✣✤|แมว หมา ดอกไม้ และพี่ชายข้างบ้าน|✤✣ ตอนพิเศษวันสงกรานต์ P.29
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ✣✤|แมว หมา ดอกไม้ และพี่ชายข้างบ้าน|✤✣ ตอนพิเศษวันสงกรานต์ P.29  (อ่าน 269283 ครั้ง)

ออฟไลน์ My_yunho

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-5

ออฟไลน์ mur@s@ki

  • อยากรัก..แต่ใจไม่กล้า
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1899
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-5
น้องแมวลูกกกกกก ฉลาดล้ำมากปรัชญาแมวๆก็เริ่ด
รับวิสกัสซักคันรถไหมจ้ะ

 :กอด1:

ออฟไลน์ KilGharRah

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 856
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +169/-0
สงสารน้องวสุเสียจริง ไม่อยากให้น้องต้องเป็นตัวแทนของใคร แม้แต่วสันต์ก็ตาม  :ling3:
ลุงอย่าทำน้องมันเสียใจนะเฟ้ย  :z3:

ออฟไลน์ cinquain

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +247/-0
รอให้พี่เอกทำความเข้าใจกับความจริงตรงหน้าอีกนิด
แล้วทุกอย่างน่าจะสดใสขึ้น เนอะ / ตอนนี้ชอบเจ้าขาวมาก ^^
มีความคิดลึกซึ้งดี พร้อมปกป้องไม่ให้ใครมาเลียปากเจ้านาย ^^

ออฟไลน์ N.T.❁

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-8
ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่า เราว่าตอนนี้ทุกอย่างเริ่มดีขึ้นนะ
เราชอบการเปรียบเทียบต้นหญ้าที่ตายเพราะไม่โดนแสงจัง
มันเหมือนเปรียบชีวิตวสุเลยค่ะ (คหสต. ไม่แน่ใจว่าเข้าใจถูกไหม?)
คือรู้สึกว่าแบบ ที่คิดมาตลอดว่าวสุถูกเงาของวสันต์บังไว้ตลอด
ถ้าพี่เอกเปิดใจรักวสุที่เป็นวสุ ไม่ใช่วสุที่เคยเป็นวสันต์
ก็เหมือนการตัดต้นไม้ทึบๆ กำจัดเงาที่บังแสงต้นหญ้าออกไป ทำให้มันมีโอกาสได้เติบโตอีกครั้ง...
ถ้าเป็นอย่างนั้นก็น่าดีใจนะคะ  :mew3:

เจ้าขาวฉลาดจัง :]

ปล. ว่าแต่ลูกพี่ลูกน้องไม่ได้คิดอะไรกับวสุใช่ป่าว?

ออฟไลน์ Whatever it is

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3960
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +380/-8
เมื่อไหร่จะมีความสุขนะสองคนนี้

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
ถึงแม้ว่าความทรงจำในอดีตจะชักนำให้ทั้งคู่ได้เจอกัน
แต่จากนี้ไป สิ่งที่ทำอยู่ทุกวันนี้จะเป็นความทรงจำใหม่ของทั้งคู่
อยากให้ทั้งพี่เอกและวสุได้พบกับความสุขที่รอคอยเสียที

ออฟไลน์ ตีสี่

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 412
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-5
    • 61'
น่าสงสารวสุ มีความทรงจำของคนที่ตายแล้ว จริง ๆ วสันต์คงไม่ได้ฆ่าตัวตายอาจมีคนผลักให้ตกลงมาหรือเปล่า ก็รักกันขนาดนั้นจะอยากตายทำไม

เราว่าถึงคราว ประกอบกับจิตตกถึงขีดสุด ถ้าได้อ่านเรื่องพี่เอกกับพี่วสันต์จะรู้สึกเลยว่า พี่วสันต์เขาจำใจที่ต้องบอกพ่อว่าจะเลิกกับพี่เอก ในขณะที่จิตใต้สำนึกบอกว่า ไม่อยากเลิก อยากอยู่ด้วยกัน แต่ในความเป็นจริงมันทำแบบนั้นไม่ได้ ตอนนั้นพี่เขารู้คงสึกว่าอยากนั่งพักมั้ง แต่เผอิญอยู่ริมดาดฟ้าไงก็เลยร่วงลงไป
เราเคยอ่านหนังสือที่คนที่ฆ่าตัวตายเขาเขียน แต่ของเขากินยาฆ่าตัวตายอ่านะ แล้วมีคนพาส่งโรงพยาบาลทันเลยรอด เขาบอกว่า ตอนนั้นเขาเสียใจ(อกหัก) เขาปวดหัว เลยกินยาแก้ปวดแต่กินแบบไม่รู้ตัว กินไปเรื่อยๆจนหลับ แค่นั้นเองอ่ะ
พี่วสันต์ที่คนเขียนเขียนก็อารมณ์นี้เลย จะก้าวกลับเข้ามาแล้ว แต่ขาหมดแรงซะก่อน แถมตอนร่วงจิตใต้สำนึกยังบอกแต่ว่า อยากอยู่กับพี่เอก
โอ้ย...เศร้า


ออฟไลน์ PoP~Pu

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1739
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-5
เหมือนทุกอย่างจะดีขึ้น วสุคิดตกแล้วว่าจะทำยังไงต่อไป
ส่วนพี่เอก อร๊ายยยย พี่เอกเอาอีกแล้วนะ ทำเขินนน 555 เป็นคนไม่ค่อยพูดกระทำให้เห็นตลอดๆ
รูปแถมรูปสุดท้ายนี้มัน อร๊างงงง :hao7:

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ GintoniC

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 829
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-0
ไอดังคุก คุก คุก เลยนะพีเอก

ออฟไลน์ evz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 275
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
อยากเห็นต้นหญ้างอกงามเร็วๆจังเลยน้า
วสุน่ะไม่ว่าเมื่อไหร่ก็รอได้ แต่พี่เอกนี่สิจะอยู่ให้วสุรอได้ถึงเมื่อไหร่กันคะ
รีบๆเลยนะพี่เอก 5555

ออฟไลน์ IIIA

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 591
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-1
ไอ้ขาวแกคิดจะครองโลกช่ะ? 55555555

พี่เอก วสุคือวสุ นะ 

ออฟไลน์ RAINYDAY

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1247/-5
    • FB page
“แมว หมา ดอกไม้ และพี่ชายข้างบ้าน”


บทที่ 8 ผืนดิน และยอดหญ้า







ดาดฟ้าของอาคารห้าชั้น วสุตั้งใจจะลองไปดูที่นั่นสักครั้ง

วันสุดท้ายของการสอบปลายภาค ชั้นเรียนเขาได้เลิกเร็วกว่าบางชั้นซึ่งขึ้นรถรับส่งคันเดียวกัน จึงมีเวลาว่างเหลือระหว่างสอบเสร็จจนถึงรอคนครบกลับบ้าน สักชั่วโมงหนึ่งคงพอสำหรับเดินดูรอบ ๆ โดยไม่ต้องรีบร้อน

เด็กหนุ่มกวาดตามองกระดาษคำตอบของตัวเอง ทำเสร็จแล้วยังได้ตรวจทานไปอีกหนึ่งรอบ ง่ายกว่าที่คิด แม้ย้ายมาเรียนตอนค่อนภาคเรียนเข้าไปแล้ว แต่กลับรู้สึกข้อสอบไม่ยากเลย ช่วงหลังมานี้เรียนสบายอย่างกับเคยคุ้น ๆ ทั้งหมดมาแล้ว เขานึกสงสัยว่าเพราะวสันต์อีกหรือเปล่า

นาฬิกาด้านหน้าบอกเวลาเกือบบ่ายสองโมงครึ่ง เวลาใกล้หมดพอดี จึงได้นั่งรออยู่ที่เดิม จนอาจารย์คุมสอบแจ้งให้ทุกคนลุกแล้วออกจากห้อง

เขาเหลือบไปทางภัทรพักตร์ซึ่งนั่งห่างออกไปตามเลขที่ ลูกพี่ลูกน้องเขายังง่วนอยู่กับกระดาษคำตอบจนวินาทีสุดท้าย กระทั่งอาจารย์เดินมาเท้าสะเอวจ้อง เจ้าตัวจึงได้หัวเราะแหะ เลื่อนกระดาษไปทางอาจารย์พลางทำตาละห้อย

ควรบอกภัทรพักตร์ไว้ก่อนไหม?

บานหน้าต่างถัดจากโต๊ะของอีกฝ่าย เป็นจุดที่เห็นวิวซึ่งเคยมีต้นคูณตั้งอยู่ตรงนั้น หากเขาเป็นฝ่ายไปนั่งสอบอยู่ตรงตำแหน่งที่ว่าคงไม่มีสมาธิเป็นแน่ แต่คนที่นั่งอยู่จริงกลับไม่เห็นเดือดร้อนอะไร นั่นยืนยันว่าภัทรพักตร์ไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้เสียหน่อย

นึกขึ้นมาได้เช่นนั้นจึงรีบเก็บกล่องดินสอ สาวเท้าออกจากห้อง โยนมันใส่กระเป๋าหนังสือตัวเองซึ่งกองรวมกับของเพื่อนอยู่ด้านหน้า จากนั้นรุดออกจากบริเวณหน้าห้องสอบ ลงบันไดปะปนไปกับนักเรียนห้องอื่นที่สอบเสร็จแล้วเช่นกัน จากนั้นตรงดิ่งไปยังอาคารเก่าห้าชั้นซึ่งเวลานี้ไม่ค่อยมีคนใช้งาน เพราะรุ่นพี่มัธยมปลายซึ่งเรียนและสอบที่นี่ สอบแค่ครึ่งวันก็แยกย้ายกันกลับไปเกือบหมดแล้ว

เด็กหนุ่มไต่บันไดขึ้นไปทีละขั้น เสียงฝีเท้าเขาสะท้อนเบา ๆ ไปตลอดทาง สภาพโดยรอบไม่มีอะไรแปลกตา แต่ก็เช่นเดียวกับเกือบทุกแห่งในโรงเรียน มันเต็มไปด้วยกลิ่นอายคุ้นเคย ที่นี่นับว่าคุ้นกว่าบริเวณอื่นด้วยซ้ำ บันไดขั้นสุดท้ายก่อนถึงชั้นสี่ซึ่งเตี้ยกว่าขั้นอื่น เด็กหนุ่มก็วางเท้าไว้ได้อย่างพอดิบพอดี ตั้งแต่ยังไม่ทันได้สังเกตเห็นป้ายเตือนให้ระวัง

ชั้นสี่ของอาคารยังมีคนอยู่บ้างสามสี่คน รวมกลุ่มกันอยู่หน้าห้องเคมีเหมือนกำลังปรึกษาอะไรกันอยู่ วสุก้าวเท้าแผ่วเบาไม่ให้เป็นที่สังเกต เชื่อว่ารุ่นพี่เหล่านั้นไม่มีใครมองเห็นเขาซึ่งย่องขึ้นบันไดตรงมุมด้านนี้ กึ่งย่องกึ่งกระโดดอีกไม่เท่าไร ก็ขึ้นมาถึงชั้นสุดท้ายภายในตัวอาคารหากไม่นับดาดฟ้า

ชั้นห้า มีเพียงความว่างเปล่า ประตูทุกบานปิดไว้ บนนี้มีแค่ห้องของชมรมและหมวดภาษา

เขาหยุดนิ่ง มองตรงไปข้างหน้า ซึมซับบรรยากาศจริงที่ปรากฏต่อสายตา เทียบกับภาพในวันวานและความฝัน แม้สีสันและรายละเอียดผิดแผก แต่โดยรวมแล้วมันแทบไม่ต่างกัน

วสุสูดลมหายใจเข้าลึก ฝ่ามือวางทาบอกตัวเอง สัมผัสได้ถึงจังหวะการเต้นตุบ..ตุบ...ตุบ หนักหน่วงของก้อนเนื้อในนั้น ขณะที่เดินผ่านประตูซึ่งเรียงรายตลอดทางเดินไปทีละบาน

ตรงนี้เป็นห้องภาษาไทย ถัดไปเป็นของภาษาอังกฤษ คั่นกลางด้วยห้องประชุมเล็ก อีกฝั่งเป็นของภาษาจีน ญี่ปุ่น ตรงหัวมุมนั้นเป็นห้องน้ำ เดินไปอีกจะถึงห้องชมรมหมากกระดาน และมุมสุดตรงนั้น...

เขาแหงนมองป้ายหน้าห้อง ใจเต้นแรงขึ้นอีก แล้วจู่ ๆ ก็รู้สึกอยากร้องไห้ออกมา

ชมรมศิลปะ

ก่อนเป็นอย่างไร ตอนนี้ก็เป็นอย่างนั้น

ทุกอย่างไม่เหมือนเดิม แต่มันก็ยังเหมือนเดิม เขาไม่รู้มันเหมือนเดิมตรงไหน แต่ก็ไม่รู้มันต่างออกไปอย่างไร ตัวเองไม่เคยมายืนอยู่ตรงนี้ แต่เขารู้ว่าวสันต์เคย เอกภพชอบวาดรูป แต่วสันต์ไม่ ถึงอย่างนั้นเมื่อย้ายมาอยู่มัธยมในโรงเรียนเดียวกับอีกฝ่าย เจ้าตัวก็ยังเข้าชมรมศิลปะ แบบเดียวกับที่เคยถูกเอกภพชักชวนกึ่งบังคับมาตั้งแต่สมัยประถม เพียงแต่กับชมรมที่นี่นั้นเป็นจากความเต็มใจของวสันต์เอง

เด็กหนุ่มเอื้อมมือจับลูกบิดประตู รู้ทั้งรู้ว่าคงล็อคไว้ แต่ก็ยังลองหมุน เมื่อไม่สามารถเปิดได้จึงยืนค้างอยู่เช่นนั้น เอนศีรษะพิงประตูครู่ใหญ่ ค่อยไล่สายตาไปยังรูปวาดที่ติดไว้บนบอร์ดหน้าห้องแทน

ชื่อเจ้าของผลงานซึ่งเขาไม่คุ้นเรียงรายเป็นแนว ภาพคน ภาพดอกไม้ ภาพทิวทัศน์ ถัดไปริมสุด เป็นโปสเตอร์ใบใหญ่ของชมรมซึ่งมีรายละเอียดเกี่ยวกับนิทรรศการซึ่งผ่านมาเป็นเดือนแล้ว ตั้งแต่เขายังไม่ได้ย้ายมาอยู่ที่นี่ ในนั้นมีตัวอย่างภาพวาดซึ่งถูกดึงมารวม ๆ กับไว้ในโปสเตอร์ขนาดใหญ่ ภาพหนึ่งซึ่งสะดุดสายตาคือ ภาพวาดสีน้ำของต้นไม้ใหญ่ริมสนามหญ้า ส่วนที่ควรเป็นใบกลับแทนที่ด้วยดอกสีเหลืองสดบานสะพรั่ง ห้อยระย้าลงมาเต็มต้น พื้นโดยรอบเต็มไปด้วยกลีบสีเหลืองที่ร่วงหล่น ไกลออกไปด้านหลังเป็นอาคารสีขาวเห็นอยู่ลิบ ๆ

มันคือต้นคูณที่เคยตั้งเด่นอยู่ริมสนามฟุตบอล ต้นที่วสันต์เคยเห็น แต่ตอนนี้มันไม่อยู่แล้ว

วสุวางปลายนิ้วบนโปสเตอร์ แล้วลากไปหยุดอยู่ที่พวงสีเหลืองสดเหล่านั้น ไล่สายตาไปตามเส้นสีอ่อนช้อย กระทั่งเลื่อนมาหยุดอยู่ตรงลายเซ็นผู้วาดที่มุมขวาล่าง ตัวหนังสือเล็กจนต้องยื่นหน้าเข้าไปเพ่งมองใกล้ ๆ แล้วยังเป็นภาพที่พิมพ์ซ้ำขึ้นมาจากของจริงจึงยิ่งมองลำบาก ทว่าหากตั้งใจดูสักหน่อยก็รู้ว่าต้นฉบับภาพนั้นเป็นของใคร เขาเคยเห็นลายเซ็นแบบนี้มาแล้ว เปลี่ยนจากเดิมไปบ้างแต่ก็ยังจำได้ มั่นใจว่าเป็นของคนเดียวกับที่วาดดอกไม้ให้เขา

“..พี่เอก”

เขาพึมพำเสียงอ่อน จ้องมองมันได้เพียงครู่เดียวเท่านั้น ภาพแบบที่เคยเห็นในความฝันหมุนย้อนกลับมา จากนั้นในอกก็หน่วงไปหมด

....คิดถึง..คิดถึง...คิดถึง...

