[Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ  (อ่าน 185283 ครั้ง)

ออฟไลน์ zynestras

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-0
    • Zynestras.com
         ตอนที่ ๑๓

 

ฤดูฝนกำลังกลับเข้ามาอีกครั้ง เมฆดำครึ้มที่เคลื่อนที่มาช้าๆกำลังลอยอยู่เหนือบรูคลินและทิ้งเอาหยาดน้ำฝนโปรยปรายลงมาด้านล่าง

รัญชน์ละมือจากข้าวของที่กำลังเก็บเรียงเข้าชั้นมายืนมองดูสายฝนที่กำลังตกอยู่ข้างหน้าต่าง บรรยากาศที่ดูเหงาหงอยสำหรับใครหลายๆคนกลับเป็นบรรยากาศที่รัญชน์นั้นแสนรัก

“ผมอยากจะวาดรูปอีกครั้ง...”

รัญชน์เปรยขึ้นมา สิ่งที่เขาพูดออกไปทำให้กวินท์ที่กำลังคัดหนังสือจากชั้นวางย้ายมาลงกล่องใกล้ๆต้องละสายตาขึ้นมามอง

ใบหน้าละมุนด้วยรอยยิ้มน้อยๆกำลังมองดูหยาดน้ำฝนอยู่

กวินท์มองสิ่งที่คนรักกำลังมองดูก็รู้ว่ารัญชน์นั้นกำลังคิดอะไรอยู่จึงเดินมาหาคนรัก

“ลองวาดดูสิ..ผมเชื่อว่าคุณทำได้”

สองมือของกวินท์เอื้อมไปจับสองมือรัญชน์ไว้ รอยยิ้มปรากฏขึ้นเพื่อส่งกำลังใจให้

รัญชน์มองรอยยิ้มนั้นด้วยความรู้สึกที่คลายกังวลลง เพราะกลัวว่าความต้องการของตนเองจะไปกระทบกับจิตใจของคนรักเข้า

ทั้งเขากับกวินท์ต่างก็ต้องยุติในอาชีพของตนเองมาปีกว่าแล้วนับตั้งแต่ที่เกิดอุบัติเหตุ แม้ว่าจะได้รับการผ่าตัดจากกสิณผู้เป็นพ่อของกวินท์และทำกายภาพบำบัดจนมือที่ได้รับบาดเจ็บหายเป็นปกติดี แต่ทั้งเขาและกวินท์ก็ไม่เคยกลับไปทำในสิ่งที่ถือได้ว่าเป็นพรสวรรค์ของตนเลยสักครั้ง

กวินท์เคยบอกไว้ว่าการบังคับมือและนิ้วถือเป็นความสำคัญอย่างยิ่งในการผ่าตัดแต่ละครั้ง ถึงแม้ว่ามือของเขาจะหายดีจนใช้งานได้เป็นปกติ แต่มันก็ไม่เหมือนเดิมที่จะใช้งานได้อย่างไร้กังวล

อาการเจ็บที่บาดแผลมันจะเกิดขึ้นเมื่อใช้งานติดต่อกันเป็นระยะเวลานานๆ และการผ่าตัดแต่ละครั้งบางทีก็ไม่ต่ำกว่าสิบชั่วโมง เขาไม่อยากทำให้คนไข้เกิดภาวะเสี่ยงโดยไม่จำเป็นเพราะตัวเขาเอง

ได้ยินเช่นนั้นแล้ว รัญชน์ก็เลยถามกลับไปว่ากวินท์ไม่เสียใจหรือที่จะไม่ได้ใช่สิ่งที่เรียนมาช่วยชีวิตคนอีก คนรักของเขายิ้มๆและบอกว่าถึงไม่ได้เป็นศัลยแพทย์ก็สามารถช่วยชีวิตคนในสาขาอื่นได้อีก

ดังนั้นกวินท์กับเขาเลยย้ายมาอยู่ที่บรูคลินเพื่อให้กวินท์เข้าศึกษาต่อในสาขาด้านจิตวิทยาที่กวินท์เองก็สนใจอยู่

รัญชน์เคยคิดแบบคาดเดาเอาเองว่าการที่กวินท์สนใจในเรื่องสาขาจิตวิทยานี้เป็นเพราะยชญ์ก็เป็นได้

แต่เขาก็ไม่เคยได้ถามกวินท์อย่างจริงจังสักครั้ง

อันที่จริงแล้ว นับตั้งแต่วันที่พี่สาวเอารูปถ่ายมาให้ดูวันนั้น พวกเขาก็ไม่เคยพูดถึงคนที่เคยเป็นพ่ออีกเลย

“แต่อย่าหักโหมมากเกินไปก็แล้วกัน”

กวินท์บอกอย่างเป็นห่วง รัญชน์พยักหน้ารับก่อนที่ทั้งสองจะยิ้มให้กันและหันกลับไปช่วยกันจัดเรียงตำราแพทย์ของกวินท์เข้าชั้นวางกวินท์จัดชั้นหนังสือไปก็ลอบมองคนรักไปด้วย

รอยยิ้มอบอุ่นปรากฏขึ้นเมื่อเขาเฝ้ามองดูคนรักที่มีกำลังใจจะกลับไปสร้างสรรค์ผลงานของตนอีกครั้ง

ที่กวินท์เลือกมาเรียนที่นี่ก็เพราะอยากให้รัญชน์กลับมาอยู่ในสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคย เมืองที่รัญชน์รักและก็ใกล้กับแกลอรี่ของคีตวิชญ์

กวินท์คาดหวังเสมอที่จะให้คนรักกลับมาวาดรูปอีกครั้ง

แต่นับตั้งแต่เกิดเรื่อง รัญชน์ก็ไม่ยอมจับดินสอหรือพู่กันขึ้นมาเลยสักครั้ง ราวกับเป็นคนที่ไร้แรงจูงใจที่จะสร้างผลงานขึ้นมา

พอรัญชน์เอ่ยปากว่าอยากวาดรูป กวินท์เลยมีความสุขขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก คล้ายกับอาการอิ่มเอมใจก็ว่าได้

“คุณยิ้มอะไรน่ะ?”

รัญชน์หันมาถามอย่างสงสัยเมื่อเห็นรอยยิ้มของคนรักที่มองตัวเอง กวินท์เอื้อมมือไปเกลี่ยผมที่ยาวเคลียไหล่ของคนรักไปทัดไว้ที่หลังใบหูก่อนตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“ผมมีความสุขนะ..ที่คุณไม่ทิ้งความฝันของคุณ แล้วก็อยากเห็นภาพวาดภาพแรกจากมือข้างนี้ของคุณด้วย”

กวินท์จับมือข้างขวาของรัญชน์มาลูบเบาๆอย่างทะนุถนอม รัญชน์ยกมือซ้ายขึ้นมาวางทับมือของกวินท์ไว้

“แล้วคุณล่ะ...ไม่เสียใจแน่นะ ที่จะไม่ได้ผ่าตัดอีก?”

“ไม่ถึงขั้นเสียใจหรอก แค่เสียดายสิ่งที่เรียนมามากกว่า แต่คุณไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะ สำหรับผมแล้ว จะสาขาไหนก็ช่วยคนไข้ได้เหมือนกัน”

น้ำเสียงและแววตาของกวินท์ยังคงอบอุ่น รัญชน์มองแล้วก็วางใจคลายกังวลลง

“ผมเชื่อว่าคุณจะเป็นจิตแพทย์ที่ดีเยี่ยมได้ เหมือนกับที่คุณเป็นศัลยแพทย์มือหนึ่งอย่างแน่นอน”

รัญชน์บอกอย่างมั่นใจในตัวคนรัก

รัญชน์หันกลับไปวาดรูปอีกครั้งในช่วงเวลาว่างๆที่กวินท์ไปเรียนต่อ แม้ว่าจะยังใช้มือไม่คล่องเหมือนเก่าสักเท่าไหร่ แต่หลังจากร่างรูปคร่าวๆเสร็จแล้ว รัญชน์ก็ยืนมองมันด้วยความภูมิใจไม่แพ้คนที่เดินเข้ามายืนแอบดูตั้งแต่เขาเริ่มวาดอย่างคีตวิชญ์

“พี่ดีใจนะ ที่นายกลับมาวาดรูปอีกครั้ง”

รัญชน์ยิ้มรับคำพูดของคีตวิชญ์ เพื่อนรุ่นพี่ของเขาอดไม่ได้ที่จะหมั่นไส้ในรอยยิ้มนั้นจนต้องยื่นมือมาขยี้ผมรัญชน์จนยุ่งไปเสียหมด

“หมั่นไส้แหะ คนเรานะ พอมีความรักแล้วก็เปลี่ยนเหมือนเป็นคนละคนเลย แต่ก่อนนายเคยยิ้มแบบนี้ซะที่ไหนกัน ถามจริงเถอะ ความรักทำให้นายมีความสุขมากขนาดนั้นเลยหรอ?”

รัญชน์ยิ้มเขินๆก่อนจะหันไปหยิบจานสีขึ้นมาเริ่มต้นผสมสี

“พี่ก็มีความรักดูบ้างสิจะได้รู้ไงว่าความรักทำให้คนเรามีความสุขได้มากแค่ไหน”

“แต่ตอนนี้พี่ก็มีความสุขดีอยู่แล้วนี่นา” คีตวิชญ์ยักไหล่ก่อนยกมือไปลูบหัวของรัญชน์ที่เขารักเหมือนน้องชายคนหนึ่งก่อนพูดเสียงอ่อน

“ยังไงนายก็อย่าฝืนล่ะ เดี๋ยวพี่ลงไปข้างล่างก่อนก็แล้วกัน มีอะไรก็เรียกนะ”

รัญชน์พยักหน้า ก่อนทำท่าจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็เงียบไปเสียก่อน คีตวิชญ์มองแล้วก็ต้องเลิกคิ้วอย่างสงสัย รัญชน์เลยโพล่งถามออกไป

“แล้วพี่..ไม่กลับมาวาดรูปบ้างหรอ?”

คีตวิชญ์ไม่ตอบแต่ส่งยิ้มมาให้เขาเท่านั้น

กว่าสองเดือนที่รัญชน์จะวาดภาพที่ตั้งใจไว้ออกมาสำเร็จ

ด้วยปรารถนาที่จะให้คนรักได้เห็นภาพที่สมบูรณ์เป็นคนแรก รัญชน์จึงนำมันกลับมาที่ห้องของตน

ร่างบางจัดการวางรูปไว้บนโต๊ะก่อนจะหันไปเปิดเพลงฟังฆ่าเวลาระหว่างที่รอกวินท์กลับมาในตอนเย็นจนเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ตัว

กวินท์กลับมาถึงห้องในตอนเกือบสามทุ่ม

รอยยิ้มของความอบอุ่นมันวาดขึ้นบนใบหน้าหล่อคมเมื่อก้าวเดินไปหาคนรักที่นอนหลับอยู่บนโซฟานั้น กวินท์หันไปหยิบเอาผ้าห่มผืนนุ่มที่วางพับอยู่ตรงเบาะโซฟาขึ้นมาคลี่ห่มให้คนรักแล้วถึงหันไปหาภาพวาดที่รัญชน์วางไว้

ภาพของสายฝนที่โปรยปรายอยู่ในเมืองผ่านมุมมองบนระเบียงที่กวินท์รู้ดีว่าเป็นที่ไหน มองเผินๆอาจไม่มีคุณค่าทางใจให้กับคนดูนอกจากความสวยงามของภาพวาด แต่กลับเป็นภาพที่มีคุณค่าทางใจยิ่งสำหรับกวินท์

“กลับมาแล้วหรอ..?” รัญชน์งัวเงียตื่นขึ้นมาเห็นคนรักของเขากำลังยกกรอบรูปขึ้นมาดูจึงขยับลุกขึ้นและเดินเข้าไปกอดคนรักไว้

“ผมคิดแล้วว่าคุณต้องวาดภาพนี้” กวินท์บอกยิ้มๆ รัญชน์ซุกหน้าลงอิงไหล่ของคนรักไว้แล้วถามอย่างเขินๆ

“แล้วคุณชอบไหม?”

“ชอบสิ” แม้จะเป็นเพียงคำสั้นๆ แต่รัญชน์ก็รู้ดีว่าคนรักชอบมากแค่ไหน เขาผละจากกอดกวินท์แล้วเอื้อมมือไปลูบกรอบรูปในมือคนรัก

“ผมว่าภาพนี้จะไม่เอาไปไว้ที่แกลอรี่ แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะแขวนไว้ตรงไหนดี คุณว่ายังไงดีล่ะ?” กวินท์หันมามองหน้าคนรักพลางใช้ลิ้นดุนกระพุ้งทำท่าคิดก่อนพูดอย่างตรงไปตรงมา

“ผมอยากให้คุณเอาไปไว้ที่แกลอรี่มากกว่านะ” รัญชน์เอียงคออย่างสงสัย กวินท์จึงพูดต่อ

“ผมอยากให้ทุกคนได้เห็นผลงานของคุณ หนึ่งปีที่ผ่านมาคุณหยุดวาดรูปไป ทุกคนรู้ว่ามีอุบัติเหตุทำให้คุณไม่สามารถใช้ข้อมือได้ ผมอยากให้รูปนี้เป็นแรงใจสำหรับทุกคนที่เคยประสบเหตุการณ์เลวร้าย อยากให้เขาได้รู้ว่าเขายังยืนหยัดที่จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้หากเขาไม่ท้อแท้และมีกำลังใจมากพออย่างคุณ สักวันพวกเขาก็จะกลับมาใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้”

ฟังเหตุผลที่แสนใจดีของคนรักแล้วรัญชน์ก็ต้องพยักหน้ารับ เขาดึงรูปออกจากมือของกวินท์และวางไปบนโต๊ะก่อนหันกลับมาจับมือของคนรักเอาไว้

“กำลังใจของผมก็คือคุณ...ถ้ามีใครถาม ผมก็จะบอกว่าผู้ชายคนนี้นั่นแหละครับที่สร้างกำลังใจให้กับผม” รัญชน์ยิ้มอย่างมีความสุข เขายกมือของกวินท์ขึ้นมาแนบหน้าก่อนเอ่ยเสียงหวาน

“ขอบคุณนะครับ”

“คุณเองก็เป็นกำลังใจของผมเช่นกัน”

กวินท์บอกแล้วรวบคนรักเข้ามากอดแนบอก จูบแสนหวานถูกมอบให้แก่กันแทนคำขอบคุณที่รักและอยู่เคียงข้างกันมาจนถึงบัดนี้

รัญชน์กอดเกี่ยวคนรักเอาไว้แล้วค่อยๆทรุดนั่งลงกับโซฟา

กวินท์ขยับตามติดมา สัมผัสของความรักถูกแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน ริมฝีปากอุ่นยังคงแนบจูบแสนหวานให้ขณะที่มือนั้นลูบไล้อย่างถนอมไปตามเรือนร่างของคนรัก

รัญชน์สั่นสะท้านด้วยความรู้สึกวาบหวามที่เข้ามาเป็นระลอก

มือบางยกทาบอกกว้างที่เบียดลงมาแนบชิดพร้อมกับตอบสนองจูบหวานไปพร้อมๆกัน ก้านนิ้วยาวของกวินท์ลูบผ่านอกบางไปยังสีข้าง ริมฝีปากเลื่อนขึ้นไปกดจูบแนบแน่นที่หน้าผากเนียน

รัญชน์รู้สึกใบหน้ามันร้อนผ่าวและหัวใจกำลังเต้นแรงขึ้น

กวินท์ยิ้มอ่อนโยนอย่างรักใคร่เมื่อเห็นใบหน้าน่ารักของคนรักที่กลายเป็นสีแดงเรื่ออย่างน่ามองนั้นกำลังเอียงหนีอย่างเขินอาย กวินท์ซุกหน้ากับแก้มหอมแล้วสอดแขนโอบเอวรัญชน์ไว้ ออกแรงดึงคนรักให้ลุกขึ้นมาคร่อมนั่งบนตักของตัวเองแล้วเอื้อมมือไปหยิบรีโมตมาเปลี่ยนไปเปิดไฟแชนเดอเลียสีดำ

แสงไฟสีนวลสะท้อนร่างบอบบางของรัญชน์ที่นั่งคร่อมตักเขาอยู่บนบานหน้าต่างกระจกซึ่งมีหยาดน้ำฝนสาดกระทบอยู่

แม้จะมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งต่อกันมาหลายครั้ง แต่ทั้งสองต่างก็อดไม่ได้ที่จะวาบหวามในใจเพราะสัมผัสที่แลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน

มันคือการแสดงออกถึงความรักไม่ใช่ความใคร่และความต้องการที่ปรารถนาจะปลดปล่อยตามอารมณ์ดิบเท่านั้น

รัญชน์ไล้ปลายนิ้วจากมุมกรามของกวินท์ลงต่ำมาที่กระดุมเสื้อเชิ้ตสีเทา ริมฝีปากกดจูบเบาๆที่มุมปากของคนรักก่อนจะริดกระดุมของกวินท์ออกทีละเม็ดๆ ขณะที่ปลายนิ้วยาวของกวินท์นั้นลูบไล้ไปมาที่ขอบเอวบาง รัญชน์สั่นสะท้านเมื่อกวินท์ลากมือผ่านมายังหัวเข็มขัดและไล้นิ้วลงไปตามแนวซิบกางเกง ต่างฝ่ายต่างรู้สึกถึงอาการตื่นตัวทางร่างกาย ความคับแน่นใต้กางเกงที่เบียดดันกันทำให้รัญชน์ต้องเลื่อนมือจากกระดุมเสื้อของกวินท์ที่ปลดค้างไว้ลงมาปลดหัวเข็มขัดของกวินท์ออก ก้านนิ้วเรียวรูดซิบกางเกงคนรักลงมาช้าๆ

ริมฝีปากประกบกันอีกครั้งเพื่อแลกเปลี่ยนความหอมหวานจนกระทั่งกวินท์ถอดกางเกงของรัญชน์ลงและขยับมือมาจับส่วนอ่อนไหวที่เริ่มแข็งขึงรูดเร้าเชื่องช้า รัญชน์ก็เชิดหน้าขึ้นหอบหายใจเข้าไปเต็มปอด

“อะ...อา..” เสียงแผ่วหวานดังสั่นจากลำคอ รัญชน์ซุกหน้าลงกับไหล่ของกวินท์ที่ยิ้มน้อยๆแล้วพรมจูบกับแนวไหล่เนียน

กวินท์ขยับมือกับส่วนหน้าของรัญชน์อีกสองสามครั้งแล้วจึงลากมือไปด้านหลัง มือที่ชุ่มด้วยหยาดเหลวอุ่นร้อนที่ไหลซึมจากแกนกายสีสวยของรัญชน์ไล้วนอยู่บริเวนปากทางแคบเล็กที่ร้อนจัด

รัญชน์สั่นสะท้านยิ่งกว่าเดิมเมื่อภายในถูกล่วงล้ำเข้ามา มือซ้ายจับไหล่กวินท์เอาไว้เพื่อพยุงกาย ส่วนมือขวาเลื่อนต่ำลงมาเตรียมความพร้อมให้กับสิ่งที่จะรุกรานเข้ามาภายใน จนกระทั่งช่องทางแคบเล็กผ่อนคลายอาการเกร็ง กวินท์ก็ประคองสะโพกของคนรักให้ยกสูงขึ้น รัญชน์ยังคงจับความเป็นชายที่แข็งร้อนไว้จรดจ่อเข้ากับปากทางแล้วกดสะโพกลงมาเชื่องช้า เสียงครางครึมในลำคอบอกให้รู้ว่ากวินท์พอใจแค่ไหนที่ได้เข้ามาในกายของเขา ทั้งสองโอบกอดกันไว้ก่อนจะเริ่มต้นจังหวะอันแสนรัญจวน

ภายในอ้อมแขนที่อบอุ่น ร่างกายของทั้งสองสอดประสานเป็นหนึ่งเดียวไม่ต่างจากหัวใจ รัญชน์ครางเสียงสั่นแผ่วเบาพลางขยับสะโพกขึ้นลงบนตักกวินท์โดยมีมือหนาคอยช่วยพยุงเอวเอาไว้ ทั้งสองแลกจูบกันอย่างไม่รู้เบื่อก่อนที่มือของกวินท์จะผละจากเอวบางไล้ไปตามแผ่นท้องเรียบลื่นและสัมผัสเข้ากับรอยแผลเป็นที่ประทับอยู่กลางอกของรัญชน์ เขามองสบตาคนรักก่อนที่จะก้มศีรษะลงไปจูบที่ลาดไหล่เล็ก ไล้ริมฝีปากลงต่ำจนกระทั่งจูบแผ่วเบาลงที่บาดแผลนั้นเนิ่นนานขณะที่จังหวะรักยังคงดำเนินต่อไป

เพลิงรักโหมพัดทุกอณูความรู้สึกจนทุกสิ่งพล่าเลือน

เหลือไว้เพียงแต่ความรู้สึกรักที่มีให้แก่กัน..

 

ธันย์กับรตาเดินทางมาถึงบรูคลินในเช้าวันถัดจากที่รัญชน์วาดภาพเสร็จ รัญชน์ยิ้มรับพี่สาวที่ก้าวเข้ามากอดอย่างคิดถึง

รอยยิ้มสดใสของน้องชายทำให้รตาต้องยิ้มตามก่อนจะแก้มรัญชน์ไว้อย่างมันเขี้ยว ขณะที่ธันย์ซึ่งลากกระเป๋าตามมาหันไปมองภาพวาดบนผนังอย่างสงสัย มันคือภาพเขียนที่รัญชน์เพิ่งจะวาดเสร็จและนำขึ้นไปแขวนไว้เมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้าที่ทั้งสองจะมาถึง

“ภาพนี้?...พี่ว่าคราวก่อนมายังไม่เห็นนะ รัญชน์วาดเมื่อไหร่หรอ?”

ถึงไม่ได้บอกว่ารัญชน์เป็นคนวาด แต่ธันย์ก็แน่ใจว่ามันเป็นภาพที่น้องชายของคนรักวาดขึ้น เขาจำฉากนี้ได้และจำลายเส้นของรัญชน์ได้ด้วย

“วาดเมื่อสองเดือนก่อน เพิ่งจะเสร็จเมื่อวานนี้นี่เอง”

รตาตาโตก่อนจะจับมือของน้องชายขึ้นมา รอยยิ้มดีใจมันกระจ่างอยู่บนใบหน้าสวยของเธอ

“รัญชน์กลับมาวาดรูปได้แล้วหรอ พี่ดีใจจัง”

รัญชน์ยิ้มให้กับอาการตื่นเต้นของพี่สาว ก่อนหันไปมองหน้าคนรักที่เดินเข้ามาหา

รอยยิ้มอบอุ่นของกวินท์และรอยยิ้มที่ยินดีของรตากับธันย์คือกำลังใจให้รัญชน์ได้ก้าวเดินต่อไปและนอกจากเรื่องที่รัญชน์ตั้งใจจนกลับมาวาดรูปได้อีกครั้งแล้วนั้น รัญชน์ยังมีอีกหนึ่งเรื่องที่มุ่งมั่นอยากจะทำอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งทุกคนเองก็เห็นด้วยและอยากให้รัญชน์ทำได้สำเร็จ

เลม่อนสปันจ์เค้กขนาดสี่ปอนด์ถูกบรรจุใส่กล่องและยื่นให้กับรัญชน์ที่รับมันมาด้วยความรู้สึกประหม่าเล็กน้อย

แต่รัญชน์ก็ยังเงยหน้ามาคลี่ยิ้มให้กับคนรักที่อยู่ข้างๆ

ทั้งสองเดินเลียบถนนมายังลานจอดรถที่ธันย์กับรตาคอยอยู่ก่อนที่ทั้งหมดจะมุ่งหน้าไปยังฟิลาเดเฟียด้วยกัน

วันนี้เมื่อสองปีก่อน รัญชน์มาที่บ้านของแม่เพียงลำพังกับความรู้สึกโดดเดี่ยวและแปลกแยกจากครอบครัว แต่วันนี้รัญชน์พร้อมแล้วที่จะเผชิญหน้ากับคำว่าครอบครัว

ครอบครัวที่เขาเคยคิดว่าถูกทอดทิ้ง แต่แท้จริงแล้วเป็นตัวเขาเองต่างหากที่เดินออกไปจากครอบครัว

วันนี้รัญชน์จะกลับไปหาแม่...จะกลับไปหาพ่อที่แท้จริงของตัวเอง

จะขอโทษพวกเขา...ด้วยความรู้สึกจากใจ

และก็อยากถามแม่สักครั้ง ว่าทำไมถึงไม่บอกกับรัญชน์ว่าลีภวัตคือพ่อที่แท้จริงของเขา ทำไมแม่ถึงปล่อยให้รัญชน์เข้าใจว่ายชญ์คือพ่อของเขาตลอดมา มันเป็นแค่สิ่งเดียวที่ติดค้างอยู่ในใจของรัญชน์

กว่าจะมาถึงบ้านของแม่ที่อยู่ในฟิลาเดเฟียก็เกือบจะค่ำ

กวินท์จอดรถไว้ริมถนนที่ไม่ไกลจากตัวบ้านนักแล้วเอื้อมมือมาจับมือของรัญชน์ที่ยังคงกอดประคองกล่องเค้กเอาไว้

“คุณแม่ของคุณต้องดีใจแน่ๆที่ได้เห็นคุณ” รัญชน์หันไปยิ้มอย่างประหม่าให้กับคนรัก

รตาชะโงกหน้ามาจากด้านหลังแล้วเอามือลูบหัวน้องชายของตัวเอง

“เราไปหาแม่กันเถอะ”

รตาเองก็ประหม่าเล็กน้อย แต่ดีใจเสียมากกว่าที่จะได้พบแม่ เพราะเธอเองก็ไม่ได้พบแม่เลยนับตั้งแต่ที่แม่จากไทยมาอยู่ที่อเมริกานี่

ทั้งหมดลงมาจากรถเดินไปยังบ้านหลังขนาดไม่ใหญ่โตมากนัก พุ่มไม้หน้าบ้านที่ถูกตัดแต่งอย่างเป็นระเบียบสวยงามมีโคมไฟที่สูงจากพื้นดินประมาณหนึ่งฟุตประดับอยู่ แสงสีส้มของมันสะท้อนกับพุ่มไม้สีเขียวดูละมุนตา พื้นหินขัดมันที่ทอดยาวจากถนนสู่ประตูบ้านราวห้าเมตรไร้ซึ่งใบไม้แห้งตกหล่น รัญชน์ก้าวไปด้วยใจที่เต้นตึกตัก ยิ่งก้าวเข้าไปใกล้เขาก็ยิ่งได้ยินเสียงเพลงเปิดคลอเอาไว้ ได้ยินเสียงพูดคุยของคนในบ้าน

รัญชน์หันมองหน้าทุกคนอีกครั้งก่อนที่รตาจะเอื้อมมือไปกดกริ่ง รออยู่เพียงอึดใจก็มีเสียงฝีเท้าวิ่งตึงตังมาและประตูก็เปิดออก เด็กชายวัยรุ่นตัวสูงที่มีเชื้อชาติไทยเอียงคอมองคนแปลกหน้าทั้งสี่ก่อนจะถามออกมา

“มาหาใครครับ?”

รัญชน์มองใบหน้าของน้องชายด้วยความรู้สึกตื้อๆในอก และยังไม่ทันจะตอบอะไรออกไป แม่ของเขากับพ่อก็เดินตามน้องชายออกมา

“วินท์ใครมานะ?”

แม่เอ่ยถามออกมาก่อนจะหยุดชะงักเมื่อเห็นใบหน้าของแขกชัดๆ เธอหยุดนิ่งและมองมาเหมือนกับไม่เชื่อสายตาของตัวเอง

“ระ..รัญชน์...รตา?...รัญชน์กับรตาใช่ไหมลูก?”

ทั้งสองไม่พูดอะไรได้แต่ยิ้มให้กับผู้เป็นแม่ที่เดินเข้ามาหา แต่ดวงตาที่เหมือนกับแม่นั้นกำลังเรื้อรินด้วยหยาดน้ำตาแห่งความดีใจ

“แม่ครับ..สุขสันต์วันเกิดนะครับ”

รศนารับเค้กจากรัญชน์มาและยื่นให้ลูกชายคนเล็กของเธอที่งุนงงกับเหตุการณ์ไปถือเอาไว้แล้วเธอก็โถมเข้ากอดร่างโปร่งของรัญชน์ไว้แน่น

รัญชน์กอดแม่ไว้ ปากก็พูดขอโทษแม่ซ้ำๆด้วยความรู้สึกที่มาจากใจ

“แม่ครับ...ผมขอโทษ...ผมขอโทษ..”

“รัญชน์...รัญชน์ลูกแม่...”

เสียงแม่เรียกชื่อรัญชน์อย่างสั่นเทา ไหล่เล็กของเธอในอ้อมแขนของรัญชน์ก็สั่นเทาไม่แพ้เสียง เธอมองลูกชายอย่างทั้งรักและคิดถึง ก่อนหันไปหาลูกสาวที่ยืนอยู่ใกล้ๆและเอื้อมมือมาหา รตาเดินไปหาแม่และกอดเธอไว้

“รัญชน์...รตา...” ทั้งสามกอดกันแน่น สิ่งที่รัญชน์ติดค้างอยู่ในใจมันถูกพล่าเลือนไปจนกระทั่งแม่ปล่อยกอดจากเขา รัญชน์ถึงได้เงยหน้าขึ้นและเห็นพ่อของตนที่ยืนอยู่ด้านหลังแม่กำลังมองมา

รัญชน์สัมผัสได้ว่าพ่ออยากเข้ามาหารัญชน์แต่ก็ลังเลด้วยความไม่กล้า รัญชน์เลยยิ้มออกไปให้พ่อและเดินเข้าไปหา

“พ่อครับ...” ทั้งภวัตและรศนาต่างก็ตกใจไม่น้อยที่ได้ยินรัญชน์เรียกเช่นนั้น รัญชน์ก้าวเข้าไปหาและก้มศีรษะลงให้พ่อ

“ผมขอโทษนะครับพ่อ...”

สำหรับภวัตแล้ว...มันเหนือกว่าความคาดหมายใดๆนัก ชายสูงวัยกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ได้ เขายกมือขึ้นมาแตะไหล่ลูกชายคนโตของตนก่อนจะรั้งรัญชน์เข้ามากอดอย่างที่ไม่เคยคิดว่าจะได้ทำมาก่อน

“ไม่เป็นไรลูก...ไม่เป็นไร...”

เพียงแค่พ่อ..ได้รับการยอมรับจากลูก...

เพียงเท่านั้น...ที่พ่อต้องการ

-TBC-

Mio

  • บุคคลทั่วไป
ในที่สุดดดดดด :กอด1:  เรื่องนี้สนุกจังค่ะ นางฟ้าชอบ ^^
รอตอนต่อไปปปปป :call:

ออฟไลน์ mind223

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 240
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1

ออฟไลน์ pooinfinity

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +140/-3
จริงๆแล้ว คนที่น่าสงสารคือคุณพ่อของรตานะ โดนพรากอกจากลูกที่รักที่สุด จมอยู่กับความทุกข์มาตลอด
จนมาตายไปพร้อมๆกับความรู้สึกผิดบาป ไม่เคยเลยสักนิดที่จะได้เจอความสุข
เฮ้ออออออออออออ

ออฟไลน์ ka[ze]na

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-6
อืม....คงใกล้ครบและสมบูรณ์แล้วซินะ!!!

รอคอยตอนต่อไปจร๊า!

ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
ยชญ์ก็ขอให้ไปสบายชดใช้กรรมในนรกนะ เอ๊ะ?ฮ่าๆ
โหยยยยตอนล่าสุดหวานจัง ชอบๆ
แบบไม่ต้องทุกข์แล้วนะรัญชน์
กวินท์ก็ดูแลดีเหมือนเดิมเลยงะ
โฮกพระเอกในนวนิยาย กรี๊ดกร๊าด

ออฟไลน์ zynestras

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-0
    • Zynestras.com
  ตอนที่ ๑๔

 

ทั้งภวัตและรศนาได้ฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้นจากปากของธันย์และรตาที่เล่าโดยเว้นเรื่องราวในความสัมพันธ์ของกวินท์กับรัญชน์ไปบ้าง ด้วยไม่รู้ว่าผู้ใหญ่ทั้งสองจะยอมรับความสัมพันธ์ที่รัญชน์และกวินท์มีต่อกันได้หรือไม่ รวมถึงเรื่องที่รัญชน์ฆ่าตัวตายด้วยเช่นกัน

รัญชน์และกวินท์ที่นั่งฟังอยู่ด้วยก็นิ่งเงียบไม่ได้เอ่ยอะไรออกไปด้วยความรู้สึกเช่นเดียวกัน

ได้ฟังเรื่องจนจบ ภวัตก็ถอนหายใจยาวสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก เช่นเดียวกับรศนาที่มีน้ำตาคลอ เธอหันมาลูบหัวรัญชน์ไว้แล้วดึงลูกชายเข้ามากอด แม้รัญชน์จะขัดเขินบ้างเพราะไม่ได้กอดแม่มานานแต่ก็สอดมือเข้าไปกอดแม่เอาไว้เช่นกัน

“แม่เสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น...”

รศนาพูดได้เพียงเท่านั้น กวินท์ที่นั่งมองอยู่กับธันย์สัมผัสได้ถึงความเสียใจของเธอจริงๆ คนนอกอย่างเขายังรู้สึกได้ว่าทั้งรศนาและภวัตต่างก็รักรัญชน์ มองแล้วก็อดคิดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมทั้งสองคนถึงได้ปล่อยให้รัญชน์อยู่ตามลำพังโดยไม่สนใจมาจนถึงบัดนี้

“ทำไม..แม่ถึงไม่บอกผมว่าพ่อภวัต...เป็นพ่อที่แท้จริงของผม?”

รัญชน์หันหน้าไปมองภวัตที่นั่งอยู่อีกข้างของโซฟาแล้วหันกลับมามองแม่ รศนาปล่อยกอดจากลูกชายของเธอ เลื่อนมือมาจับมือรัญชน์ไว้ขณะที่มองสบตากับสามี

“เพราะลูกรักพ่อยชญ์มากน่ะสิรัญชน์..” รศนาเอ่ยเสียงแผ่ว เธอยกอีกมือมาเกลี่ยปอยผมที่ปรกตารัญชน์อยู่แล้วเอ่ยต่อ

“แม่อยากให้เวลาลูกปรับตัวกับครอบครัวใหม่ของเรา อยากให้ลูกโตอีกสักหน่อยก่อนที่เราจะบอกความจริงกับลูก ลูกจะได้ยอมรับพ่อได้..”

รศนาหยุดคำพูดไว้แค่นั้นเพราะไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไงดี พูดไปแล้วก็ไม่รู้ว่าลูกชายจะเข้าใจไหม แต่ทุกอย่างมันก็เป็นความผิดพลาดจากการตัดสินใจของเธอทั้งสิ้น

“แต่ผม...ก็...” รัญชน์รู้ดีว่าความดื้อรั้นในวัยเด็กของตนมันต่อต้านคนที่ก้าวเข้ามาเป็นพ่อใหม่มากแค่ไหน

ทุกคนต่างก็เงียบ รวมถึงภวัตด้วยเช่นกัน

“ลูกอยู่กับพ่อเขาก็ไม่มีความสุข ในครอบครัวมีแต่ความตึงเครียด แม่ส่งลูกไปเรียนที่บรูคลินก็เพราะไม่อยากให้ลูกเกลียดพ่อเขาไปมากกว่านี้ อยู่ด้วยกันก็มีแต่ทะเลาะกัน เพิ่มความเกลียดชังไม่รู้จบ ลูกไม่รู้หรอกว่าแม่ปวดใจมากแค่ไหนที่ต้องส่งลูกไปอยู่คนเดียวแบบนั้น”

รศนาร้องไห้ออกมาอีกครั้ง รัญชน์ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาให้แม่อย่างเก้ๆกังๆก่อนหันมาหาพ่อที่ยื่นมือมาแตะเข่าของเขา

“ตลอดเวลาที่ผ่านมา แม่เขาเป็นห่วงรัญชน์นะ ตอนที่เราตัดสินใจส่งลูกไปโรงเรียนประจำ ทั้งที่ร่างกายก็ไม่แข็งแรงแต่แม่เขาก็ฝืนไปเฝ้าแอบดูว่าลูกอยู่ได้ไหม สบายดีหรือเปล่าทุกอาทิตย์”

“ผมไม่เคยรู้เลย...” รัญชน์ครางอย่างรู้สึกผิดที่เข้าใจพ่อกับแม่ของตนเองผิด

“ตอนที่ลูกไม่ยอมรับเงินที่พ่อกับแม่ส่งไปให้ พวกเราเป็นห่วงลูกมากรู้ไหม...ยังดีที่พ่อเขาสนิทกับอาจารย์คิม เราเลยขอร้องให้เขาช่วยดูแลลูกให้ ให้หางานให้ลูกทำบ้างเพื่อที่เราจะฝากเงินไปให้ลูกใช้”

รัญชน์นึกย้อนไปถึงตอนที่อาจารย์คิมซึ่งเป็นพ่อของคีตวิชญ์เข้ามาหาเขา ถามเขาว่าสนใจช่วยงานด้านศิลปะไหม รัญชน์ในวันนั้นรีบรับข้อเสนอของอาจารย์เอาไว้เพราะต้องการเงินมาใช้จ่าย

เขาไม่รู้เลยว่ามันเป็นความช่วยเหลือจากพ่อและแม่ที่เขาปฏิเสธอย่างดื้อรั้นนั่นเอง

พ่อกับแม่..ไม่ได้ทอดทิ้งเขาเลยสักนิด

“พ่อกับแม่เขาคิดถึงพี่อยู่ตลอดเวลาจริงๆนะฮะ อาทิตย์ก่อนยังแอบไปมองพี่ที่แกลอรี่ของพี่คีตะอยู่เลย”

น้องชายคนเล็กของรัญชน์โพล่งขึ้นมา รัญชน์มองหน้าน้องชายก่อนหันมามองหน้าพ่อกับแม่ตัวเอง ความสงสัยอดเกิดขึ้นไม่ได้

พ่อกับแม่รู้จักอาจารย์คิมก็ไม่แปลกที่จะรู้จักคีตวิชญ์ด้วย

แต่ว่า...

“หรือที่ผลงานของผม ได้จัดแสดงที่แกลอรี่ของพี่คีตะเมื่อหกปีก่อน เป็นเพราะพ่อกับแม่?”

ทั้งรศนาและภวัตต่างก็ส่ายหน้าช้าๆ รศนายิ้มให้กับลูกชายของเธอและเอื้อมมือขึ้นลูบหัวของรัญชน์อย่างรักใคร่

“นั่นเป็นเพราะฝีมือและก็พรสวรรค์ของตัวลูกเองจ้ะ อาจารย์คิมกับคีตวิชญ์ต่างก็บอกว่าลูกมีพรสวรรค์กว่าศิลปินหลายๆคน พวกเขาบอกว่าที่ลูกมาจนถึงจุดนี้ได้ก็เพราะตัวของลูกเอง พวกเขาเป็นเพียงแค่คนที่ช่วยประกาศให้คนอื่นๆเห็นพรสวรรค์ของลูกเท่านั้น ลูกเก่งมากนะจ้ะ”

กวินท์อดที่จะลอบยิ้มอย่างภูมิใจในตัวคนรักไม่ได้ และก็สังเกตเห็นด้วยว่ารัญชน์ออกจะเขินไม่น้อยที่ได้รับคำชมจากคนเป็นแม่

“พ่อกับแม่ขอโทษลูกนะรัญชน์..ที่ไม่ได้ดูแลลูกมากเท่าที่ควรจะเป็น”

ภวัตเอ่ยขึ้นแล้วอ้าแขนรับรัญชน์ที่ขยับเข้ามากอดตัวเองไว้ก่อนเอ่ยสิ่งที่มาจากใจ

“แล้วก็ขอบคุณ..ที่ลูกยอมรับพ่อ”

“ผมต่างหากที่ต้องขอโทษพ่อกับแม่” รัญชน์ตอบเสียงเบาแล้วยิ้มให้พ่อเมื่อผละกอด

“ตกลงว่าเข้าใจกันแล้วนะฮะ แบบนี้เราก็จะได้เป็นครอบครัวสมบูรณ์กันแล้วใช่ไหมฮะ?”

ไรวินท์ยิ้มแป้นอย่างดีใจเช่นเดียวกับทุกคนรตาที่นั่งอยู่ข้างธันย์ขยับเข้าไปหาภวัตก่อนเอ่ยอย่างเขินๆ

“ขอหนูเป็นลูกอีกคนนะคะ..พ่อ”

“ได้สิ” ภวัตบอกก่อนจะอ้าแขนรับลูกสาวคนใหม่เข้ามากอดไรวินท์เห็นพ่อกับพี่สาวคนใหม่กอดกันขณะที่แม่กอดพี่ชายเอาไว้ก็แกล้งทำแก้มตูมเล็กน้อย

“ขี้โกงนี่ ให้ผมกอดด้วยสิ” ว่าแล้วไรวินท์ก็โผเข้าไปกอดทั้งสี่เอาไว้ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข

กวินท์กับธันย์อดยิ้มตามอย่างมีความสุขไม่ได้

คนที่พวกเขารักได้เริ่มต้นใหม่กับครอบครัวอย่างมีความสุขแล้ว

คืนนั้นทั้งสี่ตั้งใจจะค้างแรมที่บ้านของพ่อกับแม่ หลังจากอาหารมื้อค่ำที่รศนากับรตาตั้งใจทำเต็มที่แล้ว รัญชน์ก็เลยรับหน้าที่ล้างจานกับกวินท์ ในขณะที่คนอื่นๆนั่งพูดคุยกันอยู่ในห้องนั่งเล่น

“คุณรู้ไหม วันนี้ผมมีความสุขมาก เหมือนกับวันที่คุณตามผมมาที่ บรูคลินแล้วบอกว่าพวกเรารักกันได้”

รัญชน์เอ่ยขึ้นมาขณะที่ปิดก๊อกน้ำและหันมาหาคนรักที่รับเอาจานใบสุดท้ายไปเช็ดให้แห้งและคว่ำลงบนที่ล้างจาน

คนรักของเขาสิ่งรอยยิ้มอบอุ่นที่รัญชน์แสนรักมาให้

“ผมรู้”

“แต่ผมก็ยังอดรู้สึกไม่ได้อยู่ดีว่าเป็นเพราะความดื้อรั้นของผมที่ไม่ยอมรับพ่อ เลยทำให้พ่อกับแม่ต้องทุกข์เพราะความเป็นห่วงของผม”

กวินท์มองใบหน้าหวานที่มีความรู้สึกผิดปรากฏอยู่บนดวงตาอย่างห่วงใย เขาขยับเข้าไปหาและจับสองมือของรัญชน์ไว้

“ตอนนั้นคุณยังเด็กนะรัญชน์...และตอนนี้ทุกอย่างมันก็เคลียร์หมดแล้ว ผมไม่อยากให้คุณนึกโทษตัวเอง คุณมีความทุกข์มามากแล้ว ตอนนี้ผมอยากให้คุณมีแต่ความสุขนะ เพราะงั้นเลิกโทษตัวเองได้แล้วนะครับ”

คำพูดของคนรักทำให้รัญชน์ได้คิด ร่างบางพยักหน้าก่อนจะยิ้มให้ คนรัก กวินท์เลยให้รางวัลกับคนรักของเขาเป็นจูบอ่อนโยนที่เปลือกตา

“จูบที่ปากด้วยสิ..” รัญชน์อดใจสั่นไม่ได้ที่เอ่ยอ้อนออกไปเช่นนั้น กวินท์ยิ้มให้กับความน่ารักของคนรักก่อนจะเลื่อนริมฝีปากลงมาจะแตะเรียวปากบาง มอบจูบแสนหวานให้ตามคำขอที่ทำให้หัวใจเต้นแรง

ความสุขมันพองล้นในอกของทั้งคู่...

หากแต่ไม่ใช่สำหรับภวัต...

“รัญชน์?...กวินท์?”

ทั้งสองผละจากกันราวกับถูกไฟช็อต รัญชน์หันขวับไปทางที่ภวัตยืนเมื่อได้ยินเสียง ความสุขผละจากรัญชน์ไปทันทีเมื่อเห็นสีหน้าซีดเผือดของพ่อ เช่นเดียวกับกวินท์ที่นึกเป็นกังวลขึ้นมา

ทั้งรัญชน์และกวินท์อดกลัวไม่ได้ว่าภวัตจะมีปฏิกิริยาเช่นไร จะเหมือนยชญ์หรือไม่ที่รับเรื่องที่พวกเขารักกันไม่ได้ หรือจะเหมือนพ่อกับแม่ของกวินท์ที่รับเรื่องพวกเขารักกันได้

“พ่อครับ...คือ...”

รัญชน์เองก็ไม่รู้ด้วยเช่นกันว่าจะเอ่ยว่ายังไงดี เขาก้าวเข้าไปหาพ่อที่ทำหน้าเหมือนกับไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ตนเห็น และพอจะเอ่ยต่อ แม่ก็โผล่เข้ามาในครัวอีกคน

“ยังไม่ได้น้ำส้มอีกหรอคะคุณ?...เกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นหรอ?”

ประโยคท้ายรศนาถามออกไปด้วยสัญชาตญาณของตนเมื่อเห็นสีหน้าของแต่ละคน ภวัตอ้าปากเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างแล้วก็หุบลงก่อนจะส่ายหน้าสองสามครั้ง

“เกิดอะไรขึ้นหรอคะคุณ?”

รศนาถามย้ำอีกครั้ง ภวัตหันมองรัญชน์และกวินท์ก่อนตอบออกไปด้วยน้ำเสียงที่เหมือนยังไม่เชื่อว่าตัวเองจะพูดออกมาได้เลยด้วยซ้ำ

“พวกเขา..จูบกัน”

“จูบกัน!? รัญชน์กับกวินท์จูบกันอย่างนั้นหรอ? จริงหรอลูก?”

รศนาอุทานถามอย่างตกใจ

รัญชน์หันกลับมามองหน้ากวินท์ก่อนสูดลมหายใจลึกๆ เขาเดินกลับมาหากวินท์และจับมือคนรักไว้แล้วหันมามองพ่อกับแม่

“จริงครับ...พวกเรารักกัน...รักกันมาสิบเจ็ดปีแล้ว”

“สิบเจ็ดปี!?”

ทั้งรศนาและภวัตต่างก็อุทานออกมาพร้อมกันอย่างไม่คาดคิด

“ครับ...แม่จำวันที่เราจากไทยมาได้หรือเปล่า ตอนที่แม่ไปที่โรงพยาบาล แล้วแม่ให้ผมคอยอยู่ที่ระเบียงนั่น ผมกับกวินท์เจอกันที่นั่น พวกเรารักกันโดยไม่ได้เจอหน้ากันอีกตั้งแต่วันนั้น...จนกระทั่งได้พบกันอีกทีเมื่อสองปีก่อน”

ความจากปากลูกชายที่สารภาพออกมายิ่งทำให้รศนาและภวัตตกตะลึงมากกว่าเดิม ทั้งสองหันไปมองหน้ากวินท์ที่เดินเข้ามาหา

“ผมรักรัญชน์ครับ ได้โปรด...อนุญาตให้พวกเราได้รักกันด้วยนะครับ” กวินท์ก้มหัวให้ทั้งสองที่ให้กำเนิดคนรักของเขาขึ้นมาลืมตาดูโลกใบนี้อย่างอ่อนน้อม

รัญชน์ก้าวเข้ามายืนข้างๆและค้อมศีรษะลงเช่นเดียวกับคนรัก

“ให้พวกเรารักกันเถอะครับ”

รศนาหันมองสบตากับสามีอย่างลังเล ภวัตเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเช่นกัน รตาที่เดินตามมาเพราะเห็นว่าทุกคนหายไปนานก็เดินเข้ามาหา

“ให้รัญชน์กับกวินท์รักกันเถอะค่ะ...หนูรับรองได้ว่าพวกเขารักกันจริง และรักกันมากด้วย”

ถึงแม้ว่าลูกสาวจะช่วยยืนยันเช่นนั้น แต่หัวอกคนเป็นพ่อเป็นแม่ก็ยังอดที่จะห่วงไม่ได้ ภวัตมองสบตากับภรรยาอีกครั้ง ความกังวลถูกถ่ายทอดผ่านทางแววตาซึ่งกันและกัน

“ขอพ่อกับแม่คุยกับกวินท์ตามลำพังได้ไหม?”

รัญชน์เงยหน้าขึ้น แววตากังวลอย่างเห็นได้ชัด

แต่กวินท์ก็พยักหน้าก่อนจะแตะหลังให้รัญชน์เดินไปหารตาที่รับรัญชน์และพาออกไปจากห้องครัว

“อย่ากังวลไปเลยรัญชน์ พี่เชื่อว่ากวินท์จะทำให้พ่อกับแม่ยอมรับในตัวเขาได้”

รตาว่า เธอรู้สึกได้ว่าภวัตนั้นเป็นคนที่ใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์อย่างยชญ์ ถึงจะพบกันไม่กี่ชั่วโมง แต่รตาก็ตระหนักได้ว่าภวัตนั้นคล้ายกับกสิณผู้เป็นบิดาของกวินท์ไม่น้อย เป็นคนที่อารมณ์เย็นและใจดีให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก

“อืม..”

รัญชน์ครางในลำคอ ในใจนึกกังวลระคนตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก เพียงแค่พ่อกับแม่ยอมรับความรักของเขากับกวินท์เท่านั้น

ชีวิตของรัญชน์ก็จะบริบูรณ์ด้วยความสุขยิ่งนัก

ขณะเดียวกันทางด้านของกวินท์ที่อยู่ตามลำพังกับรศนาและภวัตก็อดรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยไม่ได้กับสายตาที่กำลังมองมาอย่างพิจารณาจากผู้ใหญ่ทั้งสอง

รศนายังอดวิตกไม่ได้ เธอมองหน้าสามีก่อนจะหันมาหากวินท์และเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่วิตกไม่ต่างอะไรจากแววตา

“กวินท์..รักกับรัญชน์จริงๆน่ะหรือ?...เอ่อ แม่หมายความว่ามันไม่ใช่แค่เรื่องเผลอไผลใจอะไรไปทำนองนั้นใช่ไหม?”

“ครับ ผมรักรัญชน์ และผมก็เป็นลูกผู้ชายมากพอที่เชื่อมั่นว่าความรักของตนเองหนักแน่นมากพอ จนกว่าจะมาถึงวันนี้ ผมกับรัญชน์ เราผ่านอุปสรรคด้วยกันมาหลายอย่าง และสิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้ที่พวกเราต้องการ ก็คือการยอมรับจากพวกคุณทั้งสอง”

กวินท์พูดความในใจออกมาอย่างสุภาพและจริงใจก่อนที่จะก้มหัวลงให้กับทั้งสอง

“ได้โปรด...ให้ผมดูแลรัญชน์ด้วยนะครับ”

ภวัตมองหน้าภรรยาอีกครั้ง เธอยิ้มให้เขา แววตาดูจะคลายวิตกลงไปมาก เช่นเดียวกับเขา ภวัตเดินเข้าไปแตะไหล่กว้างของกวินท์ไว้

“พวกเราต่างหาก ที่ต้องขอร้องให้คุณดูแลลูกชายของเราด้วย และก็ขอบคุณ...ที่คอยดูแลรัญชน์ในช่วงเวลาที่ผ่านมา”

กวินท์เงยหน้าและส่งยิ้มให้กับพ่อและแม่ของคนรักที่ยอมรับในความรักของพวกเขา

รัญชน์ออกจะกระวนกระวายไม่น้อยที่ปล่อยให้คนรักต้องเผชิญหน้ากับพ่อและแม่ตามลำพังเช่นนั้น

รตาเองก็มองน้องชายที่นั่งไม่ติดด้วยความเข้าใจ เธอเอื้อมมือไปบีบไหล่น้องชายเบาๆ รัญชน์หันมาหาเธอและจับมือของเธอไว้

“มือเย็นเฉียบเลยรัญชน์”

รตาบอกก่อนจับมือน้องชายไว้ให้แน่นขึ้น

รัญชน์ไม่พูดอะไร เอาแต่สงสัยตามมองไปยังประตูอย่างเฝ้าคอยให้ใครสักคนออกมาจากครัวเสียที จนกระทั่งเวลาผ่านไปเกือบสิบนาที แม่ก็เดินเข้ามาในห้องและยิ้มให้กับเขา ที่ด้านหลังนั้นมีกวินท์กับพ่อที่ดูเหมือนว่าจะพูดคุยกันอย่างถูกคอเดินตามเข้ามา

“ไปนั่งกับพี่เขาสิจ้ะลูก” รศนาบอกกับลูกชายที่ทำหน้างุนงงอยู่และบุ้ยใบ้ให้ไปนั่งข้างๆ กวินท์ที่นั่งลงตรงโซฟาข้างเตาผิง

“เอ่อ..ครับ”

รัญชน์วางตัวไม่ค่อยถูกสักเท่าไหร่นัก ส่วนหนึ่งเพราะยังคงเก้อเขินกับการเปิดเผยความสัมพันธ์ในครั้งนี้และยังไม่กล้าเข้าข้างตัวเองว่าสีหน้ายิ้มๆของพ่อกับแม่นั้นจะหมายถึงว่าพ่อกับแม่อนุญาตให้เขากับกวินท์ได้รักกัน

“ตกลงว่า..พ่อกับแม่ว่ายังไงคะ? อนุญาตให้รัญชน์รักกับกวินท์หรือเปล่า” รตาโพล่งถามออกไปแทนรัญชน์ที่กำลังร้อนใจ

แก้มของรัญชน์ขึ้นสีเล็กน้อยเมื่อเห็นน้องชายคนเล็กของตัวเองหันมาจากเกมส์ที่เล่นอยู่กับธันย์มามองตาแป๋วอย่างสนใจ

“พ่อกับแม่น่ะ..ไม่มีสิทธิ์เข้าไปยุ่งวุ่นวายกับความรักของลูกหรอกนะจ้ะ ไม่ว่าจะรัญชน์หรือรตา แม้แต่ไรวินท์ด้วยเช่นกัน ลูกแต่ละคนต่างก็มีทางเดินของตัวเอง มีสิทธิ์ทุกอย่างที่จะมีความรักของลูกกับคนที่ลูกเลือกพ่อกับแม่ก็แค่อยากคุยกับกวินท์เท่านั้นเอง ไม่ได้คิดจะห้ามปรามหรือขัดขวางอะไรเสียหน่อย”

รศนาพูดทั้งรอยยิ้ม แววตากังวลของเธอในตอนนี้เปลี่ยนเป็นความภูมิใจที่ลูกชายของเธอมีคนรักอย่างกวินท์

“พ่อกับแม่ดีใจนะ..ที่ลูกมีคนที่รักคอยอยู่เคียงข้างแบบนี้”

รัญชน์ยิ้มรับคำพูดของพ่อก่อนหันไปยิ้มกับคนรักที่เอื้อมมือมาจับมือของเขาเอาไว้ ความรู้สึกปลอดโปร่งมันแผ่ซ่านในหัวใจที่ได้รับการยอมรับจากพ่อและแม่

ด้วยความรักที่พวกเขามีให้แก่กันมานานนับสิบเจ็ดปี

ในที่สุดวันนี้...พวกเขาก็สามารถที่จะอยู่เคียงข้างกันได้โดยไม่มีใครขัดขวางอีกต่อไป..

และสิ่งที่ทำให้พวกเขามีวันนี้ได้

ก็มีเพียงเพราะความรักเท่านั้น...

          บทส่งท้าย

 

แสงแดดละมุนยามเช้าส่องผ่านเข้ามาผ่านผ้าม่านสีขาว รัญชน์ในชุดสูทสีครีมเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าโต๊ะกระจก สายตาเลื่อนไปมองดูบูเก้ร์ช่องามที่วางอยู่ รัญชน์ยิ้มและยกมือขึ้นมาแตะกลีบไลแซนทัสสีขาวขอบชมพูสวยนั้นไว้ก่อนจะหันไปหาคนที่เดินเข้ามา กวินท์ในชุดสูทสีเทาจัดทรงผมเนี้ยบกว่าปกติดูหล่อแปลกตาไม่น้อย เมื่อเห็นรัญชน์หันมามอง กวินท์ก็เดินเข้าไปหาด้วยรอยยิ้ม

“คุณจะโกรธผมไหม ถ้าผมจะบอกว่าวันนี้คุณสวยมาก”

กวินท์บอกแล้วยกมือขึ้นเกลี่ยผมที่อยู่ข้างแก้มใส

วันนี้ใบหน้าของรัญชน์ดูสวยหวานกว่าทุกวันด้วยฝีมือของคนเป็นแม่ รศนาจับลูกชายคนโตของเธอทักเปียคาดศีรษะโดยเหลือผมหน้าม้าเอาไว้และจัดการดัดผมที่ยาวละบ่าให้เป็นลอนอ่อนๆ รวมถึงปัดแก้มและทาปากรัญชน์จนกลายเป็นสีชมพูสวยน่ารักและอ่อนหวานจนผิดตาไป ทั้งหมดนี้ก็เพื่อวันพิเศษของครอบครัววันนี้

รัญชน์ยิ้มรับคำชมของคนรักก่อนจะหลับตาลงเมื่อกวินท์โน้มหน้าเข้ามาหาและประทับจูบลงแผ่วเบาที่เรียวปากอิ่มของตน

“อะแฮ่ม ได้เวลาแล้วนะจ้ะ”

รัญชน์กับกวินท์ผละกันอย่างเขินๆ รศนาและรตาที่เพิ่งออกมาจากห้องด้านในหันมายิ้มให้แก่กันกับภาพความน่ารักของทั้งสองคน

“พี่พร้อมแล้วใช่ไหม?” รัญชน์หันไปถามแก้เขินก่อนจะหยิบช่อดอกไม้ขึ้นมาส่งให้กับพี่สาวของตน รตาพยักหน้าก่อนจะทำแก้มพองน้อยๆ

“ตื่นเต้นนิดหน่อย แต่ก็ยังดีนะที่มีแค่พวกเราน่ะ” รตาบอกก่อนรับเอาช่อบูเก้ร์มาถือไว้ เป็นเวลาพอดีกับที่ไรวินท์เข้ามาตามทุกคน กวินท์หันมาหารัญชน์ก่อนจะบีบมือคนรักเบาๆแล้วเดินออกไปพร้อมกับรศนา

“จริงๆรัญชน์กับกวินท์ก็น่าจะแต่งพร้อมพี่เลยนะ” รตาเปรยขึ้นขณะที่เดินไปคล้องแขนภวัตที่ทำหน้าที่พาเธอเดินเข้าไปในโบสถ์

“ไม่เป็นไรหรอก เรื่องนั้น” รัญชน์บอกยิ้มๆก่อนจะเดินนำหน้าพี่สาวไป

เพราะเขามีสิ่งสำคัญอยู่ข้างกายอยู่แล้ว

 

วันนี้เป็นวันแต่งงานของธันย์กับรตา ทั้งสองคนเลือกที่จะจัดงานแต่งเล็กๆที่โบสถ์ภายในหมู่บ้านที่แม่กับพ่ออาศัยอยู่

ทั้งรตาและธันย์ต่างก็ถูกใจโบสถ์แห่งนี้ไม่น้อยนับตั้งแต่คริสมาสต์อีฟเมื่อปลายปีที่แล้วที่ได้มาทำมิสซาร่วมกับครอบครัว

พิธีแต่งงานเล็กๆที่เรียบง่ายและมีคนร่วมงานไม่ถึงสิบคน แต่กลับเป็นพิธีที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข

รัญชน์มองรอยยิ้มของพี่สาวและธันย์ที่กลายมาเป็นพี่เขยอย่างมีความสุข และมีความสุขมากขึ้นไปอีกเมื่อกวินท์ส่งยิ้มมาให้ขณะที่เดินมาอยู่เคียงข้าง รตาที่หันมาเห็นกวินท์กำลังเอื้อมมือไปจับมือของรัญชน์ไว้ก็เดินเข้ามาหาพร้อมกับยื่นบูเก้ร์ช่อสวยให้

รัญชน์รับมันมาอย่างเขินๆ สองแก้มแดงปลั่งจนกวินท์อดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นมาใช้ข้อนิ้วเกลี่ยเบาๆ

“โธ่ ให้รัญชน์ซะงั้น พี่อุตส่าห์รอนะนี่” คีตวิชญ์แซวขึ้นมายิ่งทำให้แก้มของรัญชน์แดงกว่าเดิม รตาหันไปค้อนใส่

“พี่น่ะ ไปหาแฟนมาก่อนเถอะ แก่แล้วนะ หาแฟนซะทีได้แล้ว”

ฟังคำของพี่สาวแล้วรัญชน์ก็อดไม่ได้ที่จะยกช่อบูเก้ร์ขึ้นมาแล้วก้มหน้าลงไปหัวเราะ เสียงหัวเราะที่สดใสของรัญชน์ทำให้ทุกคนต้องยิ้มตาม

รศนากับภวัตที่ยืนมองอยู่ก็พลอยรู้สึกสุขใจตามไปด้วยที่เห็นลูกๆของพวกเขามีความสุข

ตรงข้างโบสถ์นั้นเป็นสวนหย่อมที่ติดริมทะเลสาบของหมู่บ้านรัญชน์กับกวินท์เดินปลีกตัวจากทุกคนที่กำลังสนุกสนานกับการถ่ายภาพออกมาตามลำพัง บูเก้ร์ช่อสวยยังคงอยู่ในมือของรัญชน์อยู่

ร่างบางก้มมองช่อดอกไม้ในมือแล้วก็หัวเราะเบาๆก่อนเดินไปนั่งที่ชิงช้าซึ่งห้อยอยู่ใต้ต้นไม้ต้นใหญ่ กวินท์ยิ้มนิดๆแล้วยกกล้องของตัวเองขึ้นมาถ่ายรูปคนรักที่นั่งอยู่ที่ชิงช้าไว้หลายรูปก่อนเดินเข้าไปหา

“ที่นี่สวยดีนะ...เงียบสงบดีด้วย”

รัญชน์ว่าพลางยกมือขึ้นลูบดอกกุหลาบสีขาวที่ทางโบสถ์เอามาทำเป็นเถาวัลย์พันไว้กับชิงช้าแล้วเงยหน้ามองคนรักที่เดินเข้ามาหา

“รัญชน์..” คนถูกเรียกเอียงคอน้อยๆมองดูคนรักที่ย่อตัวลงมานั่งทับส้นเท้าเบื้องหน้าตนเอง กวินท์เอื้อมมือมาจับมือซ้ายของเขาไว้ก่อนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“คุณอยากแต่งงานบ้างไหม?”

รัญชน์ทำสีหน้าประหลาดใจกับสิ่งที่คนรักถามขึ้นมา สีหน้าของกวินท์ดูอ่อนโยนแต่ก็แฝงไว้ด้วยแววตาจริงจัง

“เดี๋ยวนี้มีหลายที่ที่ผู้ชายอย่างเราสองคนจะแต่งงานจดทะเบียนกันได้ เราสามารถเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฏหมายเหมือนกับที่พี่ธันย์กับคุณรตาแต่งงานกัน รัญชน์...คุณอยากแต่งงานกับผมหรือเปล่า?”

รัญชน์ฟังแล้วก็ตื้นตันกับคำขอแต่งงานของคนรัก ไม่ต้องมีคำรักหวานซึ้ง แต่รัญชน์ฟังแล้วก็รู้สึกได้ถึงความรักที่แท้จริง เขายิ้มให้คนรักก่อน บีบมือกวินท์ที่จับมือซ้ายของตนเองอยู่

“สำหรับผม...เรื่องการแต่งงานมันไม่ใช่เรื่องสำคัญเลย คุณอยู่กับผมตรงนี้แล้ว ทะเบียนสมรสมันไม่มีความหมายเท่ากับสิ่งนี้ที่คุณให้ผม”

รัญชน์ใช้มือที่กวินท์จับอยู่จิ้มลงที่อกซ้ายของคนรัก

“และผมก็เชื่อ..ว่าคุณจะรักผมตลอดไปและผมก็จะรักคุณตลอดไปเช่นกัน”

“รัญชน์..” กวินท์ครางชื่อคนรักแผ่วเบาในลำคอ รัญชน์ยังคงยิ้มให้เขาก่อนที่จะดึงมือออก รัญชน์ใช้มือข้างนั้นเกลี่ยผมที่ลงมาปรกตาเขาไว้ก่อนโน้มหน้ามาจูบแผ่วเบาที่หน้าผากของเขา

กวินท์สอดมือไปกอดคนรักเอาไว้แล้วแหงนหน้าไปจูบที่ปากคนรัก

“ผมก็จะรักคุณ..ตลอดไป” กวินท์กระซิบบอกก่อนขยับขึ้นไปนั่งบนชิงช้าข้างๆรัญชน์ รัญชน์ยิ้มอย่างมีความสุขขณะเอนศีรษะลงพิงไหล่กว้าง กวินท์สอดมือโอบกอดเอวคนรักเอาไว้อย่างมีความสุขเช่นกัน

สิ่งสำคัญที่สุดของชีวิตคู่คือความเข้าใจซึ่งกันและกัน

เพียงเท่านี้ก็เติมเต็มความรักที่มีให้แก่กันอย่างสมบูรณ์

The End

จบแล้วววว ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านและติชมพูดคุยกันนะคะ

เรื่องต่อจากซีรีย์shade of seasonนี้คือ Sunshine You เพราะผมรักคุณ (เป็นตัวละครคู่ใหม่นะคะ แต่ก็มีคุณหมอกวินท์กับรัญชน์มาร่วมแจมบ้าง)
แต่เรื่องนี้อยู่ในระหว่างการวางพล็อตและตั้งชื่อตัวละครค่ะ
ระหว่างนี้ มี 1 เรื่องมาคั่นรอให้อ่านกันจากซีรีย์ Tragedy Series
คือเรื่อง Tell me the Legend ตำนานรัก..โรงเรียนแพทย์
สำหรับเรื่องtell me the legend เป็น Tragedy Drama สุดโศก เป็นเรื่องราวของอนิรุทธ์อาจารย์แพทย์ประจำวอร์ดศัลยกรรมกับศราวินคนรักที่เป็นนักเรียนแพทย์ปีสุดท้าย ความรักของทั้งสองเป็นตำนานที่เลื่องลือภายในโรงเรียนแพทย์มานานกว่าสี่สิบปี เรื่องราวที่น่าเศร้าเมื่อศราวินที่ใครๆต่างก็เอ็นดูถูกฆ่าข่มขืนในบริเวณละแวกโรงพยาบาล ศพของเขาถูกพบและนำมาชันสูตรที่โรงพยาบาลโดยผู้ที่ทำหน้าที่ชันสูตรนั้นคืออนิรุทธ์คนรักของเขา ที่ในวันต่อมาทีมแพทย์นิติเวชพบเป็นศพอยู่ในโลงของคนรัก ทั้งสองศพอยู่ในสภาพที่กอดกันเอาไว้ราวกับไม่ต้องการที่จะแยกจากกัน
จากการตายที่ทำให้ทุกคนตกใจ กลับมีเรื่องสั่นขวัญขึ้นในโรงพยาบาลเพราะนางพยาบาลประจำวอร์ดศัลยกรรมและคนไข้มักจะได้ยินเสียงหัวเราะของทั้งสองและเสียงฝีเท้าเดินไปตามระเบียง ราวกับทั้งสองคนกำลังราวน์วอร์ดเหมือนกับตอนที่มีชีวิต
เรื่องลึกลับนี้กลายเป็นตำนานของโรงพยาบาลเรื่อยมา
จนกระั่ทั่งสี่สิบปีให้หลัง
เหล่าพยาบาลประจำวอร์ดก็ต้องตื่นตระหนกอีกครั้ง เมื่ออาจารย์กับนักเรียนแพทย์ที่มาบรรจบพบกันอีกครั้งบนวอร์ดศัลยกรรมนี้
มีชื่อเดียวกันกับคู่รักที่เสียชีวิตไปแล้ว!
ดั่งว่าตำนานนั้นจะย้อนกลับมาดำเนินเรื่องอีกหน จึงให้ทั้งสองมาพบกัน ณ ที่แห่งนี้

ใครสนใจนิยายแนวtragedy drama ตามอ่านได้โล้ด  :mc4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-03-2013 16:17:58 โดย zynestras »

Mio

  • บุคคลทั่วไป
 :mc4: จบแล้ววววววววววววววว ขอให้รันกับพี่หมอรักกันนานๆ
คนเขียนเก่งมากค่า  :กอด1:  อยากได้รวมเล่มแต่จะไม่อยู่เมืองไทยแล้ว แง้วววว
ปล. อยากอ่านเรื่องแพทย์ๆ นะ แต่ไม่อาจทนความดราม่าได้ นางฟ้าแพ้ดราม่า  :m15:

ออฟไลน์ abcee

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 234
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
เรื่องทำให้ค้องร้องไห้จนตาบวมเลย ขอบคุณครับ

ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
จบแล้ววววแฮปปี้เอนดิ้งงงง เรื่องนี้เรียกน้ำตาเราไปเยอะเหมือนกันนะ
โหยกวินท์ยังคงเส้นคงวาความอบอุ่นฮือ
แต่เรื่องแพทย์โคตรรรรน่าอ่านเลยค่ะ!
ตอนแรกนึกว่าเรื่องผีแหะๆ(ก็เค้ายังอ่านดีเทลเรื่องไม่จบ)

ขอบคุณที่แต่งนิยายสนุกๆอย่างนี้ออกมานะคะ
ถึงจะไม่ได้สั่งจองหนังสือแต่ก็สัญญว่าจะตามอ่านทุกเรื่องแล้วก็เม้นให้น้า :D

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ฤดูใบไม้หลากสี

  • ผู้เป็นอิสระเหนือทุกสิ่ง
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 544
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-2
    • อิสระ ไม่อาจพรากไปจากเรา, จินตนาการก็อยู่คู่เราจนสิ้นลมหายใจ
แหม ก็จบแบบที่ว่า ต่างจากที่คิดไว้มาก อารมณืตอนแรกนะ อยากด่าไอ้พ่อเลวๆนั่นมากอ่ะ โรคจิตชะมัด
มีอย่างที่ไหนรักลูกมากกกกก ซะจนไม่อยากยกให้ใคร แต่แกก็ตายไปแล้วอ่ะนะ  :bye2: :bye2:
เฮ้อ ชีวิตรัญชน์ นี่น่าสงสารเนอะ ฆ่าตัวตายสองรอบ โดนฆ่าสองรอบ พระเอกเรา รอบเดียวก็ตายละ แต่ดีนายเอกทันเวลา

ชอบมาก จะมาติดตามการจองละกัน(ถ้ามีตังค์ 555) สนุกมากอ่ะ อยากถามจังเลยครับ(นัยๆคืออยากให้ตอบ)
มันคือเรื่องสั้นใช่หรือป่าวครับ เพราะมีแค่ 14 ตอน ถ้าเป็นเรื่องยาวคงเป็นเรื่องยาวที่แหม่งๆนิดหน่อยนะ เอ๊ะยังไง :m28:
แต่ก็สนุกดีนะ ชอบมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก อ่านวันเดียวจบ (ก็มันตอนน้อยนี่นา) ชอบๆๆๆๆๆ

คนเขียนสู้ๆ จะตามอ่านทุกเรื่องเลยยยยยยยยยยยยยยย  o13 o13 o13 :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:

ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0
จบแบบหวานๆ

น่ารักอ่ะ

ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆที่แบ่งปันขอรับ

Violet Rose

  • บุคคลทั่วไป
 :-[ :-[ อ๊ายๆ หวานเชียวนะ อิอิ
รอเรื่องใหม่นะจ๊ะ

ออฟไลน์ blanchet

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
สนุกมากเลยค่ะ บรรยายได้สวยมากๆเลย
เดี๋ยวมาอ่านต่อนะคะ ชอบมากเลย
คุณหมออ่อนโยนมากก รัญชน์จะได้มีคนดูแลซะที

ออฟไลน์ blanchet

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
จบซะแล้ว แต่งเก่งมากๆเลยค่ะ ภาษาก็สวย ลื่นมากกก
ชอบทุกเรื่องเลย ตอนแรกนึกว่าเรื่องนี้จะแบบสบายๆ
ที่ไหนได้ ตอนหลังนี้ทำน้ำตาซึมกัยเลยทีเดียว
ดีใจที่ทุกคนได้อยู่ด้วยกัน แต่สงสารยชน์อ่ะ
คือรู้สึกว่าที่เขาทำไปเขาก็มีเหตุผลของเขา
แม้มันจะเป็นการจัดการปัญหาที่ไม่ดีเลยก็ตาม
สุดท้ายก็ตายแบบไม่ได้แก้ไข ปรับความเข้าใจยิ่งทำให้เศร้าTT
ขอบคุณที่แต่งมาให้อ่านกันนะคะ :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ mind223

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 240
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1

ออฟไลน์ krit24

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-3
อ่าแล้วสนุกมากค่า มีหลายอารมณ์
แต่ทำเค้าเสียน้ำตาเป็นลิตรเลย
จะรอติดตามผลงานเรื่องถัดไปค่า

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
ร้องไห้จนตาบวมเลย สนุกมาก เศร้ามาก ซึ้งมาก :monkeysad:
ตามไปอ่านเรื่องใหม่ก็น้ำตาไหลเป็นลิตร สะเทือนใจสุดๆ มันทำให้เค้ารู้จักตัวเองว่าอยู่สาย M จริงๆ :z3:
ติดตามผลงานต่อไปค่ะ o13

ออฟไลน์ punchnaja

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3354
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +383/-5
สุดยอดดดดดดดดดดด ฝีมือไม่ธรรมดา สุดยอดมากๆค่ะ สงสารยช ยังปล่อยวางไม่ได้จนวาระสุดท้าย

โรแมนติกม๊ากๆค่า

lovely1714

  • บุคคลทั่วไป
ชอบมากเลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ่patsaporn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-6
น้ำตาไหลพราก ๆ ตอนที่สองคนรถชนแล้วพ่อโกหกว่ากวินและรัญชน์ตายแล้ว
โอย อิพ่อโรคจิตมาก มารในใจคนอ่านสุด ๆ ใจร้าย ใจดำ พยายามฆ่ารันตั้งหลายหน
กว่าสองคนจะรักกันได้ผ่านเวลาเนิ่นนาน แล้วยังผ่านอะไรที่พิสูจน์ความรักเยอะแยะไปหมด
รัญชน์เป็นนายเอกที่โคตรน่าสงสารมากเลยเนอะ เหมือนไม่มีใครเลย จนมาเจอพระเอกนี่แหละ
ตอนท้ายดีใจที่รันได้ปรับความเข้าใจกับครอบครัว ได้ขอโทษพ่อตัวเอง แฮปปี้เอนดิ้งสุดๆ

ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ zuu_zaa

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1
เสียน้ำตาไปหลายลิตร  :hao5:

สนุกมากจริงๆค่ะ จะติดตามผลงานเรื่องต่อๆไปนะคะ :pig4:

ออฟไลน์ ::UsslaJlwaJ::

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1011
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-4
อ่านรวดเดียว อ่านไปร้องไห้ไป ร้องไห้จนหายใจไม่ออก หายใจไม่ทัน

 ต้องแอบหยุดพัก เช็ดน้ำตาเพราะมองตัวอักษรไม่เห็น แอบพักหายใจเข้าลึกเพราะร้องไห้จนหายใจไม่ออก

สนุกๆมากๆๆๆเลยค้่าาจะเก็บเรื่องนี้ไว้ในใจเลยยยย :mew1:


ออฟไลน์ pornvrin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
ขอบคุณสำหรับเรื่องสนุกๆ นะคะ เศร้ามากกก แต่หยุดอ่านไมไ่ด้เหมือนกัน...

ออฟไลน์ raluf

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 499
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-1
น้ำตาแตกตั้งแต่อ่านไปแค่สี่ตอน เศร้ามากค่ะ สิบห้าปีกว่าจะได้กลับมารักกันก็ต้องผ่านอุปสรรคจนแทบจะต้องพรากจากกันอีก
อ่านรวดเดียวจนจบ สนุกมากๆเลยค่ะ :monkeysad:

ออฟไลน์ iammz

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2681
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +292/-6
โอยยยย ลุ้นกับความรักของเค้าทั้งสองมาก ๆ เลยค่ะ
กว่าจะลงเอยกันได้ ผ่านนู่นนี่กันมา ...

โรแมนติกมากเลยค่ะ รักกันมา 15 ปี .. แล้วต่างคนก็ต่างรอจะได้มาเจอกัน  :monkeysad:

ขอบคุณคนแต่งมาก ๆ นะคะ ^^

ออฟไลน์ wasawath

  • เด็กดีบนโลกที่ว่างเปล่า
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 89
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
อ่านเรื่องนี้แล้วน้ำตาซึมอ่ะ ชอบมาก <3

ออฟไลน์ sukie_moo

  • ปัจจุบัน คือ อดีตของอนาคต
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3488
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +457/-15
เสียน้ำตาไปเยอะกับเรื่องนี้สะเทือนใจมากๆ
แต่ก็แฮบปี้เอนดิ้งเนาะ

ออฟไลน์ YOSHIKUNI RUN

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
    ร้องไห้จนตาบวมเลย :mew4:
จบได้ซึ้งๆดีค่ะ
สนุกมากกก ขอบคุณน่ะค้าา :mew1:

ออฟไลน์ ปุยหมาม่วง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-7
อ่านจบหน้าสอง รัญชน์กำลังจะกลับไปหาครอบครัว หาแม่ และพ่อแท้ๆ
แต่เราคาใจอ่ะ จริงๆความโดดเดี่ยวที่เกิดกับรัญชน์มันไม่ใช่ความผิดของรัญชน์คนเดียวซะหน่อย
รัญชน์เข้ากับครั้วครัวของแม่ไม่ได้ ครอบครัวก็ดูจะไม่ได้พยายามอะไรนอกจากแก้ไขปัญหา(ตรงไหน?)โดยการส่งรัญชน์ไปเข้าโรงเรียนประจำ รัญชน์รอให้ไปรับก็ไม่มีใครไปรับ จนสุดท้ายกลายเป็นความห่างเหิน รัญชน์แยกออกมาหาตังได้เองใช้ชีวิตอยู่เองคนเดียวโดยที่แม่กับครอบครัวใหม่(พ่อแท้ๆที่รัญชน์ไม่เคยรู้)ก็อยู่กันปกติดีไม่รู้ว่าเคยคิดออกไปตามรัญชน์กลับมาอยู๋ด้วยกันมั้ย
แบบนี้ไม่ใช่ว่าคนที่มีส่วนผิดก็คือครอบครัวนั้นหรอกเหรอที่ทิ้งให้รัญชน์อยู่คนเดียว กลายเป็นว่ารัญชน์จะกลับไปทั้งที่เอาจริงๆคงลืมไปแล้วว่าครอบครัวเค้าต้องการรัชญ์มั้ยทำไมถึงทิ้งให้อยู่คนเดียวไม่ตามหาไม่ไปรับกลับมา ไม่พยายามหาทางให้อยู่ด้วยกันได้อะไรเลย
ดูเค้าเหมือนก็ไม่ได้รักรัญชน์กันเลยนะ
แล้วตกลงว่าแม่รัณชน์มีชู้จริงๆ? รัญชร์เป็นลูกชู้งั้นเหรอ?

เฮ้อออ ไปอ่านต่อเผื่อหน้าสุดท้ายจะเคลียร์เรื่องที่เราคาใจได้

-------------------------------

อ่านจบแล้ว

“ลูกอยู่กับพ่อเขาก็ไม่มีความสุข ในครอบครัวมีแต่ความตึงเครียด แม่ส่งลูกไปเรียนที่บรูคลินก็เพราะไม่อยากให้ลูกเกลียดพ่อเขาไปมากกว่านี้ อยู่ด้วยกันก็มีแต่ทะเลาะกัน เพิ่มความเกลียดชังไม่รู้จบ ลูกไม่รู้หรอกว่าแม่ปวดใจมากแค่ไหนที่ต้องส่งลูกไปอยู่คนเดียวแบบนั้น”

^
^

แอบเคืองครอบครัวรัญชน์นิดๆเพราะเรารู้สึกว่าตรงนี้มันฟังไม่ขึ้น ตัวแม่ไม่ได้อยู่คนเดียวนะ พ่อภวัตก็อยู่ไม่ช่วยกันคิดเลยเหรอว่าวิธีนี้มันไม่ควรอย่างยิ่งเลย ดูไม่คุ้มกับสิ่งที่ได้มาเลย มันดูเหมือนส่งตัวรัญชน์เพื่อให้ออกจากครอบครัวสามพ่อแม่ลูกมากกว่า เหมือนว่ารัญชน์คือตัวปัญหา ไม่อยากให้มีปัญหาก็เลยส่งไปอยู่โรงเรียนประจำครอบครัวตัวเองจะได้อยู่กันอยางมีความสุข แม้แต่วันเกิดตัวเองก็ยังไม่หาไม่ตามไม่ไปเจอ รัยชน์รอให้ไปรับกลับก็ไม่ไป มันฟังไม่ขึ้นอ่ะ จริงๆ เหมือนทำเพื่อผลักรัญชน์ออกไปมากกว่า ทำแบบนั้นแทนที่พ่อลูกจะเข้ากันได้ก็กลายเป็นยิ่งทำให้เค้ายิ่งห่างเหิน ดูเป็นวิธีตัดสินใจแก้ปัญหาที่แย่มากๆเลย คิดได้ยังไงเนี่ย ลูกจะรู้สึกยังไงไม่รู้เลยเหรอ

ณ จุดนี้ยังโกรธอยู่ทั้งพ่อทั้งแม่ แล้วสรุปแม่ก็เล่นชู้จริงๆอ่ะดิ่ถึงมีรัญชน์ได้อ่ะ แต่ก่อนนั้นก็มีรตาโดยเกิดจากแม่กับยชมาก่อน

เฮ้อออออ ให้ตาย ไม่ชอบครอบครัวนี้เลยจริงๆ



*แต่คอมเม้นนิดนึงว่าคนเขียนเก่งมาก เราอินมากและร้องไห้จนหายใจไม่ออก เขียนเก่งมากๆเลยค่ะ ^^ ชาบูๆ
ชอบที่พระเอกฉลาดด้วย ตอนที่นายเอกปฏิเสธว่าตัวเองไม่ใช่เด็กคนนั้นพระเอกก็ไม่เชื่อ จับจูบพิสูจน์ม่ามเลย ชอบมาก
เป็นเรื่องอื่นคงเชื่อว่าเป็นพี่สาวนายเอกไปแล้ว 55555

ขอบคุณมากๆค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-04-2013 14:57:21 โดย ปุยหมาม่วง »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด