The Call Chapter 21: อู้วววววว...........
_________________________________________________________________________________________________
จะเฝ้ามองดูคนที่ผมหลงรักต่อไป แม้จะไม่มีแม้เงาของผมยืนอยู่ข้างในหัวใจดวงนั้นก็ตาม
ผมเพิ่งกล้าที่จะพูดคำนั้นออกมา………………………........
…….……………….เมื่อมันสายไปแล้ว
แต่ผมจะกลับมา…………………..
…ถ้าได้ยิน ‘เสียง’ เรียกชื่อผม
กล่องเหล็กสี่เหลี่ยมขนาดกำลังพอดีถูกนำมาวางเอาไว้บนหน้าตักของผม อดแปลกใจไม่ได้ว่าข้างในกล่องเหล็กใบนี้มีอะไรอยู่กันแน่ ทำไมพี่เมทผมถึงมีท่าทีแปลกไปกว่าทุกที ผมหันไปมองหน้าพี่เมทที่กำลังนั่งจ้องมองผมอยู่บนเตียงของตัวเองอย่างไม่วางตา พี่เมทผมไม่ได้พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว แค่พยักหน้าส่งเป็นสัญญาณให้ผมเปิดกล่องเหล็กสี่เหลี่ยมที่วางอยู่บนหน้าตักของผมสักที บรรยากาศในห้องตอนนี้ราวกับว่าผมกำลังนั่งอยู่ในห้องออกรางวัลฉลากกินแบ่งรัฐบาลที่กำลังจะหมุนจับรางวัลที่หนึ่งขึ้นมา เพราะตอนนี้ผมกำลังลุ้นสุด ๆ ทั้งอยากรู้แล้วก็อดลุ้นตามไม่ได้ว่าข้างในกล่องใบนี้คืออะไรกันแน่ ผมค่อยๆใช้มืองัดฝาเหล็กของกล่องเหล็กขึ้นมา ฝาเหล็กค่อนข้างปิดแน่น ผมต้องใช้แรงเปิดมากกว่าปกติ
แก๊ก ! ยังเปิดไม่ออก
มะนาวเกร็งข้อมือเพิ่มแรงงัดมากกว่าครั้งแรกพยายามใช้มืองัดฝาเหล็กให้เปิด แก๊กกก ! แต่ก็ยังเปิดไม่ออก
มะนาวนิ่วหน้าหมุนฝากล่องเหล็กสุดแรงอีกครั้งจนเอ็นข้อมือขึ้น แก๊กกกกกก ! ในที่สุดฝาของกล่องเหล็กก็เปิดออกสักที
กล่องเหล็กถูกเปิดออก ผมมองเห็นของที่วางอยู่ด้านในกล่องแล้ว ด้านในของกล่องเหล็กมีภาพถ่ายหลายใบซ้อนทับกันอยู่ ผมเอื้อมมือลงไปหยิบภาพถ่ายใบแรกที่วางอยู่ด้านบนสุดขึ้นมาดู
“ภาพถ่าย?” ผมหยิบภาพถ่ายใบบนสุดชูขึ้นหันไปถามพี่เมทหน้าโหด พี่เมทผมก็ยังคงวางมาดเท่ตีหน้าขรึมไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกเช่นเคย แค่ชี้ปลายนิ้วตวัดบอกให้หมุนอีกด้านดู ผมรีบหมุนภาพถ่ายมาดูด้านหลังตามพี่เมทบอกทันที ถึงบางอ้อมันไม่ใช่แค่ภาพถ่าย มันเป็นภาพถ่ายที่เอามาใช้ทำโปสการ์ด เพราะด้านหลังของภาพถ่ายที่ผมกำลังถือมีข้อความเขียนด้วยลายมืออยู่ด้วย แสดงว่าในกล่องเหล็กมี ‘โปสการ์ด’ หลายใบซ้อนทับกันอยู่เต็มไปหมด ผมหยิบโปสการ์ดทั้งหมดที่วางอยู่ในกล่องเหล็กขึ้นมาหันหน้าไปสบตากับพี่เมทผมอีกครั้งเพื่อความแน่ใจว่าทั้งหมดเป็นของผม เพราะด้านหลังไม่ได้เขียนบอกว่าส่งมาให้ใครบอกแค่ชื่อห้อง 7712
“ของมะนาว?”
พี่เมทผมก็ไม่ได้ตอบอะไรออกมาอีกเหมือนเดิม แค่พยักหน้ายืนยันว่าโปสการ์ดในกล่องทั้งหมดเป็นของผม ผมหยิบโปสการ์ดทั้งหมดที่อยู่ในกล่องเหล็กขึ้นมาไล่อ่านดูทีละใบ เรียงตามวันที่ที่ส่งมา โปสการ์ดใบแรกเป็นภาพถ่ายโทรศัพท์ของหอพัก พลิกดูด้านหลังของโปสการ์ดมีข้อความที่เขียนด้วยลายมือหวัดๆว่า
6
30 กค 2555
เธอ.... เธออีกแล้ว ที่มารบมากวนหัวใจ
แต่ไม่รู้ทำไมมันมอง.... หาแต่เธอ
อู้วววว........แปลกจริงๆ
…แว่นหนา
ห๊ะ! ใบแรกมีแค่นี้หรอ มะนาวพลิกดูด้านหน้าพลิกกลับมาดูด้านหลังก็ไม่มีอะไรเพิ่ม
โปสการ์ดใบที่สองเป็นภาพถ่ายถนนมหาวิทยาลัยที่ทอดตัวยาวสุดลูกหูลูกตาใต้แสงไฟสีส้มอมเหลืองของดวงไฟจากเสาไฟฟ้าต้นสูงที่เรียงตัวยาวอยู่ด้านข้างของถนนตอนกลางคืน พลิกดูด้านหลังของโปสการ์ดก็มีข้อความสั้นๆเขียนด้วยลายมือหวัดๆว่า 7
13 สค 2555
“หลงทางท่ามกลางหมู่ดาว
อยากให้ฟ้าลืมสว่าง”
…แว่นหนา
โปสการ์ดใบที่สามมาแปลกกว่าเดิมเป็นภาพเงาของใครสักคนทอดตัวยาวอยู่บนพื้นดิน ภาพใบนี้ถูกถ่ายจากมุมถนนเส้นไหนสักที่ของมหาวิทยาลัย ด้านหลังของโปสการ์ดมีข้อความสั้นๆเขียนด้วยลายมือหวัดๆเหมือนเดิมว่า8
27 สค 2555
อยากมีสิทธิ์.... ‘หึง’…
…แว่นหนา
โปสการ์ดใบที่สี่คราวนี้แปลกกว่าเดิมอีกเป็นภาพช้างหมอบ? พลิกดูด้านหลังของโปสการ์ดมีข้อความสั้นๆเขียนด้วยลายมือหวัดๆว่า 9
28 สค 2555
“ช้าง (เธอ) มอบ”
… แว่นหนา
โปสการ์ดใบที่ห้าเป็นภาพถ่ายเลขห้องพัก 7712 ที่ถ่ายจากประตูของหอพัก พลิกดูด้านหลังของโปสการ์ดมีข้อความที่เขียนด้วยลายมือหวัด ๆ ของคนเดิมแต่ยาวกว่าโปสการ์ดใบที่ผ่านมาเขียนว่า10
4 กย 2555
“เงาของใคร... นั่งอยู่ในใจ?”
…แว่นหนา
โปสการ์ดใบที่หกเป็นภาพของถ้วยแกงฮังเล พลิกดูด้านหลังของโปสการ์ดมีข้อความสั้น ๆ เขียนด้วยลายมือหวัด ๆว่า11
11 กย 2555
“แกงหวาน”
…แว่นหนา
โปสการ์ดใบที่เจ็ดมาแปลกเป็นภาพของแผ่นซีดีแผ่นหนึ่งที่มีกระดาษโน้ตสีเหลี่ยมสีชมพูแผ่นเล็ก ๆ แปะเอาไว้ด้านบนของซีดีพร้อมกับเขียนข้อความกำกับเอาไว้ว่า เพลงสุดท้ายของแผ่น ด้านหลังของโปสการ์ดมีข้อความสั้น ๆ เขียนด้วยลายมือหวัด ๆ ของคนเดิมเขียนว่า12
18 กย 2555
ร้องบอกหัวใจ ‘มีเธอ’
…แว่นหนา
โปสการ์ดใบที่แปดภาพ ‘กราฟการเต้นของหัวใจ’ พลิกดูด้านหลังของโปสการ์ดมีข้อความสั้น ๆ เขียนด้วยลายมือหวัด ๆ ว่า13
25 กย 2555
‘รัก’ อยู่ไม่ไกลจากเธอ
…แว่นหนา
โปสการ์ดใบที่เก้าเป็นภาพป้ายของร้านเหล้าสิมิลันที่ผมชอบไปดริ้ง ดรั้ง แดนซ์ พลิกดูด้านหลังของโปสการ์ดมีข้อความสั้นๆเขียนด้วยลายมือหวัด ๆ ว่า14
2 ตค 2555
‘จูบเดียวใต้เงาของแสงจันทร์’
…แว่นหนา
'จูบ' หรือว่าจะเป็นคนนี้ที่ 'จูบ' ผมคืนนั้น
อ่านมาถึงโปสการ์ดแผ่นนี้มะนาวเริ่มรู้สึกสงสัย ข้อความกับภาพที่ส่งมามีความหมายอะไรซ่อนเอาไว้ เพราะมะนาวรู้สึกว่าภาพบนโปสการ์ดเหมือนพยายามสื่อความหมายบางอย่างบอกเขาอยู่ แต่เขายังนึกไม่ออก แล้วใครเป็นคนส่งโปสการ์ดพวกนี้มาโปสการ์ดใบต่อใบที่สิบเป็นภาพร่ม พลิกดูด้านหลังของโปสการ์ดมีข้อความสั้น ๆ เขียนด้วยลายมือหวัด ๆว่า16
9 ตค 2555
‘ร่มวิเศษ’
…แว่นหนา
โปสการ์ดใบที่สิบเอ็ดเป็นรูปของรถบัสมหาวิทยาลัย พลิกดูด้านหลังของโปสการ์ดมีข้อความสั้นๆเขียนด้วยลายมือหวัด ๆ ว่า17
16 ตค 2555
….เฝ้า….รอ….คอย…. ‘เดินร่วมทาง’
…แว่นหนา
โปสการ์ดใบที่สิบสองเป็นภาพข้อความที่ถูกเขียนลงบนหน้ากระดาษสีขาวของสมุดเล่มหนึ่ง ‘เพ้อ’ พลิกดูด้านหลังของโปสการ์ดก็ยังคงมีข้อความสั้น ๆ ที่ถูกเขียนด้วยลายมือหวัด ๆ ของคนเดิมว่า18
23 ตค 2555
“เพ้อ หากใจนายมีแค่..เรา
ใจเราคง..เพ้อ”
…แว่นหนา (◎_◎)
โปสการ์ดใบที่สามเป็นรูปผมถ่ายคู่กับกราฟงานโอเพ่นเฮ้าวางอยู่บนผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่ง พลิกดูด้านหลังของโปสการ์ดมีข้อความสั้นๆเขียนด้วยลายมือหวัด ๆ ว่า19
30 ตค 2555
‘be the one I've been waiting for my whole life’
‘หนึ่งคน ที่เฝ้ารอมาตลอด’
…แว่นหนา
ชัดเจน พอถึงใบสุดท้ายผมรู้แล้วว่าโปสการ์ดทั้งหมดใครเป็นคนส่งมา ผมรีบลุกจากเตียงเดินไปเปิดลิ้นชักหยิบโปสการ์ดที่ผมเคยได้ก่อนหน้านี้ เอาโปสการ์ดจากในกล่องออกมาวางเรียงบนโต๊ะ เทียบลายมือกับโปสการ์ดปริศนาที่ก่อนหน้านี้มีคนส่งมาให้ผมแต่ช่วงหลังผมไม่ได้รับแล้ว มันหายไปโปสการ์ดใบแรกที่ผมได้รับหลังจากมาเรียนที่นี่เป็นรูปรองเท้านักเรียน
1
15 พค 2555
‘รู้สึกเหมือนกันหรือเปล่า?’
…แว่นหนา
โปสการ์ดใบที่สองเป็นรูปของผมที่ถูกถ่ายจากมุมด้านหลัง
2
5 มิ ย 2555
‘มองกลับมามุมนี้นายก็จะรู้’
…แว่นหนา
โปสการ์ดใบที่สามเป็นรูปตู้ไปรษณีย์สีแดงสด
3
26 มิ ย 2555
‘หากภาพบนโปสการ์ดสามารถแทนคำพูดได้นับพัน
ทำไมถึงหาภาพที่แทนความรู้สึกทั้งหมดที่มีต่อนายไม่ได้?’
…แว่นหนา
โปสการ์ดใบที่สี่เป็นรูปดินสอหนึ่งเล่มวางทับอยู่บนด้านหลังของโปสการ์ด
4
3 มิ ย 2555
‘อยากเขียนความรู้สึกออกมาแทนคำพูด แต่ทำไมยังหาคำที่แทนความหมายในตัวนายที่รู้จักไม่ได้’
โปสการ์ดใบที่ห้าเป็นภาพถ่ายแว่นตา
5
23 มิ ย 2555
‘สายตาที่มองออกไป คงซ่อนความรู้สึกเอาไว้ไม่ได้ ถ้านายมองเข้ามาคงสังเกตเห็น’
หัวใจผมพองตัวโตขึ้นเรื่อย ๆ ผมรู้สึกหน้าแดงซ่านราวกำลังจับไข้หนัก ใจเต้นตึกตักเหมือนมีคนเข้ามานั่งรัวตีกลองอยู่ด้านใน ข้อความด้านหลังโปสการ์ดทุกใบถูกเขียนขึ้นมาด้วยลายมือของคน ๆ เดียวกัน ผมเข้าใจแล้วว่าโปสการ์ดปริศนาที่ส่งมาให้ผมทำไมถึงหายไป ที่ไหนได้พี่มีนเป็นคนเก็บเอาไว้นี่เอง แต่พี่มีนเก็บเอาไว้ทำไม ทำไมถึงไม่ให้ผม หรือพี่มีนเข้าใจผิดคิดว่ามีคนส่งมาให้ตัวเอง ผมรีบเงยหน้าหันไปถามพี่เมทหน้าโหดของตัวเองด้วยความสงสัย
“อยากรู้?” พี่มีนชิงพูดขึ้นมาก่อนหลังจากที่เงียบเสียงเอาไว้ซะนาน ผมพยักหน้าหงึกหงักส่งสัญญาณตอบรับว่าอยากรู้เรื่องนี้อย่างเต็มที่ จากนั้นพี่มีนก็ลุกจากเตียงของตัวเองเดินตรงมาหาผม
“ที่เก็บเอาไว้ก็เพราะไอ้พี่เมทคนนี้ก็กลัวจะเกิดศึกชิงนายระหว่างน้องเมท ออยด์ชอบไอ้หน้าขาว แต่ไอ้หน้าขาวดันมาชอบเรา เลยขอริบสินสมรสเอาไว้ให้แน่ใจก่อน”
“ทำไมพี่มีนคิดว่าเป็นของกราฟล่ะครับ”
“เอาจริง ๆ นะ ตอนแรกพี่ก็ไม่รู้ว่ะ แรก ๆ พี่รปภ.หน้าหอคิดว่าเป็นของพี่เลยเอาให้ เอามาแล้วดันลืมถามว่าเป็นของใคร ลืมหลายใบเข้าเลยเป็นเรื่องใหญ่เลยทีนี้”
“?” ผมหันไปจ้องหาพี่มีนด้วยความสงสัย
“อีกคนไม่รู้ตัวว่าคนที่โทรไปคือคนที่เค้ากำลังแอบชอบตัวเอง ส่วนน้องเมทอีกคนก็ดันไปชอบคนที่เค้าชอบเพื่อนตัวเอง เรื่องเลยตุงนังใหญ่เลยทีนี้”
“แล้วทำไมมะนาวไม่เคยเห็นโปสการ์ดที่หน้าหอเลยล่ะ”
“พี่เป็นคนบอกให้พี่รปภ.หน้าหอเก็บเอาให้เอง เพราะโปสการ์ดจะส่งมาทุกวันอังคาร แล้วอีกอย่างไม่เคยดูเลยหล่ะสิว่าโปสการ์ดก็ไม่ได้ติดแสตมป์”
“แล้วทำไมถึงเพิ่งเอามาให้มะนาว”
“ก็เพราะว่ามันถึงเวลาของมันแล้วไงครับน้องเมท”
พอผมเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นก็เอื้อมมือไปหยิบปฏิทินตั้งโต๊ะที่วางเอาไว้ข้าง ๆ กองหนังสือ โชคดีที่ผมชอบเขียนชอบจดเอาไว้ว่าวันไหนทำอะไรไปบ้างลงบนช่องวันที่ของปฏิทินตั้งโต๊ะที่ผมใช้เป็นตัวช่วยเขียนเตือนความจำจึงพอนึกเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้ไม่ยากเท่าไหร่นัก ผมค่อย ๆ ไล่อ่านโปสการ์ดใหม่อีกครั้ง
โปสการ์ดส่งมาทุกวันอังคารจริง ๆ ด้วย อ่านไปได้สักครู่ ข้อความในโปสการ์ดค่อย ๆ เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น เฉลยทุกเรื่องที่ผมสงสัย จนมาถึงโปสการ์ดใบที่เป็นรูปแผ่นซีดีเพลง ผมนึกออกแล้วว่าเคยเห็นแผ่นซีดีนี้ที่ไหน มันเป็นแผ่นซีดีที่กราฟเคยไลค์เพลงมาให้ว่าแล้วผมก็เดินไปหยิบแผ่นซีดีที่เคยได้มาเปิดแทร็กสุดท้ายของแผ่นฟังมันชื่อเพลง
make you feel my love Bob Dylan Acoustic Cover
ฟังจบรอบแรก ดนตรีดูเศร้า ๆ ผมลองเอาชื่อเพลงไปค้นหาเนื้อร้องจากกูเกิลเพื่อจะดูความหมายของมันจนเจอ ไล่อ่านความหมายของเพลงทีละประโยค อ่านได้สักพัก
สติของผมถูกสตาฟจนสติสะดุด ผมถูกไอ้แว่นกราฟฆ่าอย่างช้า ๆ ด้วยคำสารภาพบอกรักผ่านข้อความตัวอักษรที่ถูกนำมาเรียงต่อกันเป็นประโยคกลายเป็นบทเพลงที่แสนนุ่มนวล
หลังจากที่ผมอ่านโปสการ์ดที่เก็บเอาไว้ในกล่องครบหมดทุกใบเป็นรอบที่สอง บุคคลที่สามก็เข้ามาร่วมเป็นพยานในเหตุการณ์ครั้งนี้
แอ๊ดดด.....แอ๊ดดด....
“กลับมาแล้วคร้า.....!!!” เพื่อนเมทตัวกลมกลับมาห้องแล้วด้วยท่าทีสดใสเช่นเคย ไม่ยักมีท่าทีเหมือนคนอดหลับอดนอนทั้งเมื่อคืนคุณเธอเพิ่งไปปาร์ตี้แบบสุดเหวี่ยงแถมยังไม่ได้กลับมานอนห้องอีกด้วย
“พี่เมท เพื่อนเมททำอะไรกันอยู่คร้า ทำไมอยู่กันเงี้ยบ เงียบ” แม่หมูก้าวขาฉับเดินผ่านประตูเข้ามาในห้อง
“โห รูปอะไรนะเต็มเตียงไปหมดเลยมะนาว แอบไปล้างรูปมาหรอทำไมไม่บอกจะได้ฝากล้างมั่ง ไหนขอดูหน่อยสิ ล้างร้านไหน แผ่นละกี่บาท” ก่อนที่ผมจะพูดอะไรออกไปแม่หมูก็เดินมาหยิบโปสการ์ดทั้งหมดที่วางกระจัดระจายอยู่บนเตียงของผมไปดูทันที ท่าทีและสีหน้าของแม่หมูเปลี่ยนไปหลังจากที่รู้ว่ามันไม่ใช่แค่ภาพถ่ายแต่มันเป็นโปสการ์ดที่ถูกส่งมาจากคนที่เธอแอบชอบ แม่หมูอ่านโปสการ์ดทีละใบสลับกับมองหน้าผม แม่หมูอ่านโปสการ์ดจนครบทุกใบ สีหน้าของแม่หมูเปลี่ยนไป แม่หมูหันหน้าไปหาพี่มีนที่นั่งอยู่บนเตียง ก่อนจะหันหน้ามาพูดกับผมที่นั่งนิ่งอยู่ข้าง ๆ เพราะยังนึกไม่ออกว่าสถานการณ์แบบนี้ควรจะพูดอะไรออกไปดี แม่หมูถอนหายใจยาวก่อนจะเอ่ยปากพูดกับผมเป็นประโยคแรก หลังจากที่นิ่งไปเสียนาน
“มะนาวเรามีเรื่องต้องคุยกัน” แม่หมูสบตาผมนิ่ง สายตาของเธอที่มองผมตอนนี้ไม่ใช่สายตาของเพื่อนที่ผมเคยรู้จัก ทั้งที่มีเวลาให้ผมเตรียมตัวรับสถานการณ์และคิดเอาไว้ว่าต้องมีวันนี้ แต่ทำไมมันมาเร็วแท้หลาว
“...” ผมก้มหน้าไม่กล้าสบตาเพื่อน ไม่รู้จะพูดอะไร
“มีอะไรจะพูดไหม?”
“...”
“เป็นแบบนี้ได้ยังไง มีอะไรทำไมไม่บอก”
“เราเพิ่งรู้ พี่มีนเพิ่งเอามาให้”
“แล้วมีอย่างอื่นอีกไหมที่ฉันยังไม่รู้ นอกจากโปสการ์ดพวกนี้”
“....”
“มะนาวหันหน้ามาคุยกันดี ๆ อย่าเงียบสิ ยังมีเรื่องอื่นอีกใช่ไหม? ที่ออยด์ยังไม่รู้ ” เสียงแม่หมูเริ่มสั่น แม่หมูหันไปหาพี่มีนแล้วถอนหายใจอีกครั้ง ก่อนจะหันมาพูดกับผมต่อ
“แล้วมะนาวจะเอายังไง?”
“เอ่อ....” ยังไม่ทันที่ผมจะพูดอะไรเพื่อนตัวกลมผมก็พูดต่อทันที
“ไหนเมื่อเรื่องมันเป็นอย่างนี้แล้ว พูดสิว่ามะนาวก็ชอบกราฟ”
"..."
“มะนาวรู้อะไรไหม ออยด์อ่านข้อความจากโปสการ์ดแล้วรู้สึกยังไง” แม่หมูเงยหน้ามองเพดาน กรอกตาไปมาเหมือนพยายามไล่น้ำตาไม่ให้ไหลออกมา
“เรื่องนี้มันโรแมนติกจุงเบย...เนอะพี่มีนเนอะ 555” พอพูดจบประโยคแม่หมูก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาเสียงดัง พี่มีนก็หัวเราะเสียงดังตามดูเหมือนพี่มีนจะกลั้นหัวเราะเอาไว้ซะนานเพราะพี่เมทหน้าโหดตอนนี้ล้มตัวหงายท้องหัวเราะร่วนอยู่บนเตียงเหมือนคนบ้า
“?”
“โถ...ดูสิตกใจหน้าซีดหมดเลย แกล้งเล่นหน่อยเดียวเอง น่านะอย่าคิดมาก ถ้ากราฟมาขอมะนาวเป็นแฟนฉันก็โอเค เพราะแฟนเพื่อนก็เหมือนแฟนเรา ส่วนแฟนเราก็คือแฟนเราไม่เกี่ยวกัน 555”
แสดงว่าแม่หมูรู้เรื่องนี้แล้ว สรุปคือ แกล้งกันใช่ไหม?
“ทำหน้างง ฉันเลิกชอบกราฟไปนานแล้วคะเพื่อนขา ตอนนี้ฉันก็ไม่ใช่คนตัวเปล่าเล่าเปลือยอีกต่อไปแล้วด้วย เพราะเมื่อคืนเพิ่งไปถวายตัวมา” ประโยคหลังแม่หมูหันมากระซิบให้ผมกับแม่หมูได้ยินกันแค่สองคน
“หมายความว่าไง ถวายตัว? กับใคร?”
“ใช่ มะนาวจำพ่อหนุ่มที่โก๋ไปถีบหน้าเขาที่ผับได้ไหม?”
“...” ผมพยักหน้าตามงง ๆ
“แล้วจำพ่อหนุ่มที่ช่วยเราไม่ให้ถูกเหยียบคืนงานเฟรชชี่ไนท์ได้ไหม?”
“ได้” ผมนึกตามก่อนจะพยักหน้าหงึกหงัก หลังจากที่นึกหน้าออก “พ่อหนุ่มขึ้นหิ้งคนนั้น”
“ใช่คะ คือคนเดียวกัน สองคนนั้นก็คือพ่อหนุ่มขึ้นหิ้ง และไม่ต้องตกใจขนาดนั้นคะ เพราะที่กำลังคิดอยู่นะถูกแล้ว” พ่อหนุ่มขึ้นหิ้งคนนี้แม่หมูแอบปลื้มมานานมากเจอกันคืนงานเฟรชชี่ไนท์ตั้งแต่เปิดเทอมแรก ๆ ก่อนจะมาเจอกับกราฟ แต่รู้ว่าเป็นไปไม่ได้เลยถูกจัดให้อยู่บนหิ้งแทน ทำให้พ่อหนุ่มขึ้นหิ้งคนนี้ไม่ได้ถูกจัดอยู่ในอันดับเหมือนคนอื่นๆที่เธอชอบ เพราะคนนี้มากกว่าชอบนั่นเอง
“ไม่เห็นเคยเล่าให้ฟัง”
“ก็ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรไง อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิ เดี่ยวเล่าให้ฟังตอนนี้เลยก็ได้แหม เรื่องมันเกิดหลังจากที่เขาถูกโก๋ถีบหน้า ฉันก็ไปหาเบอร์ห้องเขามาเพื่อจะให้โก๋โทรไปขอโทษ แต่ปรากฏว่าช่วงนั้นเขาไม่สบายพอดี ประกอบกับตอนนั้นเขาอยู่ห้องคนเดียวด้วย เพราะเพื่อนเมทกลับบ้านกันหมด ช้านเลยอาสาดูแลซื้อข้าวซื้อน้ำป้อนยา จากนั้นก็เริ่มคุยกันมาเรื่อย ๆ จริง ๆ กะบอกมะนาวตั้งแต่เมื่อคืนแล้วนะแต่ดันไม่ยอมไปเอง ”
"แล้ว?"
"เขาสอบเสร็จพร้อมกับเราเลยชวนไปฉลองสอบเสร็จด้วยกัน พอดีเขาไม่มีรถกลับเพราะเพื่อนเขาสอบเสร็จก็กลับบ้านกันหมดเลย ฉันเลยอาสาขับไปส่งที่หอ แต่เผอิญฉันดันทำเครื่องรางที่ได้มาหล่นที่ห้องของเขา แล้วเขาเลยเปลี่ยนสถานะให้ฉันแบบไม่ทันได้ตั้งตัว อิอิ"
“อ่อ สรุปว่าเมาจนขาดสติ ตอนเช้าตื่นมาเขาร้องไห้ม่ะ”
“เปล่า เขาไม่ได้ร้องไห้แต่ร้องขอเพิ่มแทน” แม่หมูยักไหล่ทำหน้าเป็นต่อราวกับเพิ่งได้ชัยชนะจากการลงสู้ศึกครั้งใหญ่
“สรุปมะนาวชอบกราฟใช่ไหม?”
“ยังไม่ถึงเวลาที่จะพูด” พอตั้งสติได้ผมก็หันไปยักคิ้วกวนประสาทให้เพื่อนเมทตัวกลมหนึ่งที เรื่องอะไรผมจะบอกง่าย ๆ มองตาก็รู้ตอนนี้เมทผมกำลังอยากรู้เรื่องนี้เต็มแก่
“เฮ้ย น้องเมทอย่ากั๊กดิ๊ว่ะ ตอบมาเร็ว ๆ เลย” พี่เมทหน้าโหดผมสวนขึ้นมาหลังจากนั่งหอบจากการหัวเราะอย่างหนัก นี่ก็อีกคน
“ไม่” เรื่องอะไรผมจะบอกง่ายๆ ถึงเวลาผมเอาคืนบ้าง ^ ^ “เดี่ยวถึงเวลามะนาวก็บอกเองหละน่า แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้”
“ทำเก่ง เมื่อกี้ยังหน้าซึมอยู่เลย”
“ทีใครทีมันครับ ^ ^”