จะทำอย่างไรดี ทั้งที่อยู่ตรงหน้าแล้ว ทำไมยังคิดถึง ทั้งที่ไม่ได้เป็นอะไรกันก็ยังคิดถึง.. เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตกลงแล้วตัวเองต้องการอะไรกันแน่ อยากเป็นคนเก่า? แต่เป็นไม่ได้ อยากเป็นคนใหม่? แต่เป็นไม่ได้อีกเหมือนกัน ไม่เห็นเคยรู้มาก่อนเลยว่าความรักกับความทรมานเป็นสิ่งเดียวกัน

“วสุ!”

เขาสะดุ้ง หันขวับไปยังต้นเสียง

“ภัทร?”

เจ้าของชื่อกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามาใกล้ ทำสีหน้าหน่ายอีกแล้ว

“มาทำอะไรแถวนี้วะ”

“มา..เดินเล่น”

ภัทรพักตร์เอามือยันหน้าผากเขาจนหงายไปข้างหลัง “เดินเล่นบ้าอะไรที่นี่”

“..ก็ยังเดินไม่ทั่วโรงเรียนเลย” เขาแก้ตัวน้ำขุ่น “อยู่มาจนจะปิดเทอมแล้ว”

แวบหนึ่งที่คนฟังมีสีหน้ากังวล แต่วินาทีถัดมากลับทำหน้ายุ่งอย่างเก่า “กลับ”

“หา?”

“กลับไง” อีกฝ่ายย้ำ “เดี๋ยวมอสองก็สอบเสร็จแล้ว”

“แต่ฉัน..”

ภัทรพักตร์หันมามอง ส่งสายตาคล้ายอยากบอกว่าเลือกคำพูดให้ดีล่ะ ไม่งั้นเป็นเรื่อง

“..ฉัน...ว่าจะลองขึ้นไปดู...เอ้อ...”

“ดูอะไร? ขึ้นไปไหน นี่ชั้นห้า ชั้นบนสุดแล้ว”

“ยัง”

“อะไร”

“...ยังมีดาดฟ้า”

“...”

“แป๊บเดียว” วสุพึมพำ “นายไปที่รถก่อนก็ได้ นะ? เดี๋ยวตามไป”

หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง อีกฝ่ายก็ถอนใจเฮือก ยอมอ่อนข้อลงมานิดหน่อย

“อยากขึ้นไปทำอะไร บ่ายอย่างนี้ร้อนจะตายชัก”

“ไป..ดู”

“ดูทำไม”

“..ฉัน”

“เป็นดาดฟ้าที่นายตกลงมาตายในฝันหรือไ—”

คนพูดไม่สามารถต่อได้จนจบ เมื่อเห็นสีหน้าหน้าซีดเผือดของเขา 

“วสุ?”

“...”

“..พูดจริงดิ”

เขาไม่ตอบเรื่องนั้น แต่อ้อมแอ้มความตั้งใจของตัวเองออกมาแทน “...ก็เลยอยากลองไปดู”

“งั้นมันยิ่งไม่ควรไปเปล่าวะไอ้บ้า”

“จะรีบกลับก่อนมอสองสอบเสร็จแน่ ๆ”

ภัทรพักตร์กลอกตา ท่าทางเอือมระอาเขาเต็มที ชั่วขณะที่เขาคิดว่าอีกฝ่ายคงหันหลังกลับ เจ้าตัวก็คว้าแขนเขาไว้ จากนั้นเดินนำไปทางบันไดเสียเอง

“..เอ๋?”

“เอ๋เอ๋อบ้าอะไรอีกล่ะ”

พอโวยอย่างนั้นจบ ก็มาได้ครึ่งทางบนบันไดแล้ว

“ฉันไปคนเดียวก็ได้”

“รู้” อีกฝ่ายตอบแบบเสียมิได้ “แต่ถ้าไม่เฝ้าไว้เดี๋ยวแกเวิ่นเว้ออีก”

“...”

“ขี้เกียจรอ”

“อา..” วสุตอบรับเสียงอ่อย “นั่นสินะ”


แสงจากด้านบนสว่างจ้า ร้อนจัดจนเห็นไอแดดลอยขึ้นเหนือพื้น ขนาดใส่ถุงเท้ายังร้อนจนแทบยืนอยู่นิ่งไม่ได้ มองไปรอบตัวมีเพียงความว่างเปล่า

ภัทรพักตร์ปล่อยแขนเขาแล้ว แต่ยังเดินตามติดอยู่ข้างหลัง ครู่หนึ่งผ่านไป เจ้าตัวก็พึมพำ

“พอใจยัง”

“อีกแป๊บเดียว” เขาว่า มองไปที่สุดขอบเขตของดาดฟ้าฝั่งตรงข้าม เม็ดเหงื่อผุดขึ้นบนลำคอและแผ่นหลัง ขณะขยับขาพาตัวเองเข้าไปใกล้กำแพงสูงประมาณอก มันกั้นระหว่างพื้นดาดฟ้าและความเวิ้งว้างด้านนอก

คนข้างหลังไม่ได้ห้าม ทว่าพอเขาเดินไปใกล้ถึง ฝีเท้ากลับช้าลง กระทั่งกลายเป็นหยุดนิ่ง ห่างจากกำแพงราวสามหรือสี่เมตร แล้วก้าวขาไม่ออกอีกเลย

“วสุ”

“..หะ..หา!?”

“กลับ”

“...”

“ถ้ากลัวก็กลับ”

“..ฉะ..ฉันเปล่า” เขาเถียง แต่ปากกลับสั่น

“หรือถ้าไม่กลัว ก็เดินไปดู แล้วกลับ”

วสุกลั้นหายใจ เหลียวมองอีกฝ่ายที่ยืนจ้องอยู่ด้านหลัง เม้มปากแน่นแล้วตัดสินใจหันกลับไปทางเดิมอีกครั้ง อยากเห็นจากมุมนั้น ริมกำแพงสีขาวซึ่งล้อมรอบพื้นที่สูงสุดของอาคารนี้ไว้

เท้าเขาค่อย ๆ ก้าวไปข้างหน้า หัวใจเต้นรัวจนปวดหนึบ แล้วยังไม่สามารถบังคับลมหายใจให้เป็นปกติได้ อีกสามก้าว...อีกสอง.....อีกหนึ่ง.......และ....

“วสุ!”

เขาสะดุ้ง

“ถ้าอยากเห็น ก็ลืมตา”

เดินมาจนถึงริมกำแพงแล้ว แต่กลับไม่กล้ามองลงไป

“เฮ้ย!”

“รู้แล้ว!” เด็กหนุ่มโพล่งขึ้น ยอมลืมตาในที่สุด

ทิวทัศน์ของโรงเรียนปรากฏอยู่ตรงหน้า อาคารหลังใหม่ โรงจอดรถ โรงคหกรรม สนามฟุตบอล ทางเดิน ต้นไม้ ทั้งหมดอยู่ใต้แดดร้อนระอุ เมฆขาว และฟ้าคราม ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น

เขาลองก้มลงช้า ๆ มองไปยังพื้นด้านล่างด้วยใจหวิว นึกกลัวว่าจะมีภาพซ้อนอะไรขึ้นมาบ้างหรือเปล่า

..แต่ก็ไม่

มือที่ขยำอกเสื้อตัวเองจนเกร็งไปหมดค่อยคลายลง ตอนนั้นเองจึงได้รู้สึก ว่าแรงดึงเบา ๆ ที่คอเสื้อด้านหลังของเขาก็ผ่อนลงเช่นกัน ภัทรพักตร์กำมันเอาไว้ แต่ไม่รู้ว่าตั้งแต่ตอนไหน

“พอใจหรือยัง”

“อา..” วสุพยักหน้าลอย ๆ “พอแล้ว”

ที่นี่ไม่มีอะไร เขาได้ขึ้นมาเห็นกับตาตัวเองแล้ว ถึงจะรู้สึกคุ้น แต่มันล้วนเหมือนกับจุดอื่นในโรงเรียนซึ่งก็คุ้นมันเกือบทั้งหมด เขาคงแค่กลัวจนคิดมากไปเอง

“งั้นลงได้แล้ว ร้อนฉิบหาย”

“อือ”

รับคำแล้วจึงหันกลับ สายตามองตรงไปยังทางที่เดินขึ้นมา ตั้งใจจะก้าวขา แต่แล้วใจกลับเต้นระรัว ผงะถอยหลังไปจนชิดกำแพง

“อึก!”

“อะไรอีกล่ะ?”

“...”

วสุเบิกตากว้าง แววตาไหวระริก แปลบในอกจนหน้านิ่วคิ้วขมวด ภาพนี้เขาเคยเห็น มันเป็นตำแหน่งยืนซึ่งหันหน้าเข้าหาจุดที่ผู้มาใหม่จะขึ้นมา มองคนเหล่านั้นได้จากขอบกำแพงที่แผ่นหลังเขาแนบอยู่ ภาพคุ้นเคยในความทรงจำไม่ใช่จากการมองลงไปยังพื้นเบื้องล่าง แต่เป็นมองย้อนกลับจากจุดนี้ต่างหาก

“วสุ!”

ภัทรพักตร์ร้องเรียก หลังจากเห็นว่าเขาไม่ยอมเดินตามไปสักที เมื่อพยายามขยับตัวไปข้างหน้าอีกครั้ง ร่างกายกลับทรยศด้วยการเอนไปกึ่งยืนกึ่งนั่งพิงกำแพง เนื้อตัวสั่นระริกอย่างไม่สามารถควบคุม

“เป็นไร!?”

เด็กหนุ่มส่ายหน้า แต่ไม่มีเสียงจะตอบ เขาไม่รู้สึกอะไรตอนก้มหน้ามองลงไปหลังกำแพงดาดฟ้า แต่จำภาพในมุมนี้ได้ เป็นเขาเอง...เป็นวสันต์ ที่ยืนหันหลังให้ความว่างเปล่าด้านนอก มองผู้มาใหม่วิ่งขึ้นมาจากบันไดนั้น ในเช้าตรู่ของวันที่ลมแรงจนยืนโงนเงน และทุกคนร้องไห้...ใครกัน...คนเหล่านั้น....

ใครกัน...คนที่มองเขาด้วยสายตาผิดหวัง ทั้งยังเจ็บปวดจนเหมือนจะขาดใจอยู่ตรงหน้า


ใครกันที่เงื้อปืนขึ้นมา เล็งไปยังอีกคนข้างกายเขา อีกคนที่เขารักเหลือเกินเช่นกัน


“...ป๊า...”


เขากระซิบออกมาในที่สุด ขอบตาร้อนผ่าว ทรุดตัวลงไปกองกับพื้น ทั้งที่มันร้อนจนแม้แต่ใช้เท้าเหยียบยังรู้สึกไม่ดี แต่ก็กลัวสิ่งที่เพิ่งนึกขึ้นได้จนยืนไม่ไหว


“....ม้า....สา....สิ.....ตี๋เล็ก...”


เขาเคยมองเห็นทุกคนจากตรงนี้ แล้วยังนึกคำพูดของตัวเองในความฝันออกในที่สุด ..มันคงเป็นคำพูดของวสันต์ที่เกิดขึ้นจริงในอดีตด้วยเช่นกัน


ผมจะทำตามที่ป๊าต้องการทุกอย่าง



..หากผิดคำพูด ขอให้ไม่ตายดี



ก่อนสายลมซึ่งกรรโชกบนที่สูงจะทำเขาเซ และหงายลงไปข้างหลังจากขอบกำแพง ภาพที่เห็นไม่ใช่พื้นเบื้องล่าง แต่เป็นใบหน้าเปื้อนน้ำตาของเอกภพจากด้านบน เขาไม่ได้มองพื้นสักนิด สายตาจับจ้องอยู่กับคนที่ตัวเองรักหมดหัวใจ ปรารถนาเพียงแค่อยากมีชีวิตใหม่อีกครั้งในอ้อมแขนผู้ชายคนนั้น


“...พี่เอก..”


“เฮ้ย! วสุ!”


ภัทรพักตร์กระชากคอเสื้อเขา จากนั้นตะโกนใส่หูอีกครั้ง


“ตื่น! หลับหรือไม่หลับก็ตื่นเดี๋ยวนี้”


“...ภะ...ภัทร..”


“เออสิ!” อีกฝ่ายว่า ดึงแขนเขาให้ลุกขึ้นยืน ทั้งที่นัยน์ตาตัวเองก็เบิกกว้าง หน้าซีดตามกันไปเรียบร้อย “ลง แล้วไม่ต้องขึ้นมาที่นี่อีก จบไปแล้ว ป๊าม้าอาตี๋อะไรของแกก็จบแล้ว ส่วนพี่เอกอยู่ข้างบ้าน”

“...”

“ถ้าจะไปหาก็รีบกลับ!”

เป็นภัทรพักตร์อีกนั่นละที่เรียกสติ

วันสุดท้ายก่อนปิดภาคเรียนของเขาเป็นอย่างนั้นเอง



มีต่อรีพลายถัดไปค่ะ
v
v
v


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-05-2014 21:28:06 โดย RAINYDAY »

ออฟไลน์ RAINYDAY

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1247/-5
    • FB page
บทที่ 8 (ต่อ)





วสุไม่ได้บอกเอกภพเรื่องตัวเองไปที่ดาดฟ้าโรงเรียนมา แต่พวกเขายังคงไปมาหาสู่กันเรื่อย จนกนกกรซึ่งเป็นป้าถึงกับเปรยขึ้นมาในวันหนึ่ง หลังเธอจัดการปิดต้นฉบับหนังสือของตัวเองไปได้อีกเล่ม

“เออ..เจ้าเอกข้างบ้าน จริง ๆ เขาก็น่ารักดีนะ”

“หือ?”

เป็นแพรวพิมพา ลูกสาวคนโตที่หันไปเลิกคิ้วใส่มารดาตัวเอง ส่วนเขากับภัทรพักตร์นั่งเล่นเกมกันอยู่หน้าคอมพิวเตอร์

“นั่นไง” เจ้าบ้านหญิงบุ้ยใบ้ไปยังโต๊ะอาหารอีกมุมหนึ่งของห้อง “เมื่อเช้าเพิ่งเอาขนมมาฝากด้วย เคยคิดว่าเป็นคนเงียบ ๆ ไม่ชอบสุงสิงกับใครแท้ ๆ”

“เขาจะวางยาฆ่ายกครัวเรารึเปล่า” ภัทรพักตร์ขัด “ให้พี่แพรวชิมก่อนเลย”

“ปากเรอะนั่น” พี่สาวสวนทันควัน ผลักน้องชายหัวทิ่มหนึ่งครั้งแล้วเดินไปหยิบดูว่ามีอะไรบนโต๊ะบ้าง “อ๊ะ..เค้กแหละแม่ น่ารักอะ”

“เอ้อ ครั้งก่อนก็มีเค้กนะ อยู่ไหนไม่รู้”

“หนูกินหมดไปแล้วละ” แพรวพิมพายักไหล่ อุ้มถุงไปทางตู้เย็น “อร่อยดีนะคะ ร้านเดิมด้วยไหมนี่ เออ...จริงด้วยสิ ร้านทานตะวัน ร้านประจำเขารึไง เห...มีมาการองด้วยอะ”

“แสดงว่ากินแล้วรอดสินะ” ภัทรพักตร์แทรก “งั้นแบ่งมั่งดิ”

“เงียบเลย” เธอโวย “กินแล้วตาย เพราะงั้นเดี๋ยวพี่กินเอง นายหุบปากไป”

“งกว่ะ” เขาว่า จากนั้นหัวเราะเอิ๊กอ๊าก รัวเมาส์หนูใช้สกิลในเกมไปด้วย “ต้องขอบใจวสุรู้ปะ ไอ้นี่มันซี้กับพี่เอกอะ”

“อ้อ..” กนกกรตีฝ่ามือบนต้นขาตัวเองเบา ๆ “มิน่าล่ะ จริงสิ พอวสุมาอยู่ด้วย เลยเหมือนได้ทั้งลูกชายทั้งเพื่อนบ้านเพิ่มอีกคนเลย”

“หมาอีกตัวด้วยครับ” วสุอ้อมแอ้มถึงดุ๊กดิ๊ก

“กับแมวอีกหนึ่ง” ภัทรพักตร์ช่วยต่อ ปรายตาไปทางไอ้ขาวที่ตอนนี้เข้ามานอนอืดอยู่ใต้โต๊ะคอมพิวเตอร์แล้ว “ตกลงเลี้ยงนะแม่นะ”

“ก็เอาสิ” เธอเออออ หยิบยางวงอันเล็กมาเกี่ยวนิ้ว จะแกล้งยิงใส่แมวแต่พลาดไปโดนน่องลูกชายตัวเอง

“อู้ย! แม่!”

“ฮ่า ๆ ๆ ขอโทษ” เธอยกมือเหมือนปางห้ามญาติ “แม่พลาด”

“พลาดก็ให้พลาดไปโดนวสุดิแม่อะ”

“อ้าว” คราวนี้เจ้าของชื่อท้วงขึ้น “ไหงเป็นฉันล่ะ”

“เออ ๆ งั้นคราวหน้าแม่ยิงทั้งคู่เลย ฮ่า ๆ ๆ” กนกกรหัวเราะชอบใจ งานคราวนี้เสร็จแล้วดูจะอารมณ์ดีผิดปกติ โดยเฉพาะหลังจากได้นอนหลับเต็มตาหลังทำงานหามรุ่งหามค่ำมาหลายคืน “เออนี่ ว่าแต่ไอ้ดำนั่—”

“ไอ้ขาว” ภัทรพักตร์ขัด หันไปพยักพเยิดกับวสุพร้อมรอยยิ้มแบบรู้กัน

“เออ ๆ นั่นแหละ” เธอจิ๊ปากขัดใจลูกชาย “ไอ้ขาว เอามันไปฉีดวัคซีน ไปหาสัตว์แพทย์ก่อน ตัวผู้ด้วย ทำหมันก็ดีนะแม่ว่า”

“แม่พาไปดิ” เขาโบ้ย

“อยากเลี้ยงก็พาไปเองสิ”

“วสุต่างหากที่อยากเลี้ยง”

“อา..นั่นสิ” ผู้ถูกซัดทอดรับคำง่าย ๆ เสียอย่างนั้น “งั้นเดี๋ยวผมพาไปครับ”

“เฮ้ย แกต้องเถียงสิ”

“อ้าว..เหรอ” วสุทำหน้าเหลอหลา “แต่มีคลินิกอยู่อีกซอยนี่เอง พี่เอกบอกว่าถ้าจะเลี้ยงให้พาไปตรวจกับฉีดวัคซีนก่อน..”

“แล้วเขาบอกว่าจะพาไปด้วยรึไง”

“อือ”

“เฮ้ย!” ภัทรพักตร์โวยอีกครั้ง ส่ายหน้าขัดใจ “ช่วยเถียงสักคำเถอะไอ้บ้านี่ ถามจริงถามประชดก็เออออไปหมด”

“..ก็มันจริงนี่นา”

กนกกรฟังแล้วหัวเราะร่า โบกมือให้เด็ก ๆ พลางส่ายหน้าด้วยท่าทางเหมือนผู้มากประสบการณ์ “ใครพาไปก็เหมือนกันแหละ เอ้อ แต่เจ้าเอกนี่น่ารักดีนะ หนังสือเล่มหน้าแม่เขียนเรื่องหมาเรื่องแมวดีกว่า เดี๋ยวไปขอเขาก่อน”

“ใช่เรื่องไหมเนี่ยแม่”

“ใช่สิ!” เธอยืนยัน ลุกขึ้นเดินอาด ๆ ตามลูกสาวไปในครัว จากนั้นสองแม่ลูกก็เงียบไป ไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะมีขนมเหลือมาถึงหนุ่ม ๆ ร่วมบ้านบ้างหรือเปล่า

“เออ..นะ” ภัทรพักตร์หัวเราะแห้ง หันมาถามวสุ “แล้ววันนี้ไง? ไปเล่นบ้านนั้นปะ”

“นึกอยู่”

“ชอบเขาดิ?”

อึ้งไปครู่หนึ่งเลยเชียว และถึงจะหน้าร้อนผ่าว แต่ก็รับคำ “..อือ”

คนฟังเงียบไปพักใหญ่ จากนั้นเอ่ยออกมาเบา ๆ

“เพิ่งรู้ว่าแกเป็นเกย์”

“เพิ่งรู้ตัวเหมือนกัน”

“ไม่ปฏิเสธอะไรเลยเหรอวะเฮ้ย!?” อีกฝ่ายขำ เอาศอกกระทุ้งไหล่เขา

“..ก็เรื่องจริง..” วสุอ้อมแอ้ม ก้มหน้าก้มตามองเท้าตัวเอง ปล่อยอีกฝ่ายตีมอนสเตอร์ในเกมโครมคราม “..เกลียดเกย์ไหม”

ภัทรพักตร์พ่นลมหายใจพรืด “เกลียดก็ไล่ออกจากบ้านแล้ว” ว่าพลางกดหมุนตัว ฟาดมอนสเตอร์ไปอีกหนึ่งฝูง

“..นั่นสิ” ทางนี้ก็เออออห่อหมกไปอีกรอบ

“งั้นไปเลยปะ” คนข้าง ๆ เอ่ยทีเล่นทีจริง

“อ้าว ตกลงคือไล่เหรอ”

“ไปเล่นไง” อีกฝ่ายตอบกลั้วหัวเราะ “วันนี้เขาว่างนี่ เอาไอ้ขาวไปฉีดวัคซีนวันนี้เลยก็ได้ ยิ่งร้อน ๆ เดี๋ยวบ้า”

“ติดเกมเลยขี้เกียจพาไปเองละสิ”

ภัทรพักตร์ยักไหล่ “ก็แกจะเลี้ยงไม่ใช่รึไง”

“นายก็บอกจะเลี้ยงด้วยนี่นา”

“งั้นยกให้”

“อา..” ไม่รู้จะเถียงอะไรต่อ เลยก้มลงเอามือรวบพุงแมวแล้วลากออกมาจากใต้โต๊ะ ร้องเรียกเหมียว ๆ ไปด้วย

แมวอิดออดโก่งค่าตัวเล็กน้อย จากนั้นยอมโดนลากออกมาแต่โดยดี พอโดนอุ้มก็ดีดดิ้นนิด เรียกคะแนนความยากขึ้นอีกหน่อย จากนั้นกรนครืด ๆ อยู่ในอ้อมแขนวสุ หลับพริ้มอย่างเปรมปริ่ม อาจเพราะเมื่อคืนเที่ยวดึก ป้อสาวประสาแมวหนุ่ม ไม่ได้รู้ชะตาชีวิตตัวเองหลังจากนี้เลย

“งั้นไปนะ เดี๋ยวมา”

ภัทรพักตร์พยักหน้า วิ่งลุยเข้าหามอนสเตอร์ ฟาดเรียบไปอีกหนึ่งฝูง


วสุอุ้มแมว เดินดุ่ม ๆ ไปหยุดอยู่หน้ารั้วบ้านเอกภพ ชะเง้ออยู่อึดใจเดียว ยังไม่ทันได้กดออดก็ถูกเห็นเข้าเสียก่อน ชายหนุ่มทำมือเป็นเชิงบอกว่าให้เข้ามาได้เลย ประตูรั้วไม่ได้ล็อค

เขาปล่อยแมวลง จากนั้นเดินลอยชายเข้าไปข้างใน รู้สึกอย่างกับที่นี่เป็นบ้านตัวเองอีกหลัง เอกภพก็คงคิดไม่ต่าง ระยะหลังมานี้จึงปล่อยเขาสำรวจตรงโน้นตรงนี้ทั่วบ้าน แม้แต่ห้องนอนเจ้าตัวก็ยังเคยเห็นมาแล้ว แต่ไม่กล้าแสดงอาการสนอกสนใจ เห็นแค่ผ่าน ๆ ก็ไปชื่นชมบริเวณอื่น ส่วนห้องสีขาวที่เคยเกิดปัญหากันคราวนั้น แม้เอกภพจะไม่ได้ห้าม ทว่าเขารู้สึกว่าตอนนี้ยังไม่ควรไปแตะต้องมันอีก

“พี่เอกกินข้าวยัง” เขาถาม พยายามเอาผ้าชุบน้ำเช็ดเท้าไอ้ขาวเหมือนเป็นทาส มีเอกภพช่วยเกาคางให้แมวเคลิ้มอยู่อีกฝั่ง จะจับอาบน้ำก็ยังไม่กล้า ท่าทางปกติคงไม่ได้อาบมาตั้งแต่เล็ก ๆ

“เรียบร้อยแล้ว” ชายหนุ่มพยักหน้า “เราล่ะ”

“กินแล้วครับ”

“ขนมได้กินด้วยไหม”

“เค้กน่ะหรือครับ?”

“มาการองด้วย” เอกภพขยายเพิ่ม “ร้านอร่อยเลย”

“สงสัยเสร็จพี่แพรวกับป้าแต๋วแล้ว” ว่าพลางหัวเราะ “พี่แพรวดูจะชอบมาก”

“อ้อ แย่งไม่ทันละสิ”

“เลดี้เฟิร์สครับ ภัทรแซวว่าเป็นอะไรขึ้นมาก็สุภาพสตรีนี่แหละไปก่อน”

เอกภพยิ้มละมุน “งั้นเดี๋ยวเอาไปฝากอีก นี่ฝากเจ้าคิมซื้อ พวกสอยมาซะเพียบเลย”

“คิม? พี่คิมน่ะหรือครับ” วสุเลิกคิ้ว “..คนที่มาวันนั้น ปีนรั้วบ้านพี่ด้วย”

“อ้อ เจอกันแล้วนี่นะ” ชายหนุ่มพยักหน้า ปล่อยแมวลงเดินเมื่อเห็นว่าสะอาดแล้ว “รายนั้นชอบปีนรั้ว ประตูก็มีไม่ค่อยเข้าหรอก”

“เขาน่ารักดี”

“ตัวแสบเชียวละ”

“จริงหรือครับ?”

“ไม่เห็นตอนยิ้มเจ้าเล่ห์หรือ” อีกฝ่ายว่า “ฟังวีรกรรมแล้วปวดหัวแทนภพขึ้นมาเชียว”

“ภพ?”

“แฟนเขาไง เคยเห็นผ่าน ๆ เหมือนกันใช่ไหม”

“อ้อ พี่ภพ คนหน้าดุ ๆ นั่น”

เอกภพดูชอบใจกับความเห็นตรงไปตรงมาของเด็กหนุ่ม “ตอนนี้เป็นหมอฟันอยู่โรง’บาลใกล้ ๆ นี่เอง คิมเลยมาเที่ยวบ่อย ฝากซื้อขนมได้ เค้กนั่นก็จากร้านประจำเขาละ”

“คิดถึงเขานะครับ ถ้าได้เจออีกคงดี..” วสุพึมพำ ไม่รู้เหมือนกันว่าคิดถึงในฐานะอะไร ตอนเจอกันครั้งแรกเขานึกไม่ออก แต่ตอนนี้รู้แล้วว่าคิมหันต์กับตี๋เล็กในความทรงจำเขาก็คนเดียวกันนั่นละ เพียงแต่ยังไม่ได้เล่าเรื่องนั้นให้เอกภพฟัง

“อยากเจอไหมล่ะ”

“เอ๋?”

“คงยังขลุกอยู่ที่บ้านพักของสามภพนั่นละ” ชายหนุ่มทำท่าครุ่นคิด “ทางนั้นก็บ่นว่าอยากเจอเหมือนกัน..”

เอกภพเหลือบมองวสุที่นั่งตาแป๋ว อดลังเลอยู่นิดหน่อยไม่ได้ หากพาไปเจอกันเข้าละก็ คิมหันต์ที่โตมาหูไวตาไวอย่างไม่น่าเชื่อ คงต้องจับสังเกตอะไรบางอย่างเกี่ยวกับเด็กคนนี้ได้แน่ ๆ แล้วถ้ารู้เข้าจะดีหรือเปล่า

“อยากครับ”

แต่วสุว่าอย่างนั้น น้ำเสียงกระตือรือร้นมาเชียว

ชายหนุ่มยิ้มอ่อนใจ คิดขึ้นมาได้ว่าเอาเถอะ ดีหรือไม่ดี ให้วสุคิดเองคงเหมาะกว่า

“งั้นไปเลยไหม? เดี๋ยวได้แวะถามสัตว์แพทย์ด้วย ว่าถ้าจะดูเรื่องวัคซีนกับทำหมันแมว จะฝากไว้ให้งดน้ำงดอาหารที่โน่นแล้วทำเลยได้หรือเปล่า”

“งดน้ำงดอาหาร?”

“ใช่สิ” เขามองวสุที่ทำท่าเป๋ออีกแล้ว “จู่ ๆ จะหิ้วไปให้ทำเลยไม่ได้หรอกนะ ต้องเตรียมที่ทางไว้ดูแลต่อช่วงพักฟื้นด้วย”

“อา..” วสุดูจ๋อยไปนิดหน่อย “...แพงไหมนะครับ”

“หือ?”

“คือ..” เด็กหนุ่มอ้อมแอ้ม “..เงินเก็บก็มีอยู่บ้าง แต่ห่วงว่าอาจจะไม่พอ ไม่งั้นอาจต้องเลื่อนไปก่อน”

“ไม่น่าแพงหรอก”

“สักประมาณเท่าไร พี่เอกพอรู้ไหมครับ”

“เอ..” เอกภพทำท่าครุ่นคิด จ้องมองเด็กหนุ่มที่ทำท่าลุ้นไปด้วย จากนั้นรอยยิ้มน้อย ๆ ก็ปรากฏขึ้นตรงมุมปากอย่างกับสมัยตอนยังเป็นวัยรุ่น “ก็สัก..เท่านี้”

ว่าพลางเอานิ้วชี้แตะที่ปากตัวเองเบา ๆ

“...?”

แต่อีกฝ่ายกลับไม่รับมุก ยืนจ้องเขาแล้วเหวอใส่ ทำเอาคนพูดหน้าม้านไปนิดหน่อย

“อา..ช่างเถอะ” เขายกมือตบหน้าผาก ส่วนมืออีกข้างโบกไปมาเหมือนอายตัวเอง “เล่นแบบนี้กับเด็กมันไม่ดีสินะ”

อีกฝ่ายทำหน้าเหมือนเพิ่งนึกออก พลันพวงแก้มก็ขึ้นสีแดงจัด มองกลับมาตาปริบ ๆ

“...จูบ..หรือครับ?”

ทั้งที่แสดงออกไปอย่างอ้อม ๆ แต่เด็กคนนี้ช่างตรงดิ่งเป็นไม้บรรทัดเสียจริง

“...ผมจูบพี่เอกได้ใช่ไหมครับ?”

คราวนี้เอกภพเป็นฝ่ายแปลกใจเองแล้ว เขาต่างหากไม่ใช่หรือที่ควรถามแบบนี้

“..แล้วทำไมถึงจะไม่ได้ล่ะ?” ชายหนุ่มเอ่ยงง ๆ  “เอ้อ...แต่ไม่ได้หมายความว่าจะให้เอาตัวมาแลกเพื่อเป็นค่าดูแลแมวหรอกนะ พี่ก็พูดเล่นไปงั้น ยังไงก็จะดูให้อยู่แล้—”

ทว่ายังพูดไม่ทันจบ เด็กหนุ่มกลับเขย่งบนปลายเท้า พร้อมกับเอื้อมมือมาโน้มคอเขาเบา ๆ ก่อนริมฝีปากนุ่มนิ่มจะแนบเข้ามาจนสนิท แช่อยู่ครู่หนึ่งเหมือนไม่รู้จะทำอย่างไรต่อดี แถมยังหลับตาปี๋ทั้งที่เป็นคนเริ่มจูบเองเสียด้วย

เอกภพรอดูว่าจะเป็นอย่างไรต่อ แต่เวลาผ่านไปอีกฝ่ายก็ยังทำตัวไม่ถูก จนวสุตัดสินใจว่าถอยดีกว่านั่นละ เขาจึงได้ยกมือขึ้นประคองสองข้างแก้มของเด็กหนุ่ม รั้งไว้ไม่ให้ขยับหนี จากนั้นค่อยละเลียดชิมริมฝีปากเล็ก ๆ นั้นทีละน้อย รุกล้ำไปเรื่อยจนเลยจากที่คิดไว้แต่แรกมาไกลโข กว่าจะแยกจากกันอีกครั้ง ปากชมพูเรื่อตอนแรกก็กลายเป็นสีแดงสด ส่วนเจ้าของปากยืนทำหน้าเลิ่กลั่กจนน่าเอ็นดู

“ถ้ามีคราวหน้า จะจูบแบบนี้นะ”

เขากระเซ้า เห็นแก้มแดงจัดแล้วก็อดไม่ได้จะฝังจมูกลงไปอีกครั้ง เจ้าตัวหดคอหนีตั้งแต่กดลงไปได้หน่อยเดียว เหลือกลิ่นสบู่จาง ๆ ติดอยู่ตรงปลายจมูก กับใบหน้าที่แดงเรื่อใบถึงหู

เด็กหนุ่มก้มหน้า อ้อมแอ้มไปเรื่อย “...ทางผมก็...ที่จูบไม่ใช่เพราะอยากจะใช้เป็นค่าดูแลแมวหรอกนะครับ แต่เป็นเพราะ...ชะ...ชอบพี่.."

ประโยคท้ายแผ่วราวเสียงกระซิบ ใจเขาเต้นแรงจนแน่นหน้าอกเมื่อได้ยินเช่นนั้น

"...ว่าแต่..จูบแบบแตะเฉย ๆ ไม่ได้หรือครับ”

ชายหนุ่มหัวเราะกับบรรยากาศที่เหมือนจะเปลี่ยนไปทันที ไม่ยอมตอบคำถามเด็ก แต่หันไปพูดเรื่องอื่นแทน

“เอาละ ไปกัน” เขาเอ่ยชวน วางมือบนศีรษะอีกฝ่ายแล้วยีเบา ๆ “ไปบอกป้ากับลูกพี่ลูกน้องก่อนไหม เขาจะได้ไม่เป็นห่วง ระหว่างนั้นเดี๋ยวพี่หาตะกร้าแบบมีฝาปิดให้ขาวด้วย”

วสุดูเหมือนยังไม่หายเขิน แต่ก็พยักหน้าน้อย ๆ เหลือบมองแมวตัวเองแวบหนึ่ง ก่อนจะขอตัวไปบอกป้าก่อน เหลือเขาอยู่ลำพังในบ้าน (หากนับเฉพาะมนุษย์) ยกมือขึ้นแตะริมฝีปากตัวเอง รู้สึกได้ว่ามันยังอุ่นอยู่เลย ในอกก็อุ่นด้วยเหมือนกัน พอคิดอย่างนั้นแล้วก็อดไม่ได้จะคลี่ยิ้มออกมา ห่างเหินความรู้สึกแบบนี้มานานเท่าไรแล้วนะ

ชายหนุ่มยืนยิ้มค้างกับตัวเองอยู่ครู่ใหญ่ แต่พอเหลียวไปเห็นสายตาทั้งแมวหมาที่พากันมองมาโดยมิได้นัดหมาย ก็ถึงกับต้องโบกมือไปมาอย่างหมดมาด ดุ๊กดิ๊กทำตาใส แลบลิ้นแหะ ส่วนแมวดำดูหน้าเหวี่ยงขึ้นแบบไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า

“มองอะไรกันเล่าเจ้าพวกนี้!”

ระแวงกระทั่งสายตาสัตว์เลี้ยง เอกภพคิดว่าตัวเองเริ่มอาการหนักแล้วจริง ๆ

เขาเดินผ่านพวกมันไป ทำเป็นไม่สนใจสายตาสอดรู้สอดเห็นสองคู่ รื้อหาตะกร้าแบบมีฝาปิด คุ้นว่าเคยมีอยู่ใบหนึ่งในบ้าน น่าจะอยู่ในห้องเก็บของ หลังจากค้นอยู่ครู่หนึ่งก็ได้มาไว้ในมือ สภาพยังดีทีเดียว ฝุ่นเกาะนิดหน่อย แต่ปัด ๆ เอาก็ใช้ได้ เหลือแค่หิ้วเป้าหมายลงภาชนะ ตั้งใจว่ารอวสุมาก่อนค่อยอุ้มใส่ตะกร้า

ไม่นานนัก เด็กหนุ่มก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งกลับมา ยิ้มร่าแล้วบอกว่าโอเคแล้ว เดินไปร้องเหมียว ๆ เรียกแมวดำที่เอาแต่ซุกอยู่ใต้ตู้ ราวกับสัมผัสได้ถึงลางไม่ดี

“ขาว” เด็กหนุ่มร้องเรียก ยื่นมือเข้าไปหา ทว่าไม่เป็นผลสำเร็จ “ไม่ออกมาจริงหรือ”

แมวเบือนหน้าหนีอย่างทระนงตน ไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม เรียกเหมียวแบบโง่ ๆ แค่นั้นคิดว่าจะหลงกลหรือ คลินิกกับอะไรหมัน ๆ ดูเป็นเรื่องไม่ดีเลย ขนที่หางแมวลุกชันไปหมด

“เหมียว ๆ ๆ”

หึ!

เสียงกรอบแกรบดังขึ้นจากกระเป๋าเด็กหน้าง่วง จากนั้นตามด้วยกลิ่นคุ้น ๆ

ขาวทำจมูกฟุดฟิด ขนหางหยุดการเตือนภัยชั่วคราว ยื่นหน้าเข้าหาเส้นเหลือง ๆ ซึ่งถูกยื่นเข้ามาจ่อใต้ปลายจมูก จากนั้นลองงับดูเบา ๆ ทั้งกลิ่นและรสมันใช่!

ปลาเส้น...อา...เจ้าทาสเด็กช่างรู้ใจแมวนัก

แมวดำเล็มปลาเส้นไปเรื่อย ขณะที่มือวสุก็ห่างออกไปทีละน้อยจนต้องขยับตาม ใช้ปลาเส้นเพียงไม่กี่อัน แมวดำก็มุดออกมาจากใต้ตู้ มีดุ๊กดิ๊กและเจ้านายของมันมองวสุอย่างนึกทึ่งนิดหน่อย

ดุ๊กดิ๊กฟาดหางตุบ..ตุบ เบา ๆ บนพื้น นั่งเป็นกำลังใจให้ขาว มันรู้ดีว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นกับเจ้าแมว เพราะมันเคยผ่านมาแล้ว หลังจากนายพูดอะไรเกี่ยวกับคลินิกและการทำหมันนั่นละ แต่ดูเหมือนขาวยังไม่รู้..ซึ่งมันคิดว่าอย่าเพิ่งรู้อาจจะดีกว่า

วสุอุ้มแมวซึ่งยังเคี้ยวปลาเส้นหงับ ๆ อยู่ในปาก จากนั้นหย่อนลงตะกร้าเบามือ โปรยเส้นเหลือง ๆ นั้นลงไปอีกหน่อยให้แมวตายใจ จากนั้นปิดตะกร้าฉึบ ก่อนนายจะพาเดินออกไป เรียกดุ๊กดิ๊กตามไปอยู่บ้านหมาด้านนอกด้วย ลูบหัวมันแปะ ๆ บอกว่าฝากดูแลบ้านแทนนายหน่อย

มันกระดิกหางรับ จากนั้นหันไปเอาหัวดันขาวสุเบา ๆ นับเด็กคนนี้เป็นนายน้อยของตัวเองอีกคน วสุก็ใจดี นอกจากเกาหัวเกาหูให้แล้ว ยังเลื่อนมาเกาคางให้ด้วย แถมวันนี้ยิ้มแฉ่งแก้มแดง ไม่ร้องไห้เหมือนตอนเจอกันใหม่ ๆ แล้ว นายดูชอบใจเมื่อเห็นวสุยิ้ม ดุ๊กดิ๊กก็ชอบใจเช่นกัน

นายรักวสุ ดุ๊กดิ๊กจึงรักวสุ

และวสุรักขาว ดุ๊กดิ๊กจึงต้องรักขาวด้วยอีกตัว เงื่อนไขของมันเข้าใจง่าย แต่ทำไมขาวไม่ค่อยเข้าใจเลย

สองคนและหนึ่งตัวขึ้นรถไปแล้ว ดุ๊กดิ๊กมองตาม ยืนส่งตั้งแต่พาหนะนั้นเคลื่อนตัวออกจากบ้าน จนเสียงเครื่องยนต์หายไปจากหู ภาพรถลับไปจากสายตา เหลือมันนั่งทับยอดหญ้าซึ่งเพิ่งงอก ดินแน่นขนาดนี้ แต่หลังนายตัดแต่งพุ่มไม้ที่แน่นครึ้มออกแล้วก็ยังอุตส่าห์แทงยอดขึ้นมาได้ นั่งทับแค่นี้คงไม่ตายหรอก ก้นจะได้ไม่เปื้อนดิน กลับมาขาวได้ไม่ขู่ฟ่อ รอจนเจอกันอีกรอบเถอะ เจ้าแมวเข้าใจยาก

ใช่แล้ว มันเออออกับตัวเองและยอดหญ้า แม้ตอนนี้ขาวจะไม่เข้าใจ แถมนายกับวสุก็ยังดูงง ๆ แต่หลังทำหมันแล้วเดี๋ยวขาวอาจเข้าใจขึ้นมาเอง แล้ววสุที่รักขาวก็คงเข้าใจ นายที่รักวสุอีกทีก็จะเข้าใจไปด้วย

ว่าแต่มันเกี่ยวกันไหมนะ?


อันนี้ดุ๊กดิ๊กก็ไม่ค่อยเข้าใจ





โปรดติดตามตอนต่อไป






เบา ๆ นะคะ มุ้งมิ้งกันบ้างเนอะ หน่วงจัดแล้วเหนื่อย  TwT


นอกจากแมวหมาขโมยซีนแล้ว ลูกพี่ลูกน้องก็ยังขโมยซีนด้วยค่ะ ฮา เขียนไปเขียนมาก็รู้สึกว่าภัทรพักตร์นี่น่ารักดีเหมือนกันนะ เอ... 5555

อ่านคอมเม้นต์ สำหรับที่มีข้อสงสัยว่าวสันต์กับพี่เอกเป็นอย่างไร ถ้าอยากรู้มากขึ้น สามารถอ่านได้จากตอนพิเศษข้างล่างนี้นะคะ แทรกอยู่ในเรื่องเล่ห์รักฤดูร้อน แต่สามารถอ่านแยกเฉพาะลิ้งค์ที่จะแปะต่อไปนี้ได้ค่ะ เรียงลำดับตามนี้ได้เลย


พักยก 49.5 : Till The Spring Comes >> http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35616.msg2449280#msg2449280

พักยก 63.5 : ภาพทับซ้อน >> http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35616.msg2594423#msg2594423

และโดจินสั้น ๆ อันนี้ : 7 o' clock >> http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35616.msg2581653#msg2581653/

ก็อาจจะได้เห็นอีกมุมค่ะ ^^
อนึ่ง ขอบคุณท่านที่ช่วยตอบให้ด้วยค่ะ *กอด* เรากลัวไม่เห็นเลยขออนุญาตช่วยตอบอีกคนนะคะ


พบกันบทหน้า แต่ช้าก่อน มีของแถมรีพลายถัดไปค่ะ ^^


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-05-2014 16:27:57 โดย RAINYDAY »

ออฟไลน์ RAINYDAY

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1247/-5
    • FB page
ดูเดิ้ลตอนที่แล้วค่ะ




ซ้ายวสันต์ ขวาวสุ อย่างไรดีคะพี่เอก (ฮา)





ส่วนอันนี้ ตัวขโมยซีนสุดค่ะ พระเอกนายเอกแท้จริงของเรื่อง ไม่เชื่อดูชื่อเรื่องค่ะ (...เดี๋ยวนะ) 555

"ขาว มาเล่นกันเถอะ"





พระเอกทำหมันเมื่อนานมาแล้ว และนายเอกกำลังจะโดนจับทำหมันค่ะ 5555


พบกันตอนหน้านะคะ *รวบกอด* ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมเยือนค่ะ ^o^
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-05-2014 20:38:46 โดย RAINYDAY »

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16

ออฟไลน์ corn_rain

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 170
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
คือเข้าใจมาทั้งตอน จนมาถึงดุ๊กดิ๊กนี่แหละ
อาร้ายยยยย บ่นไม่รุเรื่อง
ชอบรูปขาวกะดุ๊กดิ๊กอ่ะ น่าฟัดมากกกก

ออฟไลน์ misso

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
อมยิ้มมาทั้งเรื่อง วสุดูน่ารักแบบมึนๆงงๆดีนะคะ  มาฮาเอารูปท้ายนี่แหละ พระเอกนายเอกของเรื่องจริงๆด้วย ออกทุกตอน :laugh: :-[

ชอบภัทรค่ะ น่ารัก เข้าใจวสุดี หาคู่ให้ภัทรด้วยเลยดีมั้ย

ออฟไลน์ ceylon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 389
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ขาวน่ารักอ่ะ ดุ๊กดิ๊กก็น่ารัก งื้ออออ 5555
แอบลุ้นให้ภัทรพักตร์มีคู่นะ เพราะภัทรพักตร์น่ารัก
วสุก็น่ารัก พี่เอกก็(เกือบ)น่ารัก
สรุปเรื่องนี้น่า'รัก'ทั้งเรื่อง /เขินน
วสุ วสุ วสุ เดินต่อไปนะ เดินต่อไป
ขอบคุณค่าคนเขียน รอตอนต่อไปนะๆ เป็นกำลังใจให้

 :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ GintoniC

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 829
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-0
ชอบวสุจัง มุ้งมิ้ง ฟุ้งฟิ้ง โอ๊ยยยยยย น่าขบ  :ling1:

ออฟไลน์ kinjikung

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-8
วสุน่ารัก พี่เอกรีบรักน้องให้ไวเลย

เหนือฟ้ายังมีจักรวาล

  • บุคคลทั่วไป
อยากฟัดหมา ตอนนี้ฟุ้งฟิ้งสุดอ่ะ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
มันก็ยาวประมาณนี้ตลอดแต่ตอนนี้อ่านแล้วรู้สึกว่าทำไมมันสั้นจังเลยอะ ไม่พออยากอ่านอีก
เป็นตอนที่อ่านแล้วมีความสุขมากเลย บรรยากาศหวานๆถึงจะหนักๆ เจ็บๆในช่วงแรกก็เถอะ ปิดท้ายด้วยความน่ารักของดุกด๊กและขาวตัวเอกของเรื่อง

ออฟไลน์ MK

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-4
ก็เด็กมันน่ารักกกกกกกกกกก  :hao7: 

ออฟไลน์ LiqueuR

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 72
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
น่ารักมุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้ง

ชอบขาวอะ ๕๕

ออฟไลน์ Zelsy

  • เพราะ "รัก" คำเดียวเท่านั้น
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-2
โธ่ เจ้าขาว โชคดีนะ :hao7:

ต๊ายยย พี่เอกชักจะเอาเปรียบ :-[

ออฟไลน์ hoshinokoe

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1042
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
 :katai2-1:ชอบดุ๊กดิ๊กที่สุด 555555

ออฟไลน์ EoBen

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3322
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-6
คิดถึงเล่ห์รักฤดูร้อน ตอนพี่เอกแล้วน้ำตาไหลพรากๆ ตอนนี้สถานะการโอเคขึ้นเยอะเลย พี่เอกก้คงคลายความเหงาไปได้บ้าง ถึงจะมองเป้นภาพทับซ้อนบ้างก็เถอะ ต่อไปเจอคิมแระ คิดถึงตี๋คิม

ออฟไลน์ The_Dark_lady

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
 :hao7:
พี่เอกกะหลอกเด็กแต่เด็กดันเอาจริง
(กำไรใคร...ตอบ?)
โกลเด้นดุ๊กดิ๊กกับแมวดำชื่อขาวนี่
ขโมยซีนสุดละ
อาจจะมีโอกาสที่ ภพคิม มาจอยในเรื่องใช่ไหม

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด