- 12 -
(part2)
ผมเห็นไอ้หลามผ่านกระจก มันนั่งชิลอยู่ที่ร้านกาแฟชื่อดังแห่งหนึ่ง ชิลไปเถอะมึงก่อนที่มึงจะไม่มีโอกาสได้นั่งชิลแบบนี้อีก ทันทีที่เปิดประตูร้านเข้าไปคนที่กำลังนั่งจิบกาแฟก็ยิ้มให้กับไอ้โททันที
“มีอะไรวะมึง รีบร้อนมาหากูเชียว คิดถึงกูหรา” มันยังทำเป็นเล่น มือตบไปที่โซฟาอีกข้าง “นั่งลงก่อนดิ”
ผมสังเกตไปรอบๆร้าน มีพนักงาน 2 คน กับมันที่เป็นลูกค้าและผู้หญิงที่นั่งข้างๆมันอีก 1 คน
หึ ก็ดี คนน้อย เรื่องจะได้ไม่ต้องวุ่นวายมาก
“นี่ครีม” มันแนะนำผู้หญิงข้างๆให้ผมกับโทรู้จัก เธอยิ้มให้อย่างน่ารัก หน้าตาเธอเหมาะสมกับไอ้หลามดีครับ ส่วนนิสัยนั้นจะเหมือนกับไอ้หลามด้วยรึเปล่า...อันนี้ผมก็ไม่รู้
“ครีมกลับไปก่อนนะครับ พอดีหลามมีเรื่องจะคุยกับเพื่อนๆน่ะ ไว้หลามจะโทรหานะ กลับดีๆนะครับ” มันบอกก่อนจะหอมแก้มขาวเนียน ครีมโบกมือบ๊ายบายพวกเราทุกคนและเดินออกจากร้านไป
“มึงร่วมมือกับพี่พล วางยานะโม แล้วถ่ายรูปแบล็คเมล์ส่งมาให้กูใช่มั้ย!?” ไอ้โทเข้าเรื่องทันที ฟังจากน้ำเสียง มันพยายามสะกดกลั้นอารมณ์เป็นอย่างมากที่จะไม่ให้ตัวเองลุกไปกระชากคอเพื่อนสนิท คนถูกถามเบิกตากว้างนิ่งไปพักนึง ก่อนจะรีบแก้ตัวว่า
“หะ เห้ยยยย มึงพูดเรื่องเหี้ยไรวะ?”
“ก็เรื่องเหี้ยๆที่มึงทำกับกูไงไอ้สัด” ผมลุกขึ้น ความอดทนเริ่มถึงขีดจำกัด จิตใจมันทำด้วยอะไร ถึงได้ยังตอแหลเล่นละครอยู่แบบนี้ “มึงใช้พี่พลให้วางยากูตอนเลี้ยงสายรหัสปีที่แล้ว ใช้ให้พี่เค้า....”
คำๆนั้นมันจุกอยู่ที่อก ผมไม่อยากใช้คำๆนั้นเพราะมันยิ่งทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่า...แต่ผมก็ต้องพูดต่อไป อธิบายเรื่องทุกอย่าง เรื่องชั่วๆเลวๆที่มันทำกับผม
“มึงใช้ให้พี่เค้าข่มขืนกู ก่อนจะถ่ายรูปเก็บไว้ แล้วมึงก็เอารูปนั้นส่งให้โทดู แต่แค่นั้นคงไม่สะใจมึงมั้ง มึงถึงได้เอารูปกูไปโพสขายนวดในเน็ตต่อ!”
ถึงตอนนี้เป็นไงเป็นกัน ถ้ามันยังไม่ยอมรับ ไอ้โทไม่เชื่อในสิ่งที่ผมพูด ผมก็จะขอตั๊นหน้า กระทืบมันเอาให้สาสมกับสิ่งที่มันทำไว้ ต่อให้ผมถูกไล่ออกผมก็จะไม่เสียใจ ดีซะอีก...ผมจะได้ไปพ้นๆจากพวกมันสักที!
ผมคิดว่าผมจะได้เห็นสีหน้าซีดเผือดของไอ้หลาม แต่ผมคงลืมไปว่านี่คือปลาฉลาม คนที่ตีสองหน้าเก่งและแถขั้นเทพเป็นที่สุด
“อะไรวะ กูงง ... นี่มันเรื่องอะไรกัน...?” มันทำสีหน้างงงวยและไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมพูด
“ไอ้…!!!!”
“อ้อ..เรื่องที่มึงขายน้ำหรอ?” มันเน้นคำว่าขายน้ำอย่างจงใจ “จะหาว่ากูเป็นคนเอารูปมึงไปโพสงั้นสินะ? แถมยังร่วมมือกับพี่พลอีกเพื่อเอารูป..เอ่อ...ที่มึงนอนกับพี่พลส่งให้ไอ้โทดูงั้นหรอ? หลายขั้นตอนไปปะวะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ”
ผมมองหน้ามัน แต่มันก็ยังสามารถพูดในสิ่งที่ตัวเองทำแต่เหมือนไม่ได้ทำได้แนบเนียน
“ถ้ากูทำจริงนะ กูต่อยมึงก็จบแล้วปะวะ ไม่ต้องเสียเวลาหลายขั้นตอน มึงก็รู้นิสัยกูดีไอ้โท” มันหันไปถามไอ้โท ท่าทางของมันเหมือนเพื่อนสนิทกันจริงๆ ไม่มีอะไรเกินเลยไปกว่านั้น ซึ่งมันก็ดูลังเลกับสิ่งที่ไอ้เหี้ยหลามมันตอแหลออกมาด้วย
นับถือมึงจริงๆว่ะ ทำได้ไงวะ พูดให้ตัวเองไม่ผิด เอาดีเข้าตัว โยนความชั่วให้คนอื่น
คงมีแต่ผมที่รู้ ทุกคำพูด ทุกการกระทำของมันล้วนโกหกทั้งเพ แม้กระทั่งลมหายใจของมันยังเฟคเลย ต่อหน้าผมพูดอีกอย่าง ต่อหน้าโทพูดอีกแบบ เหอะ!
“กูเสียใจนะที่มึงกล่าวหากูแบบนี้” ตบท้ายด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ แค่นี้มันก็เป็นฝ่ายเหนือกว่าโดยที่ไม่ต้องทำอะไรมาก ปล่อยให้ผมดิ้น คายความจริงออกมาทุกอย่าง แต่มันก็สามารถปฏิเสธได้ทุกข้อกล่าวหา
ผมน่าจะอัดเสียงมันไว้...เมื่อตอนกลางวัน แต่ผมไม่เหลี่ยมจัดเหมือนมันไง บางทีถ้าผมกลับไปตั้งต้นใหม่ หาหลักฐานหาพยาน เอาให้มันดิ้นไม่หลุด คำพูดของผมคงมีน้ำหนักมากกว่านี้
“มึงเป็นเพื่อนกูนะไอ้เตี้ย ถึงมึงจะจน หล่อไม่เท่าพวกกู สูงไม่เท่าพวกกู แต่ยังไงมึงก็คือเพื่อน” ไอ้หลามพูดติดตลกด้วยน้ำเสียงจริงใจที่ผมโคตรจะสะอิดสะเอียน
เพื่อนหรอ...มึงกล้าพูดคำนี้ออกมาได้ยังไง....
ผมหันไปมองด้านข้างไอ้โท ไม่รู้ว่าตอนนี้ในหัวสมองกลวงๆของมัน (เฉพาะเรื่องแบบนี้) กำลังคิดอะไรอยู่ มันอาจจะเชื่อในสิ่งที่ไอ้หลามพูดก็ได้
บรรยากาศภายในร้านมีเพียงแค่เสียงแอร์กับเสียงเครื่องบดเมล็ดกาแฟ ไอ้หลามยกกาแฟขึ้นมาดื่มก่อนจะก้มมองนาฬิกาเรือนหรูแล้วพูดว่า
“เรื่องที่จะพูดมีแค่นี้ใช่มั้ย? งั้นกูไปก่อนนะ ต้องไปรับยัยวาฬที่เรียนพิเศษ...อ้อไอ้โม เรื่องที่มึงขายตัวขายตูดกูเข้าใจนะ และไม่ได้รังเกียจมึงเลย กูรู้ว่าชีวิตคนเรามันไม่เหมือนกัน ทางเลือกของมึงอาจมีไม่มาก มึงถึงได้เลือกทำอาชีพนี้...แต่กับเพื่อนคนอื่น กูก็ไม่รู้นะว่าเค้าจะรับได้เหมือนกูรึเปล่า ไปละ บาย”
ฟังแล้วดูดีเนอะว่ามั้ย? ดูเป็นเพื่อนที่แสนดี แต่เปล่าเลย ไอ้ตรงประโยคท้ายนั่นมันคือคำขู่ชัดๆ บวกกับสายตาที่จ้องตรงมายังผมแล้วทำให้ผมอ่านออกทันทีว่ามันจะสื่อถึงอะไร
...ถ้าผมยังไม่ออกไปจากชีวิตไอ้โท เรื่องที่ผมขายตัวได้รู้กันทั่วแน่ และไม่ใช่แค่ในหมู่เพื่อนๆ อาจจะลามไปทั่วมหาวิทยาลัยเลยก็เป็นได้
กลับมาที่คอนโดหรู ไอ้โทไม่พูดอะไรสักอย่าง ใบหน้ามันสงบ ราบเรียบ ดูไม่ออกว่ากำลังคิดอะไร
จนเมื่อเปิดประตูห้องเท่านั้นแหละ ผมชิงพูดขึ้นมาก่อนที่มันจะเอ่ยปาก
“ปล่อยกูไปเถอะ” ไอ้โทหันขวับมายังผมทันที “ไม่ว่ามึงจะเชื่อไอ้เหี้ยหลามหรือเชื่อกู...กูขอร้อง ปล่อยกู อย่ามายุ่งกับกูอีก”
นี่เป็นหนทางเดียวที่ผมคิดออกในตอนนี้ ผมเหนื่อย เบื่อ ทุกสิ่งอย่าง ต้องมาสู้รบกับความตอแหลของไอ้เหี้ยหลาม แถมวันดีคืนดีจะถูกเจ้าของห้องข่มขืนตอนไหนก็ไม่รู้
ไม่ใช่ว่าผมยอมแพ้ เรื่องไอ้เหี้ยหลามผมเอาคืนแน่ แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ ขอผมได้ตั้งหลัก คิดหาทางออกก่อน
“ไม่!!” มันเดินตรงเข้ามาบีบแขนผม ตะโกนใส่หน้าผม “มึงเป็นของกูแล้ว ห้ามไปไหนทั้งนั้น!”
“เหอะ กูเป็นของมึงงั้นเหรอ? มึงแน่ใจเหรอ? กูถามจริงเถอะ ทุกวันนี้มึงมีความสุขมั้ยที่ได้อยู่กับกู” ผมถามมันด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“...” มันไม่ตอบ
“กูถามว่ามีความสุขมั้ย? ตอบสิวะ!! มึงเอาแต่พร่ำบอกว่ากูเป็นของมึงๆๆๆ แต่วิธีการที่มึงทำให้กูเป็นของมึงมันไม่ได้ทำให้ทั้งกูและมึงมีความสุขเลย!” ผมทนไม่ไหว ระบายความในใจที่กักเก็บมานานจนหมดสิ้น “กูเบื่อ เบื่อเหี้ยๆ แค่มึงเข้าใจผิดคิดว่ากูขายตัว แต่มึงโกรธกูจนข่มขืนกู พอกูจะอธิบายมึงก็ไม่ฟัง กูบอกตามตรงว่ากูโคตรทรมาน ขยะแขยง อยากจะตายๆไปให้พ้นจากมึงสักที!”
ผมหอบหายใจตัวโยน ไอ้โทนิ่งแต่แววตามันฉายประกายบางอย่าง
“กู...” มันพูดแค่นั้น ท่าทางมันเริ่มโอนอ่อน ผมต้องใช้โอกาสนี้พูด...พูดเพื่อให้ตัวเองหลุดพ้นจากสถานะบ้าๆนี้สักที
“หรือจะเย็-ตูดกูอีกสัก5น้ำ7น้ำ มึงเอามั้ย!? มึงเอากูให้คุ้ม เอากูจะกว่ามึงจะพอใจ อยากจะจินตนาการว่ากูเป็นของมึงหรือเหี้ยไรก็แล้วแต่มันก็เรื่องของมึง ไหนๆก็ซื้อขาดมาแล้วนี่ มึงอยากให้กูเป็นยังไงว่ามาเลย กูจะทำให้ทุกอย่าง แต่จบหลังจากนี้มึงจะไม่ได้เห็นหน้ากูอีก” ไม่ว่าเปล่า ผมจัดการกระชากเสื้อตัวเองออก ปลดซิปอย่างรวดเร็ว ตรงดิ่งเข้าไปกอดคนตรงหน้า ลูบไล้มัน จนในที่สุดมันก็จับข้อมือผมแน่นแล้วกระชากตัวผมเข้าไปอยู่ในอ้อมกอด
“กูขอโทษ”
“...”
มือหนากดศีรษะผมให้จมลงกับอกแกร่ง ริมฝีปากกับจมูกมันซุกอยู่ในกลุ่มเส้นผม ถึงแม้จะพูดไม่ถนัดแต่ผมกลับได้ยินชัดเจน
“ขอโทษนะ...ขอโทษจริงๆ”
คำพูดที่ผมเตรียมไว้เพื่อประชดประชันพลันกลืนหายลงไปในลำคอ ความจุกแน่นเข้ามาแทนที่ ขอบตาเริ่มร้อนผ่าว แต่ผมจะร้องไห้ไม่ได้เพียงเพราะแค่มันกอดผมและคำขอโทษที่ผมไม่คาดคิดว่าจะได้ยินจากปากมัน
ผมจะอ่อนแอให้มันเห็นตอนนี้ไม่ได้
ปล่อยให้มันกอดผมอย่างนั้นอยู่นานก่อนที่จะผลักตัวออกช้าๆ เราประสานสายตากันเหมือนจะเข้าใจกันดี แต่แล้วคำพูดต่อมาของผมทำให้มันมองหน้าอย่างไม่เข้าใจ
“ถ้ารู้สึกผิดจริงๆก็ปล่อยกูไป” ผมยังยืนยันคำเดิม “อย่ามายุ่งกับกูอีก”
“แต่...”
“หึ กูรู้ว่าจนถึงตอนนี้มึงยังสงสัยในตัวกูอยู่ว่ากูขายจริงมั้ย? แล้วไอ้หลามมันทำอย่างที่กูว่ารึเปล่า? กูรู้ว่ามึงไม่ได้เชื่อกูเต็มร้อยหรอก” ไอ้โทเงียบไป
ผมว่าแล้ว...มันยังไม่ปักใจเชื่อผมเต็มร้อยจริงๆ
“กูขอร้องล่ะ...” ผมมองตามันอย่างจริงใจที่สุด “อย่าทำให้กูต้องเกลียดมึงไปมากกว่านี้เลย”
พูดจบผมค่อยๆเดินถอยหลังออกมาช้าๆ ก้มตัวลงเก็บเสื้อผ้าที่ถอดไว้เมื่อครู่
“ไม่! กูไม่ให้ไป” จู่ๆมันก็คว้าตัวผมไว้อีกครั้ง “ขอโอกาสกูได้แก้ตัว”
“หึ” ผมหัวเราะในลำคอ “ทั้งๆที่มึงทำกับกูไว้ขนาดนั้นเนี่ยนะ?” ผมผลักตัวมันออก “กูถามจริงเถอะ กูไปทำไรให้มึงแค้นนักหนาถึงกับต้องมา...ทำกับกูแบบนี้ มึงไม่ขยะแขยงบ้างรึไงวะ”
มันส่ายหัว ท่าทางมันตอนนี้ราวกับกลัวที่จะสูญเสียผมไปจริงๆ
“แต่กูขยะแขยง ทั้งตัวเอง...ทั้งมึง” พูดจบผมไม่รอให้มันได้ตอบ เปิดประตูแล้ววิ่งออกมาจากห้องนั้นทันที พอดีกับที่ลิฟท์เป็นใจเปิดอ้ารับผม เสียงสุดท้ายที่ผมได้ยินก่อนประตูลิฟท์จะปิดลงคือผีเท้าหนักๆกำลังวิ่งตรงมาทางนี้
เมื่อถึงชั้นล๊อบบี้ผมรีบออกไปยังหน้าคอนโดเพื่อโบกแท็กซี่เป็นครั้งที่สอง แต่หากคราวนี้ต่างจากครั้งแรกตรงที่ผมสบายดี ไม่ได้ออกมาสภาพย่ำแย่เหมือนครั้งแรก
“โม!” เสียงเรียกคุ้นดังมาแต่ไกล และไม่ใช่เสียงของไอ้โทแน่ๆ ผมจึงหันไปมอง
ปกป้องนี่หว่า อะไรมันจะบังเอิญขนาดนี้วะ
เด็กม.ปลายในชุดนักเรียงกางเกงน้ำเงินวิ่งตรงมาหาผมในไม่กี่อึดใจ แววตาสุกใสดูเปล่งปลั่งแม้จะมีเหงื่อข้างแก้มก็ตาม
“โมจริงๆด้วย”
“อืม”
“เหนื่อยอะ ครั้งที่แล้วผมก็วิ่งหาโมทั่วมหาลัยเลย”
“อย่าบอกนะจะทวงค่ายา?” นั่นเป็นสิ่งเดียวที่ผมยังไม่พร้อม...เรื่องเงิน
“ก็ใช่น่ะสิ บอกจะคืนๆก็ไม่เห็นคืนสักที แถมโทรไปก็ไม่ติด” ปกป้องต่อว่าผม ซึ่งผมก็เถียงไม่ได้ด้วย เอาไงดีวะเนี่ยยย
“ล้อเล่นน่า ทำหน้าเครียดเชียว ผมไม่ซีเรียสหรอกเรื่องเงินน่ะ”
อ่าว ไอ้เด็กนี่
“ว่าแต่โมจะไปไหนเหรอ?” ปกป้องถามผม นั่นทำให้ผมนึกได้
เออนั่นสิ แล้วกูจะไปไหนวะเนี่ย หอพักก็ถูกบังคับให้ออกมาแล้ว จะกลับเข้าไปในคอนโดไอ้โทก็ไม่ได้อีก หรือจะโทรไปหาไอ้บูมดี?
“เอ่อ...ไปบ้านเพื่อนน่ะ” ผมตอบ
“แล้วไปทำไม?” ปกป้องถามต่อ นี่มันเป็นพ่อผมเหรอ ถามจังเลยเห้ย
“ค้าง”
“ค้างทำไม”
“ไม่มีที่อยู่” จบมั้ย ตอบตรงๆไปเลย ผมเริ่มหงุดหงิดกับคำถามของเด็กตรงหน้า คำนำหน้าว่าพี่ไม่เรียก ถามห้วนๆสั้นๆ คิดบ้างไหมว่าผมเป็นรุ่นพี่มันเนี่ย
“หืมมม งั้นเอางี้ไหม พี่มาอยู่ห้องผม จะได้ใช้ค่ายาให้ผม แถมผมจะได้ไม่ต้องตามตัวพี่ยากด้วย” เด็กตรงหน้าเสนอซื่อๆราวกับเป็นเรื่องปกติที่จะชวนคนแปลกหน้า (แถมติดหนี้) ไปอาศัยด้วย
“ปะๆ ไม่ต้องคิดมากหรอก ที่ห้องผมมีแค่ผมกับพี่สาว แต่อย่าคิดจะจีบพี่สาวผมเชียวนา เพราะพี่แป้งมันมีแฟนแล้ว แถมเป็นผู้หญิงด้วย”
“หะ? คุณหมอสวยๆคนนั้นอะนะ”
“ก็ใช่อะดิ พี่แป้งไม่ค่อยกลับห้องหรอก นานๆที ส่วนใหญ่จะนอนที่คลินิกมากกว่า ผมอยุ่ห้องคนเดียว เหง๊าเหงา”
ผมคุยกับปกป้องไปเรื่อยๆจนไม่รู้ตัวเลยว่าเดินมาจนถึงหน้าคอนโดของเจ้าตัวแล้ว ซึ่งมันไม่ได้ไกลจากคอนโดไอ้เชี่ยโทมากเท่าไหร่นัก แต่เดี๋ยวก่อนนะ ผมว่าผมยังไม่ได้ตกลงที่จะขอค้างไม่ใช่เหรอไง?
ช่างเถอะ ไหนๆก็มาแล้ว ขออาศัยนอนสักคืนแล้วกัน
Next chapter >> - 13 - (part1)ยะฮู้วววววววว ฮุเร่!!!!!!!!!!!!
กลับมาละข่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา
เนื่องจากดองนานมากกกกกกกก มาก มากมาก มาก คงไม่มีนักเขียนคนไหนดองได้เท่านี้อีกแล้ว 555555
แพรจึงต้องขอทำการรีไรท์ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไปนะคะ เพราะรู้สึกว่าที่หายไปเนี่ย มันตัน มันคิดไม่ออกตั้งแต่ช่วงนี้ค่ะ คือวางพล๊อตไว้แล้วแต่เขียนไม่ออกจริงๆ มันไม่สมเหตุสมผลเลยอะ
แพรเลยอยากจะขอโอกาสพ่อแม่พี่น้องให้แพรได้แก้ตัวอีกสักครั้งนะคะ พลีสสสส
จุบุๆๆๆๆๆ ต่อไปจะพยายามมาอัพอย่างสม่ำเสมอค่าาาาาาาาาาา
คิดถึงทุกคนเลย