให้ข้ากำมือแน่นกว่าเดิมและร่างกายก็สั่นเทาขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้ข้าโมโหอย่างที่สุด ข้าเดินไปจับแขนทั้งสองข้างของขนมอบ

“ตอนนี้ ข้าเกลียดเจ้าที่สุดเลยขนมอบ น้ำตาของเจ้าไม่ได้ทำให้ข้าเกลียดเจ้าน้อยลงเลยแม้แต่น้อย จำไว้ ข้าเกลียดคนแบบเจ้าเป็นที่สุด”

ทำไมข้าถึงเกลียดการฆ่าตัวตายงั้นเหรอ เพราะการฆ่าตัวตายเป็นสาเหตุที่ทำให้ข้าสูญเสียสิ่งสำคัญของข้าไป





P.S. มีคนว่าเรื่องของเฟิร์นไร้สาระ(เพื่อนของข้าพเจ้าเอง) เฟิร์นเลยพยายามใส่สาระลงไป โดยหายากเหลือเกินในนี้ เลยเอาสาระมาแบบนอกกรอบ เป็นคติเอาไว้ใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวันแล้วกันนะคะ

               The only thing in life achieved without effort is failure.
         มีเพียงสิ่งเดียวในชีวิตที่จะสามารถพิชิตได้โดยไม่ต้องใช้ความพยายามมากมายคือ ความล้มเหลว

Peppermint

  • บุคคลทั่วไป
อั้ยย่ะ รอตอนต่อไปค่า

ออฟไลน์ กาลณัฐ

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 505
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2

P.S. มีคนว่าเรื่องของเฟิร์นไร้สาระ(เพื่อนของข้าพเจ้าเอง) เฟิร์นเลยพยายามใส่สาระลงไป โดยหายากเหลือเกินในนี้ เลยเอาสาระมาแบบนอกกรอบ เป็นคติเอาไว้ใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวันแล้วกันนะคะ
[/glow]

โอย เฟิร์นอย่าไปคิดมาก นิยายมีไว้อ่านคลายเครียด
แค่สนุกก็พอ (สำหรับเรานะ) ยังไงก็สู้ ๆ น้าาา
รออ่านอยู่นะค่ะ  :กอด1:

archaeoloable

  • บุคคลทั่วไป
 :pig4: :pig4: :pig4:

กาลณัฐ 15-04-2012 20:46:36
อ้างถึง
โอย เฟิร์นอย่าไปคิดมาก นิยายมีไว้อ่านคลายเครียด
แค่สนุกก็พอ (สำหรับเรานะ) ยังไงก็สู้ ๆ น้าาา
รออ่านอยู่นะค่ะ 


ขอบคุณมากนะคะ ^^ (เดี๋ยวจะกลับไปเฉ่งเพื่อนตัวเอง 55 ให้เขียนมีสาระ แต่ตัวเฟิร์นนั้นหาสาระไม่เจอ)   

archaeoloable

  • บุคคลทั่วไป
 :sad4: :sad4: :sad4: มีเรื่องเศร้าที่จะต้องบอกคือ  ตอนที่แต่งอยู่เผลอทำโน๊ตบุ๊คร่วง  TOT มันรีสตาร์ทเครื่องใหม่ แล้วเฟิร์นพยายามกู้คืน มันก็แค่ครึ่งเดียวอ่าา แล้วอารมณ์คือแต่งจะจบแล้ว แล้วมันหายไป เศร้าเลยทีเดียว พอจะกลับมาแต่งใหม่ให้เหมือนเดิมก็ไม่ได้ พอจะทิ้งก็แบบเห้ยเราโพสไว้แล้วนะ ก็เลยแต่งให้จบ แต่อาจจะไม่ดีเท่าตอนแรกที่คิดไว้แต่ก็พยายามปรับ TOT ต้องขอโทษด้วยนะคะที่มันอาจจะไม่ค่อยดีเท่าที่คิดไว้ มันเป็นเหตุสุดวิสัย(ตัวเองดันตั้งไว้บนเก้าอี้) แง่ม TOT


บทที่ 3


“พี่เซบัส ข้าอยากเป็นมนุษย์”

“นึกไงอยากเป็นมนุษย์ ห๊ะเซน่า ซนอีกแล้วล่ะสิ”

“ข้าป่าวซนนะ พี่เซบัส ข้าไปเจอมาในหนังสือเล่มหนึ่ง ข้าเลยอยากเป็นมนุษย์”

“เจ้าเป็นไม่ได้หรอกเซน่าน้องรัก พวกเราเป็นยมทูตนะ”

“ไม่เอา ข้าอยากเป็นนี่พี่เซบัส ข้าอยากเป็นมนุษย์ข้าเบื่อกับการที่จะต้องเป็นยมทูตแล้ว”

“เจ้าก็รู้ว่ายมทูตไปเกิดเป็นมนุษย์ไม่ได้”

“แต่ข้าอยากเป็นนี่นา ข้าเป็นยมทูตมาสองพันปีแล้ว ข้าอยากเป็นมนุษย์บ้าง ข้าอยากเกิดแก่เจ็บตาย”

“เจ้าเป็นยมทูตแค่สองพันปีเจ้ายังบ่นกระปอดกระแปด ข้าเป็นมานานกว่าเจ้าอีกข้ายังไม่บ่นเลย”

“พี่เซบัสไม่เข้าใจข้าเลย ข้างอนแล้ว” ข้านั่งอ่านหนังสืออยู่ดีๆ น้องสาวข้า เซน่า ดาวีน่า ก็มาตะโกนปาวๆอยากเป็นมนุษย์ ข้ากับเซน่าทำงานเป็นยมทูตมานาน ถ้าเทกับอายุมนุษย์เซน่าอายุน่าจะประมาณ 18-19 ปี เป็นน้องสาวสุดที่รักของข้า ข้าไม่เคยขัดใจเซน่าเลยสักครั้ง ตั้งแต่เล็กจนโตเซน่าจะมาบ่นกับข้าเสมอ เกี่ยวกับการเป็นยมทูตของนาง ครอบครัวของข้า เป็นครอบครัวยมทูตบริสุทธิ์ ไม่ได้เป็นวิญญาณที่สมัครเป็นยมทูต ข้ากับเซน่าเป็นลูกของยมทูตโดยตรงตั้งแต่บรรพบุรุษลงมา ตั้งแต่ข้ากับเซน่าเกิดมาก็รู้จักหน้าที่ของยมทูตเลย ไม่มีสิทธิ์ที่จะเป็นอย่างอื่น ข้าปลงกับฐานะยมทูตของข้าแล้ว แต่เซน่ายังไม่เข้าใจนางยังเด็กเกินไป วันต่อมาเซน่าก็มาบ่นกับข้าเหมือนเดิม ว่าอยากเป็นมนุษย์ มนุษย์และมนุษย์ จนสามอาทิตย์ผ่านไปเซน่าก็ยังไม่เลิกบ่นกับข้าจนข้าทนไม่ไหว

“พี่เซบัส ข้าอยากไปเกิดเป็นมนุษย์จริงๆนะ”

“ตกลง ข้าจะลองไปคุยกับท่านยมบาลให้ ถ้าท่านให้เจ้าก็ไปเกิดเลย”

“จริงนะ ข้าดีใจที่สุดเลย”

“รู้สึกว่าเจ้าอยากทิ้งพี่ไปเหลือเกินนะเซน่า”

“ไม่เอาน่า พี่เซบัส ไว้ข้าตายจากร่างมนุษย์แล้วพี่ก็มารับข้าเป็นน้องเหมือนเดิมก็ได้นี่ เวลาของโลกมนุษย์เร็วกว่าที่นี่นะ 1 วันที่นี่
เป็นสิบปีของมนุษย์ พี่จะกลัวอะไร”

“เจ้าแสบเซน่า” ข้าเอื้อมมือไปขยี้หัวน้องที่รักของข้า ข้ารักเซน่ามาก ท่านพ่อท่านแม่ฝากให้ข้าดูแลเซน่าให้เป็นอย่างดี ส่วนพ่อแม่ของข้านั้นสลายร่างยมทูตไปแล้ว เมื่อจิตของยมทูตสูญสิ้นความหวังหรือปลงกับจิตของตัวเองแล้ว จะสามารถสลายวิญญาณไปได้เลย  พ่อแม่ของข้าปลงกับจิตตัวเอง เพราะท่านอยู่มานานท่านเลยละทางนี้ให้พวกข้าสานต่อ

“งั้นเจ้ารออยู่ที่นี่ล่ะเซน่า ข้าจะไปคุยกับท่านยมให้”

“เย่ พี่เซบัสใจดีที่สุดเลย ข้ารักพี่เซบัสที่สุดเลย”


ข้ามาหาท่านยมที่ห้องโถงนรก ซึ่งตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่ท่านยมพักจากการพิพากษาวิญญาณพอดี ข้าเลยได้โอกาสเข้าไปคุย

“อ้าว เซบัส เจ้ามาทำไรที่นี่”

“ข้ามาหาท่าน”

“มาหาข้า? ร้อยวันพันปีถ้าเจ้าไม่เอาวิญญาณมาส่ง เจ้าไม่ยักจะมาหาข้านะ”

“ข้ามีเรื่องจะขอร้องให้ท่านช่วย”

“เรื่องอะไรล่ะ ถ้าข้าทำได้ก็จะทำ”

“คือน้องสาวข้า เซน่า ดาวีน่า”

“น้องสาวเจ้าทำไมรึ?”

“น้องสาวข้าอยากเป็นมนุษย์”

“อยากเป็นมนุษย์”

“ใช่แล้วท่าน มีทางไหนบ้างที่จะทำให้น้องสาวข้าไปเกิดเป็นมนุษย์ได้”

“ข้าเสียใจด้วย ถ้าเป็นวิญญาณข้าก็สามารถให้กลับไปเกิดเป็นมนุษย์ได้อยู่ แต่น้องสาวเจ้าเป็นยมทูตคงจะไม่ได้”

“ไม่มีทางไหนเลยเหรอท่าน”

“ข้าเป็นผู้คุมนรกก็จริง แต่ข้าก็ไม่สามารถฝ่ากฎนี้ไปได้ เจ้ากลับไปบอกน้องสาวเจ้าเถอะ”

“แต่ข้า”

“ข้ารู้ว่าเจ้ารักน้องสาวของเจ้ามากแต่มันไม่มีทางเป็นไปได้ เอางี้ข้าอนุญาตให้น้องสาวเจ้าไปเที่ยวที่โลกมนุษย์”

“ครับท่านยม แค่นี้ก็มากพอแล้วครับ ขอบคุณครับ”  ข้ากลับมาบ้านข้าบอกเรื่องนี้แก่เซน่า เซน่ากลับทำหน้าหมองลงอย่างเห็นได้ชัด

“เซน่า ท่านยมอุตส่าห์ให้เจ้าไปเที่ยวโลกมนุษย์เลยนะ”

“มันไม่เหมือนกันนี่ พี่เซบัส ข้าอยากเกิดเป็นมนุษย์ ไม่ใช่อยากไปเที่ยวโลกมนุษย์”

“ข้าขอเจ้าได้แค่นี้ เจ้าก็รู้กฎข้อนี้ดี ยมทูตไม่สามารถเป็นมนุษย์ได้”

“ทำไมกันทีมนุษย์ฆ่าตัวตาย ชดใช้กรรมเสร็จก็สามารถกลับไปเกิดเป็นมนุษย์ได้อีก แต่ข้าไม่ได้ทำอะไรผิดแต่กลับไปเกิดเป็นมนุษย์ไม่ได้ ทำไมอ่ะ พี่เซบัส”

“ข้าไม่รู้เซน่า กฎของนรกเป็นแบบนี้ก่อนข้าเกิดเป็นล้านๆปีซะอีก”

“ข้าอยากเกิดเป็นมนุษย์ พี่เซบัสเข้าใจไหม ข้าอยากรู้ความรู้สึกคนรอบข้างที่มีตอนข้าตาย ข้าอยากมีบ่วง ข้าอยากมีกิเลศ ข้า
อยากรู้สึกเช่นนั้น ทำไมข้าถึงเป็นมนุษย์ไม่ได้ ฮึก ฮึก ข้าอยากเป็นมนุษย์”  ข้าได้ยินคำนั้นก่อนที่เซน่าจะเดินร้องไห้เข้าห้องไป ข้าก็อยากจะปลอบแต่มันเป็นกฎตายของที่นี่ไม่ว่าจะเป็นยมทูตตนไหน หรือยิ่งใหญ่มาจากไหนก็ไม่สามารถกลับไปเกิดเป็นมนุษย์ได้ ไม่มีทางเลยสักทาง  เซน่าไม่ออกจากห้องมาอีกเลยจนถึงเย็น ข้าเลยเดินเข้าไปในห้องของเซน่าเพื่อจะเรียกให้เซน่าออกมากินข้าว แต่ภาพที่เห็น ทำให้ข้าแทบช็อค เมื่อเซน่ากำลังจะเอาเคียวยมทูตของตัวเองทปาดลงไปที่คอ

“เจ้ากำลังทำอะไรเซน่า”

“ข้าไม่อยากอยู่แล้ว พี่เซบัส”

“เจ้าก็รู้ถ้าเจ้าเอาเคียวนั่นปาดคอ วิญญาณเจ้าจะสลายไป เจ้าจะไม่เจอพี่นะเซน่า วางมันลงเถอะ”

“ข้าเบื่อแล้วพี่เซบัส ข้าเป็นยมทูตมานานมากแล้ว ข้าใช้ชีวิตที่เป็นยมทูตคุ้มพอแล้ว”

“เจ้าอย่าทำแบบนี้นะ เรามีกันแค่สองคนพี่น้อง เจ้าจะทิ้งข้าไว้แค่คนเดียวเหรอ”

“พี่เซบัส ข้าน่ะอยากเป็นมนุษย์ตั้งแต่เด็กๆแล้ว แต่ข้าไม่เคยบอกพี่ ข้าไม่ชอบที่ข้ามีชีวิตเป็นอมตะ ข้าไปรับวิญญาณมาแต่ละ
ครั้งข้าเห็นวิญญาณอ้อนวอนข้าให้ปล่อยเขากลับไปเพื่อจะไปหาบ่วงทั้งหลาย มีทั้งความรักต่อครอบครัว ความรักต่อเงินทอง แต่ข้าไม่เคยมีความรู้สึกแบบนั้นเลยสักนิดเดียว เพราะข้ารู้ว่าข้าอมตะ มีชีวิตยืนยาวไม่มีวันตาย เลยไม่ต้องมีบ่วงใดๆทั้งสิ้น บางทีตอนที่ข้าไปรับวิญญาณที่ฆ่าตัวตาย ทุกวิญญาณรู้ว่ามันบาปหนักแต่ก็ยังจะทำ ละทิ้งการมีชีวิตเพื่อโยนทุกสิ่งทุกอย่างไว้เบื้องหลัง ข้ากลับรู้สึกอิจฉาเหลือเกินที่วิญญาณพวกนั้นได้เกิดเป็นมนุษย์แต่ละทิ้งมันไป พี่เซบัสการมีความรู้สึกรัก เจ็บปวด เป็นห่วง มันดีกว่า ไม่รู้สึกอะไรเลยนะ”

“เจ้าเป็นยมทูตก็รู้สึกได้นะเซน่า เจ้าอย่าทำแบบนี้เลย”

“มันไม่เหมือนกันพี่เซบัส ความรู้สึกของมนุษย์กับยมทูตมันแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ลาก่อนพี่เซบัส”

“อย่านะเซน่า” ข้าเห็นเซน่าเอาเคียวปาดคอตัวเองอย่างรวดเร็วจนข้าแย่งเคียวในมือเซน่าไม่ทัน ข้าเห็นเซน่าเป็นภาพลางๆ และมันก็จางลงเรื่อย

“ทำไมเจ้าทำกับพี่เช่นนี้ เซน่า”

“ข้ารักท่านนะพี่เซบัส ลาก่อน ใครจะไปรู้ข้าสลายไปอาจจะได้ไปเกิดเป็นมนุษย์ก็ได้”

“ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”






“ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”

เฮือก
ข้าลืมตาโพรงขึ้นมา ข้าฝัน ข้าไม่ได้ฝันแบบนี้มาเป็นพันปีแล้ว  ทำไมข้าถึงได้กลับมาฝันเรื่องนี้อีก ใช่ เมื่อวานขนมอบบอกข้าว่า ฆ่าตัวตาย ทั้งที่น้องสาวข้าอยากเป็นมนุษย์แทบตายแต่เจ้านั่นกลับฆ่าตัวตาย เฮอะ ละทิ้งสิ่งที่ดีที่สุดไป ละทิ้งการมีชีวิตเป็นมนุษย์ไป เจ้านั่นมันแย่สุดๆ

“ท่านเซบัสขอรับ ท่านตื่นแล้วหรือขอรับ”

“อื้อ วาเลนข้าอยากอาบน้ำเจ้าไปเตรียมให้ข้าทีสิ”

“ขอรับ ท่านเซบัส” หลังจากเมื่อวาน ที่ข้าพูดใส่ขนมอบไปแบบนั้น ข้าก็สั่งให้วาเลนมาดูแลข้าแทน และอย่าให้ขนมอบมาอยู่ใกล้ข้า เพราะข้ายังทำใจไม่ได้ ใช่เจ้าฟังไม่ผิดหรอก ข้าเริ่มรู้สึกหวั่นไหวแปลกๆตั้งแต่วันแรกที่ข้ามองเจ้านั่นแล้ว แต่ข้ากลับมารู้ว่าเจ้านั่นฆ่าตัวตาย ระหว่างน้องสาวข้ากับขนมอบ ข้าเลือกไม่ได้จริงๆ

“ท่านเซบัสขอรับ น้ำเตรียมเสร็จแล้ว ท่านจะอาบเลยหรือไม่”

“อื้ม เจ้ามีงานอะไรก็ไปทำเถอะวาเลน”

“ขอรับท่านเซบัส” ข้าไปอาบน้ำที่วาเลนเตรียมให้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนจะเป็นขนมอบ ข้าจะสั่งให้เจ้านั่นมาถูหลังให้ข้าด้วย ข้ารู้สึกดีเวลาที่เจ้านั่นเอามือมาโดนหลังข้า แต่ตอนนี้ข้าโกรธเจ้านั่นอยู่ ข้าอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ข้ากำลังจะเดินไปหลังบ้านเพื่อนจะไปดูต้นไม้ที่ข้าปลูกไว้ แต่กลับเห็นเรย์กับขนมอบนั่งคุยกันอยู่

“เจ็บปวดมากเลยล่ะสิ ขนมอบ”

“ครับ แต่ตอนนี้ผมเจ็บที่ใจมาก”

“รักงั้นสิ”

“คงใช่มั้งครับ รักมาก รักที่สุด” หึ ไหนไอ้เสเพลบอกข้าว่าชอบวาเลนแต่นี่กลับมาจีบขนมอบ ข้ากำหมัดแน่นอยากจะเดินออกไปชกไอ้เสเพล แล้วอยากจะจับขนมอบมาขังไม่ให้พบเดือนพบตะวัน แต่ตอนนี้ข้าทำไม่ได้ ข้าไม่ได้เป็นอะไรกับขนมอบ แล้วข้าก็ไม่มีสิทธิ์โกรธ แล้วไอ้อาการที่ปวดหนึบที่ใจมันอะไรกันล่ะ  ข้ายังไม่เข้าใจกับอาการตัวเอง ข้าเลยเดินมาหาหนังสืออ่านให้อารมณ์มันเย็นลงในห้องโถง แต่ไม่ทันไรก็เห็นขนมอบเดินเข้ามาให้ห้องโถง พอสบตากับข้ายังมีหน้ามาหลบตาแถมจะเดินเลี่ยงไปอีก ไม่ทำให้ข้าโกรธได้ไง

“ถ้าจะพลอดรักกันทีหลังอย่ามาทำหลังสวนบ้านข้า”

“ครับ” หลังจากที่ข้าตะโกนทะลุแหวกอากาศไปแบบนั้นเจ้านั่นกลับตอบมาแค่ครับ

“ถ้ารักไอ้เรย์มากก็ไปอยู่กับมันเลยสิ”

“ได้ครับ” นี่มันอะไรกัน ไม่คิดจะปฏิเสธเลยเหรอไง แค่คำตอบแบบนั้นทำให้ข้าปิดหนังสือแล้วโยนมันลงกับพื้นจนทำให้ คนตัวเล็กสะดุ้ง ข้าเดินไปหาคนตัวเล็กตรงนั้น บีบแขนทั้งสองข้างจนมันแดงเป็นปื้น

“หึ ข้าเกลียดเจ้า”

“ผมรู้แล้วครับ” น้ำตาของขนมอบเอ่อขึ้นมาเล็กน้อย

“เจ้ามันก็แค่ขยะ”

“ท่านไม่มีสิทธิ์มาด่าผมแบบนี้”

“ทำไมข้าจะไม่มีสิทธิ์ ข้าเป็นเจ้านายเจ้า เจ้ามันก็เป็นได้แค่เศษสวะข้างทางที่ไร้ค่าที่สุด”

เพี๊ยะ

ข้าหันตามแรงมือที่ตบหน้าข้า

“ท่านไม่มีสิทธิ์มาดูถูกผมขนาดนี้ ผมแค่ฆ่าตัวตายไม่ได้ไปทำร้ายอะไรท่านสักหน่อย”

“เจ้ากล้าตบหน้าข้างั้นเหรอ?”

“ใช่ผมกล้า ถ้าท่านจะดูถูกผมอีก”

“สามพันกว่าปี ไม่เคยมีใครตบหน้าข้าแม้แต่คนเดียว เจ้าเป็นคนแรก เพราะงั้นเจ้าจะเจ็บกว่าข้าพันเท่าขนมอบ” ข้าแบกขนมอบพาดไหลแล้วเดินเข้าห้องนอนของข้า ทั้งตบหน้า ทั้งไปพลอดรักกับเจ้าเรย์ บทที่จะลงโทษเจ้าต่อไปยังไม่รู้ว่าจะคุ้มรึป่าวเลย ขนมอบ

“ท่านจะทำอะไร”

“ข้าจะสั่งสอนเจ้า อย่ามาเหิมเกริมกับข้า” ข้าโยนขนมอบบนเตียง แล้วเสกเชือกเส้นหนึ่งรัดข้อมือขนมอบกับเตียง

“ท่านอย่าทำแบบนั้นนะ”

“เจ้าคิดว่าข้าจะทำอะไรงั้นเหรอ?”

“ท่านเกลียดอะไรข้ามากงั้นเหรอ ท่านเซบัส” ข้าเห็นหยาดน้ำตาที่กลิ้งออกมาจากดวงตากลมโตคู่นั้น มันทำให้ใจข้าสั่นไหวและก่อตัวเป็นความสงสาร แต่ไม่นี่คือบทลงโทษของขนมอบ

“ข้าไม่ได้เกลียดเจ้า แต่ข้าแค้นวิธีการตายของเจ้าต่างหาก”

“ท่าน อุ๊บ” ข้าพูดเสร็จ ข้าก็ขยี้ปากบางๆนั่น ข้ากัดริมฝีปากของขนมอบจนเลือดไหลออกมา แค่นั้นมันก็ทำให้น้ำตาของขนมอบไหลมามากกว่าเดิม ข้าเอามือไล้เช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาจนดูเหมือนไม่มีวันหยุด

“ท่านอย่าทำอะไรข้าเลยนะ”

“น้ำตาของเจ้า ไม่มีผลอะไรกับข้าเลยแม้แต่น้อย” ข้ากลับไปขยี้ริมฝีปากของขนมอบต่อ ฉีกกระชากเสื้อที่ดูเหมือนจะเป็นอุปสรรค ข้าไซร้คอของขนมอบ ดูดซับ กัดเม้มจนมันเป็นรอยแดงปื้น นี่เป็นสัญลักษณ์จอง ที่แม้กระทั่งไอ้เรย์ก็ไม่มีสิทธิ์มายุ่ง ข้าไซร้ลงมาเรื่อยๆจนเจอยอดอกสีชมพูดที่ชวนน่ากิน ข้าขบเม้มเบาๆสลับกับกัดและเลียมันรอบๆ ส่วนยอดอกอีกข้าง ข้าใช้มือบีบจนเหมือนว่ามันจะมีน้ำไหลออกมา ข้ากัดยอดอกสลับไปมา แค่นี้ก็ทำให้ขนมอบแอ่นอกรับอย่างรู้งาน


“อ๊า ท่านเซบัส ข้า”


“ชอบล่ะสิ” ข้ากลับไปประกบปากขนมอบต่อแต่ไม่รุนแรงเหมือนครั้งแรก ข้าได้กลิ่นคาวเลือดที่ไหลออกมาเล็กน้อย แต่นั่นไม่เป็นผลกลับทำให้ข้าอารมณ์พุ่งมากกว่าเดิม ตอนนี้ข้าเปลี่ยนเป็นจูบที่อ่อนโยน มือสองข้างของข้าพยายามจะถอดกางเกงของขนมอบออก พอถอดออก ข้าก็เห็นส่วนโป่งพองที่มีเนื้อผ้าบางๆกันอยู่อีกชั้นหนึ่งของขนมอบ ข้าก้มลงไปเลียมันเบา แล้วกัดยอดมัน จนทำให้เสียงครางของขนมอบดังขึ้นกว่าเดิม ข้าเอาลิ้นเลียไปทั่วรอบๆขอบผ้าๆบางๆนั้น แล้วใช้ปากกัดมันลงมา โดยที่มือของข้าบีบต้นขาของขนมอบอยู่

“ท่านอย่านะ”

“ไม่เป็นไร”

“อ๊า เซบัส ท่าน” ข้าดูดเม้มส่วนปลายของมัน  ข้าค่อยๆเคลื่อนมันเข้าออกในปากของข้า มันขยายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนข้ารู้สึกว่ามันจะปล่อยออกมาในเร็วๆนี้ ข้าถอนริมฝีปากออก นั่นทำให้คนตัวเล็กตัวสั่นไม่น้อย

“ท่าน”

“อะไร”

“ช่วย.......”

“เจ้าพูดว่าอะไร”

“ท่าน”

“เซบัส เจ้าต้องเรียกข้าว่าเซบัส”

“เซบัส ช่วยผมด้วยนะครับ” ข้าจับขาของขนมอบแยกออกจะจากกัน

“นี่คือบทลงโทษของเจ้า ขนมอบ” ข้าจัดการถอดกางเกงตัวเองออก และใช้มือทำให้มันขยายขึ้นกว่าเดิม แล้วดันเข้าไปในช่องทางของขนมอบโดยที่ไม่มีอะไรมาขยายก่อน หรือ อะไรมันหล่อลื่น

“โอ๊ย เซบัส เจ็บ”

“อ๊า เจ้าอย่าเกร้งสิ”

“ผมเจ็บ เอาออกไป เซบัส ผมเจ็บมาก”  ข้าได้แต่แช่ส่วนของข้าไว้อย่างนั้น ขนมอบพยายามที่จะผละหนีออก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากนะ เพราะมือโดนมัดอยู่ น้ำตาที่หยุดไหลไปแล้วของขนมอบกลับไหลลงมาอาบแก้มอีกครั้ง คราวนี้ผมกลับตั้งใจใช้นิ้วโป้งเกลี่ยมันอย่างอ่อนโยน

“อย่าเกร็งนะ เด็กดี”

“แต่ผมเจ็บ”

“ไม่นาน เจ้าจะไม่เจ็บแล้ว ปล่อยตามธรรมชาติ”

“ผมเจ็บเหลือเกิน เซบัส”

“เจ้าเชื่อใจข้าสิ” ข้าเริ่มรับรู้ว่าช่องทางของขนมอบเริ่มขยายขึ้น ข้าก็ไม่รอช้าขยับจังหวะจากช้าๆๆ เร็วขึ้นไปอีก แล้วเร็วขึ้นไปอีก

“เซบัส ข้า อ๊า ข้าจะไม่ไหวแล้ว” ข้าใช้มือช่วยของขนมอบและเริ่มที่จะดันให้มันสุด สองสามที

“เซบัส อ๊า” ก่อนที่ข้ากับขนมอบจะปลดปล่อยออกมาพร้อมกัน ประโยคสุดท้ายที่ข้าพูดกับขนมอบก่อนที่ขนมอบจะหมดสติไป

“ที่ข้าแตะต้องตัวเจ้า ข้าแค่ต้องการให้เจ้าบำเรอกามข้าเท่านั้น ขนมอบ”  ข้าเสกให้เชือกที่มัดมือของขนมอบหลุดแล้วข้าก็ฟุบหลับลงไปโดยที่ดึงตัวคนตัวเล็กมากอดไว้






“พี่เซบัส ท่านกำลังทำผิดอยู่นะ”

“ข้ากำลังทำผิดงั้นเหรอเซน่า?”

“พี่เซบัสทำร้ายหัวใจตัวเองอยู่นะ”

“ทำร้ายหัวใจตัวเอง?”

“การตายของข้าไม่เกี่ยวอะไรกับเขาเลยพี่เซบัส”

“แต่เจ้านั่นฆ่าตัวตายนะเซน่า”

“ข้าไม่เคยแค้นการฆ่าตัวตายของมนุษย์เลยสักนิด พี่เซบัสท่านกลับไปขอโทษเขาซะเถอะนะ ลาก่อน ข้ารักพี่เซบัสเสมอ”

“เซน่าอย่างเพิ่งไปเซน่า”



เฮือก



ข้าลืมตาตื่นอีกครั้ง  ในฝันเซน่าบอกข้าว่าข้ากำลังทำร้ายหัวใจตัวเอง ข้าได้แต่ก้มมองคนในอ้อมก่อนตัวเอง เห็นริมฝีปากที่เป็นแผล รอยแดงบนคอ แขนขาวๆที่ดูช้ำจนขึ้นสีม่วง ข้าก้มลงมองส่วนล่างที่ตอนนี้ข้าเห็นเลือดปนกับน้ำสีขาวขุ่น นี่ข้าทำอะไรลงไป ข้าทำร้ายขนมอบ ข้าข่มขืนเขา พอได้สติข้าก็รีบเสกทำความสะอาด หยิบผ้านวมมาห่มร่างเปลือยเปล่า 

“วาเลน เจ้าดูแลขนมอบหน่อยนะ ข้าจะไปตามหมอ”

“ได้ขอรับท่าน” ข้าสั่งวาเลนเสร็จ ข้าก็รีบไปหา ส่วนกลางเพื่อไปลากวิญญาณแพทย์ให้มารักษา ข้าพาไอ้ผีหมอมาดูอาการขนมอบ

“ไอ้ผีหมอ ขนมอบเป็นไงบ้าง”

“เป็นไข้นิดหน่อย ส่วนช่องทางด้านหลังฉีกขาดเล็กน้อย โชคยังดี ท่านต้อง...”

“ต้องอะไรไอ้ผีหมอ”

“อย่ามีสัมพันธ์อะไรกับเขาสักระยะหนึ่ง”

“สักระยะหนึ่งมันกี่วัน”

“ก็สักสองอาทิตย์ได้ ให้แผลมันสมานตัวกันเอง ส่วนนี่ตัวยา ทาให้เขาด้วยและกัน”  ข้าให้วาเลนกลับไปส่งหมอ ส่วนข้าไปเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตามร่างกายของขนมอบ ทายาส่วนที่ข้าทำ ข้ารู้สึกผิดในสิ่งที่ข้าทำลงไปข้าไม่น่าหน้ามืดตามัวขนาดนั้น ขนมอบตื่นขึ้นมาแล้วจะเกลียดข้าไหม แถมประโยคสุดท้ายที่ข้าพูดไปแบบนั้นอีก ข้าอยากปาดคอตัวเองซะจริงๆ

“ข้อขอโทษนะ”  ข้านั่งเฝ้าขนมอบจนเผลอหลับไป



ผมกระพริบตาถี่ๆ ผมหันมามองด้านข้างเห็นท่านเซบัสฟุบหลับอยู่ข้างเตียง ผมอมยิ้มน้อยแต่ไม่นานผมก็ต้องหุบยิ้ม เมื่อวานผมโดนท่านเซบัสข่มขืน มันจะดีไม่น้อยถ้าท่านเซบัสรักผม แต่ประโยคสุดท้ายที่เขาพูดกับผมมันกลับทำให้หัวใจผมแตกสลายไม่มีชิ้นดี ผมพยายามขยับตัว

“โอ๊ย”

“ห๊ะ อะไรๆ” ผมเห็นท่านเซบัสสะดุ้งตื่นแล้วหันซ้ายหันขวาไปมา

“เจ้าฟื้นแล้ว ขนมอบ ข้าดีใจเหลือเกิน”

“ออกไปให้ห่างผม”

“ขนมอบ ข้าขอโทษ”

“ออกไป” ผมตะโกนออกไปพร้อมกับหยิบหมอนที่อยู่ข้างๆขว้างใส่หน้าท่านเซบัส ตอนนี้ผมไม่อยากเห็นหน้าเซบัสเลยแม้แต่นิดเดียวมันให้ผมเจ็บ แล้วมันจะกลั้นน้ำตาไม่อยู่

“เจ้าคงเกลียดข้าแล้วสินะ”

“แล้วมีเหตุผลอะไรที่ผมต้องไม่เกลียดท่านล่ะ”

“ข้าขอโทษ”

“ออกไป ผมไม่อยากเห็นหน้าท่านอีก” ผมหลับตาลงแล้วน้ำตาที่พยายามกั้นไว้มันกลับทะลักไหลลงมาเรื่อยๆ ลืมตาขึ้นอีกท่านเซบัสก็หายไปแล้ว ผมเหนื่อยเหลือเกิน ผมไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น

“ขนมอบ ท่านเซบัสให้ข้าเอาข้าวมาให้เจ้ากิน”

“ขอบคุณครับ วาเลน”

“เจ้าอย่าไปโกรธท่านเซบัสเลยนะ”

“ทำไมผมต้องให้อภัยในสิ่งที่เขาทำกับผม”

“ท่านเซบัสสูญเสียน้องไป เพราะน้องสาวของท่านอยากเป็นมนุษย์ น้องสาวของท่านเลยฆ่าตัวเองตาย ท่านเซบัสเลยฝังใจ”

“แต่เขาก็ไม่สมควรมาลงที่ผม”

“ท่านเซบัสน่ะบทที่ใจเย็นก็จะเย็นมากๆ แต่บทจะใจร้อนใครก็ห้ามไม่อยู่ ท่านเซบัสสั่งไว้ว่าให้เจ้าอยู่แต่ในห้องนี้สองอาทิตย์ ให้เจ้าพักฟื้นร่างกายให้ดีก่อน แล้วค่อยออกไป ส่วนข้าจะมาส่งอาหารให้เอง”

“ครับ  ขอบคุณวาเลนจริงๆนะครับ”

“เอากลับไปคิดล่ะ” ผมก็อยากให้อภัยเขาอยู่หรอก แต่ผมไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรกับผม ที่เขาขอโทษผมแค่เพราะล่วงเกินผม หรือรู้สึกผิดจริงกันแน่ๆ  ผมหลับลงแล้วนอนพักผ่อนตามที่วาเลนบอก ให้สมองผมได้พักบ้าง ให้มันคิดทบทวนเรื่องราวต่างๆ
 ทุกๆเช้า ที่ผมตื่นมาผมจะเห็นดอกกุหลาบแดงมาวางไว้ข้างหมอนผมทุกวัน นี่ก็ครบสองอาทิตย์ที่ผมสามารถออกจากห้องนี้ได้แล้ว หลังจากที่ผมนั่งๆนอนๆรออยู่แต่ในห้องนี้ คนแรกที่ผมอยากเจอที่สุดคือท่านเซบัส ผมเดินรอบๆบ้านก็ไม่เจอใครเลย ผมเลยเดินไปหลังบ้าน ที่ตอนนี้กุหลาบทั้งสามแปลงบานหมดแล้ว ผมว่ามันไม่น่าออกดอกเร็วขนาดนี้นะ นอกจากท่านเซบัสจะใช้เวทมนต์

“ข้าให้เจ้า ขนมอบ” ผมหันกลับหลังไปเจอหน้าท่านเซบัสถือดอกกุหลาบดำช่อโตแค่นี้ก็ทำให้ผมยิ้มพร้อมน้ำตาได้แล้ว

“ข้าขอโทษที่พูดไม่ดีกับเจ้า ข้าโทษที่ทำร้ายเจ้า ข้าขอโทษทุกๆเรื่องนะ”

“ผมรู้แล้วว่าทำไม ท่านถึงโกรธผม”

“ข้าไม่ควรจะเอามาลงกับเจ้า ขนมอบ”

“ผมไม่โกรธท่านแล้วครับ”

“ข้า...รัก...เจ้า”

“ท่านรักข้า?”

“เจ้าเลิกเรียกข้าว่าท่านได้แล้ว เจ้าต้องเรียกข้าว่าเซบัสสิ”

“แต่ว่า”

“ทีเรย์เจ้ายังเรียกสนิทสนมได้เลย”

“ก็ได้ครับ เซบัส”

“ว่าแต่เจ้ารักข้าหรือไม่?”


“รักครับ ผมรักเซบัสที่สุดเลย”


“ข้าก็รักเจ้า เด็กน้อย” ผมรับกุหลาบดำช่อนั้นมาแล้วเซบัสก็เดินมากอดผม แถมกระซิบเบาใส่ข้างหูผม





“กุหลาบดำ หมายถึงรักเราเป็นนิรันดร์นะ” 


THE END!!!


ปอลิง เรื่องนี้เอามาลงไว้ก่อน บางทีอาจจะรีไรท์ใหม่ เพราะมันดูอารมณ์มันขาดๆไป ขอโทษค้าาาา :call: :call: :call:

 




 


 

หมูกระต่าย

  • บุคคลทั่วไป
ขนมอบน่ารักมาก

toyyou

  • บุคคลทั่วไป
ชอบๆ สนุกดีครับ

ออฟไลน์ กาลณัฐ

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 505
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
ชอบเซบัสจังว๊าาาา
หล่อและน่ารัก 555+

 :L2: :L2: ให้เฟิร์นจ้าาา จุบบ  :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Tun_Bow

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-1
เหลือบเห็นตอนแรกๆที่ขนมอบยังไม่ตาย มีคนที่ชอบขนมอบอ่ะ น่ารักดี เค้าจะมีคู่มั๊ยคับ??

ปล.ขอสารภาพจากใจจริงตอนแรกอ่านชื่อขนมอบ เป็น ขน-มอบ งงไปสักพัก ก่อนจะกวาดตาอ่านใหม่ อ้อ ขนม-อบ

 :laugh: :laugh:

ปล.อีกนิด ขอตอนพิเศษๆๆๆๆ

archaeoloable

  • บุคคลทั่วไป
 :z2: บางคนอาจจะไม่รู้จักชูการ์ไกร์เดอร์เลยเอาฝากค่ะ!!!




ตอนนี้มีเรื่องสั้นเรื่องใหม่มาแล้วนะคะ อยากบอกว่านายเอก แต๋ว(ไฮโซ)สุดๆๆ ส่วนพระเอกเข้มสุดๆ  :mc4:

archaeoloable

  • บุคคลทั่วไป
 :z2: :z2: :z2:

เอามาแปะ (โฆษณานิยายตัวเองสุดๆ 55)

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32399.0 บังคับรัก ><.Zzzz (N'hin VS P'yoong)

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32662.0 แฟชั่นฤดูรัก ^^.Zzzz(Hiso. Milan VS King of desert)

 :mc4:  :z6:(โดนนักอ่านกระทืบ โฆษณานิยายตัวเองบ่อย ^^) :a5:

 :bye2: :bye2: :bye2:

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
น่ารักจัง

janeyuya

  • บุคคลทั่วไป
โหยยยยยยยยยย ท่านเซบัสแม่มมมม
ขี้หีงหว่ะ กร้ากกกกกก

ออฟไลน์ moredee

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-8
 :o12:เรื่องสั้นกะลังดี อ่านสนุกมีทุกอารมณ์ o13

ออฟไลน์ Lemon_Tea

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1641
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-2
ถึงจะเข้าใจกันเร็วไปนิด
แต่ก็ดีแล้วล่ะ อย่าโกรธกันนานเลย
รักกันๆ

Tiamo_jamsai

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ pp4

  • คนที่ 'ชอบ' ไม่ได้แปลว่าคือคนที่ 'ใช่'
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1447
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-6
น่ารักดีอ่ะ ชอบๆๆๆ ><"

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด